กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    เย้ย เจนขนลุกเลยอ่ะพี่
    มีเกี่ยวกับนางพญา จริงๆด้วย
    สาธุๆ ขนลุกจริงๆ
     
  2. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    มีสัญญาเดิมไรกับพระนางไหมนั้น 55
     
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    ".....นางพญาเสือเลือดขาวคาดว่าคือพระนางมัสสุรี....."


    ************************************

    เกาะติดความฝันของหมูเจน...น่าสนใจ
    หลังจากที่คุณเอกดึงเรื่องราว....
    ..."นางพญาเสือเลือดขาวกับพระ
    นางมัสสุรีหรี"
    ...ใช่คนเดียวกันหรือไม่...55 ไม่ทราบเหมือนกัลล์


    เช้านี้จะพาไปเจาะเรื่องราวพระนางมัสสุรีที่เกาะลังกาวี

    และเพราะครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว
    ...เคยไปแอ่วที่นั่น
    จำได้ว่า...ขึ้นเรือโดยสารที่ท่าเรือสตูล
    จำได้ว่า...เห็นรูปนกอินทรีผงาด...เห็นแต่ไกลๆ
    จำได้ว่า...หาดทรายดำแต่ไม่ได้ดำ...ดำๆอย่างที่คิด
    จำได้ว่า...ในเมืองเล็กๆแห่งนี้มีร้านบะหมี่คนจีน
    ...ที่อร่อยที่สุดในโลก(เส้นบะหมี่หอมอร่อยมาก)

    ....ลองอ่านดู
    **อ่านสนุกครับ**


    **********************************

    แกะรอยมนต์ขลัง...เกาะลังกาวี
    350,458อ่าน


    lan.jpg

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คมชัดลึก
    lovelycheerful.th.gs

    "ยินดีจะเสียชีวิต แต่ถ้าบริสุทธิ์ขอให้เลือดตัวเองเป็นสีขาว และขอให้เกาะลังกาวีไม่มีความเจริญ ไม่ให้พบกับสันติสุขไปจนถึง 7 ชั่วโคตร" นี่คืออาถรรพ์คำสาปที่ "พระนางเลือดขาว" หรือ "พระนางมัสสุหรี" ได้เอ่ยปากสาปแช่ง "เกาะลังกาวี" ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์... ใครจะสามารถถอนคำสาปนี้ได้... ใครจะทำให้เกาะลังกาวีเจริญและพ้นจากคำสาปนี้ได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปค้นหาคำตอบของเรื่องราวต่างๆ พร้อมๆ กับเจาะลึกชีวิตของทายาทรุ่นที่ 7 ของ "พระนางเลือดขาว" กันค่ะ แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับ "เกาะลังกาวี" กันซะหน่อย...

    "เกาะลังกาวี" (Langkawi) ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ใกล้ฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย อยู่ในรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ตรงข้ามกับเกาะตะรุเตา ใกล้กับชายแดนไทย อยู่ห่างจากเมืองกัวลาเปอร์ลิส ประมาณ 30 กิโลเมตร และเมืองกัวลาเคดะห์ 51 กิโลเมตร แต่เดิมเกาะลังกาวีเคยเป็นดินแดนของเมืองไทรบุรีที่ตั้งโดยชาวไทยที่เป็นสยามอิสลาม อยู่กับอาณาจักรสยามมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงรัชกาลที่ 5 และได้เสียดินแดนส่วนนี้ให้กับประเทศอังกฤษในที่สุด


    Pra.jpg

    สำหรับเรื่องราวของ พระนางเลือดขาว หรือพระนางมัสสุหรี เป็นหญิงสาวชาวภูเก็ตที่อนุชาองค์สุลต่านแห่งลังกาวี ทรงเลือกเป็นคู่ครอง เนื่องจากพระนางเป็นหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อม ทั้งงานบ้านงานเรือนและความสวยงาม ทั้งๆ ที่ทางราชวงศ์ได้คัดเลือกหญิงสาวชาวลังกาวีหลายคนให้พระอนุชาเลือก แต่ก็ไม่ถูกใจ กลับมาถูกใจสาวไทยชาวภูเก็ต

    พระนางมัสสุหรี มาอยู่กับพระอนุชาของสุลต่านในฐานะพระชายาองค์รอง แต่ด้วยเหตุที่พระชายาองค์ใหญ่ ซึ่งมีฐานะเป็นปะไหมสุหรี มีบุตรเป็นหญิง ส่วนพระนางมัสสุหรี มีบุตรเป็นชายชื่อ "วันฮาเกม" ตามกฎของสำนักพระชายาที่มีบุตรเป็นชายจะได้รับตำแหน่งปะไหมสุหรี ทำให้ชาวลังกาวีที่เป็นพระญาติของปะไหมสุหรีองค์เดิมเก็บความอิจฉาไว้ลึกๆ

    หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้เกิดสงคราม มีเหตุให้พระอนุชาขององค์สุลต่าน ซึ่งเป็นพระสวามีของพระนางมัสสุหรี ต้องเดินทางออกรบกับกองทัพไทยที่บุกมาโจมตี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของผู้ที่ปองร้ายคิดร้าย ต่างหาเรื่องสร้างสถานการณ์ว่า พระนางมัสสุหรีแอบคบชู้ ทำให้องค์สุลต่านตัดสินประหารชีวิตพระนางมัสสุหรีด้วยกริช โดยที่สวามีของนางไม่อาจกลับมาช่วยเหลือได้ทัน

    ซึ่งก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระนางมัสสุหรีได้อธิษฐานว่า "หากนางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง และขอให้เกาะลังกาวีไร้ความเจริญไป 7 ชั่วคน" แต่เมื่อเพชฌฆาตลงคมกริชประหาร คมกริซนั้นกลับไม่ระคายผิวนางเลย เมื่อเป็นเช่นนี้พระนางมัสสุหรีจึงบอกกับเพชฌฆาตให้กลับไปนำกริชพิเศษของต้นตระกูลจากบ้านของนางมา และเมื่อคมกริชจรดลงไปบนคอของนาง โลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นข้างบนราวกับเป็นร่มโดยไม่ตกลงบนพื้นดินเลย องค์สุลต่านเองก็ช่วยชีวิตพระนางไม่ได้ เพราะพระนางมัสสุหรีเสียเลือดมากแล้ว ด้านพี่ชายของพระนางมัสสุหรีเกรงว่าหลานชายวัย 5 เดือน ทายาทคนเดียวของพระนางมัสสุหรีจะมีภัย จึงนำลงเรือล่องมายังเกาะภูเก็ต และเริ่มตั้งรกรากที่นี่ โดยโอรสของพระนางมัสสุหรีเติบโตขึ้นมีนามว่า "โต๊ะวัน" นับเป็นทายาทรุ่นที่ 1

    สำหรับสุสานของนางมาซูรีนั้น มีสุสานที่สร้างด้วยหินอ่อน และคำจารึกภาษามาเลเซียและภาษาอังกฤษ ซึ่งจัดสร้างทำขึ้นภายหลัง มีข้อความว่า . . .

    MAHSURI BINTI PANDAK MAYAH
    MAHSURI A VICTIM OF TREACHERY AND JEALOUSY WAS SENTENCED TO DEATH IN 1235 HIJRAH OR 1819 A.D. AS SHE DIED SHE LAID A CURSE ON THE ISLAND "THERE SHALL BE NO PEACE AND PROSPERITY ON THIS ISLAND FOR A PEROID OF SEVEN GENERATIONS''

    แปลความได้ว่า . . .

    มัสสุหรีผู้รับเคราะห์กรรมจากการทรยศหักหลัง และความอิจฉาริษยาจนถูกตัดสินให้นางถึงแก่ความตายลง เมื่อศักราช (อิสลาม) 1235 หรือ คริสต์ศักราช 1819 (พ.ศ. 2362) นางสิ้นชีวิตลงพร้อมกับคำสาปแช่งที่แห่งนี้ว่า ''จะไม่เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้ เป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน''


    sir.jpg



    และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา "เกาะลังกาวี" ก็เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุข เพราะมนตราแห่งการสาปแช่งของพระนางมัสสุหรี มาตั้งแต่ พ.ศ.2362 เป็นเวลา 181 ปี ตกอยู่ในอำนาจของคำสาปที่มืดดำเฉกเช่นชายหาดที่มีสีดำ นัยว่าเกาะแห่งนี้ถูกอำนาจแห่งความบริสุทธิ์นั้นสาปแช่งให้จมอยู่กับความตกต่ำ เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง 7 ชั่วอายุคน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เกาะลังกาวีกำลังจะผ่านพ้นช่วงแห่งความมืดมิด เพราะได้ผ่านพ้นมาแล้ว 6 ชั่วอายุคน และก้าวเข้าสู่คนรุ่นที่ 7 ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นผู้มาแก้คำสาป เพื่อทำให้เกาะลังกาวีหลุดพ้นจากอำนาจลึกลับ

    ทั้งนี้หนังสือพิมพ์หลายๆ สำนักของมาเลเซีย และรัฐบาลมาเลเซีย ต่างพากันออกตามหาผู้สืบทอดเชื้อสายของพระนางมัสสุหรี จนมาพบว่าทายาทรุ่นที่ 7 ได้อาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งก็คือ นางสาวศิรินทรา ยายี มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความเป็นทายาทผู้ถอนคำสาป ไม่ว่าจะเป็นกริซประจำตระกูล รูปภาพ และบรรพบุรุษชื่อ "วันฮาเกม" ทางรัฐบาลจึงเชิญพระนางทายาทรุ่นที่ 7 กลับสู่เกาะลังกาวี เพื่อถอนคำสาป จากเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อเธอได้ไปยืนอยู่บนแผ่นดินเกาะลังกาวี เธอกลับกลายเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ไปในทันที

    "ศิรินทรา ยายี" หรือ "เมย์" เกิดเมื่อวันที่ 8 เดือน 8 (สิงหาคม) พ.ศ. 2528 ที่โรงพยาบาลวชิระ จังหวัดภูเก็ต (น่าแปลกที่วันนั้นไม่มีเด็กคนไหนถือกำเนิดเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับเธอเลย แถมท้องฟ้าที่ใสกระจ่างกลับมืดดำ และฝนก็เทกระหน่ำลงมานานถึง 1 เดือน) ศิรินทรา ยายี เป็นบุตรสาวของนายสุวรรณ ยายี และนางสุนี ยายี มีน้องชาย 1 คน ปัจจุบัน ศิรินทรา ยายี กำลังศึกษาในระดับชั้นปีที่ 2 ของคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะมีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตส หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ทุนของเอกชนในประเทศมาเลเซีย ให้ศึกษาในมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ มาเลเซีย อยู่ 2 ปี แต่มีปัญหาเรื่องทุนจึงต้องกลับมาเรียนต่อในไทย


    lift_0603.jpg


    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทางประเทศมาเลเซียจะเสนอให้ครอบครัวเธอย้ายไปอยู่ที่นั่น โดยจะมอบบ้าน รถ ที่ดิน และสิทธิในการเป็นเจ้าของเกาะให้ด้วย แต่ศิรินทรา ยายี เลือกที่จะอยู่ต่อที่ประเทศไทย เพราะเธอรักประเทศไทย


    lift_0602_copy.jpg

    "หนูรู้สึกภูมิใจในการที่ได้เกิดเป็นทายาทรุ่นที่ 7 เพราะคุณทวดหนูเป็นคนดี และหนูคงเอาความดีของคุณทวดมาเป็นแบบอย่าง" ศิรินทรา กล่าว

    อย่างไรก็ตาม หลังการไปเยือนเกาะลังการวีของ ศิรินทรา ยายี เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ทำให้เกาะต้องมนต์แห่งนี้ เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว เพราะรัฐบาลมาเลเซียได้ใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นคืนชีพเกาะลังกาวี ในความเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์


    ann-22.gif


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    wiki.jpg

     
  4. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    แฮร่~~ ไม่น่าจะมีน๊า~~~ กลัวเลยนะเนี่ย
    เจนชอบฝัน ถึงอะไรแปลกๆบ่อยๆค่ะพี่
    และมักจะไม่เคยอ่าน เปิดเจอ หรือดูมาก่อน
    ฝันถึง ก็จะหาข้อมูล ก็เจอว่ามี
    สงสัย จะมีโชคเกี่ยวกับพระพุทธสิหิงค์
    เหมือนครั้งที่ฝันถึง รัชกาลที่5ทรงม้า
    (ออกเลขท่านจริงๆ แต่อย่างว่าค่ะ ตัวเลขที่เกี่ยวข้องเยอะมาก
    ไม่รู้จะจัดตัวไหน 555)
     
  5. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    เจนอ่านเมื่อคืนนี้ แล้วสงสารพระนางมากค่ะอาจารย์
    แถมหวาดเสียวกริชที่ปาดคอท่าน
    แล้ว เจนเป็นคนที่กลัว ทะเล มาก
    คือกลัวเลยค่ะ
    แต่ไม่ได้กลัวแบบ ไม่สามารถไปเที่ยวได้
    ถ้าได้ไปเที่ยวจริงๆ คงไม่ลงทะเลคนเดียวแน่แท้
    เป็นความวังเวงเวลามองออกไปที่ทะล
    มันไกลสุดสายตา ~~~~ ถ้ามีอาหารทะเลตรงหน้า
    ขอรอที่ชายหาดคนเดียว ก็ยอม~~~ (วกมาของกินอีกละ)
     
  6. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694

    ช่วงนี้กำลังอิงกระแสในใจ...สนใจเรื่องลป.ดู่
    พอเห็นคุณ Higtmax นำผ้ายันต์ ถ้ำเมืองนะมาให้ดู
    เลยถือโอกาสอันดีนำเรื่องเล่า...
    ...ลป.ดู่ กับ ลป.ทวดมาให้อ่าน
    เผื่อใครอ่านแล้ว มีประสบการณ์น่าสนใจ
    หรือนำบทความอื่นๆ
    ...มาเล่าให้ฟังเพิ่มเติม


    ****************************************


    หลวงปู่ดู่คือหลวงปู่ทวด!!! ประสบการณ์จริงของผู้ป่วยที่หาย โดยการรักษาของหลวงปู่ดู่ในนิมิตสมาธิถึงโรงพยาบาล #ปาฎิหารย์พระโพธิสัตว์
    Publish 2018-01-04 16:57:04


    040106-1.jpg

    "...เรื่องของข้าบางทีก็เกินพระไตรปิฎก ต้องรู้เอง ปฏิบัติเอง พูดมากไม่ดี เดี๋ยวคนจะลงนรก...."
    ความเป็นมา - ความเป็นไป
    ประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ข้าพเจ้า นายยวง พึ่งกุศล (ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุวัดสะแก) (สมัยเขียนเรื่อง-leo_tn) ป่วยเป็นโรคท้องเดินอย่างกะทันหัน ได้ไปอยู่โรงพยาบาลปัญจะมาธิราชอุทิศ หมอจัดให้อยู่ในห้องพิเศษ (มีเตียงคู่และห้องน้ำ) แต่ละวันแต่ละคืน ข้าพเจ้าต้องเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายแบบยิบย่อย คือถ่ายมากแล้วก็ค่อยๆ ถ่ายน้อยลง แต่ต้องเข้าห้องน้ำอยู่เรื่อย ไม่มีกากถ่ายไปนั่งเบาสักนิดก็ยังดี ประมาณ ๒ ถึง ๓ นาที ก็ต้องไปเข้าห้องน้ำอีก เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะถึงเวลาเช้ามืดตี ๒ ถึงตี ๔ ก็จะอ่อนเพลียหมดกำลังหลับไปเอง พอเช้ามืดใกล้สว่างจะต้องลุกขึ้นทำสมาธิบนเตียง ซึ่งมีครูถมยาทำสมาธิอีกเตียงหนึ่ง ทุกวันทุกคืนเป็นอย่างนี้ประมาณ ๑๐ วัน


    040106-2.jpg

    ในคืนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็เข้าๆ ออกๆ ห้องน้ำ ตั้งแต่ตอนหัวค่ำปวดท้องเหลือเกิน จะลุกขึ้นเดินก็ตัวขดตัวงอ มือประคองท้องอยู่เรื่อยไป งีบหลับไปได้หน่อยก็ตื่นขึ้นมา ต่างคนต่างทำสมาธิกันไป คืนนั้นข้าพเจ้าหลับตาเห็นแสงสว่างอย่างมากเป็นลำยาวไกลออกไปข้างหน้าอย่างประมาณหาที่สุดมิได้ แสงสว่างนั้นยิ่งมากขึ้นๆ แล้วก็ใหญ่ขึ้นจนมองเห็นต้นไม้ใบไผ่ ใบไม้สีเขียวชอุ่มไกลลิบสุดลูกนัยน์ตา จากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่างเป็นรัศมีของดวงอาทิตย์อ่อนๆ แล้วก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นทีละน้อยๆ จนเห็นว่าดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากริมเขาชายต้นไม้ เป็นสีเหลืองเข้มค่อยๆ ลอยขึ้นๆ จากน้อยมาหามาก จนใกล้จะถึงครึ่งวงกลมของดวงอาทิตย์ ตอนนั้น จิตของข้าพเจ้าได้เห็นองค์หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดได้อย่างชัดเจน!
    ข้าพเจ้าดีใจมาก รู้สึกว่าตัวของข้าพเจ้าสั่นด้วยความดีใจ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งเต็มดวง ดวงอาทิตย์สว่างเจิดจ้า เย็นหู เย็นตา เย็นจิต เย็นใจ ขนพองสยองเกล้าจนถึงศีรษะ ตอนนั้นหลวงพ่อทวดหายไป เปลี่ยนเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ นั่งอยู่ตรงที่หลวงพ่อทวดนั่ง ดวงอาทิตย์ยังลอยขึ้นใกล้จะถึงตรงศีรษะของข้าพเจ้า หลวงน้าดู่หายไปกลายเป็นหลวงพ่อทวดนั่งอยู่ตามเดิม (บนดวงอาทิตย์) ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลดต่ำลงมาทีละน้อยๆ จนกระทั่งใกล้ถึงตรงหน้าข้าพเจ้า หลวงพ่อทวดหายไป กลายเป็นหลวงน้าดู่ ท่านลงจากดวงอาทิตย์ แล้วเดินมาหยุดข้างหลังข้าพเจ้า ก้มลงเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือขวามาจับพุงของข้าพเจ้า แล้วกระชากดึงพุงอย่างแรงจนตัวไหวไปทั้งตัว ๓ ครั้ง แล้วท่านบอกว่า "หาย"
    ข้าพเจ้าก็คิดในใจว่าท่านดึง ๓ ครั้งแค่นี้จะหายหรือ เลยลองขยับกายไปทางขวาจะปวดไหม เอ๊ะ! ไม่ปวด ลองขยับมาทางซ้ายบ้างก็ไม่ปวดอีก คราวนี้ลองอีกแรงๆ ก็ไม่เป็นอะไร ด้วยความดีใจก็บอกคุณถมยาว่า
    "เลิกเหอะ ฉันหายแล้ว หลวงพ่อทวดมาช่วย หลวงน้าดู่รักษาโดยการจับพุงฉันดึง ๓ ที ก็เลยหายพอดี"
    คุณถมยาเปิดไฟแล้วให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นเดินภาวนา กลับไปกลับมาจากหน้าเตียงถึงประตู ๓ ครั้ง ก็ไม่เป็นไรแน่ หายดีเป็นปกติ รูปหลวงน้าดู่ที่ท่านดึงอยู่ก็หายไป
    เอ๊ะ นี่จะเป็นองค์ไหนกันแน่ที่ทำให้เราหาย
    ใจหนึ่งคิดว่าหลวงน้าดู่ดึงพุงทำให้เราหาย อีกใจหนึ่งก็คิดว่า หลวงพ่อทวดเหยียบดวงอาทิตย์มารับหลวงน้าดู่เพื่อรักษาเรา มันสับสนคิดไม่ออก หายแล้วกลับไปวัดจะต้องถามหลวงน้าดู่ให้ได้
    เมื่อครบกำหนด ๑๖ วัน ตามที่หมอสั่งก็กลับบ้านแล้วมาที่วัดทันที ไม่มีดอกไม้ ธูปเทียน มีแต่ใจมากราบนมัสการ พร้อมกับทองคำเปลวอย่างดี ข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้าดู่ว่า
    ข้าพเจ้า "การที่หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ขึ้นมานั่งบนดวงอาทิตย์ครั้งแรก แล้วต่อมาเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ พอจะถึงพื้นกลายเป็นหลวงพ่อทวด พอลอยต่ำลงมาถึงพื้น ก็กลายเป็นหลวงน้าดู่ ลงมาช่วยดึงพุงผม ๓ ครั้งจนหาย หมายความว่าอย่างไร เดี๋ยวเป็นหลวงพ่อทวด เดี๋ยวเป็นหลวงน้า"
    หลวงน้า "แล้วแกว่าอย่างไร"
    ข้าพเจ้า "เห็นกลับไปกลับมา ก็คงเป็นหลวงพ่อทวดองค์เดียวกัน"
    หลวงน้า "ก็อย่างแกว่านั่นแหละ"
    ข้าพเจ้า "ถ้าอย่างนั้น ก็เป็น พระศรีอริยเมตไตรย นะสิ"
    หลวงน้า "...ก็หลวงพ่อทวดคือ พระศรีอริยเมตไตรย ท่านกลับชาติมาเกิดเพื่อสร้างบารมี รู้แล้วอย่าพูดไป เพราะคนที่เขาไม่เชื่อ เขาจะพากันตกนรก เราจะพลอยบาปไปด้วย..."



    040106-3.jpg

    สาเหตุที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย เนื่องจากก่อนที่จะทำการพระราชทานเพลิงศพบิดาของผู้เขียน ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับน้ายวง ผู้เขียนได้ถามว่า
    "น้าคิดว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นหน่อพุทธภูมิ"
    น้ายวงจึงตอบว่า "อาจารย์คิดว่าหลวงน้าเป็นอะไร"
    ผู้เขียนตอบว่า...
    "ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิ เพราะท่านเคยบอกครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่นำพระนาคปรก ซึ่งหลวงปู่บุดดา ถาวโร ฝากถวายมาให้ และมีอีกหลายอย่าง ครั้งจากนั่งสมาธิ มีคนเห็นหลวงพ่อกับหลวงพ่อทวดสลับกันไป สลับกันมา ซึ่งแสดงว่าท่านต้องเป็นองค์เดียวกัน"
    น้ายวงจึงตอบว่า
    "ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนเรื่องราวที่ผมสัมผัสมากับหลวงน้า ซึ่งหลวงน้าสั่งให้ปิดไว้เป็นความลับ เป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว คงจะถึงเวลาที่จะเปิดได้แล้ว"
    ผู้เขียนจึงได้นำบทความนี้มาลง ซึ่งเป็นการเขียนจากผู้มีประสบการณ์จากตัวเอง และผู้เขียนเอง มีความรู้สึกอยากสรุปเรื่องของหลวงปู่ เพราะแม้แต่เกศาหรือฟันของท่านก็กลายเป็นพระธาตุ พระเครื่องเกิดเป็นพระธรรมธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธวิสัย คือผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ย่อมมีบุญญาธิการเกินกว่าปุถุชนอย่างเรา ไม่ควรที่จะวิจารณ์ ดังที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า เป็น จินไตย หรือแม้แต่องค์หลวงปู่เอง ท่านเคยกล่าวว่า...
    "...เรื่องของข้าบางทีก็เกินพระไตรปิฎก ต้องรู้เอง ปฏิบัติเอง พูดมากไม่ดี เดี๋ยวคนจะลงนรก..."


    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    ที่มา FB : เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

    เรียบเรียงโดย
    กิตติ จิตรพรหม

    ขอบคุณที่มา...สำนักข่าวทีนิวส์
     
  7. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    อยากฟังนิทานของอาจารย์นพจังเลยยยย
    มีใครอยู่ห้องมั้ยค่า~~~~
    นี้ก็จะสิ้นเดือนแล้ว~~~
    และจะวันที่๑ แล้วจ้า
    (แค่มาสะกิด ให้รู้กันสักนิด ว่าทางนี้ยังคงรอ~~~)
     
  8. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    ผมไม่มีเลขอ่ะ แต่นึกถึงตอนที่ฝันถึงหลวงปู่ดู่ ท่านตามผมไปทุกทีเลย ไปหยุดที่โรงอาหารแห่งนึง แต่ในฝันไม่รู้ทำไมนั่งเทียบหลวงปู่เลย หน้านี่ใกล้กันมาก จะชิดกันอยู่แล้ว แกยิ้มตลอด ผมนี้จำแม่นเลย แกบอกเอ็งเอาพระกริ่งนี้ไป หลวงปู่มอบให้ผม 2 องค์ จนถึงวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าหลวงปู่จะบอกอะไร คุณเจนลองไปตีหวยดูครับ 555
    อีกฝันก็เห็นหลวงปู่นั่งสมาธิกลางแจ้งหน้าโบสถ์ แสงสีทองพุ่งขึ้นฟ้าไปเลยครับ อลังการมาก
     
  9. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 80 ลำดับที่ #1583

    (...ต่อเนื่องจากที่คุณHigtmax ถามบางครั้งเหมือนมีคลื่นวิทยุแทรกเข้ามาในร่างกาย...ต่อมาเจ๊แอมสงสัยว่าคล้ายมนุษย์ต่างดาวที่ส่งคลื่นแทรกหรือไม่)

    [QUOTE="nopphakan, post:]
    ที่แทรกหมายถึงการเข้ามา
    ควบคุมตัวจิต จะเจาะเข้ามาที่ท้ายท้อย
    ผ่านต่อมไพเนียลแกน
    แล้วค่อยลงมาที่จิต
    จะมีแต่ภูมิวิญานมีฤทธิ์ หรือ พอมีกำลัง
    ที่ต้องการอาศัยร่างสร้างบารมี
    หรือกรณีมีวิบากร่วมกันมา
    กับภูมิที่บำเพ็ญสายอสูรกาย
    ที่มักอ้างพุทธศาสนา แต่พฤติกรรม
    ตรงข้าม กับแนวทางพุทธศาสนา
    ที่สอนไม่ให้ยึด สายนี้แรกๆจะดี
    แต่สุดท้ายจะสร้างให้มี
    เช่น เป็นโน้นนี่นั้นที่เท่ห์ๆ
    มีความสามารถแบบนั้นนี่ได้
    แต่ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
    เลยสอนใครไม่ได้ หรือบอกว่าทำแล้ว
    สาวๆหนุ่มๆจะกรี๊ดสลบ

    ถ้ามะนาวต่างตุ๊ดส่งคลื่นมา
    คลื่นความถี่เค้าจะหนาแน่นมาก
    เอาว่ามากกว่า คลื่นกสิณหลายสิบเท่า
    เป็นแท่งตรงๆ และจะขนาน
    กับใบหูของเราเลย
    และแตกต่างกับคลื่นดวงจิต
    ที่พยายามสื่อสารกับเรา
    ที่เป็นเสียงมาทางหู
    ซึ่งความหนาแน่นต่างกันมาก
    จนสัมผัสไม่ได้ว่าเป็นแท่ง

    และสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา
    มันจะกลายเป็นศูนย์อากาศ
    ไร้กาลไร้เวลาชั่วคราว
    ร่างกายเราทั่วไป
    จะขยับแทบไม่ได้เลย

    ที่พูดทั้งหมดคือแบบลืมตาสัมผัสนะ
    ถ้าหลับตา แล้วสัมผัส
    ยิ่งไม่น่าเชื่อเลย
    เอาพอฮาๆได้อยู่

    เล่าให้ฟังพอขำๆ
    ที่โดนวิญญาณมีฤทธิ์แปลง
    เป็นระดับสูงๆมาหลอก
    เพราะไม่เข้าใจเรื่องคลื่นความถี่
    เนื่องจากขาดกำลังสติในการพิจารณา
    อีกอย่างด้วยมีจิตศรัทธาแต่ยึดมั่นเป็นทุน
    เลยขาดการแยกแยะ
    พวกนั้นเลยอ่านข้อมูลในจิต
    แล้วแสดงให้เห็นตามสัญญาใน
    จิตบุคคลนั้นๆ นั่นแล. จบ

    ปล นี่คือข้อแตกต่าง
    และคนอวบธาตุดินเยอะ
    กับคน กำลังอ้วนมีพุง
    แยกดีๆ อย่าปนกันเด้อ
     
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 81 ลำดับที่ #1613

    (เช้าวันหนึ่งเจ๊แอมเห็นดวงกลมๆสีขาวขุ่นลอยขึ้นจากผิวน้ำ ท่าน้ำศิริราช...
    ...ส่วน
    เจ๊ธารทองตั้งแต่ห้อยพระ เจอตามฆ่าอย่างเดียว

    สามคืนติด...)

    [QUOTE="nopphakan, post:]
    เอาดวงกลมก่อนนะ
    สีจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
    อย่างเจอแถวศิริราช ไม่แปลก
    เพราะเน้นมาเชิงแนวธรรมมะ
    ตามวัดที่เข้มการปฎิบัติ
    แต่ไม่เด่นดัง จะมาสีน้ำเงิน
    ถ้ามีอะไรพิเศษเขิงช่วยคนได้ ก็มาม่วง
    แต่ถ้าแบบโปรเราจะเจอสีแดง ฯลฯ
    พูดง่ายสีจะบอกท่านที่อยู่แถวนั้น
    ว่าเป็นอย่างไรนั่นหละ
    เช่น เจอสีเขียว ถ้าป่วยไปหาเลย
    มีโอกาสหาย ยกตัวอย่างนะ

    ส่วนเรื่องฝัน. เป็นแนวคิดนะ
    คือเค้าจะทดสอบดูว่า
    เราจะเมตตาต่อผู้อื่นไหม
    เช่น ถ้าเค้ากำลังจะทำร้ายคนอื่น
    แต่เราไปยืนขวางอยู่แนวหน้า
    แสดงว่าเมตตาภายในเราพอมี

    หรือถ้าเราทำอะไรได้ในฝัน
    เช่น มีอะไรบางอย่าง
    กำลังบินมาทำร้ายคนที่อยู่ใกล้ๆเรา
    แล้วเรายืนบัง แต่ชัดกสิณใส่อะไรที่บินมา
    ...แบบไหม้ตายไปเลย
    คำตอบคือ ?
    เราผ่านเมตตา แต่ความเฉลียวฉลาด
    ในการใช้งานไม่ผ่าน

    ยกเว้นเรายืนบัง
    แต่ชัดน้ำพอสะกิดให้เปลี่ยนทิศ
    เราผ่านทั้งเมตตา และความเฉลียว
    แบบนี้พอเกทไหม
     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    เช้านี้อากาศเย็นสบายๆ
    ...เห็นเรื่องข้างล่างนี้น่าสนใจ(มาก)
    จึงนำมาลงอีกครั้ง
    สำหรับคนที่พลาดอ่าน...หรือเพิ่งเข้ามา
    "รักนะ...ไม่อยากให้พลาดจริงๆ

    *************************************



    *ความมหัศจรรย์ของการสวดมนต์*

    อาตมา (สมเด็จโต)
    ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวอาตมาเอง

    ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร

    ในสมัยนั้น…เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีวิญญาณ
    ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น

    อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนต์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

    อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด ก็จะกล่าวเพียงคำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา
    อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้

    เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้น อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์

    มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทย์มนต์คาถาอาคม เล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทย์มนต์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ

    เขาเล่าให้อาตมาฟังว่า เขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำร้ายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้น จะมีวิชาอาคมแก่
    กล้าสามารถที่จะต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่

    นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตาถึง 7 วัน เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ
    ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย

    วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาพระเวทย์มนต์คาถา หรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมา จึงกลับมายังเขาซึ่งเป็นผู้กระทำ ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้
    อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้ผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมาจึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนต์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้

    อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ

    นายผล เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า..

    ข้าแต่ท่านอาจารย์ ก็เช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านในวันนี้ ก่อนที่ท่านจะจำวัด จงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่า.. การสวดมนต์ของท่านเช่นนี้จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่าน หรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนต์คาถาในภูติผีปิศาจของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าของรับรองว่า จะไม่ทำอันตรายแก่ท่าอาจารย์อย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการ ที่จะทดสอบให้ความรู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

    อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์ นายผลจึงได้ลากลับไป ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ อาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนต์ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนหลับไป..อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก จะขึ้นมา จึงได้จุดเทียนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัวของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงหน้าถอดสี และด้วยสัญชาติญาณจึงกล่าวคำสวดมนต์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ

    ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า เมื่อคืนนี้..ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกลดที่ท่านพักนักอยู่ อาตมาบอกว่า อาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้สวดมนต์ภาวนา ตะขาบตัวนั้นก็อันตรธานหายไป

    นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนต์คาถา และคุณไสยใดๆ ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแก่การสวดมนต์ภาวนาของท่านเป็นเกราะคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ได้

    ที่อาตมา (สมเด็จโต) ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ว่า เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนต์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้ เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้ ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน

    ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อุบาสิกา ในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุ
    ว่า อานิสงส์ของการสวดมานต์ช่างมีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก

    จากหนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต
    อานิสงส์การสวดมนต์แผ่เมตตามหาบุญ
     
  12. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    เมื่อคืนนี้ฝันเกี่ยวกับพญานาค ถ้าจำไม่ผิดค่ะ
    และจำได้แม่นคือ
    มีเสียงเหมือนระเบิดเลย จะว่าระเบิด หรือ กลอง ดี??
    ดังตู๊ม เดียว เจนสดุ้งตื่นเลยค่ะ
    มันเป็นตูมชัดทางฝั่งหูซ้าย
    เอาแบบสะดุ้งเลย
     
  13. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    จะมีสงครามเปล่าน้องเจน
     
  14. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    เมือคืนฝันว่ามีพระมาพูดธรรมให้ฟังครับ
    โยม"สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่เป็นอย่างที่เห็น
    สิ่งที่ไม่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด
    มีสติ รู้ทัน มีปัญญา รู้่แจ้งแทงตลอด"
    ตอนนั้นอยุ่ไหนไม่รู้มีฐานเจดีย์และกำลังถือผ้าห่มพระธาตุมั้งยาวเป็นกิโลเลย สีออกทองๆ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    นิทาน...

    ท่านที่นั่งด้านล่าง อยู่ด้านซ้ายและขวา
    ลป. ท นั้น ก็คือ ลป.ทิม และ พระอ.นอง
    ที่ทราบเพราะ มาเปิดดูรูปใน Google ภายหลังครับ
    เพราะทั้ง ๒ ท่านนี้ส่วนตัวตอนนั้นไม่เคย
    พบและเจอตัวจริงมาก่อน
    ส่วนท่านที่จะมาแทรก เป็นพระพุทธเจ้า
    ในส่วนลำดับที่ว่าง ส่วนตัวมีความเชื่อว่า
    อาจจะเป็น มหาบพิตร ของพวกเราทุกคน
    ที่พึ่งล่วงลับไปแล้วก็ได้ (เป็นความเชื่อความหวังส่วนตัว) แต่ว่า จะมีการตรัสรู้ ที่ประเทศ พม่าบ้าง ลาวบ้าง อินเดียบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ องค์ที่ ๑๐ ที่ตรัสรู้ที่ประเทศ
    ไทยทางภาคเหนือ และเชื่อว่า ในหลายๆท่าน
    ที่จะมาตรัสรู้ในกัปล์นี้ เชื่อว่า หลายคนคงเคารพนับถือ
    อยู่แล้วเป็นปกติ....

    ปกติแล้ว ความสามารถในการเข้าใจ
    ทำได้ต่างๆ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุน
    มักจะเป็นท่านที่เราไม่สามารถทราบได้เอง.....
    เรียกว่า ไปมาแบบไร้ร่องรอย นั่นเอง

    24131196_10215296687554765_4772651817538823566_n - Copy.jpg
    ปล. ใครเคยไปวัดสะแก บ้างไหม
    ที่ศาลาด้านหน้า จะมี รูปปั้น หลวงปู่ ด
    ขนาดเท่าองค์จริง ยืนหันหน้าออกไปทางบันได

    ส่วนด้านหลังท่าน จะเป็นประตูเข้าศาลา
    นี่เป็น รูปถ่ายที่ส่วนตัวไปยืนถ่ายตรงประตู
    ทางเข้าศาลา ซึ่งปกติจะมองเห็น
    ด้านหลังรูปปั้น......
    แต่ให้สังเกตุเงาสะท้อนที่ประตู

    จบ นิทาน
     
  16. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    ชิ้นส่วน จีวร กับแป้ง หลวงปู่ บ.ด.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าฝันว่าตัวเองตาย ถือว่าดีหมด
    แสดงว่า เคราะห์กำลังจะหมดไป....

    เคยได้พระของ ลป. วัดบ้านจาน มาครั้งหนึ่ง
    ปัจจุบันไม่อยู่แล้ว ศิษย์เอก ลพ.มีชื่อ ที่ ขก.
    ท่านมาขอ บูชา ต่อ ในราคาที่ได้มา
    ซึ่งตอนนั้น จะน้อยกว่าราคาที่เล่นหา ๓ เท่า....
    เป็น พระปิดตาสีขาว ผสมมวลสารที่ใช้หล่อพระแก้วมรกต ถ้าจำไม่ผิด...ผงจะออกสีเขียวๆ
    ส่วนองค์คล้ายๆวงรี เคยมีแต่ให้ รุ่นน้องไปแล้ว
    ตอนนี้ไม่มี...

    จำได้ว่า ได้มาตอน เย็นๆยังไม่ได้เปิดและแกะห่อออก
    แล้ว วางพระเครื่องท่านไว้ ที่โต๊ข้างกำแพง...

    คืนนั้น นอนๆอยู่ เกิดเสียงดังป่านฝ่าฟ้าในห้องนอน
    เสียงดัง ปั้งงงงงงงงงงงงง
    เลยลืมตาขึ้นมาดู พบเห็น
    แสงสว่างว๊าบหนักไปทางสีขาว
    รัศมีประมาณ ๑ เมตร ออกมาจาก
    พระเครื่องของท่าน ที่ยังไม่ได้แกะนั่นหละครับ

    นี่ก็นิทาน....
     
  18. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    ว่าจะไปเยือน อาทิตย์ หน้า พอดี ครับ
     
  19. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    มันดังตู๊ม สั้นๆ จนตื่นเลยค่ะพี่
     
  20. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    สาธุๆเหมือนหลวงปู่หันหน้ามาเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...