*** โลกุตตระธรรม ตอน พระกัสสปะรื้อถอนจักขุของตน ไม่ได้ปฏิสนธิตามจักขุให้เหตุผล ****

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 21 กันยายน 2007.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** บัชชัยยะจะมูติ ****
    *** ธรรมหมวดนี้ตอน พระกัสสปะรื้อถอนจักขุของตน ไม่ได้ปฏิสนธิตามจักขุให้เหตุผล ****

    ภูมิจะตุมะติ ศรีอิตฐะอลุวะหัง บุคคะละตุกันตัง สัมมาติตะ อลุวะชีวิสัง
    โบกคะคะฤนียัง อุปปมานะจะ จะภูคะสมมุตติสัง อูเบกคะจะภูตัง อัตตะวะหัง เอทะสุเมตตัง
    ภูมิจะตุมะสัง อูเบกคะจะภูตัง บุพพะลานะจะ โภคะสมมุตติสัง กันทิกะ อลุวะ โชตทะทะรัง
    เสตะมานะสัง โรทะมารัง อัตฐะปุริสัง โสตัดปริญณัง เอคะจะบุบผัง รัตนะอุตตะกัง เสมวะจะหัง
    สุกันตุ บุทิติมัยหัง อูเบกคะจะภูตัง บุพพะลานะจะ โคตะมะอุตทะวิรัชสัง อูเบกคะจะภูตัง
    อุปปมานะจะ อลุวะสมมุตติสัง เอคะวิระตัง โสตะวิระสัง เอทะบุเรตตะวัง สัมมาติหัง
    อุตทะติติมิสสัง โชตทะทะรัง อะเสวะสุอิตฐัง โรทะมารัง สันหัง ตะรุมพัง จัตตุอุตตะกัง
    เมคะตุมัสสัง โชตทะสุกันตัง สัมมาติตะ พันธะสมมุตอูลุจสัง ไสยะเชตตะวัง เอทะอิตฐัง
    รัตนะภะวัง โสตะชีวะสัง เกตะรัง พาลุจะ อลุนะพันธะจะสัง ไสยะโภชชะนานัง สัมมาทุกขัง
    อัตฐะวิหัชชนัง โภคะชีวิสัง สุกันตุ มูทิวิกัตฐัง โสนตะตุระตัง สัมมาวะหัง ชาญตุอูลุวิสัทถัง
    โพธะมารัง สันหัง ตุมหัง อัตฐะปริญณัง อาตตะตาวะหัง อูลุจฐะ มาฆะวิบัชชัยยัง สัญญาวะหัง
    เอคะอุตตะกัง โบกคะระณี ตุมีวะสัง โชตทะมะตัง จัตตุกะชีวิสัง โภททะทะรัง เสตะวิระสัง
    บุพพะรันทิกะ อลุมะ มะโนทะหัง โชตทะติรันทัน สันหัน ภูติตุมิสัน เสมนะขะ อาตนะ
    บุคคะติรันทัน สัมมาติหัน อัตฐะปริญณัน สันหัน กันทิกัน อลุมัน ขัน ตัน เต ติ ฯ

    -
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** หลักปฏิบัติสัจจธรรม ****

    พระโลกุตตระเขตะมารัจจะ ท่านกล่าวสอนไว้ว่า......

    สาธุชนทั้งหลาย ควรตั้งอยู่ในศีลในธรรม และมีสัจจธรรม โดยมีหลัก 3 ประการ คือ ต้องมี"ใจ"อันสัจจธรรม มี"ปาก"อันสัจจธรรม และ"ปฏิบัติ"อันสัจจธรรม.....

    1.ใจอันสัจจธรรม-เมื่อใจนึกในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามใจที่เป็นสัจจธรรม อย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง คือ ไม่ให้เกิดกิเลส โลภ-หลง และไม่ให้ถืออาฆาตพยาบาทกับผู้ใด เมื่อผู้อื่นทำให้เราไม่พอใจ เราก็ถือใจสัจจธรรมว่า ไม่โต้ตอบ จะได้บรรลุศีลอันบริสุทธิ์ถึงขั้นอรหันต์ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามใจสัจจธรรม ที่ได้มุ่งมั่นไว้ ก็จะทำให้เราลดบารมีศีลไป

    2.ปากอันสัจจธรรม-เมื่อเราลั่นวาจาออกมาแล้วในวาจาระหว่างนี้ เป็นวาจาสัจจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพูดว่า"ไป"ก็ต้องไป ถ้าเราพูดว่า"ไม่" ก็ต้องไม่ อย่าพูดออกมาโดยไม่ตรงกับใจ ซึ่งเป็นการผิดไปจากสัจจธรรม เช่น เมื่อเราตั้งใจว่า วันนี้จะขอสุขกายสุขใจ แต่เมื่อพบสิ่งไม่พอใจเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ปากไม่สงบ คือ ผิดไปจากปากอันเป็นสัจจธรรม จะหลั่งวาจาอันไม่สมควรฟังออกมาแก่ผู้อื่น ถ้าเราถือใจสัจจธรรมและปากสัจจธรรมแล้ว จะต้องตั้งอยู่ในสมาธิ ให้ถือขันติ มีมานะอดทน มีมุทิตา มีอุเบกขา จะได้เป็นการคล้องจองกับการถือใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม.....

    3.ปฏิบัติอันสัจจธรรม-ต้องให้คล้องจองกับปากและใจ เช่น เมื่อใจคิดว่าสวดมนต์หนึ่งเล่มธูป ปากก็ได้สวดมนต์ ในการกระทำ ก็ต้องกระทำให้ครบเล่มธูป เป็นการคล้องจองไป จะได้มีบุญบารมีสะสมไว้ใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ถ้าสามสิ่งนี้ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป ก็ถือว่า"ขาดศีล"ในชีวิตครอบครัว ภรรยาเป็นหลักหนึ่งที่ช่วยค้ำจุนองค์สัจจธรรม เมื่อสามีปฏิบัติสิ่งใด ภรรยาควรใช้สายตาตรวจชี้ในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าสามีจะออกนอกลู่นอกทาง ภรรยาก็ควรช่วยเตือนสติปัญญา ให้เขากลับมา แต่ภรรยาจะต้องถือใจปฏิบัติสัจจธรรม ปากถือปฏิบัติสัจจธรรม และตัวปฏิบัติถือสัจจธรรม จึงจะได้ผล อย่าโมโหโกรธา หน้าบึ้งหน้าบูดหน้าเบี้ยว เป็นกิริยาที่ไม่น่าดูไม่น่าชม แทนที่จะเป็นหลักช่วยกระตุ้นเตือนให้สามี กลับเป็นน้ำมันราดในกองเพลิงให้มันลุกช่วงโชติขึ้นมา เป็นการผิดนอกลู่นอกทางของสามี มิได้เป็นการเสริมสร้างบารมี แต่เป็นการทำลายบารมีของภรรยาเอง ผู้ใดปฏิบัติสามประการนี้ได้ ก็จะเป็นศรีภรรยาตามหลักขององค์สัจจธรรม ลูกหลานจะได้เจริญรุ่งเรือง อุปมาเหมือนปากกับท้อง ดังนี้ คือ :-

    สามีทั้งหลาย ให้ถือว่าเป็น"ปากเป็นเสียง" ภรรยา ให้ถือว่าเป็น"ท้อง" เมื่อสามีใช้ปากดำเนินกิจการต่างๆ ปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว ภรรยาก็เป็นท้องสำหรับรองรับ เมื่อสามีปฏิบัติตามในหลักธรรมที่ถูกต้อง คือ หาเลี้ยงชีพอย่างสุจริตชน ไม่โกงเขา ไม่โลภหลง เงินทองที่ทำมาหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย สร้างความภูมิใจ เท่ากับว่า เป็นอาหารอันโอชา เมื่อเงินทองที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ก็เป็นอาหารทิพย์ เมื่อเอามาเลี้ยงท้อง ท้องก็จะอยู่ดี รับด้วยความสบาย มีพลังเข้าถึงหลักธรรมได้ ปากกับท้องนี้ ต้องอยู่คู่กันไปตลอดชาติ เมื่อท้องแข็งแรง ปากก็ดี ก็พลอยให้จิตใจของเราดีไปด้วย เมื่อจิตใจเราดี ผู้นั้นย่อมเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันสิ้นสุด

    เมื่อปากที่ให้สมมุติฐานว่าเป็นสามี ได้เงินได้ทองมาในสิ่งที่ผิดๆ เมื่อเอามาเลี้ยงท้องแล้ว ก็จะเกิดเป็นพิษ เมื่อท้องปวดท้องเจ็บ ก็ต้องอุทธรณ์ให้สามีเลิกปฏิบัติการในสิ่งที่ผิด เมื่อปากปฏิบัติถูกต้องแล้ว ท้องก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ปากก็จะอยู่เป็นสุข ไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยถ้าภรรยาซึ่งเป็นท้อง กินทุกสิ่งทุกอย่าง โลภไม่มีวันหยุด หลงไม่มีวันหยุด ก็พลอยให้ปากผิดไปด้วย ถ้าสามียึดมั่นอยู่ในธรรมะ ก็จะไม่ปฏิบัติตามท้อง ท้องก็จะอาละวาด ทำให้ครอบครัวไม่มีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าสามีที่เป็นปากนี้ เกิดไปหลงผิดตามท้อง หาในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาป้อนให้ท้องได้สบอารมณ์หมาย แต่ในบั้นปลายผลรับจะเป็นอย่างไร ผลรับนี้ ก็จะทำให้เสียทั้งปากทั้งท้อง

    การปฏิบัติใดๆ ถ้ามีธรรมะ เมื่อเกิดหลงผิดแล้ว ก็ยังมีทางที่จะชำระได้
    บุญ- หมายถึง สิ่งอันบริสุทธิ์สดใส
    กรรมชั่ว-หมายถึง สิ่งที่ดำมืด ไม่มีให้ความสว่าง

    ขอให้สาธุชนทั้งหลาย ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปฏิบัติกันไป ให้บรรลุถึงใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ให้ครบสามประการ สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง จงใช้อารมณ์เย็นเข้าลูบ เมื่ออารมณ์เย็นเข้าสู่ร่างกายของเราแล้ว ก็จะเกิดสติปัญญาขึ้น และจะมีความสดใสชั่วกาลนาน.........

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=89717

    -
     

แชร์หน้านี้

Loading...