หลวงปู่ไม อินทสิริ เรื่องเล่าหลวงปู่ และพระป่าสายกรรมฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ธีระนะโม, 17 สิงหาคม 2021.

  1. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=2f183c5802ae552922354abaa68fa46c.jpg
    โอวาทธรรม หลวงปู่ไม อินทสิริ
    “กิเลสไปที่ไหนจะมีรอยร้าวไปเรื่อยๆ กิเลสมีรอยร้าวคอยเผาคอยจุดคอยยุแหย่ก่อกวนไปเรื่อย ถ้าเรื่องของธรรมมีเหตุมีผลทุกอย่าง เก็บความรู้สึกได้ดี คือ ผู้มีธรรม ไม่เหมือนผู้มีกิเลส ไม่เก็บละความรู้สึก โป้ง ๆ ป้างๆ ออกไปเลย ให้สมใจเจ้าของแล้วพอ นี่คือกิเลส”

    “กายเราก็เปื้อนได้ ใจเราก็เปื้อนได้ กายเปื้อน เราล้างออกได้ แต่ใจเปื้อน เราล้างออกยาก ถ้าไม่รู้จักอุบายของการล้างใจ หากเราไม่รู้จักละมลทินใจ ก็จะมีความหนาเหมือนเราไม่อาบน้ำ ร่างกายก็จะยิ่งพอกขี้ไคลมากขึ้น ขี้ไคลในใจนี้ไม่มีผงซักฟอก หรือสบู่ชนิดใดล้างออกได้ ต้องเอาธรรมมาล้างชำระใจขอ”

    “…การทำความดีเพื่อให้คนรัก ที่สำคัญมี ๒ ทาง คือ ทำความดีภานอก ๑ ทำความดีภายใน ๑ …การทำความดีภายนอกได้แก่ การทำบุญให้ทานรักษาศีล ตั้งใจสู้งานเพื่อครอบครัว ขยันทำงาน เพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ฯลฯ …การทำความดีภายในได้แก่ การเจริญสติบารมี การเจริญปัญญาบารมี ให้เด็ดขาดเกรียงไกร เพื่อก้าวขึ้นสู่บารมีธรรม ที่สูง ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป …นี้คือคุณงามความดีที่ลูกหลานควรทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุข แก่ตนเองและครอบครัว และพ่อแม่พี่น้อง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4259910.jpg
      S__4259910.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      826
  2. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    โยม : ที่หลวงปู่เคยบอกว่า เวลาผีเห็นวัตถุมงคลหลวงปู่ มันจะมีแสงเหมือนฟ้าแลบออกมา มันคือยังไงครับ ??
    ลป. : อันนี้ถ้าเป็นคนธรรมดามันจะมองไม่เห็น!!
    อย่างน้ำมนต์นี้ก็เหมือนกันนะ น้ำมนต์ของหลวงปู่นี้ ถ้ามีผีเข้านี่ น้ำร้อนที่เราต้มอยู่นี้ยังไม่ร้อนเท่านะ
    โฮ้!!...(เสียงญาติโยม)
    สายสิญจน์นี้ผูกข้อมือนี้เหมือนกับไฟไหม้แขนเลยนะ นี่ๆไฟไหมแขนถ้าคนมีผีเข้านะ อยู่วัดถ้ำมงคลนี้ผีเข้าคนทรง เขาเอามาโดนน้ำมนต์หลวงปู่ซักดิ้นกระแด่วๆว่ายตามพื้นกุฏิอย่างนี้ ปูกระเบื้องอย่างนี้แหละ พวกที่มาด้วยกันนี้ หลวงปู่บอกเอาน้ำมนต์นี่ไปกิน
    กลัวน้ำมนต์! กลัวจะเป็นเหมือนอย่างคนนั้น
    (ทั้งหลวงปู่และญาติโยมขำกันใหญ่)
    โอ้ย!! แต่ละคนนี้ไม่กล้ากิน
    โอ้ย!...มันไม่เป็นไรหรอก เราไม่มีผีว่ะ ชิมดูหน่อยหนึ่ง มีคนหนึ่งลองดู พอคนนั้นลองคนนี้ก็ลอง ผลสุดท้ายก็ได้ชิมดูทั้งหมด....ก็ว่าไม่เป็นไร ชิมอีกแก้วก็ไม่เป็นไร

    ลป. : น่าน...เป็นไงเย็นไหม?

    โยม : เย็นครับ

    ลป. : ลองไปถามคนที่ถูกผีเข้าสิ มันจะบอกว่าร้อน!

    นี่แหละลักษณะอย่างนี้ คำว่า ผี นะมันอีกอย่างหนึ่งคือ พวกนี้มันขี้บาป พวกขี้บาปไม่มีศีลไม่มีธรรม ถ้าโดนศีลธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่มันมีฤทธิ์ นี่แหละเขาเรียกว่า...

    #บุญฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของหลวงปู่นะ!! ของพระพุทธเจ้านะ นี้แหละของศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าพระพุทธเจ้ากำจัดภัยได้จริง พระอริยสงฆ์สาวกพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลายกำจัดภัยได้จริง ก็รวมลงอยู่ที่นี้นะ เสกลงไปที่นี้ อธิฐานถึงพระพุทธเจ้าทุกครั้ง ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าไม่ได้ เราต้องหนักแน่นกับพระพุทธเจ้า นี้คือคุณภาพมันเป็นอย่างนี้

    ไม่ใช่โม้นะ ไม่ได้โม้ !
    (หลวงปู่และญาติโยมขำพอใจ)

    เอ้า! น้ำมนต์ยังไม่ได้พรม...
    มัวแต่โม้อยู่ เอ้าๆเอามาพรม
    (หลวงปู่พรมน้ำมนต์พร้อมกับให้พรญาติโยม)

    บางช่วงบางตอนในเทปพระธรรมเทศนา
    หลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว
    จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2021
  3. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    หลวงปู่ไม อินทสิริ
    ประวัติโดยย่อ

    หลวงปู่ไม อินทสิริ เกิดเมื่อปี 2490 เป็นชาวอุดรธานีโดยกำเนิด มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน หลวงปู่อยากบวชเรียนตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 แต่บิดาไม่ให้บวช ขอให้ช่วยงานบ้านไปก่อน เพราะน้องยังเล็ก พออายุได้ราว 10 – 11 ปี ได้ไปอยู่หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ตอนเช้าจะนำควายไปเลี้ยงตามทุ่งนา ท่านชอบนั่งหลับตาเป็นนิสัย มักจะเห็นสวรรค์เป็นหอปราสาทและเห็นท้าวสักกะเทวราช (พระอินทร์) ใส่โจงกระเบน เหาะลงมาสอนท่านสวดมนต์คาถา จนท่านสามารถท่องจำได้
    จนอายุ 16-17 ปี ก็ยังเห็นพระอินทร์อยู่ ท่านจะมาสอนธรรมะ บอกคาถาป้องกันตัว อยู่ยงคงกระพันและคาถาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาที่พระอินทร์กลับ ท่านจะสั่งว่าเวลามีเรื่องอะไรให้นึกถึง “พ่อ” (ท่านเรียกตัวเองว่า พ่อ) แล้วท่านจะลงมาช่วย เมื่ออายุได้ 12-13 ปี ท่านทำงานบ้านทุกอย่างและรับจ้างทุกอย่างจนเก็บเงินซื้อควายได้ 2 ตัวตอนอายุ 13 ปี ท่านเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ไม่ชอบเที่ยวดูหนังหรือร้องรำทำเพลง แต่รำกลอนเป็น เพราะบิดาสอนให้ สามารถตอบปัญหาทางด้านประวัติศาสตร์ ธรรมะ ภาษาไทย บาลี มคธ ได้ดี

    ต่อมาเมื่ออายุ 14 ปี บิดาได้เสียชีวิตลง ก่อนเสียชีวิต บิดาสั่งว่าให้เลี้ยงน้องให้โตก่อนแล้วบวชให้ด้วย พร้อมกำชับว่าถ้ามารดาจะมีสามีใหม่ก็อย่าห้าม ซึ่งต่อมามารดาก็แต่งงานใหม่จริง ๆ พ่อเลี้ยงเป็นนักเลงเล่นการพนัน ชอบขโมยสิ่งของไปเล่นการพนัน อยู่มาวันหนึ่ง พ่อเลี้ยงขว้างไม้ถูกส้นเท้าน้องชายเป็นแผล ตอนนั้นหลวงปู่ไมอายุ 15 ปี จึงคิดจะทำร้ายพ่อเลี้ยง แต่ก็คิดอีกว่าถ้าฆ่าพ่อเลี้ยงแล้วจะหนีอย่างไร จึงหักห้ามจิตใจไว้ ต่อมาทางญาติพี่น้องบ้านเก่าที่ จ.อุดรธานี พากันไปรับมาที่บ้านเกิดเพื่อไปสร้างฐานะใหม่ พ่อเลี้ยงก็ตามไปรังควาญอีก ยังเล่นการพนันเหมือนเดิม บรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ จึงตั้งใจจะทำร้ายพ่อเลี้ยง ปรากฏว่าพ่อเลี้ยงได้หลบหนีไปก่อน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาโดยไม่กลับมาอีก
    ต่อมาอายุ 18 ย่าง 19 ปี ในปี 2509 ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศิริวัฒนา อ.กู่แก้ว อุดรธานี ตามความประสงค์ของคุณลุง เนื่องจากที่วัดแห่งนี้ไม่มีพระเณรมาบวช เมื่อบวชได้ 1 เดือน 20 วัน ก็สามารถปฏิบัติจนรู้ธรรม เห็นธรรม สู้เป็น สู้ตาย ไม่หลับไม่นอนหลายวันหลายคืน ปฏิบัติจริงจัง ปฏิบัติแบบเอาเป็นเอาตาย พอจิตเข้าถึงธรรมแล้ว จิตยึดมั่นอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านปฏิบัติไม่ท้อถอย อดทน ต่อสู้ งานวัดไม่ว่าวัดไหนมีงานก่อสร้างศาลาการเปรียญ ก็จะตั้งใจช่วยงานอย่างเต็มที่ บวชเป็นสามเณรอยู่ 2 พรรษา
    ต่อมาปี 2511 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา เมื่ออุปสมบทแล้วได้มีโอกาส
    ศึกษาธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานที่เป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาทิ หลวงปู่ศรี อุจจโย หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นต้น ปัจจุบันหลวงปู่ไมได้มาสร้างวัดป่าเขาภูหลวง ตั้งอยู่ที่ ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว นครราชสีมา และพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    นับตั้งแต่หลวงปู่ไม ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในบวรพระพุทธศาสนา ท่านก็ได้ดำเนินเจริญตามรอยธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์ ในการประพฤติปฏิบัติธรรมและรักษาพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด ท่านจึงเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป สมกับเป็นสงฆ์สาวกของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา เป็นสมณะผู้มุ่งสู่มรรคผลนิพพาน อุดมด้วยธรรมทานอย่างสิ้นสงสัย


    หลวงปู่ไม อินทสิริ เป็นพระเถระที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบอีกองค์หนึ่ง ที่ให้ความเคารพศรัทธาพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ในงานสวดลักขีและแสดงมุทิตาจิต ณ วัดธรรมมงคล พระโขนง หลวงปู่ไมมักจะเดินทางมาร่วมแสดงมุทิตาจิตน้อมถวายแด่พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ พร้อมออกโรงทานถวายเป็นพุทธบูชาอยู่เสมอ
     
  4. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=bddccb9e182aa4bb6c87a7e805b3ed7e.jpg
    ตอน คุณไสยมนต์ดำเขมร

    ผู้เล่าเป็นคนบุรีรัมย์ มาทำงานที่ กทม. ผู้เล่าและครอบครัวโดนคุณไสย จากเมียน้อยพ่อ จากบุรีรัมย์ ของแรงมาก ตามทุกคนในบ้าน ถึงกับจะเอาชีวิต ผู้เล่าก็โดนผีตาม มีอาการคือ กลางดึก ช่วงตีสามจะต้องสะดุ้งตื่นทุกคืน บางคราวก็รู้สึกว่ามีเงาดำตาม หรือนอนหลับอยู่ก็รู้สึกว่าที่นอนยุบ เป็นอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งมีคนที่สัมผัสวิญญาณได้ทัก ว่ามีวิญญาณตาม

    ต่อมาก็ได้ติดต่อกับแม่ที่ จ.บุรีรัมย์ เล่าเรื่องราวให้ฟัง ก็พบว่ามีอาการคล้ายๆกัน คนก็ทักว่าเขาจะเอาให้ตายทั้งบ้าน เฝ้าอยู่หน้าบ้าน

    ต่อมาพ่อก็เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ก็ทำให้เจ็บหนัก เจ็บป่วยออดๆแอดๆ ผู้เล่าจึงมีความกังวลว่าจะแก้ไขอย่างไร

    ทางครอบครัวก็ได้ไปหาทางแก้หลายทาง ไปแก้หลายที่ แต่ก็ดีขึ้นช่วงแรก แล้วสักพักก็มีกลับมาติดตามอีก

    จนกระทั่งมีคนแนะนำให้โทรหาพี่นารีรัตน์ เพื่อขอคำปรึกษา ทันทีที่โทรหาพี่นารีรัตน์ ก็ทักขึ้นทันทีว่า โดนของนี่ จะเอาแม่ให้ตาย เพราะไปด่าเขาเอาไว้มาก เขาจึงแค้นมาก จึงได้พบพี่รัตน์เพื่อไปเอาน้ำมนต์หลวงปู่ไม (ผู้เล่าไม่เคยรู้จักท่านมาก่อนเลย)

    พี่นารีรัตน์แนะนำให้เช่าพระอุปคุตเพื่อเอาไว้ไปปกปักรักษาดูแลที่บ้าน ทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์และที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ แนะนำมีดหมอ สายสิญจน์ น้ำมันสารพัดนึก และเหรียญหลวงปู่ไม ให้ทุกคนในครอบครัวแขวนคอไว้

    ผู้เล่าเองอาการทุกข์ใจใครแนะนำอะไรดีอะไรช่วยเหลือได้ก็คว้าไว้หมด ด้วยความอยากช่วยครอบครัวให้รอด ปลอดภัย

    ในคราวต่อมา หลังจากนั้นก็ทำวิธีดังนี้
    1. #น้ำมนต์หลวงปู่ไม เอามาพรมทั่วบ้าน กิน อาบ ก็ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นอนหลับได้ นั้นคืออย่างแรก เอาไปให้พ่อกิน แม่กิน ให้อาบ ตอนอาบนั้น ความรู้สึกแรกคือเย็น สบาย อุ่นใจ น้ำนมต์นั้นนำมาปะพรมที่บ้าน ก็มีเหตุว่าแต่ก่อนจะมีกลิ่นเหม็นสาปที่อธิบายไม่ได้ โหยมากลางคืนตลอด เมื่อพรมน้ำมันทั่วบ้าน ก็บังเกิดเป็นผลว่า กลิ่นครั้นจางลงและหายไปในที่สุด

    2. #น้ำมันสาระพัดนึก ให้พ่อแม่ละลายจิบกับน้ำอุ่น พ่อแม่กินก็รู้สึกว่าเย็นชื่นใจ โล่งไปถึงท้อง อาการที่ป่วยก็ค่อยๆดีขึ้น ผู้เล่าเองเวลาป่วยไข้ก็เอามาละลายก็อาการทุเลาขึ้น ป่วยก็หายไวขึ้น

    3. #มีดหมอหลวงปู่ไม ใช้ทำน้ำมนต์ มีเรื่องที่อัศจรรย์คือ ผู้เล่าพกมีดไปทุกที่ วันหนึ่งเดินทางด้วยเครื่องบินเพื่อกลับบ้านที่บุรีรัมย์ ซึ่งต้องผ่านเครื่องสแกนโลหะ ของมีคม ซึ่งก็หลงลืมในการโหลดลงเครื่อง ก่อนจะผ่านเครื่องสแกนก็อธิษฐานบอกหลวงปู่ไม ให้ช่วยอย่าให้ถูดริบเลย #ก็ปรากฏว่าผ่านได้อย่างน่าอัศจรรย์ !!

    อีกเรื่องคือ พ่อ มักจะมีอาการปวดท้องมากในกลางดึกของวันโกน และวันพระ วันหนึ่งแม่จึงได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เอามีดหมอมาขูดบริเวณท้องของพ่อ ก็ปรากฏว่าหายปวดได้อย่างน่าอัศจรรย์

    ทุกวันนี้พ่อและแม่ของผู้เล่าก็มีอาการดีขึ้น อาการเจ็บป่วย อาการฝันร้าย สะดุ้งตื่นกลางดึก ก็มักไม่ค่อยเกิดขึ้น ซึ่งนอกจากการได้บูชาวัตถุมลคลของหลวงปู่ไม แล้ว คนในครอบครัวของผู้เล่าก็ได้หันมาสวดมนต์ไหว้พระ ใส่บาตรทำบุญไม่ขาด ซึ่งเป็นคำแนะนำจากพี่รัตน์ว่า ยิ่งเราได้ปฏิบัติธรรม สร้างทาน ภาวนา ยิ่งทำให้หายเร็วมากยิ่งขึ้น จึงอยากขอบอกเล่าเพื่อเป็นธรรมทานแก่ผู้ที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการถูกคุณไสย มนต์ดำ

    และขอบอกเล่า "เรื่องความศักดิ์สิทธิของหลวงปู่ไม" ซึ่งผู้เล่าเองจากที่ไม่ได้รู้จักท่านมาก่อน ก็บังเกิดความเชื่อศรัทธาเป็นอย่างมาก

    จอยเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวจอย มาให้พี่รัตน์เผยแพร่เป็นธรรมทาน
    โดย นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4259916.jpg
      S__4259916.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      172
  5. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=436c220e9ea461f0c73a133b36ff2d21.jpg
    เรื่อง ท้าวพญาศรีสุทโธตัวปลอม

    มันมีพวกหนึ่งอยู่อุดร พากันไปคำชะโนด
    ไปคำชะโนดกลับคืนมา...มีผี!!#ผีปอบมันเข้าทรง ไปนั่งขึ้นธรรมาสน์นั่งเทศน์ บอกว่ากูเป็น #ท้าวพญาศรีสุทโธ จั่งซั่นจั่งซี่ (อย่างนั้นอย่างนี้) มันเทศน์คือพระนี้เด้ คนกะไปหลงเชื่อ พากันไปกราบเต็มอยู่

    พระกะไปทีนี่ แต่มันบ่ย่านพระเด้ผีปอบตัวนี้ มันกะคุยว่ามันเป็นพญาศรีสุทโธ ทีนี้พระเพิ่นกะเลยมาหาหลวงปู่อยู่หนองช้างคาว หลวงปู่ไปอยู่นั้นพอดี

    ลป. : เอ้า ! ถ้าว่ามันเป็นพญาศรีสุทโธอิหลีกะบ่เป็นหยังดอก...ให้เอาสายสิญจน์ไปเด้อ (เพื่อพิสูจน์) ถ้าบ่แม่นพญาศรีสุทโธอิหลี มันสิแล่นเข้าป่าไปดอก (ลป.ขำ)

    กะเลยให้สายสิญจน์ แต่ว่าไปยังบ่ฮอดดอก มันกระโดดลงธรรมาสน์ แล่นลงทุ่งนาไปก่อนละพุ่นน่ะ ไปล้มอยู่กลางทุ่งนาพุ่นน่ะ ผีปอบมันออกกลางทุ่งนาพุ่นน่ะ บ่ทันได๋เอาสายสิญจน์ผูกส่ำ (ลป.ขำ)

    ตอนแรกเลยบอกเขาว่า..."เอาจังซี่ ถ้าผูกแขนเขาแล้ว ให้พาเขามาหาหลวงปู่เด้อ แต่มันบ่ทันได้ผูก มันแล่นลงทุ่งนาก่อน...พญาศรีสุทโธ (ลป.ขำ)

    พวกนี้มันขี้ตั่วเด้ มันอ้างหน้า ไทบ้านเฮากะบ่ฮู้ บ่ทันเกมมัน กะหลงไปกราบมันแหล่ว (ลป.ขำ)

    เรื่องจิตเรื่องวิญญาน ภูตผีปีศาจ ตั๋วเก่งเกินผีไปบ่มี ขี้โกงกว่าผีกะบ่มี ถ้าเฮาเอามันบ่ได๋นี่ บ่ทันมันนี่ ตั๋วเป็นตั๋ว ถ้าเฮาเอาชนะมันได๋นี่ ว่าแต่ชี้มือสั่งนี่...ทำหมด !!

    เป็นหยังถึงตาย เป็นหยังจังมาเป็นผี เป็นมาจักปีแล้ว หมื่นปีสองหมื่นปีกะมี ทุกวันนี้ก็ยังมี...พุ่นล่ะทางศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์,...หลาย!

    มีอยู่ทุกแห่งทุกที่อยู่ดอก...

    แต่ว่าถ้าหลวงปู่ไป มันกะบ่มีเด้ล่ะ มันหนี
    (ลป.ขำ)

    ถอดจากเทปโอวาทคำสอนหลวงปู่ไม อินทสิริ
    ที่เมตตาต่อคณะพระภิกษุและญาติโยมทั้งหลาย ที่เดินทางมาคาราวะและร่วมทำบุญกับ ลป.ไม ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ที่วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา วันที่ 12 ก.ค. 2563

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4259912.jpg
      S__4259912.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.6 KB
      เปิดดู:
      318
  6. ดนุน

    ดนุน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +158
    สาธุๆๆ...อริยะสงฆ์หนึ่งในพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึง มีบุญคุณหาประมาณมิได้
     
  7. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    เรื่อง สะเดาะเคราะห์ รับขันธ์ แก้กรรม
    (เราจะไปหลงกับเขาทำไม ให้เขาไปหลอกใช้ )

    ธรรมะจากหลวงปู่พ่อแม่ครูบาอาจารย์แต่ละท่านแต่ละองค์ ท่านก็ให้เอามาตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาเด้ พอได้แล้วเราก็เอามาปฏิบัตินะทีนี้ หลวงปู่ท่านพูดคำไหนเอาคำนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

    ไม่เหมือนอย่างพวกเรา วันนั้นสอนอย่างนั้น...เอากับเขาไปเรื่อย วันนั้นไปอีก...สอนอีกอย่างนั้น...ไปเรื่อยไปเรื่อย วันนั้นบอกให้สะเดาะเคราะห์มันจะมีเคราะห์ไปกับเขาอีกแล้ว กลับมามันหมดหรือเปล่าเคราะห์นะ (หลวงปู่ขำ)

    โอ้ย!...เคราะห์มันอยู่ในใจของเราก็ไม่รู้ คิดดีก็อยู่ในใจของเรา คิดไม่ดีก็อยู่ในใจของเรา ทำไม่ดีก็อยู่ที่ตัวของเราทำดีก็อยู่ที่ตัวของเรา มันไม่คิดเลย!!

    มันไม่แก้ที่ตัวของเราเองไม่เป็น
    ให้เขาไปหลอกใช้ แต่งครูแต่งคายขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ มา เอาขันธ์หมากเบงมาไม่รู้เท่าไหร่ มันไม่จีรังยั่งยืนหรือเปล่า ยังไม่พ้นวันหนึ่งเลยเหี่ยวแล้ว

    โอ้ย!...มันไม่ได้จีรังยั่งยืนเลย ยังจะไปเชื่ออยู่ เอาไปไว้ไม่ถึง ๒-๓วัน ไม่แห้งก็เปื่อยแล้ว เราก็ไปหลงแค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้นนี้...การบูชามีกี่อย่าง??

    มี ๒ อย่างเท่านั้นเอง..."ปฏิปัตติบูชา, อามิสบูชา"
    อามิสบูชา ก็คือ อย่างดอกไม้ธูปเทียนนี้หรอ ที่เราเตรียมมา เอาพวกมาลัยมาวันนี้ก็จะเอามาถวายหลวงปู่ ทีนี้อันนี้ก็ว่ามันไม่ดีนะ มันดีแต่มันได้น้อย ถ้าเราไม่มีอะไรเลย เราก็เอาปฏิบัติบูชาซะอย่างเดียว พระกรรมฐานอยู่ในป่าท่านได้เป็นพระอรหันต์ได้ ท่านได้ปฏิบัติบูชาแบบนี้หรอป่าว ถวายดอกไม้ธูปเทียนอย่างนี้หรือเปล่า...ไม่หรอก!!

    ไปธุดงค์กรรมฐานพระพุทธเจ้าห้ามพระภิกษุสงฆ์เด็ดพากของเขียวที่อยู่กับที่ ทำให้หลุดจากที่ปรับอาบัติปาจิตตีย์ทันที พืชพรรณธัญญาหารที่เกิดจากพื้นดิน ไม่ให้ไปเด็ดไม่ให้ไปทำให้หลุดจากที่

    เมื่อมันไม่หลุดจากที่ เราจะเอาอะไรไปบูชายังไงละ?

    เราก็ขันธ์ ๕ ก็อยู่ในเรานี้แหละ ๕ คู่ก็นิ้วมือของเรานี้แหละ ๕ คู่ นิ้วโป้งก็คู้หนึ่ง นิ้วชี้ก็คู่หนึ่ง นิ้วกลางก็คู่หนึ่ง นิ้วนางนิ้วก้อย นี่แหละร่วมกันเป็น ๕ คู่แล้ว ขันธ์ ๕ ก็อยู่ในใจของเรานี้แหละ!!

    นี้เราก็น้อมเอาใจของเรานี่แหละบูชาพระพุทธเจ้าเลย "โลกัตวา สุขังเสติ" เรามอบร่างกายหัวหน้าอกของเรานี้บูชาพระพุทธเจ้าเลย นี้สะเดาะเคราะห์มันอยู่ที่ตรงนี้ เราจะไปหลงกับเขาทำไม ขนาดเฒ่าแก่ๆก็ยังไปสะเดาะเคราะห์กับเขาอยู่เด้ ไปแล้วเดินกลับมาขาก็ยังเดินกะเผลกๆเหมือนเดิมอยู่

    โอ้ย!...ธรรมชาติร่างกายสังขารเป็นของไม่เที่ยงมันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนอยู่นี้ทำไมมันไปหลงอย่างนั้น ดอกไม้ธูปเทียนมันจะไปแก้ขัดอะไรได้ ร่างกายสังขารธาตุขันธฺ์มันเป็นอีกอย่างหนึ่ง มันไม่เที่ยง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันเกิดอยู่

    ทีนี้ถ้ามันไม่เที่ยงมันก็เป็นทุกข์นั้นแหละ มันมีความสุขแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง พอวันต่อไปพอมันหมด มันก็เป็นทุกข์ พอมันทุกข์สักวันหนึ่งมันหยุดทุกข์มันก็สุข พอสุขไม่ถึงวันสองวันมันก็เป็นทุกข์อีกแล้ว

    โอ้ย!..แค่นี้มันเข้าใจแล้ว คำว่ามันไม่เที่ยงน่ะ...
    ถ้ามันเที่ยงมันทุกข์ก็ทุกข์ไป ถ้าสุขก็สุขตลอดไปนี้มันไม่เที่ยงมันก็เลยสลับปรับเปลี่ยนกันไปอยู่อย่างนั้น เห็นไหมละเข้าใจง่ายๆ มันเป็นอย่างนี้

    นี้แหละที่เอามาพูดให้พวกเราฟังถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ เอามาเล่าให้ฟังก็อยากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนมายังไง หลวงปู่ครูบาอาจารย์สอนมายังไง

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     
  8. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=de837526b7e692b0ecdf17ec269a8d49.jpg
    พญานาคขอขึ้นเรือหลวง

    หลวงปู่ประไพร สุภโร
    ครั้งองค์หลวงปู่ประไพร สุภโร ได้เมตตาเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร ขณะที่หลวงปู่กำลังขึ้นเรือ
    โซ่ขนาดใหญ่ที่ยึดสะพานข้ามเรือได้รูดลงทั้งสองเส้น เสียงกระแทกดังสนั่นไปทั้งเรือ นายทหารเรือในเหตุการณ์วันนั้นต่างแปลกใจว่าไม่เคยเกิดขึ้น และไม่น่าเกิดขึ้นได้เลย

    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.59
    ต่อมาในเดือน ก.ย.59 คณะนายทหารเรือ ได้มากราบหลวงปู่ที่วัด พร้อมกราบนิมนต์หลวงปู่ ให้หลวงปู่พาพญานาคไปเที่ยวเรืออีกหน่อย หลวงปู่หัวเราะและบอกว่า"เฮาไม่ได้เฮ็ดอะไรเด้ ผู้ติดตามเขาขอตามขึ้นไปดูเรือ มันเลยหนัก ดีนะที่นายทหารเรือท่านไม่ได้ว่าอะไร"



    โยม : หลวงปู่เจ้าค่ะ วันนี้ผู้ติดตามหลวงปู่ เขาติดตามหลวงปู่มาด้วยไหมเจ้าค่ะ แล้วเขานั่งอยู่ตรงไหนเจ้าค่ะ แล้วเขาคืออะไรเจ้าค่ะ ???


    หลวงปู่ : จะไปอยากเห็นทำไหม ของแค่นั้น เห็นใจเจ้าของบ่ดีกว่าบ่....

    โยม : เจ้าค่ะ(เงียบ)

    หลวงปู่ : ถ้าเห็นแล้วจะไม่กลัวหรอ ตัวไม่ใหญ่มากหรอก ตัวแค่เท่าถังน้ำมัน 200 ลิตรเท่านั้นแหละ เรื่องบางเรื่องต้องพูดกับคนที่เขาเชื่อและศรัทธา ถ้าไปพูดกับคนที่เขาไม่เชื่อ เขาก็จะหาว่า "อวดอุตริ" แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม พระพุทธเจ้าท่านทรงห้ามเรื่องนี้ ถ้าฝืนทำปรับอาบัติทันที

    (มีโยมกราบเรียนถามท่านเรื่องผู้ติดตาม)
    ?temp_hash=de837526b7e692b0ecdf17ec269a8d49.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4358169.jpg
      S__4358169.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      47
    • S__4358170.jpg
      S__4358170.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      46
  9. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=7b94c8c4f6f2132af52bc3acac66d121.jpg
    เรื่องสมเกียรติ์ไปทำพลอยประเทศลาว
    คัดจากหนังสือ ทวิภพ หน้า ๗๘ – ๗๙
    ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๘ – ๒๕๑๙ ลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์ นิยมทำพลอยกันมากจนเกิดอัปมงคลว่าท่านพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ท่านพระอาจารย์ของพวกเรามีเหมืองพลอย ซึ่งการทำพลอยของลูกศิษย์ส่วนใหญ่ก็ทำที่บ่อเวฬุ จังหวัดจันทบุรีนี่เอง แต่สมเกียรติ์ของเรากับคุณนาย ที่อยู่ที่ตลาด อำเภอท่าใหม่ กลับไปทำพลอยที่แขวงห้วยทราย ประเทศลาว ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นประเทศประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่แต่ก็ใกล้แพ้คอมมิวนิสต์แล้ว

    สมัยนั้นยังขุดพลอยด้วยมือเป็นส่วนใหญ่ แล้วล้างแร่พลอยในคลองบ้าง ใส่กระบะแล้วใช้เครื่องสูบน้ำเบนซินขนาดเล็กๆ ฉีดล้างบ้าง คณะของสมเกียรติ์ก็ใช้ใส่กระบะล้างเหมือนกัน สมเกียรติ์ไปทำตอนแรกก็พอได้พลอยได้ค่าใช้จ่ายพอคุ้มทุน แต่ต่อมาที่ตรงที่ทำหมดแร่ และช่วงนั้นขาดทุนไปหลายหมื่นจึงกลับมากราบเรียนท่านพระอาจารย์ ท่านก็บอกว่าให้กลับไปทำต่อ สมเกียรติ์และคุณนายก็บอกว่าหมดแร่แล้ว ทำจนถึงคลองแล้ว ท่านก็ถามว่าชั้นดินใต้แร่เป็นอย่างไร คุณนายบอกว่าเป็นดินเหนียว ท่านก็หลับตานิ่งสักครู่ แล้วท่านก็บอกว่าใต้ดินเหนียวยังมีแร่พลอย และพลอยสวย กว่าชั้นบนอีก แต่จะมีมากตอนใกล้ๆ คลองให้เปิดดินเหนียวออกไม่ลึกหรอกประมาณเมตรเดียว
    แล้วคณะของสมเกียรติ์ก็กราบลาท่านพระอาจารย์ เมื่อเตรียมความพร้อมดีแล้ว ก็กลับไปบ่อพลอยที่แขวงห้วยทรายอีก
    ประมาณครึ่งเดือนสมเกียรติ์และคุณนายก็เดินทางกลับมาจันทบุรี ได้นำพลอยจำนวนหนึ่งมาให้พระอาจารย์ดู จำนวนนั้นมีพลอยเม็ดหนึ่งโตขนาดหลังเล็บ เป็นพลอยไพลิน สวยงามมาก คงจะขายได้เงินแสน (ผู้เขียน) ซึ่งผู้เขียนยังขอชมเป็นขวัญตาเลย จากนั้นท่านพระอาจารย์ก็สั่งว่าให้รีบกลับไปทำจนหมดแร่ตรงนั้น เมื่อหมดแร่แล้วให้รีบขนเครื่องมือข้ามมาฝั่งไทยทันทีเดี๋ยวจะไม่ทัน มันมาใกล้เต็มทีแล้ว คุณสมเกียรติ์ก็รับคำและรีบกลับไปแขวงห้วยทรายโดยเร็ว เมื่อคุณสมเกียรติ์ข้ามมาฝั่งไทยแล้วเพียงวันเดียว พรรคคอมมิวนิสต์ก็ยึดเมืองห้วยทรายได้ ดูเอาเถิดท่านสาธุชนและศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย แม้แต่พลอยที่อยู่ใต้ดินและอยู่คนละประเทศท่านยังรู้ได้ จะมีอะไรหรือที่ท่านไม่รู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.4 KB
      เปิดดู:
      45
  10. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=1791067121f842fc42c761568d71549c.jpg
    หลวงพ่อคูณขอรับน้ำมนต์ด้วยคน


    สมัยหนึ่งมีพิธีพุทธาภิเษกเหรียญหลวงพ่อหัวตะพาน
    นิมนต์คณาจารย์มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

    หลวงพ่อคูณเป็นหนึ่งในนั้น

    พิธีนี้หลวงพ่อพุธเป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์

    ถึงตอนเสร็จพิธีปลุกเสกกันแล้วมีการประพรมน้ำมนต์ให้ประชาชนที่มาร่วมพิธีเป็นสิริ

    หลวงพ่อพุธเป็นผู้ทำหน้าที่พรมน้ำมนต์

    ท่านก็พรมให้สาธุชนทั้งหลายไปเรื่อยๆ

    จนในที่สุดหลวงพ่อคูณก็ลงมาจากอาสนะที่ท่านนั่งปลุกเสกพระ
    ลงมาทรุดนั่งยองๆท่าถนัด...ยกมือไหว้หลวงพ่อพุธ

    “ขอผมด้วยครับหลวงพ่อ”

    หลวงพ่อพุธยิ้มชอบใจ

    “เอากับเขาด้วยเรอะ..เอ้า..เอาๆๆ”

    ท่านพรมน้ำมนต์ใส่หลวงพ่อคูณ
    แล้วก็เอาไม้พรมน้ำมนต์ ตีหัวหลวงพ่อคูณเผียะๆๆ..สามที

    ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันยิ้มบ้างหัวเราะบ้างทั้งมณฑลพิธี

    ภาพและเหตุการณ์แบบนี้ผู้มีวาสนาเท่านั้นจึงจะได้เห็น


    บทความโดย Ampol Jane
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=ba5954d70bbb2b2930608e3029f5d7e3.jpg
    หนีๆมึงอย่ามาใกล้กูๆ
    แสงอยู่แขนมึงน่ะมันไหม้กู

    เรื่อง ผีปอบย่านฝ้ายสายสิญจน์

    "พวกแม่ออกเคยมากันบ่" ?

    โฮ้! เอาหยังแจกน้อทีนี่ เอ้า! มีด้ายสายสิญจน์อยู่นี้ เอ้า!..เอาไปแจกให้แน้ ผุได๋ถ้ามีลูกมีหลานฮ้องไห้กลางค่ำกลางคืน กะผูกโล้ดเด้อ ผุได๋นอนหลับฝันร้ายถูกผีอำผูกโล้ด...หายเด้ !! #ผุได๋มีพี่น้องเคยถูกผีปอบเข้าเอาไปผูกโล้ด_บ่เข้าอีกจักเทื่อ !!!

    "โอ้ย! กว่าจะได้...ทั้งป่วยทั้งเขียนตะกรุดพันใส่สายสิญจน์ "

    พุ่นน่ะ!...เขามาจากขอนแก่น มุ่งหน้ามุ่งตามาเอากะมี มาจากมุกดาหารพุ่นกะมี เขามาขอสายสิญจน์ ผีปอบเข้ามุกดาหารพุ่น ไปเข้ายายคนหนึ่ง...หลานสาวกะยังบ่ฮู้จักความ บ่ฮู้จักว่าผีปอบเข้ายาย เด็กน้อยผุนี้น่ะ พ่อมันน่ะมาเฮ็ดงานอยู่ กทม.ได้สายสิญจน์ไป กะเลยไปผูกให้ลูกสาว ลูกสาวนี้ก็ไปอยู่กับยาย

    ทีนี้ไปโรงเรียนกลับมา ผีปอบก็เข้ายาย คนก็มาเต็มบ้านเต็มเมืองอยู่ หลานน้อยกะย่านแม่ใหญ่ตาย แล่นเข้าไปกอด (กลัวยายตาย เลยวิ่งเข้าไปกอด) ยายกลับย่านหลานเด้ทีนี่...ฮ้องตายไป !

    #หนีมึงอย่ามาใกล้กูๆ !! (ร้องเสียงดัง)
    ผีปอบย่านฝ้ายสายสิญจน์ ฝ้ายสายสิญจน์ที่อยู่กับแขนหลานน่ะแหม๊ ก็เลยโทรมาหาพ่อที่ กทม.

    ลูกสาว : พ่อๆยายเป็นหยัง จังกลัวหนู ?

    พ่อ : ยายเป็นหยังล่ะ ?

    ลูกสาว : เขาว่าปอบเข้า !

    พ่อ : หนูมีฝ้ายผูกแขนที่แขนหนูบ่?

    ลูกสาว : มีอยู่

    พ่อ : เอ่อ! มันย่านอันนั้นล่ะ !!!

    พอวางออกมาเท่านั้นล่ะ ยายก็อ่อนล้มลง...
    ผีปอบออกร่าง (ลป.ขำ) ทีนี้มันไปเข้าบ้านอื่น...
    "โอ้ย! กูไปเข้ายายนั้น กูว่าจะกินตับมันเบิ่ด กูก็กินบ่ได๋ หลานมันมาจับกูก่อน"

    #แสงอยู่แขนมันน่ะไหม้กู !! (ผีปอบว่า)

    พวกนั้นฮู้กะมาเอาเด้ทีนี่ พากันมาเด้ทีนี่ (ลป.ขำ) มุกดาหารมาขอสายสิญจน์ มันมาจากริมฝั่งโขง จากฝั่งลาวพุ่น (ผีปอบ) "โฮ้! มีอยู่ทั่วทีปทั่วแดนแท้น้อ"
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมองบ่เห็นเน๊าะ ถ้าเฮาจะไปผูกบางคนที่ผีเข้านี่ ผีมันฮู้ละเด้ ไปยังบ่ถึงดอก..."กูไปเยี่ยวก่อนเด้อ" เปิดอาดหลาด..เซาเลย บ่ได่ผูกแล้ว
    (เปิดอาดหลาด แปลว่า เตลิด,หนีเตลิด,หนีแบบหางจุกตูด)

    ผีมันฮู้จักแล้ว...ว่าไผสิไป !
    ถอดจากเทปโอวาทคำสอนหลวงปู่ไม อินทสิริ
    ที่เมตตาต่อคณะพระภิกษุและญาติโยมทั้งหลาย ที่เดินทางมาคาราวะและร่วมทำบุญกับ ลป.ไม ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ที่วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา วันที่ 12 ก.ค. 2563

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=fdeb9880cfce7f54a1b40cf32335c5f0.png
    "ผีบอกว่ากูพึ่งได้กิน"

    เมื่อครั้งที่หลวงปู่ไมเป็นพระหนุ่มไปเที่ยวธุดงค์ ไปบิณฑบาตรในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แล้วก็กลับมาฉัน เมื่อฉันเสร็จก็ได้แผ่เมตตาไปให้คนในหมู่บ้านและญาติของเขาที่ล่วงลับไปแล้ว ปรากฏว่าผีที่เป็นญาติได้มาเข้าทรงคนในหมู่บ้าน และบอกว่า"ตั้งแต่ญาติพี่น้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ มีวันนี้แหละที่กูพึ่งได้กิน" ญาติที่เป็นคนจึงถามผีว่า อ้าวแต่ก่อนก็ทำบุญไปให้อยู่นะ ไม่ได้กินเหรอ? ผีที่อยู่ในร่างคนก็ตอบว่า แต่ก่อนทำบุญกับพระไม่มีศีลไม่มีภาวนา จึงไม่ได้กิน

    เพราะฉะนั้น แม้การทำบุญ จะต้องเลือกทำบุญกับพระเณรที่ดีๆ ถึงจะมีอานิสงส์แรง

    หลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    เรื่อง ปราบปอบผีฟ้า ๙ ตัว
    (สอนผีรับพระไตรสรณคมน์)

    ปี ๒๕๑๗ ไปอยู่วัดป่าปฐพีบรรพต ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นั้น ผีปอบก็เข้าคน...พอผีปอบเข้าคนมาเป็นผู้ชาย #หลวงปู่ก็มีสายพระและก็ตะกรุดสามสี่ดอกอยู่ที่นั้น พอมันมาก็คล้องคอปั๊บนี่ โอ้ย! ร้องไห้คลานอยู่กับพื้นดินกลิ้งเกลือก...

    หนักคอ_คอจะขาด_ไฟเผาคอ !! " ( ผีพูด )

    มันร้องไห้ ปล่อยทิ้งไว้นั้นเป็นเดือนน่ะ ปล่อยไว้อย่างนั้น คนจะมาคุยด้วยก็ไม่ให้คุย มันก็คลานไปคลานมาอยู่ตามร่มไม้ตามลานไม้ ตามลานวัดไม่ได้กินข้าวกินปลาแล้ว ทรมานผีน่ะ (ลป.ท่านเมตตาใช้อุบายนี้กับผีก่อน ก่อนที่จะสอนให้ผีรับพระไตรสรณคมน์ )

    ผลสุดท้ายเป็นวันพระมันยิ่งร้อนหนักที่นี่ มันก็ขึ้นไปหาหลวงปู่ ก็มีโยมมาเต็มศาลาอย่างนี้แหละ ตอนนั้นเป็นพระได้ ๗-๘ พรรษาหนึ่งเด้ ทีนี้พอขึ้นไปแล้วก็ไปกราบ...

    “ โอ้ย!! จะมาผูกตายหงายไว้เถอะ เมื่อไหร่จะปล่อย เมื่อไหร่จะปล่อย คอจะขาด คอจะขาด ไฟไหม้ ไฟไหม้ ”

    ขออยู่นั้นแหละกราบแล้วกราบอีก คนก็เต็มศาลาเมื่อก่อน โอ้ย! คนก็กลัวกันแหล่วบางคนนี่ มันเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่เด้ แล้วหลวงปู่ก็พูดว่า...

    ลป. : มาอยู่นี้เป็นเดือนแล้วน้อ มาอยู่กี่ตัวล่ะ ?

    ผี : ๙ ตัว!!

    ลป. : ทำไมถึงมาเป็นปอบ (เป็นหมอผีเป็นหมอนางฟ้าน่ะ รำนางฟ้าน่ะ ที่คนอิสานภูไทเขารำกันน่ะ ผีฟ้าเอ่ยนั่นน่ะ ! ไปเอาคายเกินน่ะ เขาให้แต่งครูคาย ๔ บาท ไปเอาเขาเป็น ๑๐๐, ๕๐๐, ๑๐๐๐, อะไรอย่างนี้ นั่นแหละก็เลยเป็นปอบ เพราะกินคายเกินนั้นแหละ)

    ลป. : เอ้า ! แล้วทำไมถึงมาเข้าโยมคนนี้ละ

    ผี : โอ้ย! ไปรักษาเขา เดินผ่านมาทางนี้ละ เห็นมันอยู่นี้ มองเห็นตับมัน ตับมันคงจะหวานดี ก็เลยอยากจะชิมดู ก็เลยมาลองชิมดู

    ลป. : กินหมดหรือยังละ ?

    ผี : โอ้ย! ไม่กินแล้วๆ

    ลป. : เอ้า! กินให้มันหมดซะก่อนสิ...ค่อยไป

    ผี : โอ้ย! ไม่กินแล้วๆจะขอลาแล้ว

    ลป. : เฮ้ย! ยังไปไม่ได้ จะไปฟรีไม่ได้ ก่อนจะไปต้องมีอะไรไปด้วย

    ผี : หลวงปู่จะให้ทำยังไงล่ะ ?

    ลป. : เอ้า! รับไตรสรณคมน์เสียก่อน สาบานต่อพระไตรสรณคมน์เสียก่อน ให้รับไตรสรณคมน์แล้วก็รับศีล สมาทานศีลแล้วก็สาบานศีลแต่ละข้อๆ เราถึงจะถอด (ก่อนที่จะถอดสายออกจากคอนี่ คนก็นั่งเต็มศาลาอยู่อย่างนี้) เอ้า!...ถ้ายอมจริงๆน่ะ รับสารภาพ ทำได้หมดทุกอย่างใช่ไหม...ถ้าเราสั่งน่ะ ?

    ผี : ได้ ! สั่งมาเถอะ...ให้หลวงปู่สั่งมา

    ลป. : เอ้า เลียฝาเท้าให้มันสะอาดสิ
    (เราก็ยืนเท้าไป...)

    โอ้ย ! มันก็คลานมาเลียจนสะอาดเลยฝ่าเท้าเรา
    เอ้า นี่มันยอมจริงๆเว้ย เข้ามาก็ถอดสายออกจากคอ ก็ล้มตึงลง...แข็ง...โอ้ย! คนเต็มศาลานี่เงียบ กลัวว่าคนนั้นจะตาย ประมาณสัก ๓๐-๔๐ นาทีเท่านั้นเอง พอเขาได้สติก็ลุกขึ้นมานั่ง (ลป.ใช้อุบายเพื่อลองทดสอบดูว่า...ผีในร่างคนนี้จะยอมจริงๆไหม ? และต่อไปเขาก็จะไม่กล้าไปทำกรรมอีก จะรู้จักรักษาศีลปฏิบัติตนในหลักธรรมที่ได้ตั้งสัจจะไว้ จนกว่าจะพ้นจากกรรมนั้นๆได้)

    “ เอ้า !!...ผมมาที่นี้ได้ยังไง ที่นี้ที่ไหน ??? ”
    (ไม่รู้ที่ตัวเองมาเลย เพราะผีพามา นี่แหละมันเป็นอย่างนี้)

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     
  14. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=eb5dfb0343e6b63d4a021b8dfbba1c94.jpg
    (ภาพจารตะกรุดเงินที่ติดกับฝ้ายผูกแขน)
    ฝ้ายผูกแขน

    ความลับในฝ้ายผูกแขนหลวงปู่ไม
    มงคลวัตถุของพระเดชพระคุณ
    #หลวงปู่ไม อินทสิริ นั้นมีอยู่มากมายที่ท่านเมตตาสงเคราะห์แก่ศานุศิษย์
    เพื่อเป็นทั้งอนุสติเตือนใจและเป็นกำลังใจให้กับสาธุชนต่าง ๆ ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    หากแต่สิ่งที่ดูจะขึ้นชื่อกว่าสิ่งใดทั้งหมด(ในความคิดของผู้เขียนเอง) ก็คือ #ฝ้ายผูกแขน
    หรือที่หลายท่านจะเรียกกันว่า #ด้ายสายสิญจ์
    ดูเผินๆ ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าของอย่างอื่น หนำซ้ำดูแล้วก็ปกติเอามากๆไม่ได้มีอะไรที่ดูว่าน่าสนใจเท่าใดนัก
    ลักษณะก็เหมือนฝ้ายผูกแขนหรือด้ายสายสิญจน์ทั่วไปที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านอื่นๆ
    มักจะผูกให้เวลาเข้ากราบท่านเชื่อว่าหลายท่านคงคิดแบบนี้แน่นอน
    หากยังไม่รู้ความลับที่อยู่ในฝ้ายผูกแขนหรือด้ายสายสิญจน์ที่ว่านี้
    ความลับคืออะไร ?
    นั่นคือ ฝ้ายผูกแขนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ไมนั้น
    ท่านจะมี #แผ่นตะกรุดเล็กๆ ม้วนติดกับสายสิญจน์อยู่ด้วย
    และในแผ่นตะกรุดเล็กๆที่ว่านี้ด้านในนั้นนั่นแหละ มีความพิเศษซ่อนอยู่
    นั่นคือ แผ่นตะกรุดเล็กๆ ที่ว่านี้ที่ติดอยู่กับฝ้ายผูกแขนทุกเส้น จะมี รอยจาร ของหลวงปู่ไมอยู่
    เป็นรอยจารที่ค่อนข้างละเอียดและประณีตเอามาก ๆ
    ด้วยว่าแผ่นตะกรุดค่อนข้างเล็ก องค์หลวงปู่ไมท่านจะทำการจารแผ่นตะกรุดเล็กๆที่ว่านี้
    สำหรับนำมาม้วนติดกับฝ้ายผูกแขน ทีละแผ่นทีละช่อง
    เเละนำมาติดกับฝ้ายผูกแขนทีละเส้น
    เพื่อมอบให้กับศานุศิษย์ของท่านทีละคน
    สำหรับแจกเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเหล่าคนนั้น ๆ
    เวลามาทำบุญหรือตามงานต่าง ๆ
    ที่องค์ท่านเมตตาไปโปรด กว่าจะได้ฝ้ายผูกแขนแต่ละเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย
    เพราะต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งหาฝ้าย จารตะกรุด เสร็จแล้วต้องมานั่งม้วน
    จากนั้นองค์ท่านก็ต้องอธิษฐานจิตปิดท้าย
    ซึ่งเหตุนี้เองสำหรับผู้เขียนจึงคิดว่าฝ้ายผูกแขนของหลวงปู่นี่แหละ
    คือที่สุดแล้วในบรรดาทั้งหมด ซึ่งคนทั่วไปส่วนใหญ่ยังไม่รู้ในความลับที่ว่านี้
    #เรียบง่ายแต่ได้ครบ
    ทั้งความตั้งใจ ความเมตตาและอิทธิคุณที่องค์ท่านเต็มใจสงเคราะห์มอบให้กับศานุศิษย์
    ด้วยว่ากว่าจะได้ฝ้ายผูกแขนแต่ละเส้น องค์หลวงปู่ท่านเต็มไปด้วยความละเอียด
    ทำด้วยความรักความเมตตาต่อลูกศิษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ที่กำลังหาที่พึ่งพิง
    ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจของเขา
    และ ฝ้ายผูกแขน ของพระเดชพระคุณ หลวงปู่ไม นี่แหละ
    คือที่สุดแล้วในบรรดามงคลวัตถุทั้งหมด เพราะองค์ท่านทำด้วยความรักและความเมตตา
    แม้ภายนอกจะดูเป็นฝ้ายผูกแขนธรรมดาๆ แต่เมื่อได้รู้ความจริงที่ว่า
    คุณค่าที่มีนั้นมันก็กลับเพิ่มเท่าทวีคูณหากใครได้รับจากองค์ท่านและได้รู้ความจริงที่ว่านี้แล้วก็รักษาไว้ดี ๆ
    เพราะสิ่งนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความรักและความเมตตา
    ที่องค์ท่านได้มอบไว้ให้กับลูกศิษย์สำหรับปกป้องคุ้มครองติดตัวตลอดไป

    น้อมกราบ #หลวงปู่ไม อินทสิริ
    พ่อแม่ครูอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาที่ไม่มีประมาณด้วยเศียรเกล้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4571140.jpg
      S__4571140.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      41
  15. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ฝ้ายผูกแขนหลวงปู่ไม อินทสิริ
    ตะกรุดหลวงปู่จารเองทุกแผ่น มีทั้งแบบใหญ่ แบบเล็ก เป็นที่ต้องการมากทั้งไทย และต่างชาติ
    ?temp_hash=c03fda7cc6170dd487c52df4170b9d7d.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    แผ่นจาร(เงิน) ขนาดเล็กที่ใช้ม้วนกับฝ้าย หลวงเมตตาจารเองทุกแผ่น
    ภาพประกอบนำมาให้ชมครับ
    ?temp_hash=c03fda7cc6170dd487c52df4170b9d7d.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4571142.jpg
      S__4571142.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.2 KB
      เปิดดู:
      47
  17. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=e0a15bae6b0ce3a1accf427ff8e7bd2e.jpg
    นับถือผีนี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงสรรเสริญ แต่พระองค์สรรเสริญให้คนทำความดี ให้คนมีศีลธรรม
    การปฏิบัติทางจิตก็ไม่ยาก เพียงแต่นั่งหลับตาแล้วบริกรรมภาวนาในใจว่า พุท-โธ เท่านั้น บุญก็เกิดขึ้นแล้วภายใน นี่เป็นวิธีปฏิบัติขั้นต้นให้ใจสงบ เพื่อจะได้ดำเนินจิตให้เกิดปัญญารู้ในขั้นสูงต่อไป
    ส่วนการทำบุญภายนอก คือ การทำทาน ไม่ว่าทานนั้นจะเป็นสิ่งของวัตถุใดก็ตาม เมื่อเราได้กระทำทานไปแล้ว จิตใจจะรู้สึกเบิกบาน ความสุขที่ได้รับจะขยายวงกว้างออกไปจนหาที่สุดที่ประมาณไม่ได้
    ถ้าเราไปนับถือผี การเซ่นสรวงบูชาผี เราจะมีแต่ทางเสีย เสียทั้งกำลังกาย กำลังใจ และเสียทั้งทรัพย์ การเซ่นสรวงบูชาผี ผีมีแต่กิน เมื่อได้กินแล้วเขาก็ดี แต่เราเสียเงิน เสียเวลาไปซื้อหาของมาเซ่นสรวง เราเดือดร้อน ผีมันสบาย เราต้องทำมาหากิน หาเงินแสนเหนื่อยยาก กว่าจะได้เงินมาแต่ละอัฐแต่ละไพ ผีมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย
    เวลาผีมันอยากจะกินไก่กินหมูเราก็ต้องทำตาม ต้องไปหาไปฆ่าไปแกง แต่ผีมันนอนดูเราทำบาป มันไม่ต้องบาปเพราะไม่ได้เป็นคนทำ เราเองเป็นคนฆ่า คนสั่งฆ่า บาปกรรมก็ตกอยู่ที่เรา
    อย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เป็นอกุศลกรรมบถ คือทางแห่งความชั่ว เพราะเราตั้งใจกระทำชั่วเอง เมื่อเราเห็นผิดเป็นชอบแล้ว ผีมันมาช่วยอะไรเราไม่ได้ มาช่วยเรามิให้ตกนรกไม่ได้ สวรรค์หรือนรกอยู่ที่การกระทำของเราเอง เราอยากไปนรก หรืออยากไปสวรรค์กันล่ะ ถ้าอยากไปสวรรค์ ก็ควรมารับเอาพระไตรสรณาคมน์จากอาตมาเถิด เมื่อรับแล้วจงถือมั่นในสัจจะ แล้วจงรับศีลห้าไปประพฤติปฏิบัติกัน เมื่อรับแล้วถ้าบุคคลผู้นั้นปฏิบัติตรงก็เท่ากับว่ามีพระประจำอยู่ในใจด้วยกันทุกคนจะอยู่บ้านเรือน อยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าชายหรือหญิง เฒ่าเล็กเด็กน้อยสามารถทำได้ทั้งนั้น
    ศีลจะรักษา ศีลจะให้ความสุขความเจริญทั้งตัวเรา และประเทศชาติบ้านเมือง ให้งอกงามไพบูลย์ต่อไป

    โอวาทธรรม : หลวงปู่บัว สิริปุณโณ
    วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4661259.jpg
      S__4661259.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.9 KB
      เปิดดู:
      50
  18. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=e0a15bae6b0ce3a1accf427ff8e7bd2e.jpg
    บางคนจ่มว่ากูบ่มีบุญคือมึงเฮาบ่มีบุญ
    คือโต..ข่อยบ่อมีบุญคือเจ้า
    ผมไม่มีบุญเหมือนคุณ
    เป็นคำพูดที่ผมได้ยินเป็นประจำและ
    จะบ่อยมากๆ...แต่เวลาเราบอกว่า
    มีหลวงปู่ หลวงตา มาที่บ้านนะ...
    มาทำบุญกันเด้อ ก็รีบพูดเลยว่าไม่มีเวลา
    งานเยอะ ผมติดมีภาระครับ
    ก็มัวแต่ติดนั้นติดนี่แล้วเมื่อไหร่จะมี.."บารมี"


    โอวาทธรรม : หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4661261.jpg
      S__4661261.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      53
  19. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=663dd625e73d766f55eb8da19624bd17.jpg
    พระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปูไม อินทสิริ)
    ได้ละสังขารแล้ว เวลา 01.12 น. วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564
    แรม 4 ค่ำ เดือน 9 ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี
    น้อมกราบหลวงปู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4767759.jpg
      S__4767759.jpg
      ขนาดไฟล์:
      194.4 KB
      เปิดดู:
      46
  20. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    ?temp_hash=0fbd321046d183743185663b88fdd0a5.jpg
    #กฏระเบียบอันเข้มข้นของพระป่าในสมัยก่อน
    ผู้ที่จะปฏิบัติตามรอยของหลวงปู่ครูบาอาจารย์นี่มันยาก สมัยปัจจุบันนี้ยิ่งร่อยหรอลงไปนะ ทำไมถึงร่อยหรอลงไป...การประพฤติปฏิบัติยุคนี้สมัยนี้ไม่เหมือนในสมัยก่อน สมัยก่อนนี้หลวงปู่ครูบาอาจารย์สอนลูกศิษย์ลูกหานี่พร้อมเพียงกัน เวลาออกบิณฑบาตก็ออกพร้อมกัน ฉันพร้อมกัน เสร็จหมดทุกรูปแล้วถึงไปเทบาตร ถึงไปล้างบาตร
    เวลาทำกิจวัตรพร้อมกัน กวาดตาดพร้อมกัน หาบน้ำพร้อมกัน ถูศาลาพร้อมกัน เวลาจะฉันน้ำร้อนนี่ นั่งเข้าแถวเหมือนกับตอนจังหันตอนเช้า แต่ศาลาฉันน้ำร้อนนี่จะเป็นศาลาหนึ่ง จะนั่งเป็นแถวเหมือนกับที่กำลังจะฉันจังหันเช้านี่ กาน้ำก็มากาหนึ่งมาถวายหลวงปู่ แล้วก็จะมีถ้วยน้ำตาลมาถ้วยหนึ่ง มีช้อนอันหนึ่งและก็มีกาแฟใส่แก้วมาอย่างนี้ ใส่มาพอดีเด้พระเณรมีเท่าไหร่พระมัคคุเทศน์นี่รู้แล้ว ว่าต้องใช้เท่านี้จะครบกันพอดี เราจะไปตักเอามากก็ไม่ได้ มันจะหมดก่อนคนที่อยู่ท้ายจะต้องตักเอาพอดี๊พอดี ได้เท่ากันหมด
    น้ำตาลทรายนี่วันนี้นี่คิดจะให้คนละครึ่งช้อนนี่ ต้องมองละพระ น้ำตาลนี่รู้เลยต้องคนละครึ่งช้อนก็ตักใส่แก้วๆ คนที่ฉันกาแฟก็ช้อนกาแฟเล็กๆก็ตักใส่นั้นแหละ ถึงมันหมดพอดี...ไม่เหลือ!
    ทำไมถึงทำอย่างนั้น ?

    หลวงปู่ครูบาอาจารย์พาพวกเรารักษาพระวินัยนะ ถ้าเราเหลือไว้นั้นนะ อาจจะติดค้างเลยไป ๗ วัน ก็หมดอายุแล้ว ถ้าได้รับประเคนวันนี้ ฉันไม่ฉันก็หมดเวลา ถ้าถึง ๗ วันก็ไปแตะต้องอีกก็เป็นอาบัติแล้ว เพราะฉะนั้นนี้ไม่ให้มันเศษ ฉันไปแล้วก็ตักไปแล้ว มันเศษอยู่นั้นก็ทำให้สะอาด นิดๆหน่อยๆเม็ดสองเม็ดก็ไม่ให้มันเหลือ ไม่ให้มันเป็นของเนื่องกันอีกวันใหม่
    นี้คือการรักษาพระธรรมวินัย
    ใส่ไปแล้วนี่กาน้ำถึงมา กาขนาดนี้ พระ ๓๐-๔๐ รูปนี่ เราจะไปเทเต็มแก้วก็ไม่ได้เด้ เดียวมันจะหมดก่อนคนที่อยู่ข้างหลัง ๕๐ รูป ๘๐ รูปอย่างนี้ เทลงไปถึงครึ่งแก้วนี่พอแล้ว ไปถึงหมดพอดี คนละครึ่งแก้วนี้นะ แล้วก็ช้อนคนๆแล้วก็นั่ง หลวงปู่ก็เทศน์ละบาทนี่
    “โอ้ย! เทศน์จนกว่าจะลงนี่น้ำร้อนจนเย็นแล้วถึงจะได้ฉัน”
    นี้คือฉันพร้อมกันครั้งเดียวเท่านั้น !
    ไม่มีครั้งที่สองอีกจะย้อนกลับมาอีกไม่มี นี้ระเบียบของหลวงปู่ครูบาอาจารย์สมัยก่อน ต้องพร้อมเพียงกันหมดทุกอย่าง ไปบิณฑบาตมาได้นี่ไม่มีห่อของใครของมัน มารวมกันขนออกมาจากบาตร น้อยมากเอามาถาดเดียวกัน ใครได้น้ำพริกก็เอามาลง ใครได้ปลาป่นก็เอามาลง ใครได้ผักก็เอาลง ถ้ามีป่นปลากับน้ำพริกอย่างนี้เทใส่กันเลยแล้วคนๆ ถ้ามันน้อยเอาน้ำเติม ค้างไฟใหม่ เรียกว่าแกงโฮะตลอดทั้งปี นี้คือการปฏิบัติของพระกรรมฐานในสมัยนั้นนะ

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__4767760.jpg
      S__4767760.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116 KB
      เปิดดู:
      50

แชร์หน้านี้

Loading...