ร่างกายไม่ใช่เรา จิตนี่ก็ไม่ใช่เราแล้วอะไรล่ะที่เป็นเรา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 3 พฤศจิกายน 2015.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เมื่อร่างกาย และจิตใจเป็นรูปขันธ์นามขันธ์รวมๆ แล้วก็.....ไม่ใช่เรา
    แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เราดำรงความเป็นเราอยู่ได้ทุกวันนี้
    ใช่โมหะ โลภะ โทสะหรือเปล่าที่เป็นเรา??
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มันเป็น ภาษาปฏิบัติ ไม่ใช่ กล่าวออกมาเพื่อเป็น โวหาร ตรรกศาตร์ ปรัชญา โชวภาวความรู้

    การพิจารณากายไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา หากเล็งได้ขณะปฏิบัติ โมหะจะเป็นตน
    โลภะจะเป็นตน โทษะเป็นตน ของตน หรือไม่ มันจะทราบได้
    ขณะปฏิบัติ

    และหากมั่นใจ มรรคว่าพระพุทธองค์ไม่ได้หลอก พูดแบบเฮียไปวันๆ
    การเพียรปรารภจะกำจัดกิเลส จะทำให้ไม่ต้องถามอีกว่า กิเลสเป็นตนอยู่หรือไม่อย่างไร

    แล้วจะไม่ไปทำหน้าเฮียๆ อ้างบุญ ทานสันตี ว่าคนอื่นมีอย่างกู หรือไม่มี


    พวกรายาม เวลากล่าว กายไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา ไม่เอานัยปฏิบัติมากล่าว
    ไม่เอาความเพียรมากล่าว มันจะคิดว่า พระพุทธองค์สอนให้มโนด้นเด้า
    โลภะโกรธหลงเมาธรรมปฏิบัติ ด่าพระพุทธองค์ว่า สอนให้ละเมอเพ้อเจ้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2015
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    มะโนไปตามเรื่องนะจ๊ะข้างบนน่ะ
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    จะมะโนเหน็บแนมยังไง
    ก็ไม่ปี๊ดแตกเหมือนเจอด่าน ตร.เรียกหาเรื่อง
    เอาผิดกะเราหรอกฮะ....มีแต่จะเล่นเราแบบไม่เคย
    สืบประวัติการทำผิดบ่อยกรือไม่ทุกที....และเดือดทุกทีเช่นกัน
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เมื่อเราจะพิจารณาธรรม มันจะมาจากสัญญา
    ที่ได้รับสดับมาจากที่โน่นที่นั่น จากพระอริยสงฆ์
    ต่างๆ ที่กล่าวไว้ในเรื่องเดียวกันซ้ำๆ หลายๆครั้ง
    เราก็เชื่อว่านี่เป็นพระอริยสัจจ์แท้ๆ โดยไม่จำเป็น
    ต้องไปพาพิงถึงจอมศาสดาทุกครั้งก็ได้....

    เนื่องพระอริยสงฆ์ หรือพระอริสัจจ์ ก็คือพระรัตนตรัยอยู่แล้ว จะไปกล่าวพาดพิงถึงองค์ศาสดาบ่อยๆโชว์อะไรหรือ
    ควรยกไว้สูงสุดและเคารพด้วยจิตใจดีกว่านะจ๊ะ
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    กล้วยไข่เอง ไม่เคยคิดเอาความโง่
    ของตัวเองไปสงสัย ในความเป็นไป
    ของจอมปราชญ์ใดๆ เลยสักคน
    อย่ามาตู่ดีกว่าเจ้าปราชญ์ลามก
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    วิธีตอบกระทู้นี้แค่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่เพาาะอะไร???
    ซึ่งจริงๆตัวตนเรามีขึ้นมาก็เนื่องจากกิเลสหยาบๆทั้ง 3
    ขบวนนั่นแหละหนา....
    ก็ควรตอบว่า.....ใช่....จากนั้นจะยกอรรถาธิบายขยายความให้ลึกซึ้ง
    น่าศรัทธาเลื่อมใสขนาดไหนก็ได้
    ดังนี้ ก็จะมีแต่คนโมทนาสาธุ
     
  8. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ในเมื่อวิบากกรรมมันยังมี ก็ต้องชดใช้ไปตามสภาพ
    ขณะเดียวกันก็เรียนรู้วิถีทางที่จะออกจากทุกข์ไปด้วย
    จนกว่า..จะรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจ ๔ อย่างแท้จริง
    เลิกก่อกรรม ใช้หนี้หมด ก็พ้นเหตุเกิดเอง
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    มันไม่ใช่เป็นแค่ภาษาปฏิบัติ แต่มันเป็นพระอริยสัจจ์เลยทีเดียวล่ะ.....นี่แหล่ะโวหารมั่ว กลัวคนจะว่าตัวเองไม่เก่ง
    ด่าคำโตโม้เกินกำลัง
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆ

    ธรรมสันติ !! ภาวนาด้วยตรรกศาสตร์ มันก็ ภาวนาแล้วไป โทษ โลภะ โทษะ โมหะ
    ว่าเป็นเหตุให้เกิด อัตตา

    คนที่เขาภาวนาเป็น เอาแค่เห็นหนทางเนี่ยะ เขาจะเลิก โทษปี่ โทษกลอง โทษ
    นั่นโทษนี่ โทศเข้าไปได้ โลภะ โทษะ โมหะ เป็นเหตุให้เกิด อัตตา

    เพราะอะไร

    เพราะต่อให้ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง จิตเป็นกุศล ก็ไม่พ้นฮาอะไรจากสังสารวัฏ

    เพราะต่อให้ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง จิตเป็นกุศลก็ไม่ใช่ เป็นอกุศลก็ไม่ใช่
    ก็ไม่พ้นฮาอะไรจากสังสารวัฏ

    อ้างธรรมสันติ พ่อแม่ รหัสพ่อรหัสแม่ จาติงาว มัวแต่ เอะอะ เอ้ย นั่คือ อัตตาแท้
    ตัวตนแท้ ตัวดั้งเดิมแท้

    พระพุทธองค์ตรัสสอน แม้นเจอะเจอ นิพพาน ก็ไม่ให้ สำคัญเป็นตน ของตน แล้ว
    จะหา ตัวเดิมแท้ ตัวตนแท้ ทำสันติ อะไร .....!!!

    ต้องอ้าง คำสอนของพระพุทธองค์สิคร้าบ ถ้าไม่อ้าง ไปเจอ ครูสันติ มัวแต่ ติดอาการ
    สำคัญตน เป็นมิจฉาทิฏฐิ หลอกแหลก หลอกไปทำทาน เรี่ยไร ถวายข้าวแกง ส้มตำ
    ปราบคอมมิวนิสต์ ทำโรงวิชา ปัดระเบิดไปลงญี่ปุ่นแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า จับแปลงเพศ สันติ !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2015
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คำว่า เป็นภาษาปฏิบัติ

    หากภาวนาเสียหน่อย เวลาไปเจอ สภาพธรรมอะไรก็ตาม ที่เป็น " ปัจจัยการ "

    อะไรก็ตามที่เป็น ปฏิจสมุปบาท อะไรก็ตามที่ตกภายใต้ ปฏิจสมุปบาท
    หากภาวนาด้วยนัยปฏิบัติ มันจะเห็น สิ่งนั้นเป็น ธรรมอันเกิดจากปัจจัยการ

    คำว่า นัยปฏิบัติ จะต้องมีการ แยบคายในการพิจารณา ว่า แล้วอะไรหละ
    ที่เป็น ธรรมพ้นปัจจัยการ ไม่มีอาหาร เจอไหม [ หากจงใจ ชะเง้อหานิดเดียว เป็นธรรมอันเกิดจากปัจจัยการ สันติ !! ทันที ]

    เจอแล้ว ก็ไม่ให้สำคัญว่าเป็นตน ของตน เพราะหากไปเจอ ธรรมพ้นปัจจัยการ
    แล้วสำคัญว่า เจอตน ก็เท่ากับ ไปเห็น "ธรรมคู่" ไม่เจอ " ธรรมหนึ่ง " แล้ว
    จะเอาอะไรไปเป็นการเห็น สัมมาสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2015
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ยกตัวอย่าง บรรทัดเนี่ยะ เข้าทำนอง กล่าวออกมาว่า " เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า "

    ยกออกมาแล้ว สังเกตสิ มันเกิด มรรคผลนิพพาน เกิดมัคสมังคี ไหม หรือว่า
    พูดสัจจ อ้างเห็นสัจจแท้แล้ว มันก็ได้แต่ กล่าวเป็นบัญญัติ แต่ การเห็น
    ไม่มี !!!

    ต่อให้คำพูดมันดูเหมือนจริง แต่หากมันออกมาจาก ปราศจาก "พยาน"

    ร้อยละร้อย มันเป็นอาการ " สำคัญว่าเห็น " ซึ่ง เพื่อนนักปฏิบัติ จะต้อง
    กระทืบ ตื๊บให้แรงๆ เพื่อให้หลุดออกมา

    อย่าบัญญัติ อย่าภาวนาเพื่อการทำการบัญญัติ เด็ดขาด

    ต้องภาวนาแล้ว กล่าวไปตาม เท่าที่จะเป็น มุขนัย เป็นประโยชน์
    ต่อการปฏิบัติ


    คำสอนใดแม้นจะเป็นจริง แต่กล่าวไปแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็ไม่กล่าว
     
  13. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    การสืบต่อของจิต ด้วย การอุปาทาน ว่าเป็นเรา อันมีที่มาจาก อวิชชา จึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2015
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ด่าคำโตโม้เกินกำลัง
    ฟังแล้วรำคาญ พูดเพ้อระส่ำไปทั่ว
    แขวะสำนักโน่นนี่
    อ้างพระศาสดาเสริมบารมีตนเองซ้ำซาก
    เขียนมา3พันกว่าโพสต์เพิ่งหมดเม็ดแดง
    ได้เม็ดเขียวมา ๑ เมล็ด เลยเป็นสิงห์คะนอง
    ยกใหญ่
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆๆ นี่ก็พอกัน บาซูซู บาเยซูซู มาแทงกั๊ก ไม่ใช่ โลภะ โทษะ โมหะ
    งั้น อุปาทาน งั้นตัณหา งั้นอวิชชา ไปเรื่อยเปื่อยแหละ หากเรียน
    ธรรมะแบบจับบัญญัติไปกระเดียด เดี๋ยวก็ไปโทษ แอปเปิ้ล โทษงู

    หากภาวนาเสียหน่อย จะไม่โทษนั่น โทษนี่ จะเห็นแต่เพียงว่า

    เพราะไม่กำหนดรู้ หรือ ไม่แยบคายในการเพียรพิจารณา ไม่มีโยนิโสมนสิการ

    เพราะไม่คบกัลยาณมิตร เลยไม่ได้ยิน มรรคสักกะที มีแต่บัญญัตินั่น มรรค
    โน้นมรรค เชื่อตามๆกันไป

    เพราะประมาท ก็ว่า
     
  16. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    คำกล่าวนี้ได้ยินมานานมาก วันนี้จะชึ้ให้ท่านพิจารณาเองก็แล้วกันครับ
    ร่างกายไม่ใช่เรานั้นน่าจะพอเข้าใจกันได้บ้างแต่จะอธิบายให้พิจารณากันอีกตามกำลังที่จะกล่าวได้ ร่างกายมันก็แค่ธาติทั้ง4รวมกัน มันไม่รู้ไม่ชี้อะไรกับใครทั้งนั้น มันไม่รู้ร้อนรุ้หนาว มันไม่รุ้อิ่มรุ้หิว มันเปรียบเสมือนตัวถังรถ แล้วอะไรคือกายละ จริงๆกายมันอยู่ตรงไหน? อยุ่ตรงแขนรึตรงขารึตรงหัวรึตรงตัวรึ ล้วนไม่ใช่ มันไม่เห็นมีกายสักที่ แต่พอรวมๆกันทั้งหมดมันเลยเรียกว่ากาย จริงใหมครับ. ด้วยระบบการทำงานที่ประสานกันเข้าคือธาติทั้ง4คือดิน น้ำ ลม ไฟ ต่างก็มีหน้าที่ให้ความสมดุลย์ต่อกันจึงมีกายรึธาตขันต์นี้ดำรงอยู่ได้ ที่นี้ถ้าธาติใดธาติหนึ่งในกายผิดปกติมันก็ไม่สามารถดำรงขันธ์ได้ต้องแตกสลายไปตามสภาพ จึงเรียกว่าตาย ที่กล่าวว่ากายมันไม่รุ้ไม่ชึ้ไม่ร้อนไม่หนาวไม่อิ่มไม่หิว นั้นคือสาเหตุนี้ เพราะถ้ามันร้อนคนตายก็ต้องร้อน ถ้ามันหนาวคนตายก็ต้องหนาวถ้ามันหิวคนตายก็ต้องกิน ไม่เห็นมันทำอะไรได้เลย มันได้แต่แข็งทื้อ นิ่งๆแล้วก็เน่าสลายไปตามกาล แล้วกายคือเราตรงไหนละครับ...
    ที่นี้มาที่จิต จิตก็ไม่ใช่เราอีก เพราะอะไรเหตุปัจจัยก็คือจิตมันก็เหมือนกายนั้นแหละ ผมจะยกอุปมาให้ฟังนะครับ.
    มีน้ำฝนที่ใส่อยู่หนึ่งแก้ว. เราเอาผงกาแฟใส่เข้าไปแล้วค้นๆให้กาแฟมันละลาย น้ำมันจะกลายเป็นกาแฟที่มีสีดำ อ้าวแล้วน้ำฝนใสๆไปไหนละ มันหายไปไหนมันทำไมกลายมาเป็นกาแฟสีดำละ. ? น้ำฝนมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ เพียงแต่มันถูกกาแฟที่ใส่เข้าไปไปย้อมให้มันเป็นสีดำ เราเลยเห็นสีดำแทน. ก็เสมือนกับจิตนั้นแหละ มันถุกความโลภ ความโกรธ ความหลง ย้อมจนมันไม่สามารถเห็นจิตใสๆเดิมๆได้ คงพอจะเข้าใจนะครับ ทีนี้มันไม่ใช่เราเพราะว่าเราไม่สามารถไปบังคับบัญชามันได้ ไม่สามารถไปกำหนดกฏเกณ์ทมันตามที่เราต้องการให้มันเป็นไปตามใจดวงนี้ได้ นี่คือเหตุที่ทำไม มันไม่ใช่เรา. และไอ้เราที่เราคิดว่าเป็นเรานั้นแท้ที่จริงมันก็ไม่มีอีกเหมือนกัน55555 มีคำถามถามได้ครับ
    ป.ล.นี่แค่คราวๆพอเข้าใจเท่านั้น จริงๆมันลึกลงไปมากกว่านี้ แต่มันจะยาวมากเกิน เพราะแต่ละอย่างมันมีหน้าที่ของมัน ถ้าเราเข้าใจ ขบวนการของมันเราจะสามารถถอดออกและรุ้มันได้แล้วประกอบมันกลับเข้าไปที่เรียกว่า สามารถพิจารณากลับไปกลับมา เป็นพิศดารยิ่งนัก5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2015
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    พูดอาราย .....ฉลาดแบบไหนเอาเรื่องระดับพีเอชดี
    มาสอนเด็กม.ปลาย
    กล้วยไข่แค่ ม.ปลายอย่ามาบ้า ด่ามั่วไปหมด
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    พูดเยอะมาก เลยได้เม็ดถั่วเขียวเม็ดเดียวเพราะ
    น้ำมากผักบุ้งนิดเดียว
     
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สังคมมันไม่พัฒนาไปไหนหรอกนะ
    ถ้ามีแต่คนชอบจ้อให้คนอื่นฟังโดย
    ไม่เคยจับกระแสคนอื่นเลย
    ต่อให่เป็น ดร.คนก็รำคาญ
    หัดฟังบ้างเจ้าแมวอัตตาบ้าแต่เทดไม่ลืมตาดูผู้ฟังเลย
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆๆๆ

    ธรรมนัยปฏิบัติ มันเป็น ธรรมที่พ้นการชี้ได้ตรงๆ มันเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติ
    จะได้ยินได้ฟังในชนิดที่ไม่มีคนแสดง เป็นธรรมพ้นการได้ยินได้ฟังจากผู้อื่น

    เป็นธรรมที่อยู่ตรงปากคอก อยู่กับเจ้าตัว ผู้มีโยนิโสมนสิการ มีมรรค มีความ
    ไม่ประมาท มัวแต่เอา ขันธ์5มาประดับเป็นตัวธรรม อ้างขั้นอนุบาล มัดยม อุดม
    ดร สันติ !!!

    หากสนทนาธรรม เพื่อการ ฟังธรรมจากปากคนอื่น ฟังให้ตายก็ไม่ใช่ธรรม

    ตถาคตอยู่ในทุกสรรพสิ่ง แต่ไม่ใช่หาเอาจากสิ่งที่เกิดด้วยขันธ์5 อยาตนะ6

    ตถาคตไม่เคยหายไปไหน ไม่เคยเป็นของใคร ไม่มีความเป็นใคร หรืออะไร

    ปฏิบัติจิฮับ แล้ว นมสิการสิ่งที่ตนยินตนฟังภายในโน้น ไม่ใช่ มาโทษคนข้างนอก
    มันจะพ้น ขั้นเขิ้น สัญญาอันเป็นปัจจัยให้เกิดความต่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...