เหตุแห่งกรรมไม่ใช่จะยุติกันง่าย ๆ

หลักการแก้ไขวิบากกรรม

(b-no) เหตุแห่งกรรมนั้นไม่ใช่จะยุติกันได้ง่าย เพราะเหมือนคนสองคนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันและทำร้ายห้ำหั่นกันโดย โลภะ โทสะ โมหะ ตั้งแต่ทำร้ายกันด้วยคำพูด ทำร้ายร่างกาย แม้ในที่สุดทำร้ายถึงแก่ชีวิต ดังนั้นผลของกรรมย่อมแตกต่างหนักเบาไม่เท่ากัน แม้ในทางโลกก็มีการตัดสินคดีและการลงโทษที่แตกต่างกันไปตามเจตนาและลักษณะการกระทำผิด


(eek) เหตุแห่งกรรมจะระงับลงได้นั้นย่อมมีสาเหตุที่สำคัญเพียง 2 ประการเท่านั้น

กรรมนั้นให้ผลเต็มที่แล้วจึงยุติ ซึ่งแน่นอนในประการนี้ไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะรอให้ผลถึงที่สุดแล้วจึงยุติ มีการให้อโหสิกรรม ก่อนที่กรรมจะให้ผลเต็มที่


[b-wai] ดังนั้นถ้าพิจารณากันจริง ๆ แล้วจะเห็นว่าวิธีการที่เหมาะสมที่สุด คือ การให้อโหสิกรรมต่อกัน ปัญหามีอยู่ว่า เราขออโหสิกรรมได้ แต่เจ้ากรรมนายเวรจะยอมรับหรือเปล่าเท่านั้น เพราะความอาฆาตพยาบาทมันมีมาก ก็จะทำให้เกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ คือไม่ยอมรับและให้อโหสิกรรมแน่นอน

 

บางคนกล่าวว่าสามารถตัดกรรมได้ ท่านว่าจริงหรือไม่? <O</O



หากเป็นกรรมเบา ๆ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ก็อาจจะได้ผล คือบรรเทาลงไปหรือหมดไป พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ท่านยังหนีกรรมไม่พ้นเลย แล้วพวกเราปุถุชนคนกิเลสยังหนาจะพ้นได้อย่างไร ประเด็นนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่ใครเก่งถึงขนาดตัดกรรมของคนอื่นได้ กรรมตัวเองตัดได้หรือยัง ?<O></O>
<O

ในที่นี้จึงไม่บังอาจใช้คำว่า "ตัดกรรม" แต่จะขอใช้คำว่า "แก้ไขวิบากกรรม" หมายถึงแก้ไขให้ดีขึ้นหรือหมดไป โดยอาศัยหลักธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักในการแก้ไข จึงมิใช่ไสยศาสตร์ดังเช่นที่บางคนคิด ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นขอให้ท่านติดตามศึกษาต่อไป (i)

 

น่าสนใจนะ จะแก้ไขได้หรือไม่

ตามอ่านมาค่ะ อือ.. น่าคิดนะ จะแก้ไขผลที่เกิดจากสิ่งที่ทำไปแล้วได้หรือ

 

น่าสนใจดีนะครับ จะคอยติดตามอ่านต่อไปครับ

 

อนุมาทะโน ครับ

 

แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป

(verygood) คำแนะนำในการแก้กรรม


สำหรับท่านที่ผิดพลาดไปแล้ว ก็อยากขอแนะนำหนทางแก้ไข วิบากกรรม เหล่านั้นให้บรรเทาลงไปหรือหมดไปในที่สุด ใช้ได้กับ กรรม ทุกประเภท มีข้อแนะนำดังนี้


[b-wai] 1. ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ เพื่อให้ดวงวิญญาณนั้นเห็นว่า เรามีความตั้งใจจริงและสำนึกในผลกรรมที่ได้กระทำลงไป เช่น การทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ถวายพระพุทธรูป ถวายผ้าไตร ไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ แล้วตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวของเราเท่านั้น แต่ท่านต้องเข้าใจเสียก่อนว่านี่เป็นเพียงทานกุศล เป็นกุศลเบื้องต้นที่ยังหยาบอยู่ซึ่งอาจจะไม่พอเพียงสำหรับการไถ่โทษฑัณฑ์ที่ได้กระทำผิดไว้กับเจ้ากรรมนายเวรตนนั้นก็ได้

 

2. การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ตามเพสภาวะ ส่วนจะเป็นการบวชกี่วันย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เมื่อบวชแล้วควรสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้า-เย็น เจริญสมาธิภาวนาให้มาก เพราะเป็นกุศลที่ละเอียดสูงกว่าการให้ทานข้างต้น

เพราะการบวชชีพราหมณ์หรือการถือศีล 8 เป็นระดับของบุญที่สูงกว่าการให้ทาน นอกจากจะมีโอกาสทำวัตรเช้าเย็น ก็ยังได้นั่งสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่เป็นทิพย์ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย หรือ ถ้าเป็นกรรมหนักและเป็นผู้ชายก็อาจบวชพระ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรก็ยิ่งดีมาก

 

3. เจริญสมาธิภาวนา


แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ เพราะบุญจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นกุศลที่ละเอียดมากและสูงที่สุด ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของทุกดวงจิดดวงวิญญาณ เพราะผู้มีกายทิพย์หรือกายละเอียดย่อมอยากได้บุญที่ละเอียดเช่นกัน


(verygood) อีกประการหนึ่ง จะเป็นการคลายขันธ์หรือปรับปรุงธาตุขันธ์ให้ผ่อนคลายระงับ เบญจขันธ์อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ กรรมเล็ก กรรมน้อย จะถูกขับผ่อนคลายออกจากขันธ์ได้บางส่วน ทำให้ดีขึ้นและเกิดปิติสุขตามมา พยายามให้จิตแน่วแน่มั่นคง จนจิตดิ่งวูบจนเกิดความสงบและสุขในใจ แล้วแผ่เมตตาให้ดวงจิตดวงวิญญาณนั้นมาอนุโมทนา และให้เป็นอโหสิกรรมต่อกัน เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวว่า หากเราทำจิตให้นิ่งสงบได้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ย่อมสามารถปิดอบายภูมิได้ คือ ทำความดีหนีความชั่ว ดังนั้นแม้ไม่อาจจะไปบวชชีพราหมณ์ได้ ก็อยู่ปฏิบัติเอาเองที่บ้านก็ได้ แต่ขอให้ทำจริงเท่านั้น

 

4. การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน


ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที
[b-wai]

ดังนั้นหากเจ้ากรรมนายเวรใดปรากฏตนต่อหน้าในขณะนั้น ก็พึงประกาศขออโหสิกรรมกันทันที หากแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอม กรรมนั้นก็ย่อมดำเนินการส่งผลต่อไป สุดแท้แต่ลักษณะแห่งกรรมที่กระทำกันมา ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำบุญแล้วให้กรวดน้ำแผ่เมตตา ระบุถึงเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า หรือ ที่ติดตามข้าพเจ้า ให้มาอนุโมทนาในส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้นี้ และกรรมอันใดที่ได้กระทำไปโดย เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจที่จะอุทิศให้แก่เขาจริง ๆ และด้วยความสำนึกผิด

 

ด้วยการที่เราเกิดตาย มาหลาย ๆ ชาติ จึงทำให้เจ้ากรรมนายเวรนั้นมีอยู่เยอะจริง ๆ ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เราเอาไม้ไปตีสุนัขด้วยความรำคาญที่มันมาไล่เห่า ความเคียดแค้นย่อมเกิดจากสุนัขตัวนั้น เจ้าของซึ่งรักสุนัขของเขามาก ก็พลอยโกรธเคืองไปด้วย เช่นกันว่า หากเราไปทำกรรมกับผู้ใดไว้ ญาติพี่น้องของเขาย่อมโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท ทำให้มีเจ้ากรรมนายเวรเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ดังนั้นเราจึงควรอุทิศและขอขมาเจ้ากรรมนายเวรบ่อย ๆ ขออโหสิกรรมแล้วก็ขออโหสิกรรมอีก จนกว่าจะยอมอโหสิกรรมให้ แต่ก็มีบางรายที่มีความโกรธแค้นมาก จึงไม่ยอมแม้จะรับส่วนบุญที่ให้ไป หลายคนสงสัยว่าแล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้าง<O</O

 

คำแนะนำในการแก้กรรมอีกข้อหนึ่ง คือ


5. ขอร้องไกล่เกลี่ย

เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัว หรือ สุขภาพการเจ็บป่วยไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้ ดังนั้น

 

อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะมีคำถามมากมายว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เจ้ากรรมนายเวรยอมอโหสิกรรมให้


ถ้าท่านอยากทราบคำตอบสุดท้ายตรงนี้ ก็ต้องติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ทุกตัวอักษร แล้วท่านจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมที่ท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง แล้วจะเข้าใจเรื่องราวของ

 

คำขออโหสิกรรม

การขออโหสิกรรมก็สามารถกล่าวได้หลายแบบค่ะ จะขอยกตัวอย่าง มาให้นำไปใช้กัน เพื่อน ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ตัดเติมบางส่วนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละท่านนะคะ
คำขออโหสิกรรม

ข้าพเจ้าขออาราธนาอัญเชิญ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ทั้งนี้ขอพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมต้นพุทธวงศ์ เป็นที่สุด โปรดสถิตเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า

ด้วยอำนาจแห่งพระรัตนตรัย และบุญกุศลของข้าพเจ้าที่เคยสร้างสมมาตั้งแต่อดีตชาติแรกจนถึงวาระปัจจุบันนี้ จงดลบันดาลให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้ามีฤทธิ์จงศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ

ด้วยอำนาจแห่งพระรัตนตรัย ขออัญเชิญเทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราช ขอจงเป็นสักขีพยานในกล่าวอโหสิกรรม ต่อ (ชื่อ..................................) ในครั้งนี้ด้วยเถิด

ด้วยอำนาจแห่งพระรัตนตรัย ข้าพเจ้าขอกล่าวอโหสิกรรมต่อ (ชื่อ......................................)

หากข้าพเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อ (ชื่อ............................) ด้วยทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็ดี และด้วยเจตนา หรือ ไม่เจตนาก็ดี
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดีข้าพเจ้าขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ต่อ (ชื่อ..................................) ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้น จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ด้วยเทอญ

 

คำขออโหสิกรรมอีกแบบ

 

อีกหนึ่งบท ไปอ่านเจอมา ให้เพื่อน ๆ นำไปประยุกต์ใช้กันค่ะ​

คำขอขมาถอนคำอธิษฐานมิจฉาทิฏฐิ​

ด้วยผลบุญอานิสงส์ที่ข้าพเจ้า ครอบครัว (และคณะผู้จัดทำฯ รวมทั้งคณะกรรมการสถาบันพัฒนาทางจิต ได้เผยแพร่พระพุทธศาสนาในเว็บไซต์Buddhapoem.comและbuddha-dhamma.comตลอดมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2545จนถึงปัจจุบัน )ได้.........................................ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชาและสังฆบูชา อันยิ่งใหญ่หาประมาณมิได้ ที่ข้าพเจ้า ครอบครัว พร้อมคณะฯ กระทำด้วยกายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ด้วยกาย วาจา ใจ อันเป็นมหากุศลแห่งพุทธานุภาพนี้ จงส่งผลให้การกระทำอันใด โดยเฉพาะการเปล่งวจีอธิษฐาน มโนอธิษฐาน คำสาป คำแช่ง ที่ข้าพเจ้า ครอบครัวและคณะฯ ประมาทพลาดพลั้งเผลอไปด้วย กิเลส ตัณหา อุปาทาน ประกอบไปด้วย โทสะ โมหะ โลภะ ด้วยมานะ มิจฉาทิฏฐิ จนเกิดความพยาบาท เบียดเบียน เกิดเวรเกิดกรรม ด้วยความที่ขาดสติปัญญา ไม่ประกอบด้วยศีล อันเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม ไว้กับบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้องลูกหลาน สัตว์โลกทั้งหลาย ที่มีภูมิ มีชาติเป็นแดนเกิด มีจิตวิญญาณ มีชีวิต มีขันธสันดาน มีชรามรณะ มีวิบากกรรมเป็นตัวกำหนด ที่ข้าพเจ้าครอบครัวและคณะฯ สาปแช่งไว้ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น.......​

ขออำนาจพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ สลายคลายอำนาจคำอธิษฐาน คำสาปแช่ง ที่กล่าวถึงบุคคล สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกผู้ทุกนาม ทุกชั้นทุกภพ มาเป็นร้อยหนหมื่นหน ล้านหนโกฎหน ณ กาลบัดนี้ เทอญ.....
ขอให้ท่านทั้งหลาย โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ครอบครัวและคณะฯ ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เวลานี้เป็นต้นไป อย่าได้เกิดเวรภัย ในภพชาติใดๆอีก มาร่วมสร้างแต่กรรมดี สร้างบารมี10 ทัศและ 30 ทัศ เสริมตน อยู่ในศีลในธรรม ให้พ้นภัยพาล จากทุกข์ภัยที่เกิดจากธาตุทั้ง 4 จากโรคภัยไข้เจ็บ จากการไม่มีทรัพย์ ปัจจัย4 ลุบ่วงมารทั้งหลาย ทั้งหมดทั้งสิ้น ขอให้มีสติระลึกรู้ถึงเหตุผล บุญบาปผิดชอบชั่วดี ด้วยสติปัญญาแห่งมรรคผลนิพพานพร้อมกับข้าพเจ้า ครอบครัวและคณะฯในปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ........​

ข้าพเจ้า ครอบครัวและคณะผู้จัดทำเว็บไซต์พร้อมคณะกรรมการฯดังกล่าวข้างต้น ขออโหสิกรรมยกโทษและขอให้อำนาจกฎแห่งกรรมสลายคลายตัวลงแก่ทุกท่าน ทุกผู้ทุกนาม ไม่ว่าจะอยู่ภพใดภูมิใดก็ตาม ที่พวกท่านได้กระทำกรรมไม่ดีเอาไว้กับข้าพเจ้า ครอบครัวและคณะ ณ กาลบัดนี้...เทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ.....​

"นะถอน โมถอน พุทถอน ธาถอน ยะถอน...... ​

นะคลอน โมคลอน พุทคลอน ธาคลอน ยะคลอน..ถอนด้วย นะโมพุทธายะ นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ"..​

นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุญญัง.......
นิพพานะ ปัจจโย โหตุ......สาธุ ๆ ๆ​

http://www.buddha-dhamma.com​

 

รีบเจริญมรรค 8 เพื่อเข้านิพพานเถิด จักไม่ต้องรับโทษแห่งอกุศลกรรมอีก

วิบากกรรมชดใช้กันไม่หมดดอก อาจจะชดใช้หมดไปเป็นบางเรื่อง เรื่องที่ยังชดใช้ไม่หมดหรือยังไม่ได้ชดใช้ยังมีอีกมากกว่า

กรรมที่ก่อไปแล้วก็มาก ที่ยังจะก่ออีกยังมากยิ่งกว่า หากยังประมาทอยู่

รีบเจริญมรรค 8 เพื่อเข้านิพพานเถิด ผู้เห็นโทษแห่งความประมาท

 

การขอขมา พระรัตนตรัย

มีสองวิธีการ คือ
1.การปฏิบัติบูชา ด้วยการเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในทางโลก และ ทางธรรม
2.ด้วยอามิส บูชา ถึงจะเป็นสิ่งที่ดู ว่าไม่ปราณีตนัก แต่ก็เป็นอานิสงค์ ให้เข้าถึงการปฏิบัติ บูชาในที่สุด
2.1 . การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ขนาด ตั้งแต่ 30 นิ้ว ขึ้นไป จนถึงขนาด 4 ศอก
2.2การสร้างหนังสือ พระไตรปิฏก ประเภทต่างๆ รวมถึงหนังสือ มนพิธี ( ถือว่าเป็นพระไตรปิฏกฉบับย่อ )
2.4 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย ผ้าไตรจีวร
2.5 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย บริจาคเงินซื้อที่ดินถวายวัด
2.6 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย สังฆทาน ผ้าป่า กฐิน
ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการแบบที่ 2 แบบอามิสบูชา

เครื่องสักการะพื้นฐาน
1. ธูปเทียนแพ. 1 ชุด
2. พวงมาลัยมะลิสด 1. พวง
3. พานที่จะวางธูปเทียนแพ 1 พาน.
4.ธูป .3 , 5 , 9 , 16 ดอก ตามกำลังใจ
5. เทียนหนัก 1 บาท .2. เล่ม
นำเครื่องสักการะนั้นไปต่อหน้า พระปฏิมากร ( ในต่างประเทศให้ อนุโลมใช้ พระเครื่อง หรือ รูปภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้เช่นกัน )

วิธีการ
วางเครื่องสักการะนั้นๆไว้ในที่สมควร หน้าพระพุทธรูป จุดเทียนก่อน แล้วจึงจุดธูปที่เตรียมไว้
คำขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม....3 จบ
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
ข้าพเจ้า ชื่อ......

 

เป็นหนทางที่ 6 ไม่กลับมาเกิดในสามโลกอีก ไม่มีใครรังแก/แกล้ง(จองเวร)ได้อีก-

-เด็ดขาด-
​