อยากทราบความหมายของนิพพานครับ

คืออ่านและฟังมาพอสมควรก็หาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้เลยว่าเป็นอย่างไร มีหลายทฤษฏีมาก แต่แบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ๆคือ

1. นิพพานคือการดับหมดสิ้นกิเลสทั้งปวง ทำให้ไม่มีการเกิดอีกต่อไป ขณะมีชีวิตอยู่จะเพิกเฉยต่อความสุขหรือทุกข์ทั้งปวง คือไม่สุขไม่ทุกข์นั้นเอง พอเสียชีวิตไปก็ไม่มีการไปเกิดเป็นอะไรอีกคล้ายดวงจิตดวงวิญญาณแตกสลายไปไม่ต้องมารับรู้อะไรอีก หลับไปตลอดกาล

2. นิพพานเป็นดินแดนหรือมิติอีกแห่งหนึ่งที่มีความเป็นนิรันด์มีความเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย

ซึ่งถ้าพิจารณาตามเหตุตามผล ก็น่าจะเป็นข้อ 1. นะครับเพราะถ้าไม่มีเหตุแห่งการเกิดอีก(คือกรรม) เราก็จะไม่มีการเกิดอีกไม่ว่าเกิดเป็นอะไรก็ตาม และเมื่อไม่เกิดก็ไม่มีแก่ ไม่มีตาย ซึ่งนั้นก็คือนิพพาน ใช่ไหมครับ

 

เอาความหมายก่อน
ตทังคนิพพาน “นิพพานด้วยองค์นั้น”,
นิพพานด้วยองค์ธรรมจำเพาะ เช่น มองเห็นขันธ์ ๕ โดยไตรลักษณ์แล้วหายทุกข์ร้อน ใจสงบสบายมีความสุขอยู่ตลอดชั่วคราวนั้นๆ,
นิพพานเฉพาะกรณี

แสดงผลการค้น ลำดับที่ 2 / 9
นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตตรธรรม และเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา;
ดู นิพพานธาตุ

นิพพานธาตุ ภาวะแห่งนิพพาน;
นิพพาน หรือ นิพพานธาตุ ๒ คือ
๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ
๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ

แสดงผลการค้น ลำดับที่ 3 / 9
ปรินิพพาน การดับรอบ, การดับสนิท, ตาย (สำหรับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์);

จาก http://www.84000.org/tipitaka/dic/
อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ให้ใช้เวบนี้ได้เลยครับ

ส่วนพระนิพพานเป็นแดนอะไรนั่น... อย่างแรกต้องเข้าใจคำว่าแดนก่อน
คำว่า แดน เป็นคำสมมติ เรียกพระนิพพาน
อมตะ มีพุทธพจน์นะครับว่าพระนิพพานเป็นอมตะ
พระนิพพานไม่ใช้คำว่าเกิด เพราะถ้าเกิดแล้วต้องตาย เขาไม่ใช้คำว่าเกิด
ใช้คำว่าอะไรก็ไม่รู้ เพราะเรารู้แต่เรื่องเกิดแล้วก็ตาย เหนือจากนั้นไม่มีศัพย์บัญญัติครับ

อย่าไปคิดมากครับ ฌาน ๔ เป็นยังไง เอาให้รู้ก่อน
สวรรค์เป็นยังไงเอาให้รู้ก่อน พรหมเป็นยังไงเอาให้รู้ก่อน
รู้โลกให้หมด แล้วทิ้งมันไปซะก็จะนิพพานเอง

 

.............................ข้อหนึ่งข้อสองที่คุณยกมา นั้น...เอาเป็นว่าลองฟังจาก พระพุทธวจนะ ดีกว่า ครับ -----พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง ซึ่งนิพพาน แก่พวกเธอทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จงฟังความข้อนั้น ภิกษุทั้งหลาย นิพพานเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ อันใด ภิกษุทั้งหลาย อันนี้แล เราเรียกว่า นิพพาน---สฬา.สํ.18/452/741..---พระวจนะ" คฤหบดี รูปทั้งหลาย ที่เห็นด้วยตาก้ดี เสียงทั้งหลาย หูก็ดี กลิ่นทั้งหลาย ที่ดมด้วยจมูกก็ดี รสทั้งหลาย ที่ลิ้มด้วยลิ้นก็ดี โพฐัพพะ ที่สัมผัสด้วยกายก็ดี และธัมมารมณ์ทั้งหลาย ที่รู้แจ้งด้วยใจก็ดี อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ ที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ มีอยู่ และภิกษุก็ไม่เป้นผู้เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่เมาหมกอยู่ ซึ่งอารมร์มีรูปเป็นต้นนั้น เมื่อไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่เมาหมกอยู่ ซึ่งอารมณ์ มีรูปเป็นต้นนั้น วิญญานของภิกษุนั้น ก็ไม่อาศัยซึ่งอารมร์มีรูปเป็นต้นนั้น ไม่มีสิ่งนั้นนั้นเป็น อุปาทาน คฤหบดี ภิกษุผู้หมดอุปาทาน ย่อมปรินิพพาน คฤหบดี นี่แล เป็นเหตุปัจจัย (ด้วยความหมดอุปาทาน) ที่สัตว์ทั้งหลาย บางเหล่าในโลกนี้ ย่อมจักปรินิพพานในปัจจุบันนี้ แล---สฬา.สํ.18/177/244

 

เข้าใจถูก ข้อ 1 แต่ไม่เรียก เสียชีวิต เรียกว่าขันธ์มันพัง เราต้องเคลื่อนไป ออกไปก็ไปเป็นตัวแบบนี้ล่ะ แต่มันไม่เอาอะไรแล้ว ส่วนข้อ 2 ต้องไปแบบข้อ 1 ก่อนแล้วจะรู้เองว่าไปไหน อย่าเพิ่งไปสนใจว่าไปไหน ทำให้เข้าเขตได้ก่อนจะรู้เอง ถ้ามาแนวเห็นโน่น เห็นนี่ได้ จะรู้ว่าจะไปตรงไหน

 

มีผู้ตอบไว้ดีมากที่นี่ครับ...

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8E%E0%B8%81.266605/