การฝึกพลังจักรวาลและการรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาว สมุนไพรที่จะใช้ในยุคปัจจุบัน

ตัวอย่างที่ร้านค้า แกะมาแล้วครับ
ผมสั่งไปจำนวนหนึ่งครับคาดว่าจะได้ต้นเดือนหน้าครับ
ส่วนตัวอย่างมีสมาชิกเวปจองไว้แล้วครับ

 

จำได้ว่าพ่อแม่ครูบา สายกรรมฐาน และพระธุดงค์ เช่นหลวงพ่อพระอริยคุณาธาร
หลวงพ่อวิริยังค์ แม้นองค์อริยะ อรหันต์เจ้า หลวงปู่มั่น พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
เคยคลิกอ่านประวัติ ท่านสอนให้เพ่งกาย พิจารณากาย รับรู้กาย

ครั้งหนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แนะนำผู้ป่วย..........ว่า
เจ็บตรงไหน ป่วยตรงไหน อย่าไปยอมแพ้ เอาจิตเพ่งมัน เพ่งตรงที่เจ็บ
หรือทำไม่ถนัด เอาจิต จับไว้ที่กึ่งกลางดั้งจมูก จะทำให้เสียวซ่านง่าย
อะไรจะหลุด ก็ให้หลุด ตั้งจิตปรารถนาถึง สุขคติภูมให้มั่น....หากมันจะตาย
จิตก็จะหลุดออก แล้ววิ่งไป

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านป่วยเป็นวัณโรค (ถ้าจำไม่ผิด) ท่านเพ่งกาย
ไปยังปอด เพ่งไปจนถึงกระดูก จนแสดงภาวะ อันเป็นทิพย์ พอท่านตื่นขึ้น
วัณโรค หายได้เพียงวันเดียว

การเอาจิต ไปจับ นาบ ระลึก ตรงที่เจ็บ เป็นเคล็ดการรักษาโรค ที่มีมานาน
สอนมานาน ไม่จำเป็นต้องเห็น ไม่จำเป็น ต้องมีตาญาณ ทุกอย่าง คือสติรู้
ถ้าน้องเขาจะตาย จริง ก็ให้มันตายไปซะ ตายเพราะสติ

อัตตาหิ อัตตโนนาโถ... องค์พระสัมมา สอนให้พึ่งสิ่งใด

การฝึกกายาสติปัฎฐาน...ฝึกอย่างไร

หรือจะใช้ทั้ง 2 วิธี ก็ไม่ว่า ดีเหมือนกันนิ

 

แต่เราไม่ใช่พระสงฆ์ ศีลไม่บริสุทธิ์พร้อมขนาดนั้นครับ และจิตเราไม่อยู่ในกรรมฐานตลอดเวลา จิตเราไม่มีพลังอำนาจขนาดนั้นที่จะไปสั่งกายได้ครับ
ยิ่งน้องเขาเพิ่งเริ่มฝึกอย่างนี้ยิ่งไปเพิ่มความโกรธแค้นให้กับเจ้าตัวที่มันมาทำลายร่างกายเราซะอีกนะผมว่า
แค่ข้อคิดเห็นนะครับ ท่านพี่

 

พระสงฆ์ ที่ไม่ใช่พระ ย่อมมี

ปถุชน ใจเป็นพระ มีออกถมไป


จิตไม่เฝ้ากรรมฐาน ต้องฝึกให้เฝ้า

อัตตาหิ อัตโนนาโถ ย้ำไปแล้ว


ความโกรธแค้น ของเจ้ากรรมนายเวร

ไปรับรู้ทำไม รับรู้กายใจของเรา ก็พอ


ทุกอย่างต้องฝึก ทุกอย่างต้องช่วยตัวเอง ทำให้ได้

สิ่งนี้ สิ่งที่เราทำ จะติดตัว ติดจิต ติดใจ ไปทุกภพ


หรือหากความคิดเห็นท่าน เป็นไปตามที่โพสท์ ก็ไม่เป็นไร

ผม..ก็แสดง..ในส่วนที่เห็นสมควร

 

อย่าไปน้อมใจตัวเอง ว่าทำไม่ได้ ฝึกไม่ได้

ขอให้แลดู พระอริยเจ้าทั้งหลาย

ดูความเป็นไปแห่งเหตุ ดูความเป็นไปแห่งอดีต

ดูว่า...เบื้องต้น...ท่านทำได้ไหม

จิตที่มีความเชื่อมั่น ทำให้เกิดกำลัง

จับตรงไหน ตรงนั้น ก็มา อยู่ที่ว่า

อดทนเป็นไหม ยอมลำบากได้ไหม

 

ผู้ป่วยลองฝึกดูก็ดีครับ..ทั้งสองทาง..ดีทั้งนั้น
เอาหินวางจุดจักระก็ดีครับ กายนุสติก็ดี แต่ถ้าปราณยังไม่มาก
การใช้ออปชันช่วยจะเห็นผลเร็ว
ปอดนี่จักระหัวใจ หินสีเขียว กะหินอเมทิสวางที่คอ หาไม่ได้ก็คริสตอล

กายานุสติภาคพิศดารของ ท่านsuwi
กว่าจะรู้เรื่องนี่คือต้องหมุนกงล้อธรรมจักรจนลมปราณมากพอเลยครับ
ขนาดตอนนั้นผมลมปราณเดินที่มือซ้ายแล้วนะ ฝึกไปมันไม่เห็นผลเลยนะ

แต่พอลมปราณมากพอ ทีนี้ขนลุกตามการกำหนดจิตเลย

 

ตำแหน่งและหน้าที่ของจักระที่สัมพันธ์กับอวัยวะในร่างกายมนุษย์

จักระ 7
อยู่ตรงกลางกระหม่อม หรือตรงจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูกผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวาเปรียบเสมือนมงกุฏดอกบัว
การใช้ศรีจักราวางตรงจุดนี้วันละ 5-10 นาทีเพื่อใช้รักษาและป้องกันการเกิดโรคหรือปัญหาของ เส้นประสาท สมอง ตา หู อวัยวะในช่องปาก โรคเจ็บปวดที่เกี่ยวกับระบบประสาททั่วร่างกาย ข้อต่อกระดูกรวมทั้งอวัยวะที่อยู่นอกเครือข่ายของจักระอื่นๆ เช่น ระบบกล้ามเนื้อไทรอยด์ ต่อมทอนซิลกล่องเสียง

 

.จักระ 6
อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาแห่งปัญญาใช้เป็นตาืั้ สาม สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน
ใช้ศรีจักราวางตรงบริเวณจักระนี้ 5-10 นาทีต่อวัน จะทำให้สามารถควบคุมสติปัญญา ควมานึกคิด ความเฉลียวฉลาด และระบบประสาท เปิดตาที่ 3<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --> <!-- sig --> __________________

 

จักระ 5
อยูตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ ตัดกับกระดูกสันหลัง บริเวณต้นคอ
ใช้ศรีจักรา วางประมาณ 5-10 นาที
จะทำให้รักษาและป้องกันการเกิดโรค ปอด เกี่ยวกับหลอดลม ลำคอ ไซนัส ต่อมผิงหนัง หลอดลม หลอดอักเสบ หอบหืด ไอ จมูก ผื่นคัน โรคผิวหนัง

 

จักระ 4
อยู่ตรงแนงหัวใจ ตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูยน์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตา กรุณา และเสียสละ
ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต หัวใจและระดับไขมันในเลือด
เมื่อใช้ศรีจักรา ที่จักระนี้ประมาณ 5-10 นาทีต่อวัน
จะสามารถรักษาและป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่นหัวใจโต หัวใจเล็ก หัวใจรั่ว ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด หัวใจเต้นอ่อ่นเหนื่อยง่ายและลิ้นหัวใจรั่ว

 

สวัสดีคะ ได้มีโอกาส ให้อาจารย์ ตาที่สาม วัดพลังของศรีจักรา อาจารย์ บอกว่า อันเล็กเหมาะกับนั่งสมาธิที่สุด ส่วนอันใหญ่ก็ไว้ บนหิ้ง ไม่ทราบว่า ก่อนใช้ ควรทำอย่างไร คะ

 

ไม่มีพิธีรีตองอันใดครับ ใช้ได้เลยตามที่ผมเขียนไว้และที่บอกไปครับ
คุณวางวันละจักระ ก็ได้ครับ
ถ้านั่งสมาธิก็วางไว้บนศรีษะ
ถ้านอนทำสมาธิ ก็วางตามจักระ ไล่มาตั้งจักระที่ 6 -5-4-3
ส่วน2และ 1 นั้นก็ให้วางระหว่างขาได้เลยครับ ไม่มีพิธีอะไรต้องยึดติดครับ เพียงแต่วางให้ถูกจุดเท่านั้นครับ
ส่วนจะช่วยตรงไหนนั้นผมจะค่อยทยอยเขียนให้อ่านเรื่อยๆครับ

 

จักระ 3
อยู่ตรงสะดือกับกระดูกสันหลัง เป็นศูยน์กลางของการหยั่งรู้ ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดศูยน์กลางของร่างกาย
ควบคุมระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย

เมื่อใช้ศรีจักรา วางตรงจุดนี้ 5-10 นาที จะช่วยรักษาและป้องกันโาคกระเพราะอาหาร ลำใส้ใหญ่ ลำใส้อ่อน ลำใส้แก่ ใส้ติ่ง ตับ ม้าม ดี กระเพราะปัสสาวะ ไต โรคเบาหวาน ถุงน้ำดี ต่อมหมวกไต

 

มาต่อจักระ 2 ครับ

อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศรวมทั้งความเชื่อมั่นคนเอง
ควบคุมระบบการสืบพันธ์ การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย ระบบการขับถ่ายรวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด

เมื่อใช้ศรีจักรา วางตรงตำแหน่งนี้ 5-10 นาที จะรักษาและป้องกันการเกิดโรค เกี่ยวกับอัณฑะ ท่อปัสสาวะ อวัยวะสืบพันธ์ชายหญิง มดลูก รังไข่ ช่องคลอด ทวารหนัก ทวารเบา กามโรค