พระเครื่องสาย อ่างทอง สิงห์บุรีและคณาจารย์ทั่วไป มาใหม่!!ปลัดขิกสะท้านเวหา ลพ.ยิด วัดหนองจอกและสายอนุสรณ์ วัดระฆังฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย BaByUltraMan, 27 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    สวัสดีครับ พี่ๆ เพื่อน ๆ ชาวพลังจิต



    ได้กลับมารับใช้ ท่านอีกแล้ว หลังจาก ห่างหาย ไปนานเพราะยุ่งเรื่องงาน

    พระเครื่องที่ให้เช่าบูชา เป็นพระเครื่อง สายอ่างทอง สิงห์บุรี และคณาจารย์ทั่วไป

    โดยพระเครื่องทุกองค์รับประกันแท้ ตลอดชีวิต ตามมาตรฐานสากล เช่น สมาคมไม่รับส่งประกวด หรือ เซียนสายตรงบอกเก๊ (เฉพาะที่ผมยอมรับ ตามสากล) ยินดีคืนเงิน 100% โดยไม่หักค่าใช้จ่าย


    การจองถ้าจองไม่เกิน 3 วันไม่คิดค่ามัดจำ
    ถ้าจองเกิน 3 วันคิดค่ามัดจำ 10% ของราคา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2020
  2. ป้ายหน้า

    ป้ายหน้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +97
  3. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    1.พระผง รุ่น เกศาหอม หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี


    เลี่ยมพลาสติกแล้ว มีเกศาเห็นชัดด้านหน้า 1 เส้น ด้านล่างอุดผงสมเด็จวัดระฆัง

    พระผงชุดเกศาหอม ปี 43 พระอาจารย์ทองสุข ลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ (แต่ขอหลวงพ่อกลับไปจำวัดอยู่ที่จังหวัดเชียงรายเพื่อพัฒนาบ้านเกิด) ในปี2543 ได้ขออนุญาติหลวงพ่อจรัญจัดทำพระชุดเกศาหอมขึ้นมา พระชุดนี้ประกอบด้วย4พิมพ์ คือ พิมพ์สมเด็จ,พิมพ์ใหญ่มีรูปหลวงพ่อนั่ง,พิมพ์สังข์กะจาย และพิมพ์ปิดตา เพื่อเป็นการบูชาคุณและแจกในวันเกิดหลวงพ่อจรัญในวันที่15 สิงหาคมในปี 2543 พระชุดนี้หลวงพ่อจรัญได้ให้ ผงสมเด็จวัดระฆัง,ผงพุทธคุณ เป็นต้น มาเป็นมวลสารและยังมีเกศาหลวงพ่อ,ว่าน108 และมวลสารอีกมากมายครับ พระชุดนี้จึงควรค่าแก่การเก็บสะสม

    ให้บูชา ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0743.JPG
      IMG_0743.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      240
    • IMG_0744.JPG
      IMG_0744.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      289
  4. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    2.เหรียญหลวงพ่อวอน วัดโพธิ์แกวนพคุณ ปี 2517

    วัดโพธิ์แก้วนพคุณ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ระหว่างที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นที่น่าเกรงขามมาก ท่านเป่าพ่นน้ำพระพุทธมนต์ชะงัดนัก เช่นถ้าใครเป็นโรคตะมอยตามนิ้วมือ ซึ่งปวดมาก ร้องครวญครางมาให้ท่านเป่า พอย่างก้าวเข้าบริเวณวัด ก็หายปวดทันที ส่วนบรรดานักเลง เมาสุราที่เมาแล้วชอบอาละวาด พอเข้าบริเวณวัดก็ต้องหยุดทันที ข้าวของในวัดก็ไม่เคยหาย

    ครั้นมาในปีนี้ (2517) ท่านเจ้าอาวาส องค์ปัจจุบัน พร้อมด้วยคณะกรรมการวัด ได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อวอน ขึ้นเป็นสองแบบ คือ

    แบบที่หนึ่ง เป็นรูปรีเต็มองค์
    แบบที่สองคือ เป็นรูปกลมครึ่งองค์

    นอกจากนี้ยังสร้างรูปหล่อบูชา หลวงพ่อวอน 5นิ้ว อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อท่านที่เคารพนับถือ นำไปบูชา ซึ่งทางวัด หรือคณะกรรมการมีความประสงค์ จะนำปัจจัยมาสร้างหอประชุมสงฆ์ และปรับปรุงวัดให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน จึงได้กำหนดวันพิธีพุทธาภิเษก รูปหล่อหลวงพ่อวอน เหรียญและ พระผง ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2518 (แรม 14 ค่ำ เดือน 2 ) หมายกำหนดพิธีดังนี้

    07.00น. ถวายอาหารแด่พระสงฆ์
    09.09น. เริ่มทำพิธีบวงสรวง
    11.00น. ถวายอาหารเพลแด่พระสงฆ์
    17.00น. ประธานจุดธูปเทียนพระรัตนตรัย พระสงฆ์ 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์
    19.00น. ประธานจุดเทียนชัย พระสงฆ์ 4 รูปเจริญพระคาถาพุทธาภิเษก
    20.00น. จุดเทียนชัย พระเกจิอาจารย์นั่งปรก บริกรรมปลุกเสก พระสงฆสวดพุทธาภิเษกสลับกันไปจนเสร็จพิธี
    พระคณาจารย์ที่นั่งปรกมีดังนี้

    ๑ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
    ๒ หลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี
    ๓ หลวงพ่อชม วัดตลุก จ.ชัยนาท
    ๔ หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี
    ๕ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท
    ๖ พระครูสรรคภารวิชิต วัดวิหารทอง จ.ชัยนาท
    ๗ พระครูสุวรรณสุตาคม (ดวง) วัดทอง จ.สิงห์บุรี
    ๘ พระครูภาวนาวิสุทธิ์ (จรัล) วัออัมพวัน จ.สิงห์บุรี
    ๙ พระครูมงคลนวการ (ฉาบ) วัดศรีสาคร จ.สิงห์บุรี
    ๑๐ พระครูบุญเลื่อน วัดจินดามณี จ.สิงห์บุรี
    ๑๑ พระครูอดุล ธรรมภาณี วัดโพธิ์แก้วนพคุณจ.สิงห์บุรี
    ๑๒ พระอาจารย์บุญ วัดพระนอน จ.สิงห์บุรี


    ให้บูชา 700 ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  5. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    3.สมเด็จ อัง ใหญ่ หลวงพ่อบัว วัดแสวงหา


    สมเด็จ อัง ใหญ่ เป็นสมเด็จเนื้อผงอีกรุ่นนึง ที่สร้างชื่อ ให้หลวงพ่อ เพราะเหล่าศิษย์นำไปใช้ แล้วมีประสบการณ์

    สมัยนั้น คุณลุงตำรวจ ท่านเล่าว่าไปล้อมจับโจร ที่ท้ายหมู่บ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าโจรซ่อนตัวอยู่ไหน ก็ได้แต่เดินซุ่ม ๆ หากลัวว่ามันจะรู้ตัว

    แต่เหมือนโชค ช่วย ซวยซ้อน โจรแอบอยู่บนต้นไม้ ลุงเล่าว่า โจรมันเอาลูกซอง จ่อยิงลงมาจากด้านบน สับไกอยู่ 3-4 ครั้ง ไม่ออก

    จนสุดท้ายลุง แกจับโจรได้ แกเลยกลับบ้านมา กราบหลวงพ่อบัว ที่ช่วยเอาไว้

    เพราะระยะนั้นถ้ายิงออก แกบอกว่า ป่านี้คงไปเฝ้า ยมบาล นานแล้ว

    เรื่อง ประสบการณ์ของท่าน มีอีกเยอะครับ ตามอ่านในกระทู้ประวัติท่านได้

    ให้บูชา 600 ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0699.JPG
      IMG_0699.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      132
    • IMG_0700.JPG
      IMG_0700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      43
  6. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    4.สมเด็จ อัง เล็ก หลวงพ่อบัว วัดแสวงหา

    หลวงพ่อบัว วัดแสวงหา เสือซ่อนเล็บ ที่เหล่าศิษย์ของท่านต่างทราบดี

    ในด้านมหาอุตต์ และ แคล้าวคาด ไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้งท่านยังได้เรียน มนต์จินดามณี จนแตกฉาน

    ท่านสืบสายวิชามาจาก หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ เกจิใหญ่แหล่งลุ่มน้ำท่าจีน



    ให้บูชา 300 ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0795.jpg
      IMG_0795.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      62
    • IMG_0796.jpg
      IMG_0796.jpg
      ขนาดไฟล์:
      992.1 KB
      เปิดดู:
      34
  7. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    5.เหรียญหลวงพ่อเ่ฒ่า วัดค้างคาว จ.ชัยนาท ปี 2539

    กล่าวถึงหลวงพ่อเฒ่าวัดคังคาว หรือวัดค้างคาว ที่ตั้งอยู่ในเขต อ.สรรคบุรี ริมแม่น้ำน้อย บารมีความยิ่งใหญ่เปรียบเสมือนหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หาได้กล่าวเกินจริงไม่จากความศรัทธาของสาธุชนที่มีต่อท่านจากชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง บนบานสารกล่าวสำเร็จดังหวัง วัตถุมงคลไม่ว่ารุ่นไหน เก่า ใหม่ มีรูปเคารพตัวท่านก็ประสปการณ์มากมายอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ ขอได้ อยู่คง แคล้วคลาด มหาอุตม์ โชคลาภ เมตตา มหานิยม สารพัด
    ประวัติหลวงพ่อเฒ่า ท่านเก่ามาก เก่าจนเกินกว่าจะสืบค้น รูปถ่ายท่านก็ถ่ายมาจากรูปปั้นที่ปั้นจากคำบอกเล่าของคนที่อาวุโสที่สุดในย่านวัดที่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าท่านในยุคหลวงพ่อสอนเป็นเจ้าอาวาส ประมาณปี ๒๔๗ กว่าๆ ท่านน่าจะมีชีวิตอยู่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินท์ หรือปลายกรุงศรีอยุทธยา เคยมีคนกล่าวถึงหลวงปู่ศุข วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่าได้มาเรียนและต่อวิชาจากหลวงพ่อเฒ่าและมีการคาดคะเนกันต่างๆนาๆซึ่งขัดแย้งในบางกรณี จนผมมีโอกาสได้สืบค้นประวัติในสายหลวงปู่ศุขจากตำราที่บันทึกโดย พระอาจารย์ บุญยัง ศิษย์เอกหลวงปู่ศุขคู่กับสมุห์กลับ กล่าวไว้ว่า หลวงปู่ศุขได้ต่อวิชาสร้างตะกรุดใต้น้ำ และวิชาบางอย่าง จากหลวงพ่อเฒ่า ซึ่งคำว่าเฒ่าในภาษาคนชัยนาทและละแวกใกล้เคียงจะหมายถึงพระแก่ พระที่อาวุโสมากๆ และในความหมายที่ อ.ยัง บันทึกนั้นหมายถึงหลวงพ่อเฒ่า วัดจำรัง ท่านนี้คือหลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ ต่อมาเปลี่ยนชื่ออีกครั้งว่าวัดคงสวัสดิ์ ซึ่งหาได้เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อเฒ่า(ปั้น)ไม่ และชื่อปั้นนั้นหมายถึงนามท่าน หรือ รูปปั้นอาจเป็นได้ มีคนเคยตั้งข้อสังเกตุว่าหลังจากที่ค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านหายไปไหน อาจมรณะภาพในสงคราม หรือ ไปจำวัดที่ไหนหลังสงครามสงบ เป็นไปได้หรือไม่ถ้าท่านจะเป็นหลวงพ่อเฒ่า เป็นข้อสันณิษฐานเท่านั้น ผมขอรับผิดชอบข้อมูลแต่ผู้เดียวครับ
    ในสายวิชาหลวงพ่อเฒ่า วัดคังคาวถือเป็นตักศิลาในลุ่มแม่น้ำน้อย มีตำราคัมภีร์ที่พระเกจิในย่านนี้เรียนต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย เป็นเอก หนึ่งเดียว เอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำกับสายอื่นคือ หัวใจพระกรณีย์ อะปะจะคะ แค่อักขระ ๔ ตัว สำเร็จสามารถกระทำสิ่งใดได้ต่างๆนานา ทั้งผ้ายันต์ ปลุกเสก ลงวัตถุมงคล สารพัด
    วัตถุมงคลในรูปหลวงพ่อเฒ่าสร้างครั้งแรกสมัยหลวงพ่อสอน ต่อมาก็สมัยหลวงพ่อสวัสดิ์ หลวงตาวิเชียร จนสมภารรูปปัจจุบัน การออกวัตถุมงคลของวักคังคาวแทบทุกครั้งจะต้องนิมนต์เกจิที่สืบสายวิชามาร่วมนั่งปรกด้วยทั้งนั้น เช่น หลวงพ่อกวย หลวงพ่อเจ้ย และหลายท่านในลุ่มน้ำน้อย มีทั้งเหรียญ พระสมเด็จ พระดิน ชิน ผง ผ้ายันต์ มีดหมอ และวัตถุมงคลที่เก่าแก่ที่สุดก็คือพระโคนสมอขนาดเล็กมีทั้งชินและดินเผา บรรจุอยู่ในกรุของวัดคังคาว สันณิษฐานว่าหลวงพ่อเฒ่าท่านสร้างและบรรจุกรุไว้ถือเอาวัตถุมงคลชุดนี้เป็นพระที่ทันหลวงพ่อเฒ่าครับ

    ให้บูชา 150 ปิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0960.JPG
      IMG_0960.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_0961.JPG
      IMG_0961.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2015
  8. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    6.เหรียญ นารายณ์ทรง ครุฑ รุ่น 4 เนื้อตะกั่ว พร้อมเลี่ยมพลาสติก

    หลวงปู่นะ ฐิตปัญโญ สืบพุทธาคมหลวงปู่ศุข

    พระครูปทุมชัยกิจ หรือ หลวงปู่นะ ฐิตปัญโญ เจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม (หนองบัว) ต.หนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน ที่ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นพระเถระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมทายาทสืบทอดพุทธาคมสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท

    ปัจจุบันหลวงปู่นะ สิริอายุ 92 พรรษา 72 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม และอดีตยังเคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ่อแร่-หนองขุ่น เขต 2 อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ด้วย

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า โฉม เหล่ายัง เกิดเมื่อวันพุธที่ 6 ธันวาคม 2459 ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) ปีมะโรง ณ บ้านขุนแก้ว ต.ดงขวาง อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี

    เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 9 คน ของนายแจกและนางตี่ เหล่ายัง ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

    ในวาระแรกเกิด บิดา-มารดา ตั้งชื่อให้ว่า โฉม ต่อมาเมื่ออายุได้ 5-6 ขวบ หมอเป้ซึ่งเป็นหมอแผนโบราณ และมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ด้วย เห็นว่าเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นประจำ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า นะ อันเป็นมงคลนาม

    ช่วงวัยเยาว์ ครอบครัวมีความเป็นอยู่ค่อนข้างขัดสน เนื่องจากมีบุตรด้วยกันหลายคน ทุกคนต้องช่วยเหลือตนเอง

    ต่อมาครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเกาะโสภี อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ท่านจึงได้รับการศึกษาที่วัดหนองมะกอกในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรียนที่โรงเรียนวัดหนองแฟบ หลังจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาช่วยครอบครัวทำอาชีพกสิกรรมทำมาหาเลี้ยงชีพ

    ครั้นอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ได้ขออนุญาตโยมพ่อโยมแม่ อุปสมบท ซึ่งท่านทั้งสองก็ยินดีร่วมอนุโมทนา

    ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดราษฎร์นิธิยาวาส (ดอนปอ) ต.บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2480 มี พระครูวิจิตรชัยการ (หลวงพ่อเคลือบ) วัดบ่อแร่ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ชั้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สำเนียง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า ฐิตปัญโญ มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาอันตั้งไว้แล้ว

    หลังอุปสมบท ท่านได้ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ พ.ศ.2481 สอบได้นักธรรมชั้นตรี จากสำนักเรียนวัดราษฎร์นิธิยาวาส (ดอนปอ) พ.ศ.2483 เดินทางไปศึกษาต่อในสำนักเรียนวัดหนองแฟบ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี สอบได้นักธรรมชั้นโท

    พ.ศ.2485 ได้ไปจำพรรษาที่วัดปทุมธาราม (หนองบัว) และในปี พ.ศ.2487 ท่านได้เข้าสอบนักธรรมชั้นเอก อันเป็นชั้นสุดท้ายของภาคการศึกษานักธรรมที่วัดหนองแฟบ

    ขณะศึกษานักธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณกับพระอาจารย์ศรี วัดหนองแฟบ ควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป

    ด้วยความเป็นพระหนุ่มที่ทรงความรู้ วิทยฐานะนักธรรมชั้นเอก ในสมัยนั้นจะหายากยิ่ง ท่านจึงมีความคิดก่อตั้งสำนักเรียนขึ้นมาใหม่ หลังจากซบเซาขาดหายไปนาน ซึ่งท่านเป็นผู้สอนเองทุกชั้น ตั้งแต่นักธรรมชั้นตรี โท และเอก ท่านจึงมีลูกศิษย์ที่เป็นพระภิกษุบริหารกิจการคณะสงฆ์อยู่ในเวลานี้หลายจังหวัด

    ในความเป็นจริงแล้ว ภายหลังสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ท่านคิดที่จะเรียนทางด้านภาษาบาลีต่อ แต่ด้วยกิจการคณะสงฆ์ที่วัด ทำให้ไม่มีเวลา อีกทั้งสำนักเรียนบาลีก็อยู่ในตัวเมืองไกลจากวัดหนองบัว การเดินทางไม่สะดวก ทำให้ต้องงดการเรียนบาลี

    อย่างไรก็ตาม ท่านหันมาให้ความสนใจศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคม เลขยันต์พันคาถาควบคู่กันไป จากตำราที่พระปลัดปั่น เจ้าอาวาสรูปที่ 9 ได้รับมอบจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และพระปลัดปั่นท่านได้มอบตำราของหลวงปู่ศุขให้กับหลวงพ่อนะ

    ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาในตำราทั้งหมด จนมีความรู้แตกฉานในวิทยาคมเป็นอย่างดี เป็นที่พึ่งของชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วย และผู้ที่โดนคุณไสย ท่านก็ได้ช่วยเหลือปัดเป่าทุกข์เหล่านั้นด้วยความเมตตา
    ด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้จัดเทศนาธรรมเป็นประจำในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชักชวนประชาชนให้ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ เวียนเทียนรอบอุโบสถ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อีกทั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดปทุมธาราม (หนองบัว) เป็นครูสอนการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากัมมัฏฐานแก่พระภิกษุ สามเณร ตลอดจนประชาชนทั่วไป จัดสถานที่อบรมหน่วยพระธรรมทูต และได้รับเชิญให้ออกปฏิบัติงานพระธรรมทูตตามวัดและโรงเรียนในเขตอำเภอ-จังหวัด และจังหวัดใกล้เคียง โดยร่วมมือกับหน่วยราชการต่างๆ

    ด้านการพัฒนาวัด นับตั้งแต่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปทุมธารามเป็นต้นมา ได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ ด้วยการสร้างศาลาการเปรียญ โครงสร้างชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริม เหล็ก ชั้นบนเป็นไม้ หลังคาเป็นกระเบื้องเกล็ด, สร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม ลักษณะทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล, สร้างกุฏิ 2 หลัง ลักษณะทรงไทยประยุกต์ ชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนเป็นไม้, สร้างฌาปนสถานแบบมาตรฐาน พร้อมเตาเผาอย่างดี, สร้างอาคารปริยัติธรรมภิกษุ-สามเณร ลักษณะทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก

    นอกจากนี้ ยังสร้างวิหารหลวงปู่ศุขอีก 1 หลัง ลักษณะทรงไทยก่ออิฐถือปูน ช่อฟ้า ใบระกา หน้าบัน ลายใบเทศ ประดับด้วยกระจก, ต่อเติมชานวัดพื้นไม้ สร้างมุขบันไดทรงไทยจัตุรมุข, สร้างหอสมุดประชาชนประจำตำบล, สร้างหอ กลอง หอระฆัง, ถมดินปรับพื้นที่ในลานวัด, สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่

    ด้านวัตถุมงคลของหลวงปู่นะ อาทิ ใบพลูใจเดียว, เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ, สมเด็จบัวไขว้ข้างอุ, เหรียญรูปไข่ รุ่นรวยลาภ-รวยยศ, ผ้ายันต์หนุมานประสานกาย เป็นต้น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากสาธุชน เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักรวาล โดดเด่นในหลากหลายด้าน

    พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม

    พ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะตำบลบ่อแร่-หนองขุ่น เขต 2

    พ.ศ.2500 เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนประชา บาล โรงเรียนรัฐปทุมราษฎร์อุปถัมภ์

    พ.ศ.2501 เป็นพระอุปัชฌาย์

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2501 ได้รับพระราช ทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูปทุมชัยกิจ

    พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    หลวงปู่นะ พร่ำสอนญาติโยมทั่วไป ให้ทุกคนทำความดี ละเว้นความชั่ว ให้มีความอดทน อดกลั้น ให้มีความละอายต่อการกระทำชั่ว กตัญญูกตเวทีต่อบิดา มารดา และครูบาอาจารย์

    หลวงปู่นะ เป็นพระเถราจารย์ชื่อดังรูปหนึ่ง ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มั่นคงอยู่เป็นประจำ พัฒนาวัดเก่าแก่เสื่อมโทรมจนเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง

    ให้บูชา ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1013.JPG
      IMG_1013.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      159
    • IMG_1014.JPG
      IMG_1014.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      38
  9. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    7.เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่น ทอง 93 เนื้อทองฝาบาตร พิมพ์ 2 หน้า ยิ่งเลื่อนยิ่งโต (อยู่ในชุดกรรมการ)



    พระหลวงพ่อทวด-พระหลวงพ่อทอง รุ่น “แซยิด 93" หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จังหวัดปัตตานี

    พิธีหล่อทองนำฤกษ์ วันที่ 30 มกราคม 2553

    พิธีพุทธาภิเษก เสาร์ 5 วันที่ 20 มีนาคม 2553 โดยหลวงพ่อทอง ณ. อุโบสถวัดสำเภาเชย จังหวัดปัตตานี

    โดยวาระที่ 1 เททองนำฤกษ์ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชยได้เมตตามอบหมายให้ครูบาอริยชาติ วัดแสงแก้วโพธิญาณ เดินทางไปเป็นประธานพร้อมด้วยพระสงฆ์ 9 รูปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 ซึ่งวันดังกล่าวตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 หรือที่เรียกกันว่า "วันเสาร์ 5"



    วาระที่ 2 กระทำพิธีพุทธาภิเษก ณ มณฑลพิธีวัดสำเภาเชย โดยช่วงเวลา 07.09 น. คณะผู้จัดสร้างได้เดินทางไปสักการะบอกกล่าวหลวงปู่ทวด ณ วิหารหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เวลา 09.29 น. กระทำพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดสำเภาเชย โดยมี หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย เป็นประธาน จุดเทียนชัย ด้วยตัวท่านเอง พร้อมด้วยพระเถรานุเถระร่วม นั่งอธิษฐานจิตและเจริญชัยมงคลคาถาโดยมีพลเอกรัชกฤต กาญจนวัฒน์ มอบหมายให้ พลเอกพลางกูร กล้าหาญ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และประชาชน ทหารและข้าราชการในพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมพิธี

    วาระที่ 3 ในครั้งที่ถือว่าเป็นวาระครั้งสำคัญ เพราะคณะกรรมการจัดสร้างได้กราบอาราธนา นิมนต์พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมากบารมีทั่วภาคใต้ ซึ่งมีรายชื่อดังต่อไปนี้ 1.พระธรรมวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดพัทลุง วัดคูหาสวรรค์ 2.พระเทพวีราภรณ์ (หลวงพ่อนิมิต) เจ้าคณะภาค 18 วัดโคกสมานคุณ คณะภาค 18 วัดโคกสมานคุณ 3.พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดท่าไทร 4.พระราชพิพัฒนาภรณ์ (หลวงพ่อผัน) รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา วัดทรายขาว 5.หลวงพ่อนวล วัดไสหร้า ประธานจุดเทียนชัย 6.หลวงปู่เขียว วัดห้วยเงาะ ประธานดับเทียนชัย 7.หลวงพ่อเอียด วัดโคกแย้ม 8.พระครูพิเศษเขมาจาร (พ่อท่านท้วม) วัดศรีสุวรรณสุราษฎร์ธานี 9.หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง 10.หลวงพ่อหรีด วัดป่าโมกพังงา 11.พลวงพ่อสูติ วัดในเตา 12.หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน 13.หลวงพ่อแดง วัดบ้านไร่ 14.หลวงพ่อเงิน วัดโพรงงู 15.หลวงพ่อภัทร 16.หลวงพ่อประพัฒน์ วัดป่าพะยอม 17.หลวงพ่อชัย วัดพะโคะ 18.หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง 19.หลวงพ่อเหวียน วัดพิกุลทอง 20.หลวงพ่อเสถียร วัดโคกโดน 21.หลวงพ่อปัญญาสาร วัดนิคมพัฒนาราม 22.หลวงพ่อสิริ วัดบ้านสวน 23.ท่านมหาภูษิต วัดศรีมหาโพธิ์

    พระเจริญพระพุทธมนต์ 9 รูป และพระมหานาคอีก 4 รูป โดยในพิธีท่านเจ้าอาวาสวัดพะโคะ ได้อนุญาตให้นำลูกแก้ว วิเศษของศักดิ์สิทธิ์คู่บารมีหลวงปู่ทวดประกอบพิธีทำน้ำพระพุทธมนต์และนำลูกแก้ววิเศษเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษด้วย ซึ่งเสมือนหนึ่งว่า หลวงปู่ทวด อธิษฐานจิตสู่วัตถุมงคลด้วยตัวท่านเอง เพิ่มความเข้มขลังในพิธีกรรม และวัตถุมงคลรุ่นทอง 93




    ให้บูชา 600 ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    8.เหรียญรูปไข่หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม ปี 2516

    ข้อมูลประวัติ พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน สุจิตฺโต)

    เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2458

    พ.ศ. 2473 อายุได้ 16 ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหนองสุ่ม อยู่ 3 พรรษา ต่อมาได้ลาสิกขา เพื่อไปช่วยพี่สาวประกอบอาชีพกสิกรรม

    พ.ศ. 2475 อายุได้ 22 ปี อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดประศุก ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี ได้มาจำพรรษาที่วัดหนองสุ่ม 1 พรรษา แล้วย้ายไปอยู่ที่วัดโพธิลังกา ต .ท่างาม อ.อินทร์บุรี เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม

    พ.ศ. 2482 ได้ลาสิกขาบทไปประมาณ 5 เดือนเศษ เพื่อไปช่วยพี่สาวที่อุปการะเลี้ยงมา

    พ.ศ. 2483 อายุได้ 26 ปี ทำการอุปสมบทใหม่ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 22483 ณ พัทธสีมาวัดประศุก และได้มาจำพรรษาอย่วัดหนองสุ่ม ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งถึงวันละสังขาร

    หลวงพ่อจวน ได้ละสังขารเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 (แรม 8 ค่ำ เดือน รวมอายุได้ 79 ปี

    พระอาจารย์ที่หลวงพ่อจวนได้ศึกษาเล่าเรียน (ที่พอหาได้) ได้แก่
    - หลวงพ่อแป้น วัดบ้านไร่ วิชาเครื่องรางของขลัง
    - หลวงพ่อกอง จังหวัดสุโขทัย วิชาตะกรุดโทน
    - หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
    - และอาจารย์ที่เป็นฆาราวาสอีกหลายท่าน

    "หลวงพ่อจวนเป็นพระองค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ให้ลูกศิษย์ไปกราบ และทำบุญด้วย
    เนื่องจากหลวงพ่อ ไปเจอหลวงพ่อจวนที่พระจุฬามณี โดยหลวงพ่อจวนไปทั้งกายเนื้อ"

    "สมัยที่หลวงพ่อจวนยังอยู่ จะไม่ให้ทำหนังสือวัตถุมงคล ท่านบอกว่า ของ ๆ ฉันถ้าจะดังเดี๋ยวดังเอง"


    ให้บูชา 400 ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_00008.jpg
      DSC_00008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      874.9 KB
      เปิดดู:
      142
    • DSC_00009.jpg
      DSC_00009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      877.9 KB
      เปิดดู:
      101
  11. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    9.เหรียญหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน รุ่น 2 เนื้อทองเหลือง บล็อก 5 รอบ

    หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน เกจิ ผู้สืบสายวิชาจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน และ เกจิผู้เปี่ยมด้วยเมตตา แห่งแคว้นวิเศษฯ พระเครื่องของท่าน โด่งดังมากมายหลายรุ่น โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก ปี 2513 หรือ เหรียญบิน เพราะเหรียญรุ่นนี้ หลวงพ่อท่านเสก จนเหรียญกระเด็นออกจากบาตร จนเป็นที่มาของชื่อรุ่นว่าเหรียญบิน อีกทั้งเหรียญรุ่นนี้ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ยังเป็นประธานและร่วมอธิฐานจิต วัตถุมงคลของท่านล้วนมีประสบการณ์มากมาย จนเหล่าลูกศิษย์หาเช่าบูชากัน

    เหรียญรุ่นนี้ สร้างปี 2526-2528 สร้างเพื่อฉลองท่านเลื่อนสมณะศักดิ์และอายุครบ 5 รอบ ถือเป็นเหรียญรุ่นที่ 2 ของท่าน

    ให้บูชา 500ปิดรายการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_00033.jpg
      DSC_00033.jpg
      ขนาดไฟล์:
      832.9 KB
      เปิดดู:
      181
    • DSC_00034.JPG
      DSC_00034.JPG
      ขนาดไฟล์:
      804.9 KB
      เปิดดู:
      182
  12. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    มนต์ตราแห่ง อิติปิโส หน้าทอง อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร สู่ อิติปิโส หน้าทอง พระครูวิมลญาณอุดม (อ.ติ๋ว) วัดมณีชลขัณฑ์

    ประวัติ อาจารย์ติ๋ว

    พระอาจารย์ธรรมนูญ ฐิตวฑฺฒโน (อาจารย์ติ๋ว ) วัดมณีชลขัณฑ์

    พระอาจารย์ธรรมนูญ ฐิตวฑฺมโน ท่านเป็นชาวตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เกิดเมื่อวันที่
    2 ธันวาคม 2502 โยมบิดาชื่อบุญนาค โยมมารดาชื่อประไพ นามสกุลเกิดภู่ มีพี่น้องรวม ๘ คน จบการ
    ศึกษาในระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนค่ายนารายณ์ ขณะที่ท่านเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม ๗ นั้น ท่านได้ยิน
    ได้ฟังผู้ใหญ่เขาพูดถึงเรื่องพุทธาคม เวทย์มนต์คาถา ได้เกิดความกระตือรือร้นอยากจะเรียนทางด้าน
    เวทย์มนต์คาถา ระหว่างนั้นท่านได้ไปเรียนวิชาต่างๆ จากกำนันยอด เหมือนพันธุ์ ฆราวาสขมังเวทย์
    ท่านหนึ่งของเมืองลพบุรี วิชาที่ท่านได้เรียนนั้นคือ มูลกัจจายน์ ศึกษาอักขระเลขยันต์ การลงตะกรุด วิชา
    ลบผงอิทธเจ ผงไตรสรณาคม ผงนะกอดกัน ผงนะรำพึง นอกจากนั้นกำนัน ยังฝากให้ท่านพระอาจารย์
    ธรรมนูญไปเรียนวิชาต่อจาก หมอเหม็ง ด้านวิชาถอนคุณไสย วิชาทำน้ำมัน เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๖ ต่อจาก
    นั้นอีกสองปีท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเทพกุญชรวราราม มี พระครูมงคลภาณี (หลวงพ่อมัง)
    เป็นพระอุปัชฌาย์ ในระหว่างที่เป็นสามเณรท่านก็ยังสนใจในเรื่องเวทย์มนต์คาถา ท่านได้ไป หลวงพ่อ
    พระสมุห์ดำ สุคโต วัดเสาธงทอง ศิษย์เอกของหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู โดยไปหาท่านทุกวันไปช่วยลง
    ตะกรุด ช่วยจารอักขระขอม หลวงพ่อดำท่านเห็นในความพยายามท่านจึงได้แนะนำแนวทางศึกษาให้
    หลวงพ่อดำกล่าวว่า การเรียนวิชาคาถาอาคมเพียงอย่างเดียวไม่ก่อให้เกิดอำนาจได้อย่างจริงจัง ต้อง
    หนุนพลังด้วยกรรมฐาน จึงได้แนะนำให้อาจารย์ธรรมนูญ ไปหาหลวงปู่ดู่ วัดสะแก พระอาจารย์จึงเดิน
    ทางไปหาหลวงปู่ดู่ ด้วยความเมตาของหลวงปู่ท่านได้ให้สอนการฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ให้กับอาจารย์
    ธรรมนูญจนมีความชำนาญ ณ วัดสะแกนี้เองที่พระอาจารย์ได้รู้จักกับ หลวงปู่สี สุดยอดปรมจารย์แห่ง
    การสร้างพระพรหม ผู้เป็นสหธรรมมิกกับพระอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายท่านอาจารย์
    ธรรมนูญต้องใช้ความเพียรพยายามนับสิบๆ ครั้ง จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่สี ต่อ
    จากนั้นท่านยังไปฝากตัวเรียนวิชาถอนพิษงูจากหลวงพ่อเปีย ทำให้ท่านได้ทราบว่าวิชานี้เป็นของท่าน
    อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง แต่อาจารย์ก็มิทันได้ไปเรียนเพราะอาจารย์ฟ้อน ได้เสียไปแล้วจึงเดินทางไปหา
    หลวงพ่อหนู วัดบึงพระอาจารย์ ร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆ มากมาย นอกจากนั้นยังได้รับการแนะนำให้
    ไปเรียนกับ หมอประยูร จิตโสภี และครูเอื้อ บุษปะเกษ หงสกุล เมื่ออายุ ๒๐ ปี ท่านจึงได้อุปสมบท
    ต่อเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดมณีชลขัณฑ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีพระครูมงคลภาณี (หลวงพ่อมัง)
    เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินิยาภิรัต (หลวงพ่อถมยา) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพรหมจริยาทร
    (หลวงพ่อพรหมา) วัดมณีชลขัณฑ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฐิตวฑฺฒโน เมื่อบวชเสร็จแล้ว
    ท่านก็ได้มาจำพรรษาที่วัดมณีชลขัณฑ์แห่งนี้เลย แต่ท่านยังได้กลับไปวัดเทพกุญชรวรามรามเป็นระยะ
    ทั้งนี้เพื่อไปอยู่ปรนนิบัตรท่านพระอุปัชฌาย์ของท่านจนกระทั่งหลวงพ่อมังท่านได้มรณภาพลง ช่วงที่จำ
    พรรษาอยู่ที่วัดมณีชลขัณฑ์นั้นท่านได้ศึกษาจนจบนักธรรมเอก แต่ยังสนใจในวิชาคาถาอาคมอยู่บังเอิญ
    ได้รู้จักกับ นายก้าน บำรุงกิจ น้องแท้ของหลวงปู่สี และได้ร่ำเรียนวิชาการสร้างพรหม แหวนปลอกมีด
    และผ้ายันต์ต่างๆ นายก้านหรืออาจารย์ก้านท่านนี้ไม่ธรรมดาเพราะท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจากท่าน
    อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ เท่านั้นไม่พอยังได้ศึกษาตำรับตำราของหลวงปู่สีผู้เป็นพระพี่ชายอีกด้วย
    พ.ศ.๒๕๒๗ อาจารย์ติ๋วได้เดินทางไปกราบเรียนวิชาจาก หลวงพ่อมหาโพธิ์ แห่งวัดคลองมอญ ซึ่ง
    เป็นหลานหลวงพ่อยัง วัดหนองน้อย ท่านเป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ต่อ
    จากนั้นได้เดินทางไปเรียนเพิ่มเติมกับอาจารย์ทัน รุจิเรข และอาจารย์พิศาล ชวนะ ด้านคงกระพัน
    ชาตรี นอกจากนี้อาจารย์ธรรมนูญยังได้ไปฝากตัวเรียนวิชากับ อาจารย์แดง (พิทยา ปะทีปะเสน) ผู้
    ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อยู่ เรือลอย ลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นอก
    จากนี้อาจารย์แดงยังเป็นหลานของหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    ทั้งหมดทั้งปวงที่อาจารย์ธรรมนูญไปเล่าเรียนมานั้น ถูกชี้แนะในข้อติดขัดต่างๆ จนทะลุปุโปร่งโดย
    อาจารย์เทพ สาริกบุตร ผู้ชี้ทางสว่าง และยังได้แนะนำวิชาคาถาอาคมต่างๆ อีกมากมายให้กับท่าน
    อาจารย์ธรรมนูญจนท่านยอมรับว่าอาจารย์เทพ สาริกบุตร เป็นผู้มีพระคุณต่อท่านมากท่านหนึ่ง ต่อจาก
    นั้นอาจารย์ธรรมนูญ (ติ๋ว) ก็มิได้ขวนขวายไปร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ท่านใดอย่างจริงจัง ท่านมุ่งหน้า
    ปฏิบัติธรรมภาวนา และการนั่งวิปัสสนากรรมฐานเป็นหลัก
    ต่อมาท่านได้รับความไว้วางใจจากเจ้าอาวาสให้ดูแลบริหารงานปกครอง และได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็น
    พระกรรมวาจารย์ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๐
    พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับบัญชาจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชฯ ให้ขึ้นเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส
    ปีต่อมา ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็น พระครูวินัยธร ฐานานุกรมของ พระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวรฯ หลัง
    จากนั้นก็ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูวิมลญาณอุดม
    จนพ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ที่ชื่อเดิมคือ พระครูวิมลญาณอุดม
    ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    ประวัติ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

    อาจารย์เทพย์ท่านเป็นคนกรุงเทพ ฯ มีศักดิ์เป็นหลานชายของหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) อดีตผู้อำนวยการของโรงเรียนสวนกุหลาบ คุณหลวงวิศาลดรุณกรนี้ตามประวัติชำนาญทางโหราศาสตร์มาก เพราะเป็นศิษย์ของพระเทวโลก โหรหลวงนามอุโฆษในสมัยรัชกาลที่ ๖ และคุณหลวงยังชำนาญทางวิทยาคมและพระกรรมฐาน โดยเป็นศิษย์เรียนกรรมฐานในสำนักวัดราชสิทธาราม โดยมีพระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) เป็นอาจารย์ พระสังวราชุ่มนี้เป็นผู้ทรงกิตติคุณทางวิปัสสนาธุระองค์หนึ่ง และได้เล่าเรียนทางวิปัสสนาเพิ่มเติม แม้ทางสายมหายาน โดยคุณหลวงได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ขององทันเคียด แห่งวัดอุภัยราชบำรุง (วัดญวน) เพื่อศึกษากรรมฐานกระทำมุทราตามแบบพุทธตันตระอีกด้วย อ.เทพย์ก็ได้ความรู้จากเจ้าคุณอามิใช่น้อย ส่วนทางมารดาของท่านเองก็มีผู้ชำนาญในทางนี้คือท่าน พันเองหลวงธรณีนิติญาณ

    จำได้ว่าภายหลังบิดาท่านย้ายไปทำงานราชการแถบชานเมือง แต่อ.เทพย์ก็ยังคงวนเวียนศึกษาหาความรู้ทั้งทางโลกและทางไสยเวทพุทธาคมอยู่ในแถบพระนครนี่เอง ก็มีแถววัดสามปลื้ม วัดปทุมคงคา วัดสามจีน ย่านนี้ซึ่งมีคนดีมีวิชา เป็นพระเป็นอาจารย์สักบ้างอยู่หลายท่าน และก็ได้เรียนกับท่านมหาโต๊ะสำนักวัดราชบุรณะ และก็อาจารย์อีกหลายรูปแถบฝังธน ทั้งทางเลขยันต์และพระกรรมฐานจนมีความแตกฉาน ต่อมาราว พ.ศ. 247 กว่า ๆ ท่านพระครูใบฎีกาเทพย์ สิงหรักษ์ ฐานานุกรมในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร ณ อยุธยา) วัดระฆัง ได้พิมพ์ตำราเพ็ชรรัตน์มหายันต์ขึ้น ช่วงนั้นอ.เทพย์ท่านได้แวะเวียนไปปรึกษาด้านวิชาอยู่เนือง ๆ และก็มีท่านเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ ฯ อีกรูปหนึ่งที่อ.เทพย์ยกย่องเป็นอาจารย์ด้วยความเคารพ ท่านผู้นี้สนใจศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่ครั้งยังบวชเป็นสามเณรกับพระพุทธวิถีนายก (บุญ) วัดกลางบางแก้ว กล่าวกันว่า ในสมัยนั้นท่านแตกฉานในวิชาทางนี้มาก ถึงขนาดยกย่องกันว่า ไม่มีคาถาอาคมบทไหนที่ไม่เคยผ่านสายตาท่านมาก่อน อ.เทพย์ได้เรียนวิชาพระยันต์ ๑๐๘ นะ ๑๔ ตามตำรับพระพนรัตน วัดป่าแก้วที่ใช้หล่อพระชัยวัฒน์ในพระราชพิธี ต่อมาได้ประยุกต์มาหล่อพระกริ่งกันจนทุกวันนี้
    วิชาทางคงกระพัน อ.เทพย์เคยไปฝากตัวศึกษาอยู่กับท่านอาจารย์ ที่จำวัดอยู่วัดน้อยทองอยู่และวัดภุมรินทร์ราชปักษา ซึ่งปัจจุบันร้างไปแล้วภายหลังสงครามโลก และก็ได้ไปสำนักวัดมณีชลขันฑ์ ลพบุรี ได้วิชาสายนี้มามากพอดู ท่านอาจารย์เทพย์ก็เป็นที่รู้จักของบรรดาพระเถรานุเถระทั้งหลายในกรุงเทพ ฯ สมัยก่อน รูปใดมีความรู้ความสามารถท่านก็ไปปรึกษาอยู่เนือง ๆ ประกอบกับได้ค้นคว้าด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่จากตำรับตำราสารพัดที่ตกทอดมาแต่โบราณ ติดขัดตรงไหนก็ไปไต่ถามผู้รู้ จนกระทั่งมีความแตกฉาน แม้สำนักวัดประดู่ทรงธรรม สำนักวัดพระญาติ ทางพระนครศรีอยุธยา ท่านก็เคยไปสืบวิชามา และก็รู้จักกับอ.เฮง อีกด้วย เด็กนักเรียนสวนกุหลาบ เทพศิรินทร์สมัยก่อนมาลงวิชาชาตรีกับอ.เฮงมิใช่น้อย

    การศึกษาวิชาของอ.เทพย์ ก็วนเวียนอยู่ในสายกรุงเก่า-กรุงเทพนี้เอง คือครูบาอาจารย์จากอยุธยาและบางกอกก็สายเดียวกัน เว้นแต่สายทางมอญซึ่งท่านไปแลกเปลี่ยนกับพระสมุห์โต๊ดวัดชนะสงคราม และก็หลวงปู่รอด ปรมาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมแห่งวัดบางน้ำวน และก็เริ่มมีลูกศิษย์ลูกหามากขึ้นตามวัยวุฒิคุณวุฒิ ท่านไม่หยุดจะเสาะแสวงหาความรู้ ทำให้ยากที่จะกำหนดครูบาอาจารย์ที่ได้เรียนวิชามาได้แน่นอน ที่สำคัญคืออาจารย์ฆราวาสซึ่งสำเร็จวิชาแก้ว ๔ ดวง ได้สอนวิชานี้ให้โดยบอกเป็นปริศนา “หกสองหกยกเสียสองตัว คุณแก้วเหนือหัวคำเดิมอย่าเสีย ฯลฯ” ให้คิดถอดถอนเพื่อหนุนธาตุทำให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา คนใกล้ชิดอ.เทพย์เล่าว่าอาจารย์ผู้นี้บอกเคล็ดวิชาแล้วก็เดินลงน้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนี้ยังได้รู้จักกับ อ.พรหม ขมาลา (เปรียญ) สำนักวัดพระเชตุพน ซึ่งท่านผู้นี้มีส่วนสำคัญในการเสาะหาตำรับตำราต่าง ๆ เพื่อมาชำระ โดยในครั้งแรกมีพระมงคลราชมุนี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ฯ เป็นที่ปรึกษา แต่ท่านก็ได้มรณภาพไปเสียกลางคัน ทำให้โครงการตำราคัมภีร์พระเวทต้องชะงักไปชั่วคราว แต่ก็ได้ริเริ่มจนเสร็จ อ.พรหมผู้นี้ชำนาญทางผงวิเศษ เพราะสืบสายวิชามาจากสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง แม้ อ.ตรียัมปวาย (พ.อ.ประจญ กิตติประวัติ) ก็ยังรู้จักและนับถือ ใช้เวลาหลายปีจึงสำเร็จออกมาเป็นชุดคัมภีร์พระเวท ๖ เล่ม ตั้งแต่ฉบับปฐมบรรพ ถึงฉัฏฐบรรพ ชุดคัมภีร์ ๖ เล่มนี้ท่านพิมพ์เองและได้ขาดตลาดไปร่วม ๓๐ ปีแล้ว แม้ที่พิมพ์ขายอยู่ในปัจจุบันก็เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยจากคัมภีร์ชุดใหญ่ ๖ เล่มนั้น
    สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จะมีผู้คน ลูกศิษย์ลูกหาแวะเวียนไปปรึกษา หาความรู้อยู่ไม่ขาด แรกที่เดียวบ้านอ.เทพย์อยู่ถนนเพลินจิต พระนคร ต่อมา ท่านได้ขายที่และย้ายไปอยู่แถว ลาดพร้าว บางเขน ท่านมีเรื่องต้องไปบวชในร่มเงาสมณเพศ จำพรรษาที่วัดสีหไกรสร บางกอกน้อย เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการให้ฤกษ์กับคณะปฏิวัติ พอคลี่คลายจึงได้ลาสิกขาออกมา ระหว่างบวชได้สร้างพระกริ่งที่เรียกกันว่า “กริ่งปวเรศน้อย” เสกดีมาก ๆ ถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ (พระไพโรจน์วุฒาจารย์) รับนิมนต์มาเสกด้วย ลูกศิษย์ลูกหา อ.เทพย์ส่วนใหญ่เป็นคนใหญ่คนโต นักการเมือง ทหาร ตำรวจ ทางในรั้วในวังก็รู้จัก และไม่เพียงด้านไสยศาสตร์แม้โหราศาสตร์ท่านก็แตกฉาน ท่านเคยทำยาจินดามณีถวายพระเจ้าอยู่หัวด้วย

    สมัยก่อนใครสนใจเรื่องคงกระพัน ไปพบท่าน ท่านเสกคาถาจำพวกหัวใจ ๔ ตัว แล้วก็ลองสับให้ดูได้ อย่างเรื่องสะเดาะกุญแจนี้ มีครั้งหนึ่งอาจารย์เทพย์ไปบ้านอ.หนู (นิรันดร์) ที่ทำพระกริ่งวัดสุทัศน์ ไปนอนเล่นอยู่หรืออย่างไรนี่แหละ อยู่ ๆ ก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งเข้ามาบอกเห็นว่าขลังนัก ลองสะเดาะประแจให้ดูหน่อย ถ้าทำได้จริงถึงจะเชื่อ อะไรทำนองนี้ สถานการณ์บังคับท่านจึงจำใจหยิบกุญแจมาใส่มือบริกรรม แล้วก็ตบไปที่กุญแจนั้น เสียงลั่นดังเปรี๊ยะปรากฏว่ากุญแจลั่นออก ข้างในแตกและพังไปเลย ปัจจุบันได้ยินว่ากุญแจนั้นก็ยังอยู่เป็นหลักฐาน แต่อยู่ที่ใครผมไม่ทราบเพราะไม่ได้ถามไว้ แล้วก็เรื่องปลุกพระภควัมให้ลุกนั่ง คือเอาพระภควัมมาใส่แช่น้ำมันหอมในขันสัมฤทธิ์ ปลุกให้พระลุกตั้งขึ้น ท่านทำไว้หลายองค์ แต่ต้องนั่งเสกนานหลายวัน ที่น่าสนใจคือมีคราวหนึ่งท่านลองเสกดอกจำปาเป็นแมลงภู่ตามคำยุของศิษย์ เอาดอกจำปาใส่ขันปิดฝาเสก เสกแล้วเสกเล่าก็ไม่เป็น จนผ่านไปหลายวัน ไม่เป็นสักที ท่านเกิดโมโหจึงเอาขันไปเททิ้ง พอเทออกเท่านั้นล่ะครับ ดอกจำปาก็บินเป็นแมลงภู่ไปทันที ใครอยากเสกอะไรก็ขอให้จำไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่ามันไม่ใช่ของง่ายเลยนะครับ บั้นปลายอ.เทพย์ท่านป่วยเป็นเบาหวาน จนถึงที่สุดกับต้องตัดขาทั้งสองข้าง แต่ท่านก็กำลังใจดี มีธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จนถึงวาระสุดท้ายท่านก็จากไปอย่างสงบ พระราชทานเพลิงศพที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    อิติปิโส หน้าทอง

    เนื้อทองคำ No.15

    พร้อมรอยจาร พระอาจารย์ติ๋ว

    โชว์ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0061.jpg
      DSC_0061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      121
    • DSC_0063.jpg
      DSC_0063.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      97
  15. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    อิติปิโส หน้าทอง อาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์

    เนื้อทองแดง เหรียญ ละ 500 บาท กล่องแดง เลข 3xxx

    นวะหน้ากากเงิน เหรียญ ละ 2000 บาท กล่องน้ำตาล เลข xxx

    เลข ตาม นี้ เลย ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      282
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      169
  16. misterguy

    misterguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +1,027
    ขอเบอร์ 839 1 องค์ครับ
     
  17. misterguy

    misterguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +1,027
    ผมโอนให้แล้วครับ ที่อยู่จะแจ้งทาง PM ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647

    แฮะๆ 839 เป็นเนื้อ นวะ โลหะ นะครับ
     
  19. misterguy

    misterguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +1,027
    ขออภัยครับ งั้นขอเป็นเบอร์ 3998 ก็ได้ครับ
     
  20. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647

    ปิดเนื้อทองแดง หมายเลข 3998 ครับ ^^
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...