ท่านสุวานพาไปเที่ยวนรกอีกแล้ว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย hatcheryorn, 5 กุมภาพันธ์ 2010.

แท็ก: แก้ไข
  1. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    เรื่องนี้ มีพี่ที่น่ารักคนนึง ขอเอามาลงในเวบพลังจิตก่อนหน้านี้ค่ะ บางท่านอาจจะเคยอ่านเรื่องของอร มากันบ้างแล้ว ก็อย่าเพิ่งเบื่อกันนะเจ้าค่ะ ^_^


    วันนี้เหนื่อยๆ แต่ก็ถึงเวลาต้องเล่าแล้ว เรื่อง" นรก" น่ะเจ้าค่ะ ตั้งแต่ทำกรรมฐานมาไปนรกมา ๒ ครั้งแล้ว ท่านสุวาน ท่านพาไปน่ะเจ้าค่ะ (ที่ไม่เล่า เพราะคิดว่า อาจจะมีคนเข้ามาอ่านแล้ว ว่าเรา โอ้อวดน่ะค่ะเลยไม่ได้เขียน กลัวตรงนี้จริงๆ) ครั้งแรกที่ไป นานมากแล้วค่ะ ไม่คิดจะเล่า แต่พอท่านสุวานพาไปอีก ก็คิดว่า คงจะเล่าดีกว่าแล้ว




    นานมาแล้ว กำลังนั่งกรรมฐาน อยู่ กำหนด พองหนอ ยุบหนอ อยู่ เมื่อจิตนิ่ง และได้สมาธิแล้ว ภาพเปลี่ยนไป เรายืนอยู่ในที่ที่ ลุ่มๆ ดอนๆ พื้นไม่เรียบ มีเนิน สูงต่ำ มองพื้น ก็มองไม่เห็นเท้า มันมืดเป็นสีดำหมด แสงสลัวๆ มองพอเห็นรูปร่างอะไรต่ออะไร เป็นเงาดำๆ


    ด้านซ้ายของเรา มีผู้ชายคนนึงยืนอยู่ ตอนนั่นไม่รู้ว่าใคร รู้สึกเพียงว่า ท่านเป็นผู้ที่ดูแล คุมการลงโทษในนรกทั้งหมด เพราะเราเห็นผู้คุมคนอื่น เออ.... ทำงานน่ะ งานที่ว่า คือ ลงโทษวิญญานอื่น




    ท่านพาเรามายืนตรงนี้ เพียงเสี้ยววินาที พอเรารู้ตัวว่าท่านอยู่ข้างๆ ซึ่งเราไม่กล้าแม้แต่หันไปมองท่านเลย ท่านชี้มือขวาขึ้น และชี้ไปทางขวา เรามองตามมือนั่นไป เห็นเป็นบ้านไม้ ใต้ถุนสูง แบบบ้านไทยทั่วไป แบบแสงที่มืดสลัว ทำให้เราเห็นไม่ชัด เพียงแค่พอดูออกว่าอะไร เมื่อรู้แล้ว ว่านี่เป็นบ้านไม้ไทย ใต้ถุนสูง ก็มีเสียงออกมาจากบ้านหลังนี้ เสียง ผู้ชาย กะ ผู้หญิง ทะเลาะกัน ด่าทอกัน จำไม่แล้ว ว่าด่าประมาณไหน


    เหมือนท่านรอให้เราฟัง และรับรู้ว่า บ้านนี้มี ผัว เมีย ทะเลาะกัน ท่านก็เอ่ยขึ้นมาว่า " เห็นไหม ผัว เมีย บ้านนี้ ทะเลาะกัน มันบาปหนานะ "
    พร้อมกลับ ชี้มือขวา ไปทางซ้ายสุด เรามองตามมือนั่นอีกครั้ง



    "นั่นคือผลกรรม ที่มันจะได้รับ"



    ภาพที่เห็น น่ากลัวเหลือเกิน ภาพต้นงิ้ว ใหญ่ขนาดหลายคนโอบ มีหนามแหลม โผล่ออกมา เต็มเลย มีผู้หญิง และผู้ชาย เปลือยกาย (โป๊อะ แต่ด้วยความสลัว อรเห็นไม่ชัดหรอก แต่ดูก็พอรู้ว่าโป๊หมดเลย) ปีนอยู่บนต้นงิ้ว เลือดไหลออกตามผิวกาย เพราะ โดนหนามงิ้วแทงโดน ด้านล่างของต้นงิ้วยักษ์น่ะ มีผู้คุม อยู่ข้างล่าง ด้วย หลายคน ไล่ให้ หญิง ชาย ปีนขึ้นไป




    เรามองภาพนั่น อย่างไม่วางตาเลย และคิดว่า นี่มันนรกจริงๆ หรือนี่ ? กวาดสายตาไปก็เห็นกะทะทองแดง แต่ไม่ได้ทันได้ พิจารณาว่าเป็นแบบไหน ยังไง ท่านที่ยืนข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า




    "จงจำไว้นะ ถ้าผัว เมีย ทะเลาะกัน ก็จะได้รับกรรมเช่นนี้"




    อรไม่ได้เล่าให้ใครฟังมาก เพราะเราคิดว่า เอ... การทะเลาะกัน ของ คนเป็น สามี ภรรยา เนี้ย มันบาปหนา ถึงขั้นปีนต้นงิ้วนั่นหรือ ?


    ทำไมตอนเรียนมา เค้าว่า ต้องเป็นชู้ล่ะ ถึงได้รับโทษปีนต้นงิ้ว นี่ล่ะทำให้ไม่เล่า เพราะ มัน เหมือนดาบสองคม ที่คนอื่นจะเอามาว่าเรา ให้เราเสียใจน่ะค่ะ ไม่มีความโกรธใครหรอก ถ้าใครมาว่าเราว่า เพ้อเจ้อ หรือบ้าบอ




    เพราะวันนึงค้นพบว่า พออรรู้สึกโกรธ อรจะรีบ กำหนด โกรธหนอ ไปเรื่อยๆ จนจิตเรานิ่ง เราอ่านตัวออก บอกตัวได้ แทนที่จะโกรธตามที่คิดว่าโกรธ แท้จริงแล้ว เรากลับรู้ใจตนเอง ว่าเราเสียใจมากกว่า ที่จะเป็นความโกรธ เสียใจหนอ เสียใจจริงๆ ที่เค้า ว่าให้เราเสียใจ น่ะค่ะ





    ผ่านมานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ ทุกอย่างก็กลับมาอีก แต่กลับมาอย่างสนุกสนาน วันนั้นวันพระ






    เราไปถือศีลอุโบสถ ที่วัด




    ที่วัดแพะโคก สระบุรี แม่ๆ ป้าๆ ยายๆ ตาๆ จะเน้นสวดมนต์ และถือศีลเคร่งน่ะค่ะ แต่จะมีการพักอยู่ ๑ ชั่วโมง ในรอบบ่าย ก่อนพระมาเทศน์ อรก็จะอาศัยช่วงนี้ ขออนุญาตแม่ๆ ทำกรรมฐาน เดินจงกรม นั่งสมาธิ ๑ ชั่วโมง ทุกครั้ง




    เดินจงกรม เสร็จ ลงนั่งสมาธิ แป้บเดียว ก็รู้เลยว่า วันนี้นั่งได้แน่ๆ จิตนิ่ง อาจจะเพราะ สวดมนต์ตั้งแต่ ๗ โมงเช้า เพราะ หลวงพ่อจรัญเคยสอนว่า การที่เราสวดมนต์ ก่อนทำกรรมฐาน จะช่วยให้จิตเราช้าลง ไม่วิ่งเร็ว และจับจิตได้อยู่หมัด ให้จิตอยู่นิ่ง เวลาทำกรรมฐาน อาจจะนิ่งตั้งแต่เดินจงกรมเลยก็มี ค่ะ




    แล้ว แสงก็สว่างขึ้นมา มีผู้ชายคนหนึ่ง มาหาเรา เราสัมผัสได้ว่า ท่านคือใคร ท่านสุวาน นั่นเอง ท่านมาหาเรา แต่เราก็ไม่เห็นหน้าท่านหรอก ไม่เห็นแม้แต่การแต่งกาย
    ท่านมายืนอยู่ด้านซ้ายมือเรา แล้วบอกเราอย่างอารมณ์ดีว่า

    " ปะ วันนี้จะพาไปเที่ยว นรก"




    เพียงเท่านั่น เสี้ยววินาที เรารู้สึกว่า ตัวเอง กระโดด เล็กน้อย พร้อมท่าน แล้วรอบข้าง กลายเป็น ที่ที่คุ้นเคย ที่เคยมาแล้ว เมื่อครั้งนานมาแล้ว เราในตอนนั้น มีความสุขเหลือเกิน เหมือนมาเที่ยว เฮฮา พูดเล่นกะท่านสุวาน อย่างสนุกสนาน




    รอบข้าง มีแต่แสงสลัว แต่ความรู้สึกกลับต่างกับครั้งแรกที่มา เราเห็น แท่น แบบโต๊ะ สูงท่วมหัว แต่เรากลับรู้ว่านั่นคือโต๊ะ ที่วางบัญชีหนังหมาไว้เรายิ้ม และรีบปีนขึ้นไปถึงโต๊ะตัวนั่น ขาเราเหยียบไม่ถึงพื้น เราเอาศอกดันตัวขึ้นเล็กน้อย



    เราพูดกะท่านสุวาน ที่ยังยืนอยู่ด้านหลังเราดูเราพยายามปีนโต๊ะขึ้นไปให้ได้



    " ไหนไหน ดูบัญชีหนังหมาของอรดิ "
    (ขอบอกพูดแบบนี้จริงๆ แบบสนิทเกิดเหตุ ไม่รู้สูงต่ำเลย)




    ระหว่างที่พูด ตาก็มองบัญชีหนังหมา ลักษณะเป็นหนังสือเล่มใหญ่มากๆ สมแล้วที่โต๊ะที่วางใหญ่สุดๆ ปกเป็นเหมือนหนังแข็ง แต่ใจไม่ได้คิดอะไร รีบเปิด ดูทันที




    เพียงพลิกบัญชีครั้งเดียว ก็ขึ้นมาหน้าที่เป็นกรรมของเราทันที รายชื่อของเรา บัญชีกรรมของเรา หน้านั่นเลย



    เรายังไม่ทันอ่าน แว้บเดียวท่านสุวานก็มายืนอยู่อีกด้านของโต๊ะยักษ์แล้ว เราก็ยังตกใจว่า ท่านมาได้เร็วจริงๆ เราเองปีนตั้งหลายอึดใจ



    เมื่อท่านมาอยู่ต่อหน้าเรา เราหันมามองท่าน แต่จำหน้าไม่ได้ ทำไมจำไม่ได้ไม่รู้ แต่จำรูปร่างของท่านสุวานได้ ตัวเล็ก รูปร่างสันทัด ไม่บึ้กสูงกว่าเรานิดเดียว แต่ผิว เรากลับมองเห็นเพียงแสงสลัวๆ มืดๆ




    เรามองลักษณะของท่านเพียงแว้บเดียว แล้ว ท่านก็ก้มหน้า ตรวจดูบัญชีหน้าของอร ระหว่างที่ท่านจะเริ่มดู ท่านพูดอย่างสนุกสนาน แซวเราว่า


    "อย่างอรน่ะ ไม่เหลือกรรมแล้วม๊างงงงงงงงงงงงงง"



    แต่ระหว่างที่ท่านพูด เราก็มองไปที่หน้ากระดาษ สองหน้านั่น เราพิจารณากระดาษ มันเป็นกระดาษ หนามาก สีน้ำตาลแบบเนื้อไม้เลย มีตัวหนังสือไทย เขียนหางหวัดๆ แบบโบราณ ตัวอักษรสีดำ สลักลึกลงไปในเนื้อกระดาษ เรามองไป เห็นแต่กรรมต่างๆ แต่อ่านไม่ออก ทั้งที่รู้ตัวอักษรแต่อ่านไม่ออกเลย



    ในวินาทีที่ ท่านสุวานพูดจบว่า " อย่างอรน่ะ ไม่เหลือกรรมแล้วม๊าง"

    มีอักษรอยู่ ๒ บรรทัด สว่างจ้าขึ้นมาเป็นสีน้ำเงินสะท้อนแสง แล้วตัวอักษรลอยขึ้นมาเลย

    อันนึง อยู่บนบน เกือบบนสุด บ่งบอกว่า กรรมนี้ เมื่อไม่นานมานี้
    อีกอัน อยู่ด้านล่างๆ บ่งบอกว่า เราทำกรรมนี้มานานแสนนานแล้ว

    เรากลับอ่านออกทุกตัวอักษรว่าเราทำกรรมอะไรไว้ แล้วยังไม่ได้ชดใช้ให้มันจบกันไปเลย (ตรงนี้บอกไม่ได้เจ้าค่ะ)




    เสียงท่านสุวาน ยังพูดด้วยอาการ สนุกสนาน ฮาเฮ เช่นเดิม " เอ้ายังมีอีก ๒ กรรม นี่ไง กรรมที่เหลือของอรน่ะ"



    เราเลยรู้ ณ ตอนนั้น ว่า
    กรรมที่ได้ชดใช้ อโหสิกรรมไปแล้ว จะเห็นเป็นตัวอักษรที่สลักลึกลงในกระดาษ เป็นหมึกสีดำ ไม่มีแสงอะไรทั้งนั่น



    กรรมที่ยังไม่ได้ชดใช้ ยังส่งผลกรรม วิ่งตามเราอยู่ จะเห็นเป็นอักษรที่สลักลึกลงในกระดาษ เป็นหมึกสีน้ำเงินเข้มสะท้อนแสง พอดูปุบก็ลอย ขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดเลย




    เราเห็นตามนั่น ก็ใจหดหู่ ในกรรมที่ตัวเองทำไว้ กลับขึ้นมาเองดื้อๆเลย แล้วกำหนด พองหนอ ยุบหนอ ไปจนครบเวลา ก็แผ่เมตตาออกไปตามปกติ




    สิ่งที่เราต้องขอบคุณท่านสุวานคือ การตอกย้ำให้เราเห็น ว่า บาป นั่น มีจริง และ ช่วยให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ให้หมั่นสร้างความดี และ ถ้าเรามีครอบครัว เราจะไม่ทะเลาะกะ คู่ชีวิตเราล่ะ เราจะขอคุยกันให้เข้าใจกันมากขึ้นดีกว่า มาขึ้นเสียง ด่าทอ ทะเลาะกัน ข้อนี่เรากลัวมาก พูดแล้วยังนึกถึงสภาพ หญิง ชาย คู่นั่น อยู่เลย น่าสังเวชใจยิ่งนักเจ้าค่ะ


    ว๊ากส์.......ต้องหนีไปทำงานก่อนนะค่ะ มีขายกุ้งล้านนึง ไปล่ะค่ะ


    ศศินันท์ พรโชคธัญสิทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2012
  2. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    พี่ตุ๊กตา เดี๋ยวอรเริ่มสวดมนต์ให้เย็นนี้เลยนะค่ะ เป็นกัลยาณมิตรกันนะค่ะ

    ช่วยกันสวดมนต์เนอะ อิอิ

    เดี๋ยวค่ำวันที่ ๙ กพ อรถึงมีโอกาสได้ทำกรรมฐาน เพราะรูมเมทกลับบ้าน ดีใจจังเลยอะค่ะ ช่วงนี้อรได้แต่สวดมนต์ทุกวันอย่างเดียว
     
  3. THANTIP1192

    THANTIP1192 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณมากค่ะที่มาเล่าให้ฟัง ชอบมากเลยค่ะ และเชื่อที่เล่ามาทุกอย่างเลยค่ะ แต่ยังสงสัยว่า สามี ภรรยาทะเลาะกันทำให้ถึงกับปีนต้องงิ้วเลยเหรอค่ะ และจะหมั่นทำความดีให้มากขึ้นกลัวตกนรก
     
  4. jaack

    jaack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +551
    สงสัยครับขายกุ้งไม่บาป ไม่มีบันทึกไว้หรือครับ
    หรือพูดเล่นครับ
     
  5. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    อันนี้ อรก็ไม่คิดว่า การทะเลาะกันของสามี ภรรยา จะบาปขนาดปีนต้นงิ้วเหมือนกันค่ะ แต่หลวงพ่อท่านเคยแนะว่า การครองเรือนนี้ สามีและภรรยา ต้องใช้เกียรติซึ่งกันและกัน ทะเลาะกันเป็นบาป แต่ก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่า บาปขนาดปีนงิ้วน่ะค่ะ อรเห้นเช่นไร เลยเล่าเช่นนั้นค่ะ แหะแหะ
     
  6. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    มีจ้า จะเล่าอยู่ค่ะ แต่อรเก็บไว้เล่า คราวหน้าๆๆโน้น.......อะค่ะ ^_^

    บาปแน่นอนค่ะ เดี๋ยวจะเล่าอีกทีนะค่ะ รออ่านนะค่ะ
    นี่ก็เพิ่งขายเสร็จไป สามล้านกว่า บาปเพิ่มอีกเยอะเลยค่ะ

    แงแง
     
  7. วัฒน์ฤทัย

    วัฒน์ฤทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +232
    แล้วทำไมคุณอรไม่เปลี่ยนอาชีพอื่นทำหละค่ะ จะได้ไม่เป็นบาป ถามเพราะความหวังดีนะค่ะ จากคนที่คอยติดตามประสบการณ์ดีของคุณอรค่ะ
     
  8. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ขอบคุณมากค่ะ

    ยอมโดนถูกลดทอนบุญทุกวัน จากการทำอสัมมาอาชีพ แต่เป็นอาชีพสุจริต

    คือ
    ๑ อรเรียนจบ สายนี้มาโดยตรง ชีววิทยาประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค่ะ (หากเอนท์ ติดสายอื่นคงไม่ต้อง ทำงานเกี่ยวกะสัตว์) ตอนนั้นเรียนจบแบบเกรดยังไม่ออก แต่ซีพีเรียกตัวเข้าไปทำงานก่อนแล้ว ในสายฟาร์ม งานวิจัย และมาลงตัวที่ hatchery scampi น่ะค่ะ

    ๒ หากจะลาออกไปหางานใหม่ ประสบการณ์ เราด้อยกว่าคนอื่นหลายด้านเลย ภาษาที่ ๓ ที่เคยใช้ อย่าง ภาษาญี่ปุ่น อรก็ถือว่าแย่ลงเยอะเลยจ้า เพราะไม่ได้ใช้นานแล้ว ถ้าเป็นครูสอนดำน้ำ scuba diving หรือทำงานในบริษัท scuba dive เราก็ยังไม่ได้พัฒนาถึง advance level เพราะอร อยู่ใน level open waterworld เท่านั้น

    พอเราทำงานด้านนี้มา ๘-๙ ปี ถ้าลาออก งานใหม่คงหายาก ด้วยอะไรก็ตาม เศรษฐกิจ การเรียนรู้งานเราต้องเริ่มใหม่ แข่งกับน้องๆที่จบมาใหม่

    ๓ มีคนเคยนัดสัมภาษณ์งาน ด้านอื่นๆ แต่เราต้องทำงานที่ฟาร์มลาไม่ได้เลย เพราะต้องทำงานติดต่อกันทุกวัน 30 วัน ถึงจะได้หยุด 5 วัน ซึ่ง 5 วันนั่น ต้องไม่มีกุ้งใน hatchery คือ ต้องขายกุ้งที่รับผิดชอบให้หมดก่อน

    ๔ เคยคิดลาออก แต่ถ้ายอมตกงานก่อน แล้วไม่มีกำหนดว่าเมื่อไหร่จะได้งาน แล้วพ่อแม่ จะเป็นยังไง นั่นทำให้ อดทน ทำที่นี้


    ในอนาคต คือ เก็บเงิน เพื่อที่จะลาออก ไปทำการเกษตร ปลูกพืชผักไปเรื่อยจ้า ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์

    ขอให้ ปลดหนี้ที่ซื้อที่ดินไป เกือบล้านก่อนอะจ้า


    หากเลือกได้ ก็จะไม่ทำอาชีพนี้แน่นอน หากเราเห็นแก่ตัว (ไม่เอาไม่ทำอาชีพนี้ มันบาป ไปหางานเงินเดือนหมื่นนิดดีกว่า) แล้วพ่อแม่เราล่ะ เงินหมื่นกว่าบาท (แต่ไม่ได้ทำบาปเกี่ยวกะสัตว์) จะพอค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากิน มีเหลือเก็บ และให้เงินดูแลพ่อแม่ ไหม?

    จึงเห็นแก่ตัวไม่ได้ น่ะค่ะ เราทำบาปจากอาชีพ แต่เราไม่เคยจะลืมบุญคุณ คุณกุ้งก้ามกรามเลย ไม่คิดว่า " ชั้นเลี้ยงแก แก รอดเยอะ ชั้นจะได้เงินจากการขายแกเยอะๆ เอาไปปรนเปรอตัวเอง กินเหล้า แต่งตัว เที่ยวให้สนุกเลย " เป็นต้นอะค่ะ (อรลั่นสัจจะไม่ดื่มเหล้า ตลอดชีวิตค่ะ)

    จะพูด หรือคุยด้วยจิต บอกคุณกุ้งก้ามกราม ทั้งหลายว่า " ขอบคุณในบุญคุณที่ทำให้อรได้นำเงินนี้เลี้ยงดูพ่อแม่ เอาเงินนี้ไปทำบุญช่วยเหลือ ผู้อื่นที่ขาดโอกาส "


    แบบว่า พิมพ์ยาวมาก จะเหนื่อยอ่านไหมอะค่ะ ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ได้แจ้งความคิดเห็นนะจ๊ะ ยินดีให้ถามได้ตลอดจ้า

    ^_^

    วันนึงที่มีตังค์พอ จะเลิกอาชีพนี้แน่นอนจ้า
     
  9. Num_Myo

    Num_Myo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +113
    สวัสดีจ้าอร

    เป็นกำลังใจให้นะคะ ถึงแม้ว่าอรยังต้องทำอาชีพนี้อยู่แต่อรก็ไม่หมดกำลังใจที่จะทำกรรมฐาน

    บีเคยอ่านหนังสือ "ดูจิตหนึ่งพรรษา" ของท่านปัญญาวโรภิกขุ ท่านได้เขียนเล่าประวัติของท่านและบันทึกการปฏิบัติธรรมไว้ขณะบวชหนึ่งพรรษา

    ขอเล่าเกี่ยวกับท่านคร่าวๆ คือ ก่อนนั้นท่านเองประกอบอาชีพทำฟาร์มกุ้งค่ะ ซึ่งเป็นอสัมมาอาชีพ ท่านต้องทนทำ 4 ปี ในระหว่าง 4 ปีนั้นท่านเองก็กลัวบาปและไม่อยากตกนรก คุณแม่ของท่านพาไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมของคุณแม่สิริ กรินชัย

    ทุกครั้งที่เข้าคอร์สจะมีการสวดอาชีวฐมกศีล(ศีล ๕)นั้นมีข้อจะไม่ขายสัตว์ให้เขาเอาไปฆ่า ซึ่งทุกครั้งเมื่อถึงข้อนี้ ท่านไม่อยากสวดเลย แต่เมื่อเข้าต่อไปๆ บ่อยเข้าท่านก็ท่องเต็มปากโดยคิดว่าให้มันกรีดหัวใจไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งท่านก็หวังว่า ทุกอย่างจะจัดสรรให้ได้จบ(จากอาชีพนี้)ได้ในซักวัน

    แล้วในวันหนึ่งทุกอย่างก็ถูกจัดสรรไว้ อุปกรณ์ทุกชิ้นในฟาร์มกุ้ง มีคนเดินเข้ามาถามขอซื้อเองจนหมด ทั้งๆที่ท่านไม่ได้บอกใคร แม้ของที่ขายยากๆ เช่น หม้อแปลงที่ติดอยู่บนเสาไฟก็มีคนมาขอซื้อเอาไปพร้อมเสาไฟฟ้า จนรู้สึกแปลกใจ และสุดท้ายแม้กระทั่วตัวฟาร์มเองคนก็มาขอซื้อทุกอย่างที่ทำไว้แล้วเซ้งต่อไปในช่วงเวลาเดียวกันจนหมด จนท่านเองรู้สึกได้เลยว่า "เขาต้องการให้ท่านกลับบ้านแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว ท่านได้ผ่านบททดสอบแล้ว" เห็นมั้ยละคะ พอถึงเวลาหมดกรรมจากตรงนั้นแล้วอะไรก็ง่ายไปหมดค่ะ

    บีถึงได้นับถืออรมากๆ ถึงแม้ว่าอาชีพที่ทำอยู่จะเป็น อสัมมาอาชีพ แต่อรก็เพียรทำกรรมฐานเสมอ ไม่ท้อเลย เหมือนที่บอกว่า "เราหยุดทำความดีไม่ได้" วันนึงบีเชื่อว่า อรจะได้อาชีพใหม่ที่ดีกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ^______^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • doojit.jpg
      doojit.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.5 KB
      เปิดดู:
      176
  10. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,082
  11. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144


    ขอบคุณบี มากนะจ๊ะ แบบว่าอ่านแล้ว ซึ้ง ปาดน้ำตาอีกแล้วอะจ้า (ช่วงนี้ sensitive มั่กๆ)

    อรขอบคุณบีมากๆ ที่เข้าใจอร อะ แบบว่า อะไรที่บี แนะนำ ข้างต้นนี้ มันบอกชัดมากว่า บีเข้าใจอรจริงๆ อรรอใช้กรรมหมดก่อน วิญญาน เด็ก ๒ คน ส่งผลอยู่ และอื่นๆอีก แหะแหะ เยอะอยู่นะเนี้ย

    คิดว่า พอทำกรรมฐานไปเรื่อยๆ ไม่ทิ้งกรรมฐาน ไม่ทิ้งการสวดมนต์ วันนึง เราต้องไปก้าวได้เต็มก้าวแบบคนอื่นบ้าง

    ไม่โดน ลดทอนบุญ จาก อาชีพอีกต่อไป

    ปล. แผ่เมตตาให้บีเหมือนเดิมทุกวันจ้า สู้ๆกันเนอะ ^_^
     
  12. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    คำว่าสัมมาอาชีพที่สุจริตนั้นมันกว้างมากการฆ่าสัตว์ก็สัมมาอาชีพสุจริตเหมือนกันเพราะไม่ได้ปล้นใครกิน5555 ศีลข้อแรกของศีล5คือปาณาฯห้ามฆ่าสัตว์ผลปรากฎว่ามีคำกล่าวฉันแค่เลี้ยงเพื่อขายแต่ฉันไม่ได้ฆ่าคนซื้อฆ่าฉันไม่เกี่ยวนะ ไม่เกี่ยวจริงหรือ55555อาชีพที่ทำแล้วไม่ต้องมีกาฆ่ามาเกี่ยวข้องมีมากมายคำว่าสัมมาอาชีพที่พระพุทธองค์ตรัสนั้นคืออะไรคิดให้ได้คิดให้เป็น บาปก็ทำ บุญก็สร้างแล้วอะไรหมดสร้างทั้งบุญสร้างทั้งบาปถ้าหมดกรรมจริงๆบุญคงหมดด้วยเนอะ การเห็นสิ่งต่างๆในสมาธินั้นเห็นจริงแต่เป็นของหลอก55555ถ้าไม่เข้าใจก็ยึดอยู่ยังงั้นแหละ55555สมาธิจริงจริงไม่ใช่การนั่งนิ่งๆแล้วยุบหนอพองหนอแต่การมีสมาธิคือต้องมีผัสสะแล้วจิตเป็นสมาธิถึงเรียกว่าสมาธิไม่ใช่นั่งหลับตาท่องยุบหนอพองหนอแล้วบอกฉันมีสมาธิแล้ว55555มีสมาธิก่อเกิดความสงบ ความสงบก่อเกิดสมาธิทุกอย่างต้องเกี่ยวพันเกื่อหนุนกันและกันแล้วเวทนา ตัณหาจะไม่เกิดถ้ายังไม่ถึงขั้นนี้อย่าคุยว่าฉันมีสมาธิ55555คิดให้ได้คิดให้เป็นจะพ้นทุกขคิดไม่ได้คิดไม่เป็นก็ไม่มีวันพ้นวัฏสังสารไปได้ กินให้น้อยนอนให้น้อยทำให้มากคืออะไร?สมาธิอยู่ที่ไหน?ความสงบอยู่ที่ไหน?อะไรคือกรรมอะไรคือบุญมีกรรมต้องชดใช้มีบุญต้องเสวยแล้วคิดมากทำไม55555555เกิดดับเกิดดับคืออะไร55555ความไม่รู้ก่อเกิดอาสวะ อาสวะก่อเกิดความไม่รู้55555รู้แล้วได้อะไรไม่รู้แล้วได้อะไร55555โลกธรรมเปรียบเสมือนไก่ที่อยู่ในไข่เมื่อไก่เจาะเปลือกไข่ออกมาแล้วไก่จะกลับเข้าไปในไข่อีกหรือ เป็นไปไม่ได้เปรียบเสมือนผู้ที่พ้นแล้วย่อมไม่กลับไปวัฏสังสารอีก ที่สำคัญไก่บางตัวแค่เจาะเปลือกไข่ได้แต่ยังไม่ทันได้พ้นไข่ออกมากลับคิดว่าฉันพ้นแล้วฉันหลุดแล้วนั้นต่างหากที่ทำให้นักปฏิบัติไม่พ้นวัฏสังสารไปได้5555555เมื่อเราตัดแขนเราขาดแล้วมีเราคนเดียวที่รู้ว่าบัดนี้แขนเราได้ขาดแล้วกิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้วคนอื่นจะไม่รู้กับเราด้วยหรอก5555นรกนะไปง่ายโลกุตระธรรมสิไปยาก5555555คิดให้ได้คิดให้เป็นแล้วจะเป็นสุขคิดไม่ได้คิดไม่เป็นก็ทุกขต่อไป5555รักษาศีล5นับถือพระรัตนตรัยโดยไม่สงสัยมีสมาธิก็ได้โสดาบันแล้วง่ายกว่าไปนรกอีก5555ถ้าทำไม่ได้ประตูนรกก็เปิดอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่จะเข้าไปเมื่อไรเท่านั้นเอง ถ้าทำได้ก็ปิดประตูนรกทันที5555555

    ป.ล.การทะเลาะกันของสามีและภรรยาเป็นการผูกเวรอาฆาตกันทั้งสองฝ่ายมิใช่การทำบาปในศีล5เป็นเรื่องของคนสองคนที่อยู่ในอารมณ์โกรธพยาบาทกันและกันจึงต้องเวียนเกิดเวียนตายมาเจอกันตลอดไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าหรืออีกหลายชาติไม่พ้นวัฏสังสารไปได้ไม่เกี่ยวกับต้นงิ้วเลยการไม่ผูกเวรซิถึงจะพ้นเวรได้ถ้าสามีด่าภรรยาไม่ด่าตอบหรือภรรยาด่าสามีไม่ด่าตอบจะผูกเวรกันใหม55555ตบมือข้างเดียวจะดังหรือ?5555เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรยกถวายองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอภัยทานแล้วท่านจะไม่มีเวรเพราะไม่อาฆาตมาดร้ายใครอภัยให้ทุกสรรพสิ่งที่ทำกรรมกับเราไม่มีจิตผูกอาฆาตใคร5555ถ้ายังไม่เข้าใจก็คงไปปีนต้นงิ้วแหละ55555555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2010
  13. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    เลข 555 เยอะ เลยค่ะ สงสัย ว่า 555 บ่อยจังอะค่ะ เหมือนตั้งใจ ว่ากล่าว เสียดสี มากกว่าน่ะค่ะ

    ถ้าอรเข้าใจผิดขอโทษด้วนะค่ะ

    อย่างแรก อ่านแล้ว ก็ว่า ถึงอาชีพของอร อรอธิบายแล้วนะค่ะ ว่า อะไรยังไง

    ขอกล่าวสั้นๆ ไว้ให้คุณ VERAJAK คิดนิดนึงค่ะ ว่า

    หากอรไม่มีทำงาน แล้ว อรจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงดูพ่อแม่ค่ะ ?

    ช่วงตกงาน เพื่อหางานที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ จะเอาเงินจากไหนดูแลตนเองและพ่อแม่?

    แล้ว จบประมงมา อรสามารถไปแข่งขันกับคนที่จบด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์ได้ สูสีกันไหมค่ะ ในเศรษฐกิจแบบนี้ ?

    เพราะ ไม่ได้เห็นแก่ตัว คิดถึงพ่อแม่ จึงเต็มใจทำงานนี้อยู่ แต่เมื่อตั้งตัวได้ ก็จะกลับบ้านไปทำเกษตร ค่ะ อรเคยตอบ อธิบายไว้แล้ว อย่างยืดยาว

    คุณ VERAJAK ก็กล่าว เสียดสีว่า บาปก็ทำ บุญก็สร้างแล้วอะไรหมดสร้างทั้งบุญสร้างทั้งบาปถ้าหมดกรรมจริงๆบุญคงหมดด้วยเนอะ

    อันนี้คำกล่าวของคุณน่ะค่ะ

    ไม่โกรธคุณ VERAJAK นะค่ะ คำกล่าวของคุณ ทำให้อรเสียใจมากกว่าค่ะ ว่าเหตุใดจึง พูดเยาะเย้ย เสียดสี บวกกับ หัวเราะสลับกัน เป็นระยะ


    อยากให้อ่านให้ละเอียดค่ะ บอกแล้วว่า เล่าตามเห็น และสามีภรรยา คู่นั้น ต่างด่าทอกัน ไม่มีใครยอมใคร

    ส่วนเรื่องต้นงิ้ว นี้ก็ออกตัวแต่แรกแล้วว่า จะเป็นดาบสองคม ที่จะมีคนเข้ามาว่าให้เราต้องเสียใจ แล้วก็โดนคุณว่าจริงๆด้วย น่ะค่ะ


    ที่อรเรียนมาก็ไม่เคยมีใครบอกว่า สามี ภรรยา ทะเลาะกัน แล้วจะถึงขั้นปีนต้นงิ้ว

    ปีนไม่ปีนอรไม่สามารถ confirm แบบที่คุณ VERAJAK กล่าวยืนยันไว้น่ะค่ะ


    สิ่งที่อรสื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ

    การทะเลาะกันมันไม่ดี ณ ตอนที่ คนเป็นสามี ภรรยา ด่าทอกัน คงมีแต่ความเจ็บปวดทั้งคู่ ไม่มีความสุขทั้งคู่ ซึ่งถึงตอนนี้อรเองไม่มีครอบครัว แต่ก็เอามาปรับใช้ กับแฟนที่คบกันอยู่ เราให้เกียรติเค้า เค้าก็ให้เกียรติเราเช่นกัน


    ต้องขอโทษคุณ VERAJAK ไว้ก่อนนะค่ะ หากอรเข้าใจอะไรผิดไป ในคำกล่าวของคุณน่ะค่ะ

    คุณพระรักษา นะค่ะ
     
  14. charat1967

    charat1967 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +21
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    มารไม่มี บารมีไม่เกิด

    โปรดระลึกว่า กำลังได้ก้าวสู่การสร้างบารมี โดยการก้าวเหยียบมาร ผ่านขึ้นไป
    :cool:
     
  15. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    หนูอรโชคดีจริง ๆ ที่ไดัมีโอกาสสร้างบุญกุศลสะสมไว้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ ทั้งคุณพ่อ (ถึงจะเป็นลิงเนอะ :)) คุณแม่คงปลื้มใจสุด ๆ ที่มีลูกสนใจปฏิบัติธรรม ทั้งสองคนเป็นอภิชาตบุตร คือ บุตรที่นำความเจริญมาสู่พ่อแม่
     
  16. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    ขอบคุณ พี่ omio มากค่ะ ยิ่งทำให้อรมีกำลังตั้งมั่นในการสร้างความดี ต่อไปจ้า

    ปล. พ่อลิง กะน้องลิง ฝากทักทายจ้า เจี๊ยกๆๆๆ อิอิ
     
  17. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    5555เอาละสิ่งที่ผมเขียนคุณคงไม่เข้าใจแต่ว่าวันหนึ่งคุณจะเข้าใจได้5555กรมมดีและกรรมชั่วจะหมดได้ก็ต่อเมื่อเป็นพระอรหันต์เท่านั้นแผนที่ที่พระพุทธองค์ให้กับเหล่าสรรพสัตว์เป็นฉบับเดียวกันแต่ใครจะเข้าใจแล้วเดินได้ถูกทางนั้นต่างหากละถึงจะพ้นทุกข์ก็คือหมดทั้งกรรมดีและกรรมชั่วทุกสรรพชีวิตอุปมาอุปมัยเปรียบเสมือนแม่โคที่ถูกเทียบเกวียนไว้ไม่ว่ามันจะเดินไปทางไหนก็จะมีล้อเกวียนหมุนตามมันไปตลอกเวลาจนกว่าท่านจะปลดเกวียนนั้นออกทางเดียวที่จะปลดได้คือพระอรหันต์เท่านั้นถ้ายังไม่ถึงขั้นนี้อย่าหวังเลยว่าจะหมดกรรมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าให้มนุษย์อยู่โดยมรรคมีองค์8คือความเป็นอยู่ชอบแล้วโลกนี้จะไม่ว่างเว้นจากพระอรหันต์ คำว่าเป็นอยู่ชอบคืออะไรท่านเข้าใจหรือเปล่า?อริยมรรคมีองค์แปดมีอะไรบ้างท่านรู้หรือไม่?ทุกสรรพสัตว์ล้วนเกิดแก่เจ็บตายท่านเข้าใจว่าคืออะไร? คือคนเราเกิดมาแล้วต้องเจ็บต้องแก่ต้องตายแค่นั้นหรือ?55555 สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้คือไม่ว่าจิตจะเกิดเป็นอะไรล้วนไม่พ้นวัฏสังสารไปได้ไม่ว่าจะเป็นพรหมเป็นเทวดาเป็นคนเป็นเปรตเป็นสัตว์นรกล้วนเกิด-ดับ เกิด-ดับตลอดไม่มีทางพ้นสังสารวัฏไปได้ถ้าคุณอยากเข้าใจกฏแห่งกรรม ภพภูมิต่างๆต้องเข้าใจพื้นฐานของการปฏิบัติธรรมก่อนแล้วถึงจะเข้าใจกฏแห่งกรรมได้แล้วถึงจะเดินตามแผนที่ที่พระพุทธองค์บอกได้โดยไม่หลงทางสิ่งที่จะได้ตามมาคือความสงบจิตจะไม่เร้าร้อนจิตจะนิ่งเฉยไม่ว่าใครจะเข้าใจว่าเราเป็นอะไรก็ได้เป็นเปรตเป็นสัตว์นรกเป็นมารหรืออะไรก็ได้แล้วแต่จิตแต่ละคนที่จะปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ เรารู้ตัวเราว่าเราเป็นเยี่ยงไรก็พอแล้ว ไปอ่านสิ่งที่ผมเขียนให้ดีแล้วคิดให้ได้คิดให้เป็นจะเข้าใจทุกอย่างถ้าคิดไม่ได้คิดไม่เป็นก็หลงทางต่อไป ชนะจิตในกายนี้ได้ก็ชนะทุกอย่างหากชนะจิตในกายนี้ไม่ได้ก็แพ้ทุกอย่างพระพุทธองค์สอนให้เราชนะจิตตนไม่เคยสอนให้ชนะจิตคนอื่นเลย คำว่าบุญก็สร้างกรรมชั่วก็ทำหมายความว่าจิตยังมีบุญมีกรรมอยู่ยังไม่สงบนิ่งหรือว่างนั้นอย่าหวังเลยว่าจะหมดกรรมถ้ากรรมหมดบุญต้องหมดด้วยหมายความว่าพระอรหันต์เท่านั้นท่านจะไม่มีบุญและไม่มีกรรมแค่นี้ก็ไม่เข้าใจแค่เตือนสติคุณเท่านั้นว่าอย่าได้หวังว่าจะหมดกรรมเรายังมิได้เป็นอยู่โดยชอบแล้วไซร์ยังไม่หมดกรรมง่ายๆหรอก5555555คุณกลับเข้าใจเป็นอะไร?จิตปรุงแต่งไปเป็นอะไร555555 จิตต้องยึดแล้วเราจะให้ยึดอะไรละตาเห็นหูได้ยินกายสัมผัสจิตต้องยึดพุทโธเท่านั้นอย่าให้มันปรุงแต่งว่าสวยว่าหล่อว่าดีว่าชั่วอะไรที่ผิดศีลห้าอย่าได้เข้าไกล้หลีกให้ห่างให้รู้จักอายรู้จักกลัวแค่นั้นถ้าทำง่ายๆแค่นี้ไม่ได้นรกก็ไปไม่ได้หรอกครับ5555555 แม้วันนี้เพิ่งเขียนเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกนะเนีย55555โลกนี้คือมายา จำไว้นะครับมันเป็นมายาไม่มีของจริงย้ำไม่มีของจริงทุกอย่างเกิด-ดับตลอดเวลายึดไม่ได้55555555555 กลับไปอ่านบทความท่านแม่ชีทศพรในนี้ก็มีให้เข้าใจนะครับท่านสอนใว้อย่างดี5555
    ป.ล.ที่มี555มากเพราะมันมิได้มีอะไรเลยเปรียบเสมือนการดูทีวีดูละครก็เท่านั้นผมไม่ได้ยึดอะไรไม่หวังและไม่ต้องเป็นอะไรทุกอย่างคือมายาแนะนำได้ก็แนะนำแค่นั้นคนที่รู้จักผมล้วนลงความเห็นตรงกันหมดว่าผมบ้า555555555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2010
  18. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    ขอบคุณที่กรุณากลับมาอธิบายนะค่ะ

    คือ อรไม่ได้หวังนิพพาน เป็นอรหันต์
    คือ หลวงพ่อจรัญ ท่านสอนไว้ว่า เราต้องทำความดีใส่ตัว สร้างกุศลให้ตนเองก่อน แค่สร้างกุศลให้ตนเอง (ทำกรรมฐาน) ยังทำไม่ได้ ไหนเลยจะพูดถึงนิพพาน

    เพราะฉะนั้น อรเองซึ่งเป็นลูกศิษย์ ก็หวังเพียงได้ชดใช้กรรม ให้เบาบาง

    ไม่เคยหวังว่า จะหมดกรรม เพราะ กรรมนั้น เราทำได้เพียงทำให้เบาบางลง ถึงเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้แล้ว บาปก็ต้องตามลงโทษต่อ ที่เรียกว่า เศษกรรม

    คุณ VERAJAK ลองอ่านทุกเรื่องที่อรเขียนดูนะค่ะ


    จุดประสงค์ คือ ใช้กรรมให้เบาบาง

    ไม่เคยคิดอะไรไกลตัว น่ะค่ะ ให้คุณ มาว่ากล่าว ว่า
    ถ้ายังไม่ถึงขั้นนี้อย่าหวังเลยว่าจะหมดกรรมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้



    หากคุณ VERAJAK ไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับ ตัวตน หรือความคิดของอร ถามได้ค่ะ



    แต่อย่าคิดเอง สรุปเอาเองว่า คนนี้เป็นแบบนี้ คนนั้นเป็นแบบนั้น ตัดสินผู้อื่นด้วยความคิดของตนเอง

    หากคุณคิดว่า อรหวังหมดกรรมไปนิพพาน ก็ควรถามอรก่อน ว่า อ่านแล้ว อรคิดแบบนี้หรือ?

    เมื่อถาม แล้ว อีกคนตอบ เราก็จะเข้าใจเค้า ไม่เข้าใจเค้าผิด หรือไปตัดสินคนอื่น แบบผิดๆ น่ะค่ะ

    ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะค่ะ
    คุณพระรักษา เจ้าค่ะ
     
  19. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144

    ขอบคุณที่แนะนำนะค่ะ

    แต่อรไม่เคยเจอ คนอยากสอนคนอื่น แบบ เสียดสี ว่ากล่าวคนอื่น ปนกับหัวเราะเยาะคนอื่นด้วยน่ะค่ะ

    เมื่อ อรไม่เข้าใจก็ถามกลับ อรว่า อรให้เกียรติคุณ VERAJAK ให้แก้ไขคำพูด หรืออธิบายตัวคุณเองนะค่ะ

    เพราะ ไม่คิดแทนตัวคุณ VERAJAK ;คุณเป็นคนที่แย่น่ะค่ะ

    เลยเปิดโอกาส ให้อธิบาย


    แต่อยากให้คุณ VERAJAK ปรับทัศนะคติการมองโลกแบบ Positive thiniking นะค่ะ ชีวิตจะเป็นสุขขึ้น น่ะค่ะ

    เลือกคำง่ายๆ สื่อสารง่ายๆ ให้เกียรติผู้อื่น

    ทุกคนจะเข้าใจคุณ VERAJAK มากขึ้นนะค่ะ

    หากพูดไปแล้ว คำพูดของคุณ ทำให้ผู้อื่นเสียใจ บาปก็อยู่ที่ปากคุณเอง

    ^_^

    คุณพระรักษา นะเจ้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2010
  20. hatcheryorn

    hatcheryorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +2,144
    สำหรับเพื่อนๆ ที่มีความมุ่งมั่น ไม่อยากเวียนว่าย ตายเกิด อยากหลุดพ้นสังสารวัฏ

    อรมองแบบนี้นะค่ะ

    มนุษย์เราสามารถก้าวไปสู่จุดหมายตามความประสงค์ได้
    หากให้กำลังใจตนว่า เราทำได้
    หากทำยังไม่ได้ แสดงว่า เราต้องพยายามเข้าไปอีก
    วันนึงต้องทำได้ แน่นอน

    พระพุทธองค์ ทรงสั่งสมบารมีหลายชาติกว่าจะหลุดพ้น
    เราเองหาก ชาตินี้สร้างความดีไว้กันมากๆ สั่งสมบุญในชาตินี้ ชาติหน้า ต่อๆไป ก็เกิดมาสั่งสมบุญต่อไป

    นั่นคือ ความเพียร

    อรเป็นกำลังใจในเพื่อนๆทุกคนนะค่ะ เพราะกำลังใจสำคัญมาก


    หากใครมาบั่นทอนกำลังใจ ว่า "อย่าหวังเลย ไม่มีปัญญาหรอกอย่างเธอน่ะ"

    เพื่อนๆ อย่าโกรธ หรือเกลียดเขาเลยนะค่ะ

    ให้เอา คำดูถูก เหยียดหยามของเขา มาเป็นกำลังใจ ในตัวเราเอง ยิ่งมุ่งไปสู่จุดหมาย

    มารไม่มี บารมีไม่เกิด

    เรามาเหยียบข้ามมารกันไปด้วยกันนะค่ะ

    สู้ๆ อิอิ
    ^_^

    คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองเจ้าค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...