ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. nga sai

    nga sai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +3,409
    โอนค่าส่ง

    โอนค่าส่งตะกรุดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เมื่อวานมีพี่ท่านนึง PM มาพูดเรื่องพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ โดยบอกว่าบูชาแล้วงานเข้าเยอะมากเงินเข้ามากกว่าเดิม

    ก็ลืมถามว่าได้อาราธนาพร้อมคาถามั๊ยสำหรับรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านพูดเสมอว่าดี ยิ่งได้อาราธนาพร้อมคาถาเป็นประจำยิ่งดีเกินกว่าจะสำนึกรู้สึกได้ วันนี้ก็เลยมาพูดกัน

    สำหรับพระเจ้ากลับร้ายคลายเคราะห์ส่วนตัวเป็นพระที่ผมชอบมากเพราะรูปแบบพิมพ์ทรงสวยงามเป็นเอกลักษณ์และเนื้อหามวลสารก็โดดเด่นจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องพุทธคุณไม่ต้องพูดถึง เพราะถึงกับมีคนที่บูชาไปซึ่งเค้ามีโพธิ์เก้าหลวงพ่อกวยกลับมาเล่าว่าใช้แทนโพธิ์เก้าหลวงพ่อกวยได้เลย ซึ่งเค้าใช้สลับกันเสมอ ก็ยังมี ที่ดีไปกว่านั้นคือคนที่ต้องคดี คนที่มีเคราะห์จากบ่นกับเราว่าซวยมากๆ ทำไมเรื่องนี้มันเกิดกับผม ก็เลยแนะนำให้อาราธนาคาถาบูชาองค์พระเช้าเย็น ให้เค้าสวดเท่าอายุ ยังไม่ครบเจ็ดวันกลายเป็นว่ามีคนมาช่วยมาแก้ไขแล้วก็มีเรื่องดีเพิ่มขึ้น สำหรับประสบการณ์พระพิมพ์นี้ ผมพูดสั้นๆแค่ว่าพระพิมพ์พิเศษ และคงไม่มีแบบนี้อีก ใครได้ไว้ก็ภูมิใจได้เลย หมั่นอาราธนาคาถา ความจริงถ้าท่องบ่อย รับรองว่าขึ้นใจ ทีนี้ก็เหมือนเสือติดปีก จะไปไหนก็สวดก็ภาวนาได้ สวดเท่าอายุหรือเกินอายุไปหนึ่งจบยิ่งดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_5009.JPG
      SAM_5009.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      95
    • SAM_5015.JPG
      SAM_5015.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      123
  3. เทวดา2528

    เทวดา2528 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    ตอนนี้มีตะกรุดของท่านพ่อพล อะไรเหลือบ้างครับ พี่คุรุปาละ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ติดจองหมดครับ เดี๋ยววันนี้เราจะมาคุยเรื่องเครื่องคาดหรือตะกรุดกัน ติดตามนะ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เครื่องคาด

    ก็ตามสัญญาวันนี้เราจะมาพูดเรื่องเครื่องคาดกัน

    เครื่องคาดที่เรียกนี้ก็หมายถึงตะกรุดนั่นแหละ เพราะพกง่ายและมีข้อจำกัดการใช้น้อยกว่าพระ หลายๆคนมองตะกรุดจะคิดเพียงว่ามันคือตะกรุด เหมือนมองแท่งดินสอจะเสียบที่ไหนก็ได้ ไม่ได้ไปมองเลยไปถึงว่าในนั้นจะมีรูปองค์พระมั๊ย มีพระนามพระพุทธเจ้าหรือพระสาวกมั๊ย หรือมีเทพยดาอะไรต่างๆมั๊ย เค้าจะรู้แต่แท่งกลมๆเรียกว่าตะกรุด เมื่อเป็นตะกรุดก็คาดเอวได้ ใส่กระเป๋ากางเกงได้

    ตะกรุดนี้มีลักษณะการพกแล้วแต่ความถนัดของผู้บูชา ส่วนมากก็ออกแบบดีไซน์กันมาต่างๆมากมาย สุดแล้วแต่จะสะดวก ทีนี้ที่จะพูดก็คือมันมีหลายกรณีเกี่ยวกันอยู่ ตะกรุดบางประเภท นี่เป็นคำถามที่ผมชอบเจอว่าใส่หลับนอนกับคู่สามีภรรยาหรืออื่นๆได้มั๊ย ที่จริงคำถามนี้ไม่ควรจะถามเลย เพราะตะกรุดบางอย่างถ้าเป็นเรื่องเสน่หากามารมณ์อะไรแบบนี้มันไม่มีปัญหา แต่บางอย่างมันเป็นของสูง ยิ่งถ้าได้ไหว้ครูระลึกถึงครูบาอาจารย์ก่อนคาดและว่าคาถาปลุกเป็นประจำด้วยแล้ว จิตสำนึกของตัวเรานั้นมันจะตอบได้ทันทีว่าของสูง ต้องเทิดทูนไว้ ดังนั้นจะเสียเวลาถอดออกบ้างจะเป็นไรไป

    บางคนที่บูชาตะกรุดไป มีบ้างถามเข้ามาว่าทำไมยังไม่เห็นผลเท่าที่ควร พอลองถามชื่อและวิธีการใช้แล้ว เราก็บอกเค้าไปว่า ลองใหม่ ขอขมาครูบาอาจารย์ก่อน ต่อไปห้ามคาดเอวนะให้เอามาห้อยคอ หรือคาดแบบสังวาลย์สะพายแล่งก็ได้ ถ้าทำตามนี้ไม่ได้ เอาใส่พานวางพวงมาลัยดอกไม้สดบูชาไว้ ไม่ต้องเอามาติดกายเลยดีกว่า พอเค้าลองทำกันดูหลายคนก็บอกมาเองว่าดีขึ้น เจอนั่นเจอนี่สารพัด แต่บางคนก็จะโอดครวญว่าดอกมันใหญ่สะพายแล่งไม่ได้ ห้อยคอไม่ได้ ดังนั้นเราจะย้ำเสมอว่า เมื่อจะบูชาอะไร เอาที่มันใช้งานได้จริง บางคนตัวใหญ่เค้าไม่มีปัญหาเลย สมมติว่าเป็นผมนะตัวผมจะเล็กๆก็เลยใช้แต่ของเล็กๆ ดอกใหญ่ๆผมจะใส่พานไว้อย่างเดียว อันนี้ก็เอามาพูดคุยกัน

    ตะกรุดหรือเครื่องคาดนั้น แต่เดิมเคยบอกกล่าวกันไปหลายรอบแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าแต่โบราณนั้น ตะกรุดนั้นเป็นเครื่องคาดของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์ทั้งหลาย ในชั้นหลังจึงจะทำให้เหลาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่รบทัพจับศึกหรือมีความจำเป็นที่ต้องการใช้จริงๆ ในลำดับต่อมาก็มีไว้ในหมู่ชายชาตรีทั่วไป แต่ก็มีพระยันต์บางอย่างที่ทำยากเป็นพระยันต์เฉพาะทางที่ชาวบ้านมักจะไม่ได้มีไว้บูชา

    ท่านมักจะพูดว่าการลงตะกรุดนั้นต้องใช้พลังจิตสูง ดังนั้นในตะกรุดแต่ละดอกคืออักขระธรรม คือพระเวทย์วิทยา คือจิตวิญญาณของบูรพาจารย์แต่ยุคบรรพบุรุษ ท่านจึงมักจะเคร่งกับเรื่องนี้ที่ว่าเวลาทำต้องทำด้วยมือของท่านเอง จะมีคนเอาแผ่นยันต์ที่จารแล้วมาให้เป่าให้เสกท่านก็ไม่ทำ หรือว่าจะมีคนมาจารให้ท่านก็ไม่เอา ท่านว่ามันก็เหมือนกับข้าว เรารู้ว่าต้องปรุงแต่งอย่างไร จะให้ไปหยิบแกงจากหม้ออื่นไปยืมบารมีคนอื่นมาเสริมมาปรุงเช่นนี้ทำไม่ได้ ท่านจึงเชื่อเฉพาะรสมือตัวเอง และจะทำเองทุกขั้นตอนเสมอๆ

    ดังนั้นประสบการณ์ของตะกรุดท่านจึงมีมากเรียกว่าเล่าเจ็ดวันก็นึกไม่หมด วันนี้ที่นึกเรื่องเครื่องคาดหรือตะกรุดมาเล่า ก็เพราะว่ามีแรงจูงใจพิเศษ ด้วยว่าได้รับสายแต่เช้าแล้วพอดีเป็นเรื่องที่เราไม่เคยได้ยิน ไม่เคยมีใครมาเล่าให้ฟัง ก็เลยตั้งใจจะหยิบเรื่องตะกรุดมาพูดเป็นความรู้กัน

    พี่คนนี้ชื่อนิด ทีแรกก็มาถามว่ามีของพิเศษมั๊ยไม่อยากได้ของธรรมดา อยากได้ของพิเศษแบบใช้เฉพาะกิจจะเอาไปอธิษฐานขายคอนโดให้ได้ไวๆเพราะประกาศขายมาสองปีแล้วมีแต่คนมาดูแต่ไม่มีคนซื้อ แล้วก็จะขอเน้นเรื่องโชคลาภหน้าที่การงานและที่สำคัญ ต้องมีเสน่ห์ที่สุดด้วย เราก็มึนตึ้บเลยช่วงนั้นมีของเปิดจองหลายรายการ ก็ไม่สามารถแนะนำเค้าได้เพราะเค้าต้องการสามอย่างคืออธิษฐานขอแน่นอนว่านั่นต้องเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีบารมีสูงมาก ลำดับถัดมาคือจะเอาโชคลาภไปพร้อมกับเสน่ห์ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ขัดกัน ตอนนั้นก็เลยปรึกษาท่านให้ ไม่รู้ด้วยว่าเพราะดวงพี่นิดรึเปล่า ท่านหยิบตะกรุดดอกขาวๆขนาดตก 4 นิ้วดอกอวบๆออกมา บอกว่าเอานี่ไป

    ตอนนั้นเราก็งง เพราะท่านไม่พูดอะไร ท่านบอกว่าให้บอกเขาว่าบูชาดอกนี้ มีครบทุกอย่าง แต่อย่าเอาไว้ต่ำนะ พี่นิดแกก็แสนดีนะแกไม่ถามชื่อตะกรุดหรือคาถาอะไรเราเลย แค่บอกว่าท่านแนะนำมาก็เอาทันที คงเพราะกลัวว่าช้าจะหมดและไม่ได้แบบตะกรุดที่เคยเปิดจองทุกรุ่น

    หลังจากบูชาพี่เค้าก็มีคอนแทคคอยบอกเล่ากับผมมาเป็นระยะๆ ผมนับถือนะว่าเค้าเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสตรอง เพราะเค้าเอาไปเลี่ยมห้อยคอเอาไว้สวดมนต์ เอาไว้กำเวลาภาวนา เพราะมีการคอนแทคพูดคุยกันเค้าก็เลยถามผมว่ามันเป็นตะกรุดอะไร เพราะหลังสวดมนต์และแผ่เมตตาแล้ว พี่เค้าว่ารู้สึกขนลุกมีปิติจนน้ำตาไหลออกมา พอหลับวันนั้น ก็ฝันเห็นว่าตนได้เดินไปในปราสาทมีวิมานใหญ่โต แล้วเห็นพญานาคราชขนาดมหึมานอนขดเป็นวงอยู่บนแท่นแก้ว เค้าเล่าว่าในความรู้สึกเหมือนพวกแท่นแก้วของพระอินทร์แบบนั้น มีทรัพย์สมบัตแก้วแหวนเงินทองวางกองไว้แต็มประสาทไปหมดใหญ่โตอลังการมาก เค้าว่าดวงแก้วเหล่านั้นล้วนแต่มีแสงออกมาจากตัวเองทั้งสิ้น ที่สำคัญเลยคือมีนางฟ้าล้วนๆ ไม่มีเทวดาเลย คอยพัด คอยดูแล ร้องเพลงเล่นดนตรีขับร้องปรนนิบัติมากมายแต่ละคนสวยๆทั้งนั้นนับพันนับหมื่น พี่นิดเค้าเล่าว่าเหนือพระแท่นที่พญานาคนอนนั้น มีดวงแสงปรากฏแสงนั้นก่อรูปเป็นรูปร่างของพระพุทธเจ้า อาบลงที่ตัวของพญานาคตลอดเวลา พี่เค้าว่าพอเค้าเดินเข้าไปใกล้ พญานาคก็คายแก้วออกมาจากในปาก แก้วนั้นพุ่งเข้ามาในตัวเค้ารู้สึกว่าเย็นวาบๆจนสะดุ้งตื่น

    คือพี่นิดก็มาเล่าให้เราฟังแบบนี้ตอนนั้น ผมจำได้ดีเหมือนเห็นเองเลยเพราะเค้าบรรยายละเอียดกว่านี้ ว่าไปเป็นฉากๆเลยแม้แต่สีกายของพญานาค ดวงแสงมีสีอะไรลักษณะยังไง แต่รายละเอียดปลีกย่อยผมลืมไปแล้ว เค้าก็อยากจะรู้ว่าตะกรุดที่ห้อยอยู่คืออะไร ก็เลยได้ถามพ่ออาจารย์ให้ ท่านว่าตะกรุดนี้เป็นตะกรุดสำคัญคับฟ้าคับทวีปทีเดียว ท่านเรียกตามชื่อตรงๆว่า ตะกรุดท้าวมหากาลนาคราชมัญเชริกภาวัน ชื่อฟังยากดีเราก็บอกเค้าไปตามนั้นและพอจะคาดการได้ว่าที่เค้าไปเจอมาคืออะไร

    ยังไม่ถึงเดือน พี่นิดก็ส่งข่าวมาว่าคอนโดที่ลงขายมีคนมาซื้อไปแล้วนะ เค้าไม่ต่อพี่เลยซักคำ ก็ยินดีด้วยตามปกติเวลาใครมีข่าวดีมาเล่าให้ฟัง หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็ส่งรูปถ่ายกำลังกินข้าวกับชายหนุ่มมาให้เราดู เหมือนจะบอกว่าตอนนี้มีคนศึกษาเรียนรู้กันแล้ว ก็โอเคผมก็ถือว่าผ่านเรื่องคู่ครอง ส่วนเรื่องโชคลาภนั้นแกถูกหวยประจำเลย บอกเราตลอดว่าถูกแล้ว ถูกอีกแล้ว ก็ไม่อยากถามว่าปกติถูกมั๊ยหรือเล่นเยอะรึเปล่าถึงถูกหรือว่ายังไงเพราะมันจะดูเซ้าซี้ไป เรื่องเงินเราจะไม่พูดกัน

    ทีนี้พี่นิดเป็นคนชอบสวดมนต์และนั่งภาวนา เค้าจะไม่ลืมที่เราสั่งให้กำตะกรุดไว้ตลอด พอรู้ชื่อตะกรุดแล้วก็ยิ่งง่ายเลย เค้าจับตะกรุดเรียกว่าท่านท้าวตลอด บางวันถูกหวยก็บอกท่านท้าวให้ตังพี่ บางวันมีลูกค้าพาไปกินมื้อใหญ่ก็จะบอกว่าท่านท้าวเลี้ยงข้าวพี่ พอเมื่อเช้าจากปกติจะพิมพ์ไลน์มาให้เราอ่าน กลายเป็นโทรมาซะงั้นเราก็รับสาย พี่เค้าเล่าว่าเค้าฝันแปลก คืออยากระบายเลยโทรมาหาเรา

    เค้าว่าเค้าฝันว่าที่มือเค้ามีพญานาคตัวเล็กๆมาเกาะแขนพันแขนเค้าไว้ตั้งแต่ข้อศอกไปถึงมือ แล้วก็พาเค้าไปเที่ยวนรก เค้าพาไปหาแม่ลูกคู่หนึ่ง ที่กำลังทรมานเสวยทุกขเวทนาอยู่ในนรก ซึ่งเค้างงว่าเป็นใครเค้าไม่รู้จัก ผู้หญิงคนนั้นก็บอกชื่อเค้ากับชื่อเล่นเขาหมดเลย บอกว่ากำลังทรมานไม่มีอะไรจะกินบรรยายความทรมานในนรกให้ฟัง แม้แต่ลูกยังต้องกินน้ำนรกร้อนๆทุกวันคือไม่มีคนทำบุญอุทิศมาให้.... พี่นิดก็เล่าพร้อมกับปรึกษาเรา เราก็เลยบอกให้เค้าทำใจดีๆ คงเป็นเครือญาติหรือคนที่มีเวรกรรมกับเรา ท่านคงสงเคราะห์พาเราไปหา เพราะเห็นว่าเป็นคู่กรรมกันสามารถไถ่ถอนกรรมหรือความทุกข์ของเค้าได้ เพราะเรื่องแต่อดีตชาติคือเราไม่รู้ ก็เลยให้เค้าไปทำบุญกรวดน้ำแผ่เมตตา เนื่องจากพี่เค้าชอบทำบุญอยู่แล้วและยังชอบภาวนาด้วย ที่เค้ามาแปลว่าตัวเราต้องมีบารมีมากพอที่จะสงเคราะห์เค้าได้เค้าจึงขอความช่วยเหลือ เลยบอกไปว่ากรณีแบบนี้หลายคนเจอหลังจากอุทิศบุญทำทานให้เค้าแล้ว ชีวิตจะดีกว่าเก่ามากขึ้นด้วย

    ผมก็มาคิดในใจว่าเออมันแปลกดี ปกติตัวเราเคยมีคนมาขอส่วนบุญ หรือคนอื่นที่ไปนรกมาส่วนใหญ่ก็ไปด้วยบุญสัมพันธ์ทั้งนั้น ไม่เคยได้ยินว่าไปเพราะเครื่องมงคลชักนำให้ไปแบบนี้ นี่คืออะไรพญานาคมาพันแขนพาไป คงเมีกรรมร่วมกันมาได้โปรดสัตว์แล้วท่าทางจะรวยใหญ่ ก็นำมาเล่าให้ฟังกัน เครื่องมงคลนั้นมันอยู่ที่จิตเราจะศรัทธาแค่ไหนให้ใจให้ความรู้สึกลงไปมากเพียงใด บางครั้งอย่าดูแค่ว่ามันเป็นแท่งตะกรุดกลมๆ บางทีแท่งตะกรุดนั้น อาจจะมีพลังอะไรที่น่าพิศวงจนเปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วมากมายก็เป็นได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 035.jpg
      035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      111
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2016
  6. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    ได้รับตะกรุดแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

    มีวิธีใช้เฉพาะหรือเปล่าครับ :cool:
     
  7. ปฏิภาณ บดส

    ปฏิภาณ บดส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +132
    ได้รับตะกรุดแล้วครับ
     
  8. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ได้รับตะกรุดแล้วครับ
     
  9. เทวดา2528

    เทวดา2528 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    ใด้รับตะกรุดเบี้ยต่อใส้แล้วครับ
     
  10. seekerpunch

    seekerpunch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +3,114
    ได้รับตะกรุดแล้ว ขอบคุณครับ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุย

    ก็มาพูดคุยกันนะครับเวลาเย็นๆ

    ก็ได้ไลน์คุยกับพี่ที่คุ้นเคยคนหนึ่ง ซึ่งเขาทักมาว่าใส่ตะกรุดสมุกสมเด็จไว้ที่ต้นคอด้านหลังแล้วรู้สึกว่ามีกระแสลมเย็นพัดวาบๆแถวต้นคอและหลัง ซึ่งปกติเมื่อก่อนไม่ได้ห้อยตะกรุดจะไม่รู้สึก เพิ่งมารู้สึกไม่กี่วันนี้ บางทีเดินๆอยู่ก็รู้สึกเย็นวาบบริเวณหลังต้นคอ

    เราเลยถามว่าเป็นบ่อยมั๊ย พี่เค้าก็ตอบว่าก็หลายวันแล้วนะ สามสี่วันนี้รู้สึกตลอด ซึ่งก็บอกเค้าไปว่าดีแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านมา ซึ่งเรื่องแบบนี้เหมือนผมจะเคยเล่าไว้แล้วช่วงหนึ่ง เรื่องแปลกๆอะไรที่จะประสบพบเจอกับเครื่องรางของพ่ออาจารย์ท่านนั้นมันต้องเจอกับตัว เจ้าตัวถึงจะรู้ดีที่สุดว่าดีและจริงเพียงใด ยิ่งเรื่องแปลกๆที่เกิดกับตะกรุดท่านยิ่งมีเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน

    บางคนบูชาตะกรุดพญาหนูปักข้าวไว้ พอเชิญตะกรุดจอมฟ้าท้าวมาลัยมหาโพธิสัตว์ไปบูชาเพิ่ม อยู่ดีๆตะกรุดพญาหนูที่ปักไว้บูชามาทุกวันอันตรธานไปเฉยๆก็มี จนเกิดเรื่องฉงนว่าทำไมรับพระมหาโพธิสัตว์องค์หนึ่งมาอีกองค์หนึ่งต้องจากไปเป็นปริศนาให้ขบคิดกัน จนเผลอนึกไปถึงบาตรของพระมหาโพธิสัตว์เมื่อออกผนวชที่ท้าวฆฎิการพรหมได้ถวายไว้ อยู่ดีๆก็อันตรธานไปเป็นเหตุให้เมื่อนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสต้องถวายพร้อมถาดทอง

    ซึ่งถ้าจะมานั่งพูดนั่งเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ที่หลายๆคนเจอมาวันละนิดละหน่อยผมว่ายาวเป็นมหากาพย์แน่ เพราะเจอเรื่องแปลกๆกันทุกวัน สำหรับคนที่บูชาเป็นพระหรือเครื่องมงคลที่เป็นรูปลักษณ์ไปเขาก็ยังจะพอเข้าใจได้ แต่บางคนเค้าบูชาตะกรุดไปเพราะคิดว่าเป็นแค่ตะกรุดแท่งกลมๆ ถึงกับประหลาดใจเพราะไม่เคยเจอและไม่คิดว่าจะเจอกับแค่ตะกรุดก็มี ซึ่งเรื่องแปลกๆตลอดจนประสบการณ์ทั้งหลายที่หลายๆคนบอกเล่านั้น พ่ออาจารย์ท่านมักจะพูดว่า เป็นไปด้วยพระพุทธานุภาพตลอดจนพ่อแม่ครูอาจารย์และเทวดาเขาหนุนส่ง

    วันนี้เรื่องที่จะพูดคุยกันก็คือเรื่อความเสื่อม ผมเชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกได้ว่าสภาพสังคมจิตใจคนมันสวนทางกับความเจริญและฐานะการอยู่กินมาก ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ฝากเตือนเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องให้เจริญสติ รู้เท่าทันความคิดของตน รู้เท่าทันชีวิิตและการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาลงลึกเรื่องนี้แบบละเอียดๆกันอีกที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2016
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ วันนี้ก็จะมาพุดคุยสัพเพเหระกันสบายๆ

    ช่วงนี้ก็มีเรื่องมาคุยด้วยเยอะ เอาเรื่องแรกก่อนเลยพอดีมีคนให้ช่วยเลือกพระขึ้นคอให้ระหว่างพระเก่ากับพระใหม่ไม่รู้จะห้อยอะไรดี แต่ดูจากจริตพี่แกแล้วน่าจะศรัทธาของเก่ามากกว่า จึงได้แต่พูดแบบเป็นกลางๆไปว่าห้อยได้ตามสบายเลย ถ้าเป็นผมนะจะจัดเส้นละองค์ องค์ละวัน มีเยอะก็ห้อยหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป วันไหนอยากใช้ด้านไหนพุทธคุณแบบไหนก็เลือกมาห้อยเป็นองค์ๆไป ใจเราจะได้ยึดมั่นอยู่กับพระรัตนตรัย จริงๆนะเพราะบางคนห้อยพระหลายองค์ไม่ได้ พอห้อยเยอะแล้วใจมันแกว่งมันไม่รู้จะศรัทธาองค์ไหน พอเจออะไรแย่ก็จะพาลไปโทษพระว่าห้อยเยอะหลวงพ่อท่านเกี่ยงกันไม่รู้ใครจะมาช่วยดี ก็นั่นไงบาปปากเข้าไปอีก

    จะว่าไปก็แปลกช่วงนี้ชอบตื่นกลางดึก เที่ยงคืนบ้าง ตีสามตีสี่บ้าง พอตื่นมาไม่รู้จะทำอะไรก็จะนั่งสมาธิ ไม่รู้ว่าเรารู้สึกไปเองมั๊ย จิตมันทรงตัวและเป็นสมาธิเร็วมากแบบนั่งปั้ปติดปุ้ปเลย ต่างกับเวลาพยายามนั่งตอนกลางวันหรือตอนเย็นมาก หลังกลายเป็นหลับไปได้พักนึงก็จะตื่นกลางดึกทุกวันแล้วก็จะเดินมานั่งสมาธิ ที่จริงมันก็คงเป็นที่คนด้วยเพราะจิตคนเราไม่เหมือนกัน ก็มีเรืองให้เล่าต่อสาเหตุสืบมาจากการตื่นมานั่งสมาธิตอนกลางคืนนี่แหละ เวลาเรานั่งมักจะรู้สึกถึงภูติผีหรืออะไรที่ไม่อยากจะเห็นตลอด ก็รู้อยู่ว่าเค้ามาดีมาขอส่วนบุญก็จะแผ่เมตตาให้เสมอๆตอนออกจากสมาธิ หรือว่าเพราะเราเลือกเวลานั่งตอนกลางคืนตอนดึกสงัดแบบนี้ก็ไม่รู้ มันถึงได้มาเยอะกว่าผิดปกติ แต่เดิมนั้นเต็มที่ก็เข้าฝันขอส่วนบุญบ้าง แต่ตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนเวลาเพราะรู้จริตของตัวเองว่าจิตมันสงบไวแล้วมันไม่รู้สึกอดนอน พอได้นั่งสมาธิโต้รุ่งนี่เราจะกระฉับกระเฉงมาก สมองก็สั่งการดีสายตาการมองก็รู้สึกว่ามันชัดขึ้นแปลกๆคือตอนเรานั่ง เมื่อก่อนจะเน้นการกำหนดลม แต่ตอนนี้พอกำหนดลมไม่นานจิตจะเป็นสมาธิไวมากหลังๆพอเข้าสมาธิก็จะได้มานั่งพิจารณาร่างกาย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามตัวรู้ที่มันผุดขึ้นมาว่าให้ทำอะไรต่อ ก็มานั่งทำ ทีนี้โผล่เข้านิมิตเราเลยเป็นพวกนี้มาขอส่วนบุญกันเยอะมาก รู้เลยว่าไม่ใช่แค่คนที่มีความทุกข์ความเดือดร้อน พวกภูติผีวิญญาณนี้เค้าหนักกว่าเรานัก บางครั้งเค้าโผล่มาขอส่วนบุญคนที่พอจะช่วยเหลือเค้าได้ คนเราก็กลับไปกลัวอีก ไม่ต้องว่าคนอื่นเลยเอาแค่ตัวเราแรกๆก็กลัว สะดุ้งเลยยังมียิ่งมืดๆเงียบๆวังเวงๆด้วยแต่พอทำประจำทำให้ชิน สู้กับความกลัวตัวเองทีนี้ก็ไม่มีอะไร

    ก็มีเรื่องแปลกๆจากสมาธินี่แหละมาเล่าต่อ อยู่ดีๆก็มีนิมิตเห็นว่าตัวเองนั้นหยิบเหรียญในหลวงรัชกาลที่ห้าเนื้อเงินซึ่งเลี่ยมอยู่ในกรอบพลาสติกให้คนๆนึง ในความรู้สึกตอนนั้นมันบอกเราว่าให้เค้าห้อยเหรียญนี้แล้วจะรวย ซึ่งเหรียญสวยเป็นเอกลักษณ์ดีเราไม่เคยเห็น แล้วมันก็เหลือเชื่อจริงๆวันนั้นมีเจ๊คนนึงมาคุยกะเราเรื่องพระ รู้จักกันมาตั้งนานไม่เคยพูดกันเรื่องนี้ วันต่อมาเอาพระมาให้เราเลือกบอกให้เลือกให้พี่หน่อยไม่รู้จะใส่อะไรดี เพราะเค้าบอกว่าเห็นเราชอบประวัติศาสตร์ชอบไปวัดหาโบราณสถานแล้วก็เดินสำรวจมาๆไปๆบ่อยๆ เวลาเจอซากโบราณสถานหันมาเราจะหายตัวไปแล้ว คือเราจะวิ่งดูนั่นดูนี่ของเราไปเรื่อย เค้าเลยเชื่อใจเราให้เลือกให้หน่อยก็ไม่รู้จะเรียกว่ายังไงเออเหมือนในฝันเป้ะเลย เหรียญรัชกาลที่ห้าเนื้อเงินเลี่ยมพลาสติก รูปนี้ทรงนี้คือเด้ะเลย เรายิ้มออกเลยไม่ต้องเสียเวลาหานั่งเลือกด้วย บอกเค้าว่าเจ๊เชื่อผมมั้ย ห้อยองค์นี้เจ๊รวย แล้วต่อมาแกถูกหวยรางวัลใหญ่รวยจริงๆผมยังพลอยได้ลาภปากแกหาขนมมาให้กินแถมพาไปเลี้ยงข้าว แล้วยังพาเราทัวร์โบราณสถานที่เราอยากไปอีก

    ก็เป็นเรื่องแปลก เรื่องของการทำสมาธิ เรื่องของจิตมันหาข้อสรุปไม่ได้จริงๆ ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่นั่งสมาธิก็คงเจอบางคนเจออะไรเยอะกว่านี้มาก ที่อาราธนาเครื่องมงคลของพ่ออาจารย์มากำไว้แล้วทำสมาธิหลายๆคนบอกว่าเห็นเหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดกับตัวเองก็มี พอเกิดขึ้นก็ได้แต่อัศจรรย์ใจและเห็นถี่ขึ้นๆ มาเล่าให้เราฟังเราก็ได้แต่บอกเค้าว่ามันเป็นเรื่องของจิต บางคนสิ่งศักด์สิทธิ์ท่านเสริมส่งให้มันก็ไปได้เร็ว พอนั่งแล้วมักจะเจอเรื่องแปลกๆอย่างเมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาศไปวัดหน้าพระเมรุที่อยุธยา พอเดินเข้าไปมีเด็กนักเรียนเล่นระนาดหารายได้อยู่ เราก็เดินเลยไปกราบพระกับเพื่อนๆ วิ่งไปตรงหน้าเลยคุกเข่าสวดพระพุทธคุณจบบอกว่าลูกจะมาถวายพรพระ ปกติคนอื่นมักจะมาไหว้พระแล้วขอพร แต่ผมไม่เคยขอนะเวลาไปวัดไปเจอพระเจอโบราณสถาน ผมจะถวายพรพระแล้วก็สวดมนต์ตรงนั้นเลยอาศัยว่าเราสวดบ่อยแล้วมันชำนาญจึงสวดได้ไวไม่นานเกินนาทีสองนาที แต่ที่วัดหน้าพระเมรุนี้มีเรื่องแปลก พอเราบอกจะมาถวายพรพระแล้วก็เริ่มสวดมนต์ มีแต่ลมเย็นมากจากไหนไม่รู้ทิศทั้งตีหน้าเราทั้งพัดตัวเราวูบๆ สดชื่นมากเลยไม่ร้อนไม่รู้สึกรำคาญตัวเลย อากาศแบบนี้ให้นั่งทั้งวันก็ยังได้ แต่ที่มันพิลึกไปกว่านั้นน้องที่เล่นระนาดอยู่หน้าโบสถ์ตอนเราเดินมาก็ยังได้ยินเสียงอยู่ แต่พอเราถวายพรพระกลับไม่ได้ยินเสียงระนาดเลย ได้ยินแต่เสียงกลองตีเว้นจังหวะ ตึง ตึง ตึง ในความรู้สึกเหมือนใครมาตีกลองศึกตอนนี้ ตลอดตั้งแต่ลมพัดมาเราเริ่มถวายพรพระจนเราสวดจบก้มลงกราบสามครั้งเสียงกลองก็ดังตลอดเป็นจังหวะเนิบๆ แต่ที่ประทับใจสุดคือกราบลาหลวงพ่อเพราะถวายพรพระจบแล้วกราบนึงก็ดังตึงเป็นจังหวะสามทีเหมือนเค้าตั้งใจตีรับการกราบเรายังงั้น พอกราบเสร็จเสียงกลองหายไปแล้ว วิ่งออกไปดูข้างนอกไม่เห็นกลองไม่มีใครตีกลองเลย แปลกไปอีกเพื่อนที่มาด้วยกันสี่ห้าคนถามมันว่าได้ยินเสียงกลองมั๊ยดังนานมากนะ ไม่มีใครได้ยินซักคนตอบเหมือนกันว่าได้ยินแต่เสียงระนาด ได้แต่นึกในใจว่าเหอะๆผีหลอกตอนกลางวันอีกแล้ว

    ก็เอามาเล่าให้ฟังกันยามเช้า เชื่อว่าหลายๆคนที่เริ่มฝึกสมาธิก็คงเจออะไรแปลกๆมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน เดี๋ยวจะทยอยมาลงสาระและพูดคุยกันเรื่อยๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2016
  13. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ขอความรู้เรื่องกำพระนั่งสมาธิครับ ว่ามือที่กำพระอยู่ควรจะอยู่ส่วนไหนของร่างกาย เช่นอยู่ตรงบริเวณลิ้นปี่ หรือวางอยู่บนหน้าตักเหมือนเวลานั่งสมาธิธรรมดาครับ สงสัยมานานแล้ว
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ควรถามคนกำเพราะอุปนิสัยคนไม่เหมือนกัน สมาธิผมจะกำพระเฉพาะเวลาภาวนา หมายถึงภาวนาพระคาถาสั้นๆตั้งจิตไปภาวนาเสร็จนับ 1 นับ 2 ไปเรื่อยๆจนครบ108 เคยทำอยู่นานภาวนาไปเรื่อยๆ ช่วงนั้นจะยึดติดกับคำภาวนามาก แต่หลังๆถ้าทำสมาธิที่หมายถึงนั่งสมาธิจริงๆคือวางหมดไม่เอาไม่ยึดอะไร เพราะเรานั่งเพื่อวาง ถามว่ากำพระมืออยู่ตรงไหน คือต้องเข้าใจว่าสมาธิมันทำได้ทุกท่า คุณจะสวมพระในคอแล้วเอามือกำก็ทำสมาธิได้ หรือจะถอดออกมากำก็ได้ คนเรามักจะไปยึดติดที่เค้าเรียกติดตลกว่าท่าตะบันหมากของสมเด็จโต พอกำพระก็จะยกขึ้นมาตรงลิ้นปี่ โดยลืมคิดว่าตัวเองเพิ่งเริ่มตัวเองไม่ใช่สมเด็จโตนะ ไม่ต้องไปทำท่าตามท่านก็ได้ สำหรับผมถ้าทำอย่างนั้นมันรู้สึกรำคาญตัวเองคนอื่นผมไม่รู้นะ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ดังนั้นจึงเอาท่าที่สบาย ทำท่าไหนสบายก็ทำไป จากที่ถามครูบาอาจารย์หลายๆรูปท่านก็ลองผิดลองถูกมาเยอะทั้งสายหลวงพ่อฤาษี สายวัดปากน้ำมากมายจนเจอที่เข้ากับจริตของเราแล้วก็จะยึดถือปฏิบัติไป ดังนั้นมันตอบไม่ได้หรอกว่าใครจะทำอย่่างไรท่าไหน บางทีใช่ของเราคนอื่นอาจไม่ใช่ทำไม่ได้ก็มี คือมันต้องลองเองรู้เองว่าใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่เราทำได้คนอื่นทำไม่ได้เค้าทำผิดแบบนี้ก็ไม่ถูก เพราะเค้าอาจทำได้ดีในวิธีอื่นก็ได้ ถ้าไม่ใช่ก็ลองวิธีใหม่แค่นั้นเพราะนิสัยคนต่างกัน ความชอบต่างกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2016
  15. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    ตะกรุดต่อใส้ได้แล้วครับ ไม่ต้องท่องคาถาหรือครับ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    สมเด็จ

    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ช่วงที่ผ่านมาก็มีคนเอาประสบการณ์เรื่องเล่าเหรียญหล่อของสมเด็จโตบอกเล่ากันมาเยอะมาก บางคนก็ถามว่าเมื่อไหร่จะเอาพระเครื่องที่อาจารย์ท่านสร้างไว้ในสายบรมครูสมเด็จออกมาให้บูชาอีกบ้าง

    วันนี้ก่อนจะนำประสบการณ์ต่างๆค่อยๆมาทยอยเล่าก็ถือโอกาสพูดกันก่อนเลย ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครตอนนี้ไม่รู้จักสมเด็จโตวัดระฆัง ยิ่งพุทธคุณพระเครื่องของท่านนั้นแน่นอนว่าเชื่อขนมกินได้ หากแต่พระเครื่องของท่านนั้นคือสมเด็็จวัดระฆังมีสนนราคที่แพงมากซ้ำพระอยู่กับมือใครก็มีแต่ปลอมทั้งนั้น เพราะราคาเซียนขาย กับราคาเซียนซื้อเข้ารังมันต่างกันฟ้ากับดิน

    เรื่องอาถรรพ์ในองค์สมเด็จนี่ว่าจะพิมพ์มาหลายวันแล้ว วันก่อนก็นั่งพิมพ์อยู่พอกดโพสต์เท่านั้นแหละคอมดับเฉยเลย เปิดขึ้นมาใหม่ก็ไม่เจออะไร ก็พอจะเข้าใจได้ทันที เอาเป็นว่าเรื่องที่จะพูดคุยวันก่อนนั้นขรัวโตท่านไม่อนุญาติ

    ทีนี้เราจะพูดเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับสมเด็จโตอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือบทสวดมนต์ชินบัญชร อยากบอกอีกครั้งแบบที่คนเค้าชอบพูดกันว่ารักถึงบอก เพราะบทนี้ดีมากจริงๆ หลายคนที่นำไปสวดไปท่องและกระทำจนเป็นกิจวัตรแล้ว ล้วนเจอสิ่งน่าอัศจรรย์มากมายจากบทสวดมนต์บทนี้ เชื่อหรือไม่

    แล้วหากนำไปท่องไปสวดแล้วก็ไม่ยากเลยที่จะจำได้อย่างง่ายดาย วันนี้ที่หยิบพระคาถาชินบัญชรมาพูด ก็ด้วยเหตุว่าหลายคนโอดครวญว่าจะไปหาพระสมเด็จแท้ๆที่วงการเค้าเล่นกันมากจากไหน

    ก็รู้ว่าการห้อยแบบที่วงการเค้าเล่นนั้นมันคงได้หน้าได้ตาน่าดูทีเดียว แต่ก็อยากถามกลับไปเหมือนกันว่าที่ห้อยนั้นจะเอาอะไร จะเอาพระพุทธคุณ อยากมีชีวิตดีขึ้นเช่นนั้นหรือเปล่า ถ้าใช่ก็แล้วพระคาถาชินบัญชรเล่า พระคาถานี้ไม่แท้ตรงไหน ดีกว่าพระสมเด็จเสียอีกผมบอกให้แค่นี้เลย

    ผมเคยรู้จักเซียนพระที่เก็บสมเด็จวัดระฆังวัดบางขุนพรหมไว้ ไอ้ที่ขายองค์ละแพงๆนั่นแหละ ขอใช้คำว่าเคยรูจักแล้วกัน ตอนนั้นเค้าเล่าให้ผมฟังว่าเค้าไม่เคยมีพระสมเด็จเลยแบบทุกวันนี้ ตัวเค้าเริ่มมากจากการศรัทธาสมเด็จโตก่อน พอศรัทธามากก็เลยหัดท่องหนังสือท่องคาถาชินบัญชรจนจำได้

    พอจำได้แล้วด้วยความศรัทธาเค้าจึงสวดพระคาถาชินบัญชรโดยอธิษฐานทุกครั้งว่าจะสวดถวายสมเด็จโต นี่สำคัญมาก เค้าสวดวันละ 108 จบหรือมากกว่านั้นตามเวลาแต่ละวัน เค้าว่าสวดจนจำไม่ได้เลยว่าทำมากี่ปี จนเค้าปรารถนาอยากจะครอบครองสมเด็จวัดระฆังจึงอธิษฐานขอ เชื่อหรือไม่หลังจากขอแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นเค้าเจอพระสมเด็จตกอยู่ตรงหน้าบ้าน นั่นคือพระสมเด็จองค์แรกในชีวิตเขา หลังจากนั้นก็ทยอยตามกันมาอีกมากมาย

    เพราะเห็นความมหัศจรรย์ในบทสวดพระคาถาชินบัญชรถึงปานนั้น มีหลายๆคนเจอเรื่องเหนือธรรมชาติบ่อยๆ และเห็นว่ามันเป็นคำคล้องจองออกเสียงสวดง่ายจำง่ายเพราะสวดให้มีทำนองได้ จึงมักเตือนมักบอกให้สวดกัน เพราะนี่คือยอดของดีของสมเด็จโต แน่นอนว่าถ้ากำลังใจเราสูง มันดีกว่าพระสมเด็จที่เค้าเล่นกันอีก เพราะหากจำได้มันจอยู่ติดตัวเราไปจนตายไม่มีใครมาโขมยได้ ซ้ำหากเราสวดเป็นประจำอำนาจพระพุทธคุณนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะศักดิ์สิทธิ์ซักปานไหน

    หลายๆคนอยากเข้าถึงสมเด็จโต เพียรไปวัดระฆังบ้าง วัดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับท่านบ้าง เพียรไปเพื่อจะนั่งอ่านนั่งสวดคาถาชินบัญชรตรงนั้น อันนี้ไม่จำเป็นเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าหากใจเรานึกถึงกัน สวดตรงไหนก็เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับว่าใจเรามีท่านอยู่มั๊ย ถ้ามีกันอยู่ไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ครูไม่ทิ้งศิษย์แน่นอน

    วันนี้ก็ขอเปิดเรื่องด้วยเรื่องคาถาชินบัญชรก่อน แล้วจะกล่าวถึงเรื่องของสมเด็จโตในลำดับถัดไป ติดตามกันให้ดีๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ก็มีไลน์มาเล่าให้ฟังสนับสนุนอีกเสียง เรื่องสวดพระคาถาชินบัญชรแล้วได้พระสมเด็จเป็นเรื่องจริง สำหรับท่านนี้พระเอามาให้:cool:
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ก็มีแต่คนถามเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องพระสมเด็จอีก ก็เอาเป็นว่าช่วงนี้จะพิมพ์ให้ความรู้กันไปเรื่อยๆสลับกับนำประสบการณ์ที่หลายๆคนเล่าเเล้วเราจดเก็บไว้มาลงด้วยถือเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณครูบาอาจารย์กันนะครับ:cool:
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พระสมเด็จ

    ก็มาต่อกันนะครับ

    เรื่องความขลังของพระมหาพุทธพิมพ์หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าพระสมเด็จนั้น พ่ออาจารย์ท่านมักกล่าวว่า ด้วยองค์ผู้สร้างคือขรัวโตท่านเป็นผู้มีภูมิความรู้อย่างแท้จริง พระของท่านไม่เพียงแต่สร้างไว้สืบพระพุทธศาสนาแต่ท่านยังทำไว้ช่วยคน ด้วยว่าท่านรู้วิธีการทำให้พระเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์

    ซึ่งในปัจจุบันนั้นแม้จะมีการสร้างพระเลียนแบบพิมพ์ทรงที่เรียกกันว่าพิมพ์สมเด็จออกมาอยู่เนืองๆ แต่ก็หาสำนักใดจะปรากฏเกียรติคุณยิ่งใหญ่เทียบเท่าสมัยเจ้าพระคุณได้เมตตาอนุเคราะห์ไว้

    การทำพระให้ขลังนั้นต้องยอมรับท่านเลย เพราะท่านมีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงอย่างหนึ่ง เป็นผู้คงแก่เรียนอย่างหนึ่ง มักศึกษาประวัติศาสตร์อ่านจารึกโบราณ ตรงนี้ทำให้ท่านมีความรู้มาก ดูอย่างพระกรุกำแพงเพชรพวกสกุลพระกำแพงซุ้มกอทั้งหลาย เจ้าพระคุณท่านก็เปิดกรุ เจอลานบันทึกท่านก็เอามาศึกษา ท่านรู้ไปเสียทั้งหมดว่าสมัยโบราณตั้งแต่ยุคพระมหาธรรมราชาลิไทนั้น จะสร้างพระให้ขลังต้องทำอย่างไร ต้องผสมอะไรใส่อะไรบ้าง ซึ่งเคล็ดลับการทำพระโบราณแบบนี้ไม่มีใครจะไปเสมอเหมือนท่าน เพราะท่านได้ประยุกต์มวลสารต่างๆนั้นมาทำเป็นพระมหาพุทธพิมพ์ของท่านเอง ท่านรู้ว่าต้องใส่อะไรเสกอย่างไร นี่จึงเป็นจุดสำคัญว่าท่านเดินตามรอยเท้าบูรพาจารย์มาเสมอ บูรพาจารย์สมัยพระมหาธรรมราชาลิไททำพระอย่างไร ขรัวโตท่านก็เสกแบบนั้น เป็นการตกผลึกหลอมรวมทั้งศาสตร์และวัฒนธรรมแบบประยุกต์เข้าด้วยกันเพราะท่านศึกษามาทุกศาสตร์ทุกสมัย

    พ่ออาจารย์ท่านมักพูดเสมอว่าพระสมเด็จของขรัวโตนั้น มีมวลสารอะไรที่มากกว่าการลบถมผงวิเศษทั้งห้าประการอยู่ แต่สืบมาในชั้นหลังนั้น คนจะไปยึดถือเพียงผงวิเศษห้าประการเพราะตนนั้นสามารถเรียนรู้สามารถศึกษาและทำตามได้ เขาก็ทำแต่เพียงความรู้ความสามารถเขาจะทำเท่านั้น แต่สำหรับคนบางคน สำหรับเรื่องบางเรื่อง การจะได้มาซึ่งมวลสารต่างๆนั้น บุคคลนั้นนอกจากจะอยู่ในเหตุการณ์สำคัญประจวบเหมาะพอดีกับช่วงเวลาแล้วยังต้องมีบารมีที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย

    ท่านว่าพระสมเด็จของขรัวโตนั้นไม่ใช่แต่ว่าท่านรู้วิธีทำและวิธีเสกแล้ว กฤติยาคมแฝดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ด้อยกว่ากัน ทำไมพระมหาพุทธพิมพ์หรือที่นิยมเรียกกันว่าสมเด็จนั้นถึงมีพุทธคุณแรงทำไมถึงได้รับยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์พระเครื่อง

    กฤติยาคมแฝดตรงนี้สำคัญท่านว่าวัสดุที่นำมาประกอบเป็นมวลสารของพระมหาพุทธพิมพ์นั้น ล้วนแต่มีคุณค่าและความหมายในตัวเองทั้งสิ้น เรียกว่าถึงไม่เสกก็ยังขลัง จะยกตัวอย่างง่ายๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยก่อน เจ้าพระคุณท่านนั้นได้เปิดกรุกำแพงเพชรเพื่อจะบูรณะเจดีย์ขึ้นมาใหม่โดยจะรวบเจดีย์สามองค์ไว้เป็นองค์เดียว กาลนั้นพระสกุลกำแพงก็ได้ปรากฏโฉมหรือที่เรียกว่าแตกกรุออกมาจากพระเจดีย์นั้น เจ้าพระคุณท่านนอกจากได้ลานจารึกโบราณแล้วยังได้พระสกุลกำแพงส่วนหนึ่งกลับมาด้วย

    พระสกุลกำแพงที่ท่านนำกลับมานั้นมีตั้งแต่สมบูรณ์จนถึงชำรุด ซ้ำท่านยังได้นำเศษอิฐโบราณต่างๆกลับมาเพื่อศึกษาด้วย นี่พระโบราณจารย์พระสำคัญถึงแม้ท่านไม่ได้อ่านลานจารึก แต่เพียงท่านจับท่านตั้งจิตอยากจะรู้ว่าของเก่านั้นทำมาอย่างไรเสกมาอย่างไรเช่นนี้ท่านก็รู้ได้ ทุกวันนี้เป็นอย่างไรพระกำแพงซุ้มกอหายากเพียงไหน มีราคาเท่าไหร่ มีพุทธคุณดีถึงขนาดมีคนกล่าวไว้ว่ามีกูไว้ไม่จนทีเดียว

    เจ้าพระคุณท่านก็นำพระกำแพงที่แตกหักเหล่านั้นที่ท่านได้มาแต่ครั้งเปิดกรุมาตำบดผสมลงไปในเนื้อพระมหาพุทธพิมพ์เวลาท่านพิมพ์พระขึ้นมา นี่เห็นมั๊ยใครจะไปเสมอเหมือนท่านได้ พระกำแพงเวลานี้องค์ละเท่าไหร่ หาแท้ยังยาก แม้จะมีตำหนิสึกหรอเค้าก็ยังยินดีจะห้อยกัน แล้วจะมีการสร้างพระที่ไหนที่จะนำพระกำแพงมาผสมในเนื้อพระแบบที่ท่านทำได้

    พ่ออาจารย์ท่านว่าห้อยสมเด็จองค์เดียวมีครบทุกอย่าง เจ้าพระคุณนั้นไม่ใช่แต่เพียงนำพระกรุกำแพงที่ชำรุดมาผสมลงในพระพิมพ์ของท่าน ยังมีกรุอื่นๆด้วยอีกมากนัก ท่านทำให้ดีที่สุดจริงๆเพราะท่านค่อยๆสร้าง ค่อยๆทำของท่านไปไม่รีบ และมวลสารต่างๆก็ล้วนเป็นของจริงที่ท่านหาท่านผสมจริงๆเกินกว่าคนในยุคนี้ที่สร้างพระเพื่อปริมาณและความรีบเร่งจะทำได้

    มีพระสมเด็จองค์หนึ่ง ขอให้แท้เป็นของที่เจ้าพระคุณท่านสร้างไว้จริง ท่านว่าเท่านี้ก็เกินคุ้มแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งหลายถึงบอกต่อกันว่าห้อยองค์เดียวจบ เพราะรู้กันดีสืบมาแต่รุ่นปู่ย่าว่าขรัวโตนั้นท่านทำพระอย่างไร ตั้งแต่มวลสารการผสมการนวดเนื้อพระก็ยังต้องใช้น้ำพระพุทธมนต์ ท่านปราณีตถึงเพียงนั้น

    * เดี๋ยวจะมาลงข้อมูลกันต่อเรื่อยๆนะครับถ้ามีคนตามอ่านกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    เมตตาจิต

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก็มาต่อจากที่ค้างไว้เมื่อวานกันเลย

    เรื่องของกฏแห่งกรรม ความทุกข์หรือที่พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าสารพัดกรรมบาปธรรมทั้งหลายนั้น ล้วนแต่เกิดจากเหตุคือจิตเดิมที่เราได้แสวงหาภพผ่านมาแล้วอย่างโชกโชน ในแต่ละภพนั้นเราได้สร้างกรรมร่วมกับผู้อื่นมากมายและก็ยังสร้างต่อเนื่องจนนับประมาณไม่ได้ ดังนั้นเมื่อพูดถึงเรื่องกรรมแล้วท่านจึงมักพูดว่าเสียเวลาที่จะพูดกัน เพราะมันเป็นการป่วยการณ์ที่จะไปสืบหากรรมต่างๆเหล่านั้น เนื่องจากว่ามันมากจนประมาณไม่ได้ เราสะสมมาทุกชาติแล้วก็ยังสะสมกันต่อไป

    ตราบใดที่ยังท่องเที่ยวในสังสารวัฏ เช่นนี้แน่นอนย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณทั้งหลาย ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้สรรพเคราะห์บาปธรรมทั้งหลายนั้นคลี่คลายไปได้ ลดความโกรธลดโทสะของเจ้ากรรมนายเวรลง หาใช่การก่อเวรผูกกรรมให้ยิ่งขึ้นไป แต่เป็นการละวาง การให้อภัยทาน และการอธิษฐานแผ่เมตตา

    สิ่งนี้จะมีผลมากต้องทำเสมอ และต้องทำออกมาจากความรู้สึกที่แท้ของเรา ไม่ใช่พูดปากเปล่า แผ่เมตตาไปเฉยๆดุจว่าทำตามหน้าที่ใครเขาว่าดีเราก็ทำ ไม่ได้มีน้ำใจที่จะรู้สึกหรือเป็นไปเพื่อความปรารถนาดีอันจะส่งไปให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เรียกว่าทำส่งๆไปอยากให้ชีวิตดีก็ทำ การแผ่เมตตาแบบนั้นมีผลในส่วนน้อยแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้นแต่อย่างใด

    พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าจะให้วิธีแผ่เมตตาของเจ้าพระคุณท่านไว้เป็นธรรมทาน เพื่อจะได้สงเคราะห์ไปในสัตว์ทั้งหลาย หากเขาเชื่อและกระทำทุกวันจนเป็นนิสัย ย่อมจะนำผลดีมาสู่ตัวเค้าอย่างแม่นมั่นที่สุด

    ทุกวันนี้หลายคนมักจะแผ่เมตตากันหลังสวดมนต์เสร็จบ้าง หลังทำทานบ้างคล้ายกับทำเป็นกิจวัตรเพียงรู้ว่า พอสวดเสร็จพอให้ทานเสร็จต้องทำ ซึ่งหากตรวจดูจิตของตนจะพบว่าการแผ่เมตตานั้นแทบจะสูญเปล่าไปเลยก็มี เพราะร่างกายเราไม่รู้สึกสบาย จิตใจเราก็ไม่รู้สึกสบาย เรียกว่ากำลังใจไม่เต็มที่ การแผ่เมตตานั้นจะส่งผลให้คุณอย่างยิ่งต้องทำต่อเมื่อกำลังใจเต็มที่เท่านั้น

    แล้วจะทำอย่างไร กำลังใจเรามันจะเต็มตอนไหน นี่หากใครที่เคยเจริญสติมา สมาธิที่บอกให้ฝึกๆกันไว้มีประโยชน์แล้วตรงนี้ หยิบมาใช้ได้เลย เริ่มจากค่อยๆกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ ตามลมหายใจของตนไปจนจิตนิ่งอยู่ไม่ฟุ้งซ่าน หลังจากนั้นจึงกำหนดรู้เลื่อนขึ้นมาไว้ที่ฐานของจิต นั่นคือช่วงกลางอกหรือตรงลิ้นปี่ พิจารณากายสังขารว่าวันหนึ่งเราเกิดตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน หายใจเข้าก็เกิด หายใจออกก็ดับ หัวใจเรานั้นเต้นอยู่ด้วยจังหวะเพียงสองสิ่งเท่านั้นคือการเกิดดับอยู่เช่นนี้ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกจับความรู้สึกไปที่ฐานของจิตคือช่วงลิ้นปี่ ทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆจนนิ่ง สงบ

    เมื่อทำเช่นนี้จะมีอารมณ์ปรากฏขึ้นก็ให้จำอารมณ์ตรงนี้ไว้ให้ดี แต่ละคนนั้นย่อมต่างกันไปเพราะร่างกายมนุษย์ไม่ได้เสมอกัน ตอนนี้เราตามจิต รู้เท่าทันจิตวางเรื่องร่างกายไปแล้วจะใช้อารมณ์ตรงนี้กำหนดทำเป็นสมาธิไปเลยก็ได้หรือจะใช้ในการแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของตนทุกภพภูมิก็ได้

    การจะแผ่เมตตานั้นไม่ใช่การสวดหรือการกล่าวออกมาแต่อย่างใด แต่วิธีที่จะทำต่อไปนี้เป็นวิธีเฉพาะซึ่งอาศัยกำลังใจอย่างสูง เป็นการแผ่เมตตาที่ให้ผลมาก นั่นคือการแผ่เมตตาด้วยจิต

    ทุกวันนี้คนเราใช้ปากแผ่เมตตากันมากแต่ไม่ใคร่จะใช้จิตแผ่เมตตากันเลย การพูดขอไปทีนั้นผู้ใดก็ทำได้แล้วการกระทำเช่นนั้น คิดหรือว่ามันจะหยุดบ่วงกรรมหยุดคลื่นลมในวัฏสงสารได้

    การแผ่เมตตาด้วยจิตนั้น เราต้องอาศัยช่วงที่จิตมีกำลังนี้แผ่เมตตาออกไป กำหนดอารมณ์ให้ปิติตั้งอยู่ในเมตตาพรหมวิหาร กำหนดรู้ว่าจะแผ่เมตตาให้กับใครไม่ว่าจะเจ้ากรรมนายเวร เทพยดา เปรต อสุรกายหรือแม้แต่มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะตั้งจิตโดยรวมหรือเฉพาะเจาะจงเป็นบุคคลก็ได้ ระลึกถึงบุญทานการกุศลที่ตนได้ทำ อาศัยปัจจัยนั้นเป็นเหตุแผ่เมตตาออกไปอย่างไม่มีประมาณ ให้สัตว์ทั้งหลายนั้นพ้นทุกข์ถึงซึ่งความสุขนิรันดร์

    สุดท้ายนี้สำคัญมาก เมื่อเราทำการแผ่เมตตาด้วยจิตเช่นนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าเราจะทำกับใครหลังจากแผ่เมตตาไปแล้วเราต้องระลึกเสมอว่าเขาอนุโมทนาตอบกับเรา เราทำด้วยจิตที่มีกำลังมาก บุญนั้นเป็นบุญใหญ่ มีอานิสงค์มากด้วยกำลังแห่งจิต เมื่อเรากำหนดรู้ว่าเขาอนุโมทนาเช่นนี้นั่นหมายถึงว่าเขารู้แล้ว ได้รับแล้วจิตใจเราก็จะผ่องใสยิ่งขึ้น

    หมั่นทำเช่นนี้ในทุกๆวันทุกเวลา เมื่อมีโอกาสหรือมีเวลาว่างก็ให้จับลมหายใจ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนหากทำได้ครั้งหนึ่งหรือสามารถทรงอารมณ์ได้เสมอแล้ว ก็จะเป็นเรื่องง่าย ทีนี้ไม่ว่าอยู่แห่งใดเราก็จะแผ่เมตตาจิตเช่นนี้ได้ตลอด

    บุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง

    สุดท้ายนี้ก็ขอให้การเผยแผ่วิธีการแผ่เมตตานั้นเป็นเหตุอันจะนำไปสู่ปัจจัยที่เป็นมงคลเกิดกับทุกๆคนที่รู้และนำไปปฏิบัติ ซ้ำยังขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและบูชาคุณครูบาอาจารย์นั่นคือองค์เจ้าพระคุณสมเด็จเป็นที่สุด ท่านว่าการแผ่เมตตาจิตนั้นใครทำใครได้ ถ้าอยากเอาตัวออกห่างจากเจ้ากรรมนายเวรก็สมควรที่จะทำ แต่ต้องไม่ลืมว่าเมื่อตนเองอยากปลดเปลื้องภาระเก่านั้น ก็อย่าได้สร้างภาระใหม่ขึ้นมาอีก การแผ่เมตตาจิตนั้นเป็นวิธีทำสมาธิ วิธีฝึกเจริญสติอย่างหนึ่ง ถ้าทำได้ รับรองว่าชีวิตนี้จะมีแต่คำว่าดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...