3 นิมิต ปริศนาธรรมของข้าพเจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 29 กรกฎาคม 2010.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    (ถ้าลงผิดบอร์ดเชิญย้ายได้เลยครับ)


    ผมจะชอบฝันเห็นว่าตัวเองเข้าพิธีบวชหรือเป็นพระอยู่แล้วแต่ร่วมพิธีกรรมอะไรสักอย่างอยู่เป็นประจำ ถ้าจะให้นับก็เป็นร้อยครั้งหน่ะครับ

    นิมิตแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จพระพี่นางเธอประมาณ 1-2 เดือน ขณะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็มีนิมิตว่า

    ผมยืนอยู่ริมท่าน้ำเก่าๆโทรมๆที่หนึ่ง แต่งกายแบบธรรมดาปกติทั่วไป แล้วผมก็เห็นมีเรือพาย พายมาจอดเทียบท่าที่ผมยืนอยู่นี่เอง แล้วเค้าก็เชิญผมขึ้นเรือ (บนเรือจะมีคนพายหัวท้ายจุดละ 1 คน) พอผมนั่งเรือก็พายออกไป สักพักผมก็รู้สึกว่าเหมือนจะมีคนนั่งอยู่ข้างหลังผมอีกคนหนึ่ง แต่แค่สงสัยไม่ได้หันไปมอง จนเรือมาเทียบท่าอีกท่าหนึ่ง ท่าน้ำนี้ทำด้วยไม้ที่มีลวดลายสีสรรสวยงามมาก และเป็นท่าใหม่ ผมก้าวขึ้นไป พอขึ้นไปยืนบนท่าเรือเรียบร้อยผมก็มองสำรวจท่าน้ำได้สักพักก็เริ่มมาสังเกตตัวเอง อ้าว...นี่ผมแต่งชุดพระตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเรือจะออกผมก็รู้สึกอยากมองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังผม ผมจึงมองไป
    ไม่น่าเชื่อ คนที่นั่งอยู่ข้างหลังผมคือ สมเด็จพระพี่นางเธอ ท่านยิ้มให้ผมอย่างเมตตา ผมเกิดความรู้สึกปลาบปลื้มใจขึ้นมา

    ผมไม่รู้ว่านิมิตนี้มีความหมายว่าอะไร ทำไมท่านถึงเมตตาผมและท่านรู้จักผมได้อย่างไร

    นิมิตที่ 2 เกิดเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง

    ผมเห็นเป็นป่าโปร่งบรรยากาศดีสวยงาม ดูแล้วรู้สึกร่มรื่น ในขณะที่ผมกำลังชมทิวทัศน์ธรรมชาติอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงดังก้องกังวานใสขึ้นมาว่า

    "ธรรมะทั้งหลายมีอยู่ที่วัด เจ้าจงไปเรียนรู้ที่วัด เป็นพระก็ต้องอยู่ที่วัด"


    ผมมองไม่เห็นเจ้าของเสียงไม่รู้เป็นเสียงของใคร แต่เสียงนั้นดังก้องป่าไปหมด
    แล้วนิมิตก็หายไป

    นิมิตที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้เอง เป็นพระมาสอนปฎิบัติธรรม ผมไม่รู้จริงๆว่าพระท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรผมไม่รู้จัก

    มีพระรูปหนึ่งมาปรากฎ ท่านนั่งในท่าขัดสมาธิอยู่บนแท่นอะไรสักอย่าง ผมไม่รู้จัก ท่านบอกว่าจะสอนการปฎิบัติเบื้องต้นให้ผม
    พอท่านพูดจบก็มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีดำเงาปางสมาธิปรากฎขึ้นมา ท่านบอกว่า

    เริ่มแรกในการปฎิบัติ จิตของเรายังเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา จึงทำให้จิตใจของเราดำมืด การปฎิบัติก็เพื่อขัดเกลาจิตตัวเองจากกิเลสตัณหาที่ดำมืดเหล่านี้ เมื่อเราปฎิบัติไปได้พอสมควรจิตของเราก็จะเริ่มขาวสะอาดขึ้น เริ่มเบาบางจากกิเลส

    ขณะที่ท่านกำลังพูดสอนอยู่นั้นพระพุทธรูปก็มีการเปลี่ยนสีองค์ตามไปด้วย จากพระพุทธรูปองค์สีดำเงาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นสีขาวบริสุทธิ์

    ท่านกล่าวอีกว่า แต่ความขาวสะอาดของจิตนี้ก็ยังมีโอกาสที่กิเลสมันจะเข้ามาเกาะกุมจิตใจให้กลับไปดำมืดได้อีก เจ้าต้องเพียรปฎิบัติต่อไป จนกระทั่งจิตของเจ้าใสปานดวงแก้วนี้

    พระพุทธรูปค่อยๆโปร่งใสขึ้นๆ จนกระทั่งมีความโปร่งใส ดูแล้วเจิดจ้าสวยงามมาก

    แต่ในความใสของจิตนี้ก็ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด โอกาสที่กิเสสจะเข้ามาเกาะกุมจิตใจจนกระทั่งขุ่นมัว และนำไปสู่ความดำมืดของจิตยังมีอยู่ เจ้าจะต้องปฎิบัติจนกระทั่งไม่มีจิตหลงเหลือให้กิเลสเข้ามาเกาะกุมจิตใจของเจ้าได้อีกต่อไป จึงจะสิ้นสุดในความเพียรของการปฎิบัติ


    พระพุทธรูปค่อยๆจางหายไป จนกระทั่งผมมองไม่เห็นพระพุทธรูปอีก มีแต่แสงสว่างจ้าสวยงาม

    จบนิมิต

    ผมสงสัยในตอนสุดท้ายนี้แหละ ว่าจริงๆแล้วจิตก็เป็นสิ่งที่เรายึดเกาะอยู่เหมือนกันหรือ แล้วถ้าจิตหายไปเราจะยึดเกาะกับอะไร การหายไปของจิตนี่คือ นิพพาน ใช่หรือไม่ ใครทราบรายละเอียดมากกว่านี้ผมอยากให้ท่านช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ด้วยครับ

    ส่วนที่เหลือก็เป็นพวกนิมิตที่วิญญาณมาขอส่วนบุญ ซึ่งมันคงไม่มีสาระอะไรผมก็ขอจบเท่านี้ครับ



    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  2. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    หลวงปู่ดูลย์สอนว่าปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดถึงนิพพาน ของแบบนี้ถึงเวลา ณ จุดหนึ่งเราคงเข้าถึงได้เอง ด้วยการตั้งใจปฏิบัติ ศรัทธา ศีล สติ สมาธิ ปัญญา หรือพละห้าเป็นกำลังของเรา หลวงปู่บอกว่านิพพานอยู่นอกเหนือคำพูดใดๆทั้งสิ้น อยู่เหนือทุกๆสิ่ง เหนือชั่ว เหนือดี เหนือการเวียนว่ายตายเกิด ผมศรัทธาในคำสอนหลวงปู่ ผมทำปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ
     
  3. Kritpet

    Kritpet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +188
    ถ้าสงสัยก็ให้รีบปฏิบัติธรรมเลยครับ เดี๋ยวก็จะรู้เอง.... เรื่องนิพพาน เป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตน ถ้าบอกไปก็อาจจะทำให้เข้าใจผิด ตีความกันผิดไปได้หลายอย่าง ^^ เอาใจช่วยนะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  4. wattanadist

    wattanadist เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +1,134
    เป็นนิมิตรที่ดีมากเลยครับ...น่าจะเป็นกำลังใจให้ในการปฏิบัติเพื่อให้ถึง "ความดับ" ต่อไปได้...แต่ถ้าบวชได้ก็ขออนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ด้วยนะครับ

    มาถึงปริศนาคำเฉลยของผมกับ จขกท มั่งนะครับ ก็คือ..."เป็นฝันที่ดีจะสมบูรณ์พูนสุขสมหวังตามมา" ...ส่วนจะเป็นพระหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญเพียรและการละของคุณแล้ว เป็นสมมุติสงฆ์น่ะ...ง่าย...แต่การเป็นพระ(อรหันต์)น่ะ...แล้วแต่บารมีและการมีมานะ พากเพียรในการทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ของท่านผู้นั้นด้วยน่ะครับ

    ขอให้ถึงพระนิพพานเร็ว ๆ นะครับ...หากถ้าคุณบวชและสำเร็จมรรคผลแล้วก็กลับมาโปรด ผมด้วย รับนิมนต์ผมด้วยนะ (ออกตัวล้อฟรีเลยผม...อาราธนาก่อนย่อมได้เปรียบ)
     
  5. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขอบคุณมากครับ

    แต่ผมไม่ได้หวังไปไกลหรอกครับ ทำเท่าที่ทำได้ครับ

    สงสัยคำถามสุดท้ายผมคงต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง


    และผมก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเร่งเพียรปฎิบัติเถิด




    เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  6. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมขออนุญาติมาหาผู้รู้ในบอร์ดนี้ครับ
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ปริยัติ ที่พอเหมาะของคนๆหนึ่ง มีไม่มาก เมื่อมีครบแล้ว ไม่ควรเสริมเติมแต่ง

    เมื่อ ปริยัติ ที่มีอยู่ ดีแล้ว พร้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องหาการเสริมปรุงแต่งแล้ว
    สิ่งที่ควรทำต่อไปคือ น้อม ปริยัตินั้นให้เป็นแผนในการลงมือประพฤติธรรม

    แผนการปฏิบัติใดๆเมื่อร่างออกมาแล้ว การจะลงมือประพฤติธรรมตามนั้นให้
    ได้ผลดีเฉพาะหน้า เพศที่เหมาะที่สุดคือ บรรพชิต

    เมื่อมีปริยัติ และ ปฏิบัติ ที่สมควรแก่เหตุ

    ปฏิเวธ ที่เกิดจาก ปริยัติ และ ปฏิบัติ นั้นจะเป็นตัวทวนให้ทราบเองว่า
    ทั้ง ปริยัติ และ แผนปฏิบัติ ที่ได้รับมานั้นใช้ได้จริงหรือไม่จริง ทำให้
    สิ้นสงสัยหรือไม่

    * * * * *

    สิ่งใดที่เพียรตั้งความสงสัย สิ่งนั้นแม้จริงที่สุดก็จะผลิกเป็นหลอกลวง

    จงระวังความสงสัยที่ไม่ควรไปเสริมให้มันมีกำลัง อย่าไปให้อาหารมัน
    จนมันโต จะเสียเวลา และอนาคต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ยังลังเล ไม่รู้จักธรรม จะไปเห็นนิพพาน

    ก็ที่นิมิตต่างๆ นั้นมันปรุงทั้งนั้น ยังอยู่ในระดับ รูปนิมิต จะไปเอาอะไรนิพพาน

    แล้วมันเรื่องอะไร จะต้องมาตั้งกระทู้นี้กระทู้สุดท้าย เพ้อเจ้อ
     
  9. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ

    ถ้าอย่างนั้นผมลบดีกว่านะครับ


    ขอโมทนาทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  10. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ย้ายกระทู้มาห้องนี้ ทำใจหน่อยค่ะ

    เรื่องนิมิตนี่ ส่วนใหญ่มันจะเกิดขึ้นหลายรูปแบบ
    บางอย่างไม่ชัดเจนเป็นเรื่องเป็นราว แต่ออกมาเป็นเชิงสัญลักษณ์
    ซึ่งผ่านสัญญาของตัวเราและสร้างขึ้นมาเป็นนิมิต
    ดังนั้น นิมิตบางนิมิตเจ้าตัวต้องแก้เองเพราะสร้างมาจากสัญญาเฉพาะตัว

    เราเองมักจะฝันเป็นนิมิตบ่อยๆ บางทีก็แก้ได้เลย
    บางทีต้องปล่อยจนเหตุการณ์เกิดขึ้นถึงจะเข้าใจนิมิตก็มี

    บางทีฝันล่วงหน้าเป็นปีก็มี บางทีไม่กี่วันก็เกิด
    นิมิตพวกนี้ ถ้าจริง มักจะไม่ลืม เพราะมันชัดเจนมาก..
    บางทีคิดว่าฝันเพ้อเจ้อ แต่ก็เกิด

    บางนิมิตครูบาอาจารย์ก็แก้ให้ได้ ก็มี..

    นิมิตสุดท้าย คิดว่าคุณ supop เอง น่าจะแก้ได้แล้ว

    7
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  11. k_g

    k_g เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +170
    ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยค่ะ

    เรื่องนิมิตนั้น อาจจะเป็นเรื่องในชาติก่อน
    คุณจำความฝันได้ขนาดนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง..

    ขอให้หมั่นทำความดีไว้ ทุกอย่างจะดีเอง
    เรื่องจะได้นิพพานหรือไม่ ไม่สำคัญ
    อย่าไปยึดติด จะนำเป็นกิเลสเปล่าๆ

    ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้เรื่องนิพพานนะคะ ^^
     
  12. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    เอ่อ ต้องขอโทษอีกครั้งครับ นี่เป็นนิมิตที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิครับ

    และผมก็ไม่ได้คิดหวังนิพพานครับ แค่ตามรู้กับปัจจุบันเท่านั้น

    และขอบคุณกับคำำแนะนำของทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  13. mukamon

    mukamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +596
    คุณมีเหตุและปัจจัยที่เป็นของเก่าและใหม่ แต่ยังไม่ขัดเกลาให้ใสที่สุด นิมิตรในสมาธิบางครั้ง บางอย่างจริงและไม่จริง ต้องพิจารณา อย่าพึ่งติดในในนิมิตร มั่นเพียรปฏิบัติบูชาด้วย ทาน ศีล ภาวนา ให้ยิ่งๆขึ้นไป คุณเป็นชาวพุทธคนนึงที่เป็นมนุษย์สมบัติที่จะบรรลุธรรมได้ด้วยตนเอง เพียรพยายามต่อไปนะคะ
    ขออนุโมทนาสาธุ....
     
  14. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    oนิมิตดีo ปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ ครับ
     
  15. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ไหนๆคุณ Supop ก็ปฏิบัติธรรมเเล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณ Supop เคยเรียนปริยัติธรรมมารึเปล่า ? ถ้าไม่เคยมาเรียนในนี้ได้เลยครับ บทเรียนอยู่ทางขวามือครับ มีสิบบทครับ เรียนจบเเล้วจะเข้าใจถึงเเก่นเเท้ของพุทธศาสนาครับ เจริญในธรรมครับ

    อภิธรรมโชติกะ,อภิธรรมออนไลน์,มูลนิธิเผยแผ่พระสัทธรรม
     
  16. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    อนุโมทนาครับ เป็นกำลังใจให้
    ในโลกนี้มีสรรเสริญ มีนินทา
    มีทั้งติ มีทั้งชม
    เลือกสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์กับเรา
    สิ่งใดที่ระคายหู ก็อย่าไปสนใจเลย
    ขอให้เจริญในธรรมครับ..
     
  17. วัชรมน

    วัชรมน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +20
    โมธนาสาธุด้วยนะค่ะ สักวันเวลาถึงพร้อมทุกอย่างจะมาเอง :cool:
     
  18. vietnam

    vietnam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +2,684

    "ธรรมเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เห็นได้ด้วยตนเอง"


    ขอให้จบกิจในพระพุทธศาสนาตามที่ตั้งใจไว้นะครับ

    โมทนาอย่างยิ่งครับ
     
  19. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    ขออนุญาตครับ....


    ตามความเห็นของผู้รู้น้อย....อย่างผม

    ตามนิมิตข้อ ๓...ของคุณนั้น

    เป็นปริศนาที่ตนเองพึงแก้ด้วยตนเอง แม้นผู้อื่นบอกก็หาเข้าใจไม่.....

    ความเข้าใจจากการรับฟัง กับการเข้าใจเองต่างกัน....

    มีผู้หนึ่งบอกท่านว่า....ดวงตาเห็นธรรมมีลักษณะอย่างไร

    ท่านรับฟังไปก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งท่านเห็นด้วยตนเอง...



    นิมิตนี้ มีความหมาย.....ว่า

    บุคคลทั่วไปปฏิบัติในช้นต้นเพื่อขัดเกลาจิตที่ดำมืด ให้ปล่อยคลายออกมา

    จนกระทั่งขาวใสสะอาด แต่ยังถึงที่สุดที่พระพุทธองค์พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้เป็นผู้ชี้ทางไม่

    บุคคลนั้นยังมีความยึดมั่นถือมั่นที่เหนียวแน่นอยู่สิ่งหนึ่ง อันเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่จะพบกับความจริงแท้...


    ความยึดมั่นถือมั่นนี้...เราไม่รู้ว่ามันมีจริง แต่มันมี เราจะรู้ได้เมื่อเราทำให้จิตใจขาวสะอาด บริสุทธิ์

    จนเราคิดว่าไม่มีอะไรที่จะเหลือแล้ว แต่เราลืมคิดไปว่า เรายังมีเราอยู่ เรา...ที่เข้าใจว่าเป็นอมตะมั่นคงนิจนิรันด์

    หากคุณยังไม่ละความเพียรในการปฏิบัติ...ยังคงทำต่อไป คุณจะเข้าใจว่า คุณไม่สามารถบังคับ..เรา...ได้ตามความประสงค์ได้ทุกเวลาเมื่อต้องการ

    ความเข้าใจนี้จะสะสมเป็นกำลังทีละน้อย จนกระทั่งมีกำลังพอเพียงที่ธรรมชาติที่อยู่ในตัวเรา

    โดยที่เราไม่รู้ แทรกออกมาทำลายความเป็นเรา ทำให้รู้ว่าเราไม่มีจริง ไม่มีใดใดที่เป็นเรา

    ในที่สุด...ไม่มีเราในที่ใดใด

    ไม่มีเราในเรา เราเป็นเพียงตัวแทนของการสื่อสารจากธรรมชาติหนึ่ง

    ไปสู่อีกธรรมชาติหนึ่ง ธรรมชาติที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของทุกๆสิ่งในโลก

    ทุกๆสิ่งมีค่าเท่ากัน กลมกลืนกัน ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีเราไม่มีเขา อย่างใดเลย...
     
  20. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    ความเห็นของผม...

    ปริศนาข้อที่ ๓ สุดท้ายของคุณ...นะครับ...

    คุณใกล้เต็มทีแล้ว...มีความรู้บางอย่างใกล้จะเพียงพอแล้ว แต่ยังไม่ถึงเท่านั้นเอง

    เหมือนผงเข้าตา....อยู่ติดกับตาตนเอง แต่มองไม่เห็น พอวันหนึ่ง...ทุกอย่างพร้อม

    เหมือนผงหลุดจากตา...ไปเอง แล้ววันนั้นคุณจะร้อง...อ๋อ

    ว่ามันเป็นเช่นนี้เอง...



    ปริศนาข้อนี้...คุณต้องรู้ด้วยตนเอง ว่ามันเป็นอย่างไร

    หากบอกไป อาจจะทำให้คุณคิดไปก่อนล่วงหน้าว่ามันเป็นอย่างไร

    อาจจะทำให้...เนิ่นช้า่ไปอีกได้

    ในชั้นนี้...ไม่ต้องไปทำอะไรมากไปกว่าเดิมอีก ทำเหมือนเดิมที่เคยทำมา

    ทำต่อไป...อย่าไปคิดอะไรมาก แล้ววันที่ผงหลุดจากตาของคุณจะมาถึง


    สุดท้ายนี้...ในที่ใดใด ก็ไม่มีเรา

    เราเป็นคำแทนของธรรมชาติหนึ่งที่สื่อสารกับอีกธรรมชาติหนึ่ง...เท่านั้น

    ขออนุโมทนา...
     

แชร์หน้านี้

Loading...