อยากทราบว่ามีพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับคนมีองค์หรือร่างทรงไหมครับ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย wavepoo, 21 มกราคม 2013.

  1. wavepoo

    wavepoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +113
    ผมเป็นคนที่เชื่อเรื่องเหล่านี้นะครับ แต่ว่าเคยได้เห็นผ่านๆว่า เทวดาจะช่วยทำนุบำรุงศาสนา อันนี้ไม่รู้จริงเท็จอย่างไร รบกวนท่านทั้งหลายด้วยนะครับ
     
  2. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีดอกพระสูตรนี้
     
  3. mongko

    mongko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +329
    ลองไปถามพี่โจ-ก้อง นูโวดูสิครับ
     
  4. wavepoo

    wavepoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +113
    เอ่อ ที่ให้ไปถาม พี่โจ-ก้อง นูโว มุขรึเปล่าครับ ^^
     
  5. มองภายใน

    มองภายใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +188
    เรื่อง การเป็นหมอเข้าทรง พระพุทธเจ้าติเตียนและเป็นดิรัจฉานวิชา

    วิชาที่กั้นสวรรค์และการบรรลุธรรม

    พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 14

    ข้อความบางตอนจากพรหมชาลสูตร

    (๒๔) ๖. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิด

    ด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขา

    ให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้

    คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์

    หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้

    ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้

    มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรง

    หญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม

    ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ. ฯลฯ
     
  6. wavepoo

    wavepoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +113
    นอกจากอาชีพที่ไม่แนะนำอย่างนี้ แล้วมีเกี่ยวกัน ผู้คนที่มีเทวดามาอยุ่ด้วย แล้วมาคอยช่วยเหลือ หรือให้ทำในสิ่งที่ดีล่ะครับ เช่นมาให้เลิกเหล้า มาให้รักษาศีล 5 มาให้พบคนที่ดีดี
     
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    อยากรู้ ก็จะได้รู้ อ้างอิงข้อมูลจากคุณดังตฤณ

    http://dungtrin.com/mag/?9.prepare

    [​IMG]

    ถาม – เทวดาประจำตัวมีจริงหรือเปล่าคะ?

    [​IMG]

    ตอบ - ถ้านึกถึงเทวดาเดินตามต้อยๆ ไปคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์คุณตลอดเวลาล่ะก็ แบบนั้นไม่มีหรอกครับ

    ลองคิดดู ถ้าใครสักคนสู้อุตส่าห์ทำบุญ จนเกินมนุษย์ธรรมดา ถึงขนาดตายไปเสวยสวรรค์ได้ สุดท้าย เบื้องบนตกรางวัล โดยให้มาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครองมนุษย์ตลอดเวลา ค่าจ้างค่าออน ก็ไม่ได้รับกับใครเขา อย่างนี้จะเป็นเทวดาไปทำไมล่ะครับ

    เป็นคุณจะเอาไหม ถ้าทำบุญแทบตาย แล้วต้องไปกินบุญด้วยการเป็นเงาตามสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์ต่ำกว่า อย่างเช่น ลิงค่างบ่างชะนี?


    หากตอบว่าไม่เอา เทวดาก็คงไม่เอาเหมือนกัน และหากบอกว่า ไม่เห็นจำเป็น เทวดาก็บอกว่า ไม่เห็นจำเป็นเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้นเลยครับ

    อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเกื้อกูลข้ามมิติภพภูมินั้น เป็นไปได้ครับ ทำนองเดียวกับที่คุณอยู่ในภูมิมนุษย์ สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือสัตว์ในภูมิเดรัจฉานได้ ตั้งแต่สัตว์เล็กอย่างมด ไปจนกระทั่ง สัตว์ใหญ่อย่างปลาวาฬ

    โดยที่ การช่วยเหลืออาจมาในรูปแบบต่างๆ เช่น หยิบยื่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการช่วยชีวิตพวกมัน ราวกับปาฏิหาริย์ หรืออาจมาในรูปของ การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่

    หรืออาจมาในรูปของ การนำพวกมันมาผสมพันธุ์กัน ป้องกันการสูญพันธุ์ ฯ พวกมันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้เลยว่า เป็นฝีมือของคุณ

    พวกเราก็เหมือนกัน วันๆ ได้แต่ดุ่มเดิมไปตามยถากรรม รับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่ไม่รู้ว่า เป็นการบันดาลของอะไร ระหว่างความบังเอิญ กรรมเก่า หรือเทวดา

    ว่ากันถึงความบังเอิญ คุณจะยิ่งทึ่งในโลกและจักรวาลมากขึ้น ถ้ารู้ว่า ความกระทบกระทั่งดีร้ายทั้งหลาย ไม่เคยบังเอิญเลย สิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา ต่างร่วมกันถักทอเหตุการณ์ ตามจังหวะการให้ผลของกรรมเสมอ

    ยกตัวอย่างเช่น คุณเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านว่าง นึกว่าคุณเป็นเอกเทศอยู่ตามลำพัง อยากก้าวเท้าไปที่จุดไหนในเวลาใดก็ได้ ความจริง คุณอาจทำหน้าที่เหยียบมดชะตาขาด ให้ตายดับโดยไม่รู้ตัว ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง

    เท้าคุณเป็นวิบากของเหล่ามดกลุ่มดังกล่าว ทำหน้าที่เครื่องประหาร ส่งไปเกิดใหม่ ตามเวลาอันควรของพวกมัน เมื่อใด คุณเข้าใจความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างสิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา

    เมื่อนั้น คุณจะทราบว่าแม้ ‘ความบังเอิญ’ ก็มีเหตุผลบางอย่างของมันเสมอ

    [​IMG]

    ว่ากันถึงกรรมวิบาก แม้หลายคนจะเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เมื่อ ‘ได้ดี’ หรือ ‘ได้ชั่ว’ แต่ละครั้ง ก็จะงงๆ ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร กับทั้งมองออกนอกตัว ไปเพ่งโทษว่า เป็นความผิดของมนุษย์ด้วยกันเสมอ

    เรียกหาความยุติธรรม เพื่อเอาผิดเอาถูกจากมนุษย์ด้วยกันเสมอ จะมีสักกี่คน ที่พูดออกและบอกถูกว่า เหตุการณ์ไหน ไหลมาจากกรรมอันใดของตน

    ว่ากันถึงเทวดา พวกเราในโลกมนุษย์นี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยครับ ที่สัมผัสพลังต่างมิติด้วยจิต อาจจะได้กลิ่นหอมแปลก อาจจะยินเสียงพิเศษ หรือบางคน อาจเห็นความผิดปกติของเหตุการณ์บางชนิด แล้วทราบทันทีว่าเป็นการแสดงนิมิตด้วยฤทธิ์ของเทวดา

    แต่สัมผัสเทวดานั้น แม้จริง ก็ใกล้เคียงกับอุปาทานมาก

    เช่น สายลมโชยกลิ่นหอมรื่น อาจเป็นลมธรรมดาที่หอบกลิ่นดอกไม้มากระทบจมูก แต่จิตคุณปรุงแต่งไปว่า ไม่เคยได้กลิ่นอย่างนี้มาก่อน ที่ไหนในโลก ต้องเป็นกลิ่นทิพย์ของเทวดาแน่ๆ


    ของแบบนี้ ถ้าให้แน่จริง ต้องมีตาทิพย์ อันคู่ควรกับการเห็นสภาพทิพย์ เมื่อมีตาทิพย์ คุณจะพบว่า อากาศว่างหลายๆ แห่ง ไม่ว่างจริง ต้นไม้ใหญ่หลายๆ ต้น ไม่ได้มีแค่กิ่งใบ โลกทิพย์จะปรากฏต่อหน้า โดยไม่ต้องรอให้ได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้สัมผัสอะไรแปลกๆ เสียก่อนเลยด้วยซ้ำ

    คนในโลกส่วนใหญ่ พร้อมจะเชื่อว่า เหตุการณ์ดีร้ายต่างๆ เกิดขึ้นจากความบังเอิญ หรือไม่ก็เทวดาบันดาล เพราะไม่ต้องมีตนเอง เข้าไปรับผิดชอบเหมือนให้เชื่อว่า เป็นผลจากกรรมเก่าของตน

    แม้คนที่ศรัทธากรรมวิบาก ก็มักเลือกเชื่อเฉพาะ เมื่อเกิดเรื่องดีๆ ว่า เป็นเพราะบุญเก่าของตนบันดาล ส่วนเรื่องร้ายๆ ของตัวนี่ จะหาแพะ เพ่งโทษเอาผิด กับมนุษย์ด้วยกัน

    หรือไม่ก็ โบ้ยให้ความบังเอิญและเทวดา เป็นต้นเหตุไป ไม่อยากเชื่อว่า ตนเคยทำบาปอันใดไว้ จึงต้องมาเผชิญทุกข์อย่างที่กำลังเป็น

    เมื่อโทษความบังเอิญหรือเทวดา อะไรๆ จะอธิบายง่าย ไม่ต้องเหนื่อยพิสูจน์ให้ยาก แค่ทำใจเชื่อ ก็ใช้ได้แล้ว นึกว่ารู้จริงแล้ว

    และด้วยความไม่รู้จริง หรือรู้ครึ่งๆ กลางๆ นี่เอง เป็นเหตุใกล้ให้คนจำนวนมาก เชื่อเรื่องเทวดาประจำตัว

    เป็นเทวดาประเภทที่ คอยประกบติดคุ้มครอง คอยดลใจ หรือกระทั่ง คอยดลเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆ ให้เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    มาทำความเข้าใจให้ชัดเจนดีกว่าครับ เริ่มกันที่ ความจริงอันเป็นต้นเค้า เราต้องทราบว่า เทวดาก็เป็นสัตว์สังคม เช่นเดียวกับมนุษย์ พวกท่านมีเพื่อน มีสามี มีภรรยา มีเจ้านาย มีบริวาร ที่รักและผูกพันกัน

    แม้เมื่อญาติมิตร จุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในมนุษยโลกแล้ว ก็ยังอาลัยอาวรณ์ อาจคอยสอดส่องดูด้วยความห่วงใย เกรงญาติมิตรของตน จะประสบทุกข์ต่างๆ นาๆ หรือพลาดท่าเสียทีให้กิเลส ทำบาปทำกรรม อันเป็นเหตุให้ต้องพลัดไปสู่อบายภูมิได้

    [​IMG]

    วิธีสอดส่องของเทวดานั้น ถ้าเทียบให้ใกล้เคียง ก็คงคล้ายมนุษย์อาศัยอินเตอร์คอม ในการฟังเสียงลูกน้อยจากอีกห้อง หรือใช้กล้องวงจรปิด ในการสังเกตพฤติกรรมของฝูงสัตว์เลี้ยงจากที่ไกล

    ต่างแต่ว่า เหล่าเทวดาส่วนใหญ่ มีวิถีการรับรู้อันเป็นทิพย์ รู้เรื่องไกลตัวได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย เพียงด้วยความห่วงใย มีใจผูกพันอาทร ก็จะรู้ขึ้นเอง เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรของตน ที่ไปเกิดในมนุษยโลก

    เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรในโลก เทวดาก็หาได้สามารถช่วยเหลือไปหมดทุกเรื่อง ส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการดลใจ หรือโน้มน้าวจิตของญาติมิตร ให้เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล

    เช่น เมื่อญาติมิตรกำลังโมโหโกรธาจัดๆ เทวดาก็อาจแผ่เมตตา ช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในจิตใจญาติมิตร ให้เยือกเย็นลง

    ทำนองเดียวกับบรรดาพระภิกษุ ผู้มีพลังเมตตาสูงๆ หลายรูป สามารถรวมตัวกัน แผ่กระแสความสุข ให้ญาติโยมที่มาประชุมกัน ระงับความทุกข์ และความฟุ้งซ่านลงได้ชั่วคราว เพียงเข้ามาอยู่ในละแวกใกล้

    ตัวแปรในการดลใจมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับฤทธิ์ของเทวดาเอง ประกอบกับ ที่ขณะหนึ่งๆ กิเลสหรือวิบากของมนุษย์ ห่อหุ้มอยู่ หนาแน่นเพียงใดด้วย หากมนุษย์กำลังโทสะแรงกล้า หรือกำลังมีวิบากมืด คลุมจิตมิดเม้น ให้เห็นผิดรุนแรง แม้เทวดาฤทธิ์มาก ก็ดลใจไม่ไหว

    การดลใจยังมีหลายเหตุผล และไม่จำเป็นต้อง เคยเป็นญาติมิตรกันในชาติใกล้เสมอไป เช่น ในมหาปรินิพพานสูตร ส่วนที่ว่าด้วยการสร้างเมืองที่ปาฏลิคาม ก็กล่าวไว้

    โดยใจความสรุป คือ พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เองว่า ท่านได้เห็นด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ในการที่เทวดาเป็นอันมาก นับเป็นพันๆ หวงแหนพื้นที่เขตต่างๆ ในปาฏลิคาม

    ๑) เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์ใหญ่ก็น้อมไปเพื่อจะสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๒) เทวดาชั้นกลาง หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ชั้นกลาง ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    ๓) เทวดาชั้นต่ำ หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ชั้นต่ำ ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

    กล่าวสรุปโดยย่นย่อคือ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า พื้นที่ส่วนต่างๆ ของโลกไม่เหมือนกัน ถ้าบุญไม่พอก็อยู่ไม่ได้ หรือมีเทวดาดลใจ ให้ไปอยู่ที่อื่น ที่เหมาะกับวาสนาบารมีของแต่ละคน โดยที่เทวดา ไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาประจำตัวแต่อย่างใด

    หากคุณมีประสบการณ์ ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านโจรที่เล่นไสยศาสตร์มืด ก็คงเคยรู้จักกับกระแส ยะเยียบ ทมิฬ ชวนขนลุก อย่างประหลาด อันนั้น อาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นต่ำปนๆ กัน ทั้งคนทุศีลและเปรตดุ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน

    คนดีที่เข้าไป จะเหมือนแกะขาว ที่ถูกแกะดำหมั่นไส้ นอนหลับอาจถูกรบกวน ด้วยเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าเอาได้

    ส่วนถ้าคุณ มีประสบการณ์ผ่านเข้าไปในเขตวัด ที่มีอริยเจ้าพำนัก ก็คงเคยรู้จักกับกระแสความอบอุ่นสว่างไสว ปลอดโปร่ง ราวกับอากาศว่างเบา แผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต

    อันนั้น อาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นสูงปนๆ กัน ทั้งมนุษย์ทรงศีล ทั้งเทวดา ผู้มีพิมานซ้อนกับเขตวัด ทั้งเทวดาบุญญาธิการสูงเหนือโลก ที่หมั่นส่งใจ ลงมาบูชาพระอรหันต์

    คนดีไม่พอ ที่คิดเข้าไปอาศัยวัดหลับนอน หรือปฏิบัติธรรมชั่วคราว อาจถูกกระตุกขาหรือได้ยินอะไรแปลกๆ เพื่อเตือนสติให้ขยันขึ้นกว่าเดิม ไม่นอนขี้เซาเหมือนเดิม โดยรูปแบบการเตือนนั้น อาจทำให้เกรง แต่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกสยดสยองพองขน เหมือนตอนเจอวิญญาณชั้นต่ำ

    [​IMG]

    สรุปคือ นอกจากคำว่า ‘เทวดาประจำตัว’ ซึ่งคุ้นๆ กันแล้ว ยังมี ‘เทวดาประจำที่’ อีกด้วย รูปแบบความเกี่ยวข้องกัน ระหว่างเทวดากับมนุษย์ อาจมาทั้งในรูปของการดลใจ การปกป้อง ตลอดจน การสะกิดเตือนตรงๆ

    หากจู่ๆ คุณรู้สึกมึนงง หรือรู้สึกเหมือน ถูกบล็อกความคิดให้ตีบตัน โดยเฉพาะ ขณะต้องทำบุญหรือทำบาป อันขัดแย้งกับตัวตนเดิมมากๆ ก็เป็นไปได้ครับว่า มีความเกี่ยวข้องกับภูตผีปีศาจ หรือเทวดานอกตัว

    แต่ส่วนใหญ่ จะเป็นเหตุภายใน เช่น ความบกพร่องทางกาย หรืออาจเป็นความขัดแย้งกับภาวะจิตใจเดิมๆ เท่านั้นเอง

    และไม่ว่า จะเชื่อเรื่องภายในหรือภายนอก การฝึกมี ‘สติ’ ให้เข้มแข็ง ต้านทานบาป และหันมาต้อนรับบุญทั้งปวง นับเป็นนโยบายอันควรยึดถือเป็นที่สุด

    แถมอีกหน่อย เป็นการทิ้งท้าย วิญญาณที่ผูกกรรมสัมพันธ์บางอย่าง กับมนุษย์ ต้องคอยติดตามมนุษย์นั้นมีอยู่จริง แต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้น ได้น้อยมาก ระดับหนึ่งในพัน หนึ่งในหมื่น คือต้องเป็นเหตุผลพิเศษจริงๆ

    เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อธิษฐานผูกติดกับอีกฝ่าย อำนาจการอธิษฐานที่แรงพอ จะทำตัวเป็นเสมือนเชือก โยงให้ต้องติดตามไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อหมดกำลังส่งของแรงอธิษฐาน หรือเมื่อฝ่ายมนุษย์ เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนละคน ‘เงาตามตัว’ ก็จะจำไม่ได้ ต้องหายไปตามหนทางของเขาเองครับ

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...