เมื่ออยู่ฝั่งโลกียะก็คิดแบบ...
สมเด็จบอกว่า...เมื่อกลับไปอยู่ฝั่งโลกียะก็ทนลำบากหน่อยก็แล้วกัน...อาจจะลำบากมากต้องทนให้ได้...
ก็มันลำบากจริงๆต้องระบายออกบ้างสินะ...เปรียบเหมือนรถบังคับที่ถ่านกำลังจะหมดก็ต้องมีตีรวนบ้างเป็นธรรมดา...แต่ก็ไม่เคยออกนอกเส้นทางนี่นา...ก็รู้อยู่แ...
ขอบคุณที่ร่ายยาว...เอาเป็นว่าเข้าใจ...แต่ก็ใส่ชื่อมาด้วยนะจะได้เรียกถูก...
จะเลิกเล่นทำไมกัน...คุยกันไปจนกว่าเนตจะล่มหรือไม่มีเงินเติมเนตนั่นแหละ...เคยมาแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนก็ผ่อนลงได้นี่...
เมื่อเวลานั้นมาถึง..."เราจะแสดงธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว.." เมื่อเวลานั้นมาถึง.. "ภาคอิสานจะเป็นภาคกลางธรรม"
โอ๊ย!!!พ่อเล่าปัง...พ่อมหาโพธิสัตว์ใหญ่...คุยกับท่านไม่ได้เจริญปัญญาเราเลย ไปดีกว่า..
เราได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ามาแล้วท่านจะเชื่อหรือเปล่าล่ะ...เสียงของพระองค์นุ่มนวล กังวาล เปี่ยมด้วยเมตตา...สัมผัสถึงความเมตตาได้ในน้ำเสียง..
ก็อ่านชื่อกระทู้นั่นแหละ..อะไรมาบ้างเราไม่รู้...มาเมื่อไหร่อีกนานแค่ไหนเราไม่รู้...เราก็รออย่างที่ทุกคนรอนั่นแหละ......
ถึงเวลาก็รู้เองแหละ....แต่จะบอกให้รู้ไว้ว่า..เราไม่ได้มาเกิดมาตายเล่นอย่างสัตว์โลกทั่วไป..
อันนี้เผื่อคนปัญญาไม่พร้อมอาจเข้าใจผิด... เกิดความสงสารที่ว่า..พระพุทธเจ้าเป็นถึงเจ้าชายยังมาลำบากเพื่อสัตว์โลก...
เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่จะโปรดสัตว์...เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนได้พบกับเราแน่นอน...เมื่อถึงเวลาครูบาอาจารย์เราจะมาคุมเราเอง...เมื่อครูบาอาจา...
เราเดินจิตถึงฝั่งพระนิพพานแล้วสามครั้งในชาตินี้...เพียงแต่มีกำลังใจพุทธะมาตัด จิตจึงถอยออกมา...
กาย วาจา ใจ...ไม่เบียดเบียน แล้วมาดูหัวใจแห่งพระธรรมคำสอนที่ว่า.. มโนปุพพัง คมา ธรรมา มโนเสฏฐา มโน มยา หมายความว่า..ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน...
ศีลมีข้อเดียวนั้นล่ะเล่าปังเอ๋ย...เป็นผู้ไม่เบียดเบียนนั้นล่ะเป็นศีล..
บ้านเล่าปังนี่อยู่จังหวัดอะไร?... เมื่อถึงวันนั้นถ้าวิ่งมาหาเราขอเป็นศิษย์เรา...เดี๋ยวจะดัดสันดานให้เข็ดเลยเชียว
คุยกับคนขาดปัญญาพิจารณาอย่างเล่าปัง...ขาดการโยนิโสมนสิการอย่างเล่าปัง..คุยไปก็ไม่ได้ประโยชน์...ยิ่งคนมีความอยากมากๆยิ่งไปกันใหญ่...ยิ่งเป็นคนชอบเอา...
ก็ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนั่นแหละจดบันทึกไว้..แล้วเอามาเผยแพร่...ศึกษาให้ครบหน่อยนะหนอนหนังสือเล่าปังเอ๋ย...
ยกเอาตามแนวปริยัติมาให้เห็นสักเรื่องก็แล้วกันนะ.. เมื่อว่างจากศาสนายังมีผู้ปฏิบัติอยู่แต่น้อยเต็มทน...ผู้ปฏิบัติเหล่านั้นเรียกว่าเป็น...
ก็เพราะไปเอาหลักปริยัติมาเป็นครูนี่แหละ...อาการมันก็เป็นแบบนี้...
เส้นทางของนักปฏิบัติ...ส่วนนักปริยัติไม่มีทางพบเจอ..
คำครูบาอาจารย์เขาชี้ตรงไปที่การปฏิบัติ...หาใช่เดินตามปริยัติอย่างเล่าปังซะเมื่อไหร่กัน.....
ห้องแห่งความรู้หรือตู้พระไตรปิฏกนั้นมีอยู่..แต่หาผู้เข้าถึงนั้นไม่มี...
***ทางเดินนั้นมีอยู่แต่หาคนเดินนั้นไม่มี...ทางที่ถูกตรงนั้นมีอยู่แต่หาผู้เดินตรงไป..เป็นไม่มี***
ที่ตัดแปะก็ให้พิจารณาคำพระอรหันต์นั่นแหละ...จะได้ฝึกพิจารณาเจริญปัญญาตน...คนที่ข้ามคำครูบาอาจารย์จะหาดีได้เป็นไม่มี...
มายาจิตมันหลอกเราอยู่ตลอดเวลา...ถ้าเห็นมายาจิตก็จะรู้ว่าเรานี่หลงโง่อยู่นานแสนนาน ถ้าหลุดออกจากมายาจิตได้เมื่อไหร่...ขอบเขตของใจก็ไม่มีที่สิ้นสุด...
เห็นความอยาก(ตัณหา)ในใจตนเมื่อไหร่...ก็เห็นสัตว์โลกเมื่อนั้น.. เห็นตัณหาชัดเมื่อไหร่ก็เห็นอวิชชาเมื่อนั้น.. "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี"...
โลกมันหมุนเป็นวัฏจักร จิตก็หมุนเป็นวัฎจักรเช่นเดียวกัน...หยุดจิตได้เมื่อไหร่พระนิพพานก็ปรากฏเมื่อนั้น.....
คนที่ยังตามหานั่นคือทางที่ไม่มีโอกาสพบเจอ...คนที่ยังแสวงหานั่นคือทางที่ไม่มีทางพบเห็นได้.. หยุดตามหา หยุดแสวงหาเมื่อไหร่ก็ได้พบเจอเมื่อนั้น..
วางอารมณ์ไว้ที่จุดสิ้นสุดของลมหายใจบ่อยๆจะได้พบความสงบของจิตเอง..
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา