การฝึกพลังจักรวาลและการรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาว สมุนไพรที่จะใช้ในยุคปัจจุบัน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ดูท่านอยู่นะครับ, 2 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ไม่ทราบเหมือนกันคะ ถ้าใครสังเกตุปลาๆก็จะบ้าอยู่ช่วงหนึ่ง อยากฝึกกสินไฟเย็น แหะๆๆ


    แต่หาไม่ได้ ^ ^"
     
  2. bluephoenix

    bluephoenix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +40
    ไม่ลองหาจากคอมอ่า มันมีไฟเย็นๆด้วยนะ เปงรูปเคลื่อนไหวได้

    น่าจะฝึกได้เหมือนกันนะ - -
     
  3. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    เคยเซิร์ตหาความสามารถมีถึงแค่ รูปเปลวไฟแต่เป็นหยดน้ำค่ะ ห้าๆ
     
  4. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    เอาอย่างนี้นะครับ สำหรับท่านที่อยากจะฝึกกสิน หรือว่าฝึกอะไรก็ตาม สิ่งเริ่มต้นที่อยากจะบอกคือ การตั้งธาตุในกายของเราให้สมบูรณ์เสียก่อน หรือการตั้งกสิน
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]วิธีตั้งธาตุหรือตั้งองค์กสิน = การตั้งธาตุหรือกสินนั้นให้ตั้งแม่ธาตุใหญ่ก่อนคือนะโมพุทธายะ แล้วตามด้วยธาตุ4คือ นะมะพะธะ หนุนด้วยธาตุกรณีคือ จะภะกะสะ
    ก่อนที่จะตั้งธาตุหรือทำกสินใดๆให้ว่าคาถาชุมนุมธาตุดังนี้ @ เอหิปะถะวีพรหมา เอหิอาโปอินทรา เอหิเตโชนารายะ เอหิวาโยอิสสะรา/
    คาถาตั้งแม่ธาตุใหญ่หรือกสินใหญ่ว่าดังนี้ นะอิเพชรคงอะระหังสุคะโตภะคะวา โมติพุทธะสังอะระหังสุคะโตภะคะวา พุทปิอิสะวาสุอะระหังสุคะโตภะคะวา ธาโสมะอะอุอะระหังสุคะโตภะคะวา ยะภะอุอะมะอะระหังสุคะโตภะคะวา/

    นะมะพะะธะต้องมีธาตุพระพุทธเจ้าคือธาตุพระกะระณีตั้งกํากับลงไปด้วยคือ จะภะกะสะ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุลงไปอีกทีหนึ่ง
    [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]วิธีตั้งธาตุ= พยายามจําให้ได้มีประโยชน์มากต่อผู้ที่ฝึกอะไรเกี่ยวกับร่างกาย ว่าดังนี้ ตั้งอาโปธาตุ(ธาตุนํ้า)ว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ/ ตั้งปฐวีธาตุ(ธาตุดิน)ว่า นะโมพุทธายะ มะพะธะนะ ภะกะสะจะ/ ตั้งเตโชธาตุ(ธาตุไฟ)ว่า นะโมพุทธายะ พะธะนะมะ กะสะจะภะ/ ตั้งวาโยธาตุ(ธาตุลม)ว่า นะโมพุทธายะ ธะนะมะพะ สะจะภะกะ/[/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]วิธีหนุนธาตุ= การหนุนธาตุจํายากหน่อยนะครับ แต่อย่าท้อ รักจะเรียนต้องรู้ให้จริงอย่ารู้แบบงูๆปลาๆอายเขาครับ เมื่อตั้งธาตุเป็นแล้วต้องหนุนธาตุท่านให้หนุนด้วยแก้ว4ดวง คือ นะมะอะอุ / นะคือแก้วมณีโชติ, มะคือแก้วไพทูรย์/ อะคือแก้ววิเชียน/ อุคือแก้วปัทมราช/ เมื่อตั้งอาโปธาตุให้เอาแก้วมณีหนุน/ เมื่อตั้งปฐวีธาตุให้เอาแก้วไพทูรย์หนุน/ เมื่อตั้งเตโชธาตุให้เอาแก้ววิเชียรหนุน/ เมื่อตั้งวาโยธาตุให้เอาแก้วปัทมราชหนุน/ จะทําการปลุกเสกวัตถุมงคลก็ ให้พิจารนาว่าต้องการมุ่งไปในทางด้านใด ก็ตั้งธาตุนั้น แล้วหนุนธาตุนั้นจะได้ผลดีมากครับผม

    หลักของการใช้ธาตุ= ธาตุนํ้าใช้ทางเสน่ห์ เมตตามหานิยม/
    ธาตุดินใช้ทางอิทธิปาฏิหารย์ คงกระพันชาตรี/
    ธาตุไฟใช้ทางเดาะกุญแจ ขับไล่ผี/
    ธาตุลมใช้ทางสะกด กําบังตัว ล่องหน/
    จําให้ดีนะครับว่า นะ แก้วมณีโชตินั้นคือ อาโปธาตุนํ้า/
    มะ แก้วไพทูรย์นั้นคือ ปฐวีธาตุดิน/
    อะ แก้ววิเชียรนั้นคือ เตโชธาตุไฟ/
    อุ แก้วปัทมราชนั้นคือ วาโยธาตุลม/

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เราจะต้องการ ให้ไปทางด้านใดก็ภาวนาตั้งธาตุหนุนธาตุดังนี้
    ทางเสน่ห์ เมตตามหานิยมใช้ธาตุนํ้า (อาโปธาตุ) ภาวนาว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ แล้วหนุนด้วยแก้วมณีโชติว่า นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ/ แล้วภาวนา อาโปๆน้ำๆ ไปเรื่อยๆ
    ทางคงกระพันภาวนาปฐวีธาตุ(ธาตุดิน)ว่า นะโมพุทธายะ มะพะธะนะ ภะกะสะจะ หนุนด้วยแก้วไพทูรย์ว่าต่อ มะนะนะมะ มะอะอะมะ มะอุอุมะ/ แล้วภาวนา ปฐวีๆดินๆ ไปเรื่อยๆ
    ทางเสดาะ ขับไล่ผีภาวนาเตโชธาตุ(ธาตุไฟ) ว่า นะโมพุทธายะ พะธะนะมะ กะสะจะภะ หนุนด้วยแก้ววิเชียร ว่าต่อ อะนะนะอะ อะมะมะอะ อะอุอุอะ/ แล้วภาวนาเตโชๆไฟๆ ไปเรื่อยๆครับ
    ทางสะกด ล่องหน กําบังตัว ภาวนา วาโยธาตุ(ธาตุลม) ว่า นะโมพุทธายะ ธะนะมะพะ สะจะภะกะ หนุนด้วยแก้วปัทมราช ว่าต่อ อุนะนะอุ อุมะมะอุ อุอะอะอุ/ แล้วภาวนา วาโยๆลมๆ ไปเรื่อยๆครับ
    ครับค่อยๆศึกษาทีละบทอย่าใจร้อน หมั่นท่องจํา หมั่นฝึกฝน แล้วก็จะประสบความสําเร็จ ด้วยความปราถนาดีครับผม...
    [/FONT][/FONT]ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ อุปกรณ์อื่นๆก็หาเอาตามสะดวกของเราครับ
     
  5. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ได้ครับถ้าสัมผัสพลังได้นะครับ ไม่มีปัญหา
     
  6. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ขนาดฐานกว้าง 4 cm สูง 5 cm ครับ
     
  7. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ก่อนที่จะไปเรื่องศรีจักราผมพยายามรวบรวมข้อมูลการใช้มาเสนอก่อนนะครับ

    วิธีในการใช้์ศรีจักราส่งเสริมดวงชะตาหรือค้ำคูนมีวิธีในการใช้อย่างไร /

    การส่งเสริมดวงชะตานั้น มีวิธีใช้หลากหลายครับแนะนำพอสังเขปในส่วนที่เราเป็นชาวพุทธ ในกรณีศาสตร์พลังจิตระดับลึกๆเช่นบังคับเหตุการณ์ ที่ผรั่งเขาค้นคว้ากันจะไม่เผยแพร่นะครับเนื่องจากข้อมูลส่วนนี้ยังไม่ชัดเจนไปทางหนึ่งทางใด
    ก่อนอื่นเรามาดูทฤษฏีที่ว่า "ศรีจักรา" ทำหน้าที่เพิ่มพลังงานของแรงปรารถนาโดยแรงปรารถนา(กรรม-ความคิด) นั้นจะถูกส่งไปยังระบบธรรมชาติภายนอกและจิตเราเองนั้นก็บันทึกด้วย อย่างนี้เป็นสัญญา และก็วิบากกรรมครับซึ่งมีผลปรากฏเมื่อแรงปรารถนานั้นมีระดับพอเพียง อธิบายว่า ถ้าคิดเฉยๆไม่ทำ ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมา ทำนองวาดวิมานในอากาศ ซึ่งเป็นหลักสากล ที่เราเห็นๆกันอยู่
    คือ คิด แล้วต้องทำ (อย่างหนึ่งอย่างใดจากความคิดนั้น) = ผลที่ได้จากการทำนั้นๆ
    เอาแค่ทฤษฏีนี้ก่อนครับทุกครั้งที่เราทำสิ่งที่เรียกว่ากุศล ให้รำลึกถึงการกระทำนั้นอย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่ทำได้ ข้อสังเกตุคือ เราจะเกิดปิติสุขอย่างมากจากการรำลึกที่ทำกุศลในครั้งนั้นๆส่งความรู้สึกนั้นไปยัง "พินธุ" หรือจุดกึ่งกลางศรีจักรา (จะนำมาตั้งบนโต๊ะหรือวางบนฝ่ามือก็ได้ แต่ต้องเอาปลายแหลมพินทุชั้นในสุดที่เป็นรูปสามเหลี่ยมชี้มาที่ตัวเรา) ซึ่งทฤษฏีก็บอกแล้วนะครับว่า ศรีจักราเขาขยายคลื่นพลัง อธิษฐานส่งกุศล(ปิติสุข)จากความดีที่เรารำลึกนั้น อธิษฐาน ถวายแก่ พ่อแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เราเคารพ อาจเป็นเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งทางที่ดีก็ให้ทั้งหมดนั่นล่ะครับแผ่ความรู้สึกนั้นออกไปให้ให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนนี้ถ้าคุณเห็นออร่าได้เก่งพอจะเห็นเป็นแสงสีขาวอมทองพุ่งขึ้นจากศรีจักรา เป็นลำตรงพุ่งขึ้นไปยังทิศเบื้องบน แสงนั้นขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ (ถ้าไม่เห็น ไม่รู้ ก็ไม่ต้องไปสนใจให้เมื่อยครับเพราะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ) ให้ลองสังเกตุหลังจากเราอธิษฐานถวายกุศล(ความดี) กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วประมาณ ๑-๒นาทีจะรู้สึกมีปิติซ้อนขึ้น(คือเกิดความรู้สึกอิ่มเอิบเกิดขึ้น แต่เป็นการที่รู้สึกจากภายนอกมาที่จิตเรา) ให้อาศัยตอนนั้นอธิษฐานอย่างเดียวว่า
    " ให้สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเท่านั้นในทุกเวลา"
    เท่านี้ละครับก็จะเกิดเหตุการค้ำดวงชะตาเกิดขึ้นจากพลังงานภายนอก แต่มันมีเงื่อนไขหน่อยตรงที่เวลาเราทำดี ก็ต้องทำจริงๆ คิดดีก็ต้องคิดได้จริงๆ รำลึกส่งความดีนั้นออกก็เป็นของจริงๆ คือเป็นความรู้สึกอย่างแท้จริงซาบซึ้งตรงนั้นไม่ใช่คิดสักแต่ว่าคิด หรือมีอามิสคือหวังผลแบบมิควรได้ มันก็จะส่งพลังงานแบบนั้นออก ตอนกลับมาก็ได้อย่างเดียวกันผลก็เป็นอย่างเดียวกันคือ
    ส่งความรู้สึกที่จริงแท้ออก ผลที่ได้เป็นสัจจะ เป็นจริงตามนั้น
    ส่งความรู้สึกเก้ ออกไป ผลที่ได้ก็หลอกตาม คือไม่จริงจังตามคุณสมบัติของเรา
    การรำลึกความดีแล้วแผ่ออก ศาสนาพุทธใช้มานานแล้วครับที่เรียกว่าแผ่เมตตา ในศาสตร์ทางจิตมีอีกหลายวิธี แต่จะมีผลกระทบจากความไม่จริงแท้ของผู้ใช้เราจึงไม่แนะนำ อย่างที่เผยแพร่เรื่องดวงตราปาฏิหาริย์นั้นก็เช่นกัน เตือนไปหลายท่านแต่บางคนไม่สนใจและไม่พยายามเข้าใจ อย่าให้ความอยาก ที่ไม่มีเหตุผลมาเป็นบันทัดฐานการกระทำเดราอาจจะเก่งที่เลี่ยงกรรมในบางเวลาได้แต่เลี่ยงไม่ได้ตลอดแน่ครับ เพราะหากเราขัดเกลาความคิดไม่ดีพอเวลาส่งออกมันเป็นของเสีย ผลที่รับก็ย่อมเสียตามไปด้วย ถามว่าหลีกเลี่ยงได้ไหม? ตอบว่าได้แต่ไม่คุ้มเสียเลยไม่แนะนำครับ
    ขอให้ลองไปทำดูนะครับตอบคร่าวๆ สรุปว่า
    ส่วงความดีออก ผ่านศรีจักรา รับความดี(มิติสะท้อน) ผ่านมาทางศรีจักราอีก ทำตามที่บอกรับรองไม่เกิดผลเสียมีแต่ผลดีครับ
     
  8. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
  9. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    การใช้ศรีจักราเพื่อเสริมพลังกับแท่นที่บูชา ก็เพียงแต่วางศรีจักรา ในทิศทางที่หันสามเหลี่ยมด้านบนสุดมาทางตัวเราก็จะสร้างอำนาจในเเท่นบูชา ขึ้นอย่างมากท่านที่เห็นออร่าจะสามารถสังเกตุได้ถ้าวางศรีจักราในบริเวณหิ้งพระ (เทพ) ประมาณหนึ่งสัปดาห์ลองดูออร่าที่หิ้งอีกทีจะเห็นเปลี่ยนแปลงไปมากเพราะบริเวณนั้นจะสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดีขึ้นนั่นเอง (ถ้าเราบูชาพระพุทธจะเห็นออร่าสีฟ้าชัด ถ้าเป็นเทพชั้นสูงสีทอง ถ้ารองลงมาก็เป็นภาวะตามรัศมีกายเทพองค์นั้นๆ)

    การใช้ศรีจักราติดตัว ก็เพียงแขวนให้อยู่ระดับจักระที่สี่คือระดับหัวใจคือ สูงจากกระบังลมประมาณ ๒-๓ นิ้ว (sternum)แต่ถ้าจะใช้ขยายจักระบริเวณใด ให้วางบนจักระนั้นอย่างต้องการขยายจักระ ที่หกเพื่อเพิ่มสมรรถนะตาที่สาม คือความหยั่งรู้หรือปัญญาญาณที่ไม่ใช่เรื่องตาทิพย์เพียงอย่างเดียว ก็นอนหงายทำตัวสบายๆวางจิตใจให้สบายผ่อนคลายหายใจลึกๆสัก๑๐ครั้งวางศรีจักราขนาดติดตัว (อย่าใช้ขนาดตั้งโต๊ะวางนะจะเพราะเดี๋ยวหัวจะยุบมันหนักมาก) ให้จุดพินทุอยู่เหนือระหว่างกลางคิ้วประมาณ ๑-๒ เซนติเมตร หลับตานอก(ปิดเปลือกตา) แล้วเหลือกตาในคือลูกตาเพ่งมองตรงจุดพินทุที่คะเนตามความรู้สึกว่าศรีจักราอยู่ จินตภาพให้เห็นจุดเเสงสีฟ้าอมม่วงลักษณะสว่างใสเป็นประกาย แล้วกล่าวมนตราอะไรก็ได้ที่คุณนับถือถ้ามีบทเฉพาะศรีจักราว่า "โอม ฮะรี ชะรีง นะมะฮา" ว่ายาวๆหายใจลึก ไปเรื่อยๆจะรู้สึกเหมือนเสียวตรงหน้าผาก หรือตึงตรงหน้าผากรักษาอาการนั้นไว้ ทำครั้งละไม่เกิน ๑๐ นาที ห้ามเกินเด็ดขาดเพราะอาจจะปวดศรีษะเนื่องจากจักระขยายเร็วเกินไป ให้หมั่นทำอย่างน้อยวันละ ครั้งห้ามเกินวันละ๓ครั้ง ลองฝึกดูผลเป็นอย่างไรยังไม่บอก ของจริงจะรู้ด้วยตัวเองผู้ได้ประสบการณ์อะไรแปลกๆเขียนจดหมายมาจะตอบรายบุคคล

    [​IMG] การใช้ศรีจักราในการบำบัดอาการป่วยบางระดับ ที่อาจเป็นการผิดปกติจากความไม่สมดุลของร่างกายที่มีสาเหตุจากร่างกายเองหรือได้รับพลังแฝง วางศรีจักราบนฝ่ามือพินทุอยู่ตรงเส้นสุขภาพของลายมือคะเนกลางฝ่ามือ ให้กำหนดถึงศรีจักรา กล่าวมนตราจนรูสึกถึงพลังที่แผ่มาครอบคลุมจากนั้นนึกถึงเทวะที่ท่านศรัทธากล่าวบูชา(สรรเสริญคุณ) แล้วขออำนาจให้บำบัดอาการดังกล่าว หายใจเข้าออกยาวๆแบบสบายๆ ทำประมาณสิบห้านาทีกำหนดจิต ที่ศรีจักราดึงความศักดิ์สิทธิ์เข้าตัวกล่าวมนตราความเร็วระดับที่รู้สึกว่ากำลังสบายไม่เร็วช้าไป (ใช้ความรู้สึกเราเป็นตัวกำหนด) หากเจ็บปวดที่ไหนให้กำหนดนำ สิทธิอำนาจความศักดิ์สิทธิ์นั้นไปละลายจุดนั้นจินตภาพให้ความป่วยไข้ให้หายไปหายใจออกยาวๆ (ทำเสร็จแล้วควรอาบน้ำชำระไอโรคทันที)

    สำหรับการบำบัดอาการเจ็บป่วยให้ผู้อื่นทำลักษณะเดียวกับทำให้ตัวเราเองโดย ขอให้ศรีจักราคุ้มครองเราก่อนจินตภาพกำหนดรัศมีครอบคลุม จากนั้นขอพลังจากศรีจักรา(วางที่มือซ้าย) ให้ผ่านตัวเรา ออกทางมือขวา ห่างจากที่บำบัดประมาณ ๑ นิ้วหรือจะวางสัมผัสเบาๆก็ได้กำหนดพลัง ให้เล็กเเหลมเป็นเส้นปลายเข็มสีขาว (ขั้นต้น) ส่วนระดับกลางระดับสูงต้องแนะนำเฉพาะ กำหนดพลังให้พุ่งไปที่จุดที่ต้องการบำบัดละลายความเจ็บป่วยนั้นถ้าเป็นพลังแฝงพวกวิญญาณร้าย หรืออำนาจลี้ลับจะรู้สึกถึงการต่อต้านเช่นร้อนผ่าว เต้นตุ๊บตุ๊บ หรือ เหมือนเข็มเเทงสวนเจ็บจึกจึก ให้หายใจออกยาวๆ ช้าเร่งภาวนามนตราจะละลายพลังนั้น โดยไม่ยากเคล็ดคือคิดว่ากำลังที่ส่งไปนั้นเเข็งเหมือนหัวเพชร สามารถบดสลายพลังเหล่านั้นได้ทุกพลัง ระหว่างทำต้องต่อจิตกับศรีจักราตลอด(ควรชำนาญในขั้นอื่นๆมาก่อน) การบำบัดพลังแฝงควรขอพลังอำนาจจากเทพที่ชำนาญการปราบอำนาจชั่วร้ายอย่าง นารายณ์ ศิวะ ท้าวเวสสุวัณ พระขันธกุมาร เจ้าแม่กาลี เป็นต้น หลังการบำบัดทุกครั้งไม่ว่าตัวเองหรือทำให้ผู้อื่นต้องกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้พลังอำนาจทุกครั้ง จากนั้นให้อาบน้ำเพื่อชำระไอโรค(อาจเตรียมน้ำโดยใช้อำนาจศรีจักราก็ยิ่งดี โบราณบ้านเราเรียกปรับธาตุ)

     
  10. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ผมกำลังจะทดลองทำแบบราคาถูกมากๆ เพื่อให้ทุกท่านได้ทุกคนคิดว่าราคาไม่เกิน 100 บาทต่อชิ้น แต่ต้องขอเช็คพลังก่อนว่าเทียบเท่า อันที่ทำจากคริสตัลหรือเปล่านะครับ และจะทำให้เบาๆด้วย
     
  11. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ที่ผมเขียนมานั้นอยากแสดงให้รู้ว่า ศรีจักรานอกจากที่ผมนำมาเปิดจักระ ได้แล้วยังมีประโยช์อีกหลายทางด้วยนะครับ ถึงขั้นสามารถสลายชีวิตของคนๆหนึ่งได้เลยนะครับ แต่เราจะกำหนดใช้งานยังงัยเท่านั้นนะครับ
    แล้วบางประโยชน์ ก็แปลยังไม่ได้เพราะคนบอกเป็นคนอินเดีย ผมก็เอามาทดลองฝึกตามที่เขาบอก
    แต่เรื่องนำศรีจักรามาเปิดจักระตนเองนั้นคนอินเดียเขายังไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมทอลองเองทำเอง แถมบอกเขาให้ไปทำเอง ขนาดนั้นเขาก็ยังบอกว่าต้องให้ผมเปิดจักระให้ก่อน เขากลัวเป็นบ้าๆๆๆๆ ถึงจะกล้าเอาศรีจักรามาเปิดจักระที่เขากลัวผมคิดว่า ความรู้สึกที่เขามีต่อศรีจักรามันต่างกับคนไทยมากครับ
    ศรีจักรา ของเขาถือเป็นสิ่งสูงสุดของทุกๆสิ่งที่มีในโลกนี้เลย แต่วัสดุที่ทำที่เป็นของแท้นั้นเขาเรียกว่า มาลา .....ไอ้มาลานี่ละมันคืออะไรที่ผมงงอยู่จนทุกวันนี้ เขาโชว์รูปให้ดูมันจะใสเหมือนคริสตัลแต่ไม่ใช่คริสตัล แต่ไม่ถึงระดับเป็นเพชร ครับ เขาบอกว่าแพงมากๆๆๆ
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมมติว่าได้เจโต ได้ยิน ได้รู้สึกความรู้สึกของคนรอบข้าง ความอยาก ความโลภ ความอิจฉา เครียด ตื่นเต้น ว้าวุ่น ช็อตเงิน
    (ตอนแรกก็งงว่า ทำไมเกิดความรู้สึกพวกนี้ แต่มารู้ชัดตอนที่คนพวกนี้
    เค้าได้ที่ต้องการแล้วสงบไปเอง หรือ
    เขาเดินจากไปความรู้สึกที่เกิดกับเราก็สงบเป็นดังเดิมของเรา)
    แล้วไม่อยากได้ยินได้รู้สึกแล้วทำไงอ่ะพี่ เบื่อมาก

    ถามด้วยความเคารพ
    ศรีจักราที่เป็นภาพ มันใช้หักเหพลังได้ด้วยอย่างไรอ่ะพี่
    ผมนึกว่าต้องเป็นวัตถุ3มิติซะอีกเหมือนพวกปิรามิด
    ถ้าราคาประมาณนี้ผมอุดหนุนเลย 2อัน

    สำหรับคนที่ไม่มีผมบอกให้ครับว่า ไม่ต้องกลุ้มใจไปครับ ไอเทมเป็นตัวช่วย
    สำคัญคือพัฒนาพลังจิตตัวเอง ใช้ปัญญา ศีล กำกับ ถ้าพุทธานุสติ มีพุทโธ
    จะปิติง่ายกว่า

    ผลการฝึกล่าสุดเห็นขอบแสงกายผู้คนสูงออกจากจากตัวประมาณ1-2ซม.
    ยังไม่เห็นเป็นสี (ไม่รู้มันออร่า หรือสมองเบลองานเยอะ โฟกัสเลยเพี้ยน
    ไม่น่าจะอุปทานเพราะไม่ได้อยากจะเห็นและเห็นแค่2วัน วันนี้ไม่เห็นแล้ว)
    เพื่อนๆฝึกแล้วเป็นไงบ้างครับ
     
  13. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    อันแรก เราต้องรู้จักละวาง ให้รู้ก่อนว่า ความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาของทุกคนมันมีความอยากความไม่อยากอยู่ในตัวตนของทุกคนอยู่แล้ว เรารู้ตรงจุดนี้เราผ่านสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็จงเป็นแค่ผู้มองการเล่นละครของตัวละครมนุษย์ เราจะไปให้เขาหยุดความต้องการของเขาไม่ได้แต่เราต้องหยุดการรับรู้ของจิตเราให้ได้ หยุดได้อย่างไรจะหยุดได้เมื่อเรารู้สิ่งที่พี่บอกไปแล้วว่า ความต้องการเดิมของคนทุกคนมันมีอยู่แล้ว ความอยากได้ใคร่มีมันไม่มีที่สิ้นสุดถ้าคนคนนั้นยังละไม่ได้วางไม่ลง วางเพื่อให้มันว่าง ว่างเพื่อดับศูนย์ วางออกไปที่ละเรื่องๆๆๆๆๆๆ อย่าคิดจะวางทีเดียวมันทำไม่ได้
    เมื่อจิตมันเห็นมันรู้สิ่งเหล่านี้จงบอกจิตว่า นั่นมันเรื่องปกติของคนเขา เขายังหลงอยู่ก็ให้เขาหลงต่อไปให้เขาเล่นละครกันต่อไปเราจงเป็นผู้ดูละครนั่นอย่าไปใส่ใจนะคุณจิตที่รักอะไรทำนองนี้....จงอย่าเบื่ออย่าหันหน้านี้นะครับเราต้องหันหน้าใส่แล้วใช้ปัญญา มองย้อนเข้าไปในสิ่งที่เราเบื่อนั่นแล้วขบคิดเข้าไป ให้มันเป็นเรื่องของธรรมะ แล้วคำว่าเบื่อจะไม่เกิดมันจะเห็นเป็นสิ่งสนุกสนานกับมายาที่เกิดขึ้นข้างหน้าเรา

    ศรีจักราที่เป็นภาพจะช่วยเราฝึกได้อย่างไร นั่นมันขึ้นอยู่กับจิตของแต่ละคนครับ มันเหมือนกับการฝึกกสินนั่นแหล่ะ เรามองภาพนานเข้าๆ มันก็อยู่ในจิต เรากำหนดเอาศรีจักราไปวางตามจักระเราได้มันก็จะช่วยเพิ่มพลังของเราไปได้อีก..

    ส่วนใครที่ยังฝึกแล้วร่างกายยังไม่ทะลุปุโปร่งทุกจักระ ก็ให้ทำการตั้งธาตุหนุนธาตุ เข้าไปด้วยนะครับ เขาเรียกว่าเป็นการปรับธาตุในร่างกายเราไปอีกทาง ลองดูครับ แล้วจะรู้ว่าผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
     
  14. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ศรีจักราเป็นแบบแปลนพลังงานชีวิตที่ปรากฏในรูปธรรมมนุษย์ที่เป็นสื่อกลางระหว่าง จักรวาล-สวรรค์-โลก โดยเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีระดับพัตนาตนเองถึงขั้นสูงสุดในรูปแบบ ดอกบัว และ จักระ จึงเป็นการเชื่อมต่อสะภาวะของศูยน์กลางพลังงานระดับต่างๆ(จักระ) เข้าเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีการแบ่งแยก คือ สมดุล พลังงานระดับสูงสุดที่หมายถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติผู้สร้าง ซึ่งทำให้ผู้เข้าถึงสามารถครอบครองพลังอำนาจสูงสุดที่สามารถกำหนดสรรพสิ่งให้เป็นไปตามจิตต้องการด้วยการอธิฐานผ่านศรีจักรา นั้นก็จะมีพลังสูงส่งขึ้นกว่าเดิมมากและเกิดผลได้เร็วยิ่งขึ้นแบบ คิดได้อย่างอยากที่เป็นและเป็นได้อย่างที่คิด จบตอนที่ 1
     
  15. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    7 จักระและ 7 สีสันทรงอิทธิพล

    จักระตลอดร่างกายของเราประกอบไปด้วย 7 จุด และแต่ละจักระนั้นมี ความไวต่อ 7 สีสัน ในเชิงจิตวิญญาณเชื่อกันว่าสีต่างๆ จะไปเสริมออร่าของร่างกาย ส่วนในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สีสันซึ่งมีความยาวคลื่นเฉพาะตัวนั้นส่งผลกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย

    สีแดงจักระที่ 1 สีแดงมีอิทธิพลต่อจักระพื้นฐานอันได้แก่ระบบการทำงานของกระดูก สันหลัง ส่งผลให้ร่างกายเต็มไปด้วยพลังชีวิต ความเข้มแข็งด้านจิตใจ และสมดุลแห่งระบบไหลเวียนโลหิต ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีแดงที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไปจนเครียด อารมณ์แปรปรวน และจิตใจรุ่มร้อนด้วยโทสะ

    สีส้มจักระที่2 สีส้มมีอิทธิพลในด้านสังคม ทัศนคติเชิงบวก ส่งผลต่อจักระที่ควบคุมการทำงานของระบบไต ระบบปัสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีส้มที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้จิตใจหงุดหงิด มองโลกในแง่ร้าย และจิตใจกระวนกระวายสับสน

    สีเหลืองจักระที่3 สีเหลืองมีอิทธิพลต่อจักระที่ควบคุมระบบช่องท้อง สร้างสมดุลในระบบน้ำย่อย ให้ผลต่อการยกระดับจิตใจ ลดความหวาดระแวง ความสับสน และเพิ่มสมาธิในการตัดสินใจ ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีเหลืองที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ขาดสมาธิ และกะตือรือล้นเกินพอดี

    สีเขียว จักระที่ 4 สีเขียวมีอิทธิพลต่อจักระที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพทางความคิด ความสงบ กระจ่าง เสริมทัศนะการใช้ชีวิตในแบบสงบสุข ร่มเย็น และมุมมองความรัก การให้อภัย สันติภาพ ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีเขียวที่มากเกินไป

    สีน้ำเงิน จักระที่ 5 สีน้ำเงินมีอิทธิพลต่อจักระในระบบช่องคอ ปอด ช่วยในการแสดงออกทางสังคม การสื่อสาร ความมุ่งมั่น สุนทรีย์ในศิลปะ เชื่อว่าสีน้ำเงินยังปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานจาการนอนไม่หลับ ความเครียด อาการระคายเคืองคอ ความดันเลือดสูง และอาการไมเกรนอีกด้วย ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีน้ำเงินที่มากเกินไป

    สีม่วงครามจักระที่ 6 สีครามมีอิทธิพลต่อจักระในดวงตาที่สาม ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหน้าผาก กึ่งกลางระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ควบคุมการทำงานของอวัยวะในส่วนขมับ หน้าผาก ลงมาถึงดวงตา ให้ผลในการควบคุมสมดุลการทำงานของระบบน้ำเหลือง ระบบภูมิคุ้มกันโรค การกำจัดของเสีย และเพิ่มสมรรถภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีครามที่มากเกินไป

    สีทองจักระที่ 7 สีทองมีอิทธิพลต่อจักระตำแหน่งมงกุฎ หรือบริเวณกระหม่อม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้ความคิด สมอง พลังจิต ความมุ่งมั่นและญาณทัศนะ เชื่อมต่อกัลมิติอื่นๆ เหมาะสำหรับผู้ทำงานบริหาร ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีทองที่มากเกินไป จะส่งผลเสียต่อนิสัย ความคิด ทำให้เป็นคนหลงตัวเอง และเย่อหยิ่ง
     
  16. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    คุณ"ดูท่านอยู่นะครับ"
    ข้อมูลศรีจักราที่เอามาโพสท์ ช่วยให้เครดิต แหล่งข้อมูลตามหลักสากลด้วยครับผม
     
  17. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ครับ ผมเพียงแต่ไปหาๆมาว่า ศรีจักราใช้งานได้อย่างไรบ้างลืมไปครับ ว่าได้มาจากไหนบ้าง ขอโทษนะครับ พอดีไม่ได้ยึดติดกะตัวตน เรื่องสรรพสิ่งใดๆ เลยข้ามกฏข้อนี้ไปซะงั้นลำบากเหลือเกินครับการอยู่ในสังคมถุกวันนี้แต่สิ่งที่ผมจะเขียนมันยังไม่เริ่มเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2009
  18. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    การหมุนจักระ ที่สามารถทำได้อีกอย่างนะครับ
    ถ้าเราจะหมุนจักระใหน ให้เราสูดลมหายใจเข้าแล้วให้ลมไปหยุดที่จักระนั้นๆ นะครับทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเกิดการหมุนที่จักระนั้นหรือเกิดความรู้สึกร้อนหรือว่าเย็นที่จักระนั้นๆ นะครับ
    ลองไล่ลงตั้งแต่จักระที่ 7 ลงไปครับ
     
  19. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    การเขียนเรื่องศรีจักรา คงต้องหยุดไว้ก่อนครับ
    กลัวว่าจะโดนว่าจากคนอื่นเขา เรื่องทางโลกมันต่างจากเรื่องทางธรรมอยู่หลายอย่างครับ โลกุตระกับโลกียะ มันต่างกันครับ คนที่ยังอยู่ในโลกียะ เรื่องเหล่านี้ย่อมมี ยังยึดติดกับชื่อเสียงยังยึดติดกับตัวกูของกู ยังยึดติดอยู่กับความเป็นเจ้าของ..... บ่นไปเรื่อยๆๆเปื่อยๆๆ
    ผมกำลังทำศรีจักราอยู่ครับ เสร็จเมื่อไหร่จะนำมาให้ดูนะครับ
     
  20. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    เมื่อคุณฝึกการเคลื่อนพลังเพื่อไปหมุนจักระให้ทำงานมากขึ้นแล้วขั้นต่อไปก็ให้ฝึก การถอดกายทิพย์หรือการถอดจิตออกจากร่างกาย
    เริ่มต้นในขณะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ให้ท่านกำหนดนึกว่ามีร่างกายของท่านหรือของใครก็ได้นั่งอยู่ตรงหน้าท่านอีกคนหนึ่ง แล้วมองไปที่ส่วนหลังของร่างนั้นหรือมองไปที่ข้างหลังของตัวเราก็ได้
    กำหนดให้เห็นแท่งพลังงานสีขาว 1 แท่งอยู่ที่ด้านหลังนั้น ลองเอาแค่นี้ให้ได้ก่อนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...