กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    ของคุณ firse007 ฝึกได้ครับ
    จิตมีลักษณะกระแสของพลังงาน ซึ่งเกี่ยวกับการรับรู้
    พลังงานภายนอกต่างอยู่แล้วครับ ให้ปรับระบบหายใจพื้นฐาน
    ตามที่ได้อ่านมาแล้วนะครับ ใจเย็นๆในเรื่องการปรับค่อยเป็นค่อยไป
    ไม่ต้องรีบเอาพื้นฐานให้แน่นๆ ถ้าวันหนึ่งพื้นฐานแล้วดีแล้ว
    เราจะไปฝึกกรรมฐานอะไรก็จะไม่ยากด้วยครับ ไม่จำเป็นว่าจะต้อง
    ฝึกกสิณก็ได้..และทำระบบหายใจ ทำระบบการสร้างสติทางธรรมอย่าง
    ที่ได้แนะนำ ให้มันเป็นปกติในชีวิตเราก่อน เพราะว่ามันสำคัญมากครับ
    และที่สำคัญก็คือให้ตัดเรื่องการรับรู้สัมผัสพิเศษต่างๆทุกกรณี
    และสัมผัสพิเศษต่างๆที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง
    ออกไปทุกๆกรณีที่เราสัมผัสได้
    ให้ไม่ต้องสนใจและเฉยๆทุกกรณีครับ
    จนกว่าเราจะปั่นปฏิภาคนิมิตรกองกสิณกองที่เราชอบได้และจนกว่าจะเรียกขึ้น
    มาเป็นพลังงานกสิณกองนั้นๆบนมือให้ได้ก่อนครับ
    และให้ตั้งเป้า ว่าผลสำเร็จที่เกิด เราจะใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อบุคลลอื่นๆ
    และใช้ประโยชน์ในทางธรรทเท่านั้น อย่าคิดอะไรเพื่อตัวเองเด็ดขาดครับ

    ปล.ประมาณนี้ครับ
     
  2. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ขอขอบคุณ คุณณพ (ขอเรียกสั้นๆได้ไหมครับ) มากๆเลยครับ
    ผมขอความกรุณาอีกนิดนึงนะครับ ผมมีความรู้สึกว่า
    ทุกครั้งที่ทำสมาธิ เหมือนตัวเองดิ่งลงไปลึกเร็วมากๆ
    เหมือนตัวเองกำลังเข้าไปในหลุมอะไรซักอย่าง แล้วผมได้ลองเพ่งกสิณน้ำดูแล้ว จากน้ำที่อยู่ในขัน ผมรู้สึกจำภาพเหล่านั้นได้นาน ผ่านมาครึ่งวัน
    ผมแค่นึกในหัว ภาพนั้นก็ขึ้นมา
    ผมเลยอยากทราบว่า นี่คืออาการของอะไรครับ
    ถ้ารบกวนคุณณพ ก็ขออภัยด้วยนะครับ ผมไม่ฝึกเพื่อผลประโยชน์แก่ตนเองแน่นอนครับ ขอบคุณคุณณพมากๆเลยนะครับ คงจะต้องขอคำแนะนำอีกเรื่อยๆเลยครับ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    เค้าเรียกโดนนิมิตดูด สาเหตุเนื่องจากเราเข้าใกล้นิมิตมากเกินไป
    เพราะกำลังสติทางธรรมยังไม่พอในการที่ควบคุมตัวจิต
    ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ..และจะเป็นกันเกือบทุกคน
    พวกนี้ต้องสร้างสติทางธรรมเพิ่มคือเจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น
    ด้วยการเพิ่มช่วงเอี่ยวคือช่วงที่เราทำอะไรเป็นปกติเลยทำให้ลืมสร้างสติ
    เช่นเดินไปเข้าห้องน้ำ ไปล้างมือ ฯลฯ
    และเพิ่มการสร้างกำลังสมาธิสะสมเพิ่มในระหว่างวัน
    เพื่อช่วยควบคุมจิตด้วยการทำสมาธิเอาแค่ในระดับที่สงบ ๕ นาที ๑๐ นาที
    แต่ว่าทำบ่อยๆ มันถึงจะสามารถควบคุมจิตและรักษาระยะห่าง
    ระหว่างจิตกับนิมิตกสิณได้ และก็ควบคุมระยะห่างให้ดีๆอย่าเข้า
    ไปใกล้นิมิตกสิณ ถึงจะมีโอกาสปั่นนิมิตกสิณเพื่อสร้างกำลังจิตได้ในอนาคต
    ไม่งั้นจะเหมือนถูกดูดๆอย่างนี้เป็นปกติ บางทีมันอาจดูดเราไปโผล่โน้น
    โผล่นี้ บางทีก็หลุดโลก หลุดจักรวาลไปเลยก็มี
    ประเด็นหลักๆก็คือ จะทำให้เราเสียเวลาและทำอะไรไม่ได้
    ยกเว้นว่า ไม่ว่าเราจะถูดดูดไปที่ไหน แล้วเราก็ไปขึ้น นิมิตกสิณน้ำให้ได้
    แต่ว่า จะต้องตัดสภาพแวดล้อมให้ได้ก่อน และต้องฟิตเล็กน้อย
    ประมาณนี้ ไม่มีอะไรครับ พวกนี้ส่วนตัวเคยเขียนข้อควรระวังไว้แล้วครับ
    เรื่องถูกนิมิตดูดครับ แค่เราอาจจะไม่เข้าใจกิริยามันเฉยๆ
    เพราะถ้าเราปฏิบัติ บางทีมันจะยากในการใช้ภาษาสมมุติเท่านั้นเอง
    ต้องอาศัยการดูกิริยาที่เป็นนามธรรมให้ออกซึ่งมันจะคล้ายๆกันครับ
     
  4. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    แบบนี้ ก็เป็นปกติ

    แบบที่ผมแนะนำอาจไม่ใช่กรณีเดียวกับท่าน แต่ลองอ่านดูครับ

    นั่งสมาธิจนจิตนิ่ง นิ่งมากจนเห็นที่ตั้งส่วนใหญ่ของมโนวิญญาณ ตั้งที่ตรงหน้าผาก หรือกลางกระโหลก จิตจะดิ่งลงไปที่ท้อง จนจะสุดท้องแล้วจะลอยขึ้นมาหยุดที่ท้องใต้สะดือสองนิ้ว อันนี้ ผมสังเกตเห็นเป็นอย่างนั้น ตอนแรกคิดว่าตัวเองมโน แต่นั่งจะเจอบ่อยมาก สุดท้ายมีพระท่านสอนท่านพูดเป็นเรื่องปกติ ในการทำสมถะ อันนี้ ้พื่อไม่ให้มีบาปมีกรรมกันก็ไม่ขอพูดชื่อพระ คิดว่าหาอ่านจากเว็ปต่าง จากเนทได้ด้วยครับ ไม่ต่้องไปนั่งปฏิบัติกับท่าน

    ที่มันเเลื่อนลงเพราะพื้นฐานอารมณ์ของจิตมันตั้งที่นั้น ดังนั้น จิตจะไหลไปตามพื้นฐานอารมณ์ พวกกิเลส และอุปกิเลสนะครับ ต่อมาเมื่อฝึกอารมณ์อันเป็นที่ตั้งของจิตเปลี่ยนไป จิตมันจะเคลื่อนไป ลองค้นคว้าดูครับ เวลาคนตายถ้าจะตกนรก วิญญาณจะออกทางไหน เปรต อสุรกาย ้ดรัจฉาน มนุษย์ เทพ พรหม อันนั้นจะทำให้ทราบสภาวะจิตเราที่ถูกกิเลสดึงไป เมื่อทราบก็ตั้งจิตไว้ให้ชอบไว้ในธรรม มันจะตั้งที่กลางทรวงอก กลางกระโหลก เหนือศีรษะ ไม่เคลื่อนลง แต่อย่างไรก็ตาม จิตคนเรามันขึ้นลง ยังไงก็เคลื่อนเว้นแต่ มีธรรมที่ยั่งยืนจริงๆนะ อันนี้ คงยาก

    ปล. เรื่องจิตวิญญาณที่พูดนี้ เป็นระดับแบบชาวบ้านๆ นะครับ เอามาศึกษาเพื่อทราบว่า จิตมีกิเลส มีธรรมแตกต่างกัน ให้ผลต่างกันเช่นกัน จะได้รู้โทษของกิเลส ถ้าตราบใดไม่หลุดพ้นหรือบรรลุธรรมชั้นพระโสดาบัน จิตเราเมื่อนั่งสมาธิจะขึ้นลงตามจิตที่เดียวมีกิเลส เดียวมีธรรม
     
  5. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ก่อนอื่นขอขอบคุณ คุณณพ และ คุณณฉัตรมากๆเลยครับที่ตอบข้อสงสัยให้ผม
    สรุปแล้ว จิตผมยังไม่นิ่งพอใช่ไหมครับเลยเกิดอาการแบบนั้น
    เดี๋ยวผมจะลองฝึกพื้นฐานตามคำแนะนำของทุกๆท่านนะครับ
    แล้วได้ผลอย่างไร จะมาขอคำชี้แนะใหม่
    ผมสนใจการปฎิบัติแบบนี้มานานมากแล้วครับ แต่ไม่มีโอกาสได้ปฎิบัติจริงๆซักที ได้แต่อ่าน ศึกษาดู
    และยังไม่เข้าใจในจิตของตัวเองซักเท่าไหร่ ถ้าหากเป็นการรบกวน
    ก็ขออภัยทุกๆท่านด้วยนะครับ
    ขอบคุณครับ
     
  6. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    สงบแล้วครับ แต่มีสองทางให้เลือกทำ หนึ่ง ไม่ใส่ใจ เพราะถือว่าเป็นสิ่งไม่เที่ยง นั่งจนจิตเข้าถึงอารมณ์หนึ่งเดียว ให้ได้ก่อนแล้ว สมาธิบริสุทธิ์เลยแล้วค่อยฝึกใช้งาน หรือ

    สอง จากตรงนั้น มาฝึกต่อยอดคือ กสิณน้ำ หรือสายถอดจิต ถ้าฝึดสายกสิณท่านนพ สอนไว้ดีแล้วครับ หรือคนอื่นเค้ามีสอน ส่วนสายถอดจิต เออ ขอโทษพูดภาษาชาวบ้านนะครับ เอาให้ตรงคือ ถอดกายทิพย์ ก็นั่งแล้วทำความรู้สึกนั่น ที่ว่ามันดิ่งลงนั้นแหละ จนควบคุมมันได้ ควบคุมอารมณ์จิตได้ ไม่โลภ โกรธ หลง ทับกิเลสไว้ได้ จิตจะมีศักยภาพถอดกายทิพย์ได้ หรือจะยกเข้าวิปัสสนากายในกายที่ไม่ใช่ แบบถอดกายทิพย์หรือถอดจิตก็ได้ เพราะจิตมันมีสมาธิที่กายนั้นเอง เอามาดูกายก็ได้ ดูจิตก็ได้ สายนี้ มันจับอารมณ์จับธาตุได้ดีครับ
     
  7. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ครับ
    ถ้าผมจะลงมือฝึกกสิณน้ำเลย จะดีไหมครับ
    อยากสอบถามเรื่องการใช้งานซักหน่อยนะครับ
    การใช้งานนี้หมายถึงอะไรครับ แล้ว กสิณหนิการใช้งานมีแบบไหนบ้าง
    ผมเคยไปปฎิบัติธรรมเมื่อนานมาแล้ว พระท่านแนะนำให้ผมฝึกกสิณ
    เนื่องด้วยความเป็นเด็กอยู่ตอนนั้น เลยไม่เข้าใจ
    แต่พอโตขึ้นสงสัยกิเลสจะเยอะมั้งครับ ๕๕๕ ตอนนี้เลยจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย
    ผมอาจจะถามเยอะไปหน่อย รู้ครับว่ามันไม่ดี แต่อยากคลายสงสัยของตนเองสักเล็กน้อยก่อนปฎิบัติจริงๆหนะครับ ขอบคุณครับ
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    การใช้งานหมายถึง เราไม่จดจ่อที่อารมณ์สมาธิ หรือเอาแค่ผลของสมาธิ เราใช้งานสมาธิ คือ เอามาใช้ทำงานทุกชนิดให้สำเร็จ ที่ใช้งานถูกประสงค์ของการฝึกสมาธิ คือ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น จากทุกข์นั้นเอง อธิบายสั้นๆ

    ส่วนจะฝึกกสิณน้ำ ถามคุณนพ หรือหาอ่านจากเว็ปนี้ได้เลย มีเขียนแล้ว
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    เรื่องการใช้งาน ที่คุณ ณฉัตร อธิบาย ถือว่าเป็นหลักการนั่นเอง. ซึ่งก็ควรเป็นอย่างนั้น.....
    โดยทั่วๆไปแล้ว ถ้าเรามาถึง ในระดับใช้งานได้จริงแล้วนะ
    ร้อยทั้งร้อย แทบไม่ต้องไปถามใคร เพราะมันจะมี
    เครื่องรู้แบบอัตโนมัติของมันตรงนี้เกิดขึ้นได้เอง..
    แต่ถ้าไม่รู้อะไรตอนนี้ หรือแค่อยากรู้ ก็จะบอกว่าจะใช้งาน
    ยังไงก็ได้ขอให้ใช้งานแล้วเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น
    มีประโยชน์ในทางธรรม และที่สำคัญรู้หลัก รู้เวลา รู้กาล
    ยังไงก็ได้ ที่จะไม่กระเทือนกับฝ่ายภพภูมิ และใช้แบบประนีประนอม
    รวมทั้งรู้อุเบกขา ใช้แล้วก็รู้ละ รู้ปล่อย รู้วาง รู้ว่าง.
    และไม่คาดหวังผลใดๆที่จะได้รับต่อตัวเองในทุกๆกรณี
    มีความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งกระทบภายนอกต่างๆได้ดี....
    ไม่ใช่มีใคร ด่าพ่อล้อบิดามารดา เราเกิดหมั่นไส้
    แล้วไปทำร้ายทำลายเค้าอย่างนี้ไม่ใช่

    เพราะบางกองมันอันตรายมาก เช่น กสิณดิน
    มันมีความสามารถ เพิ่มความหนาแน่นของธาตุที่ประกอบ
    ขึ้นเป็นร่างกายได้ มันจึงข้ามเครื่องป้องกันต่างๆ
    ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คลอบร่างกายได้ทั้งหมดได้
    ทุกๆเครื่องป้องกัน.พอเข้าใจนะ..
    ดั้งนั้นในทางตรงข้ามถ้าเรามีกำลังจิตตรงนี้
    ไม่ว่าอะไรก็ตามทางนามธรรมที่จะทำร้ายร่างกายเรา
    ที่ถูกส่งมาจากที่อื่นๆก็จะทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่า
    เรามีความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับธาตุที่เป็นพื้นฐาน
    ก่อนที่รวมเป็นกาย พอเข้าใจประเด็นนี้เนาะ
    ถ้าเราภูมิต้านท้านต่อสิ่งเร้าต่ำ แล้วไปกำหนดให้ขึ้น
    ที่เส้นเลือดในสมองคนอื่นๆ แค่ ๒ นาทีกว่าๆ
    เส้นเลือดในสมองก็ใกล้จะแตกแล้ว เพราะฉนั้น
    เรื่อง ภูมิต้านทานเราต้องดีจริงๆ ถ้าไม่ชนิดที่ว่า
    เค้าไม่มาเหยียบจมูกเราจนเราจะขาดอากาศหายใจจริง
    และเราจะตายๆจริงๆ อย่าใช้เด็ดขาด
    เข้าใจนะ นิสัยสุนัขชอบเห่า เราก็ปล่อยให้มันเห่าๆไป
    ซักพักเด่วมันก็เห่าๆ และเลิกสนใจเรา
    แต่ถ้ามันไม่ไป เราก็เรียกมันดีๆ ทำท่าทีว่าเราไม่เป็นพิษเป็นภัยกับมัน
    เด่วมันก็มาเป็นมิตรกับเราเอง ส่วนมันจะอยู่ใกล้เราต่อ
    หรือไม่ก็เรื่องของมัน..

    . ส่วนสุนัขที่ไม่เห่าที่มันนิ่งๆ สุนัขจอมกัด สุนัขจอมบู๊ทั้งหลาย
    เราก็ยิ้มๆเอาไว้ ให้มันรู้ว่าเราเป็นมิตร
    อย่าไปแสดงท่าทีว่าเราจะเป็นภัย
    หรือไปวางท่าว่าเราเก่งกว่ามัน เพราะพวกสุนัขบู๊
    มันจะชอบลองของ..และถ้าเรายิ้มและเมตตาแล้ว
    แต่ลึกๆเราก็ต้องพร้อมที่จะป้องกันตัวไว้ก่อนนะ
    ให้มันแค่รู้ว่าเราก็พอมีอะไรนะ
    แต่ ไม่ใช่ไปท้าหรือพร้อมที่จะทำร้ายมันนะ
    ไม่งั้นมันก็พร้อมที่จะกัดเราได้แบบ
    ไม่ให้เรารู้ตัวนี่คือ นิสัยสุนัขพวกนี้
    อุปมาอุปไมย
    เล่าให้ฟังเฉยๆ...


    ส่วนถ้าจะฝึกกสิณน้ำ เลยก็ดี เพราะว่านิมิตกสิณน้ำมันใส
    มันเลยเป็นการบังคับให้จิตสร้างความสามารถพิเศษทางตา
    อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด ก็คือ ในระดับการใช้งานได้
    เราจะสามารถใช้งานกสิณไฟได้ ในแบบที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อ
    ตัวจิตและร่างกายของเราในอนาคต ถ้าไม่มีกสิณน้ำแล้วไปเพียว
    กสิณไฟเลย แล้วดันเผลอไปใช้งานได้ขึ้นมา ประกันได้ความร้อน
    ที่เกิดไม่ใช่ร้อนแบบธรรมดา เพราะมันจะร้อนออกจากตัวจิตเลย
    เป็นความร้อนระดับของธาตุ ซึ่งมันจะทำให้เราห้าว บ้าพลัง แสดงกล้าม
    กลายพันธ์และลักษณะนิสัยเราจะไปเหมือนพวก ภูมิอสูรกายได้ ๕๕๕
    ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๒ ถึง ๓ วันกว่าจะปรับสภาพจิตใจให้กลับ
    เป็นปกติเหมือนๆมนุษย์ทั่วๆไปได้
    และถ้าขึ้นกสิณน้ำได้ มันจะเอามารวมกับไฟได้
    ผลก็คือ จะใช้กสิณไฟในเวลาลืมปกติ
    โดยที่จะไม่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจเรา

    ถ้าการใช้งานทางกิริยาแล้ว ก็คือ การนำพลังงานต่างๆที่ได้จากกสิณนั้น
    มาใช้งานนั้นเอง ส่วนหลักการใช้งานก็ตาม ที่คุณ ณฉัตร บอก..
    แต่ก่อนจะใช้งานได้ พื้นฐานคือจะต้อง ดึงพลังงานจากกสิณให้
    ขึ้นมาบนฝ่ามือให้ได้ก่อน ย้ำว่าตรงนี้เป็นพื้นฐานนะ และก่อนที่
    จะใช้งานได้จริงๆ จะต้องรู้จัก การหนุนพลังงาน การส่งพลังงาน
    การดึงพลังงาน การดูดพลังงาน(การส่ง ดึง ดูด จะเกี่ยว
    ข้องกับการเชื่อมเส้นสายพลังงานภายนอก)
    และการเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน

    แต่ที่สำคัญและสำคัญมากที่สุด ว่าสิ่งที่พูดให้ฟังก่อนหน้านี้
    จะเกิดขึ้นกับเราได้หรือไม่ จะทำให้คนอื่นๆรับรู้สัมผัสได้จริงๆหรือไม่
    จะใช้งานได้เกิดผลจริงๆหรือไม่ หรือเอาไว้เป็นแค่ประสบการณ์
    เรื่องเล่าก็คือ เราจะต้องผ่านการทดสอบ
    จากครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ
    หรือเรียกง่ายๆว่าฝ่ายภพภูมิ ใน ๓ เรื่องหลักๆ
    ๑.เรื่องความฉลาดในการใช้งานกสิณกองต่างๆในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    ๒.การผ่านเรื่องความตาย หรือเรื่องการกลัวตาย ทริคที่จะผ่านคือ
    ไม่ว่า ภพภูมิไหน หรือ อะไรก็ตามจะทำร้ายเรา เราจะไม่ใช้กสิณ
    ที่ทำได้ในนิมิตเลยได้หรือไม่ ตรงนี้ลองดูนะ..
    ๓.และผ่านเรื่อง เมตตา ต่อคน สัตว์ สิ่งของ ในนิมิตอย่าลืมว่า
    ในนิมิตมันจะเป็นอะไรลึกๆของเรา ที่เวลาปกติเราไม่ทำอยู่แล้ว..
    ผ่าน ๓ เรื่องนี้เรื่องที่เล่าให้ฟังมา มันจะพลิกจากที่ทำได้ในนิมิต
    ให้ขึ้นมาทำได้ใช้ได้ในขณะลืมตาปกติได้ของมันเองอัตโนมัติ
    หรือจากโลกนามธรรมมาสู่โลกแห่ง รูปธรรม อย่างที่อธิบาย
    หรือพูดให้เชื่อได้ยาก ถ้าไม่เคยรับรู้ หรือสัมผัสด้วยตัวเอง...


    นัยยะ ''เราทุกคนรู้ว่า ปลายทางของเราอยู่อีกฟากฝั่งแม่น้ำ
    ตอนนี้เราก็เหมือนมีต้นทุนที่จะพอมีเรือเป็นพาหนะให้พายข้ามฝั่งได้
    โดยไม่ต้องว่ายน้ำข้ามเองให้เหนื่อยเหมือนใครเค้า
    แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ในขณะที่เรากำลังจะข้ามไปนั้น
    เราจะหาคนที่จะเป็นท้ายเรือให้เราได้หรือไม่
    เราจะหาเพื่อนที่ต้องการแค่ไปส่งเราข้ามฝั่งได้หรือไม่...
    ในระหว่างทางเราอาจจะเจอคนที่ว่ายน้ำระหว่างทาง
    แล้วเค้าอาจจะขอขึ้นเรือกับเรา หรือบางคนเราก็อยากจะช่วยเค้าเอง
    บางคนที่เราไม่ชอบ แล้วจะว่ายมาเกาะเรือเรา
    เราก็สามารถที่จะใช้ไม้พายตีเค้าเพื่อไม่ให้มาเกาะเรือเราได้เช่นกัน
    แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเค้าเหล่านั้นคนใดคนหนึ่งที่ขึ้นเรือเรามาแล้ว
    จะไม่พลักเราลงน้ำแล้วแย่งเรือเราไปในวันข้างหน้า
    หรือพวกที่ว่ายน้ำอยู่เค้าจะไม่พยายามหนุนให้เรือเราจม
    เพื่อหวังครอบครองเรือเรา
    เพราะฉนั้น
    เพื่อนร่วมเดินทางที่พร้อมจะคอยป้องกันภัยให้เราตรงนี้จึงสำคัญ
    เป็นที่มาของการอุทิศส่วนกุศล สร้างตัวเองให้ถึงพร้อมเพื่อหา
    เพื่อนร่วมทางอย่างนี้ให้ได้
    และเราก็ต้องไม่ประมาทและไม่ลืมว่า
    ถ้าเรือเราล่มมันก็หมายถึงทุกคนบนเรือ
    ก็ต้องตกน้ำทุกคนเหมือนกัน...
    และเมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่มีใครเค้าแบกเรือขึ้นฝั่งไปด้วย....
    ส่วนเพื่อนร่วมทางที่เคยอยู่บนเรือ.เค้าจะพายเรือกลับไป
    รับใครระหว่างทาง หรือกลับไปรับใครที่ฝั่งก็เรื่องของเค้า...
    เพราะเมื่อถึงเวลาที่เพื่อนเหล่านั้นจะขึ้นฝั่ง
    ก็ไม่มีใครแบบเรือขึ้นฝั่งเช่นเดียวกัน''

    ปล.ส่วนตัว ๒๐ กว่าครั้งกว่าจะแค่พอผ่านนะ ให้พอใช้งานได้
    ในชีวิตอดีตไม่เคยแม้จะตั้งใจตบยุงมาเกือบยี่สิบปี
    เอาไว้ เจอกับตัวถึงจะรู้...ประมาณนี้...
     
  10. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ขอบคุณ คุณณพมากๆครับที่ไขข้อกระจ่างในใจผม
    เมื่อวานนี้ได้ลองเพ่งกสิณน้ำแล้ว
    ตอนนี้เมื่อหลับตาก็เกิดภาพ แก้วน้ำและน้ำในแก้ว โดยที่ไม่ได้นึกอะไรนอกจากคำว่าน้ำเลย.
    ไม่ทราบว่า ผมมาถูกทางหรือยังครับ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    ถูกทางซิ ๕๕๕
    ระดับอุคคนิมิต ขอให้เห็นเป็นน้ำจริงๆ ใส มีคลื่น แต่ไม่มีฟอง แล้วเข้าถึงให้ได้บ่อย
    และไม่ต้องสนใจการเห็นต่างจากนี้ที่ไม่ได้บอกไว้ทุกรูปแบบ เรื่องมองในอากาศ
    หรือหลับตาได้แล้วเห็นน้ำ ถือว่าดี ให้เฉยๆไว้ก่อน...
    เข้าถึงระดับอุคคนิมิตน้ำให้ได้บ่อยๆ ไม่ใช่อยู่ให้นานๆนะครับ แต่เข้าให้ได้บ่อยๆ
    และให้รักษาระยะห่างนิมิต ให้ดีๆ เด่วจะถูกดูดไปอีกมิติ จะกลายเป็นโหมด ท่องเที่ยวแทน ๕๕๕
    ระหว่างวันให้ทำสมาธิเอาแค่สงบ ๕ นาที ๑๐ นาทีเพิ่มเติมและ
    เจริญสติให้ต่อเนื่องขึ้น เด่วจะพัฒนา ไปจนถึงระดับปภิภาคนิมิตได้
    ปฏิภาคนิมิต ลักษณะมันคือ มันจะมีความสว่างในตัวของมวลน้ำแต่ละตัวนะ
    ไม่ใช่สว่างทีเดียวทั้งหมด(แบบนี้ระดับปฐมฌานก็เกิดได้ พอหลอกให้เรา
    ดีใจเล่น) และสว่างในตัวเองนั้นเพราะมันรวมๆกันมันเลยจะดูสว่างทั้งหมด
    ถึงตรงนี้ เกรงกล้ามไว้ ๕๕๕ แล้วปั่นให้มันหมุนให้ได้ ในขณะที่คิดจะปั่นมันจะลด
    อารมย์ลงมาเห็นน้ำเพื่อให้ปั่นได้เองอัตโนมัติ ปั่นในระดับนี้ได้ มุมที่จะปั่นได้
    คือ birdview คล้ายเรายืนบนระเบืยงชั้น๒ แล้วมองมาที่พื้น..
    ถ้าปั่นได้เพียง ไม่กี่วินาทีก็จะเรียก
    เป็นพลังงานกสิณขึ้นมาได้แล้วสำหรับกองนี้
    ประมาณนี้..จัดไป.
     
  12. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    อ๋อ เข้าใจแล้วครับ
    ตอนนี้ไม่ว่าลืมตาหรือหลับตา เพียงแค่นึกถึงน้ำที่เพ่งเพียงนิดเดียว
    ก็จะเห็นเป็นดวงๆ วงกลมๆที่เป็นน้ำ มีความกระเพื่อมเล็กน้อย ใสๆ
    ขอบคุณคุณณพมากๆเลยนะครับ
    เดี๋ยวจะฝึกสมาธิระหว่างวันต่อไปตามคำแนะนำครับ
    ตอนนี้อยู่ที่ทำงานก็ยังทำได้ใช่ไหมครับ ๕๕๕
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    เอาตามสดวก เพียงแต่ว่าเวลาเรา
    อยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมหรือสภาพสังคม
    ควรให้ดูกลมกลืนอย่างแยบยล
    ได้อย่างแนบเนียนก็พอ

    ปล.ประมาณนี้หละ...
     
  14. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    มาขอคำชี้แนะ (ตามเคย ๕๕๕)
    อยากทราบว่า อาการนี้คืออะไรครับ
    จากที่ได้ฝึกมาสักพักแล้ว ตอนนี้เวลาว่างจากการทำงานระหว่างวัน
    ได้ทำสมาธิแล้วพ่อพูดในใจว่าน้ำ หรือ อาโป ภาพที่ได้จากกางเพ่งก็ปรากฎ
    ทันที ลืมตา แล้วหลับตาใหม่คราวนี้ไม่ได้ทำสมาธิอะไร
    แค่นึกถึงน้ำ หรือ พูดว่าอาโปในใจ ก็เกิดภาพน้ำที่เพ่งไปขึ้นมาทันที
    โดยที่ ผมได้เพ่งไว้ตอนตื่นนอนตอนเช้า ระหว่างวันไม่ได้เพ่งอะไร
    ตอนนี้เห็นภาพที่เพ่งเมื่อเช้านั้น ชัดทุกครั้งที่ หลับตาแล้วพูดว่า น้ำ หรือ อาโป
    อยากทราบว่า นี่คือนิมิตรหรือผมนึกไปเองครับ และควรทำอย่างไรต่อไปครับ
    ขอบคุณครับ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    เรื่องปกติมาก การนึกแล้วเกิดก็เป็นกิริยาแบบหนึ่งเท่านั้น
    เวลาใช้งานได้จริง มันจะเร็วกว่าที่จะคิดได้ด้วยซ้ำเรื่องธรรมดา

    และขอย้ำว่าห้ามสนใจกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างทางทุกกรณี
    จนกว่าปั่นปฏิภาคนิมิตรได้ และเรียกเป็นพลังงาน
    ขึ้นมาบนมือได้ มันจะทำให้ช้า และทำให้หลงตัวเองได้..
    ฝึกแนวๆนี้ มันมี จะเกิด สัมผัส สิ่งที่เห็น อะไรพิศดารๆ เป็นเรื่องปกติ
    ที่มันจะสร้างเพื่อ หล่อหลวงเราให้ไปติดกับดัก
    เป้าหมายมันก็คือ ทำให้เราไปยึด เพื่อขวางการใช้งาน
    ได้ในรูปแบบพลังงานนั่นหละ เพราะฉนั้น..ต้องระวังดีๆเน้อ..
     
  16. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    อ๋อ
    แสดงว่า เราต้องฝึกต่อไปไม่ต้องสนใจกิริยาใดที่จะเกิดใช่ไหมครับ
    แล้วอาการลักษณะที่กล่าวไป สามารถปั่นปฎิภาคได้หรือยังครับ
    ผมยังไม่เข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับ ปฎิภาคนิมิตรและการปั่นเลย
    ขอความกรุณาอธิบายสั้นๆอีกรอบได้ๆไหมครับ
    ถ้าหากเป็นการรบกวน ก็ขออภัยด้วยนะครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,436
    ค่าพลัง:
    +35,021
    อ่านที่เคยเขียนไปอีกรอบ ไม่ต้องรีบร้อน ได้อธิบายกิริยา
    ค่อนข้างละเอียดแล้วรับรองว่าหาค้นที่ไหนไม่ได้หรอก
    พวกนี้ต้องลองทำดูให้ได้ก่อน เตือนอะไรไว้บ้าง ก็อย่าทำ
    พอเข้าถึงแล้ว เด่วมันจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ไม่งั้นถึงอธิบายอีก
    มันก็จะงงๆแล้วก็อ่านข้ามไปอีก เด่วจะมาถามที่เคยอธิบายไปแล้วซํ้าอีก
    มันจะเสียเวลา เสียความตั้งใจที่ได้เคยแนะนำไปก่อนหน้า
    กรรมฐานพิเศษแบบนี้เค้าไม่ถามซํ้าถ้าไม่ได้ไปทำมาก่อน
    และทางภพภูมิท่านไม่เคยพูดแนะเป็นครั้งที่สอง
    ถ้าครั้งแรกไม่ได้คือจบ เรามีคนมาคอยอธิบายให้
    บอกรายละเอียดย่อยให้ขนาดนี้ ควรอ่านให้ดีๆก่อนที่จะถามซำ้
    และแม้ว่าบอกละเอียดแค่ไหน
    แต่ถ้าไม่ทำดูก่อนประกันได้เลย
    จะลืมล้านเปอร์เซนต์
    แต่ถ้าไปทำ จะทำได้
    และไม่ลืมและรู้ในรายละเอียด
    ทุกขั้นตอน. ประมาณนี้ พอเข้าใจนะ
     
  18. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมถามซ้ำไปซ้ำมา
    พอดีลืมนึกไปว่ามีเขียนไว้
    ขอบคุณมากๆครับที่แนะนำและตักเตือน
     
  19. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๑.๓๖

    อ้าวอ้าว...ท่านอาจารย์นพ งานเข้าซะแล้วดิ ฮิฮิฮิ

    เราอ่านไปอ่านมา ใช้วิชาอ่านหาเรื่อง เข้ามาจับดูแล้ว
    เค้าว่าท่านนพแน่เลย หึหึหึ ไม่เจ๋งจริงแล้วมาเที่ยวสอนชาวบ้านเค้าอ่ะ ๕๕๕

    ลุยเลยท่านนพ สู้เค้า ท่านนพสู้สู้
    โชว์พาวกสิณให้ท่านไอ้ร่อนแมนดูหน่อย
    เค้าจะได้รู้ ว่าแถวนี้ก็มีมือโปรอยู่นะ จะบอกให้ ๕๕๕


    กระต่ายป่า หาเรื่องให้ / ยุแยง ตะแคงรั่ว

    .
     
  20. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ สมัยพุทธกาลมีพระภิกษุที่ไม่สำเร็จแม้โสดาบัน มีลูกศิษย์เป็นพระเป็นเณร สอนจนลูกศิษย์เป็นพระอริยะ พระอรหันต์ไปหลายองค์ เพราะเชี่ยวชาญด้านปริยัติ ในเว็ปนี้จะเก่งปฏิบัติด้วยจะระดับไหน แค่เก่งปริยัติก็เป็นประโยชน์ต่อศาสนาครับ

    ถ้าจำไม่ผิด อนาคตถ้าใครจำปริยัติได้แค่ประโยคหนึ่ง มีค่าเท่ากับทองคำหลายบาท

    ฉนั้น ใครจะมีกิเลสมาก แต่จำได้ จำคำพุทธองค์ได้ก็น่าเคารพแล้ว ดีกว่าคนดูหนังจำละคร ส่วนเรื่องกสิณ ถ้าใครเอาคำอื่นมาพูด แล้วถ้าพูดแล้วคนฟังไปปฏิบัติได้ ตามที่พูด ก็เหมือนมีคนมาบอกว่า มีคนบอกว่ามีสึนามิมา ไอ้คนที่เหลือไม่เห็นสึนามิหรอก ไอ้คนบอกก็พูดตามคนอื่นมาอีก ฮือหนีตายได้จริง ก็มีบุญคุณแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...