การกินเนื้อสัตว์ที่ได้มาโดยมิชอบย่อมเป็นบาปกรรม

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย เนตรอิศวร, 6 พฤษภาคม 2011.

  1. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนาด้วยนะครับ
    ต้องเจอแบบนี้ครับ ถึงจะรู้สึก อิอิ
     
  2. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    อันเรานั้นเป็นเพียงผู้ที่ผ่านมา แล้วก็ต้องผ่านไป อันศรัทธาเช่นใดก็คงต้องเห็นเป็นเช่นนั้น เจอกันวันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่เจอ สายลมต้องกายก็หาได้หยุดนิ่ง กรรมนั้นหนอน่าเวทนา เมื่อรู้กรรมนั้นเป็นทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์ย่อมไม่เกิดทุกข์ หนทางแห่งสุขอยู่ที่มรรค มนุษย์นี้หนาเกิดมาต่างกัน หาความงดงามในสิ่งใดมิได้ ร่างกายหมองไหม้ไปด้วยอสุภะ ประดุจโลงงามที่บังซากศพ สุดท้ายก็จบด้วยความเวทนา ยึดมั่นมากไว้ย่อมทุกข์แทนสุข ถือไว้เหนื่อยหนักปล่อยวางย่อมเบา ชีวิตแสนสั้นยึดมั่นไม่ได้ หมดลมหายใจก็ต้องลาจาก ไม่รู้ที่มาแต่ก็จะเห็นที่ไป เมื่อรู้ที่ไปย่อมสุขทุกยาม
    .....ผู้น้อยขอ อนุโมทนา มาด้วยประการ ณ ฉะนี้แล.......................
     
  3. Zintellar

    Zintellar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +143
    อนุโมทนาอย่างสุดซึ้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากรู้มากเหมือนกันแต่ไม่รู้จะถามใครดี ว่าอยู่แล้วว่ามันต้องบาป เฮ้อ นึกว่าตัวเองเว้นจากการฆ่าสัตว์แล้วนะเนี่ย แต่มันก็ไม่ ตอนนี้ก็กินเนื้อไก่กับอาหารทะเล ส่วนสัตว์ใหญ่ๆหรืออย่างอื่นก็ไม่เลยหรือาจจะมีเนื้อหมูบ้าง ในร้านขายข้าวส่วนใหญ่มักจะมีแต่สิ่งที่ทำให้เราบาปอ่ะ ต้องเริ่มใหม่ซะแล้ว
     
  4. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    พระไตรปิฎก เล่มที่ 02
    ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๒
    ๒. ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ ๑
    เรื่องภิกษุชาวรัฐอาฬวี
    [๓๕๔] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ อัคคาฬวเจดีย์ เขตรัฐ
    อาฬวี. ครั้งนั้น พวกภิกษุชาวรัฐอาฬวีทำนวกรรม ตัดต้นไม้เองบ้าง ให้คนอื่นตัดบ้าง.
    แม้ภิกษุชาวรัฐอาฬวีรูปหนึ่งก็ตัดต้นไม้. เทวดาผู้สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้นั้น ได้กล่าวคำนี้กะภิกษุนั้น
    ว่า ท่านเจ้าข้า ท่านประสงค์จะทำที่อยู่ของท่าน โปรดอย่าตัดต้นไม้อันเป็นที่อยู่ของข้าพเจ้าเลย.
    ภิกษุรูปนั้นไม่เชื่อฟังได้ตัดลงจนได้ แลฟันถูกแขนทารกลูกของเทวดานั้น. เทวดาได้คิดขึ้นว่า
    ถ้ากระไรเราพึงปลงชีวิตภิกษุรูปนี้เสีย ณ ที่นี้แหละ แล้วคิดต่อไปว่า ก็การที่เราจะพึงปลงชีวิต
    ภิกษุรูปนี้เสีย ณ ที่นี้นั้นไม่สมควรเลย ถ้ากระไรเราควรกราบทูลเรื่องนี้แด่พระผู้มีพระภาค
    ดั่งนั้นเทวดานั้นจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
    พระผู้มีพระภาคทรงประทานสาธุการว่า ดีแล้วๆ เทวดา ดีนักหนาที่ท่านไม่ปลงชีวิต
    ภิกษุรูปนั้น ถ้าท่านปลงชีวิตภิกษุรูปนั้นในวันนี้ ตัวท่านจะพึงได้รับบาปเป็นอันมาก ไปเถิด
    เทวดา ต้นไม้ในโอกาสโน้นว่างแล้ว ท่านจงเข้าไปอยู่ที่ต้นไม้นั้น.
    ประชาชนพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พวกพระสมณะเชื้อสายพระ-
    *ศากยบุตรจึงได้ตัดต้นไม้เองบ้าง ให้คนอื่นตัดบ้าง? พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรทั้งหลาย
    ย่อมเบียดเบียนอินทรีย์ อย่างหนึ่งซึ่งมีชีวะ. ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกเขาเพ่งโทษ ติเตียน
    โพนทะนาอยู่ บรรดาที่มักน้อย ... ต่างพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พวกภิกษุชาว
    รัฐอาฬวี จึงได้ตัดต้นไม้เองบ้าง ให้คนอื่นตัดบ้าง? แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
    ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอตัดเองบ้าง ให้คนอื่น
    ตัดบ้าง ซึ่งต้นไม้ จริงหรือ?
    ภิกษุชาวรัฐอาฬวีทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
    ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้
    ตัดเองบ้าง ให้คนอื่นตัดบ้าง ซึ่งต้นไม้? เพราะคนทั้งหลายสำคัญในต้นไม้ว่ามีชีวะ การกระทำ
    ของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใส
    ยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว-.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
    พระบัญญัติ
    ๖๐. ๑. เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะพรากภูตคาม.
    เรื่องภิกษุชาวรัฐอาฬวี จบ.
    สิกขาบทวิภังค์
    [๓๕๕] ที่ชื่อว่า ภูตคาม ได้แก่พืช ๕ ชนิด พืชเกิดจากเง่า ๑ พืชเกิดจากต้น ๑
    พืชเกิดจากข้อ ๑ พืชเกิดจากยอด ๑ พืชเกิดจากเมล็ดเป็นที่ครบห้า ๑.
    ที่ชื่อว่า พืชเกิดจากเง่า ได้แก่ ขมิ้น ขิง ว่านน้ำ ว่านเปราะ อุตพิด ข่า แฝก
    แห้วหมู, หรือแม้พืชอย่างอื่นใดซึ่งเกิดที่เง่า งอกที่เง่า นั่นชื่อว่า พืชเกิดจากเง่า.
    ที่ชื่อว่า พืชเกิดจากต้น ได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นดีปลี ต้นมะเดื่อ ต้นเต่าร้าง
    ต้นมะขวิด, หรือแม้พืชอย่างอื่นใดซึ่งเกิดที่ต้น งอกที่ต้น นั่นชื่อว่า พืชเกิดจากต้น.
    ที่ชื่อว่า พืชเกิดจากข้อ ได้แก่ อ้อย ไม้ไผ่ ไม้อ้อ หรือแม้พืชอย่างอื่นใดซึ่งเกิด
    ที่ข้อ งอกที่ข้อ นั่นชื่อว่า พืชเกิดจากข้อ.
    ที่ชื่อว่า พืชเกิดจากยอด ได้แก่ ผักบุ้งล้อม แมงลัก เถาหญ้านาง, หรือแม้พืช
    อย่างอื่นใดซึ่งเกิดที่ยอด งอกที่ยอด นั่นชื่อว่า พืชเกิดจากยอด.
    ที่ชื่อว่า พืชเกิดจากเมล็ด ได้แก่ข้าว ถั่ว งา หรือแม้พืชอย่างอื่นใดซึ่งเกิดที่เมล็ด
    งอกที่เมล็ด นั่นชื่อว่า พืชเกิดจากเมล็ด เป็นที่ครบห้า.
    บทภาชนีย์
    [๓๕๖] พืช ภิกษุสำคัญว่าพืช ตัดเองก็ดี ให้คนอื่นตัดก็ดี ทำลายเองก็ดี ให้คนอื่น
    ทำลายก็ดี ต้มเองก็ดี ให้คนอื่นต้มก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
    พืช ภิกษุสงสัย ตัดเองก็ดี ให้คนอื่นตัดก็ดี ทำลายเองก็ดี ให้คนอื่นทำลายก็ดี
    ต้มเองก็ดี ให้คนอื่นต้มก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
    พืช ภิกษุสำคัญว่า ไม่ใช่พืช ตัดเองก็ดี ให้คนอื่นตัดก็ดี ทำลายเองก็ดี ให้คนอื่น
    ทำลายก็ดี ต้มเองก็ดี ให้คนอื่นต้มก็ดี ไม่ต้องอาบัติ.
    ไม่ใช่พืช ภิกษุสำคัญว่าพืช ตัดเองก็ดี ให้คนอื่นตัดก็ดี ทำลายเองก็ดี ให้คนอื่น
    ทำลายก็ดี ต้มเองก็ดี ให้คนอื่นต้มก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
    ไม่ใช่พืช ภิกษุสงสัย ตัดเองก็ดี ให้คนอื่นตัดก็ดี ทำลายเองก็ดี ให้คนอื่นทำลายก็ดี
    ต้มเองก็ดี ให้คนอื่นต้มก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
    ไม่ใช่พืช ภิกษุสำคัญว่า ไม่ใช่พืช ตัดเองก็ดี ให้คนอื่นตัดก็ดี ทำลายเองก็ดี ให้
    คนอื่นทำลายก็ดี ต้มเองก็ดี ให้คนอื่นต้มก็ดี ไม่ต้องอาบัติ.
     
  5. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bosslnwskr10<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4693697", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Dec 2009
    ข้อความ: 45
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]
    ..................................................................................
    ประเสริฐแท้หนอท่าน
    .....ด้วยท่านนั้นยกมาจำสามารถเห็นได้อย่างแจ่มแจ้ง หากเราพิจารณาแล้วก็จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งใดคือสิ่งใด สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร ทุกสิ่งอันย่อมมีเหตุและผล หากใช้ปัญญาพินิจย่อมเห็นหนทางแห่งสุข
    .....ผู้น้อยขออนุโมทนาบุญมาด้วยประการ ณ ฉะนี้แลสาธุ.....
     
  6. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Zintellar<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4693265", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: May 2011
    ข้อความ: 2
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]
    ................................................................................................
    ประเสริฐแล้วหนอท่าน
    .....การปล่อยวางนั้นประเสริฐสุด ความเมตตานั้นหนาคือพลังแห่งปิติ การที่จะละเว้นเนื้อสัตว์ควรเริ่มจากเนื้อสัตว์ใหญ่ เพราะเป็นสัตว์ที่มีผลกรรมมาก คือหากจะเอาชีวิตเขานั้นจะต้องใช้ความพยายามมากจึงประกอบไปด้วยความตั้งใจมาก เมื่อเกิดความตั้งใจในการเอาชีวิตมากย่อมเกิดบาปมาก เพราะบาปอยู่ที่ความตั้งใจ แต่หากเป็นสัตว์เล็กบาปกรรมก็จะเบาบางลงมาอยู่ที่แรงแห่งจิต
    .....แต่หากจะให้ดีที่สุดก็ควรละให้ถึงที่สุด แต่หากยังละเว้นไม่ได้ก็ควรทำให้เบาบางที่สุดมีโทษน้อยที่สุด
    .....ผู้น้อยขออนุโมทนามาด้วยประการ ณ ฉะนี้แล สาธุ.
     
  7. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    พืชมีชีวิต คราวนี้จะกินข้าวกินถั่วกินผักก็บาปอีกละซิ จะกินอะไรละทีนี้ :(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2011
  8. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ใช่ครับ
    พืชมีชีวิต(พลังชีวิต) เหมือนสัตว์,คน
    แต่พืชไม่มีวิญญาณเหมือน สัตว์,คน นะครับ
    เครไหมครับ
     
  9. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    แล้วเรื่องตัดต้นไม้ของพระสงฆ์นั้น เป็นข้อวัตรที่ห้ามทำนะครับ
    เราทั้งหลายเป็นฆราวาส อย่าไปคิดมากเลยนะครับ มันคนละส่วนกันนะ
     
  10. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    สาธุขออนุโมทนาในท่านทั้งหลาย
    .....การแสดงเหตุและผลในเรื่องของการกินเนื้อสัตว์นี้ อันเรานั้นก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายจะเห็นในเหตุและผลแห่งสัจจะธรรม ขอบุญกุศลทั้งหลายจงบังเกิดแก่ผู้ครองธรรมชอบนั้นเทอญ...สาธุ
     
  11. แชมป์คุง

    แชมป์คุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +279
    ขอบคุณครับผม อนุโมทนาสาธุการครับ ใช่ๆเลยประเด้นนี้หล่ะที่มีหลายๆคนอ้งถึงพระพุทธเจ้ายังฉันเนื้อเลย เราก็ฉันได้ ผมเองนับถือพระโพธิสัตว์กวนอิมครับ คำสอนของท่านอย่างหนึ่งี่เราๆน่าจะพอรู้ดัน การละจากการกินเนื้อผู้อื่นโดยท่านมีอุบายโกศลให้เริ่มจากเนื้อสัตว์ใหญ่ก่อน(วัว ทควาย) พอผมทานเจก็เริ่มมีคนว่าบ้าง แต่เราเองก็หลุดเองบ้างแต่จะพยายามครับผม ขอบคุณเจ้าของกระทู้น่ะครับ ผมจะำด้ไปบอกกับใครที่เขาสนใจอยู่ ไงแล้วอนุโมทนาด้วยน่ะครัับ
    เมี่ยว วิธีมหัศจรรย์อาตยะหกสะอาด
    สาน สัมพันธ์ดีแปรเปลี่ยนเป็นธาตุ
    กวน เพ่งว่างเพ่งรูปรู้สึกแน่
    อิม เสียงแท้หากได้ยินแสวงหา
     
  12. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    <TABLE id=post4736552 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 05-06-2011, 12:48 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #31 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->แชมป์คุง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4736552", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2008
    สถานที่: Samutsakhon
    ข้อความ: 158
    พลังการให้คะแนน: 61 [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4736552 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ขอบคุณครับผม อนุโมทนาสาธุการครับ ใช่ๆเลยประเด้นนี้หล่ะที่มีหลายๆคนอ้งถึงพระพุทธเจ้ายังฉันเนื้อเลย เราก็ฉันได้ ผมเองนับถือพระโพธิสัตว์กวนอิมครับ คำสอนของท่านอย่างหนึ่งี่เราๆน่าจะพอรู้ดัน การละจากการกินเนื้อผู้อื่นโดยท่านมีอุบายโกศลให้เริ่มจากเนื้อสัตว์ใหญ่ก่อน(วัว ทควาย) พอผมทานเจก็เริ่มมีคนว่าบ้าง แต่เราเองก็หลุดเองบ้างแต่จะพยายามครับผม ขอบคุณเจ้าของกระทู้น่ะครับ ผมจะำด้ไปบอกกับใครที่เขาสนใจอยู่ ไงแล้วอนุโมทนาด้วยน่ะครัับ
    เมี่ยว วิธีมหัศจรรย์อาตยะหกสะอาด
    สาน สัมพันธ์ดีแปรเปลี่ยนเป็นธาตุ
    กวน เพ่งว่างเพ่งรูปรู้สึกแน่
    อิม เสียงแท้หากได้ยินแสวงหา
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ...............................................................................................
    ประเสริฐสุดแล้ว..หนอท่าน
    .....อันท่านนั้นเป็นผู้มีจิตอยู่ในองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมนั้นถือว่าประเสริฐ..แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เรายังเห็นว่าคนทั่วไปหลงความเชื่อที่ว่ากินเนื้อหอยนางรมได้ยามถือศีลเจ...อันนี้ผู้น้อยก็เห็นเป็นสิ่งที่แย้งออก๑....และอีกเหตุผลหนึ่งคือการไม่กินกระเทียม ในข้อนี้ผู้น้อยก็เห็นว่ามีความคาดเคลื่อนหนึ่ง หากพินิจพิเคราะห์ให้ดีๆแล้วจะรู้ความเป็นมา หากมีโอกาสเราจักขอบรรยายธรรมนี้ให้ท่านเห็นว่าแท้จริงแล้วเป็นเช่นใด....
    .....ผู้น้อยนั้นมีความยินดีมากที่ได้ฟังกลอนของอนุตรธรรมนี้ที่ว่า...
    .....เวไนย์มิอาจคำนวน แต่จะขอฉุดช่วยให้หมด.....ความทุกมิอาจขจัดแต่ก็จะขอตัดให้สิน....ธรรมวิถีมิอาจหยั่งรู้แต่ก็จะขอเพียรให้จบ....พุทธภูมิมิอาจประมาณแต่ก็จะขอบรรลุให้ถึง..
    ...แต่บทกลอนนี้นั้นยังแฝงไปด้วยความหน่วงหนัก..ยังไม่เบาบาง..แต่ก็เป็นหนทางแห่งโพธิสัตว์ในเบื้องหน้า...ผู้น้อยก็จึงขออนุโมทนามาด้วยประการ ณ ฉะนี้แล..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  13. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    [​IMG]
    ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้โพสกระทู้ ผู้อ่านกระทู้ และผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ
     
  14. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ถ้าละได้ด้วยเมตตาก็น่าโมทนาครับ แต่ความเมตตามีหลายระดับบารมี เลือกปฏิบัติตามกำลังใจของเราดีกว่า คนคนหนึ่งไม่ทำชั่วเพราะกลัวบาป กับคนอีกคนไม่ทำชั่วด้วยเมตตา ผมว่ากำลังใจต่างกันลิบลับเลยนะครับ คนคนหนึ่งทำชั่วด้วยเมตตาผู้อื่นหรือเพื่อปกป้องสิ่งที่ตนรัก กับอีกคนทำชั่วเพราะปกป้องตนเอง กำลังใจก็ต่างกันอีกนั่นแหล่ะ สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ล้วนเป็นสิ่งที่ควรศึกษาและปฏิบัติตาม เรื่องการหยุดกินเนื้อนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงห้ามไว้ เมื่อคราวเทวทัตทูลขอ เพราะเห็นถึงความยากลำบากแห่งพระสาวกในภายภาคหน้า หากทรงอนุมัติคำขอของเทวทัตนั้น เพราะจะทำให้สาวกทั้งหลายได้รับความลำบากแห่งการบิณฑบาตร เพราะคนส่วนใหญ่ทานเนื้อ หากต้องทำอาหารเจ จึงจะใส่บาตรได้ สาธุชนก็จะได้รับความลำบากไปด้วย พระอริยะสงฆ์หลายองค์ ท่านก็เคยพูดไว้ ว่าวัวควายก็กินแต่หญ้าไม่เห็นเป็นอรหันต์สักตัว หากจะเถียงว่าวัวควาย เป็นสัตว์ไม่ใช่คน ก็ยิ่งเข้าใจผิดไปใหญ่ สัตว์ทั้งหลาย ทั้งเดรัจฉาน นรก สวรรค์ มนุษย์ล้วนกำเนิดมาจากสิ่งเดียวกัน เสมอกัน แต่ที่ต้องกำเนิดในภพภูมิต่างนั้นเหตุเพราะกรรมแห่งตน เพราะวิบากของกรรมที่ตนต้องเสวย ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนสาวก 4 ไม่มีข้อนี้ เรื่องห้ามการกินเนื้อ ก็อย่าให้มันเกินครูเลยนะครับ พระพุทธเจ้าท่านก็ได้เคยทำนายไว้ด้วย ว่าในภายภาคหน้า ลัทธิเทวทัตจะกลับมาอีก และจะทำให้คนหลงผิด จำนวนมากด้วย หมูเจไก่เจ มีไว้ทำไม หากตัดใจได้จริงต้องไม่ติดในรสชาติอาหาร สังวรณ์ในอาหารต่างหากเล่า
     
  15. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    <TABLE id=post4776935 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] วันนี้, 10:15 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #34 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พยัคฆ์นิล<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4776935", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    .....ดูก่อนเถิดหนอท่าน
    .....อันเราเห็นด้วยไปตามนั้นในเรื่องของความเมตตา....แต่อันเรานั้นก็ยังไม่เห็นด้วยกับท่านนั้นไปเสียทีเดียวทั้งหมดในเรื่องของคำสอน....ท่านนั้นกล่าวถูกต้องในเรื่องที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงห้ามในเรื่องของการกินเนื้อ แต่พระองค์ทรงบัญญัติห้าในเนื้อ๑๐ประการ...และพระองค์ทรงห้ามในการฆ่าสัตว์มีชีวิต ...
    .....ในส่วนนี้นั้นก็แล้วแต่ว่าผู้ใดนั้นจะมีวิธีการบำเพ็ญตนเช่นใด แล้วแต่แรงศรัทธาของเขานั้นเถิด "ส่วนเรื่องคำที่กล่าวว่าเกินคำครู" อันนี้ก็ต้องถามว่าครูนั้นมาจากผู้ใด หากท่านนั้นจะกล่าวว่าครูนั้นคือพุทธเจ้า...อันท่านนั้นก็จะฟังจุดประสงค์แห่งพระองค์มาผิดบิดเบือนเสียแล้ว เพราะพระองค์ทรงมิยินดีในการฆ่า และพระองค์จะไม่ทรงฉันท์เนื้อนั้นด้วยกลิ่นดิบ คือการสั่ง การกระทำด้วยพระองค์ .
    ....ซึ่งท่านสามารถพิจารณาคำเรานั้นในพระวินัยสงฆ์ จึงจะเห็นดั่งคำเราว่าแท้จริงแล้ว คำสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเช่นใด แล..... ด้วยประการเช่นนี้อันเราจึงเห็นว่า เรานั้นยังกล่าวอยู่ในคำครู คือคำสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น.
    .....ส่วนเรื่องในการกินเจ แต่ก็ยังมีการปรุงเจเทียบเคียงเนื้อเพื่อรูป....ด้วยเหตุนี้เราจึงยังเห็นว่า การกินอาหารเจเทียบเคียงรูปรสนั้น ยังเป็นการสร้างอุปทานในรูปรส ฉะนั้นก็ยังอยู่ในขั้น การปฏิบัติในหนทางแห่งเจ แต่ยังไม่ถึงผลแห่งคำว่าเจ ที่แท้จริง เท่านั้นเอง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  16. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมว่าผมอธิบาย ชัดเจนแล้วนะครับ กลับไปอ่านใหม่ดีกว่าไหม ผมชอบนะครับคนถือศีลกินเจ เพราะส่วนใหญ่จะจิตใจดี แต่หากจะกินเพื่อให้รู้สึกว่าตนเองสูงกว่าคนที่ไม่กินละก็ ผิดทางแล้วครับ เป็นการสร้างมานะเปล่าๆ
     
  17. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    ดูก่อนเถิดหนอท่าน
    ....เมื่อเราหยุดนิ่ง ทุกสิ่งจึงสงบ .....เมื่อเราขยับ ทุกสิ่งย่อมเคลื่อนไหว.... เหตุเกิดแต่เรา ผลนั้นก็ย่อมเกิดขึ้นที่เรา....เมื่อเราดับเหตุ เหตุนั้นย่อมไม่เกิด เมื่อเรารู้ผล แล้วไม่สร้างเหตุ ผลแห่งเหตุนั้นย่อมดับเช่นกัน......
    ....เรานั้นขอ อนุโมทนา....
     
  18. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    กระทู้เก่าที่นานแล้วด้วยเรายังเห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงอยากนำมาแสดงอีกครั้ง เพื่อบุญกุศลนั้นแล
     
  19. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ทำไมต้องอ้างแต่พระไตรปิฏก ถ้าหากว่าเราเป็นชาวพุทธแล้ว จิตใจของเราก็น่าที่จะมีความเมตตากรุณาอยู่มิใช่หรือ คนส่วนมากเห็นว่าสัตว์เป็นอาหาร แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นอาหาร มนุษย์ต่างหากเป็นฝ่ายอุปโหลกขึ้นว่านั่นคืออาหารเราต้องกินนั่น เราต้องกินนี่ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยการกินของมนุษย์นี้เป็นไปในแนวทางของการ พรากชีวิต เพื่อมาบำเรอชีวิต ผมขอใช้คำว่าบำเรอนะครับเพราะว่ามนุษย์นั้นชอบหาของแปลก ๆมากิน สนองความงมงายของตนเท่านั้น ในทางกลับกันถ้าสัตว์เห็นมนุษย์เป็นอาหารบ้างแล้ว พวกเราก็ไม่สมควรที่จะไปโกรธแค้นสัตว์เลย แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น แม้แต่แค่สัตว์ที่ดุร้ายทำให้เกิดรอยขีดข่วนเล็ก ๆน้อยมนุษย์เราก็ยกพวกกันไปทำร้ายให้เขาถึงตายแล้ว บางคนก็เห็นว่าเขาเกิดมาใช้กรรม ในเมื่อเขาใช้กรรมอยู่แล้วทำไมเราจึงไปจองเวรเขาด้วยการฆ่าล่ะ แล้วที่ในบทความข้างบนนั้นที่ว่าพระกินได้ไม่บาปเพราะได้พิจารณาแล้ว แต่ชาวบ้านกินแล้วบาปเพราะไม่ได้พิจารณา ก้แสดงว่าถ้าชาวบ้านหันมาพิจารณาหารอาหารแบบพระบ้างก็ไม่บาปใช่หรือเปล่าครับ ถ้ากระนั้นก็อย่าเลยครับ เราควรมาสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกันคือ ทั้งพระและชาวบ้านควรที่จะ บริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมชาวพุทธเราต่อไป เมตตาธรรมค้ำจุนโลก สวัสดี
     
  20. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425

    *****พิจารณาก่อนเถิดท่าน*****
    .....อันสรรพชีวิตทั้งปวงไม่จะเป็นมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย เรานั้นต่างประดุจเม็ดทรายในโลกนี้ ซึ่งกองทรายนั้นหากเรามองภาพรวมแล้วก็จะมองเห็นว่าเป็นสิ่งเดียวกัน แต่หากพิจารณาแล้วกองทรายนั้นต่างมีเม็ดทรายที่แยกออกจากกันฉันท์ใดก็ฉันท์. ในหมู่มนุษย์เราก็เช่นเดียวกันหากดูภาพรวมแล้วเราก็จะเห็นว่าเราทั้งหลายมีสภาพร่างกาย มีวิธีชีวิตเหมือนกัน แต่หากพิจารณาแล้วเราทั้งหลายต่างมีความคิดเห็นพิจารณาเป็นของๆตน.

    .....สิ่งที่ทำให้เม็ลทรายเกาะกุมกันแน่นจนเกิดรูปร่างเป็นโบสถ์วิหารนั้นก็เพราะหิน น้ำ และปูน ส่วนมนุษย์นั้นอยู่รวมกันได้ด้วยความศรัทธา บุคคลหนึ่งศรัทธาเช่นใดเขานั้นย่อมศรัทธาในเช่นนั้น อันบุคคลที่มีความศรัทธาเช่นเดียวกันเขานั้นย่อมรวมกันเป็นกลุ่มศรัทธา.
    .....พิจารณาก่อนท่านทั้งหลาย อันศรัทธานั้นก็ด้วยเกิดจากความเชื่อ ด้วยเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้ เชื่อว่าจะได้รับผลอย่างนั้น จะได้ผลอย่างนี้ ด้วยเขาเหล่านั้นเป็นผู้ยึดมั่นด้วยศรัทธาของตน หากมีผู้ใดไปลบหลู่ศรัทธาที่เขามี เขาผู้มีศรัทธานั้นย่อมต้องเกิดความขุ่นข้องหมองใจ.
    *****พิจารณาก่อนเถิดท่านทั้งหลาย เราจะให้ทุกสิ่งอย่างเป็นไปตามในใจของเราว่าจะต้องให้เป็นอย่างนั้นให้เป็นอย่างนี้ด้วยกันทั้งหมดทั้งปวงก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยบุคคลใดเป็นผู้พิจารณาศรัทธาของตน บุคคลนั้นย่อมเห็นว่าศรัทธาของตนเองนั้นถูกต้องเสมอ หากมีบุคคล๒คนมีความเชื่อมั่นในศรัทธาที่ต่างกัน บุคคลทั้ง๒ต่างก็กล่าวว่าความศรัทธาของตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง.

    *****พิจารณาก่อนท่านทั้งหลาย ในพุทธกาลองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงเผยแพร่พระธรรมในพุทธศาสนานี้ ในสมัยนั้นก็มีลัทธิอยู่มากมายที่มีหมู่คนศรัทธา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงไม่เคยสั่งสอนให้หมู่ภิกษุไปออกป่าวประกาศในหมู่ชนว่าลัทธิที่มีหมู่ชนศรัทธาทั้งหลายนั้นเป็นลัทธิที่ไม่ดี แต่พระองค์ใช้วิธีการเชิญชวนให้หมู่ชนทั้งหลายเข้ามาสู่ธรรมของพระองค์ด้วยพระองค์ทรงกล่าวว่า"ขอท่านจงมาดูเถิด" โดยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก็ทรงมิเคยไปบังคับ หรือกวาดล้อมผู้ใดให้เขาเข้ามาสู่ธรรมของพระองค์เลย ฉะนั้นสิ่งที่ท่านจะกล่าวว่าจะทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะต่างคนก็ยังมีศรัทธาต่างกัน เราจะไปบอกว่าการศรัทธาอย่างนั้นเป็นสิ่งถูกอย่างนั้นเป็นสิ่งผิดก็คงไม่ได้ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.
    *****อันบุคคลทั้งหลายศรัทธาเช่นใดบุคคลเหล่านั้นเขาย่อมยึดมั่นในสิ่งนั้น เมื่อจิตใจเขานั้นยังเป็นผู้ยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขาเหล่านั้นคลายความเพียรในหนทางนั้น ตราบใดที่เขายังไม่คลายความเพียรความยึดมั่นถือมั่นที่มี เขาเองก็ยังไม่อาจยอมรับในสิ่งใหม่ หากเขาทั้งหลายจะยอมรับพิจารณาในสิ่งใหม่ได้ก็ต่อเมื่อเขาทั้งหลายนั้นได้คลายใจเพื่อจะยอมรับพิจารณาแล้วนั้นเอง ....อันเราขออนุโมทนา.
     

แชร์หน้านี้

Loading...