ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์นะครับ

    พรุ่งนี้เรามีนัดเตรียมพร้อมพบกัน ใครช้าใครสายอันนี้กะซิบไว้ว่าตกขบวนแน่นอนเพราะมีหลายคนรอจองอยู่ซึ่งรายการนี้ผมไม่เปิดรับล่วงหน้า เอาไว้รอพร้อมกันเพื่อความเท่าเทียม พ่ออาจารย์ท่านเปรยว่า "เครื่องมงคลเลือกเจ้าของ เค้ามีเจ้าของให้ร่วมสร้างบุญแล้วทุกตน" เตรียมตัวพบกับอีกหนึ่งตำนานที่จะเป็นเรื่องกล่าวขานกันอย่างไม่รู้จบ ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านเอ่ยปากว่า "กับคนที่ใช้นั้นที่จะไม่เกิดปาฏิหาริย์เป็นไม่มี"

    SAM_5352.jpg SAM_5354.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ปีย์ ET 2872 0200 4 TH

    พี่ศิระ ET 2872 0201 8 TH

    พี่กฤษฏ์อริญชย์ ET 2872 0202 1 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ ET 2872 0203 5 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้เช้าจะลงเรื่องของมงคลมหาภูติพญากาสรสุรกานต์นะครับ เห็นถามมาหลายท่านก็ติดตามกันเช้าพรุ่งนี้;)
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลมหาภูติพญากาสรสุรกานต์ (นัยน์ตาแห่งยมราช)

    " อันพญากาสรเผือกนี้ มีรัศมีแรงกล้าปานว่าพระอัคนี "


    โอมปู่เจ้าสมิงไพร ปู่เจ้ากำแหงให้กูมาทำควาย เชิญพระอิศวรมาเป็นตาซ้าย เชิญพระอาทิตย์มาเป็นตาขวา เชิญพระนารายณ์มาเป็นเขา เชิญพระอินทร์เจ้าเข้ามาเป็นหาง เชิญพระพุทธคีเนตร์ พระพุทธคีนายมาเป็นสีข้างทั้งสอง เชิญพระจัตตุโลกบาลทั้งสี่มาเป็นสี่เท้า เชิญฝูงผีทั้งหลายเข้ามาเป็นไส้พุง นะมะสะตีติ


    วิชาธนุรเวทและศาสตร์ต่างๆของวิชาธนูและการผูกพยนต์ทั้งรูปคนแลรูปสัตว์ทั้งหลายนั้น นับได้ว่าควายธนูคือสุดยอดเครื่องรางพิฆาตที่มีฤทธิ์สยบได้ทุกสิ่งอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเดรัจฉานวิชา คุณคนคุณไสย สัตว์พยนต์ต่างๆ ตลอดไปจนถึงกุมภัณฑ์ อสุรกาย ภูติผี เทวดาเกเร แม้กระทั่งผีปอป และเสือสมิงก็ตาม ซึ่งการทำควายธนูให้เปี่ยมล้นด้วยอาถรรพ์โดยแท้จริงนั้นทำได้ยากอย่างยิ่งเนื่องจากคนสร้างต้องมีตบะฌานชำนาญในมหาธาตุอย่างแท้จริง


    สืบเนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านได้ร่ำเรียนวิชาการทำควายธนูไว้หลายประเภท ทั้งควายธนูทอง ขี้ผึ้ง ไม้ไผ่ ดิน หลายสายวิชาท่านจึงมีดำริสร้างควายธนูขึ้นมาเสียครั้งหนึ่งให้เป็นยอดของดีที่ให้คุณอนันต์ไม่หันกลับมาทำร้ายเจ้าของ โดยท่านนั้นตั้งใจเลือกหามวลสารที่ไม่มีและให้มีไม่ได้นั่นคือส่วนผสมของภูติผีและสิ่งที่เกี่ยวกับศพหรือวิญญาณทั้งหลายแต่อย่างใด


    พ่ออาจารย์ท่านได้ทำการลบผงธาตุและยันต์บังคับต่างๆตามตำรับวิชาการสร้างควายธนูไล่มาตั้งแต่อุณาโลมสูรย์จันทรอุโองการ ์ ยันต์พุฒซ้อน นะธาตุสี่ และนะปถมังต่างๆ...ครบถ้วนยันต์บังคับทั้งหมด ท่านว่าควายธนูของท่านนั้นท่านตั้งใจไว้แต่เริ่มว่าจะไม่ใช้ภูติผีหรือเดรัจฉานวิชาเข้ามาเกี่ยวข้อง การทำควายธนูนั้นก็เหมือนการทำสุดยอดอาวุธที่มีชีวิต มีอานุภาพสูงสุด ท่านว่าถ้าจะพูดให้มองเห็นภาพอย่างง่ายว่าสุดยอดอาวุธนั้นเป็นสุดยอดอย่างไรก็ให้คิดเสียว่าเป็นระเบิดปรมาณูนั่นเอง แต่สุดยอดอาวุธนี้ต้องมีสถานะเป็นทาสบริวารคอยรับใช้เรา ซ้ำต้องซื่อสัตย์จงรักภักดีกับเราชนิดที่ไม่มีวันย้อนกลับมาทำร้ายกันได้ด้วย


    ดังนั้นในการทำวิชาสร้างควายธนู นอกจากผงบังคับพระยันต์ตามสูตรวิชาต่างๆแล้ว ท่านยังงัดมนต์ก้นหีบอย่าง โองการพญายมในคัมภีร์โบราณ ออกมาลบถมเป็นผงด้วย ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาที่แทบจะไม่มีคนใช้หรือกล่าวถึงนักจนเกือบจะสูญหายไป หากถามว่าแรงอย่างไร ท่านว่ามนต์พระกาฬสะท้อนกลับแรงอย่างไร โองการพญายมนี้ต้องคูณสิบคูณร้อยเข้าไป ดังนั้นบูรพาจารย์ทั้งหลายจึงหวงแหนไว้ไม่กล้านำมาทำวิชา ท่านว่าเป็นมติครูบาอาจารย์เบื้องบนไม่ให้พูดถึงวิชานี้ ท่านบอกได้แค่ว่าทั้งสะท้อนกลับและที่สำคัญสูงสุดคือมีฤทธิ์แผดเผาอวิชชาตลอดจนอุปาทวคือสิ่งชั่วร้ายอัปรีย์ไม่เป็นมงคล อาการมุ่งร้ายของสรรพชีวิตต่างๆ ตลอดจนเงื่อนงำเค้าลางแห่งลางร้ายทั้งมวล แลพิฆนะจัญไรทั้งหลายได้แก่สิ่งขัดข้อง ขัดขวางอันเลวทรามเป็นเสนียดไม่เป็นมงคลให้หมดสิ้นไปอย่างไม่มีสิ่งใดเทียมเทียบได้ซึ่งวิชาสำคัญนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะหาจากไหนก็ไม่ได้ไม่เหมือนเช่นนี้แล้ว ท่านว่าให้สังเกตุชีวิตตนเองเอา ว่าชีวิตมีอาการข้างต้นนี้หรือเปล่าทั้งสิ่งขัดข้องปัญหาอุปสรรคต่างๆตลอดจนลางร้ายมีคนมุ่งร้ายหรือมีสิ่งอัปมงคลใดๆเกิดขึ้นหรือไม่ ท่านว่าสังเกตุและตอบตัวเองดู พ่ออาจารย์ท่านว่าเพื่อให้ผงนี้มีอานุภาพเหนือผงพรายอสุรกายภูติผีใดๆท่านจึงนำคตวิเศษทั้งหลายบรรดามีอันท่านเก็บไว้พลีทำผงนั้น ออกมาฝนเข้าว่านยาและผงวิเศษทั้งห้าประการ ตลอดจนผงจักรพรรดิ มหาปราบ มหากัน มหาถอน มหาระงับ ท่านว่านำมาผสมกันปั้นเป็นแท่งก่อนจะลงโองการพญายมลบถมเอาผงนี้ ซึ่งตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลว่าอันว่าคตนั้นเปรียบได้เสมือนกายสังขารของทนสิทธิ์ เป็นกายสังขารของเทพเจ้าที่มีฤทธานุภาพตรงนี้ท่านจึงนำมาใช้แทนผงพรายผงผีต่างๆที่จะทำให้เกิดอันตรายกับคนใช้บูชา ท่านว่าสิ่งนี้นอกจากจะปลอดภัยเป็นของค้ำคูณตนแล้วยังมีฤทธิ์มากกว่าอย่างเทียบไม่ได้ เมื่อจะลบถมนั้นท่านยังได้บอกกล่าวแก่ยมราชและเชิญญาณบารมีของยมราชนั้นมาแฝงอยู่ทุกอณูผงด้วย หากชีวิตใครที่ไม่เคยได้รับความยุติธรรม การเห็นอกเห็นใจ เหมือนถูกชะตากลั่นแกล้งให้เอาไปใช้ดู อันผงคุณวิชานี้แล้วจะรู้ว่าพญายมนั้นท่านไม่เคยทิ้งคนดี นอกจากนั้นท่านยังเพิ่มเติมในส่วนของมนต์พระกาฬไปด้วย ท่านว่าพระกาฬนั้นก็เป็นบริวารของยมราช เมื่อจะสร้างควายธนูแล้วท่านจึงปรารถนาจะให้เป็นที่สุดของวิชาและอานุภาพกันไปเลยเพื่อให้เป็นเจ้าแห่งควายธนูชนทั้งปวง ในส่วนผงลบอาถรรพ์มนต์พระกาฬ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้นั่งลบถมผงด้วยวิชามนต์พระกาฬนั้น หลังจากนำผงที่ได้มาปลุกเสกเเละประกอบอิทธิวิธีเข้าว่านยาต่างๆ ท่านว่าผงนี้มีอานุภาพล้นเหลือ เพราะว่าหากพระกาฬมา เเปลว่าคนผู้นั้นย่อมไม่รอดเเล้ว ไม่มีใครล่วงพ้นอำนาจของพระกาฬไปได้ คนเเต่โบราณจึงนิยมพูดกันติดปากว่า "เธอรู้จักพระกาฬหรือหาไม่" พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าผงที่สร้างนี้ก็เช่นกัน เป็นการรวมอิทธิคุณ 2 ส่วนเข้าสู่จุดเดียวกัน นั่นคือศาสตร์วิชามนต์พระกาฬ ที่สะท้อนย้อนกลับสิ่งไม่ดี ดำรงค์ไว้ซึ่งคุณธรรมสุจริต หากใครคิดไม่ดีหรือกระทำไม่ดีกับเรา เขาผู้นั้นจะมีอันเป็นไป ให้พินาศฉิบหายย่อยยับเป็นร้อยเท่าพันทวี หลังจากนั้นท่านได้นำผงวิชาพระกาฬนี้ มาผสมสูตรตามอิทธิวิธีเเละนำมาบูชาไฟอัญเชิญดวงจิตเชิญญาณพระกาฬแห่งยมโลกขึ้นมา ให้สถิตย์อยู่ที่ทุกอณูผงนี้ด้วยการนิรมาณกายของพระองค์ท่าน พ่ออาจารย์กล่าวว่าจุดนี้เลยสำคัญ เพราะวิชามนต์พระกาฬทั้งหลายนั้นเป็นวิชาใช้ฆ่าคน เเต่ปราศจากญาณเเละบารมีเเห่งพระกาฬโดยเเท้จริงสิงสถิตย์อยู่เป็นการตั้งชื่อไปเองเสียเท่านั้น ทำครั้งนี้เราจึงทำผงให้สำเร็จ ทั้งในคติมายาศาสตร์เเละเทวะวิทยา ท่านจึงว่าผงนี้สำเร็จเเล้วมีอาถรรพ์เเรงกล้าตามสายวิชา

    พ่ออาจารย์ท่านนำผงโองการพญายม ตลอดจนผงมนต์พระกาฬนี้มาผสมเข้ากับผงวิชาทำควายธนูของท่าน ซ้ำยังได้ใส่มวลสารสำคัญหลายประการลงไป โดยเฉพาะว่านยาของเก่าซึ่งนำมาบดตากแห้งไว้ที่ท่านกู้มาแต่แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาควาย และผสมเข้ากับผงชมพูนุชด้วยท่านว่าควายธนูของท่านนั้นแม้คนเอาไปพกไปบูชานอกจากจะมีฤทธานุภาพรุนแรงแล้วยังจะต้องดึงดูดสิ่งดีๆเป็นเมตตามหานิยมแก่ตนเองอย่างที่สุดด้วย ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำผงชมพูนุชนี้มาชักยันต์วิเศษที่ใช้ในวิชาสวรรค์หลงทางของท่านเพื่อให้เป็นที่สุดแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยมก่อนจะผสมลงไป ท่านนำผงและว่านยาวิเศษทั้งปวงมาเข้ากับน้ำมันสังคโลกหรือน้ำมันชาตรี ของหลวงพ่อปานซึ่งท่านได้มาเเต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งน้ำมันนี้เป็นวิชาการที่ทำยากที่สุดตามสายของหลวงพ่อ มีสรรพคุณรักษาได้ทุกโรครวมถึงโรคเวรโรคกรรมเเละยังบรรเทาเป็นลูกเบาเป็นมหาชาตรี พ่ออาจารย์ได้นำมานวดผสมลงในผงด้วย ท่านว่าผงมวลสารต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นของสำคัญนักในการให้กำเนิดพญากาสรสุรกานต์ด้วยฐานมหาภูติธาตุ 4 ตามตำราจตุธาตุวัฏฐานหรือธาตุกรรมฐาน


    พญากาสรสุรกานต์นี้ พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจสร้างอย่างยิ่งเพื่อให้เป็นที่สุดของวิชาควายธนู โดยท่านได้ฝังธาตุกายสิทธิ์ ตลอดจนตะกรุดที่ลงวิชาปลุกเสกมาอย่างดีแล้วรวมถึงเครื่องมงคลต่างๆ ดังนี้
    - นัยน์ตายมราช นัยเนตรของท่านพญายมราช ที่เพ่งแล้วภูตผีทั้งหลายจะมอดไหม้ไปเป็นจุลมหาวิจุลในพริบตา เมื่อพญายมราชพิโรธแล้ว สักว่ามองดูด้วย นัยนาวุธ กุมภัณฑ์ทั้งหลายนับหมื่นพันตนก็จะลุกเป็นไฟพินาศ ดุจหญ้าและใบไม้บนกระเบื้องร้อนฉะนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่านัยน์ตามยมราชนั้นเป็นสุดยอดอาวุธทำลายล้างที่ทรงกำลังสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเกิดจากการบำเพ็ญตบะและบารมีอย่างแท้จริงแตกต่างจากอาวุธวิเศษอื่นใดทั้งหมด ดังนั้นท่านจึงฝังไว้หนึ่งเพื่อให้พญากาสรสุรกานต์นั้นมีฤทธานุภาพร้อนแรงสูงสุดสามารถแผดเผาสรรพสิ่งอันเป็นอุปาทวอันตรายทั้งหลายได้ กับอีกนัยน์หนึ่งท่านว่าต้องการให้ญานบารมีแห่งพระยมนั้นเบิกเนตรทำให้ชีวิตคนใช้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือให้ตาของเรามีพลังมีตบะดุจนัยน์ตาของพระยามฉันใดก็ฉันนั้น ต่อไปนี้เพียงแค่มองเค้าก็กลัวก็เกรงเราแล้วจะทำอะไรก็สะดวกและง่ายไปเสียทั้งหมด ท่านว่านัยน์ตานี้สำคัญนักเพราะยมราชมาบอกให้ท่านสร้างไว้เอง ภายหลังเมื่อทำควายธนูนี้ท่านเห็นว่าท่านใช้ผงโองการพญายมด้วยท่านจึงนำมาฝังไว้ให้คู่กัน ท่านว่าดวงเนตรแห่งพระยมนี้ นอกจากจะสูงสุดด้วยฤทธิ์แล้ว ยังเป็นเนตรสอดส่อง เนตรแห่งความรักความยุติธรรมที่จะใช้มองสัตว์ทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่านี่คือที่สุดแล้วของวิชาสายพญายม ใครจะได้ดีได้ชั่วอยู่ในอำนาจแห่งดวงเนตรนี้ทั้งสิ้น ท่านได้ทำการบอกกล่าวพญายมราชผู้เป็นนายเหนือหัวแห่งยมโลก เป็นนายแห่งสรรพชีวิตหลังความตาย ให้เมตตาช่วยเหลือและคุ้มเกรงผู้บูชา ท่านว่าบูชาไว้เถิด เราเชื่อใจพระยมท่านแล้วจะรู้ว่าได้ดีอย่างคาดไม่ถึงนั้นเป็นอย่างไร

    - เบ็ดล่อเหยื่อ ท่านว่าใช้ทั้งล่อและเร่งให้เหยื่อเข้ามาหาเรา พ่ออาจารย์ท่านว่านี่สำคัญนักเป็นเคล็ดว่าแม้เขาจะเข้ามาแล้วตายก็ยังเต็มใจวิ่งหาวิ่งใส่ เป็นที่สุดของเวทย์วิชาซึ่งแต่โบราณนั้นเบ็ดล่อเหยื่อนี้หาคนทำได้ยากยิ่งนัก แม้แต่ขรัวอีโต้แห่งลพบุรีที่เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อปานก็ยังสำเร็จวิชานี้ ท่านว่าวิชานี้สำคัญนักด้วยว่าสามารถทำเบ็ดไปล่อเหยื่อตกเงินตกทองในอากาศก็ยังทำได้ พ่ออาจารย์ท่านได้ใช้ธาตุกายสิทธิ์หล่อหลอมเป็นเบ็ดล่อเหยื่อก่อนจะปลุกเสกตามตำรับขรัวอีโต้ ท่านว่าอยากจะล่อจะเร่งอะไรต่อไปเขาได้มาหาเราถึงปาก ทำอะไรก็ง่ายดายไปหมด ไม่ต้องลงแรง วิชานี้ท่านว่าใช้ให้เป็นใช้ให้ดี ทุกอย่างติดเบ็ดเราหมด อยากได้อะไรวันนี้จะให้เบ็ดเกี่ยวอะไร ท่านว่าตั้งจินตภาพเอาไว้เลย จะเกี่ยวเงินทองทรัพย์สิน การเสี่ยงโชค เกี่ยวใจคน ท่านว่าตั้งจินตภาพไว้ให้เบ็ดนั้นเกี่ยวไม่ว่าจะเป็นหน้าคนหรือทรัพย์สินตลอดการเสี่ยงโชคทั้งหลายก็ตามให้นึกถึงสิ่งนั้นๆเช่นลูกค้าหรือล้อตเตอรี่ที่ซื้อไว้เกี่ยวได้ทั้งสิ้นเพราะนั่นคือโชคของเรา ทำให้คล่องให้ชำนาญแล้วชีวิตจะง่ายยิ่งกว่าเสือติดปีก ท่านทำวิชาเบ็ดล่อเหยื่อนี้มาฝังควายธนูเพราะว่าควายธนูของท่านสำคัญนัก เบ็ดนี้ล่อเหยื่อมาฉันใด ควายธนูนี้ก็พร้อมที่จะพุ่งชนฉันนั้น เพราะเช่นนี้อันว่า"กับคนที่ใช้นั้นที่จะไม่เกิดปาฏิหาริย์เป็นไม่มี"

    - ตะกรุดมงคลมหารูดสามกษัตริย์
    พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจทำเพื่อฝังไว้ในควายธนูนี้โดยเฉพาะเพื่อให้เป็นอิทธิคุณแฝด หากจะสู้รูดไว้ด้านหน้า จะเด่นเรื่องคงกระพัน มหาอุด , ถ้าจะหนีไว้ด้านหลัง จะเด่นเรื่องกำบัง แคล้วคลาด , หากเข้าหาเจ้านาย ท้าวพระยา เจ้าปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือติดต่อธุรกิจการเจรจาไว้ด้านขวา เด่นมหานิยม โชคลาภ มหาอำนาจยำเกรง , เข้าหาเพศตรงข้ามเอาไว้ซ้าย เด่นด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม ใครเห็นใครรัก ท่านว่าเมื่อเราเอาพญากาสรสุรกานต์นี้มาคาดเอวก็จะได้คุณของตะกรุดมหารูดนี้ไปในตัวพร้อมสรรพสุดแล้วแต่จะใช้ ท่านว่าการทำวิชามหารูดฝังในเครื่องมงคลนั้นที่จริงเป็นสิ่งทำได้ยากด้วยว่ามีอิทธิวิธีที่แยบยลรวมถึงการปลุกเสกการวางอารมณ์ตั้งธาตุหนุนธาตุทั้งหลายตามเคล็ดวิธีแต่ละด้านต่างจากตะกรุดทั่วไปต้องใช้ฌานและกสินที่เป็นวสี ท่านว่าถ้าไม่ดีจริงเราไม่ยุ่งยากนั่งทำและท่านตั้งใจอย่างมากจริงๆที่จะทำให้ใช้กันอย่างดีที่สุด จึงอาจเรียกว่าพญากาสรสุรกานต์นี้เป็นเครื่องมงคลชนิดเดียวที่พ่ออาจารย์ท่านแฝงวิชาตะกรุดมหารูดเอาไว้

    - ตะกรุดบารมีพระสยมเนื้อตะกั่วขอมโบราณพันปี พ่ออาจารย์ท่านว่าที่สุดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่จะมีฤทธิ์มีเดชเป็นที่เกรงขามในตนเองปรากฏแก่ตาโลกได้นั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องมีตบะมีบารมีสั่งสมอยู่ในตน พ่ออาจารย์ท่านปรารถนาตั้งใจจะทำที่สุดแห่งควายธนู เช่นนั้นท่านจึงจารตะกรุดเปิดบารมีดึงอำนาจแห่งพระสยมมหาเทพลงมาเป็นฐานบารมีเพื่อจะก่อกำเนิดพลังอำนาจให้กับพญากาสรสุรกานต์นี้โดยใช้ตะกั่วขอมพันปีที่ซึมซับการอธิษฐานจิตและพลังงานได้สูงสุด ท่านว่าเช่นนี้กระบือเผือกตนนี้ก็จะมีฤทธิ์มีอำนาจที่ไม่มีวันเหือดแห้ง ทั้งยังเป็นที่เกรงขามแก่ไตรภูมิ ท่านว่าสุดแล้วแต่จะเลี้ยงและบูชากันเลย

    - ตะกรุดฝนแสนห่าตำรับสำเร็จลุน พ่ออาจารย์ท่านจารฝังไว้ด้านหน้า ท่านว่าเหมือนกระบือติดอาวุธให้เก่งยิ่งขึ้นไปอีก อันพญากาสรสุรกานต์นี้ท่านว่าเขาเหมือนแก้วสารพัดนึก ด้วยว่าท่านทำและอธิษฐานจิตมาให้มีทุกอย่างพร้อมแล้ว ขึ้นอยู่กับคนใช้ว่าต้องการใช้ด้านหน้าไหน ตะกรุดฝนแสนห่านี้จะเป็นตัวขับพลังงานออกมาให้ตามคำอธิษฐาน อยากใช้ทางมหานิยมก็จะเป็นพลังงานด้านนั้นดังฝนเสน่หาตกอาบครอบคลุมกายเราเช่นนี้ อยากใช้ทางไหนพลังงานก็จะไหลออกมาครอบคลุมรอบกายเรานั้นดุจแสนห่าฝนสุดแล้วแต่จะปรารถนาดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามา ในทางกลับกันฝนแสนห่านี้ก็เหมือนเกราะแก้วตาข่ายเพชรที่ขึงเอาไว้เป็นอาณาเขตรอบตัวเราทั้งสิบทิศไม่เว้นแม้นภากาศหรือเบื้องต่ำพื้นธรณีให้ไม่มีสิ่งใดสามารถเล็ดรอดเข้ามาทำภยันตรายแก่เราได้ ท่านว่าควายนี้สำคัญนักเมื่อติดตะกรุดฝนแสนห่านี้เขายิ่งเก่งมากขึ้นไปอีกเรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งตัวเค้าเองรวมไปถึงคนบูชาทีเดียว ท่านว่าอย่าว่าแต่ศึกมนุษย์เลย แม้แต่ศึกเทวดาก็หาที่จะปราชัยมิได้

    - กายสิทธิ์ภูเขาควาย พ่ออาจารย์ท่านได้นำธาตุกายสิทธิ์ที่เจอในภูเขาควายสองชนิดฝังไว้ในพญากาสรสุรกานต์ด้วย ท่านว่าเป็นอุปเท่ห์อันวิเศษเพื่อจะให้เทวดาทั้งหลายที่เชิญมาก่อเกิดเป็นอวัยวะต่างๆของควายธนู ลงมาพิทักษ์รักษาตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยอาศัยธาตุกายสิทธิ์นี้เป็นที่สิงสถิตย์แห่งเทวานุภาพ ซ้ำกายสิทธิ์ภูเขาควายทั้งสองนั้นอันหนึ่งร้อนอันหนึ่งเย็นเป็นสมดุลย์แห่งหยินหยางช่วยปรับธาตุขับไล่โรคภัยสิ่งไม่ดีทั้งหลายในร่างกาย ตลอดจนสิ่งทั้งหลายภายนอกในรัศมีของเค้าก่อนที่จะเข้ามาถึงตัวเรา พ่ออาจารย์ท่านว่ามีแต่ดีกับดี นี่ดูดโรคดูดภัยนะซ้ำยังใช้ได้ทุกสิ่งตามแต่จะอธิษฐานเพราะเป็นกายสิทธิ์ภูเขาควายอันมีเทพผู้ทรงมเหศักดิ์รักษา


    พญากาสรสุรกานต์นี้พ่ออาจารย์ท่านได้ทำการปลุกเสกมาอย่างยาวนาน ด้วยว่าต้องการให้เป็นทาสบริวารที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีกับผู้เป็นนายอย่างถึงที่สุด ท่านว่าเค้าต่างจากเราเพราะเขามีชีวิตของเขา ไม่เหมือนพระเหมือนเทพ แต่เป็นเทพเดรัจฉานที่มีชีวิตเป็นของตนเองไม่ผูกติดกับใคร ซ้ำยังมีหน้าที่ หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวที่ต้องถวายความจงรักภักดีแก่ผู้เป็นนาย คอยหาทางช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบไม่ต้องไปทำอะไรที่ไหนอีก


    หากจะพกเป็นเครื่องรางก็ใช้เคล็ดวิชามหารูดได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าหากจะใส่พานบูชาก็ให้ถวายถั่วงา หญ้า และน้ำเปล่า แม้จะบนบานอะไรก็ใช้เพียงเท่านี้ ท่านว่าที่แห่งนั้นย่อมได้รับการคุ้มครองจากเขา จะทำอะไรก็มีแต่รุดหน้าไม่ถอยหลังหาที่ว่าจะตกต่ำเป็นไม่มี แม้นมีใครคิดร้ายมุ่งร้าย จ้องจะทำร้ายให้เกิดอันตรายนานัปการแก่เรา เค้าย่อมพุ่งชนไม่หยุดยั้ง พ่ออาจารย์ท่านว่าสุดแล้วแต่จะบอกกล่าวกันจะขออะไรให้ช่วยอะไรก็บอกด้วยเพราะว่าสมัยนี้สังคมนั้นอยู่ยาก มีภัยอันตรายปรากฏแก่ทุกชีวิตอยู่เนืองๆ อย่าเห็นว่าเขาเป็นควาย แต่ให้รู้ไว้ว่าเค้าเป็นเทพเดรัจฉานอันมีกายมนุษย์เป็นพญากาสร เหมือนพญาครุฑพญานาคที่เป็นเทพเดรัจฉานอย่างใดก็อย่างนั้น แตกต่างกันที่ว่าพญากาสรสุรกานต์นี้กำเนิดมาเพื่อช่วยงานถวายชีวิตแก่ผู้เป็นนายอย่างแท้จริงโดยไม่ติดกฏแห่งกรรมเวรใดๆ ด้วยนี่คือหน้าที่ของเค้า แม้ผู้เป็นนายจะมีเวรกรรมสิ่งใดย่อมไม่เกี่ยวกับเค้าเรียกว่าอยู่เหนือกฏเวรกรรมของเราจะคอยปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเราได้ทุกเรื่องนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าเครื่องรางเช่นนี้ทำได้ยาก เพราะต้องขอเสด็จพระใหญ่ซ้ำยังต้องบอกกล่าวแก่ยมราช เป็นเครื่องรางที่มีตราบัญญัติมีเจ้าของถือครองทุกตน ท่านว่าปลุกเสกจนได้กลิ่นสาปควายตลอดจนได้เสียงกีบเท้าควายมาเดินอยู่รอบๆ และตัวพญากาสรเหล่านั้นก็กะเด็นตกพานกันทุกรอบ ถึงขนาดที่พ่ออาจารย์ท่านออกปากว่า " จะหาเครื่องรางที่แก่อิทธิคุณเช่นนี้ได้ยากนัก อันพญากาสรเผือกนี้ มีรัศมีแรงกล้าปานว่าพระอัคนี "


    คาถาบูชา (แบบสั้นใช้ภาวนาได้ตลอด โอมนะยอ มหานะยอ)
    โอม ปู่เจ้าสมิงพราย ปู่เจ้ากำแหงให้กูมาทำควายธนู กูจักเชิญพระอิศวรมาเป็นตาซ้าย กูจักเชิญพระอาทิตย์มาเป็นตาขวา กูจักเชิญพระนารายณ์มาเป็นเขา กูจักเชิญพระอินทร์เจ้าเข้ามาเป็นหาง กูจักเชิญพระพุทธคีเนตร์พระพุทธคีนายมาเป็นสีข้างทั้งสอง กูจักเชิญพระจตุโลกบาลทั้งสี่มาเป็นตีนสี่เท้า กูจักเชิญผีทั้งหลายมาเป็นตับไตไส้พุง โอมพญาควายกูนี้ตัวใหญ่หลวงนัก เขาเป็นทองสิงคี เป็นใหญ่กว่าควายธนูทั้งหลาย กูจะเอาชนะผีตายโหง ตายห่า ตายท้องกลม ตายไม่ดี ตลอดจนผีป่า เสือ หมี ผีกะ ปอบ เปรต แลยักษียักษาทั้งหลาย จะให้มึงตายก็ตาย พ่อควายกูเอ๋ย จงตื่น จงลุก จงวิ่งสวาหะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ สวาหะ สวาหะ นะมะสะตีตินัง โยโสภะคะวายัง มะอะอุ (อธิษฐานได้ทุกสิ่ง)


    * พญากาสรสุรกานต์นี้ พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้ทั้งหมดเจ็ดตน สำหรับท่านที่จะบูชาให้แจ้งไว้เฉพาะทาง PM เท่านั้น พร้อมกับบอกชื่อนามสกุลไว้ด้วย เนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านจะทำการเจิมประสิทธิ์ให้เป็นการเฉพาะต่อไป รายได้จากการบูชาท่านจะนำไปร่วมทำบุญปูพื้นพระอุโบสถให้วัดในถิ่นทุรกันดารต่อไป


    ร่วมทำบุญบูชา มงคลมหาภูติพญากาสรสุรกานต์ (นัยน์ตาแห่งยมราช) บูชา 4,000 บาท

    2016-02-12--08-26-27.jpg 118756197.jpg DSC06451-300x225.jpg SAM_5352.jpg SAM_5354.jpg Njp_Us24n_CQKx5e1_DGz6_Oy_Y9_VQQO8_SUXtx_KVGZz_CQj_Xf.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2017
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    สาเหตุที่ทำให้ไม่เจริญและรวยได้ในชาตินี้(4)
    อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ ก็จะลงให้อ่านกันเรื่อยๆ อ่านให้จบได้ประโยชน์แน่นอน เป็นงานเขียนของ ธ.ธรรมรักษ์ ก็มาต่อกันนะครับ

    หตุเพราะสร้างกรรมใหม่ฝ่ายดีที่มีกำลังมาก

    เรารู้แล้วว่าคำว่า “กรรม” หมายถึง การกระทำ การสร้างกรรมใหม่ฝ่ายดีที่มีกำลังมาก หมายถึง การกระทำที่ดี ทำให้ตนเองเจริญขึ้นรวยขึ้น ในทางพระพุทธศาสนานั้น รู้จักกันดีในพระคาถาหัวใจเศรษฐี ที่พระพุทธเจ้าสอนให้คนนั้นร่ำรวยมากกว่า 2,500 ปีแล้ว

    ซึ่งคนทั่วไปมักมองและคิดกันว่าพระพุทธศาสนาสอนแต่ให้มนุษย์ลดละกิเลส ปล่อยวาง คงไม่สนใจเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือการทำมาค้าขายแต่ ความจริงแล้วดูเหมือนจะตรงกันข้ามกัน

    ในความเป็นจริงพระพุทธเจ้าทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่มนุษยชาติตลอดสี่สิบห้าปี เพื่อมุ่งหมายให้เกิดประโยชน์สูง 3 ประการ คือ
    1.ประโยชน์สุขสามัญที่สามารถมองเห็นได้ในปัจจุบันที่บุคคลทั่วไปปรารถนามีทรัพย์สมบัติ เกียรติยศชื่อเสียง อันประกอบด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    2.ประโยชน์ชั้นสูงขึ้นไป อันได้แก่ความมีจิตใจเจริญงอกงามด้วยคุณธรรมความดีทำให้ชีวิตมีค่าและเป็นหลักประกันในชาติหน้า
    3.ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ พระนิพพาน อันได้แก่ สภาพที่ดับกิเลสความโลภ ความโกรธและความหลง อันเป็นเป้าหมายสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา

    และหลักธรรมของพระพุทธองค์ที่ชื่อ “หัวใจเศรษฐี” นั้นอยู่ในขั้นประโยชน์สุขสามัญที่พร้อมจะพัฒนาขึ้นอีกใน 2 ขั้นที่เหลือ เพราะในความเป็นจริงของโลก เมื่อคนเรานั้นท้องอิ่ม ไม่วุ่นวายในการหาเลี้ยงตนเองก็จะเริ่มมองถึงความสุขในขั้นต่อไป

    สำหรับคาถาหัวใจเศรษฐีนี้ คนโบราณรู้จักกันดี และคนที่สนใจพระพุทธศาสนาจะทราบกัน รวมถึงคนที่ร่ำรวยทั้งหลายล้วนนำไปปฏิบัติก็เกิดผลดีทุกคน

    แต่น่าเสียดายที่คนเป็นจำนวนมาก ทั้งพ่อค้าแม่ขายหรือนักธุรกิจที่หลายคนเข้าใจผิดกันไปสักนิด เพราะมัวแต่มานั่งเอาแต่ท่อง” อุ-อา-กะ-สะ” โดยที่ไม่เคยเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคาถาดังกล่าวนี้ ก็เลยไม่ร่ำรวยได้ แต่หากเข้าใจถึงแก่นของคาถานี้ชัดเจนแล้วนำไปปฏิบัติ คงไม่ต้องเสียเวลาท่องก็ได้ ความร่ำรวยจะเดินทางมาหาอย่างไม่ต้องสงสัย

    ธรรมะหรือพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นให้เหล่าพุทธศาสนิกชนศึกษาหรือได้ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดในชีวิต

    มิใช่ว่าฟังหรือสวดตามแล้วจะทำให้เกิดผลถ้าขาดปัญญาไตร่ตรองอย่างละเอียด ซึ่งธรรมะทุกข้อของพระองค์เน้นให้เราฝึกฝนขัดเกลาตนเอง ให้จากคนกลายมาเป็นมนุษย์ จากมนุษย์ให้เป็นอริยบุคคล

    อุปมาเหมือนดั่งความรู้ทางการศึกษาของคนเราในสมัยนี้ หากเราเรียนเอาความรู้อย่างเดียว แต่ไม่เอาไปใช้ทำประโยชน์ในการทำงาน ท่องจำเหมือนนกแก้วนกขุนทอง

    ก็เหมือนกับมีความรู้แต่ไม่ลงมือทำ ผลลัพธ์นั้นก็คือ ยังไม่รู้เหมือนเดิม

    ถึงจะมีความรู้มากมายสักเพียงไหนก็ไม่อาจทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมาได้ เหมือนดั่งที่เขาว่า ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด

    ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เช่นกัน หากเราศึกษาจนรู้จนเข้าใจ แต่ไม่นำไปลงมือทำหรือปฏิบัติตามก็เหมือนกับเรามีความรู้แล้วไม่เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ฉันใดฉันนั้น

    ในคาถาหัวใจเศรษฐี ที่บรรจุคำว่า ‘อุ-อา-ก-ส’ (อ่านว่า อุ อา กะ สะ) นั้น ถอดมาจากภาษาบาลีที่ว่า
    1. อุ = อุฏฐานสัมปทา ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร
    2. อา = อารักขสัมปทา ให้ถึงพร้อมด้วยการรักษา
    3. กะ = กัลยาณมิตตตา การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว
    4. สะ = สมชีวิตา การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้

    ซึ่งจะขออธิบายเป็นข้อๆ อย่างละเอียดเพื่อนำท่านผู้อ่านทุกท่านไปสู่ความร่ำรวยที่แท้จริงและยังยืน

    1. อุ หมายถึง ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร หมั่นแสวงหาช่องทาง วิธีการในการทำมาค้าขายที่ถูกกับความรู้ ความถนัด พื้นฐานทางครอบครัวสังคม และค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองให้เจอ เมื่อแสวงหาช่องทางที่ตนถนัดได้แล้วก็ต้อง ‘ขยัน’ ทำงานอย่างชนิดว่าทุกวันคือวันสุดท้ายของชีวิต
    เหล่าคนรวยนั้น คุณสมบัติที่สำคัญเป็นอันดับแรกก็คงหนีไม่พ้นในเรื่องของความขยันประเภทที่เรียกว่า “ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต”

    เรื่องราวของคุณตัน โออิชิ ผู้ก่อตั้งชาเขียวโออิชิและร้านอาหารญี่ปุ่นในหลากหลายชื่อที่กลายเป็นตำนานอีกหน้าของผู้ประสบความสำเร็จในยุคนี้ที่ยังคงเล่าขานกัน เริ่มจากการเดินออกจากโรงเรียนสู่มหาวิทยาลัยชีวิตเมื่ออายุยังน้อย รบเร้าให้พ่อพาไปฝากทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งด้วยความที่ยังเป็นเด็กและไม่มีวุฒิการศึกษาที่สูง

    ตำแหน่งแรกในบริษัทแห่งนี้ของตันก็คือ เด็กยกของส่งของให้ลูกค้า หรือจะเรียกแบบคนจีนก็คือ เบ๊หรือม้ารับใช้นั่นแหละ

    วันแรกๆ ที่ไปทำงานพ่อพาไปดูโต๊ะทำงานของผู้จัดการ ทำให้หนุ่มน้อยตัน โออิชิ เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำงานให้ได้เงินเดือนและมีหน้ามีตา มีเกียรติเหมือนผู้จัดการคนที่เขาเห็น

    เขาจึงขยันทำงานแบบที่หาตัวจับยาก เวลาทำงานปกตินั้นเริ่ม 8โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น แต่ตันนั้นไปทำงานตั้งแต่ 7โมงเช้ากว่าจะกลับบ้านก็หลังเที่ยงคืนทุกวัน เขาทำทุกอย่างสารพัดเพื่อจะเรียนรู้งานทุกอย่าง พยายามค้นหาว่าเขาเหมาะกับงานแบบใดบ้าง

    จนในที่สุดเขาก็พบว่าสิ่งที่เขาถนัดก็คือ การบริการและติดต่อลูกค้า เขาใช้เวลาไม่นานนักจากเด็กส่งของกลายมาเป็นยอดนักขายมือทอง จากเงินเดือน 700 บาทกลายมาเป็น 4 หมื่นบาท!

    เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อถึงวันหนึ่งเขาก็พบว่า ความฝันของเขานั้นไกลกว่าที่จะมานั่งเป็นลูกจ้างคนอื่น จึงลาออกมาเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง เขาเริ่มเปิดแผงขายหนังสือพิมพ์ที่ท่ารถขนส่งประจำจังหวัดชลบุรีที่เป็นบ้านเกิด

    ก็เหมือนเดิมที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจ ลงไปในงานที่เขาทำมากกว่าคนอื่น ร้านขายหนังสือของคนอื่นนั้นเปิด 8 โมงเช้าปิดร้าน 2 ทุ่ม แต่สำหรับตันนั้น เขาเปิดตั้งแต่ไก่โห่คือ 6 โมงเช้ายันตี 2 มีช่วงเวลาขายที่เหนือคนอื่นวันละ 8 ชั่วโมง ร้านหนังสือของเขาจึงขายดีกว่าทุกร้านที่เคยเปิดมาในเมืองนั้น

    ความขยันหมั่นเพียร การแสวงหาช่องทางของตัน โออิชินั้นไม่เคยหยุดนิ่ง เขาขยายธุรกิจออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง มีทั้งแพ้บ้างชนะบ้างสลับกันไป จนในที่สุดเขามาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

    เมื่อเขาพบโอกาสสำคัญในชีวิตหรือฟ้าเปิดแล้ว เขาก็ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปเขาทุ่มเททุกสิ่งในชีวิตลงไปในร้านอาหารญี่ปุ่นนี้จนโด่งดังมียอดขายถล่มทะลาย และแตกยอดธุรกิจออกมาเป็นชาเขียวโออิชิ ที่คนไทยรู้จักกันดีในวันนี้

    ความสำเร็จและความร่ำรวยของตัน โออิชินั้นไม่ได้มาจากเหตุบังเอิญเลื่อนลอย หรือมีอำนาจอื่นใดมาประทานให้เขา แต่มาจากสองมือ หนึ่งสมองและความขยันหมั่นเพียร การแสวงหาโอกาสให้ตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง

    ในวันที่แพ้พ่ายในหลายธุรกิจขาดทุนเป็นหลักร้อยล้านเขาก็ไม่เคยร้องไห้ แต่เอาบทเรียนที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้มาเป็นครูสอนให้เขาไม่ให้พลาดอีก เขาไม่เคยยอมจำนนต่อกรรมที่เกิดขึ้นมาแล้ว พยายามสร้างกรรมใหม่ฝ่ายดีไม่เคยหยุด แล้ววันหนึ่งเขาก็ร่ำรวยสมใจเพราะกรรมใหม่ฝ่ายดีที่เขาทำนั้นส่งผลให้เขาอย่างมากมาย

    เรื่องของตัน โออิชิที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังนั้น เป็นแค่หนึ่งในล้านๆ ของคนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จในชีวิต ที่มาจากความขยันหมั่นเพียร การใช้ปัญญา การแสวงหาโอกาสแบบไม่เคยหยุดยั้ง

    ดังนั้น คำว่า “อุ” คำนี้จึงเป็นหัวใจแรกของการที่จะเดินก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่คนที่อยากร่ำรวยทุกคนต้องมี คงเคยได้ยินคำว่า “ไม่มีความจนในหมู่คนขยัน” ซึ่งก็ยังคงใช้ได้ตลอดกาล

    2. อา หมายถึง ให้ถึงพร้อมด้วยการรักษาทรัพย์ที่หามาได้ เมื่อคนขยันหาเงินมาได้แล้วต้องรู้ว่าจะรักษาเงิน บริหารเงินอย่างไรให้เงินนั้นงอกเงยออกมามากมายมากกว่าเดิม ไม่ใช่มีเงินเท่าไรก็เก็บใส่ธนาคารหรือเก็บไว้อย่างเดียว ไม่ยอมเอาไปลงทุนอะไรเลย

    แต่คนรวยนั้นนอกจากหาเงินเก่งแล้ว ก็ต้องบริหารเงินที่หามาได้นั้นเก่งด้วยถึงจะรวยได้จริง!

    ต้องเรียนรู้ว่าเงินที่หามาได้จะต้องใช้อย่างไรไม่ให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและจะบริหารเงินที่มีในมือนี้อย่างไรต่อไปให้เงินนั้นสามารถที่จะ ‘ต่อเงิน’ ให้เงินนั้นงอกออกไปได้เรื่อยๆ คำว่า ‘รักษา’ จึงไม่ใช่หมายถึง ‘เก็บ’ เงินเอาไว้อย่างเดียว แต่ควรหมายถึง การรู้จักทำให้เงินนั้นงอกงามมากขึ้นด้วยการลงทุนอย่างชาญฉลาดอีกด้วย

    ตลอดจนรักษาระดับหน้าที่การงานของตัวเองไม่ให้เสื่อมเสีย พร้อมจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่ความเจริญไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ หมั่นตรวจสอบการงาน ตั้งเป้าหมายและวัดผลในทุกระยะ หากการทำงานนั้นไม่บรรลุเป้าหมายหรือมีเหตุขัดข้องประการใดก็ต้องหาสาเหตุและวิเคราะห์แก้ไขให้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายนั้น

    หลายคนที่จนนั้นมักจะพูดกันว่า คนรวยนั้นขี้เหนียว ซึ่งก็เป็นความจริงแต่ไม่ทั้งหมด!!!

    ที่คนรวยนั้นขี้เหนียวนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะเค็มไปทุกเรื่อง ที่เขาขี้เหนียวก็เพราะเขารู้จักคุณค่าของเงิน เขาจดจำวันที่ยากลำบากอย่างไม่เคยลืม วันที่ถูกคนเย้ยหยันดูถูกดูแคลน วันที่เหงื่อออกเต็มหน้า เขาจึงรู้จักที่จะใช้เงินและบริหารเงินอย่างคนที่รู้พระคุณรู้คุณค่าชองชีวิต

    เจ้าสัวเทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งสหพัฒนพิบูลหรือเครือสหพัฒน์ที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในวงการธุรกิจใต้ฟ้าเมืองไทยและของโลกว่า เป็นคนที่นอกจากขยันแล้ว ยังเป็นคนที่บริหารเงินที่หามาได้เก่งมาก

    เจ้าสัวเทียมนั้น เริ่มต้นเหมือนในตำนานเจ้าสัวคนอื่นๆ ของเมืองไทย ที่บอกแล้วต้องขยันและแสวงหาโอกาสแห่งความสำเร็จด้วยมือของตัวเอง ไม่มัวมานั่งรอฟ้า นั่งรอพระเจ้าประทานแต่ประการใด

    ท่านเริ่มต้นจากร้านขายของชำเล็กๆ ที่มีกลยุทธ์การขายที่แตกต่างจากคนอื่น คือ แทนที่จะนั่งรอให้ลูกค้ามาหาที่ร้าน ท่านเองนั่นแหละที่เดินไปหาลูกค้าเองตามแหล่งการค้า ตามบ้านและนำของไปส่ง เมื่อกิจการเริ่มดีขึ้น ท่านก็ใช้เงินที่หามาได้อย่างลำบากนั้นค่อยๆ ต่อทุนขึ้นไปทีละเล็กทีละน้อย อย่างระมัดระวังแบบรู้จักก้าวจังหวะของชีวิตไม่ผลีผลาม โดยอาศัยหลักคิด 4 ประการคือ

    “เร็ว” งานบางงานนั้นต้องการความเร็วจึงจะสำเร็จ ก็ต้องทำงานอย่างรวดเร็วให้ทันกาล

    “ช้า” งานบางงานนั้นต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วนจึงจะสำเร็จ รีบร้อนทำไม่ได้เพราะจะพังเอาง่ายๆ

    “หนัก” งานบางงานต้องใช้สรรพกำลังทั้งแรงกาย เงินทอง เทคโนโลยีชั้นสูงจึงจะสำเร็จ จึงต้องทุ่มเททุกอย่างลงไปให้มากพอ หนักพอ ถึงจะสำเร็จได้

    “เบา” งานบางานนั้น แค่ผลิกฝ่ามือก็สำเร็จได้หรืออาจจะรอได้ก็ชะลอไว้ก่อน ใช้ทุนน้อยๆ กับความสำเร็จที่เบาๆ แบบนี้

    และด้วยการเป็นคนที่ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม มีสัจจะ มีเครดิตทางการเงินที่ดีทำให้เจ้าสัวเทียมพาร้านขายของชำหรือร้านโชห่วยเล็กๆ แห่งนี้ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าการขายในเครือทั้งหมดเป็นแสนๆ ล้านบาท

    และคำว่าเครดิตทางการเงินของเจ้าสัวเทียมที่ทุกคนยอมรับนั้น หมายถึง การรู้ใช้เงินให้กลายเป็นเครดิต แล้วเอาเครดิตนั้นกลายเป็นเครื่องมือนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ เจ้าสัวนั้นเมื่อรับปากใครแล้วว่าต้องชำระเงินเมื่อใดก็ต้องเมื่อนั้น ไม่มีการเลื่อน การอ้างโน่นอ้างนี่ให้ชื่อเสียงตัวเองเสีย ถ้าทำไม่ได้จะไม่รับปาก เครดิตการค้าของท่านเจ้าสัวจึงใหญ่กว่าเงินที่มีหลายเท่านัก ใครๆ ก็อยากจะทำการค้าด้วย

    คนรวยนั้นเขาจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ใช้อย่างคุ้มค่า ไม่ไปเสียหายในเรื่องไร้สาระ เอาไปใช้ในการลงทุนทั้งการค้าและชีวิต เพื่อให้ทั้งสองอย่างเดินควบคู่กันไปมีทั้งชีวิตที่ดีและการค้าที่ยิ่งใหญ่ ทั้งเก็บออมไว้ส่วนหนึ่งเพื่อไว้ใช้ในยามที่จำเป็นและลงทุนเพื่อให้เงินนั้นงอกขึ้นมา ซึ่งต้องอาศัยความคิดชอบ ความประพฤติชอบเป็นตัวกำกับไปตลอดทางของชีวิตจึงจะรวยได้

    หากเราย้อนไปดูตำนานการต่อสู้ของคนรวยทั้งหลาย เราจะเห็นได้ว่า ในการขยายการค้าของเขานั้น อาศัยเงินทุนที่มาจากการเก็บอดออมทั้งสิ้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ไปกู้ยืมเงินคนอื่นมาทำการค้า เพราะมีทั้งดอกเบี้ยและบุญคุณที่ลบไม่ได้พ่วงมาด้วย

    แต่อย่างไรก็ตามการค้าในโลกยุคใหม่นั้น การพึ่งพาเงินทุนจากแหล่งอื่นนั้นจำเป็น แต่ควรดูศักยภาพ ดูสถานการณ์ด้วยว่าการค้าที่ทำนั้นคุ้มค่ามีผลกำไรมากกว่าการกู้ยืมเงินคนอื่น คนรวยเขาจะไม่มานั่งหวังน้ำบ่อหน้ากัน เขาเอาเท่าที่มีอยู่ในมือให้สำเร็จเสียก่อนแล้วค่อยๆ ขยายออกไปฐานจึงมั่นคง

    ผิดกับคนที่ไม่รู้ค่าของเงิน ชอบเอาเงินคนอื่นมาเสี่ยง มากำหนดชีวิต มาบังคับตัวเอง ซึ่งก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตมาแล้วมากมาย ดูจากวิกฤตการเงินที่ผ่านมาทั้งในปี 2540 กับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้

    นักธุรกิจที่ยังยืนยิ้มได้ในวันนี้ เงินทองอู้ฟู้นั้น คนพวกนี้ไม่ได้ไปกู้เงินคนอื่นจนเกินตัว เขาถึงยังยิ่งใหญ่อยู่ได้ พวกที่ล้มละลายหนีหายประเภทไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายนั้น ลองไปดูเถอะ กู้เงินคนอื่นจนเกินตัวทั้งนั้น ถึงวันเปลี่ยนแปลงและไม่รู้จักพิษสงและค่าของเงินตั้งแต่ต้น วันนี้จึงกลายเป็นคนล้มละลายไร้เกียรติในสังคม

    สรุปก็คือ การที่จะเป็นคนที่มีเงินทองร่ำรวยได้นั้น ต้องมีปัญญารู้จักคุณค่าของเงินอย่างแท้จริง รู้ถึงผลดีและผลเสียของเงินในทุกด้าน รู้จักการออมเก็บรักษา การลงทุน การใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เพียงใส่ใจเรื่องการเงินอย่างใกล้ชิด ทุกคนก็ร่ำรวยได้จริงๆ แต่จะแค่ไหนนั้นก็ขอให้ดูส่วนประกอบ ปัจจัยอื่นๆ ด้วย

    1. กะ หมายถึง การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว คนที่ร่ำรวยนั้นไม่ว่าจะเป็นในยุคสมัยใด คนพวกนี้จะต้องมีเพื่อนที่ดีไว้เคียงข้างเสมอ เพราะ” คบคนพาล คนพาลนั้นพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”
    และการรู้จัก ‘คบคนดีเป็นเพื่อนแท้’ หรือกัลยาณมิตร อีกนัยหนึ่งในสมัยนี้หมายถึงการมีบริวาร ลูกน้อง พันธมิตรทางการค้า เพื่อนคู่คิด มีนายทุนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง เป็นสายป่านที่เหนียวแน่นและทรงพลัง

    คนที่จะประสบความสำเร็จนำไปสู่ความร่ำรวยแบบถาวรนั้น ต้องหาแต่คนที่เป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนที่แท้เท่านั้น ในทางพระพุทธศาสนาเน้นว่า ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องวางอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรมหรือความสง่างามด้วยเสมอไป การไปคบกับคนเลวเป็นมิตร มีแต่ความเสื่อมเสีย ไม่ว่าจะมองในแง่ส่วนตัว สังคม ธุรกิจ หรือแม้แต่ต่อชื่อเสียงของกลุ่มธุรกิจของตนเองก็ตาม

    การคบคนดีในระดับต่างๆ นั้น เราต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบที่จะช่วยให้มิตรภาพความสัมพันธ์อยู่ในระดับที่ดีตลอดไปด้วย

    ในระดับเพื่อนหรือพันธมิตร คู่ค้า ต้องวางไว้ด้วยความมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ จริงใจต่อกันเป็นที่ตั้ง ดูแลรักษาผลประโยชน์ของเพื่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่คิดเอาเปรียบ ทรยศหักหลัง ส่งเสริมเพื่อนไปในทางที่ดี ที่เจริญ

    ในระดับบริวาร ลูกน้อง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ต้องให้อำนาจ ให้เกียรติ ให้ผลประโยชน์ที่เขาควรได้รับ มีความยุติธรรมไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีใจเมตตา กรุณาเป็นที่ตั้ง ไม่เอาเปรียบ ไม่กดขี่ ดูแลสารทุกข์สุขดิบ ส่งเสริมให้เขาเจริญก้าวหน้า ต้องรู้จักปกครองทั้งพระเดชและพระคุณควบคู่กันไป ดำรงตนเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นทั้งครู เป็นทั้งเพื่อนไปพร้อมๆ กัน ขอให้ตระหนักในข้อเท็จจริงที่ว่า “ถ้าไม่มีเขาเราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน”

    เครือซีพีหรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มีเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์นั้นเป็นผู้นำนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เจ้าสัวพูดถึงในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เงินทุน ไม่ใช่เทคโนโลยีที่สูงสุดแต่ประการใด

    สิ่งที่สำคัญและมีค่าที่สุดก็คือ “คน”

    ความโดดเด่นที่สุดของเครือซีพีที่ในวงการธุรกิจยอมรับกันทั่วโลกก็คือ เป็นองค์กรที่มีคนคุณภาพทำงานให้ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ทั้งผู้บริหารมืออาชีพ พนักงานที่มีประสิทธิภาพเต็มไปหมดในหลากหลายธุรกิจที่ทำอยู่

    ซึ่งในการรับมืออาชีพเหล่านี้เข้าทำงานนั้น จะเน้นเรื่องคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนดีนั้นฝึกให้เป็นคนเก่งได้ง่ายกว่า การที่จะฝึกคนเก่งให้เป็นคนดี

    เมื่อได้รับคนดีเข้ามาทำงานแล้ว เครือซีพีจะมีหน้าที่พัฒนาคนเหล่านี้ให้มีศักยภาพสูงสุดมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ โดยมีผู้บริหารระดับต่างๆ คอยดูแลประคับประคองเอาไว้อยู่ห่างๆ เพื่อให้คนดีเหล่านั้นได้แสดงฝีมือ แสดงศักยภาพออกมา ให้อำนาจ ให้ความรับผิดชอบ ให้เกียรติตามฐานะที่ควรได้ พร้อมมีกรอบการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและนามธรรม

    คนดีและคนเก่งเหล่านี้แหละ เป็นส่วนสำคัญกับการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเครือซีพีที่เริ่มจากการขายเมล็ดพันธุ์พืชเล็กๆ ในนามร้านเจียไต๋ กลายมาเป็นเครือซีพีที่มีบริษัทในเครือกว่า 200 แห่งทั่วโลกมีพนักงานกว่า 2 แสนคนประจำการทุกทวีป มีมูลค่าการขายกว่าแสนๆ ล้านบาท ครอบคลุมไปเกือบทุกธุรกิจในโลกนี้

    นอกจากคนในองค์กรแล้ว คนที่อยู่ภายนอกองค์กรทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางการค้า ต่างก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลิศในฐานะผู้มีพระคุณ ซึ่งเจ้าสัวธนินท์ นั้นได้กล่าวย้ำกับพนักงานในเครือซีพีทุกปีทั้งความมุ่งมั่นที่จะดูแล ตอบแทนทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางการค้าอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เรื่องของ “ คน” จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญผลักดันให้เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ติดอันดับมหาเศรษฐีของโลกในทุกปีในการจัดอันดับตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา สำหรับคนที่อยากจะร่ำรวยในทุกระดับของให้จำคำ “กะ” หรือกัลยาณมิตรให้ดี เพราะกัลยาณมิตรนี่แหละจะช่วยเป็นบันไดสำคัญให้ทุกคนก้าวไปสู่ความร่ำรวยได้สมปรารถนาแน่นอน

    4. สะ หมายถึงการเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ ซึ่งคนทุกคนนั้นควรทำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น ที่เป็นของวิเศษที่สอนคนไทยทุกคนให้เลี้ยงตัวเองได้อย่างสุขกายสบายใจ รู้จักกับคำว่า “พอเพียง” อย่างเข้าใจ

    การรู้จักคุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์อย่างถ่องแท้ ไม่ใช้จ่ายเงินโดยไม่รู้คุณค่าของเงิน ที่กว่าจะหามาได้

    ควรรู้จักบริหารบัญชีงบดุลให้มีกำไร โดยให้รายรับมากกว่ารายจ่ายอยู่เสมอ หรือถือหลักการไม่จ่ายเงินให้เกินหน้าตักที่ตนเองมี จ่ายให้น้อยกว่าที่หามาได้ถึงจะร่ำรวยได้ ที่ต้องมาจากการมีสติปัญญารู้จักกำหนดรายรับและรายจ่าย อย่าใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยหรือแม้แต่อัตคัดขัดสนจนเกินไปให้รู้จักออมเงิน ออมเงินเอาไว้ ฉุกเฉินเมื่อไร จะได้ใช้เงินออม

    คำว่า “พอเพียง” มีหลายคนเข้าใจผิดๆ จึงปิดกั้นทุกอย่างที่จะเข้ามาในชีวิต พยายามทำตัวอยู่แบบจนๆ ข้นแค้นซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายความถึงอย่างนั้น

    “พอเพียง” นั้นหมายความว่า การดำรงชีวิตด้วยความขยันขันแข็งอดทน รู้จักประมาณตน เมื่อหาเงินมาได้ให้รู้จักใช้ รู้จักเก็บ รู้จักใช้เงินอย่างประหยัด รู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดผลสูงสุด ทำทุกสิ่งในชีวิตให้ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ให้เก็บจนอดๆ อยากๆ ถ้าจะไปลงทุนก็ต้องหาทุนให้“พอเพียง” กับในสิ่งที่ทำจึงจะสำเร็จและเกิดคุณค่าได้

    ต้องรู้ว่า แค่ไหนในชีวิตถึงจะเรียกว่า “พอ” ในชีวิตของเรา คนนั้นมีจริตที่ต่างกัน“พอเพียง” จะแตกต่างกันด้วย บางคนอาจจะ“พอเพียง” แค่ 10 บาท บางคนอาจจะ“พอเพียง” ที่ 100 ล้านบาท ก็ไม่มีใครผิดใครถูกเช่นกัน เพราะระดับความ“พอเพียง” นั้นแตกต่างกัน

    ถ้าเพียงรู้จัก เข้าใจ นำเรื่องของ”พอเพียง” ไปน้อมนำปฏิบัติ เงินทองก็จะมีเกินใช้ รายรับจะมากกว่ารายจ่ายเพราะรู้จักควบคุมดูแล ความไม่พอจะทำให้เป็นคนจนเป็นคนเข็ญใจ หากรู้จักพอเพียงจะแล้วเป็นเศรษฐีมหาศาล แล้วทุกคนจะรวยได้จริง

    ก่อนจะจบเรื่องหัวใจเศรษฐีนี้ ผมขออนุญาตท่านผู้อ่านพิจารณาถึงอาชีพที่จะทำให้รวยได้จริงด้วย ซึ่งในความจริงแล้วอยู่ในตัวแรกคือ คำว่า “อุ”

    เพราะถ้าเราอยากร่ำรวย เราต้องพาตัวเองไปอยู่ในอาชีพที่รวยได้ถึงจะรวยได้ เพราะถ้าเราหลงทิศผิดทาง และไปอยู่ในอาชีพที่ไม่รวย ต่อให้ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ใช้ทุกอย่างที่มีอย่างเป็นเลิศ แต่ทางมันตันอย่างไรมันก็รวยขึ้นมาไม่ได้

    ดั่งเช่น ต้นถั่วงอกนั้นมันไม่มีทางสูงใหญ่และให้ร่มเงากับใครได้ ฉันใดก็ฉันนั้น

    ถ้ายังหาไม่พบ ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่เรายังไม่พบเท่านั้น ขอให้เพียรพยายามหาต่อไปอย่าย่อท้อ วันหนึ่งทุกคนต้องพบแน่นอน เมื่อพบแล้วเพียงนำหัวใจเศรษฐีทั้ง 4 ข้อนี้ไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รอบคอบ รับรองว่าทุกคนรวยได้จริงครับ เพราะแม้แต่ขยะที่ไร้ค่า ก็ทำให้คนร่ำรวยมานักต่อนักแล้ว

    จำไว้ให้มั่น แล้วนำไปปฏิบัติจนเหมือนลมหายใจที่ต้องหายใจทุกวันโดยอัตโนมัติ
    หนึ่ง ขยันหา
    สอง รักษาเก็บ
    สาม คบคนดี
    สี่ รู้จักพอประมาณตน
    เพียงแค่ 4 ข้อ รับรองรวยไม่มีจนตลอดกาล…


     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้มาติดตามสาระกันต่อนะครับ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    สาเหตุที่ทำให้ไม่เจริญและรวยได้ในชาตินี้(5)
    อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ ก็จะลงให้อ่านกันเรื่อยๆ อ่านให้จบได้ประโยชน์แน่นอน เป็นงานเขียนของ ธ.ธรรมรักษ์ ก็มาต่อกันนะครับ

    ด้วยแรงความกตัญญู

    เราเคยพูดถึงสาเหตุที่ขัดขวางไม่ให้คนนั้นเจริญและร่ำรวยได้ในบทก่อนหน้านี้ไปแล้วที่ว่า เพราะความไม่กตัญญูรู้คุณคนที่มีพระคุณ ผลของกรรมนี้จะไปเป็นอุปสรรคกรรมสำคัญที่ปิดกั้นหรือขวางทางชีวิตไว้

    มาในบทนี้จะขอพูดถึงกรรมฝ่ายดีบ้างว่า ถ้าคนเรานั้นมีความกตัญญูและตอบแทนผู้มีพระคุณจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิต

    ผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงไม่พ้นพ่อแม่ ที่เป็นผู้ให้กำเนิด ทุกวันนี้มีเรื่องราวมากมายที่เศร้าใจมากที่สังคมยุคใหม่นี้ มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้จักพระคุณของท่าน ไม่รักพ่อแม่ เพียงเพราะไปหลงติดกับค่านิยมที่ผิดๆ ของพวกโลกตะวันตก ที่ไปคิดเพียงว่าเพราะแค่เพียงการมีเพศสัมพันธุ์ของพ่อแม่เท่านั้นจึงทำให้เขาเกิดขึ้นมาได้ และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเขาตามกฎหมาย

    จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งสำหรับคนที่คิดแบบนี้ว่า ความรักของพ่อแม่นั้นไม่มีกฎหมายฉบับใดในโลกใบนี้ มาบังคับจิตใจท่านได้

    ที่ท่านรักลูกทุกคนเพราะลูกเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน ลูกทุกคนเกิดมาด้วยความรัก และความรักนี้เป็นรักบริสุทธิ์ไม่ได้หวังผลตอบแทน ไม่เหมือนความรักในรูปแบบอื่น

    ลูกที่ทำความช้ำใจให้พ่อแม่อยู่เนืองๆ นั้น ได้สร้างบาปกรรมให้กับตัวเองจนอยากที่มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าได้ ประเภทอยากได้อะไรก็จะบังคับขู่เข็ญพ่อแม่ไม่ได้ดูเหตุผลอะไรเลย พูดจากก้าวร้าวเอาแต่ใจตัวเอง ประพฤติตนไปในทางเสื่อม ทำให้พ่อแม่ช้ำใจอยู่เนื่องๆ หลายคนออกจากบ้านเมื่ออายุยังน้อย 16-17 ปีเพราะค่านิยมแบบใหม่ที่คิดว่าปีกกล้าขาแข็ง ไม่กลับมาเล้ยงดูตอบแทนท่านในยามที่ท่านแก่ชรา

    หลายครอบครัวซ้ำร้ายไปกว่านั้นอีก แยกไปมีครอบครัวใหม่ยังไม่พอ ยังเอาลูกหรือหลานมาให้พ่อแม่เลี้ยงดูอีก ลองคิดดูว่าพ่อแม่นั้นใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของลูก ทิ้งอนาคตของท่านเพื่อลูก ใช้เวลาทั้งหมดในการทำมาหากินเลี้ยงดูลูกๆ เมื่อลูกโตขึ้น ก็จะถึงเวลาที่จะได้พักผ่อน ได้ทำอะไรตามที่ท่านปรารถนาบ้าง ก็ต้องหมดเวลา หมดความฝันไปอีก เพราะลูกเอาหลานมาทิ้งไว้ให้เลี้ยงแต่ตัวเองไปมีอิสระไปไหนมาไหนได้ตามใจเฉิบ

    ลูกแบบนี้สร้างเวรกรรมไม่ดีกับพ่อแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โบราณท่านกล่าวว่า ผู้ใดทำให้พ่อแม่ร้องไห้น้ำตาตกนั้น คนผู้นั้นไม่มีวันเจริญได้ในชาตินี้

    คนที่อกตัญญูต่อพ่อแม่นั้น เมื่อรู้สึกตัว รู้สำนึกไปขอขมาขออโหสิกรรมต่อท่าน ท่านก็ให้อโหสิกรรม เวนที่ทำกับท่านนั้นระงับแล้วเพราะโจทก์นั้นท่านไม่เอาเรื่อง แต่กฎแห่งกรรมยังไม่จบ กรรมที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องส่งผลให้กับลูกเนรคุณพวกนี้

    แต่ก็มีหลายคนทำไปเพราะมีกรรมเก่าฝ่ายไม่ดีผูกพันติดตัวมา เป็นการชดใช้กรรมของกันและกัน แต่ผลของกรรมเหล่านี้สามารถผ่อนคลายจากหนักให้เป็นเบาได้ ด้วยสร้างกรรมดีขึ้นมาใหม่ที่มีกำลังมากกว่า เพื่อไม่ให้มีกรรมผูกพันกันต่อไปอีก

    ถ้าต้องมาเกิดในครอบครัวเดียวกันในชาติต่อไป กรรมที่จะผูกพันกันนั้นก็จะมีแต่กรรมดี ผลของกรรมดีจะทำให้มีความรักใคร่เอื้ออาทรต่อกันอย่างจริงใจ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่อาฆาตพยาบาทจองล้างจองผลาญกันอีก

    ผิดกับลูกที่กตัญญูรู้พระคุณของท่าน อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ท่านต้องช้ำ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับเฉา ทำอะไรก็สำเร็จ มีแต่คนยกย่องสรรเสริญ ยิ่งเป็นคนที่ตอบแทนพระคุณของท่านอย่างเต็มที่ อย่างเต็มใจ เห็นท่านเป็นผู้มีพระคุณอันดับแรก คิดถึงท่านทุกลมหายใจ

    พระพุทธองค์ตรัสว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าสองข้างของตน ประคับประคองท่านให้อยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ท่าน ถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึง 100ปี และปรนนิบัติท่านเช่นนั้นตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนบุณคุณท่านยังไม่หมด

    จะขอยกตัวอย่างถึงชนชาติจีนที่ได้ชื่อว่า เป็นชนชาติที่ทำมาค้าขายเก่งที่สุดชนชาติหนึ่งของโลก และเป็นตำนานของเจ้าสัวที่แผ่ระบือไกลไปทั่วโลก คนจีนนั้นไม่ว่าจะไปอยู่แห่งหนตำบลใดนั้น เราจะพบเห็นการนำประเพณีติดตัวไปด้วย ที่เห็นกันจนชินตานั่นก็คือ การไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว

    ซึ่งในตอนที่บรรพบุรุษเหล่านี้มีชีวิตอยู่ ลูกหลานชาวจีนทั้งหลายก็ได้เลี้ยงดูตอบแทนพระคุณเป็นอย่างดี เมื่อท่านเสียชีวิตไปแล้ว บรรดาลูกหลานก็ยังมีความระลึกถึงท่านด้วยความเคารพเหมือนเดิม ก็ทำการไหว้ทั้งในที่บ้านและหลุมฝังศพของท่านเป็นประจำไม่เคยขาด

    ชาวจีนเชื่อว่า ด้วยแรงกตัญญูที่มีต่อบรรพบุรุษนั้นจะทำให้ชีวิตของผู้ที่กราบไหว้และครอบครัวนั้นเจริญรุ่งเรือง ทำการค้าอะไรก็จะไม่มีติดขัด เงินทองไหลมาเทมา เพราะบรรพบุรุษเหล่านั้นจะให้พรและคุ้มครองเมื่อยามมีภัย

    อีกเรื่องหนึ่งเคยได้ยินครูบาอาจารย์คนสำคัญของเมืองไทยท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่ง ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมา ได้มาเล่าเรื่องราวที่เขาไปประสบมาว่า เขานอนหลับอยู่ดีๆ ก็มีคนนุ่งผ้าแดง 4-5 คนมาเรียกให้ลุกขึ้นและให้เดินตามไป เขารู้สึกตัวตลอดและรู้ตัวดีว่า เขาคงได้ตายไปแล้ว

    กลุ่มชายนุ่งผ้าแดงที่มาปลุกเขาก็นำเขาไปที่แห่งหนึ่ง มีคนนั่งบนบัลลังก์และเรียกชื่อเขาถูกต้อง สงสัยจะเป็นท่านพญามัจจุราช และก่อนที่จะส่งตัวเขาไปตามกรรมที่เขาทำมา ท่านพญามัจจุราชก้ได้ถามว่า ตอนที่มีชีวิตอยู่ได้ทำความดีอะไรไว้บ้าง

    เขาก็ตอบว่า ก็ได้ทำไว้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ที่ทำทุกวันไม่ได้ขาดเลยก็คือ เขาต้องกราบเท้าพ่อแม่ก่อนนอนทุกคืน

    พญามัจจุราชได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งบอกว่า คนดีแบบนี้ส่งไปนรก ไปสวรรค์ยังไม่ได้ ให้กลับไปอยู่ในโลกมนุษย์อีกระยะหนึ่งก่อน เพราะทำความดีที่ยิ่งใหญ่ ที่ให้กลับไปเพื่อให้ไปทำความดีนี้ต่อบอกและเตือนสติผู้คนที่รู้จักให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ให้มาก แล้วจะรอดจากนรก

    หลังจากนั้น คนนุ่งผ้าแดงนั้นก็นำเขามาส่งที่เก่าและเขาก็ตื่นขึ้นมา นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็พยายามเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง และขอให้ช่วยกันบอกกันต่อๆ ไปเพื่อเป็นการชี้ทางให้กับทุกคนได้กระทำความดี

    การทำบุญที่ถูกต้องที่สุดของคนทุกคนนั้น ก็คือ ต้องทำบุญกับพ่อแม่ก่อนผู้อื่นทั้งสิ้น ท่านเป็นพระอรหันต์ที่เราทราบได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปวิ่งตามหาพระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน หลายคนชอบทำบุญเอาหน้า เคยว่าที่ไหนมีพระดีก็วิ่งไปทำบุญ แต่พระในบ้านนั่งเศร้า คนพวกนี้ไม่รู้จักบุญที่แท้จริงคืออะไร

    และคนที่เคารพบูชาพ่อแม่นั้นจะได้อานนิสงส์บุญมากมาย ทั้งอายุยืน มีลูกออกมาก็จะเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เคารพบูชาพ่อแม่เหมือนกัน เพราะกระแสบุญที่ทำนั้นตอบสนองคืนกลับมายังผู้ที่ทำกรรมดี

    เป็นการเสริมสร้างกรรมดี เสริมสิริมงคลเข้าสู่ชีวิตของตนด้วยแรงกตัญญูที่จะทำให้ทุกคนได้มีโชคชะตาชีวิตที่ดี เจริญรุ่งเรืองและร่ำรวยมีเงินทองมากมาย ไม่มีขัดสน เมื่อยามมีภัยก็จะรอดตัวไปได้ ขอนำเรื่องข้อควรปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณ ผู้เป็นพระพรหมของลูกดังนี้

    วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่

    1 ต้องไม่ประพฤติตัว อันทำให้เสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของท่าน รักษาน้ำใจของท่าน โดยเฉพาะคำพูด อย่างทำให้ท่านน้อยใจหรือเสียใจเป็นอันขาด ถึงแม้จะไม่พอใจด้วยเหตุผลอะไรก็ตามขอให้ระงับสติอารมณ์ ให้นิ่งเสีย

    2. ต้องเลี้ยงดูท่านเมื่อเรามีกำลังแล้ว โดยเฉพาะยามที่ท่านชรา เอาใจใส่ในทุกเรื่องของท่าน ทั้งอาหารการกิน ที่อยู่หลับนอน สุขภาพโรคภัยไข้เจ็บ ทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านมีความสุข

    3. ต้องช่วยเหลือดูแลกิจการงานของท่าน ช่วยแบ่งเบาภาระของท่านเพื่อให้ท่านมีโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่

    4. ถ้าท่านยังไม่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ลูกที่ดีและอยากให้พ่อแม่เป็นสุข ต้องพยายามแนะนำ พาท่านให้เข้าใจถึงหลักธรรม ชักชวนท่านสร้างบุญบารมีให้ถูกต้องทั้งการทำทาน ถือศีล และเจริญจิตภาวนา ซึ่งต้องใช้กรรมวิธีใดนั้น ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสมและโอกาสเท่าที่จะอำนวย แม้พาท่านไปเที่ยววัด ไปทำบุญก็ถือว่า เป็นคนที่กตัญญูต่อพ่อแม่แล้ว

    5. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้อย่างสม่ำเสมอ แม้ท่านจะเกิดในภูมิที่สูงกว่าหรือไม่สามารถรับกุศลได้ การระลึกและแผ่เมตตาจิตให้แก่พ่อแม่เป็นมงคลอันประเสริฐ

    และเมื่อเราได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่แล้ว เราต้องทำกับผู้มีพระคุณในลำดับต่อไป ทั้งครูบาอาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ เพื่อน คน สัตว์สิ่งของที่มีบุญคุณกับเราตามสมควร ตามกาล

    ขอจงจำไว้ให้มั่นอีกครั้งว่า ด้วยแรงกตัญญูนี้ จะเป็นบันไดสำคัญที่จะทำให้ทุกคนเจริญรุ่งเรืองและพบกับความร่ำรวยแบบถาวร และจะติดตัวทุกคนไปทุกภพชาติด้วย

     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ปกรณ์ ET 2872 7404 5 TH
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ พอดีมีคำถามที่เป็นประโยชน์เข้ามาจะนำมาลงให้

    ซักครู่นี้ก็มีไลน์เข้ามาเล่าให้ฟังเรื่องพระเพชร ว่าหลังจากที่เรานำเรื่องพระเพชรมาลงว่าพระเพชรช่วยให้คนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพกลับมาเดินได้ พี่คนนี้ก็ได้อาราธนาพระเพชรให้ญาติที่ป่วยเป็นมะเร็งไปบูชา เค้าเล่าว่าตอนนี้ได้ยินว่ามีแรงกลับมาเดินได้เหมือนเดิม เรื่องพระเพชรช่วยให้คนป่วยกลับมาเดินได้นี่เป็นอย่างนั้นจริงๆนะ

    เรื่องสุขภาพความเจ็บป่วยกัดกินสิ่งไม่ดีในร่างกายโรคร้ายกันตัวอะไรทั้งหลายนี่ ใครที่มีพระเพชรก็อาราธนาเอานะครับ ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าบารมีครูบาอาจารย์หรืออะไรบางอย่างที่เรามองไม่เห็นแพทย์ปัจจุบันรักษาไม่ได้ บางเรื่องก็เกิดขึ้นและเป็นไปแล้ว ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกๆท่าน

    SAM_5230.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2017
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้มาพูดคุยกันต่อนะครับ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    สุดยอดเคล็ดวิธีในการสร้างบุญ
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ในเรื่องนี้ได้รับเมตตาจากครูบาอาจารย์หลายท่านที่ท่านเมตตาและจากการได้ออกศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆ จึงได้รวบรวมไว้ให้อยู่ในเรื่องเดียวกันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านความเมตตาจากครูบาอาจารย์นั้นมาจากหลายสำนัก

    อาทิเช่น จากหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค หลวงปู่ดู่ แห่งวัสะแก หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง หลวงพ่อจรัล แห่งวัดอัมพวัน พระอาจารย์กบ แห่งธรรมสถาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ และครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน

    ทั้งหมดนี้ได้ทดลองทำด้วยตัวเองแล้วเกิดผลดีกับชีวิต ใจมีพลังและรู้สึกว่าชีวิตนั้นเจริญขึ้น อะไรที่เคยติดขัดก็ราบรื่นขึ้น เงินทองที่เคยขาดมือก็ไม่ขัดสนอีก จึงอยากจะมานำเสนอให้ทราบและให้พิจารณากันดู โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    อย่างไรก็ตามในการทำบุญนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือ วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ ผู้ให้ต้องบริสุทธิ์ ผู้รับนั้นต้องบริสุทธิ์มีเนื้อนาบุญสูง อานิสงส์ของบุญนั้นก็จะมากตามความบริสุทธิ์นั้น และใจต้องเป็นสมาธิและเป็นผู้ให้อย่างแท้จริงไม่ได้หวังผลตอบแทน

    -การทำสังฆทานให้ได้อานิสงส์บุญมากขึ้น

    การทำสังฆทานทานนั้นควรทำให้ครบ เมื่อเราจะทำสังฆทานควรทำให้ครบทั้งปัจจัยสี่ มีอาหารคาวหวานให้ครบถ้วน เครื่องนุ่งห่ม(เครื่องบวช) ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และหากจะเพิ่มพระพุทธรูปประจำวันเกิดและหนังสือธรรมะเข้าไปด้วยเพื่อให้จิตใจของเจ้ากรรมนายเวร ช่วยให้เขาใจในรสพระธรรม เพื่อให้เขามีจิตใจที่เย็นสบายพ้นทุกข์

    ที่ต้องให้ทำเช่นนี้ เพราะเจ้ากรรมนายเวรนั้นในบางท่านนั้นมีทั้งผู้ที่อยู่ชั้นพรหม ชั้นเทพรวมถึงเปรต และจิตวิญญาณทั่วไป ซึ่งจะทำให้ท่านที่อยู่ในภพภูมิต่างกันได้เลือกตามจริตของท่าน ที่สำคัญวัตถุทานที่ถวายสังฆทานที่บริสุทธิ์ไม่มีกรรมชั่วหรือกรรมดำมาเจือปนเป็นอันขาด

    ส่วนยารักษาโรคนั้น เพราะเจ้ากรรมนายเวรบางตนนั้น ยังคงต้องวนเวียนอยู่ในภพภุมิพักรอให้หมดอายุขัยถึงจะได้ไปเกิด วิญญาณบางตนเอาโรคร้ายที่เขาเป็นอยู่ในระหว่างมีชีวิตไปด้วย เขาจึงยังต้องการยาอยู่ เขาจะได้รับเป็นยาทิพย์ ยาวิเศษที่เขาใช้ได้

    เครื่องนุ่งห่ม นั้นคือ เครื่องบวชพระที่มีผ้าไตรจีวรเป็นสำคัญ เพราะวิญาณในบางตนเมื่อได้รู้ตัวว่าตายไปแล้วอาจจะไม่มีเสื้อผ้า เปลือยกายล่อนจ้อนหรือเสื้อผ้าขาดวิ่น ที่ทนไฟร้อนและความเย็นในภพของที่ตนอยู่ไม่ได้ จึงอยากได้เสื้อผ้ามาสวมใส่คลายทุกข์นั้น

    การเพิ่มบ้านหลังเล็กถวายพระสงฆ์ไปด้วยนั้นเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย ในบางเจ้ากรรมนายเวรนั้น ยังเป็นวิญญาณที่เร่ร่อน เขาก็เหมือนคนที่อยากมีที่พักพิงเป็นของๆ เขาเอง ที่ไว้อยู่รับผลแห่งกรรมจนครบวาระแล้วไปเกิดใหม่ตามแรงกรรมที่ทำมา ควรหาบ้านหลังเล็กๆ ที่มีตามร้านสังฆภัณฑ์ต่างๆ มาถวายด้วย เมื่อเขามีที่พักพิงเขาจะมีความสุข ไม่มารบกวนอีก

    เครื่องสังฆทานนั้นควรจะถวายสิ่งของที่มีคุณภาพ และตรงประโยชน์กับพระสงฆ์ด้วย เพราะในยุคปัจจุบันนั้น นิยมเรื่องถังเหลืองต่างๆ ที่พ่อค้าบางคนเห็นแก่ได้นำเอาสิ่งของที่หมดคุณภาพ หมดอายุมาใส่ไว้ พอเราถวายไปพระสงฆ์ท่านก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าทานที่เราทำนั้น กลายเป็นทาสทาน เป็นทานชั้นเลวที่แทบไม่เกิดอานิสงส์บุญเลย

    สำหรับเรื่องการทำสังฆทานแบบได้อานิสงส์มากนั้น มีเรื่องเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง มีโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองไทย ไม่ขอบอกว่าที่ไหน เดี๋ยวคนจะกลัวกันจนไม่กล้าเข้าไปพัก ในตอนสร้างโรงแรมนั้นได้จัดสวนเสียใหญ่โต ไปเอาต้นไม้ใหญ่มาปลูก ตั้งแต่เอาต้นไม้นี้มามีแต่เรื่องราวให้สยองขวัญตลอด

    เริ่มจากคนที่ไปขุดต้นไม้นั้น ตายเป็นคนแรก

    คนที่ไปรับจ้างขนต้นไม้นั้น ตายเป็นคนที่สอง คนที่ปลูกก็ตายตามมาเป็นคนที่สาม จนเจ้าของโรงแรมนั้นสังหรณ์ใจว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน จึงไปหาครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งให้ช่วยดูให้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น

    เมื่อครูบาอาจารย์มาถึง ท่านก็รู้ด้วยฌานวิเศษว่า ต้นไม้ต้นนี้มีวิญญาณสิงอยู่เป็นจำนวนมาก เหตุที่เป็นเช่นนี้ ต้นไม้ต้นนี้เคยตั้งอยู่ใกล้เมรุเผาศพของวัดแห่งหนึ่ง

    และเมื่อมีการเผาศพคนตายแล้ว ยังมีหลายดวงวิญญาณที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะยังมีกรรมหนักและไม่รู้จะไปที่ไหน ดวงจิตวิญญาณเหล่านี้เขาก็มาเกาะอยู่ตามต้นไม้เป็นจำนวนมากเป็นจำนวนนับหมื่นๆ ดวงวิญญาณ!!!

    เมื่อต้นไม้ถูกย้ายเขาก็ตามมาด้วย และคงแค้นคนที่ไปขุดและมีส่วนร่วม เพราะถ้าเขาอยู่ใกล้วัด เมื่อมีการทำบุญ เขาก็ไปรับส่วนบุญได้ง่าย เขาจึงทำร้ายคนเหล่านั้น เมื่อครูบาอาจารย์ทราบดังนั้น จึงให้เจ้าของโรงแรมไปทำสังฆทานใหญ่พร้อมสร้างบ้านหลังเล็กๆ ถวายไปด้วย เพื่อให้วิญญาณเหล่านั้นได้ย้ายออกจากต้นไม้นั้น มาอยู่ที่บ้านหลังนั้นแทน

    และสร้างศาลเล็กๆ ให้ใหม่แล้วให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นมาอาศัย มีการทำบุญอุทิศบุญกุศลไปตลอดเวลา เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นก็ยุติลง และยิ่งช่วยให้โรงแรมนั้นมีคนพักมากมาย ร่ำรวยขึ้นในที่สุด อย่างนี้เรียกว่า มีผีช่วยให้รวยเพราะรู้เคล็ดวิธี และทุกคนทำได้เหมือนกันที่บ้าน ที่ทำงานของตนเอง

    หนังสือธรรมะนั้น เราถวายเพื่อจะให้เขาเข้าใจในรสพระธรรม ให้คลายความโกรธแค้นลง

    สรุปแล้ว เคล็ดสำคัญ เครื่องสังฆทานและอาหารเหล่านี้ เราต้องไปถวายพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูงถ้าหาไม่ได้หรือไม่ทราบก็ขอให้ทำจิตอุทิศบุญส่งตรงไปถึงพระพุทธเจ้าโดยตรง และเปรียบเสมือนพระสงฆ์ที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นท่านเป็นผู้รับแทน

    หลังการทำบุญทุกครั้ง ต้องตั้งจิตอธิษฐานอุทิศบุญไปให้ปวงเทพเทวดาที่คุ้มครองเราทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ตัวของเราเอง ผู้มีพระคุณทั้งหมด ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งที่มีชีวิตและมีเพียงดวงจิตวิญญาณ เหล่าบริวาร เหล่าสรรพวิญญาณ เพื่อขออโหสิกรรมและให้อโหสิกรรมต่อกัน

    และควรกรวดน้ำหลังทำบุญทุกครั้งถ้าจิตยังไม่มีกำลังพอ เพื่อให้แม่พระธรณี และปวงเทพเทวาท่านเป็นสักขีพยานในการทำบุญนี้

    บุญกุศลที่เกิดขึ้นฉับพลันก็คือ ความสุขใจ มีกำลังใจที่ดีเพื่อต่อสู้ชีวิต บุญกุศลที่รอส่งผลก็คือ ความสุข ความเจริญในทุกสถาน ทั้งในภพนี้และในทุกภพภูมิที่ไปเกิดอีกครั้ง
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ตอบ PM ครบนะครับ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้พอดีมีธุระกะทันหันเข้ามาหลายอย่าง เดี๋ยวพรุ่งนี้มาพูดคุยกันนะครับ;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี๋ยวมาพูดคุยกันนะ ห้ามพลาดๆ;)

    ใครจะฝากอะไรก็ PM ไว้นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2017
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้มีหลายท่านลุ้นหวยกันก็ขอให้ถูกนะครับ แอบเอาใจช่วย เห็นหลายคนนำตะกรุดที่ร่วมกิจกรรมไปเลี่ยมเเล้วถักทำข้อมือเอามาโชว์กัน ดูท่าอยากรับทรัพย์กันจริงๆ;) รวยๆกันทุกคนนะ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้มีเล่าประสบการณ์เข้ามา แล้วก็มีที่เราเจอประสบการณ์เองกับตัวด้วย ติดตามกันทบไปทั้งเรื่องสาระและพูดคุยเลย 555+ เดี๋ยวเอามาเล่าห้ามพลาด
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ภาวนาให้รวย

    ก่อนอื่นก็อรุณสวัสดิ์กันก่อนนะครับ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ผมจะจัดส่งของให้เรียบร้อย วันนี้ก็มาพูดคุยกันก่อน เป็นเรื่องน่าสนใจที่มีคำถามเข้ามา

    ก็ตรงๆตามหัวเรื่องเลยว่าการภาวนานั้นทำให้รวยได้จริงมั๊ย ทีนี้ก็มาตอบคำถามกัน
    ปกติเรามามองกันก่อน ถ้าจะพูดเรื่องที่ว่าหากภาวนาแล้วจะรวยนี่มันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ เพราะเราจะยึดติดกับการทำสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา เพื่อให้มีสติหรือเจริญสติของเรา ซึ่งการทำสมาธินั้นก็เป็นผลให้เรารู้แจ้งแทงตลอดในหลายๆเรื่อง ถ้าจะพูดถึงทำบุญอย่างไรให้รวยเราก็นึกถึงทานกันทันที ทีนี้ก็ไปเร่งทำกันแต่ทาน แล้วก็เกิดคำถามว่าทำไมทำทานสารพัดมันถึงไม่รวย อานิสงค์แห่งทานทำไมมันไม่เกิดผล โดยพวกที่บ้ารวยนั้นก็จะลืมไปเสียสิ้นแม้แต่ศีล สมาธิ หรือภาวนา

    ทีนี้ก็เข้าเรื่องกันเลยว่าการภาวนาทำให้รวยได้อย่างไร สิ่งนี้พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเป็นความจริงและเกิดขึ้นจริงมาแล้วมากมาย เพราะการภาวนานั้นเป็นกุศลสูงสุด เป็นยิ่งกว่าสมบัติจักรพรรดิหรือสมบัติเทวดาใดๆ ด้วยสามารถทำให้ปุถุชนถึงซึ่งอริยทรัพย์ได้

    อาจจะงงว่าก็แล้วภาวนามันทำให้รวยได้ตรงไหน ในเมื่ออริยทรัพย์เป็นของภายในมันไม่ได้เกี่ยวกับทรัพย์ภายนอก พ่ออาจารย์ท่านว่าเพราะเช่นนี้คนเลยมุ่งไปทำสมาธิมากกว่าการภาวนา การที่เราให้คาถาให้หัวใจต่างๆกับเครื่องมงคลไปพ่ออาจารย์ท่านว่าท่านก็แอบหวังอยู่ลึกๆว่าจะมีคนเอาไปภาวนากันบ้าง

    เพราะว่าเวลาเราภาวนาคำภาวนาหรือบทพระคาถาใดๆ จิตนั้นย่อมดิ่งลงในสมาธิ ตรงนี้กุศลมันเกิด แล้วการภาวนาก็ไม่จำเป็นว่าต้องนั่งอยู่ในวัด นั่งอยู่ในห้องพระ คุณจะอยู่ที่ไหน จะบนรถเมล์ นั่งเรือ นั่งเครื่องบิน กินข้าวหรือแม้แต่อยู่ในห้องน้ำ ในที่ทุกสถานล้วนแล้วแต่ภาวนาได้ทั้งสิ้น นี่คือคนที่เค้าฉลาดที่จะภาวนา เค้าจะไม่ปล่อยเวลาไปเสียเปล่าๆ เพราะว่าไม่ว่าจะทำสิ่งใดเราก็ภาวนากันได้ตลอด

    เมื่อเราสามารถภาวนาได้ตลอดฝึกจนเป็นอุปนิสัย เรียกว่าความเคยชินนะ ฝึกมันให้เคยชิน พ่ออาจารย์ท่านว่าพอเราทำจนเคยชินแล้ว ต่อไปไม่รู้ตัวเราก็จะภาวนาของเราอยู่เรื่อยๆ จิตจะเป็นสมาธิตลอด ภาวนาอยู่ตลอด และเหนือสิ่งอื่นใดบรรดามี ตรงนี้กุศลก็จะเกิดขึ้นตลอดเช่นกัน

    ยกสมมติว่าชีวิตของนาย ก. เจอเจ้ากรรมนายเวร พบมรสุมชีวิต ทำอะไรก็มีแต่โทษจะหาดีไม่ได้ แต่นาย ก. นั้นรู้จักภาวนาในที่ทุกสถาน เมื่อเค้าทำเช่นนี้กุศลย่อมเกิดขึ้น กุศลแห่งการภาวนาอันเป็นบาทฐานของสมาธินั้น เป็นกุศลใหญ่ที่มีอานิสงค์มาก ทั้งนี้หากในอดีตหรือปัจจุบันก็ตาม นาย ก. ได้ทำบุญสร้างทานบารมีไว้เสียหน่อยนึง ด้วยกุศลแห่งการภาวนานี้ ย่อมจะเปิดช่องทางให้กุศลแห่งทานนั้นได้ช่องแสดงผลของอานุภาพแห่งทานบารมีได้เต็มที่ พอจะได้เค้าลางหรือเห็นช่องกันหรือยัง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะพูดกันแบบง่ายๆเลย อานิสงค์ของการภาวนานั้น เขาช่วยให้บุญเก่าและบุญปัจจุบันที่ตัวทำไว้ผลิดอกออกผลให้คุณเว้นโทษ เพราะเช่นนั้นหากถามว่าการภาวนาทำให้รวยได้มั๊ย ท่านจึงตอบว่าได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ทิ้งการทำทานไปเสียทีเดียว เพราะบุญเก่าหรือบุญปัจจุบันนั้นก็ย่อมสุกงอมมาจากทานบารมีนี่เอง หากใครที่คิดว่าเคราะซ้ำกรรมซัดไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร ทำทานทำบุญจะตายแล้วไม่เห็นจะได้ผลเลย ตรงนี้ท่านว่าให้หันกลับมามองตัวเองดูเถิดว่าตัวของเราช่วยตัวเองหรือยัง เหมือนเราป่วยไข้ได้โรคซื้อหาหยูกยามามากมาย แต่กลับซื้อมานั่งมองไม่ยอมกิน ก็ชาติไหนมันจะหายเล่า หากรู้แล้วก็ให้เร่งภาวนาเอาเถิด เราไม่เชื่อหรอกที่ว่าได้เกิดเป็นมนุษย์มาพบพระพุทธศาสนา มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในทางกุศลแล้ว จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีบารมี

    หากมันยากนักก็สร้างเสียแต่วันนี้ จะทำบุญอวยทานอะไรก็เร่งทำ ที่สำคัญอย่าทิ้งการภาวนา สิ่งง่ายๆ ทำให้เป็นนิสัย เมื่อได้ชื่อว่ากระทำดีแล้ว แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ย่อมไม่มีอะไรเสียเปล่าไปอย่างแน่นอน ท่านว่าการภาวนาที่ว่าให้ผลมากแล้วหากได้ภาวนาโดยตรงกับเครื่องมงคลที่เรานับถือ ตรงนี้คุณแห่งสมเด็จพระตถาคตเจ้า คุณแห่งเทพยดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ทุกสิ่งนั้นย่อมได้ช่องที่จะเกื้อกูลเราได้ไวมากขึ้น เช่นนี้บางคนที่เค้าฉลาดที่จะภาวนาเค้าจึงเลือกภาวนากับเครื่องมงคล เพราะเค้าต้องการแรงจากพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายมาช่วยค้ำจุนเขา ซึ่งแน่นอนว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว ท่านว่าก็คิดเอาแล้วกันว่าควรทำหรือไม่ สมาธิกับภาวนามันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะหลายคนนั้นนั่งสมาธิจริงแต่ชีวิตก็ขาดการภาวนาไปเสียอย่างน่าเสียดาย ลองไตร่ตรองดูเถิด และจะดีกว่านี้หากลองทำและพบเจอกับสิ่งดีๆด้วยตนเอง


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2017
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ถูกหวยสามตัวครับ แต่ถูกโต๊ด อาจจะเป็นเพราะตะกรุดปลดหนี้ก็เป็นได้ผมใส่และบูชาในกระเป๋าตลอด พอได้ค่าหวยคืนหือๆๆๆ ได้ไปก็พกกันบ้างนะ (เป็นประสบการณ์คนใช้ตะกรุด PM มา ไม่ใช่ของผมนะ 555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2017
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้มาติดตามเรื่องพูดคุยกันต่อนะครับ;)
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,106
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี๋ยวส่งของให้นะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...