สายพระป่ากรรมฐานลป.บุญจันทร์ อุดรธานี ลป.บุญหนัก หนองคาย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1734889175529.jpg
    ประวัติของ
    พระครูขันติธรรมรัต (หลวงพ่อสอน)
    พระครูขันติธรรมรัต (สอน ขนฺติธมฺโม)
    สถานะเดิม ชื่อ สอน นามสกุล ทองประเสริฐ
    เกิดเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะแม ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ที่บ้านเลขที่ ๔๗ หมู่ที่๓ ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี บิดาชื่อ นายยอด มารดาชื่อ นางกลีบ ประกอบอาชีพทำนา มีพี่-น้องรวม ๕ คน คือ
    ๑. นางทองปลิว มณีแสง
    ๒. พระครูขันติธรรมรัต (สอน ทองประเสริฐ)
    ๓. นางส้มเช้า แสงวันทอง
    ๔. นางเล็ก ทองประเสริฐ
    ๕. นายบุญชู ทองประเสริฐ
    วิทยฐานะพ.ศ.๒๔๘๗ สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดดอนสุทธาวาส อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    บรรพชา เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๒ ตรงกับ วันพุธ ๙ ค่ำ เดือน ๕ ณ พัทธสีมาวัดดอนบุปผาราม ตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    พระครูศรีคณานุรักษ์ วัดดอนบุปผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
    อุปสมบท เมื่อวันจันทร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ณ พัทธสีมาวัดสามจุ่น ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี พระอธิการนุ่ม วัดนางใน ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชม วัดนางใน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชื่อม วัดสามจุ่น อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระอนุสาว-นาจารย์
    ได้รับฉายา “ ขนฺติธมฺโม”
    เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาเรียนพระปริยัติธรรมที่ วัดนางใน จังหวัดอ่างทอง และสอบได้นักธรรมชั้นเอกใน พ.ศ. ๒๔๙๘
    ภายหลังจากสอบได้นักธรรมชั้นเอกแล้ว หลวงพ่อก็เบนเข็มไปฝึกปฏิบัติทางสมาธิ ฝึกการนั่งทางในเรียนวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ โดยออกจากวัดนางในไปจำพรรษาอยู่วัดต่างๆทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อเสาะหาอาจารย์ดีเรียนและฝึกตามที่ได้ตั้งใจไว้เป็นระยะเวลานานกว่า ๑๐ ปีซึ่งก็มีวัดต่างๆที่หลวงพ่อไปจำพรรษาอยู่สรุปรวบรวมได้ดังนี้
    ๑. วัดหนองฝา จังหวัดอุตรดิตถ์
    ๒. วัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตร
    ๓. วัดบ้านตง จังหวัดอุตรดิตถ์
    ๔. วัดสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร
    ๕. วัดถ้ำขุนเณร อ. บางมูลนาค จ.พิจิตร
    ได้ฝึกปฏิบัติสมาธิกับหลวงพ่อเขียน
    ๖. วัดป่าดอนมูล จังหวัดลำพูน
    ฝึกปฏิบัติสมาธิกับ ครูบาคำแสน คุนานํกโร
    ๗. วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
    ฝึกปฏิบัติสมาธิกับครูบาคำแสน อิทนจกฺโก
    ๘. วัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี
    ฝึกปฏิบัติสมาธิกับ หลวงพ่อโต
    ๙. วัดเมือง จังหวัดยะลา
    ๑๐. ส่วนวัดในจังหวัดปทุมธานี หลวงพ่อสอน
    เคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไก่เตี้ย , วัดชัยสิทธาวาส อำเภอสามโคก และวัดโบสถ์ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
    นอกจากนี้ ในสมัยที่หลวงพ่อเป็นเณร ยังได้เคยไปเรียนการลงอักขระเลขยันต์ การถักตะกรุด และคาถาอาคมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
    และยังได้รับการถ่ายทอดวิชาการนั่งทางในหมอดูจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านอีกด้วย กล่าวได้ว่าตลอดเวลา ๑๐ ปีเศษ หลวงพ่อสอนท่านได้เรียนวิชาต่างๆ มาเต็มภูมิทีเดียว
    นั่งทางใน ดูหมอ แก้เคล็ด ดูที่ทาง

    เคยได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า หลวงพ่อสอนท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาการนั่งทางใน มาจากหลวงพ่อนุ่ม และหลวงพ่อได้ฝึกฝนอยู่นานหลายปี จนมีความชำนาญมากสามารถที่จะทำจิตให้เป็นสมาธิแล้วนั่งทางใน ในการดูโชคชะตาราศี ดูที่ทางทำเลในการก่อสร้างอาคารร้านค้าเพื่อทำการก่อสร้างได้ถูกต้องในพื้นที่จะได้ทำมาค้าขึ้น
    นอกจากนี้ ถ้าหากผู้ใดอับโชค ค้าไม่ขึ้น หลวงพ่อก็สามารถจะนั่งทางในแล้วบอกได้ว่าเพราะเหตุใด ควรจะแก้เคล็ดอย่างไร จึงจะได้ผลดี เป็นต้นว่า มีผู้เคยมาพบหลวงพ่อ เล่าให้ฟังว่าได้ไปเปิดร้านค้าขายแห่งหนึ่ง แต่ค้าเท่าไรก็ไม่ดีเลย มีแต่จะขาดทุนจนจะปิดร้านอยู่แล้ว
    หลวงพ่อนั่งทางในดูแล้วบอกว่า ร้านค้าดังกล่าวหันไม่ถูกทาง ต้องแก้ไขเพียงเล็กน้อยก็จะหาย และผู้ที่มาพบหลวงพ่อก็ทำตามทุกอย่าง การค้าก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับในเวลาอันรวดเร็ว ปัจจุบันมีฐานะดีในขั้นผู้มีอันจะกินผู้หนึ่งเลยทีเดียว.............
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระเนื้อผงมงคลธรรมรัต
    เหรียญพระสิวลีมหาลาภ
    พระปิดตาเสาร์ 5 อุดชันโรงหลวงพ่อสอนวัดศาลเจ้าชุด ๓ องค์
    ให้บูชา 360 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241223_003456.jpg IMG_20241223_003527.jpg IMG_20241223_003600.jpg IMG_20241223_003627.jpg IMG_20241223_003703.jpg IMG_20241223_003730.jpg IMG_20241223_003801.jpg IMG_20241223_003822.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1734970223733.jpg
    "หลวงปู่เย็น ทานรโต " พบ พระธุดงค์ลึกลับ มอบเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ "พ.พาน สารพัดนึก" คาดเป็น"หลวงปู่เทพโลกอุดร
    พระอาจารย์ลึกลับของหลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท
    หลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท เป็นอีกหนึ่งพระสุปฏิปัณโณ ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างวัตถุมงคล ที่เรียกว่า “ตัว พ .พาน หุ่นพยนต์” ตัวพ.พานวิเศษของหลวงปู่เย็นท่านนั้นเป็นวัตถุมงคลลี้ลับที่สร้างขึ้นมาจาก ของง่ายๆ คือ “ก้านธูปกับสายสิญจน์” วิธีการทำนั้นเพียงแค่เอาก้านธูปมาหักไปมาให้ได้รูปตัว พ.พานแล้วเอาสาย สิญจน์พันกำกับเสกคาถาไปมาก็สำเร็จเป็นตัว พ.พาน วิชานี้จัดเป็นการทำหุ่นพยนต์ประเภทหนึ่ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดคือวิ ชา พ.พานตัววิเศษนี้ หลวงปู่เย็นท่านร่ำเรียนมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งประวัติ ความเป็นมาเรื่องนี้ก็น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ผู้เขียนเองเคยเข้าไปกราบเรียนถามท่านด้วยตัวเอง ท่านก็ยืนยันชัดเจนว่า ท่านได้พบหลวงปู่โลกอุดร และเมื่อผู้เขียนส่งภาพหลวงปู่โลกอุดรให้ท่าน ท่านก็ยืนยันว่าองค์นี้แหละ พร้อมทั้งยังเอาภาพจบขึ้นเหนือหัวเป็นการยืนยันว่า “หลวงปู่โลกอุดร” ที่หลวงปู่เย็นท่านพบท่านมาในรูปร่างของพระหนุ่ม หรือมาในร่างของ “พระครูพรหมสิงขบุรี” นั่นเอง
    ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่เย็น ทานรโต” มีดังนี้
    “หลวงปู่เย็น ทานรโต” เป็นชาวเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดยท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ เดือนสี่ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๔๕ เป็นบุตรคนแรกในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ของ นายถิ่น นางแซ่ม ศรีศาสตร์ บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา ตัวท่านเองนั้นนอกจากจะช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรมแล้ว ยังมีฝีมือในเชิงช่างหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ ช่างปูน แม้กระทั้งการออกแบบบ้านเรือน หรือวัดวาอารามตลอดจนสลักลวดลายท่านก็ทำได้และฝีมือดีมากเสียด้วย จนกระทั่งอายุครบบวชหลวงปู่เย็นได้ทำการอุปสมบทตามประเพณีอันดีงามของชายไทย ทั่วไป ณ วัดเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่าน หลังจากได้เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แล้ว ท่านได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม จังหวัด ธนบุรี (ในสมัยนั้น) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ภาษาบาลี และภาษาขอม จนสอบได้นักธรรมเอก และเปรียญ ๔ ประโยค ระหว่างนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในฐานะนักเทศน์ฝีปากเอก หากประชาชนรู้ว่าได้นิมนต์ “มหาเย็น” มาเทศน์ด้วยไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกลก็หลั่งไหลมาฟังเทศน์กันอย่างล้นหลาม
    วันหนึ่งขณะที่นั่งพักผ่อนในกุฏิก็เห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินผ่านมา รูปร่างหน้าตาน่าศรัทธา ใบหน้างามดูเป็นหนุ่มไม่แก่ชราเลย แต่เกศานั้นขาวโพลนไปหมด รูปร่างสูงใหญ่ จีวรสีคล้ำตามแบบพระป่า
    หลวงปู่เย็นท่านใจเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอย่างประหลาด จึงไปนิมนต์ท่านมาพักในกุฏิพร้อมทั้งต้อนรับปฏิสันถารท่านเป็นอย่างดี เมื่อต้อนรับท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงชวนท่านสนทนา เพราะขณะนั้นหลวงปู่เย็นอยากทราบว่าพระธุดงค์นั้นเขามีวัตรปฏิบัติอย่างไร และขณะธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆในป่าในดงนั้นไม่กลัวอันตรายต่างๆ พระธุดงค์รูปดังกล่าว เมตตาอธิบายเรื่องธุดงควัตรเป็นอย่างดี “การธุดงค์นี้เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส พระผู้สมาทานธุดงค์นั้นต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์หมดจด เพราะหากศีลด่างพร้อยแล้วย่อมเป็นอันตรายต่อตัวเองขณะธุดงค์ได้ การธุดงค์นั้นมีข้อวัตร ๑๓ ประการ เช่นอยู่ในป่า อยู่ที่แจ้ง อยู่ในเรือนร้าง ใช้ผ้าสามผืน หลังไม่เอนติดพื้น ฉันรวมกันในบาตรเป็นต้น ธุดงควัตรทุกข้อเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสในใจตนทั้งสิ้น หากว่ามีธุดงควัตรเรียบร้อยงดงาม อำนาจแห่งธุดงควัตรนั่นแลจะรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ เทวดาจะพากันอนุโมทนา
    เมื่อหลวงปู่เย็นถามว่าท่านธุดงค์ไปที่ใดมาบ้างและไม่กลัวอันตรายหรือ พระธุดงค์ลึกลับกล่าวว่าท่านธุดงค์ไปมาทั่ว ไม่ว่าประเทศไทย พม่า ลาว เขมร ท่านไปมาหมด ในป่าลึกนั้นเต็มไปด้วยอันตรายนาๆ ประการ ทั้งไข้ป่า สัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจนานาชนิด ท่านยังเมตตาเล่าให้หลวงปู่เย็นฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านธุดงค์ไปยังเมืองลาว ต้องเดินผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งที่มีชื่อว่า “บ้านแก้ว” ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่อง “ยาพิษยาสั่ง” คนแปลกหน้าผ่านเข้าผ่านไปในหมู่บ้านเป็นต้องถูกลองยาเสมอ น้อยคนนักจะออกมาได้อย่างปลอดภัย มีคนลองวิชาแต่ท่านไม่เป็นไร พร้อมทั้งพูดปริศนาว่า “เขาทำให้ตาย กินข้าวได้เราไม่กลัว” ซึ่งเป็นคำปริศนาหมายถึงการทำยาสั่งยาเบื่อใส่ แต่พระลึกลับรูปนี้สามารถทานข้าวปลาอาหารที่มียาเบื่อยาสั่งได้โดยปราศจากอันตราย
    เมื่อยิ่งพูดยิ่งคุยยิ่งสนทนากับพระลึกลับรูปนี้แล้วก็ทำให้หลวงปู่เย็นทราบขึ้นมาแน่ชัดว่า พระรูปที่กำลังนั่งสนทนากับท่านข้างหน้านี้หาใช่พระภิกษุปุถุชนธรรมดาไม่ แต่หากเป็นพระผู้วิเศษที่สำเร็จฤทธิ์อภิญญาตามวิชชาชั้นสูงของพระพุทธศาสนา หรือท่านอาจเป็นพระอริยเจ้าผู้อยู่เหนือโลกไปแล้ว
    พระ ลึกลับรูปนี้ได้หยิบก้านธูปที่จุดหมดดอกแล้วนำมาหักเป็นสี่จังหวะแล้วหยิบ สายสิญจน์ขึ้นมาพันไปมาพร้อมทั้งบริกรรมกำกับ จนสำเร็จเป็นรูปตัว “พ.พาน” จากนั้นส่งให้หลวงปู่เย็น พร้อมกับกล่าวโอวาทว่า
    “พ.พานวิเศษ”นี้หมายถึง “แก้วสารพัดนึก” หมายถึง การนึกอยากได้หรือต้องการอยากได้อะไรก็จะได้ดังใจปรารถนา ผู้ใดได้ไว้ครอบครองตั้งมั่นในศีลธรรม ในความดี ก็จะได้สมใจนึก ตัวพอ “พ” นี้ เป็นของวิเศษ อันเกิดจากพระวาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ที่โคนต้นโพธิ์ “พอ พอ แล้วใครไม่ต้องเป็นครูสอนเราแล้ว” พอเรารู้ในธรรมวินัยนี้ว่าเป็นของที่เลิศประเสริฐยิ่งนัก พระพุทธก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี เป็นของดีที่วิเศษ ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้
    พระธุดงค์รูปนั้นท่านได้อธิบายถึงสรรพคุณและถ่ายทอดวิชาสร้างตัวอักษร “พ” ให้กับ หลวงปู่เย็นจนหมดสิ้น
    ตัวพ.พานนี้ ยัง เป็นเครื่องหมายแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ คือตัวพระ คือตัวพอ ความพอ คือธรรมอันวิเศษ เหมือนครั้งที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณท่านได้กล่าวออกมา ว่า “พอ พอ แล้วเราไม่ต้องการใครเป็นครูอาจารย์เราแล้ว ผู้รู้จักพอคือเศรษฐี คือผู้ค้นพบความร่ำรวย ผิดกับผู้ไม่รู้จักพอย่อมเป็นผู้ทุกข์อยู่กับการดิ้นรนแสวงหาเรื่อยไป”
    หลวง ปู่เย็นรับ “พ.พาน” ตัวเศษจากพระภิกษุลึกลับรูปนี้ด้วยความปลาบปลื้มใจ เมื่อหลวงปู่เย็นกราบท่านลงสามครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมาพระธุดงค์รูปนั้นก็อันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นสิ่งเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับหลวงปู่เย็นขณะอยู่ในวัยหนุ่ม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ “วัดระฆัง” ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่หลวงปู่เย็นท่านจำได้ดีตลอดมา
    ท่านเล่าว่าพระธุดงค์รูปนั้นท่านไม่ได้บอกชื่อ แต่ท่านจำหน้าตาได้แม่นยำที่สุด มาเห็นอีกทีก็ตอนที่เขาพิมพ์เรื่องหลวงปู่โลกอุดรนี่แหละ ท่านจำได้ดีว่าคือ พระรูปเดียวกันกับที่ท่านได้พบเจอมา ท่านได้กล่าวกับศิษย์ของท่านว่า เพราะพระผู้วิเศษท่านนี้แหละที่ทำให้ท่านสร้างวัดสร้างวาได้สำเร็จ โดยการสร้างวัดของหลวงปู่เย็นนั้น ท่านก็อาศัยการทำตัวพ.พานนี่แหละแจกจ่าย แลกกับ “ถุงปูน” ผู้ที่ได้ไปล้วนมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์อย่างมากมาย
    ขึ้นชื่อที่สุดคือ “พ.พาน” ของท่านเป็นของมีชีวิต ยามจะเกิดภัยจะสามารถส่งเสียงร้องเตือนได้และยังเป็นของทางคุ้มครองแคล้วคลาด เมตตามหานิยม วิชา “พ.พาน” จากหลวงปู่โลกอุดรที่ถ่ายทอดให้ท่านนั้นเป็นวัตถุมงคลแก้วสารพัด นึก แต่ทั้งนี้ผู้ครอบครองต้องรู้จักคำว่าพอเมื่อถึงความพอแล้วแก้วสารพัดนึกจะปรากฏขึ้นมาเอง
    “หลวงปู่เย็น ทานรโต” ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤกษภาคม ๒๕๓๙ เวลา ๑๓.๔๕ น. รวมอายุได้ ๙๔ปี ๒เดือน ๑๑ วัน สรีระของท่านหลังจากสวดอภิธรรม บำเพ็ญกุศลแล้วนำมาบรรจุใส่โลงแก้วประดิษฐานไว้ที่วัดสระเปรียญ เพื่อให้สาธุชามาสักการะขอพรกันอย่างสม่ำเสมอ
    คาถา ตัว พ.พานมหัศจรรย์ ตำรับหลวงปู่โลกอุดร
    เครดิตข้อมูล และภาพจาก พี่ tongn005
    http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=3638.0
    หลวงปู่เย็นเกิดปีเดียวกับหลวงพ่อปรง คือ พ.ศ.๒๔๔๗ ก่อนหลวงพ่อกวยหนึ่งปี รู้จักกับหลวงพ่อกวยพอประมาณ เเต่เรียกหลวงพ่อกวยว่า หลวงพี่กวย เพราะพรรษาบวชน้อยกว่า เคยเดินทางไปร่วมพิธีเสกพระกับหลวงพ่อกวยเป็นบางครั้ง นั่งรถโดยสารไปกันเอง
    ตามประวัติบวชเรียนเเล้วสึกมาใช้ชีวิตทางโลก จนตอนหลังกลับมาบวชอีกครั้ง อาจารย์เก่งๆที่ท่านเคยเรียนมา ล้วนเป็นสำนักเดียวกับหลวงพ่อกวย คือ หลวงพ่อศรี เเละหลวงพ่ออิ่ม
    วิชาที่ได้จากหลวงพ่ออิ่ม เช่นมนต์จินดามณี เเละวิชามือยาว เป็นต้น
    หลังจากจำพรรษาที่วัดกลางชูศรี ท่านได้นิมนต์หลวงปู่บุดดาซึ่งท่านนับถือมากมาเป็นเจ้าอาวาส ส่วนตัวท่านย้ายมาอยู่ที่วัดสระเปรียญ สมัยนั้นเป็นสำนักสงฆ์การเปรียญ มีพระจำพรรษาคือ หลวงตาชุ่มเเละลูกสาวซึ่งบวชเป็นเเม่ชี ชื่อเเม่ชีมณี หลวงปู่ได้บูรณะวัดเเละตั้งชื่อใหม่ว่าวัดสระเปรียญ
    วัตถุมงคลของหลวงปู่ ดีมากทางเเคล้วคลาดเเละเมตตาสูง หลวงปู่ใจดี ยิ้มเเย้มเเจ่มใส มีเมตตามากๆ เเต่ของทุกอย่าง หลวงปู่ไม่ค่อยเเจก เเต่จะเอาจำหน่ายเพื่อหาเงินเข้าวัด
    ............
    หลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท พระผู้สร้างวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียง พ .พาน หุ่นพยนต์ ซึ่งหลวงปู่เย็นท่านร่ำเรียนมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่เย็นท่านเป็นศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา (พระเกจิดังแห่งเมืองสุพรรณพระอาจารย์ของหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่) และหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ (พระเกจิดังแห่งเมืองสิงห์บุรีพระอาจารย์ของหลวงพ่อกวย หลวงพ่อแพ) จนเมื่อปี 2507 หลวงปู่เย็นท่านได้ออกธุดงค์ ไปทางอำเภอบางระจัน จ.สิงห์บุรี พบเจดีย์เก่าในพงหญ้ารกครึ้ม ในสภาพทรุดโทรม จึงรู้ว่าที่เเห่งนี้เป็นวัดร้าง ด้วยจิตกุศลอันเเรงกล้า ท่านจึงมีความตั้งใจที่จะบูรณะก่อสร้างขึ้นใหม่ จนกลายเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองสวยงาม มีนามว่า วัดกลางชูศรีเจริญสุข โดยในงานผูกพันธสีมา ฝังลูกนิมิตวัดกลางชูศรีเจริญสุขเมื่อปี 2522 นั้น หลวงปู่ได้สร้างเครื่องมงคล เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญ ซึ่งท่านได้นิมนต์พระเกจิสายพระครูศรี วัดพระปรางค์มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกด้วยหลายรูปอาทิเช่น หลวงพ่อกวย หลวงพ่อพิม หลวงพ่อทอง หลวงพ่อปรง เป็นต้น พระเนื้อผงรูปเหมือนหลวงพ่อเย็น งานฝังลูกนิมิตวัดกลางชูศรีเจริญสุข ปี 2522 จึงเป็นวัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่งที่น่าเก็บสะสม เพราะสมบูรณ์ไปด้วยมวลสาร, เจตนา และพุทธคุณ ตามหลัก มวลสารดี ,เจตนาดี, พระผู้ปลุกเสกดี
    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกหลวงปู่เย็น มีประสบการณ์มากเเละนิยมพอสมควร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกหลวงปู่เย็น
    ให้บูชา 370 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241223_230820.jpg IMG_20241223_230854.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1735115007789.jpg

    ขออนุญาตผู้เรียบเรียงชีวประวัติ พระสุนทรธรรมากร
    (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ)
    วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    เพื่อเผยแพร่ประวัติครูบาอาจารย์ครับ
    นิมิตประหลาด
    ตอนอายุ ๑๙ ปี เดินธุดงค์ไปจังหวัดเลย
    กับพระภิกษุ ๒ รูป โดยใช้เวลาเดิน ๑๕ วัน จึงถึง
    ได้ไปศึกษาการปฏิบัติจากชีปะขาวครุฑ ซึ่งมีแนวทางการปฏิบัติ
    เหมือนกันกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล
    ในขณะกำลังฝึกกรรมฐานอยู่นั้น ได้ปรากฏภาพนิมิต
    คือ พระอินทร์ลงมาทุกครั้ง อยู่ข้างๆ
    ในขณะที่นั่งสมาธิ เห็นทุกวันที่ปฏิบัติ
    จนตลอดว่า หลับตาลงก็เห็นแต่พระอินทร์ ไม่รู้จะแก้อย่างไร
    เพราะในขณะนั้น ก็ห่างจากครูบาอาจารย์ แก้นิมิตก็ไม่ได้
    ก็เห็นอยู่ทุกคืนๆ พอเห็นนานวันเข้าก็เกิดความพอใจ
    ในรูปร่างลักษณะของพระอินทร์ ในขณะนั้นใจก็อยากจะเป็นพระอินทร์
    แต่ก็ยังไม่ได้ปรารถนา เพียงคิดเฉยๆ การเห็นนิมิตคือพระอินทร์นั้น
    ท่านเล่าว่า เริ่มเห็นตอนที่ท่านเริ่มปฏิบัติธรรม ตอนอยู่บ้านหนองหอยใหญ่
    อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม

    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
    ถามพระอินทร์
    ท่านเล่าว่า วันนั้นเป็นวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ ท่านก็เริ่มนั่งสมาธิ
    พระอินทร์ก็ลงมาเหมือนเดิม ความรู้สึกในขณะนั้น
    ไม่ได้นั่งสมาธิ คือยืนที่ครกตำข้าว พระอินทร์ก็ลงมานั่งอยู่ที่หัวครกตำข้าว
    เมื่อท่านเห็นพระอินทร์ลงมา ก็ถามว่า
    “มหาบพิตรราชสมภาร เสด็จลงมาสู่มนุษย์โลกนี้ มีวัตถุประสงค์อย่างไร”
    พระอินทร์ ตอบว่า “ที่โยมลงมาสู่มนุษย์โลกนี้ ก็เพราะต้องการอยากจะนิมนต์สามเณรขึ้นสวรรค์”
    จะให้อาตมาขึ้นเมื่อไร หลวงปู่ถามต่อไป “วันแรม ๑ ค่ำ” พระอินทร์ตอบ
    หลวงปู่ท่านคิดว่า แรม ๑ ค่ำ ก็เป็นวันพรุ่งนี้ และคิดต่อไปว่า ขึ้นสวรรค์ร่างกายเรายังหนักอยู่
    จะเหาะขึ้นไปเหมือนกับพระอินทร์ไม่ได้หรอก ก็คงจะไม่ได้เป็นแน่
    คิดไปคิดมาก็คิดว่า ถ้าขึ้นไปบนสวรรค์นี้ ดังนิมิตนี้ จะต้องไปแต่วิญญาณ
    ส่วนร่างกายคงจะไปไม่ได้ ถ้าไปแต่วิญญาณก็คงตาย
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
    พิจารณาความตาย
    พอออกจากสมาธิ ก็มานั่งคิดพิจารณาว่า
    “เรานี้จะตายจริงๆ หรือ พรุ่งนี้”
    ตามความรู้สึกว่า ตายแน่ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันแรม ๑ ค่ำ”
    คืนนั้นไม่นอน สมาธิต่อจนสว่าง
    พอสว่างแล้วก็ทำธุระปัดวาดกุฏิวิหาร
    ที่พักที่อาศัยตักน้ำเทกระโถนถวายพระ แล้วออกบิณฑบาตมาฉัน
    เมื่อฉันแล้ว ก็มาพิจารณาว่า หากเราตาย ก็ขอให้ตายตอนนั่ง
    ตายในขณะทำความเพียร จะไม่ตายในเวลาที่เราละความเพียรแล้ว
    ท่านนึกอยู่ในใจอยู่อย่างนี้ ก็เลยบอกพระภิกษุวันว่า
    อาจารย์ครับถ้าผมตาย ให้ตัดเอานิ้วมือผม นิ้วชี้ ข้างขวานิ้วหนึ่ง ข้างซ้ายนิ้วหนึ่ง
    ให้ตัดตรงโคลนนิ้ว ท่านบอกว่า ตายแล้วไม่เจ็บหรอก ให้ตากแดดให้แห้ง
    ถ้าไม่แห้งให้ย่างไฟก็ได้ ให้เอากลับไปให้แม่ของผม และบอกกับแม่ผมว่า
    ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไปดีแล้ว ได้ไปสวรรค์ ตามคำของพระอินทร์พูด
    พระภิกษุวัน ก็กล่าวว่า ทำไมถึงพูดอย่างนี้ แต่ถึงอย่างไร สามเณรก็อย่าประมาท”
    สอนใจตนเอง
    หลวงปู่ก็พูดเท่านี้ แล้วจิตก็สอนตนเองว่า
    “ชีวิตนี้น้อยหนัก เมื่อถึงเวลาจะตายก็ต้องตาย
    ละร่างกายนี้ไป ชีวิตของคนเราไม่ยั่งยืน
    ทอดอาลัยในชีวิต ทำให้เกิดความกล้าไม่กลัว ”
    แล้วก็ทำความเพียรต่อไป ตั้งแต่เช้าถึงตอนเย็น
    เมื่อถึงเวลาทำวัตรเย็น ก็มาทำวัตรเย็นร่วมกับพระสงฆ์ เมื่อเสร็จแล้ว
    เข้าสู่ที่ปฏิบัตินั่งสมาธิ ออกจากสมาธิ ก็เดินจงกลมตลอด ออกจากเดินจงกลม
    ก็มานั่งสมาธิ ในช่วงที่พักผ่อนก็กำหนดลมหายใจไปเรื่อยจนหลับ
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
    รู้ตัวตื่นขึ้นมา คิดว่า เราคงตายแล้ว
    ก็ร้องถามพระภิกษุที่อยู่ไม่ห่างนักว่า
    “อาจารย์ครับๆ” ก็ไม่มีเสียงตอบเงียบ ปลุกอย่างไรก็ไปขยับตัว”
    ก็มาคิดอีกว่า “คนตายเรียกคนเป็นอาจจะไม่ได้ยิน” ก็คิดต่อไปอีกว่า
    “เราตายแน่หรือ หรือว่ายังไม่ตาย” เอามือไปจับที่หนังสือตรงที่หัวนอน
    ก็ยังอยู่ปกติ จับดูมุ้งและถุงย่ามก็เป็นปกติ” มาคิดว่า
    ตายหรือไม่ตายก็ยังปกติอยู่” ก็สงสัยในใจอยู่
    ก็ลองปลุกพระที่อยู่ไม่ห่างอีกครั้ง
    ได้ยินเสียงท่านขานรับ แค่นั้นท่านก็รู้สึกตัวเลยว่า
    “เรายังไม่ตาย”ไม่นานก็สว่าง วันแรม ๑ ค่ำ ก็ผ่านไป
    ท่านก็คิดในใจว่า ไม่ตายแล้ว”
    หลังจากวันนั้นมา นิมิตที่พบเห็นพระอินทร์บ่อย ๆ
    ก็หายไปไม่ปรากฏอีกเลย
    รู้แล้ว ความหลงก็หายไป
    ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า
    “นิมิตทั้งหลาย ก็เป็นเพียงแค่ทางผ่านของการปฏิบัติ
    เหมือนเราเดินทางด้วยเท้า เราอาจเห็นสิ่งต่างที่อยู่ตามข้างทาง
    เห็นแล้วอย่าไปหลง เห็นแล้วอย่าไปติดอยู่
    ถ้าไปหลงไปติดอยู่ก็ไม่ไปถึงไหน ติดอยู่ตรงนั้นแหละ”
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสมบูรณ์ครับ
    เหรียญกรมหลวงชุมพร นปช.หลังพระธาตุพนมและยันต์ดวงสมปราถนา หลวงปู่คำพันธ์ เนื้อทองแดง ขัดเงา
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    FB_IMG_1735111137328.jpg FB_IMG_1735111139975.jpg FB_IMG_1735111142580.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2024 at 15:50
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1735229621566.jpg

    เมื่อเดินธุดงค์รอนแรมจากอำเภอ กุสุมาลย์ ทะลุถึงเมืองสกลนคร ในขณะนั้นท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล ได้พำนักอยู่ที่วัดป่าสุทธาวาส เมืองสกลนคร เมื่อเดินทางถึงวัดป่าสุทธาวาส ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของอาคันตุกวัตร คือผู้เข้าไปสู่อาวาสต้องแสดงความเคารพ ไม่แสดงความแข็งกระด้าง ลดผ้าห่มเฉวียงบ่า วางบริขารไว้ในที่อันสมควร ดูว่าครูบาอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าในอาวาส ไม่ได้รับแขก เป็นโอกาสอันสมควร หลวงพ่อสิ้วจึงได้พาเข้ากราบนมัสการท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล ขอพักค้างคืนอยู่กับท่าน ท่านพระอาจารย์เสาร์ไม่ขัดข้อง อนุญาตให้ฟักได้ คือในขณะนั้นต่างนิกายกันกับท่าน
    FB_IMG_1735229615892.jpg
    หลวงปู่เล่าว่า เมื่อได้ทัศนาและกราบนมัสการท่านพระอาจารย์เสาร์ในครั้งแรก ได้เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาจริยาวัตรของท่านพระอาจารย์เสาร์เป็นอย่างยิ่ง จึงได้คิดในใจว่า "เมื่ออายุของเราครบบวชพระได้ เราจะบวชในสังกัดธรรมยุติกนิกายแล้วจะติดตามไปปฏิบัติอยู่กับท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์" พักอยู่กับท่านพระอาจารย์เสาร์ ที่วัดป่าสุทธาวาสนี้ 2 คืน เมื่อฉันบิณฑบาตและจัดแจงบริขารลงในบาตร เตรียมการเดินทางเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อสิ้วจึงได้พาเข้ากราบนมัสการลาท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล ในขณะนั้นท่านได้เตือนให้ธรรมะว่า "ให้ตั้งใจให้ดี ตั้งสติให้ดีนะ" สามเณร บุญจันทร์พอได้ยินหลวงปู่เสาร์ให้โอวาทอย่างนั้น เกิดปีติเยือกเย็นซาบซ่านไปทั่วร่างกาย มีความเบากายเบาจิต คำที่ท่านเตือนให้โอวาทนั้นฝังอยู่ในจิตไม่ได้เลือนลาง
    เหรียญรุ่น 2 หลวงปู่บุญจันทร์กมโล วัดป่าสันติกาวาส อุดรธานี ออกวัดป่าโนนม่วง รุ่นเมตตา ปี๒๕๓๔ รุ่นเมตตา ศิษย์พระป่ากรรมฐาน ลป.เสาร์ ลป.มั่น
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241226_224951.jpg IMG_20241226_225014.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ภายในเจดีย์-หลวงปู่บุญหนัก-ขันติโก-ณ-สำนักสงฆ์ป่าสัก-บ้านหม้อเหนือ.jpg
    หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก พระผู้ทรงอภิญญา ศิษย์หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ในภาพจะเห็นว่าท่านเกศายาว คนอาจจะประมาทปรามาสท่านได้ แต่ท่านอธิษฐานของท่านไว้ อย่างไรไม่ทราบ มีเพียงแต่ลูกศิษย์บอกว่าเวลา ท่านปลงเกศาทีไร มีแต่คนมายื้อแย่งกันตลอด ท่านจึงปล่อยไว้ไม่ตัดอีกเลย
    หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๕๒
    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ได้เมตตาเล่าถึงประวัติของ หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก ว่า..
    หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก เป็นศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกรูปหนึ่งเคยจาริกธุดงค์ไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่หลายปีจึงกลับลงมาอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่าสัก บ้านหม้อเหนือ
    ท่านอยู่ที่วัดป่าสักนี้ตั้ง ๔๐ ปีนู้น ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ท่านต้องอด ต้องทน สู้กับโรคภัยไข้เจ็บของท่าน เดือน ๕ แดดร้อนๆ นี่ มีคนไปสังเกตดูว่าท่านจะอยู่ยังงัย ไปส่องดู ท่านนั่งสมาธิจนเหงื่อออกเต็มตัว ท่านจะอยู่แต่กุฏิของท่านนั่นหละ การที่ท่านจะได้ลงมาพื้นดินนี่มีน้อยนัก ท่านจะเดินจงกรมอยู่ระเบียง พอเดินเหนื่อยท่านก็เข้าไปนั่งภาวนา พอภาวนาเหนื่อยท่านก็ออกมาเดินจงกรมอยู่อย่างนั้นหละ พอถึงเวลาสรงน้ำก็ไปสรงน้ำ มีเท่านี้กิจวัตรของท่าน เพราะฉะนั้นท่านถึงมีญาณ รู้อดีต รู้อนาคต อย่างที่คนแถวนั้น ผู้ใกล้ชิด ได้ยิน ได้ฟัง หรือได้เห็นพบประสบมาแล้วนั้นละ
    หลวงปู่บุญหนักนี้ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เคยเทศน์ยกย่องท่านว่า.. ท่านอาจารย์บุญหนักเป็นผู้มีคุณธรรมสูง เป็นผู้มีความรู้รู้อดีตรู้อนาคต เหตุที่ท่านไว้ผมยาวเพราะปลงผมแล้วท่านจะป่วยหนัก เพราะท่านมักป่วยออดๆ แอดๆ มาแต่หนุ่มแล้ว สมัยหนึ่งท่านเคยไปขออยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นที่เชียงใหม่ แต่หลวงปู่มั่นทราบว่าท่านมักจะป่วยบ่อยๆเลยให้ท่านไปรักษาอาการป่วยก่อนเพราะจะเป็นอุปสรรคในการภาวนา เรื่องความรู้ความเห็นของท่านเคยได้ยินว่า ชาวบ้านใครจะตาย ก่อนตาย ๓ วัน ๕ วันท่านทราบก่อนเลย
    หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก ท่านเป็นพระที่หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ไปมาหาสู่พุดคุยสนทนาธรรมอยู่ตลอด ตอนหลวงปู่บุญหนัก อาพาธหนัก หลวงปู่เหรียญ ได้มาเยี่ยมครั้งสุดท้ายและบีบนวดให้ เมี่อท่านสิ้นแล้วหลวงปู่เหรียญ ก็จัดการพิธีศพให้ และสร้างเจดีย์อนุสรณ์หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก ไว้ที่วัดป่าอรัญญบรรพต ตรงทางขึ้นเนิน ใกล้ศาลากลางเปรียญ และได้สร้างโรงเรียนบ้านหม้อเหนือ (หลวงปู่เหรียญอุปถัมภ์) ขึ้นในบริเวณที่เป็นสำนักสงฆ์ของหลวงปู่บุญหนัก

    เจดีย์-หลวงปู่บุญหนัก-ขันติโก.jpg
    #หลวงปู่บุญหนัก_ขันติโก
    ท่านอยู่ที่วัดป่าสักนี้ตั้ง 40 ปีนู้น ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ท่านต้องอด ต้องทน สู้กับโรคภัยไข้เจ็บของท่าน
    เดือน 5 แดดร้อนๆ นี่ มีคนไปสังเกตดูว่าท่านจะอยู่ยังงัย ไปส่องดู ท่านนั่งสมาธิจนเหงื่อออกเต็มตัว ท่านจะอยู่แต่กุฏิของท่านนั่นหละ การที่ท่านจะได้ลงมาพื้นดินนี่มีน้อยนัก ท่านจะเดินจงกรมอยู่ระเบียง พอเดินเหนื่อยท่านก็เข้าไปนั่งภาวนา พอภาวนาเหนื่อยท่านก็ออกมาเดินจงกรมอยู่อย่างนั้นหละ พอถึงเวลาสรงน้ำก็ไปสรงน้ำ มีเท่านี้กิจวัตรของท่าน
    เพราะฉะนั้นท่านถึงมีญาณ รู้อดีต รู้อนาคต อย่างที่คนแถวนั้น ผู้ใกล้ชิด ได้ยิน ได้ฟัง หรือได้เห็นพบประสบมาแล้วนั้นละ......
    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เล่าถึงประวัติของ หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก

    หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก เป็นศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น อีกรูปหนึ่ง
    เคยจาริกธุดงค์ไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่นที่เชียงใหม่อยู่หลายปี
    จึงกลับลงมาอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่าสัก บ้านหม้อเหนือ
    เมื่อหลวงปู่บุญหนักมรณภาพ จึงได้สร้างโรงเรียนบ้านหม้อเหนือ (หลวงปู่เหรียญอุปถัมภ์) ขึ้นในบริเวณที่เป็นสำนักสงฆ์ของหลวงปู่บุญหนัก
    FB_IMG_1735232678178.jpg FB_IMG_1735232684851.jpg
    เหตุที่หลวงปู่บุญหนักไว้ผมยาว เพราะเมื่อท่านปลงผมก็มักจะเจ็บป่วย บางคราวถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ ท่านจึงไม่ปลงผม
    แม้ท่านจะอายุมากแล้ว แต่ผมของท่านก็ยังคงดำสนิทต่างจากคนทั่วไปดังที่เห็นในรูป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปถ่ายหลวงปู่บุญหนัก เลี่ยมประกบจีวรหลวงปู่ด้านใน
    ให้บูชา 1,500 บาทครับ

    IMG_20241226_225220.jpg IMG_20241226_225204.jpg IMG_20241226_225250.jpg IMG_20241226_225309.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...