All in 1 พระแก้วลิขิตฟ้า บัญชาสวรรค์

กระทู้นี้ชื่อ All in 1 พระแก้วลิขิตฟ้า บัญชาสวรรค์

ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ศุกร์ที่ ๒๕ มิ.ย. ๖๔ ผมเพิ่งกลับจากบ้านญาติ ได้ทราบถึงอาการของพี่ชายภรรยาที่ท่านเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก็จริง แต่ก็ป่วยด้วยมะเร็งระยะ 4 เข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและกระดูก อายุท่านกับผมห่างกันแค่ 3 ปี ผมจึงตั้งใจว่า เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมจะเขียนกระทู้ All in 1 พระแก้วลิขิตฟ้า บัญชาสวรรค์ เพื่อเป็นมรดกให้แก่พระพุทธศาสนา โดยครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเขียนเป็นกระทู้เดียว ท่านใดมีบุญสัมพันธ์ หรือมีบุญ มีจิตศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดในโลกนี้ สามารถนำไปสร้างพระแก้วได้ โดยไม่มีการหวงว่า จะต้องสร้างฟรีเท่านั้น เพราะผมเข้าใจครับ ในโลกนี้ มีทั้งคนที่ทำทุกอย่างฟรีเพื่อพระพุทธศาสนา แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ยังต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ต้องทำเป็นอาชีพ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า นี่คงเป็นลิขิตของฟ้า เป็นบัญชาของสวรรค์ ที่ทำให้คนที่พอรู้วิชาสร้างพระแก้วจากแก้วจริงๆอย่างผม เขียนกระทู้นี้ไว้เป็นมรดกแก่ผู้มีจิตศรัทธา

ท่านที่มีโอกาสสร้าง อย่ารอช้าเลยครับ ชีวิตคนสั้นนัก

 

สารบัญ 1

#7 พระแก้วลิขิตฟ้า บัญชาสวรรค์ มาจากอะไร ?
#8 ปัจจุบันไม่มีโรงงานแก้วในไทยที่ใช้วิธีนี้สร้างพระแก้ว
#9-15 ประวัติของผู้เขียนกระทู้นี้
#16 นายช่างแก้วพม่าที่รู้เทคนิคนี้
#17 แบ่งคนเป็น 3 ระดับ
#18 พระแก้วมรกตที่ห้างเจเวลรี่นำไปต่อยอดเครื่องทรงฤดูร้อน
#19 โรงงานแก้วบูรพาส่งแม่พิมพ์เหล็กคืนผมหลังนำไปคิดวิธีสร้างเป็นปี

 

สารบัญ 2

 

สารบัญ 3

 

สารบัญ 4

 

สารบัญ 5

 

พระแก้วลิขิตฟ้า บัญชาสวรรค์ เป็นชื่อที่ผมคิดขึ้นมาเอง ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคณะบุคคลใดๆ โดยขณะที่ผมคิดตั้งชื่อกระทู้อยู่ ก็แค่คิดว่า ชีวิตคนนั้นฟ้าลิขิต การตั้งชื่อกระทู้ครั้งนี้คงเป็นสวรรค์บัญชา จึงคิดออกมาว่า #พระแก้วลิขิตฟ้าบัญชาสวรรค์

 

ในประเทศไทยมีครูบาอาจารย์และช่างที่ทำงานเกี่ยวกับแก้วมากมาย เช่น การทำขวด จาน ชาม ถ้วยน้ำ เหยือกน้ำ โคมไฟทุกชนิด และอื่นๆอีกมาก โรงงานแก้วในประเทศไทยถึงแม้จะมีมากมาย แต่ก็ยังไม่มีที่ใดเลย ที่ใช้เทคนิคที่ผมเขียนในกระทู้นี้ เทคนิคการขึ้นรูปแก้วที่ผมเขียนในกระทู้นี้คือ Lost Wax Glass (ขณะที่เขียนกระทู้นี้ มิ.ย. 2564 ยังไม่มีโรงงานใดเลย)

หมายเหตุ
โรงงานแก้วโลตัสคริสตัลระยองเคยใช้เทคนิคนี้เมื่อปี พ.ศ. 2548 - 2560 และได้ยุบแผนกนี้ไป เพราะเหตุผลบางประการพร้อมกับนายช่างอาวุโสที่เป็นหัวหน้าแผนกคือนายปีเตอร์ ไซ อ่อง วิน อายุเลยเจ็ดสิบกว่าๆแล้ว

 

ประวัติของผู้เขียนกระทู้นี้

ผมชื่อนายสมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล เกิดมาคุณพ่อคุณแม่ผมท่านก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับโคมไฟแก้วแล้ว โดยท่านมักจะพาผมไปโรงงานแก้วต่างๆ เมื่อไปถึงโรงงานมักพบกับเจ้าของสำนักสร้างพระแก้วต่างๆหลายสำนัก ท่านได้คบหากันเป็นเพื่อนไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ท่านไปโรงงานแก้วต่างๆ พ.ศ. 2500 - 2515 พอถึง พ.ศ. 2516 - 2520 ท่านได้เซ้งกิจการโรงงานแก้วแห่งหนึ่ง ให้ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต โดยมีปรามาจารย์วิชาแก้วที่ท่านเป็นเจ้าของโรงงานเดิมนั้นเป็นผู้สอนให้ตามสัญญา

ผมจึงได้รับการสอนวิชาแก้วต่างๆทั้งระบบ เพราะสมัยนั้นเราต้องหลอมทรายทะเลสีขาวผสมกับเคมีภัณฑ์ให้เป็นน้ำแก้วเอง ต้องใช้คนนำน้ำแก้วนั้นไปขึ้นรูปเป็นชิ้นงานแก้วต่างๆ เช่น โคมไฟทุกชนิดทุกขนาด, โคมไฟรถยนต์สะเทินร้อนเย็น, โคมไฟถนนทุกขนาด, ตาไฟรถสิบล้อ, โถปั่นน้ำผลไม้, พระแก้ว 25 พุทธศตวรรษและอื่นๆอีกมากที่เป็นแก้วทุกชนิดทุกขนาด

 

ปรามาจารย์ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ในประเทศไทยนั้น มีการสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษด้วยเทคนิค Pressed Glass การปั๊มแก้ว มาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2497 โดยขณะนั้น มีหัวหน้าช่างแก้วจากยุโรปเข้ามาร่วมช่วยคุมการก่อสร้างโรงงานแก้วขององค์การแก้วในไทย หัวหน้าช่างแก้วจากยุโรปได้รับการทาบทามให้ไปช่วยโรงงานแก้วต่างๆสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษ (สายที่ ๑)

(สายที่ ๒) หัวหน้าช่างแก้วในจีนสายหนึ่ง ได้เข้ามาตั้งโรงงานแก้วในไทยตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2501 หรือ 02 เป็นรายที่มีฝีมือการสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษได้ดีมาก ชื่อโรงงานแก้วไท้ยิป ต่อมาทายาทของโรงงานแก้วไท้ยิปนี้ได้แยกตัวออกมาสร้างโรงงานแก้วเจษฏา สมุทรสาคร และได้เลิกกิจการไปเมื่อประมาณ พ.ศ. 2559 *

(สายที่ ๓) หัวหน้าช่างแก้วในจีนสายหนึ่ง รู้จักกับคนไทยเปิดกิจการโรงงานแก้วเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2500 ถึงปัจจุบันยังดำเนินกิจการโรงงานแก้วอยู่

(สายที่ ๔) หัวหน้าช่างแก้วในจีนสายหนึ่ง ได้เข้ามาตั้งโรงงานแก้วในไทยในปี พ.ศ. 2506 ตัวอาคารโรงงานสร้างเสร็จ พ.ศ. 2508 สายนี้คือสายปรามาจารย์ของผมเอง **

(สายที่ ๕) หัวหน้าช่างแก้วในไทยที่รวมตัวกันระหว่างโรงงานแก้วต่างๆที่มีฝีมือ ได้รวมตัวกันไปเปิดโรงงานแก้วเพื่อการสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษโดยเฉพาะ พ.ศ. 2516 ***

(สายที่ ๖) หัวหน้าช่างแก้วที่รวมตัวกันไปเปิดโรงงานแก้วด้านบน ได้แยกย้ายกันไปเปิดโรงงานแก้วของตนๆ บ้างก็ไปกลุ่มเล็ก บ้างก็ไปกลุ่มใหญ่

หมายเหตุ
* = พ,ศ. 2548 - 2550 โรงงานแก้วเจษฏาเป็นโรงงานที่ผมขอให้ท่านสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วด้วยเทคนิค Mouth Blown Glass และ Pressed Glass (แต่เทคนิค Pressed Glass ไปสำเร็จด้วยวิธีการหยอดน้ำแก้วแทน)

** = เนื่องจากลูกหลานของปรามาจารย์ของผมท่านสืบทอดกิจการของปรามาจารย์ต่อมาถึงปัจจุบัน ผมจึงไม่สมควรเอ่ยชื่อของท่าน เพราะกิจการของท่านใหญ่มาก

*** = (สายที่ ๕) นี้ คือในปี พ.ศ. 2516 คุณพ่อผมรู้จักกับหัวหน้าช่างแก้วของหลายๆโรงงานแก้ว หัวหน้าช่างแก้วกลุ่มหนึ่งจับมือกันไปตั้งตัวด้วยการเปิดโรงงานแก้วเอง ส่วนนายช่างที่เก่งเหมือนกันแต่ไม่มีเงินเข้าหุ้น คุณพ่อผมได้ซื้อตัวมาเป็นนายช่างที่โรงงานที่คุณพ่อผมเซ้งกิจการมาใหม่ๆ

 

ภาพนี้คือหุ่นต้นแบบที่ผมขอให้ช่างณุ ช่างปั้นของสิบหมู่ กรมศิลปากรเป็นคนปั้นให้ตั้งแต่ ม.ค. 2548 ที่ต้องใช้เวลา 2 เดือนเศษนี้ เพราะผมต้องพาช่างแกะแม่พิมพ์เหล็กสำหรับงานแม่พิมพ์พระแก้วมาสอนมุมการเปิดแม่พิมพ์ให้ช่างณุ สอนกันอยู่นานพอสมควร

หมายเหตุ
ช่างณุบอกว่า ถ้าไม่ติดเรื่องมุมอันเด้อร์คัต เขาใช้เวลาปั้น 2 - 3 วันก็เสร็จ

 

พระแก้วโปร่ง (แก้วกลวงเป่าด้วยปอด) Mouth Blown Glass หน้าตัก 9 นิ้วปางที่ผมเปิดแม่พิมพ์เหล็กแล้วขอให้โรงงานแก้วเจษฏาช่วยเป่าให้จำนวน 500 องค์ ทางโรงงานแก้วเจษฏาคิดราคาองค์ละ 450 บาท ถ้าสร้างจำนวนมากจะถูกลงเรื่อยๆ อาจเหลือแค่ร้อยกว่าบาท หรือถ้ามากจริงๆก็อาจเหลือแค่ราคาถ้วยหรือเหยือกน้ำคือหลักสิบเท่านั้น

 

อง
ซ้ายสุด, องค์เหลืองและฝ้าคือพระแก้วหน้าตัก 8 นิ้วเศษของลาลีคฝรั่งเศสสร้างสำเร็จปี ค.ศ. 2007 ราคาองค์ละสี่แสนบาทเศษ

องค์ที่ 2 จากขวาคือพระแก้วหน้าตัก 8 นิ้วเศษของบัคคาฮ่าฝรั่งเศสสำเร็จปี ค.ศ. 2006 ราคาองค์ละประมาณ 2 - 3 แสนบาทเศษ

องค์ที่ 2 จากซ้ายและองค์ขวาสุดคือพระแก้วที่ผมสร้างหน้าตัก 9 นิ้ว สำเร็จปี พ.ศ. 2549 องค์ละ 650 บาทรวมฐานโลหะทึบแสง

 

ประวัติของผู้เขียนกระทู้นี้ (ต่อ)

ม.ค. 2550 ผมได้ติดต่อคุณกฤษณ์ เจ้าของโรงงานแก้วโลตัสคริสตัลระยอง ขอให้ท่านช่วยสั่งทีมช่างแก้วสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วเนื้อแก้วคริสตัลตันๆ

ต่อมา 2- 3 เดือน ผมติดตามความคืบหน้าจากเลขาของคุณกฤษณ์ เธอบอกว่า ทราบมาว่าผมเคยเป็นหัวหน้าทีมช่างแก้วของโรงงานแก้วของพ่อผมเอง ถ้าเช่นนั้น ขอให้ผมปรึกษากับหัวหน้าช่างแก้วที่แผนก Lost Wax ของเขา เพื่อช่วยกันสร้างเลยจะดีที่สุด จากวันนั้นมา ผมก็ได้ปรึกษากับหัวหน้าช่างแก้วแผนกนี้คือคุณปีเตอร์ ไซ อ่อง วินมาตลอด เพราะตอนนั้นเขาสร้างได้หน้าตักไม่เกิน 5 นิ้ว เราจึงร่วมกันคิดค้นและทดสอบทดลองต่างๆจนกระทั่ง 2009 ประมาณ 2 ปีผ่านไป การสร้างพระแก้วตันๆหน้าตัก 9 นิ้วจึงสำเร็จเป็นองค์แรกของไทย

 

ภาพบนคือพระแก้วคริสตัลตันๆหน้าตัก 9 นิ้ว

ภาพล่างคือภายในโรงงานแก้วเจษฏาตรงบริเวณเตาหลอมที่ 2 ที่กำลังจะเปิดหลอมในไม่นานขณะนั้น เป็นเตาหลอม 8 เบ้าทั้งสองเตา โรงงานแก้วเจษฏาสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษด้วย สืบต่อจากคุณพ่อของเขาคือโรงงานแก้วไท้ยิป และประมาณ พ.ศ. 255X หลังจากที่ท่านได้ช่วยผมสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วเทหยอดเนื้อตันๆ ท่านได้สำเร็จการสร้างพระแก้วหน้าตัก 5 นิ้วเนื้อตันๆด้วย อันนับว่าเป็นพระแก้วหน้าตัก 5 นิ้วเนื้อตันๆที่สมบูรณ์แบบที่สุดของไทยในราคาองค์ละ 300 บาท สีใสบริสุทธิ์ทั้งองค์พระและฐานพระติดเป็นเนื้อเดียวกัน

 

เมื่อช่วงสุดท้ายของการทำงานของช่างแก้วปีเตอร์ เขาได้ถูกทาบทามให้เป็นนายช่างใหญ่ของโครงการระดับมหึมานับร้อยๆล้านบาท โดยให้ปีเตอร์คอยเป็นเวลา 1 ปีเศษในการหาซื้อวัตถุดิบของจีน แต่ปีเตอร์บอกว่าไม่ได้จ่ายเงินเดือนเขา เมื่อมาทดสอบทดลองสร้างชิ้นงาน การทดลองนั้นจึงพังไป แต่จากแหล่งวัตถุดิบนั้น ทำให้ทราบถึงก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจีนแดง กับ ปูนปลาสเตอร์ทนไฟของจีนนั้น พอใช้ได้ (แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสำเร็จในครั้งแรกโดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆเลย)

 

ในการศึกษาจากนี้ไป ผมขอแบ่งผู้ที่ต้องการสร้างพระแก้วออกเป็น 3 แบบนะครับ

1 ผู้ที่ต้องการเป็นแค่คนกดสวิทหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเท่านั้น แค่กดก็หุงข้าวได้แล้ว ไม่ต้องการรู้อะไร ไม่ต้องการดัดแปลง หรือไม่ต้องการความรู้อะไร เรียกว่า คนหุงข้าวหม้อไฟฟ้า

2 ผู้ที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระดับสูงสุด ผิดพลาดบ้างไม่เป็นไร เงินเสียไปบ้างก็ไม่เป็นไร

3 ผู้ที่ต้องการศึกษาถึงขั้นสูงสุด ซึ่งไม่จำเป็นครับสำหรับเทคนิค Lost Wax Glass ไม่ต้องเก่งก็สร้างชิ้นงานเอกอุกได้เลย ความเก่งสุดๆนั้นแค่สนองความอยากรู้ของตัวเราเอง แต่ถ้ามีเงินเหลือเฟือก็แล้วแต่ครับ

 

องค์พระแก้วมรกตหน้าตัก 5 นิ้ว สร้างจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจีนแดงสีเขียวอ่อน เพื่อนำไปต่อยอดสวมได้ทั้ง 3 ฤดู แต่บางแห่งก็สร้างแต่ฤดูร้อน ต่อยอดในร้านเจเวลรี่ดังๆในห้างใหญ่

 

พ.ศ. 2556 โรงงานแก้วบูรพาคืนแม่พิมพ์เหล็กพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้ว หลังจากที่นำไปทดลองหาวิธีสร้างด้วยการเป่าแก้วด้วยปอดอยู่นานเป็นปี

หมายเหตุ
โรงงานแก้วเจษฏาฝึกช่างแก้วของเขาเป่าแก้วด้วยปอดอยู่หลายเดือน จึงประสบความสำเร็จในการเป่าและเทหยอดในปี พ.ศ. 2548 2549 และ 2550 นับว่าเป็นพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วใหญ่ที่สุดของโลกในงานแขนงนี้ถึงปัจจุบัน 2564

 

สำรองพื้นที่ 3