สมาธิวิปัสสนามีบุญมากกว่าทานเพียงใดครับ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย WongsakornS, 6 พฤษภาคม 2011.

  1. WongsakornS

    WongsakornS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +9
    สมาธิวิปัสสนามีบุญมากกว่าทานเพียงใดครับ พอดีที่รร.มีให้ไปปฏิบัติธรรมอะครับ

    ของ ม.4 นะ
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คล้ายคล้ายจะเป็นเรื่องเดียวกันแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวมันเหมือนวงกลม2 วงซ้อนเหลื่อมกันไม่สนิท ตรงที่ซ้อนกันที่เป็นยูเนี่ยนก็มีและนอกนั้นก็มี ทำทานได้ประโยชน์หลากหลายทั้งตัวเองและผู้อื่นให้ทานผู้ที่มีน้อยกว่า คนรับก็ได้ประโยชน์คนให้ก็ได้ความสุขจากการให้(คนที่เคยให้ทานคงรู้ว่าความสุขตรงนี้เป็นอย่างไร)สมาธิ วิปัสนาเป็นการค้นหาความจริงว่าเราคือใคร มันมีความจริงแท้หลายระดับให้ค้นหา ถ้าทำวิปัสนาทำให้เราเห็นลึกว่า ที่ เราโกรธ เกลียด หรือ อยากได้อะไรมากมาก แล้วทุกข์นี่เกิดเพราะอะไรก็ต้องลองทำดู ทั้ง ทาน และ วิปัสนา ได้ประโยชน์แก่ตนทั้ง2อย่างดีทั้ง2 อย่างได้บุญและความสบายใจทั้ง2อย่างขึึ้นอยูกับว่าเวลาและโอกาสทั้ง2อย่างไม่ได้ขัดแย้งกัน
     
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    บุ ญ คื อ อ ะ ไ ร ?

    บุญ คือสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำให้จิตใจใสสะอาด ปราศจากความเศร้าหมองขุ่นมัว ก้าวขึ้นสู่ภูมิที่ดี เกิดขึ้นจากการที่ใจสงบทำให้เลือกคิดเฉพาะสิ่งที่ดี ที่ถูก ที่ควร ที่เป็นประโยชน์ แล้วพูดดี ทำดี ตามที่คิดนั้น

    บุญ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมส่งผลปรุงแต่งใจของเราให้มีคุณภาพดีขึ้น คือตั้งมั่นไม่หวั่นไหว บริสุทธิ์ผุดผ่องสว่างไสว โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด อิ่มเอิบ ไม่กระสับกระส่าย ชุ่มชื่นเบาสบาย ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด นุ่มนวลควรแก่การงาน และบุญที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถสะสมไว้ในใจได้อีกด้วย

    คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น "บุญ" แต่ก็สามารถรู้อาการของบุญ หรือ ผลของบุญได้ คือเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตใจชุ่มชื่นเป็นสุข เปรียบได้กับ "ไฟฟ้า" ซึ่งเรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้าโดยตรง แต่เราสามารถรับรู้อาการของไฟฟ้าได้ เช่น เมื่อไฟฟ้าผ่านเข้าไปในหลอดไฟแล้วเกิดแสงสว่างขึ้น หรือเมื่อผ่านเข้าไปในเครื่องปรับอากาศแล้วเกิดความเย็นขึ้น เป็นต้น



    *****


    บุญของการภาวนา คืออย่างไร

    ประการแรก ได้รับผลของบุญในปัจจุบัน จิตที่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิมีความสุขอย่างยิ่ง สุขจนลืมโกรธ ไม่เห็นสิ่งใดมีค่าควรแก่การโลภ และยังมีญาณรู้เห็นสิ่งต่างได้ แต่จะใช้ประโยชน์หรือไม่ก็แล้วแต่ บางท่านก็ใช้สร้างบารมี

    ประการที่สอง การภาวนาเป็นการสร้างบุญกับใจ อันเป็นสถานที่รองรับบุญจากวัตถุทานและการรักษาศีลซึ่งเป็นการควบคุมร่างกาย แต่ผลลัพธ์ทั้งหมดไปตกอยู่กับใจ ถ้าเราภาวนา บาปก็ดี บุญก็ดีที่เราเคยทำไว้จะมารวมปรากฏอย่างชัดเจนในลักษณะที่เปิดช่องดูได้เหมือนทีวี ไม่ใช่คิดเอาว่าทำบุญแล้วต้องได้บุญทำบาปต้องได้บาป แต่ได้อย่างไร ได้จริงไหม ต้องรู้ได้ด้วยการภาวนา จิตที่ฝึกดีแล้วโดยการภาวนาย่อมเปรียบเสมือนภาชนะรองรับบุญที่มีการก่อสร้างไว้อย่างดี ไม่มีที่จะรั่วไหลไปได้ ไม่มีที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งยังเป็นเครื่องส่งบุญอย่างดี ทำบุญอุทิศแก่ผู้ใดก็จะไปถึงโดยสมบูรณ์


    ประการที่สาม จิตที่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีความสว่างแจ้งโลกมีความร่มเย็นมหาศาล มีกระแสบุญหลั่งไหลออกรอบไม่มีประมาณ ไม่จำเป็นต้องท่องบ่นอุทิศส่วนกุศลใด ๆ อย่าว่าแต่เปตชนทั้งหลายเลย แม้กระทั่งเทพเทวดาทั้งหลายก็ยังมาปรากฏรับกระแสแห่งบุญอันไม่มีประมาณนั้น


    ประการที่สำคัญยิ่งคือการภาวนาเป็นการพัฒนาจิตเมื่อเกิดตายอีกกี่ภพชาติก็ตามจิตก็จะคงสภาพที่สูงส่งนั้นไม่กลับต่ำลงไปอีก นี่แหละท่านจึงว่ายอดแห่งบุญคือภาวนา เพราะถ้าเพียรทำจนดีแล้วก็จะไม่ตกไปอบายภูมิอีก มีแต่จะทำต่อจนภพชาติสั้นเข้าไปเรื่อย ๆ ตราบถึงพระนิพพาน

    ส่วนการให้ทาน คือ การให้ นั้น หมายถึงการแบ่งปัน ให้ทรัพย์สิ่งของ เพื่ออนุเคราะห์ สงเคราะห์ผู้อื่นด้วยจิตเมตตา ปรารถนาที่จะให้ผู้รับอยู่ดีมีสุข และกรุณาธรรม ปรารถนาที่จะให้ ผู้ประสบความทุกข์เดือดร้อนให้พ้นทุกข์ ซึ่งจะช่วยพัฒนาจิตใจเราให้รู้จักเป็นผู้ให้

    อานิสงส์ของการให้ทาน

    * เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
    * เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
    * จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
    * ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
    * ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
    * เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล


    ถ้าเปรียบเทียบจากความหมายต่างๆ ที่กล่าวมาข้างบนแล้วจะเห็นได้ว่าสมาธิวิปัสสนาเป็นสิ่งที่ควรจะได้บุญมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามก็ควรจะมี ทาน ศีล ภาวนา ควบคู่กันไปนะคะ เพื่อความเป็นสิริมงคลที่สุดของชีวิตค่ะ


    *********

    ทาน ...กระทำเพื่อให้ได้มา ให้ได้มี ให้ได้เป็น ผู้คนส่วนใหญ่จึงชอบกระทำ

    สมาธิวิปัสสนา...กระทำเพื่อให้ไม่ได้มี ให้ไม่ได้เป็น ให้ไม่ได้อะไรๆ ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักไม่สนใจที่จะกระทำกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...