การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ไม่ทราบว่า เรื่องที่มีปลาลอยขึ้นมาตาย บริเวณกึ่งกลางแหลมเส็ดตะกวดประเทศไทย(ระนอง)กับเกาะเหล็กประเทศพม่า เรื่องน้ำทะเลร้อนขึ้นน่ะค่ะ (ข่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม 53) ไม่ทราบว่ามีข่าวอัพเดทบ้างไหมคะ อยากทราบเพิ่มเติมค่ะ
     
  2. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    พยายามหาข่าวเรื่องนี้ดู (ปลาตาย) แต่ไม่มีเลยค่ะ ด้วยความสงสัยส่วนตัว จึงได้ไปโพสต์ไว้ในเว๊บบอร์ดของกรมทรัพยฯ ถ้ามีความคืบหน้าจะมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
     
  3. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ดูทีวีออนไลน์ ข่าว - เปิดปม : ทะเลเดือด (19 ก.ค.53) - ดูทีวีออนไลน์
     
  4. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณ คุณ Kongp มากๆค่ะ
     
  5. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เมื่อวานนี้ ฝนตก ลมแรงมากๆ เทียบพายุได้เลยครับ

    แต่สุนัขแถวบ้านผม มันชอบ ออกมาตากฝน หางกระดิกๆ

    เวลาร้อน มันชอบหลบแดดใต้ร่มไม้ แต่เวลาฝนตก มันชอบมันนอนอาบสายฝน กัน สงสัยมันก็ร้อนเป็นเหมือนกัน

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5804.jpg
      IMG_5804.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.5 KB
      เปิดดู:
      1,118
    • IMG_5808.jpg
      IMG_5808.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.2 KB
      เปิดดู:
      1,112
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    .........................................
     
  7. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    อนุโมทนาที่ไว้ชีวิตปู เพาะพันธุ์เพื่อศึกษา

    ย่อมได้สิ่งดีตอบแทน มากกว่านำไปบริโภค
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ..........................................
     
  9. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    วันก่อนมดขนไข่ครับ เยอะมาก เต็มฝาบ้านไปหมด
    ลองสังเกตดู ถ้าน้ำไม่ท่วมรังมันก็จะขนไข่กลับที่เดิมครับ
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791


    [​IMG]

    AP Photo
    This Sept. 7, 2010 picture provided by the U.S. Geological Survey shows a walrus calf looking out from the group at the beach line near Point Lay, Alaska. Tens of thousands of walruses have come ashore in northwest Alaska because the sea ice they normally rest on has melted. Federal scientists say this massive move to shore by walruses is unusual in the United States.


    Read more: Melting sea ice forces walruses ashore in Alaska - Health/Science - NewsObserver.com

    [​IMG]

    WASHINGTON -- Tens of thousands of walruses have come ashore in northwest Alaska because the sea ice they normally rest on has melted.
    Federal scientists say this massive move to shore by walruses is unusual in the United States. But it has happened at least twice before, in 2007 and 2009. In those years Arctic sea ice also was at or near record low levels.
    The population of walruses stretches "for one mile or more. This is just packed shoulder-to-shoulder," U.S. Geological Survey biologist Anthony Fischbach said in a telephone interview from Alaska. He estimated their number at tens of thousands.



    Read more: Melting sea ice forces walruses ashore in Alaska - Health/Science - NewsObserver.com



     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีข่าวงูขนาดใหญ่ยาว5เมตรหลุดในเขตกรุงเทพครับ เมื่อสามสี่วันก่อน ขนาดประมาณ อนาคอนด้า

    เป็นเรื่องที่ ต้องระวังหากงูหรือสัตว์ใต้ดินออกมาสู่พื้นที่แจ้งมาก

    มักเป็นสัญญานเรื่องแผ่นดินไหว หรือเพื่อหนีน้ำท่วมครับ
     
  12. 1535

    1535 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +2,105
    ซากปลาวาฬหายากเกยตื้นที่ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่มา Ocean Beach Whale Likely an Endangered Species - San Francisco News - The Snitch
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    .....................................
     
  14. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผู้เชี่ยวชาญเปิดโต๊ะถกด่วน ตัวเรือดระบาดหนักในสหรัฐฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 กันยายน 2553 18:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ปัญหาตัวเรือดระบาดอย่างหนักในสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ต้องเปิดโต๊ะประชุมด่วนที่นครชิคาโก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐอเมริกา ที่มีตัวเรือดระบาดหนักที่สุด

    ตลอดสัปดาห์นี้ผู้เชี่ยวชาญ จะหารือกันถึงวิธีป้องกัน และกำจัดตัวเรือดให้หมดไป ซึ่งในทางปฏิบัติจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การระบาดของตัวเรือด ทำให้ร้านจำหน่ายรองเท้า และเสื้อผ้ากีฬาในนครนิวยอร์กถึงกับต้องปิดร้าน หลังจากมีลูกค้าถูกตัวเรือดกัดภายในร้าน

    โดยข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมไว้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า ตัวเรือดเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังทานทนต่อสารเคมีที่ใช้กำจัดพวกมัน

    ที่สำคัญแหล่งระบาดของตัวเรือดส่วนใหญ่ อยู่ในโรงภาพยนตร์ สำนักงาน อาคารร้านค้า และเขตก่อสร้าง ไปจนถึงโรงแรมหรู


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผวาแมลงดูดเลือด แพร่พันธุ์เร็ว ฮานอย-โฮจิมินห์ ป่วน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 กันยายน 2553 05:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]

    แมลงปีกแข็งชนิดนี้มีอยู่ในธรรมชาติ มีขนาด 1-2 ซม. แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดเพราะเหตุใดจึงอพยพออกจากป่า เข้าไปหาอาหารในเมืองใหญ่ซึ่งก็คือ เลือดสดๆ ของมนุษย์ เมื่อกัดจะปล่อยกรดชนิดหนึ่งออกมา ทำให้แผลบวมอักเสบ เหยื่อที่ถูกกัดจะเป็นไข้ หลายรายถึงกับนอนซม

    ในวันอังคาร (21 ก.ย.) ชาวบ้านในเขตอำเภอที่ 3 นครโฮจิมินห์จำนวนมากได้โทรศัพท์ไปยังสถานีตำรวจใกล้บ้าน ให้ไปตรวจที่บ้านของตนหลังพบแมลงที่ต้องสงสัย ขณะที่ในกรุงฮานอยราษฎรในหลายท้องที่ได้ค้นพบ และทำลายแมลงชนิดนี้ไปแล้วประมาณ 1,000 ตัว

    ในโฮจิมินห์เจ้าหน้าที่ได้พบแมลงดูดเลือดหลายตัว ในท่อน้ำทิ้งที่บ้านของราษฎรครอบครัว หนึ่งที่ถนนเลวันสี (Le Van Sy) ในท้องที่อำเภอ 3 ต่อมาก็ได้พบในห้องนอนของอีกครอบครัวหนึ่งบนถนนสายเดียวกัน ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบแมลงดูดเลือดในนครโฮจิมินห์ ช่วงสุดสัปดาห์ ราษฎรในท้องที่อำเภอที่ 5 ครอบครัวหนึ่งได้โทรศัพท์แจ้งหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi) เจ้าของบ้านได้ตีแมลงจนตายและเก็บไว้ในถึงปลาสติกเพื่อเป็นหลักฐาน

    ยังมีผู้พบแมลงที่น่าสะพรึงกลัวนี้ในเขตอำเภอ 12 จำนวนกว่า 10 ตัว เกาะอยู่บนกิ่งไม้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังที่เกิดเหตุและพยายามไล่ตี แมลงได้บินหนี

    มีราษฎรอีกหลายครอบครัวที่ถนนเติ่นฝูแท็งเอี๋ยน (Tan Phu Thanh Yen) ในท้องที่อำเภอ12 ในย่านอานเหียบ (An Hiep) อ.บี่งแจ๋ง (Binh Chanh) อ.ถูดึก (Thu Duc) พบแมลงชนิดนี้และโทรศัพท์แจ้งตำรวจ โดยเชื่อว่า แมลงยังคงหลบอยู่ตามซอกภายในบริเวณบ้าน

    เรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว เมื่อนายเลแท็งบี่ง (Le Thanh Binh) ราษฎรในเขตอำเภอ 12 ถูกแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่งกัดและทราบในภายหลังว่า เป็นแมลงดูดเลือดที่กำลังเป็นข่าว เจ้าตัวถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังจากนอนซมด้วยพิษไข้ และแผลที่ถูกกัดบวมเป่งขึ้นมา แพทย์ต้องรักษาอยู่ 2 วัน

    ชาวโฮจิมินห์ในย่านรอบนอกถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผวาว่าแมลงดูดเลือดจะคืบคลานเข้าไปในบ้านในยามค่ำคืน หลายครอบครัวต้องลงทุนอุดช่องโหว่ทุกช่อง จนแน่ใจว่าแมลงดูดเลือดจะไม่สามารถเข้าไปในห้องนอนของสมาชิกในครอบครัวได้

    นพ.เหวียนดั๊กเถาะ (Nguyen Dac Tho) รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันทางการแพทย์ โฮจิมินห์ ได้เตือนมิให้ชาวเมืองพากันตื่นตระหนกจนเกินควร และแยกแยะให้ออกว่า แมลงปีกแข็งที่พบเป็นเพียงแมลงธรรมดาที่อาศัยอยู่ตามท่อระบายน้ำหรือเป็นแมลงดูดเลือด เนื่องจากลักษณะคล้ายกันมา

    นายแพทย์ผู้นี้ได้แนะนำให้ประชาชนแจ้งให้ทางการทราบหากพบเห็นแมลงต้องสงสัย และหลีกเลี่ยงมิให้ถูกกัด

    ยังไม่มีทราบว่า แมลงร้ายไปปรากฏตัวในนครโฮจิมินห์ได้อย่างไร

    ส่วนในกรุงฮานอยพบเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีนี้ แต่ต่อมาได้หายตัวไป ก่อนจะเริ่มพบเห็นอีกในเดือน มิ.ย.และมีผู้ถูกกัด จนถึงปัจจุบันมีการจับ และเผาทำลายแมลงดูดเลือดไปกว่า 1,000 ตัว ทั้งนี้เป็นตัวเลขของตำรวจ

    นพ.เจืองซวนเลิม (Truong Xuan Lam) ผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรชีววิทยาและนิเวศวิทยา ได้ร่วมกับอีกหลายคนทำการวิจัยเรื่องนี้ ได้พบว่าแมลงปีกแข็งชนิดนี้ไม่ได้กัดเพื่อดูดเลือดของคนเสียทั้งหมด พวกที่กินเลือดมีประมาณ 60-70% เท่านั้น

    “มีราษฎรหลายคนที่นี่ (ฮานอย) มีแผลบวมโดยไม่ได้สังเกตและไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีข่าวเกี่ยวกับแมลงชนิดนี้ออกมา จึงเกิดตื่นตระหนก และเชื่อว่าตนเคยถูกกัด”

    ผู้เชี่ยวชาญกีฏวิทยา กล่าวว่า แมลงปีกแข็งชนิดนี้พื้นเพเดิมอยู่ในธรรมชาติ ในป่าแถบ จ.เหงะอาน (Nge An) ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของผู้ที่เดินป่า ซึ่งต้องคอยเฝ้าระวังเช่นเดียวกับระวังพวกทากที่คอยดูดเลือด แต่ยังไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดแมลงชนิดนี้จึงออกจากป่า เข้าอาศัยในตัวเมือง

    แมลงมหาภัยมักออกปฏิบัติการในยามค่ำคืน และจู่โจมในยามที่เหยื่อกำลังหลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตือนให้ระวังบุตรหลานที่ยังเล็กอยู่เป็นพิเศษ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สยอง! “ค้างคาวดูดเลือด” คร่าชีวิตเด็กเปรู 5 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 กันยายน 2553 08:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี - กระทรวงสาธารณสุขเปรูเผยวานนี้ (22) เด็กอย่างน้อย 5 คนที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของป่าอะเมซอน ถูกค้างคาวดูดเลือดซึ่งมีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัดจนเสียชีวิต

    เหยื่อทั้ง 5 รายซึ่งมีอายุระหว่าง 5-10 ปี เป็นสมาชิกเผ่าอวาจุนและวามพิส ซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตจังหวัดคอนดอร์กันกีใกล้พรมแดมเอกวาดอร์ ห่างจากกรุงลิมาไปทางเหนือประมาณ 1,000 กิโลเมตร

    เฟอร์นันโด บอร์คาส แพทย์จากสำนักงานสาธารณสุขในเมืองชาชาโปยาสกล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้าได้ระบาดในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

    หน่วยงานสาธารณสุขต่างส่งเจ้าหน้าที่ลงไปฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในหมู่บ้านที่อยู่ในป่าห่างไกล แต่เนื่องจากต้องใช้เรือเดินทางถึง 15 ชั่วโมง เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจึงมักสายไปแล้ว

    ทั้งสองหมู่บ้านรายงานว่า ปีนี้มีผู้ถูกค้างคาวดูดเลือดกัดถึง 3,500 คน

    “ค้างคาวประเภทนี้หากินกลางคืน เมื่อมันหาเหยื่อที่เป็นสัตว์ใหญ่ไม่ได้ จึงหันมาโจมตีมนุษย์ที่ไม่มีทางต่อสู้” บอร์คาส อธิบาย

    เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีเด็กและผู้ใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าวเสียชีวิตจากการถูกค้างคาวกัดแล้ว 20 คนในปีนี้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ชาวบ้านแห่ดู “ปลาตีน” บางปะกง สุดเชื่องชอบเล่นกับคน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 กันยายน 2553 15:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านแห่ดูปลาตีนปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง หลังพบพฤติกรรมแปลกสุดเชื่อง มีลำตัวขนาดใหญ่กว่าที่เคยพบเห็นได้ทั่วไป

    พร้อมชอบคืบคลานขึ้นมาบนบก หลอกล่อเล่นกับผู้คน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ส่วนใหญ่จะชื่นชอบต่อพฤติกรรมประหลาดดังกล่าวเป็นอย่างมาก

    ขณะที่ผู้ดูแลพื้นที่ระบุ สิ่งผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่ผู้คนไม่เข้าไปทำร้าย และเบียดเบียนซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นความคุ้นเคย

    วันนี้ (23 ก.ย.) ที่บริเวณใกล้กับท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม (ศาลเจ้าแม่ทับทิม) อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

    ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผย จาก นายปรีชา สุวรรณ อายุ 64 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.1 ต.ท่าข้าม ว่า

    ขณะนี้ได้มีชาวบ้าน และนักท่องเที่ยว ต่างพากันสนใจ เดินทางแห่มาดูปลากระจัง หรือ ปลาตีน ที่บริเวณพื้นที่ใกล้กับปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง เป็นจำนวนมาก

    หลังจากนักท่องเที่ยวที่เคยเข้ามาท่องเที่ยวชมโลมา ที่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกงแห่งนี้ ได้มาพบเห็นกับปลาตีนประหลาด ที่มีขนาดลำตัวใหญ่กว่าปลาตีนทั่วไป และมีนิสัยเชื่องคุ้นเคยกับมนุษย์

    จนสามารถเข้าใกล้ได้ในระยะประชิดตัว และได้นำไปเผยแพร่ บอกต่อกันไปให้พากันมาเที่ยวชมในความแปลกประหลาดดังกล่าวของปลาตีนฝูงนี้

    โดยเป็นปลาตีนที่มีอุปนิสัยผิดปกติไปจากปลาตีนทั่วไป ที่เข้ามาอยู่อาศัยใกล้กับคน บริเวณแนวป่าชายเลน และตามใต้ถุนบ้านเรือนพักอาศัยของชาวบ้าน

    ซึ่งสามารถพบเห็นได้โดยตลอด จนกลายเป็นเรื่องปกติ โดยที่ตนและชาวบ้านนั้นส่วนใหญ่จะไม่เข้าไปทำร้ายมัน และปล่อยให้เข้ามาอยู่อาศัยร่วมกับคนภายในบริเวณบ้านได้

    โดยเฉพาะใต้ถุนบ้านที่มีสภาพชื้นแฉะ และน้ำทะเลขึ้นถึง เมื่อมีเศษอาหารตกหล่นลงไปยังด้านล่าง กลุ่มปลาตีนเหล่านี้ก็จะเข้ามาแย่งกันกินเศษอาหารที่ตกหล่น

    โดยเฉพาะอาหารจำพวกที่เป็นเศษเนื้อปลา เศษกุ้ง และหอยทะเล จะเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มปลาตีนเหล่านี้อย่างมาก

    ต่อมาเมื่อมีผู้คนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น และพบเห็นเข้า จึงได้มีการนำอาหาร เช่น หอยแมลงภู่ มาต้มแกะเปลือกออก และนำไปให้ปลาตีนฝูงนี้กิน

    จึงทำให้ปลาตีนเกิดความเคยชิน และวิ่งเข้ามาหาผู้คน เพื่อที่จะขออาหาร และไล่งับกินเหยื่อที่ถูกนำมาแจกจ่ายจนถึงมือ จนเกิดความใกล้ชิด และเชื่องต่อผู้คนเป็นอย่างมาก

    และเมื่อเห็นคนเข้ามาใกล้ยังบริเวณที่ขุดรูอยู่ ก็จะรีบปีนป่ายคืบคลานขึ้นมาบนบก และวิ่งเข้าหาคนเพื่อขออาหารกิน

    ผิดไปจากปลาตีนทั่วไป ซึ่งหากได้พบเห็นกับมนุษย์ หรือสัตว์ใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นอันตราย จะรีบวิ่งหนีเผ่นลงน้ำไปในทันที

    จนทำให้น้ำบานแตกออกเป็นฝอยในระยะทางไกลหลายสิบเมตร ก่อนมุดจมหายไป

    จากพฤติกรรมดังกล่าว จึงทำให้ผู้คนทั่วไป ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจึงต่างพากันชื่นชอบในพฤติกรรมของปลาตีนฝูงนี้

    โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มักจะนำเอาอาหารมาหย่อนป้อนให้แก่ปลาตีนกินกันอย่างสนุกสนาน

    สำหรับปลาตีนที่พบนี้ ยังเป็นปลาตีนที่มีลักษณะสายพันธุ์ที่แปลกออกไปจากปลาตีนที่พบเห็นได้ตามป่า ชายเลน และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยทั่วไป

    เนื่องจากมีขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่าปกติ ถึง 2-3 เท่าตัว ของปลาตีนสายพันธุ์อื่นๆ โดยมีขนาดความยาวของลำตัว

    โดยเฉลี่ยประมาณ 20-25 ซม.ขนาดความกว้างของลำตัวประมาณ 3.5-7 ซม.นำหนักประมาณ 300-500 กรัม มีดวงตาโปนโตคู่ใหญ่อยู่ที่ด้านบนเหนือศีรษะ ลักษณะนัยน์ตาบ้องแบ๊ว

    ทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกสงสาร ก่อนที่จะหยิบยื่นอาหารไปให้ ที่มุมปากมีเขี้ยวยื่นออกมาภายนอกทั้งสองด้าน

    สามารถใช้ครีบด้านข้างทั้งสองด้านพยุงตัวเดินบนบกได้อย่างคล่องแคล่ว

    ส่วนรสชาติของเนื้อปลาตีนชนิดที่พบเห็นนี้ นายปรีชา ระบุว่า ยังไม่เคยมีใครทดลองนำมันไปปรุงเป็นอาหารกิน

    เนื่องจากต้องการที่จะช่วยกันอนุรักษ์ไว้ให้แก่ผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยว และผ่านไปมาได้ชม ขณะเดินทางมาท่องเที่ยวชมโลมายังบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงแห่งนี้ได้ดูกันอย่างใกล้ชิด

    ขณะนี้ได้อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ที่อยากจะเข้ามาสัมผัสการให้อาหารปลาตีน ด้วยการเหลาไม้ทำเป็นคันคล้ายกับคันเบ็ด เพื่อหย่อนอาหารให้ปลาตีนกิน

    เนื่องจากที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวยื่นอาหาร ป้อนปลาตีนด้วยมือเปล่า แล้วถูกงับที่บริเวณปลายนิ้วมือ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเล็กน้อย

    และขณะกระโดดขึ้นงับเหยื่อนั้นยังได้สลัดดินเลน ซึ่งเป็นโคลนสีดำกระเด็นมาใส่เสื้อผ้านักท่องเที่ยวอีกด้วย

    จึงเห็นว่า ควรมีอุปกรณ์ในการหย่อนอาหารจึงจะสะดวกแก่นักท่องเที่ยวมากกว่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เตรียมใจไว้ด้วยนะ หากมีการคลาดเคลื่อน โดยส่วนตัวเรายอมรับได้ ดีกว่าปล่อยให้ใครต้องมาตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

    ยอมโดนด่าดีกว่า เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่.....
     
  17. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    สัตว์ จะอยู่กับดินกับน้ำ ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าคนที่อยู่ในบ้าน ในสำนักงาน หรือรถยนต์

    เมื่อธรรมชาติเปลี่ยนแปลง เขาจึงรู้ก่อน ให้หัดสังเกตุมดขนไข่ แมลงสาบในท่อ หนู

    สุนัขหรือแมว

    เห็นแล้ว ก็อย่าปล่อยวาง แล้วก็อย่าโวยวาย สังเกตุไปเรื่อยๆ บอกคนอื่นให้สังเกตุด้วย แล้ววิเคราะห์เอา

    ว่าจะอยู่หรือไป สู้หรือถอยชั่วคราว
     
  18. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    วันนี้ได้รับข่าวบางอย่างตอนที่จะขับรถออกไปทำงาน ท่านให้สังเกตุ น้ำทะเลทางด้านอาวไทยที่ สงขลาและคลื่นที่มาพร้อมกับให้สังเกตุท้องฟ้า เป็นคลื่นชั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งบอกเหตุให้ระวังตัวกัน การสังเกตุสิ่งต่าง ๆ จากธรรมชาติ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราปลอดภัยครับ สาธุ
     
  19. AiiFAR

    AiiFAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +194
    วันที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16:59:55 น. มติชนออนไลน์


    พบวาฬหัวทุยฟ้นใหญ่ที่สุดในโลกตายเกยหาดจังหวัดพังงา


    นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มสัตว์ทะเลหาอยาก สถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส) เปิดเผยวันที่ 9 ตุลาคมว่า ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้าน บ้านในไร่ ม.7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ว่า พบซากปลาขนาดใหญ่ นอนเกยหาดใต้อยู่ริมทะเล จึงพร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พิสูจน์พบว่า เป็น วาฬ ชนิดหัวทุย เป็นวาฬที่มีฟันใหญ่ที่สุดในโลก ลำตัวยาว9.5 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 6-7 ตัน หรือประมาณ 7,000 กิโลกรัม เข้าใจว่าตายมาแล้วประมาณ 10 วัน



    "ยังไม่สามารถบอกได้ว่าตายมาจากสาเหตุอะไร แต่จากการสำรวจพบว่า วาฬชนิดนี้อาศัยอยู่เฉพาะชายฝั่งทะเลอันดามันเท่านั้น โดยอาศัยอยู่ที่ความลึกของน้ำทะเลที่ 50-100 เมตร ล่าหมึกน้ำลึกเป็นอาหาร มักจะอาศัยอยู่กันเป็นฝูงๆละ5-20 ตัว ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย 2-3 เท่าตัว ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็นตัวเมียหรือตัวผู้"



    [​IMG]

    วาฬหัวทุย วาฬตัวมหึมานอนตายเกยชายหาดอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ผู้เชี่ยวชาญสัตว์น้ำทางทะเลหายากเผยเป็นวาฬหัวทุย ฟันใหญ่ที่สุดในโลก มีลำตัวยาว 9.5 เมตร หนัก 6-7 ตัน วันที่ 9 ต.ค.

    ที่มา
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    อืมม์ ระวังตัวกันไว้หน่อยนะ เจ้าปลามันอาจหนีอะไรมา
     

แชร์หน้านี้

Loading...