เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 พฤศจิกายน 2024 at 19:40.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9627.jpeg
      IMG_9627.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      140.5 KB
      เปิดดู:
      8
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    วันนี้ตรงวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อวานนี้ออกจากสวนสมุนไพร Ranweli แล้ว ทางด้านตำรวจนำ ซึ่งได้รับบัญชามาจากเจ้านาย ก็พาพวกเรามุดไปบนถนนแคบ ๆ และการจราจรติดขัดด้วยความเร็วสูง ซึ่งวันนี้ทั้งวันเขาก็ทำแบบนี้มาตลอดทาง..!

    แต่เนื่องจากว่าบริเวณนี้ก็คือเมืองมาตาเล ซึ่งเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของประเทศศรีลังกา มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่ถนนคับแคบ หลีกกันยาก แล้วคุณจราจรก็นำมุดไปแบบไม่สนโลก ทางด้านคนขับของเราก็พุ่งตามเราไปแบบ "เมื่อมึงไม่หลีก กูก็มุดปาดหน้าก่อน..!" ทำเอามีการเบรกกระตุก กระแทกกันเป็นระยะไป ได้ยินว่าคนด้านหลังหลายคนออกอาการเมารถค่อนข้างจะมาก..!

    กระผม/อาตมภาพเห็นสภาพจิตใจทุกคนไม่ปกติ เพราะว่ากลัวที่จะเกิดอุบัติเหตุ จึงได้จับไมโครโฟนเล่าเรื่องของการรักษากำลังใจอย่างไรไม่ให้ตกใจ จากการที่ธุดงค์เมื่อหลายสิบปีก่อนให้ทุกคนฟัง แล้วก็ให้ถือโอกาสนี้เป็นการทดสอบกำลังใจของตนเองว่า มาเสี่ยงชีวิตบนถนนแบบนี้แล้ว พวกเรายังจะตกใจหรือว่าหวาดกลัวหรือไม่ ?

    ประมาณ ๔ โมงครึ่งของประเทศศรีลังกา พวกเราก็มาถึงเมืองแคนดี้ ซึ่งโดยปกติแล้วเมืองหลวงประเทศศรีลังกาก็คือเมืองโคลอมโบ แต่ว่าในความรู้สึกของประชาชนชาวศรีลังกานั้น เมืองแคนดี้ถึงจะเป็นเมืองหลวงที่แท้จริง เนื่องจากว่าพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่ที่นี่

    พวกเราตรงไปยังวัดดัลดามัลลิกาวะ ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าที่ได้รับการถวายเป็นที่ประดิษฐานสิ่งสำคัญที่สุดทางพระพุทธศาสนาของประเทศศรีลังกา รถบัสมาจอดรถอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของทางวัดดัลดามัลลิกาวะ เมื่อรวมกลุ่มกันได้แล้วก็ถ่ายรูปหมู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูใหญ่ตรงนี้ ซึ่งสามารถเดินตรงเข้าไปยังหอประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วได้เลย

    ครั้งก่อน ๆ หน้านี้ กระผม/อาตมภาพโดนนำเข้าไปทางกองรักษาการณ์อีกด้านหนึ่ง ซึ่งต้องผ่านประตูหลายแห่ง และเดินตามถนนเป็นระยะทางที่ยาวไกลมาก จากนั้นค่อยมาซื้อดอกไม้เครื่องสักการะบูชา เดินผ่านประตูเข้าไปอีกสองแห่งเป็นอย่างน้อย กว่าที่จะมาถึงหน้าหอประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว

    แต่ว่านี่พวกเราเดินตรงเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็มาถึงหน้าหอสังเกตการณ์ของพระราชวังแล้ว ครั้นถ่ายรูปหมู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็นำเราผ่านประตูเข้าไป ถอดรองเท้าไว้ทางด้านในแล้วก็เข้าไปพักยังห้องพิเศษ ซึ่งแม้ว่าเขาจะจัดสถานที่ให้กว้างขวางที่สุดเท่าที่จะมีแล้ว แต่จำนวนพระและฆราวาสรวมแล้ว ๑๒๓ รูป/คน ก็พาเอาสถานที่ของเขาแออัดคับแคบไปเลย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    พระมหาเถระผู้เป็นเลขานุการของพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ ซึ่งปีนี้ทางฝ่ายอัสคีรียะได้รับหน้าที่เป็นประธานในการดูแลพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว ท่านส่งเลขานุการมาต้อนรับพวกเราก่อน ได้ถวายน้ำปานะและน้ำตาลก้อน พร้อมกับบอกว่าท่านพระมหานายกะจะออกมาต้อนรับคณะของเราตอน ๕ โมงครึ่ง

    เมื่อพวกเราฉันน้ำปานะแล้ว ก็ได้เตรียมปัจจัยเอาไว้สำหรับถวายทำบุญกับท่านพระมหานายกะ กระผม/อาตมภาพควักเอาธนบัตรใบละ ๑๐๐ ดอลลาร์อเมริกันออกมา พูดง่าย ๆ ว่าใบเดียวก็สบายใจกันได้เลย ท่านอื่น ๆ ก็รวบรวมปัจจัยใส่ภายในถาดปูผ้าขาวที่ทางเจ้าหน้าที่นำมามอบให้ ญาติโยมทั้งหลายก็ร่วมบุญกันด้วย แล้วต่างคนก็ต่างนำเอาทองคำออกมาเตรียมเอาไว้

    กระผม/อาตมภาพนั้นได้รับสร้อยคอทองคำน้ำหนัก ๓ บาทจากทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) ที่ฝากมาร่วมถวายบูชาพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าจะถวายบูชาแบบนี้ก็ต้องมีให้ครบ จึงได้สละสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ ของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ที่เลี่ยมทองประดับเพชร ติดตัวมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว ห้อยไปกับสายสร้อยทองนั้นด้วย

    ส่วนทางด้านคุณศุภากาญจน์ หว่อง ซึ่งเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ร่วมเป็น FC วัดท่าขนุน ได้ถวายสร้อยคอทองคำน้ำหนัก ๑ บาท พร้อมกับพระไพรีพินาศ ปี ๒๔๘๑ ของวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เลี่ยมทองประดับเพชรมาเสร็จสรรพ แต่ด้วยความที่ทางด้านวัดดัลดามัลลิกาวะนี้ระบุไว้ว่า สิ่งที่จะถวายต้องเป็นทองคำแท้เท่านั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกกับคุณศุภากาญจน์ว่าทางวัดมีข้อกำหนดดังนี้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งนั้นศรัทธามั่นคงมาก บอกว่า "ถวายหลวงพ่อแล้ว ดิฉันไม่ขอรับคืน"

    กระผม/อาตมภาพจึงสละสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าขนุน เนื้อทองคำเลี่ยมทองอีก ๑ องค์ ห้อยไปกับสายสร้อยนั้น แล้วมอบให้คุณศุภากาญจน์เป็นผู้ถวายด้วยตนเอง สร้อยคออีกเส้นหนึ่งมาจากคุณวิภาวดี คงตระกูลเทียน ได้มอบคืนให้กับเจ้าของไป โดยที่ไม่มีพระเหลือที่จะติดสร้อยไปให้แล้ว

    ครั้นประมาณ ๕ โมง ๓๐ นาที ท่านมหานายกะธรรมรักขิตะ มหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ หรือว่าฝ่ายอรัญวาสี ก็ออกมาให้พวกเราได้กราบสักการะและถวายไทยธรรม ท่านได้มอบของที่ระลึก ซึ่งเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้กับพวกเรา จากนั้นก็ให้พรและให้โอวาทว่า "จะไม่กล่าวถึงความสำคัญของพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว เนื่องเพราะว่าพระเถระฝ่ายไทยคงจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว จึงได้นำคณะใหญ่มากันในวันนี้ แต่อยากจะให้ทุกท่านได้เข้าไปสักการะจากทางด้านล่างเลย ส่วนญาติโยมที่เป็นคณะใหญ่ให้เข้าไปทางประตูปกติจากด้านบน"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    พวกเราที่ได้รับความเมตตาอย่างคิดไม่ถึง เพราะว่าประตูทางด้านล่างสุดนั้น ก่อนหน้านี้เปิดให้เฉพาะท่านมหานายกะและผู้ทำหน้าที่ดูแลพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วได้เข้าไปเท่านั้น แต่เนื่องจากว่าท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีนั้น ท่านสนิทกับพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะตั้งแต่รูปก่อน ได้นิมนต์ท่านไปยังวัดหนองโพมาแล้ว ทางด้านท่านพระมหานายกะรูปปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นทำหน้าที่เลขานุการคณะสงฆ์ประเทศศรีลังกาอยู่ ก็ได้เคยเดินทางไปยังวัดหนองโพด้วย จึงได้อนุญาตเป็นพิเศษให้พวกเราสามารถเข้าตรงจากจุดนั้นได้เลย

    แต่ว่าเวลายังมาไม่ถึง เมื่อพวกเราถ่ายรูปหมู่กับพระมหานายกะ กล่าวขอบคุณและรับพรจากท่านแล้ว ท่านก็อนุญาตให้สัตบุรุษนำพวกเราไปกราบสักการะพระพุทธรูปในสถานที่สำคัญของทางวัด และชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งห้ามถ่ายรูป แต่ว่ากระผม/อาตมภาพก็ถ่ายมา เท่าที่เจ้าหน้าที่จะระวังไม่ทัน

    ครั้นใกล้เวลา พวกเราก็มายืนรอกันอยู่ที่บริเวณประตูหน้าของหอประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว เมื่อได้เวลา เจ้าหน้าที่ก็เปิดให้พระภิกษุ ๑๓ รูป เข้าไปทางด้านนั้น ส่วนญาติโยมก็มีเจ้าหน้าที่นำขึ้นไปทางชั้นบน ซึ่งต้องไปนั่งรอผ่านประตูชั้นแล้วชั้นเล่าทางด้านนั้น

    กระผม/อาตมภาพเดินนำคณะเข้าไปถึงภายใน ปรากฏว่าท่านมหานายกะธรรมรักขิตะ เมตตาถึงขนาดเป็นผู้มาประทานดอกไม้ให้พวกเราถวายบูชาพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วด้วยองค์ท่านเอง กระผม/อาตมภาพรับมาด้วยความชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง โปรยดอกมะลิถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว ก็ได้วางสร้อยคอทองคำประดับสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ เลี่ยมทองประดับเพชร ถวายเป็นพุทธบูชาด้วย

    จากนั้นก็เดินลัดออกมาทางด้านนอก อ้อมไปสองประตู ก็เจอคณะของเราที่เริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว เมื่อถ่ายรูปทางด้านนี้เสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราไปสักการะพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ และพระบรมสารีริกธาตุส่วนอื่น พร้อมกับนำไปชมหอสังเกตการณ์ที่เห็นวิวของทางวัดดัลดามัลลิกาวะในมุมกว้างที่สุดได้ แต่ก็อย่างว่า กระผม/อาตมภาพต้องควักกระเป๋าเป็นเงินรางวัลให้กับเขาทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าให้ถึงคนละ ๒๐๐ บาทไทย ก็ดาหน้ากันเข้ามารับให้อุตลุดไปหมด..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    พวกเราคณะใหญ่จนเกินไป เมื่อลงมาแล้วยืนรอกันอยู่ จึงทำให้ไปปิดทางเข้าของบรรดาญาติโยมชาวศรีลังกา ที่พอค่ำลงก็แห่กันมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว พร้อมกับสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชากันมากมาย กระผม/อาตมภาพจึงชวนคณะให้ทยอยกันเดินออกมาทางด้านนอกก่อน มาถ่ายรูปกับหอสังเกตการณ์ทางด้านนอก ซึ่งตอนนี้เปิดไฟสว่างไสวเป็นพิเศษ

    เมื่อน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ออกมาแล้ว ปรากฏว่าลูกอ้วน (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) หายไป โทรศัพท์เข้าไปถามแล้ว ไอ้ตัวเล็กช่วยดูแลอยู่ และโดนเจ้าหน้าที่ต้อนไปดูวิวอยู่ทางด้านบน คาดว่าจะหวังรางวัลจาก "มาดาม" อีกตามเคย จึงได้บอกให้ทั้งสองคนรีบออกมาข้างนอก ถ่ายรูปบริเวณหน้าหอสังเกตการณ์แล้ว ก็เดินตรงกลับออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าประตูใหญ่

    เมื่อพวกเราออกมากันครบถ้วนด้วยความปีติชื่นใจในความเมตตาของพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ และบารมีของพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าแต่ละคนอธิษฐานกันว่าอย่างไร แต่แซวกันอยู่ว่า "ปีที่แล้วหลวงพ่อเจ้าคุณวัดป่าประดู่ยังเป็นพระครูเจ้าคณะอำเภออยู่เลย เมื่ออธิษฐานเสร็จ ปีนี้ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคุณ เจ้าอาวาสพระอารามหลวงไปแล้ว" ทำเอาทุกคนเฮฮากันเป็นอย่างยิ่ง

    รถบัสได้นำพวกเรามาจอดรอรถตู้และรถมินิบัสของทางโรงแรม Grand Kandyn Hotel เพื่อที่จะนำพวกเราขึ้นเขาไปยังโรงแรมที่ถนนหนทางค่อนข้างจะคับแคบ รถบัสใหญ่ไม่สามารถที่จะกลับตัวได้ถนัด พวกเรามาถึงทางด้านบน ซึ่งเป็นสถานที่กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยมาแล้ว เพราะว่าเคยพักมาก่อน ครั้นเห็นเจ้าหน้าที่เขาว่างก็ไปขอรหัส WIFI ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่กดแล้วบอกว่า
    "Connected" ก็คือเครื่องได้เชื่อมต่อเองแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังทึ่งว่า โทรศัพท์ตัวเองฉลาดขนาดนั้น เจอคลื่นเก่าที่คุ้นเคยก็จัดการเชื่อมต่อให้เลย..!

    พวกเราได้รับกุญแจห้องแล้วก็แยกย้ายกันไป ปรากฏว่าลิฟท์แน่นมากเป็นพิเศษ เพราะว่าพวกเรามากันเป็นร้อยคน กระผม/อาตมภาพจึงเดินจากล็อบบี้ขึ้นไปจนถึงชั้น ๔ ห้องพักของตน จัดการเก็บข้าวของต่าง ๆ ซักผ้าตากเสร็จแล้ว มีเสียงเคาะประตูอีกตามเคย เปิดออกไปก็ไม่ผิดจากที่คาด ก็คือทางด้านบริกรนำเอาอาหารค่ำมาถวาย ปฏิเสธไปแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยังทำหน้าเสียใจมาก ประมาณว่าทำไมถึงไม่ฉันอาหารที่เขาอุตส่าห์ยกมาให้ถึงที่ ?

    ภาษากายของทางด้านคนอินเดีย ศรีลังกานี้แสดงออกชัดเจนมากทั้งสีหน้าท่าทาง กระผม/อาตมภาพขี้เกียจบอกว่า "กูเป็นพระไทย ไม่ฉันมื้อเย็นโว้ย..!" เพราะว่าเขาอยู่กับประเทศพระพุทธศาสนา ควรที่จะรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้อยู่แล้ว

    ทำการส่งงานเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็มุดเข้าใต้ผ้าห่มเตรียมจะนอน มีเสียงเคาะประตูอีก คาดว่าบริกรคงจะรอกระผม/อาตมภาพเปลี่ยนใจ แต่กระผม/อาตมภาพเอาผ้าห่มอุดหูแทน แล้วนอนภาวนาส่งใจขึ้นไปกราบพระ หลับไปในเวลาอันรวดเร็ว
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    เช้านี้ทางคณะนัดกันด้วยตัวเลขมาตรฐานสากล คือ ๖ - ๗ - ๘ ได้แก่ปลุกตอน ๖ โมงเช้า ๗ โมงรับประทานอาหาร ๘ โมงออกเดินทาง แต่เนื่องจากว่าห้องอาหารเขาพร้อมตั้งแต่ ๖ โมงครึ่ง พวกเราก็เข้าไปลุยกระจายกันอยู่ที่นั่น แล้วก็ช่วยกันหอบช่วยกันหิ้วกระเป๋าส่วนตัวลงมา ทำเอาบรรดาบริกรทำท่างง ๆ อยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นโรงแรม ๕ ดาว แต่แขกกลับทำอะไรด้วยตัวเองเสียเกือบหมด..!

    เมื่อได้เวลา บรรดารถตู้และมินิบัสก็รับพวกเราลงไปส่งที่รถใหญ่ทางด้านล่าง จากนั้นวิ่งต่อไปอีกไม่นาน มาถึงวัดมัลลวัตตะ ทางคณะนำเราเข้าไปที่ศาลาใหญ่เพื่อทำการต้อนรับก่อน โดยมีการถวายขนม น้ำชา อาหารว่างต่าง ๆ แล้วเลขาธิการของคณะสงฆ์ฝ่ายมัลลวัตตะ ซึ่งคุ้นเคยกันตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็เข้ามาทักทายปฏิสันถารด้วย จากนั้นพวกเราได้รวบรวมปัจจัย เพื่อจะถวายท่านมหานายกะสิทธารถะ ซึ่งเป็นมหานายกะ (พระสังฆราช) ฝ่ายมัลลวัตตะ

    เมื่อได้เวลา เจ้าหน้าที่ก็ให้พวกเราเข้าไปทีละ ๑ คันรถบัส พระของเราต้องสละให้โยมก่อน เมื่อโยมรับของที่ระลึกแล้วก็เดินออกไปทีละคน ให้โยมจากรถบัสคันใหม่เข้ามา ขนาดนั้นยังใช้เวลาอยู่ค่อนข้างจะเนิ่นนาน เนื่องเพราะว่าญาติโยมที่มาส่วนหนึ่งก็ค่อนข้างจะเฒ่าชะแรแก่ชรา หลายท่านก็เข้ามาแล้วกราบก่อน ก็เลยทำให้ยิ่งช้ากันเข้าไปใหญ่ ในช่วงที่ญาติโยมจากรถบัสคันสุดท้ายจะเข้ามาถึง พระสงฆ์ของเราจึงเข้าไปถวายรายงานตัว กราบสักการะ รับของที่ระลึกแล้วก็ถวายปัจจัย พร้อมกับกลับมารอที่รถ เป็นการเร่งรัดพวกเราไปในตัว

    เมื่อมากันครบถ้วนสมบูรณ์ ก็วิ่งฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างติดขัด ไปยังร้านเจ้าประจำของเรา ก็คือร้าน Kandyn Arts & Crafts ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกสารพัดสารเพ ซ้ำด้านบนยังมีร้านอาหารอยู่ด้วย พวกเราจึงมีเวลาละลายทรัพย์กันเป็นการใหญ่ พอดีว่าทางร้านมีการนิมนต์พระมาฉันภัตตาหารเพลด้วย เขาก็เลยนิมนต์พระและเชิญคนในคณะของเรา ร่วมกันยกอาหารไปถวายพระแบบที่พวกเราก็งง ๆ รับบุญกันมาแบบงง ๆ แล้วก็ไปฉันเพลกันทางด้านบน ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้น วันนี้ถือมังสวิรัติ ฉันเสร็จเรียบร้อยก็เร่งคนอื่นด้วยการขึ้นมานั่งรอส่งงานบนรถตามเคย
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    เมื่อพร้อมแล้วก็วิ่งตรงไปนอกเมือง เลี้ยวขวาข้ามสะพานไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร มาจอดที่ร้านขายใบชาเจ้าเก่า เพื่อที่จะฝากรถใหญ่เอาไว้ที่นี่ แล้วก็ให้มินิบัสและรถตู้รับพวกเราวิ่งเข้าไปที่วัดศรีธรรโมทยะ เมื่อไปถึงขึ้นไปบนเขา ปรากฏว่าลงจากรถปุ๊บ ฝนก็พรำลงมาปั๊บ โดยที่มีคณะนาฏกรมาต้อนรับเราจากข้างล่าง รำกันไปท่ามกลางสายฝนแบบสนุกครึกครื้น ยิ่งขึ้นไปถึงตัววัด ฝนก็ยิ่งลงแรงมากขึ้น..!

    พวกเราเข้าไปถวายสักการะพระนอนในวิหารก่อน แล้วค่อยมานั่งในศาลาการเปรียญที่เป็นมณฑลพิธี ซึ่งวันนี้ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ปุญญะนันทะ เจ้าอาวาสวัดอาโลกวิหาร เจ้าคณะจังหวัดมาตะเล ซึ่งท่านเดินทางมาไกลมาก เพื่อเป็นประธานสงฆ์ในครั้งนี้

    หลวงปู่มอบหมายให้พิธีกรทำพิธีประกาศในท่ามกลางสงฆ์ว่า "ผ้ากฐินได้เกิดขึ้นแล้วจากคณะของพระครูวิลาศกาญจนธรรมที่มาจากเมืองไทย และมอบหมายให้กับท่านสีละรัตนะเป็นผู้ครองผ้ากฐินในปีนี้ ถ้าหากว่าพระสงฆ์ทั้งหลายนิ่งอยู่ก็แปลว่าไม่คัดค้าน" เมื่อสงฆ์ทั้งหลายนิ่งอยู่ พระคู่สวดก็สวดประกาศให้ท่านสีละรัตนะเป็นผู้ครองกฐิน

    คำสวดมีต่างจากบ้านเราอยู่นิดหนึ่ง คือบ้านเราใช้คำว่า อิทัง สังฆัสสะะ กฐินะทุสสัง แต่ว่าทางด้านนี้ใช้คำว่า อิทัง สังฆัสสะ กฐินะจีวะรัง ต่างกันตรงทุสสังที่แปลว่าผ้า กับคำว่าจีวะรังคือจีวร แต่ว่าส่วนอื่นแล้วก็เหมือนกัน

    พิธีกรรมค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสะดวก เพราะข้างนอกฝนก็ตกอยู่ตลอดเวลา ญาติโยมทั้งหลายที่เป็นชาวบ้านเข้ามาส่วนใหญ่ก็อายุมาก ไม่สามารถที่จะนั่งพับเพียบได้ ก็มักจะนั่งเหยียดเท้า ทำให้เกะกะไปหมด ครั้นเมื่อท่านโมทนาแล้ว ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ก็ให้ญาติโยมถวายปัจจัยไทยธรรม มีทั้งผ้าไตรจีวร มีทั้งบาตร มีทั้งตาลปัตรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง

    จากนั้นทางวัดก็ได้มอบของที่ระลึก เป็นพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุทำด้วยทองเหลืองขัดเงา ถวายพระทุกรูป และมอบให้กับญาติโยมทุกคน
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,186
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,508
    ค่าพลัง:
    +26,343
    แล้วพวกเราก็ลากลับออกมา นั่งรถลงมาหน่อยหนึ่งเพื่อแวะที่หลวงพ่อโตองค์ใหญ่สูง ๑๒๐ ฟุต ซึ่งเรามาทำกฐินปลดหนี้ครั้งนี้ วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อที่จะสร้างหลวงพ่อให้เรียบร้อย แต่เนื่องจากว่าปีนี้ทางศรีลังกามีฝนตกอยู่ตลอดเวลา เมื่อสร้างเรียบร้อยแล้วไม่สามารถที่จะทาสีได้ ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดจึงนัดแนะกันว่า ปีหน้าเมื่อทาสีพระเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมาทอดกฐินฉลองกันอีกรอบ

    ระหว่างที่ไปนั่งรออยู่ด้านในฐานองค์พระเพื่อให้ฝนหยุด แต่กระผม/อาตมภาพคนทองผาภูมิ ชินกับสภาพดินฟ้าอากาศ มองแล้วว่าฝนไม่หยุดอย่างแน่นอน จึงขอให้ทุกคนฝ่าฝนออกไปตั้งแถวถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกหน้าหลวงพ่อโต เสร็จแล้วก็ขึ้นรถวิ่งลงมาประมาณ ๕ นาที มาถึงร้านขายใบชาที่ฝากรถเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วผู้คนของเราวิ่งไปเข้าห้องน้ำในร้านขายใบชาเสียมากกว่า แถมยังชิมชาของเขาหมดไปอีกหลายกา แต่หาคนที่ซื้อใบชาจริง ๆ ไม่ค่อยจะได้..!

    กระผม/อาตมภาพฉวยโอกาสที่มีเวลาว่างนิดหน่อย จึงได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ จากตรงนี้เรายังต้องวิ่งต่อไปยังกรุงโคลอมโบ เพื่อเข้าที่พักก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติบันดรานายะเก เพื่อเดินทางกลับสู่เมืองไทยต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...