เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ งานสำคัญของกระผม/อาตมภาพก็คือเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านไร่ป้า หมู่ที่ ๕ ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประสานงานกับ ผอ.ตูน (นางวารุณี พรมฝ้าย) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไร่ป้า เรื่องการที่ชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทยจะช่วยสร้างถาวรวัตถุให้กับทางโรงเรียน และร่วมฉลองในงานวันเด็กปี ๒๕๖๘ ด้วย

โดยที่ทางโรงเรียนต้องการที่จะปรับปรุงห้องน้ำห้องสุขาเก่า ซึ่งตอนนี้หมดสภาพการใช้งานแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงประมาณงบไว้ที่ ๓๐๐,๐๐๐ บาท และมอบงบประมาณก้อนแรกจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาทให้กับ ผอ.ตูน เพื่อดำเนินการทุบของเก่าแล้วเริ่มปรับปรุงได้เลย ถ้าหากว่าใกล้งบประมาณก้อนแรกจะหมดแล้ว ก็ขอให้แจ้งทางกระผม/อาตมภาพด้วย จะได้มอบงบประมาณก้อนต่อไปให้ไปก่อน

ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือญาติโยมที่ตั้งใจจะร่วมบุญ กระผม/อาตมภาพได้มอบหมายให้ไอ้ตัวเล็กไปเปิดกระทู้ของชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทยในเว็บไซต์วัดท่าขนุนแล้ว ท่านใดที่จะร่วมบุญ ไปเล็งดูวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ ของทางวัดท่าขนุน ซึ่งปัจจุบันหาไม่ได้ หรือว่าหาได้ยากมาก แล้วไปบูชาเอาตามกำลังของตน กระผม/อาตมภาพจะพยายามค้นหาก้นคลัง ที่ทั้งญาติโยมถวายมา และที่ตนเองมีเอาไว้ นำออกมาให้ท่านทั้งหลายได้บูชากัน แล้วไปฉลองกันในวันเด็กปี ๒๕๖๘ โน่น...

อีกเรื่องหนึ่งก็คือความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ๓ ซึ่งพระครูปลัดท่านหนึ่ง ชื่อท่านยาวมาก กระผม/อาตมภาพคุยกันอยู่ในกลุ่มไลน์พระอุปัชฌาย์ ๕๑ ว่า "ชื่อก็ไม่ได้ หน้าก็ไม่ให้ ความรู้ก็ไม่มี แต่จะวิ่งหาแสงอย่างเดียว" ท่านไปก่อความวุ่นวายขึ้นที่นั่น

ส่วนที่กระผม/อาตมภาพต้องการจะชมอย่างแท้จริงก็คือหลวงพี่น้ำฝนของกระผม/อาตมภาพ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม หัวหน้าพระวินยาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่ท่านต้องไปวุ่นวายด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง ๓ เลย ก็เพราะว่าพระครูปลัดท่านนั้น มาพำนักอยู่บริเวณเขตอำเภอนครชัยศรี โดยที่ไปสร้างสำนักสงฆ์เอาไว้แถวห้วยพลู

 

ส่วนที่ชมก็คือว่า ปกติแล้วหลวงพี่น้ำฝนของกระผม/อาตมภาพนั้นท่านเป็นคนใจร้อน พร้อมบวก ตามประสาพระเกจิอาจารย์สายฤทธิ์ แต่ว่างานนี้ท่านใจเย็นมาก พยายามที่จะเจรจา และทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นว่า สิ่งที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้บัญญัติพระวินัยขึ้นมา แล้วมีอานิสงส์ ๑๐ ประการนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งจริง ๆ

เพราะว่าอานิสงส์ข้อที่ ๑ ก็คือ "ทุมมังกูนัง ปุคคะลานัง นิคคะหายะ" แปลเป็นไทยว่า "เพื่อกดข่มบุคคลผู้เก้อยาก" ก็คือพวกหน้าด้านหน้าทน เถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปเรื่อย ไม่มีความรู้อะไรที่จะมาเถียงก็เที่ยวกล่าวหาคนอื่น โดยอาศัยเสียงดังกลบเกลื่อนไปอย่างเดียว และข้อที่ ๒ "เปสะลานัง ภิกขูนัง ผาสุวิหารายะ" ก็คือ "เพื่อความอยู่สุขของบุคคลผู้มีศีลอันเป็นที่รัก"

ตรงจุดนี้อยากจะให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นวินัยในทางธรรม หรือว่ากฎหมายในทางโลกนั้น สามารถที่จะห้ามได้เฉพาะบุคคลที่ละอายชั่วกลัวบาป และรู้สำนึกในสถานภาพของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่บุคคลที่ไม่คำนึงถึงสถานภาพของตนเอง ไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น กูต้องการจะแสดงออก กูต้องการจะหาแสง กูก็ทำไป โดยที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองภาพพจน์ของตนเองและพระสงฆ์ไทยว่าเลวร้ายขนาดไหน..

บุคคลประเภทนี้นั้นจะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าเรามีกฎหมายใหม่ออกมา ในลักษณะที่ว่าบุคคลใดไปสร้างความวุ่นวายแล้วทำให้คณะสงฆ์เสียหาย สามารถที่จะมอบหมายให้ทางตำรวจนำตัวไปสึกหาลาเพศเลย แล้วถ้าจะให้ดีก็คือสักหน้าไปเลย..! แบบโบราณที่ทำกับพระซึ่งต้องอาบัติปาราชิก

การสักหน้านั้นก็คือทำให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ที่ท่านไม่มีความสามารถพิเศษ สามารถที่จะรู้ว่าบุคคลนี้เคยก่อเวรก่อกรรมกับทางคณะสงฆ์มาแล้ว เมื่อสร้างวีรเวรวีรกรรมมามาก ถ้าบวชให้ใหม่ก็คงจะสร้างความเดือดร้อนให้แบบนี้อีก แล้วก็สักหน้าไปเลย ทำให้พระอุปัชฌาย์ที่จะบวชให้ใหม่เห็น ก็จะได้รู้เอาไว้ ว่าบุคคลประเภทนี้ไม่บังควรที่จะบวชให้ เป็นต้น

 

อีกเรื่องหนึ่งก็คือมีผู้ส่งรูปมาในกลุ่มไลน์ เกี่ยวกับการปลุกเสกวัตถุมงคลรูปฮิปโปหมูเด้ง โดยที่ใช้คำว่า "ฮิปโปกวักทรัพย์" กระผม/อาตมภาพเห็นชื่อสำนักสงฆ์อนันต์บูรพารามแล้วก็สะดุ้งเฮือกว่า พระครูโก้ (พระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล) หลวงพี่โก้ของกระผม/อาตมภาพงานเข้าแน่นอน จึงได้ให้ผู้ติดต่อประสานงานแจ้งไปว่า "ถ้ามีวัตถุมงคลฮิปโปหมูเด้งกวักทรัพย์มา กระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะเสกให้ได้ เนื่องเพราะว่าวิชาไม่ถึง เรียนมาไม่ถึง..!"

เมื่อติดต่อไปแล้ว ทางด้านหลวงพี่โก้แจ้งว่าตอนนี้งานเข้าจริง ๆ เพราะว่าบุคคลอื่นอาศัยชื่อสำนักสงฆ์อนันต์บูรพารามในการออกวัตถุมงคล แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทางวัด กลายเป็นว่ายืมชื่อวัดไปแล้วทำให้เสียหาย ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลก็เข้ามาสอบถาม เพื่อที่จะหาข้อเท็จจริง เอาไปเพื่อที่จะแก้ต่างกับบรรดาบุคคลที่เข้ามารุมโจมตีกันสารพัด

ตรงนี้กระผม/อาตมภาพเจอปัญหามาเองแล้วตรงที่ว่า บุคคลที่นำวัตถุมงคลมาฝากเข้าพิธีที่วัดท่าขนุน แล้วนำออกไปจำหน่าย ถึงแม้ว่ายังไม่มีของที่ทำให้เสียหาย แต่บุคคลที่ท่านหาบูชาวัตถุมงคลไม่ได้ หรือว่าบูชาไม่ทัน ก็จะโทรมาโวยวายกับทางวัด จะเอารุ่นนั้น จะเอารุ่นนี้ โดยที่ทางวัดก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนกระทั่งท้ายที่สุดต้องไม่รับวัตถุมงคลของคนอื่นมาเข้าพิธีอีก

แม้กระทั่งล่าสุดนี้ ได้รับการติดต่อมาจากผู้ใหญ่ที่คนรู้จักกันทั่วประเทศ จะนำวัตถุมงคลรุ่นหนึ่งของหลวงปู่ศิลา (พระราชวัชรธรรมโสภณ วิ.) วัดพระธาตุหมื่นหิน มาเข้าพิธีเสกเดี่ยวที่วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพก็ยังต้องปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าถ้ามีพิเศษให้คนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกมากมายมหาศาลก็จะแห่กันมาทันที..!

โดยมีคำพูดประมาณว่า "ทำไมรายนั้นถึงได้ แล้วทำไมสงเคราะห์เขาไม่ได้ ?" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องตัดใจ หรือว่าขัดใจ บุคคลที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ในแผ่นดินไป โดยที่เกรงใจเป็นอย่างยิ่ง

 

กระผม/อาตมภาพก็เคารพนับถือหลวงปู่เจ้าคุณศิลาอยู่มาก ครั้งก่อนท่านนิมนต์ไปเสกวัตถุมงคล ก็ติดกิจนิมนต์ฎีกาหลวงเข้าพอดี เมื่อชี้แจงกราบขอขมาท่านไป ท่านยังแซวกลับมาว่า "ให้รับฎีกาหลวงไปก่อน เผื่อถึงพระเนตรพระกรรณแล้วจะได้เป็นเจ้าคุณเหมือนกับหลวงปู่บ้าง" กระผม/อาตมภาพก็ยังนึกขำและสาธุอยู่ในใจ

แต่ว่าต้องขออภัยท่านทั้งหลายจริง ๆ เพราะว่าในปัจจุบันนี้ ในวงการสร้างวัตถุมงคลเลอะเทอะและเละเทะมาก มีวัตถุมงคลประเภทจิ้งจอกเก้าหาง วัตถุมงคลประเภทนินจาเต่า ปัจจุบันนี้ก็มีวัตถุมงคลฮิปโปกวักทรัพย์ ในลักษณะโหนกระแสหมูเด้ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ผู้ที่ทำก็รู้อยู่แล้วว่าออกไปแนวพุทธพาณิชย์ ก็สมควรที่จะให้บุคคลเขาด่าประจานออกโซเชียล แต่ว่าในส่วนที่ท่านทำโดยเจตนาดี วัตถุประสงค์ดีก็พลอยเสียหายไปหมด

โดยเฉพาะในส่วนของพรรคพวกเพื่อนฝูงอย่างพระครูโก้ ท่านก็ไม่ได้รู้อะไรเลย เขามาขออนุญาตใช้ชื่อวัด ในฐานะบุคคลที่คุ้นเคยกันก็อนุญาตให้ท่านไป แต่ปรากฏว่าเขาไปโฆษณาจำหน่าย กลายเป็นฮิปโปกวักทรัพย์ขึ้นมา ทำเอาเดือดร้อน โดนเจ้าคณะปกครองสอบสวน คาดว่าถ้าไม่เข็ด ก็คงจะต้องระมัดระวังตัวขึ้นอีกหลายเท่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ควรที่เราท่านทั้งหลายจะต้องมาเดือดร้อน ก็ต้องเดือดร้อนเพราะว่าคนอื่นตั้งใจจะทำ โดยที่ปิดบังเจ้าของสถานที่เอาไว้ กว่าที่จะรู้ เรื่องก็กระจายไปทั่วประเทศไทยและอาจจะทั่วโลกไปแล้ว..!

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพยังต้องเข้าประชุมคณะกรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ทั่วประเทศตอน ๖ โมงเย็นอีก จึงต้องรีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ และแจ้งไปทางกลุ่มไลน์ท่าขนุนทีมว่า ไม่สามารถที่จะลงทำวัตรเย็น และบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนต่อหน้าท่านทั้งหลายได้ เนื่องเพราะว่าติดประชุมวาระสำคัญนี้

วันนี้จึงขออนุญาตเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)