ตรวจกรรม กับ อ. "คนวัด" ผู้มีญาณระเบิดจิต

ในห้อง 'บริการรับดูดวง' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 13 พฤศจิกายน 2009.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    “รักไร้พ่าย” มานำเสนอคนมีญาณอีกแล้วครับพี่น้อง

    เรื่องที่ผมจะนำเสนอนี้ เป็นหนึ่งในการค้นพบคนมีญาณที่เรียกได้ว่า
    เป็น เพชรน้ำเอกของแวดวงคนมีญาณท่านหนึ่ง เท่าที่ผมได้
    เคยพบเจอมาทีเดียว หรือจะเรียกแบบชาวบ้านๆว่า “สุดๆ” ไปเลย

    ก่อนจะมารับรู้เรื่องราวของ อ.ท่านนี้

    ผมขอถามคุณก่อนนะว่า คุณเคยไปดูดวง ตรวจกรรมกับคนมีญาณมากี่ท่านแล้ว
    หากคุณเคยไปมาหลายท่าน คุณอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่า
    ทำไม คนมีญาณแต่ละท่านจึงทำนายทายทักดวงชะตาของคุณ
    ไม่เหมือนกันเลยสักคน
    ใช่มั๊ย ?

    แล้วคุณอยากรู้มั๊ยว่า เพราะอะไร

    เพราะว่าคุณเองยังไม่รู้จักคำว่า “ญาณ” นั้นเป็นอย่างไร เพราะจริงๆแล้ว
    ญาณเกิดได้หลายทาง ทั้งเกิดขึ้นมาเองของ อ.ท่านนั้นที่อจเคยปฎิบัติมาจาก
    อดีตชาติและสัญญาเก่าติดมาในชาตินี้ หรือ เกิดจากทั้งสัญญเก่า
    และการปฎิบัติจนเห็นจริงเห็นแจ้งด้วยตัวเองในชาตินี้

    แต่ผมขอบอกว่า อ. ท่านนี้ มีญาณจริงแท้ที่เกิดจากการปฎิบัติมาเพราะ
    อ.ได้เคยบวชเป็นพระสงฆ์มาหลายสิบปี ๆ ก่อนจะสึกออกมาก
    ได้ฝึกปฎิบัติและได้รับการชี้แนะจากเกจิอาจารย์หลายท่าน ดังนั้น อ.
    ท่านนี้ “ ไม่ธรรมดา” แน่นอน และมีคำตอบให้กับทุกคนครับ
    หากคุณมีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน

    เอ๊า มาอ่านกันเลย

    เมื่อไม่นานมานี้ มีน้องคนหนึ่งได้มาแนะนำผมให้รู้จักกับ อ. มีญาณท่านหนึ่ง
    และได้ให้ อีเมลล์ของ อ.ท่านนี้แก่ผม เพราะน้องเขาเห็นว่าผมสนใจและอยากจะ
    ศึกษาเรียนรู้เรื่องคนมีญาณ น้องเขาจึงเอ็นดูหนุ่มพเนจรร่อนเร่หาคนมีญาณผู้นี้
    ด้วยความยินดีปรีดาเป็นยิ่งนัก รักไร้พ่าย จึงไม่รีรอที่จะติดต่อท่าน อ. ผ่านเอ็ม
    อาจเป็นเดชะบุญของผมกระมังที่เคยหยอดกระปุกบุญมาอย่างต่อเนื่อง
    บุญนั้นจึงอำนวยผลให้ อ.ท่านนี้ได้ติดต่อกลับมาผ่าน เอ็มของผม
    ในระยะเวลาไม่ช้านานเลย

    อ่อ ลืมบอกไป อ.ท่านนี้ มีนามที่คนส่วนใหญ่จะเรียกฉายาท่านว่า

    อ. “คนวัด”

    ชายวัย 40 จากนครนายก ได้สร้างชื่อบรรลือธรรมในเส้นทางสายญาณนี้มา
    อย่างยาวนาน แต่ท่าน อ. ไม่ได้เปิดเผยตัวเองต่อสื่อสาธารณะมากนัก
    เพราะปารถนาจะช่วยคนแบบเงียบๆ แต่กระนั้น ด้วยความแม่นยำในการทำนาย
    ของ อ.อย่างน่าอัศจรรย์ที่ประจักษ์แก่ผู้ที่เคยสัมผัสมาแล้ว

    และยิ่งกว่านั้น ด้วยความเมตตาที่ อ. ได้ช่วยเหลือคนโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
    อ. คนวัดจึงเป็นคนมีญาณขวัญใจคนยาก เป็นที่รู้จักของผู้คนที่
    กล่าวขานถึงกิตติศัพท์ของ อ. กันปากต่อปาก จนมีผู้คนที่มีทุกข์เดือด
    ร้อนทั่วสารทิศได้ไปพี่งใบบุญ อ. ให้ช่วยเหลือกันอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
    และหนึ่งในการเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ก็คือ

    อ. คนวัด จะตรวจกรรมให้คนทุกเรื่อง อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าเรื่องนั้น
    จะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกับชีวิตที่เจียนอยู่เจียนตาย หรือ
    เป็นเรื่องไร้สาระสำหรับคนมีญาณท่านอื่นๆอย่างเช่น
    มาถามว่า

    จะรวยเมื่อไหร่ ?
    จะทำงานอะไรจะรุ่ง ?
    จะเจอรักแท้เมื่อไหร่ ? หรือคนรักมีรูปร่างหน้าตา ฐานะอย่างไร
    จะไปกันได้ไหม
    ( ผมก็ถามเรื่องความรัก อ. ก็ตอบมาละเอียดเลยว่า รูปร่างหน้าตา
    ฐานะเป็นอย่างไร เจอเมื่อไหร่ และบอกด้วยว่าใครจะเป็นคนเก็บเงิน
    บริหารเงิน อุอุ )

    ผมยอมรับเลยว่า อ. สามารถบอกได้อย่างละเอียดยิบเลยในทุกแง่มุม
    ของคำถามเลยจริงๆ เพราะ อ. ถือว่า คนที่มาหา อ นั้นย่อมมีเรื่องทุกข์ทั้งนั้น
    ทุกข์บางเรื่อง อาจไม่ใช่ทุกข์จริงในสายตาคนมีญาณท่านอื่น
    แต่ก็เป็นทุกข์สำหรับคนๆนั้น

    อ.ถือว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ถือเป็นเรื่องทุกข์ร้อนที่คนนั้นต้องการ
    ความช่วยเหลือ เพราะคนเหล่านั้นยังมีกิเลส มีโลภโกรธ หลง
    ยังละไม่ได้ จึงต้องมีการช่วยบำบัดไปตามจริตของแต่ละคน

    ดังนั้น ชีวิตของ อ. คนวัด จึงต้องเป็นที่พึ่งยามยากของปุถุชนคนธรรมดา
    และ อ. อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือคนในทุกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม
    ทุกชนชั้น มาตั้งแต่อดีต มาจนบัดนี้ และต่อไปในอนาคต

    คนที่ได้มาให้ อ. คนวัดช่วยเหลือต่างก็ศรัทธาในความมีน้ำใจ
    และทึ่งในภูมิธรรมของ อ. คนวัด ซึ่งมีญาณที่เกิดจากการปฎิบัติธรรม
    ตามแนวทางของพระพุทธศาสนามาอย่างดี และ ยังรู้ซึ้งในหลักธรรมที่
    ถูกต้องของพระพุทธศาสนา และได้เผยแพร่ธรรมะควาบคู่ไปกับการตรวจกรรม

    อ. ได้ช่วยเหลือคนโดยไม่มีอาการที่แสดงถึงการเลือกที่รักมักที่ชังต่อใครเลย
    ไม่ว่าคนที่มาหา อ. คนวัดจะเป็นใคร มาจากไหน และมีเรื่องทุกข์ใจอะไร
    อ. คนวัดจะแต็มใจช่วยเหลือจนสุดความสามารถทีเดียวครับ

    ยิ่งกว่านั้น อ. คนวัด เป็นคนตรงต่อตัวเองอย่างมาก เพราะหากเรื่องใดที่
    อ. ไม่สามารถมองเห็นด้วยจิตของกรรมคนนั้นได้ จะเป็นด้วยเหตุใดก็ตาม
    อ. ก็จะบอกกับคนนั้นไปตรงๆ ไม่มีการมาโมเมเด็ดขาด

    และยิ่งกว่าสำคัญเหนืออื่นใด อ.คนวัด ช่วยเหลือคนโดยไม่เรียกร้องผลตอบแทน
    จากใครเลย เพราะ อ. คนวัด ปารถนาจะสร้างบุญช่วยเหลือคนด้วยจิตใจที่
    ทรงไว้ด้วยพรหมวิหารสี่ อย่างแท้จริง อ. คนวัดดำรงชีพตัวเองด้วยความสมถะ
    ไม่ฟุ้งเฟ้อ และยังอัตภาพเพียงแค่ให้อยู่ได้เพื่อช่วยเหลือคน จนทำให้ลูกศิษย์
    และคนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก อ. ต่างมาช่วยเหลือจุนเจือ อ.

    นอกจากการเปิดบ้านช่วยเหลือคน แถวรังสิต คลอง 15 แล้ว อ.
    คนวัด ยังได้เปิดช่องทางในการช่วยเหลือคนผ่านสื่ออื่นๆ เช่น
    ทางโทรศัพท์ และ ผ่าน msn ด้วยนะ

    ด้วยการเข้าถึง อ. ได้หลายช่องทาง จนคนมาให้อ. ช่วยเหลือมากมาย
    จนบางวัน อ. ต้องช่วยคนจนถึง ตีสาม

    และที่ผมประทับใจกับ อ. คนวัด ท่านนี้ ก็คือ อ. คนวัดสามารถเข้าใจใน
    เรื่องของญาณ และจิต ได้อย่างลึกซึ้งและ สามารถอธิบายได้ตรงตามหลัก
    พระพุทธศาสนาทีเดียว และยังอิงตามหลักการแห่งวิทยาศาสตร์ด้วย
    เพราะสิ่งนี้คือเจตนารมณ์ของ อ. คนวัด ที่ต้องการจะเผยแพร่ความรู้
    ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคนมีญาณให้ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา
    และเพื่อให้ผู้คนได้หาย สังสัย และสับสนกับเรื่องคนมีญาณ
    และแยกแยะให้คนทั่วไปได้ตระหนักด้วยเหตุผลว่า สิ่งไหนเรียกว่า ญาณแท้ หรือญาณเทียม

    การเห็นกรรมของ อ.ไม่ได้ญาณเหมือนคนมีญาณทั่วไป
    ที่จะเกิดนิมิตของกรรมคนนั้นในดวงจิต ซึ่งภาพในนิมิตอาจ
    เป็นนิมิตจริงหรือเป็นเพียงแค่อุปทานจิตก็ได้ เพราะหากไม่ได้รับ
    การฝึกปฎิบัติมาในชาตินี้มาอย่างดีพอ ก็อาตคลาดเคลื่อนได้
    และอาจทำนายคนอื่นอย่างผิดพลาดโดยตัวเองไม่รู้ตัว

    นี่เป็นสาเหตุว่าทำใมคนไปดูกรรมกับคนมีญาณหลายคนจึงทายไม่เหมือนกัน
    แต่สำหรับ อ. คนวัดจะใช้จิตสัมผัสพลังธาตุของแต่ละคน
    ไม่ว่าคนนั้นจะอยู่ไกลแค่ไหนของมุมโลก เพียงแค่คนนั้นสามารถสื่อกับ
    อ. ทางใดทางหนึ่งเช่น พูดคุย หรือแค่คุยผ่านเอ็ม อ.
    ก็สามารถสัมผัสพลังงานของคนนั้นได้ ที่คล้ายกับ
    พลังออร่าที่ออกมาจากกายคนนั้น แต่พลังจิตของ อ.
    คนวัดจับได้ละเอียดกว่าพลังออร่ามากนัก

    อ. จึงสามารถรู้เห็นถึงกรรมคนนั้นทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้คุย
    หรือติดต่อกันทางสื่อใดก็ตาม และเห็นอย่างทุกแง่มุมของชีวิตคนนั้นเลย
    ทั้งเรื่องราวในอดีตชาติ ปัจจุบัน และอนาคต และเห็นทั้งเรื่องงาน
    การเงิน ความรัก สุขภาพ เจ้ากรรมนายเวรอย่างชัดเจน
    และจะยิ่งชัดเจนมากๆ หากจิตคนนั้นไม่ฟุ้งซ่านเกินไป

    แฮ๊กๆ ขอพักเหนื่อยก่อน บรรยายมาซะยืดยาว

    หากผมสาธารยายเรื่องราวของ อ. คนวัดมาเพียงเท่านี้
    คุณก็อาจทึ่งในระดับหนึ่ง แต่ผมบอกว่า ยังๆๆ

    ที่จะเล่าต่อไปนี้ สุดๆไปเลย

    ในเรื่องของการช่วยคนของ อ. คนวัด
    อ. มีวิชาหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีไม่กี่คนที่สามารถ
    จะมีวิชานี้ได้ และวิชานี้สามารถช่วยเหลือคนที่มีทุกข์หนัก
    โดยหาสาเหตุไม่ได้ เช่นป่วยเป็นโรคร้าย โดนคุณไสย์ มนต์ดำ
    หรือโดนเจ้ากรรมนายเวรเล่นงานชีวิตอย่างหนักจนทำให้คนนี้นต้อง
    พบกับความหายนะของชีวิต ทั้งธุรกิจ การงาน การเงินความรัก
    ครอบครัว และสุขภาพ
    วิชานี้ของ อ. เรียกว่า

    การระเบิดจิต”

    อ. บอกผมว่า การระเบิดจิตนั้น เป็นการให้วาระกรรมที่ถุกเก็บบันทึก
    เอาไว้ในมโนกรรมที่บันทึกในจิตใต้สำนึกของคนๆนั้น ที่มีทั้งกรรมดี
    และกรรมชั่วได้แสดงผ่านออกมาทางธาตุขันธ์ของคนนั้น
    เพื่อ่ให้เจ้าของธาตุขันธ์นั้นได้รับทราบในวาระกรรมของตนเอง
    ด้วยการแสดงออกทางขันธ์ห้า

    เป็นหลักการใช้พลังแรงเหวี่ยงของการปรับธาตุ
    และเอาพลังสมาธิจิตกระตุ้นให้แรงกรรมต่างๆที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของ
    คนนั้นได้แสดงออกมาทางร่างกาย ซึ่งคนนั้นจะมีอากัปกิริยาต่างๆ หรือ
    อาจพุดภาษาแปลกๆออกมาได้ ซึ่งเป็นภาษาโลกวิญญาณโดยคน
    นั้นไม่เคยทำแบบนี้ได้มาก่อน

    เมื่อแรงกรรมต่างๆได้แสดงออกมาผ่านทางธาตุขันธ์แล้ว
    ก็จะช่วยผ่อนคลายแรงกรรมที่ถูกเก็บไว้ที่มโนกรรมได้บ้าง

    การระเบิดอาการที่เกิดขึ้นนั้นจะแตกต่างกันตามสภาพ
    ของวาระกรรมที่ได้เคยทำเอาไว้ต่างคนต่างวาระกรรม

    การระเบิดจิตเป็นการนำเอา พลังของสมาธิบวกกับพลังจิต เ
    ข้ามาใช้พร้อมกัน คล้ายการออกกรรม หรือกรรมฐานเปิดโลก
    ของหลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์

    ผมก็ถาม อ. ว่า แล้วการระเบิดจิต ต่างจากการแก้กรรมวิธีอื่นยังไง
    เช่น ไปทำบูญ ถวายสังฆทานแล้วอุทิศให้เจ้ากรรม

    อ. คนวัด ตอบว่า ต่างตรงที่ว่าการระเบิดจิตไม่ต้องไปให้คนอื่นนั่งดูกรรมให้เหนื่อย

    และอาการกรรมที่แสดงออกมานั้นคือวาระกรรมที่กำลังส่งผลให้กับตัว
    ของผู้เปิดที่ถุกต้องและโดยตรง เมื่ออาการกรรมแสดงออกมานั่นก็หมายความว่า
    ที่ชีวิตคนนั้นกำลังมีปัญหาต่างๆนั้นมาจากผลของวาระกรรมที่แสดงออกมา
    ทางธาตุขันธ์ของเขานั่นเอง

    และการระเบิดจิต ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ มีแต่อาการที่แสดงออกมาทางร่างกาย
    เมื่อเจ้ากรรมนายเวร หรือสิ่งดีๆในตัวนั้น ได้แสดงออกมาทางธาตุขันธ์แล้ว

    อ. จะให้คลายอาการกรรม และจะพากล่าวคำขอขมาอโหสิกรรม


    นี่คือเรื่องราวของ อ. คนวัด ครับ
    และต่อไปนี้คือบทสนทนาที่ผมได้คุยกับ อ. คนวัด ผ่านเอ็มในครั้งแรก
    อยากให้ลองอ่านดูเพื่อนได้เห็นถึงภูมิธรรรม และ เจตนารมณ์ของ อ. คนวัด


    ............

    รักฯ : หวัดดีครับ

    อ. คนวัด : ครับผม

    รักฯ : ผมได้ข่าวว่า อ. มีญาณเห็นกรรมคนอื่นใช่หรือไม่ครับ

    อ. คนวัด : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็แค่ สอนตามที่พระพุทธองค์
    ท่านตรัสไว้เท่านั้นครับ


    รักฯ : งะ อ่อ แบบว่า ผมได้ศึกษาเรื่องคนมีญาณครับ ที่ดูกรรมคนอื่นได้
    ผมกำลังเผยแพร่เรื่องคนเหล่านี้ ได้ข่าวว่า อ.ก็มี เลยอยากมาสนทนาด้วย
    อ.ไม่มีใช่ไหมครับ

    อ. คนวัด : ไม่มีหรอกครับญาณนี่ ถ้าเรียกว่ามีญาณนะครับมันจะอยู่ในอารมณ์เดียว
    ญาณคือการอยู่ในอารมณ์ที่ว่างครับ ดังนั้นการมองเห็นจิดว่างเป็นอารมณ์ในสมาธิ
    ที่อยู่ระดับอุปจารสมาธิเท่านั้นครับ


    รักฯ : ไม่เรียกว่าญาณก็ได้ เอาแบบเรียกง่ายๆครับ
    อ. มีจิตสัมผัสพิเศษที่รับรู้กรรมคนอื่น อะไรแบบนี้หรือ
    ไม่ที่เห็นอดีต อนาคต คนได้

    อ. คนวัด : แล้วแต่จิตมันจะทราบได้ครับ

    รักฯ : อ่อ

    . คนวัด : ผมไม่เน้นนิมิตครับ บางทีผมก็ไม่เห็นอะไรเลยครับ

    รักฯ : พูดกันตรงๆ ว่า อ.ก็มีแบบ คล้ายๆ สแกนกรรมไหม

    อ. คนวัด : ไม่ใช่ครับ คือแสกนกรรมนั่นเขามองแบบนิมิตครับ
    แต่ผมไม่มีนิมิตครับแต่เป็นจิตรับรู้

    ถ้าจิตว่างไร้การปรุงแต่งใดๆก็จะสามารถรับคลื่นพลังบางอย่างได้ครับ
    แต่นิมิตนั้นมาจากการบีบจิตเพ่งมองเพื่อตรวจดู และส่วนมากนิมิตที่เกิดได้มัก
    จะเป็นนิมิตเทียมๆด้วยครับ แม้แต่จิตสัมผัสนี่ก็อาจเป็นของปลอมด้วยเช่นกันครับ


    รักฯ : อ่อ ครับ แล้ว อ.ใช้สิ่งนี้ในการช่วยคนใช่ไหม

    อ. คนวัด : ครับตามกำลังบุญครับ แต่ไม่ได้ทุดคนนะครับ มันมีเหตุที่ต้อง
    เชื่อมโยงกันด้วยครับ คือบุรพกรรมเก่าเป็นเหตุครับ

    รักฯ : อ่อ อ. ช่วยคนมานานยังครับ

    อ. คนวัด : ตั้งแต่บวชจนสึกออกมาครับ ก็ได้ประมาณเกือบ20 ปีแล้วครับ

    รักฯ : ครับ อ.ช่วยคน คิดค่าครูป่าว

    อ. คนวัด : ตลอดชีวิตที่ช่วยคนมาไม่เคยคิดเลยครับ แล้วแต่เขาจะร่วมทำบุญครับ

    รักฯ : โมทนาในกุศลจิตนะครับ แล้ว อ.ดูกรรมให้คนยังไงครับ ต้องเจอตัว
    ดูผ่านเอ็ม หรือโทรศีพท์

    อ. คนวัด : ได้หมดครับ ทุกทางครับ บางคนก็มาหาผม บางคนไม่สะดวกก็ทางอื่น
    แล้วแต่บุญลิขิตครับ คลื่นพลังงานเหล่านี้สามารถไปได้หมดครับขึ้นอยู่
    กับผมจะรับได้หรือไม่ได้ แต่จิตผุ้ดูต้องว่างนะ แต่ถ้าไม่ว่างมีอุปาทาน
    ปรุงแต่งก็คลาดเคลื่อนได้ครับ

    รักฯ : อ่อ แล้วดูทางไหนแม่นสุด

    อ. คนวัด : ไม่มีทางไหนแม่นกว่ากันครับ แล้วแต่บุญทำให้เห็นครับ
    มันพอๆกันครับ

    รักฯ : แล้วคนมาดูทางไหนเยอะสุด

    อ. คนวัด : พอๆกันครับ

    รักฯ : อึมๆ แล้วแต่ละวัน อ. ทำไรเหรอ

    อ. คนวัด : ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ ผมจะสงเคราะห์คนตามที่มาหาครับ
    มันกลายเป็นหน้าที่หลักในชีวิตไปแล้วครับ

    รักฯ : อ่อ โมทนาครับ อ.จะเดินทางสายนี้ตลอดไปไหม

    อ. คนวัด : ทุกวันนี้ผมสละเวลาทั้งหมดให้สิ่งนี้มานานแล้วครับ
    แต่ปั้นปลายนั้นผมคงจะพักสอนธรรมะอย่างเดียวครับ

    รักฯ : อึมๆ อ. ได้ญานมาจากการฝึกเหรอ
    อ. คนวัด : ครับ อาจเป็นผลบุญเก่าด้วยครับ โชคดีผมได้อยู่ใกล้ชิด
    กับครูบาอาจารย์หลายท่านเลยได้ดีไป

    รักฯ : แล้วช่วยคนไปมากยัง

    อ. คนวัด : โห นับไม่ไหวครับ ผมไม่เคยนับเลยครับ มันหลายปี

    รักฯ : กี่ปีแล้วอ่ะ

    อ. คนวัด : ก็ผมบวชมาตอนอายุ 20 สึกมานี้ก็หลายปีแล้วครับ
    ก็ร่วมสิบกว่าปีแล้วครับที่ช่วยคนมาครับ

    รักฯ : อึมๆ อ. ทำงานอะไรหรอ

    อ. คนวัด : ไม่ทำอะไรเลยครับทุกวันนี้ช่วยคนทางด้านนี้อย่างเดียวครับ

    รักฯ : แล้ว อ. เอารายได้จากไหนยังชีพหละ

    อ. คนวัด : ก็คนที่มาหาผม ผมช่วยเขาแล้วชีวิตเขาดีขึ้น เขาก็กลับมา
    ตอบแทนบ้างเล็กๆน้อยๆครับ อีกอย่างทางบ้านก็มีอาชีพค้าขายครับ
    และผมก็อยู่แบบสมถะไม่ค่อยฟุ่มเฟือยเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีความจำเป็นทาง
    โลกมากนักก็เลยไม่ค่อยลำบากครับ

    รักฯ : ครับ

    อ. คนวัด : คุณก็มีญาณครับ เพียงแต่ว่าคุณยังมีพลังไม่มากครับ
    ผลบุญที่คุณเคยได้ทางนี้มา ให้คุณศึกษาข้อมูล เพื่อจะได้ให้คุณจำ
    ได้หมายรู้ในสัญญาเก่าๆของคุณได้ครับ ไม่งั้นคุณไม่สนใจทางนี้หรอกครับ
    สะพานบุญของคุณกำลังเชื่อมต่อบุญของคุณอยู่ครับ

    รักฯ : อ่อ ครับ แล้วผมจะสามารถรวบรวมคนมีญาณได้ไหม ใจผมอยากทำ

    อ. คนวัด : ได้ครับ

    รักฯ : ตอนนี้ยังไม่อยากมีญาณ แต่อยากทำหน้าที่เผยแพร่มากกว่าครับ
    อยากเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ

    อ. คนวัด : สิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้นี้จะเป็นตัวบอกว่าอันไหนญาณแท้
    อันไหนญาณเทียมครับ

    รักฯ : อ่อ ผมเจอทั้งของจริงก็มาก ของปลอมมาก็เยอะ ช่วยสอนผมได้เยอะเลย

    อ. คนวัด : แต่คุณต้องระวังในเรื่องทางนี้หน่อยนะครับมันเหมือนดาบสองคมครับ
    ผมอธิบายง่ายๆนะครับ บางคนดูให้คุณแม่นมากชัดเป๊ะ แต่พอคุณให้อีก
    คนไปดูกลับไม่แม่นเหมือนที่เขาดูให้คุณ
    อันนี้มันเกิดจากอะไรครับ คุณเคยคิดไหม

    รักฯ : ผมก็สงสัยเหมือนกัน เลยไม่รู้จะเชื่อใคร

    อ. คนวัด :
    1 คนที่ดูกับผู้ที่ดูนั้นไม่มีบุพกรรมเชื่อมต่อกันครับ

    2 กำลังจิตของผู้ดูนั้นอ่อนแรง

    3 จิตของผู้ที่ไปดูไม่เชื่อมต่อกับจิตของผู้ที่ดูให้ครับ

    4 เจ้ากรรมนายเวรสิ่งที่อยู่ในตัวผู้ให้ดูไม่ให้รับทราบครับ

    5 คนที่ดูให้ยังไม่ผ่านการปรับจิตกลั่นกรองนิมิตเทียม

    6 ผู้ที่ดูต้องผ่านด่านทดสอบของนิวรณ์ และเทวปุตตามารมาก่อน

    7 ต้องชำนาญในการเข้าวสี ในการทรงสมาธิจิต จะยึดนิมิตที่เห็นเลยทีเดียวไม่ได้

    8 เรื่องกฏแห่งกรรมถือว่าเป็นความลับของเบื้องบนโดยส่วนมาก

    มักบอกกันไม่ได้เท่าไหร่เพราะไม่อย่างนั้นกฏแห่งกรรมคงไม่มีไว้เพื่อให้ผลตามเหตุที่กระทำ
    นี่คร่าวๆนะครับ


    รักฯ : โอ้ ผมเพิ่งรู้นะ สาเหตุเป็นแบบนี้ ดูกับคนมีญาณมาก็เยอะ
    ไม่รู้สาเหตุลึกซึ้งถึงขนาดนี้เลย ได้ข้อมูลที่ดีเลยครับ ทำไม
    แล้วทางโลกผมจะไปรอดไหม อยากทำธุรกิจตัวเอง
    แล้วมีรายได้เลี้ยงตัวเอง แล้วก็เผยแพร่ธรรมไปด้วย

    อ. คนวัด : เอางี้นะครับ
    1 คุณสังเกตอาการทางใจของคุณให้ชัดเจนก่อนว่าตอนนี้ใจเอนเอียงไป
    ทางด้านไหนมากกว่ากันครับ

    2 เมื่อได้เป้าหมายที่ชัดเจนแล้วต้องวางแผนและลงมือทำให้ดี

    3 ถ้าขณะทำแล้วเกิดอุปสรรคคุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถผ่านปัญหานั้น
    ไปได้ด้วยปัยญาของคุณเอง

    4 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่ยอมท้อถอยหรือแพ้พ่ายโดยเด็ดขาดครับ

    รักฯ : ครับๆ

    อ. คนวัด : แค่นี้คุณก็สามารถทำได้สำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้วครับ
    ส่วนที่เหลือคือสิ่งแวดล้อมให้การอุปถัมภ์ครับ

    รักฯ : ถูกต้อง จริงแท้ทุกประการเลย

    อ. คนวัด : ผมตอบชัดเจนดีไหมครับ อิอิ

    รักฯ : ชัดมากเลย กระจ่างเลย อุอุ

    อ. คนวัด : คุณมีกำลังบุญอยู่พร้อมทั้งสองทางอยู่แล้วครับ
    เพียงแต่จะทำตรงไหนให้ดีได้ก่อนก็เท่านั้นเองครับ อันนี้แหละวิปัสนาญาณ
    เลยนะครับที่ผมตอบ ไม่ใช่ญาณธรรมดา อิอิ

    รักฯ : อ่อ ครับ มีกำลังใจเลย อึมๆ

    อ. คนวัด : โมทนาสาธุครับ

    รักฯ : เป้าหมายผมมันชัดอยู่แล้ว แต่ขาดคนมายืนยัน

    อ. คนวัด : นี่ไงครับผมยืนยันให้ตามหลักการที่แท้จริง อิอิ เจตนาที่ดี
    แรงจูงใจที่มี จะทำให้คุณสามารถทำได้ แบบสบายๆเลยครับ

    รักฯ : ครับๆ ขอบคุณ

    อ. คนวัด : ผมขอสนับสนุนการตามหาคนมีญาณของคุณครับ

    รักฯ : คนจะรู้ได้ยังไงว่าคนมีญาณคนไหนมีญาณจริง

    อ. คนวัด : คนที่ดูด้วยญาณนะครับ
    ต้องผ่านคุณสมบัติดังนี้ครับ

    1 ต้องสามารถทรงอารมณ์ในสมาธิเข้าญาณสี่ แล้วถอยร่นมาอยู่ในอุปจารสมาธิ

    2 จิตในตอนที่ดูต้องทรงในอารมณืที่สามารถระงับนิวรณ์ได้ในขณะนั้น

    3 อาการทางจิตต้องไม่ปรุงแต่งตามกระแสคำพูดหรือบุคลิกของผู้ที่ให้ดู

    4 ต้องผ่านด่านทดสอบของเทวปุตามารและสามารถรู้เท่าทันว่านิมิตที่เห็นนั้นเป็นแท้หรือเทียม

    5 เมื่อเห็นนิมิตในครั้งแรกแล้วจาตอบตามที่เห็นเลยไม่ได้ ต้องเอา
    จิตไล่วสีถอยร่นเดินหน้าถอยหลังซักสามสี่ครั้ง แล้วดูว่ายังเห็นนิมิตเหมือนเดิมอีกหรือป่าว
    ถ้าเห็นนิมิตเหมือนเดิมนิมิตอนนั้นจะแท้จริงครับ
    ส่วนมากนิมิตที่เห็นนั้นต้องแปลความหมายอีกทีครับ

    รักฯ : อึมๆ ต้องตีความเอา

    อ. คนวัด : ใช่แล้วครับ แต่มักจะไม่ใช่ตามที่เห็นในทันทีทันใด
    บางคนเคยบอกว่า ไปหา อ. มีญาณทำนายว่า ชาติก่อนเคยเป็นทหาร
    จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะครับ คือไม่ได้เป็นทหารในอดีตตามที่เข้าใจกัน

    รักฯ : อ่อ

    อ. คนวัด : แต่อาจมีใจแกร่งกล้าเหมือนทหารก๋ได้ครับ ล่าสุดมีคนนึงครับ
    เขาไปเปิดกรรมมา เพื่ออยากทราบว่า ตอนนี้ทำไมเขามีปัญหา
    เรื่องธุรกิจมาก ลูกน้องสร้างปัญหาให้ธุรกิจจะไปไม่รอด เขาไปดูมาครับ

    คนที่ดูบอกว่าเคยเกิดเป็นทหารแล้วยักยอกเอาเงินของแผ่นดิน
    ไปใช้ส่วนตัว แล้ว อ. คนนั้นบอกให้แก้กรรมหลายอย่าง เขาก็ไปทำครับ
    แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วอยู่ๆเขานึกยังไงไม่รู้มาหาผม

    ผมบอกว่าผมไม่ใช่คนมีญาณอะไรนะ ผมดูตามกฏแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
    ผลสุดท้ายเขามาหาผมครับ ถามผมคำเดียวว่า
    ที่เขาเป็นอยู่แบบนี้ธุรกิจกำลังจะพังนี่เกิดมาจากกรรมอะไร
    จิตสำนึกมันบอกว่าเขาคิดร้ายต่อพ่อของตนเอง ทำไม่ดีต่อพระอรหันต์ที่
    ให้กำเนิด ผมบอกให้เลิกละความคิดนั้นเสีย เขาน้ำตาไหลเลย

    รักฯ : อึมๆ

    อ. คนวัด : ผมพุดแค่นี้ว่า ถ้าเขาสามารถกลับใจทำดีต่อพ่อของเขาได้
    ธุรกิจที่เขามีปัญหาอยู่จะผ่านไปได้เอง นี่ครับเกิดจากกรรมปัจจุบันเลย
    กรรมในอดีตจาส่งผลแค่ 40 เปอร์เซนต์ แต่กรรมในปัจจุบันนี้จาส่งผลถึง 60 เปอร์เซนต์ครับ

    รักฯ : โอ้ กระจ่างเลย อ. พูดตามเหตุและผลของกรรม
    ตามหลักพระพุทธศาสนาจริงๆครับ

    อ. คนวัด : ใช่ครับ เราเอาตามเหตุผลในหลักคำสอนดีกว่าครับ
    เพราะนิมิตที่เห็นอาจคลาดเคลื่อนได้ครับ เรื่องวิบากกรมเป็นเรื่อง
    เฉพาะตัวของคนครับ บางครั้งกลับเห็นตรงกันข้าม มากกว่าความเป็นจริงครับ

    รักฯ : ใช่ๆ อนาคตมันยังกระเพรื่อมอยู่มันเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับกรรมปัจจุบันด้วย

    . คนวัด : ใช่ครับ ปัจจุบันณกรรมเป็นหลักสำคัญ

    รักฯ : ครับๆ แล้ว ถ้ามีคนมาขอให้ อ. ดูกรรมให้ อ.มีเงื่อนไขยังไง

    อ. คนวัด : ไม่มีครับ ไม่เงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น

    รักฯ : โอ้

    อ. คนวัด : ขอให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ และเข้าใจหลักการใน
    พระพุทธศาสนาบ้างเล็กๆน้อยก็เท่านั้นครับ

    รักฯ : แล้วเรื่องค่าครูอ่ะครับ

    อ. คนวัด : ผมตั้งใจให้คนเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมและธรรมที่ถูก
    ต้องมากกว่าครับ ค่าครูแล้วแต่ร่วมทำบุญครับ ให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ไม่ได้ว่าครับ
    แต่คนที่ดูไปต้องทำกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เทวดา
    เทพพรหมของตนเองครับ ไม่งั้นผมลำบาก เพราะไปเปิดวาระของกรรมเข้า งานจะเข้าครับ

    รักฯ : อึมๆ โมทนาครับ ได้เจอคนมีญาณดีๆแบบนี้ ผมดีใจจริงๆ

    อ. คนวัด : โมทนาสาธุครับ ผมไม่ได้มีญาณนะครับผมแค่คนธรรมดาๆๆ

    รักฯ : ครับๆ คนมีญาณที่สามารถแนะนำคนอื่นต้องเป็นแบบไหนครับ

    อ. คนวัด :
    1 ช่วยสอนให้เขาเข้าใจในเรื่องกฏแห่งกรรมและการให้ผลของกรรม

    2 อธิบายให้เขาเข้าใจในหลักการปฏิบัติตามหลักในพระพุทธศาสนามากๆหน่อย

    3 ควรละพิธีกราบไหว้อ้อนวอนบรวงสรวงให้น้อยลง
    ถึงแม้จะเป็นเทวตานุสติก็ขอให้เบาๆ ไม่อย่างนั้นคนจะยึดติดการกราบ
    ไหว้ขอพรโดยไม่สร้างตนด้วยตนเอง

    4 อธิบายว่าการดุด้วยญาณนั้นอาจไม่แม่นยำได้ทุกคน เพราะมันเป็นเรื่องสลับซับซ้อน
    และก็ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับผู้ที่ดูให้ด้วย

    รักฯ : โอ้ ครับๆ เป็นหลักการที่ดีมาก

    อ. คนวัด : คนที่มีญาณจะได้ไม่ลำบากใจครับ เวลาที่มีคนไปดูแล้วบอกว่า
    ไม่เห็นแม่นเลย ถ้าเราอธิบายตามเหตุผลก่อนดู คนที่ดูจะได้เข้าใจครับ
    เวลาที่เราไปดูกับคนมีญาณ จิตเรามักเพ่งอยากให้เขาพูดหรือบอกตามที่ใจเราอยากได้
    พอเขาดูแล้วบอกว่าสิ่งที่เราอยากได้นั้นไม่ได้ กำลังใจของผู้ดูจะเสีย
    แล้วควรพัฒนาให้คนที่มาดูสามารถมีญาณเหมือนตัวผู้ดูให้ได้ตามกำลังบุญครับ
    เป็นกุศลโลบายให้เขาเลื่อมใส แลัวศรัทธาตามหลักการของพระศาสนา
    ด้วยอีกทางหนึ่ง และขยันสร้างความดีครับ คนที่ดูให้จะได้บุญมากๆๆ

    ผมขอโมทนาสาธุ กับผู้ที่ทำได้เหมือนอย่างที่ผมบอกเอาไว้
    โมทนา สาธุๆๆ

    รักฯ : โมทนาครับ แล้ว วันๆ มีคนมาให้ อ. ช่วยเยอะไหม

    อ. คนวัด : สากกระเบือยันเรือรบครับ จนผมบอกว่าผมไม่ใช่เทวดานะจ๊ะ
    ผมไม่สามารถรู้หรือทำอะไรได้มากเท่าไหร่หรอก ผมแค่เม็ดกรวดเล็กๆ
    เท่านั้น ใบไม้กำเดียวผมศึกษามาทั้งชีวิตยังไม่จบเลย

    รักฯ : อ่อ คงเหนื่อยน่าดู

    อ. คนวัด : เหนื่อยมากครับ ทางเอ็มนี่วันนึงก็หลายสิบคนครับ โทรศัพท์ก็มากครับ

    รวมทั้งมาหาที่บ้านอีก เลยไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปพักครับ
    บางคนมาดูถามทั้งบ้านครับเราไม่ว่าเขา แต่เราเหนื่อยต้องทนเอา

    ................................................


    เอาหละ ก็มาถึงช่วงนาทีทองแล้ว

    ตามที่ผมได้บอกไปแล้วว่า อ. คนวัด ช่วยเหลือคนได้หลายช่องทางเลย
    ทั้งการไปพบเจอ อ. เอง ซึ่งอ. เปิดสถนที่ช่วยคน แถว คลอง 15 ถนน รังสิต นครนายก

    หรือหากใครไม่สะดวกไปก็โทรคุยกับ อ. ได้หรือจะ ออนเอ็มคุย ก็ได้
    แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน

    และขอสรุปว่า อ ช่วยคน 2 รูปบบ
    1 ดูกรรม ตรวจกรรม
    2 การระเบิดจิต

    คุณสามารถดูกรรมอย่างเดียว หรือมาระเบิดจิตก็ได้
    ผมได้ขออนุญาติ อ. คนวัดเผยแพร่เรื่องราวของ อ รวมถึง ช่องทาง
    การติดต่อ อ. เพื่อให้คนที่มีทุกข์ในเรื่องต่างๆ ได้มีโอกาสรับความเชื่อเหลือจาก ท่าน อ.
    ซึ่ง อ. เองก็ยินดี และบอกให้นำ อีเมลล์ ของอ. และเบอร์โทรของ
    อ. เผยแพร่ไปได้เลย และ อ. จะช่วยเหลืออย่างไม่มีเงื่อนไข แต่อย่างใด
    อ. ขอแค่ให้คนที่จะมาให้ อ. ช่วยนั้น เชื่อและศรัทธาในกฎแห่งกรรมบ้างก็พอ

    ตอนนั้นผมก็ยังหวั่นๆ ว่า ถ้าจะให้เบอร์โทร อ. เลยนั้น
    เกรงคนจะโทรกันเยอะเกินไป อาจทำให้ อ. เหนื่อยมากขึ้นเพราะทุกวันนี้
    ก็ต้องช่วยคเยอะแล้ว

    แต่ อ. บอกผมว่า ชีวิตของ อ. เกือบตายมาแล้ว 3 หน และที่รอดมา
    ได้คงเป็นเบื้องบนให้โอกาสมาสร้างบารมี และ หาก อ. คนวัดมาตั้งเงื่อนไข
    อย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งพรหมวิหารสี่อย่างแท้จริง

    ดังนั้น อ. จึงขอยอมเหนื่อยเพื่อตวามสุขผู้คน


    ติดต่อ อ คนวัดได้ที่

    www.yantip.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2010
  2. jarung18

    jarung18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +655
    Golden Period รึนี่
     
  3. janey2009

    janey2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +141
    กำลังคุยเอมกับอาจารย์อยู่คะ
     
  4. a little angel

    a little angel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +207
    อนุโมทนาสาธุกับอาจารย์คนวัดและคุณรักไร้พ่ายด้วยนะคะ ที่แนะนำครูอาจารย์ที่สามารถแนะนำหนทางที่ดีกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆทีคุณนำมาเผยแพร่ค่ะ
     
  5. Alakazampkma

    Alakazampkma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +458
    กำลังจะคุยกับอาจารย์ครับ ผม
     
  6. nida_t

    nida_t Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +48
    ตอนนี้ออนเอ็มกะอาจารย์อยู่เหมือนกันค่ะ
    พึ่งแอดไป อ.ก็รับทันที เลยเข้าไปทักอ.
    อ.ทักได้โดนเลยค่ะ ตรงใจมาก เดี๋ยวมารายงานต่อนะคะ
     
  7. ดาวจรัสแสง

    ดาวจรัสแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +3,015
    คุณรักไร้พ่าย ต้องขอบพระคุณนะคะที่ทำให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นทำงานมากผิดปกติ อืมจะโทรหรือจะเอ็มดีน้ะ? ใครได้ไปคุยกับอาจารย์ช่วยมาเล่าในกระทู้หน่อยนะคะ นึกว่าเป็นวิทยาทาน สงสารคนที่ชอบฟังเรื่องของชาวบ้าน ชาวช่องเขาที

    ๔ทุ่มแล้วอ.จะรับเอ็มไหมหนา?
     
  8. adani555

    adani555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +129
    ขอบคุณคุณรัก มากค่ะกำลังทุกข์อยู่พอดีเลย
     
  9. reobam

    reobam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +89
    พบกับกระทู้ของ อ.คนวัด ที่ห้องแจกฟรี .แจกแผ่นยันต์หนุนดวง...เด็กไร้เดียงสา.
    (ติดตามอ่านได้ครับ มีข้อคิดจาก อ. เยอะมากครับ ตอนนี้ จะ 200 หน้าแล้วครับ )
     
  10. Nongmaika

    Nongmaika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +394
    อนุโมทนากับคุณรักฯ ด้วยเจ้าค่ะ
    ตอนนี้แอดอ. ไปแล้ว อ. รับแอดเลย แต่เห็นอ. ว่าตอนนี้คุยอยู่ 21 คน !!
     
  11. xiaosi

    xiaosi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2005
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +430
    26 แล้วจ้า มาอัพเดท รอก่อน
     
  12. mod_x-ray

    mod_x-ray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    536
    ค่าพลัง:
    +2,686
    รอคุยเหมือนกันครับ
     
  13. Nongmaika

    Nongmaika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +394
    อ. บอกปกตินอน ตี 3 อะคะ
    เห็นอ. บอกว่า ฝากอายุ และเรื่องที่อยากถามไว้ได้ค่ะ
    ...จะรอไหวไหมหนอ พรุ่งนี้มีภารกิจแต่เช้า ... -_-!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2009
  14. lonely_time

    lonely_time เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +452
    29 คนแล้วค่ะ
     
  15. ปุญญานุภาพ

    ปุญญานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +916
    บุญรักษาท่านผู้เจริญทั้งหลาย

    อ.คนวัด ท่านเป็นคนมีจิตเมตตา สงเคราะห์เสมอภาค ไม่ว่ายากดีมีจน ( คนมีทุกข์เหมือนกันหมด ) ถ้าจะถามว่า ท่านสงเคราะห์ญาติธรรมนานรึยัง ก้อคงพอสมควรนะครับ

    ขออนุโมทนาสาธุการบุญกับ อ.คนวัด ครับ

    " สหายธรรม "

    " เจตนาทุกอย่างล้วนมีใจเป็นที่ตั้ง มีใจเป็นสำคัญ สำเร็จได้ด้วยใจ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2009
  16. jeenus

    jeenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,513
    ค่าพลัง:
    +3,576
    ยืนยันอีกเสียงครับ
     
  17. thanatpongl

    thanatpongl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +475
    สาธุ!สาธุ!สาธุ!ขออนุโมทนาในกุศลทั้งหลายของอาจารย์ด้วยครับ
     
  18. kit14

    kit14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +618
    ได้ติดตามข่าวของอาจารย์และเคยทำบุญกับอาจารย์ไปด้วยแล้วครับ อาจารย์ใจดีให้คำปรึกษากับทุกคนแต่แขกเยอะมากอาจไม่ทั่วถึงต้องรอกันหน่อยนะครับ
     
  19. euro2004

    euro2004 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +71
    อ.แน่นอนมากครับ ลองมาแล้วครับ ทักทางสมาธิ อ.ก็รับได้ครับ
     
  20. lucky_girl

    lucky_girl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +654
    ฮิฮิ มาอีกละ.. ได้คุยแล้วค่ะ เพิ่งจะเลิกคุยไปไม่นาน พี่เขามีธุระตอนเช้าน่ะ ยังไม่ได้ดูไรเท่าไหร่เลย แต่เราไปบ่นๆ ให้เขาฟังนะ โน้นนี่ไปเรื่อย.. แต่ว่ามันมีเรื่องประหลาดอย่างนึง ระหว่างที่คุย พี่เขาบอกเราตั้งแต่แรกว่า สัมผัสบางอย่างในตัวเราได้ และรุ้สึกเป็นมิตรกะเรา ..ถามว่าเรารุ้สึกไปด้วยป่าว ก็ยังนะตอนนั้น เราก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ดูดวงนะ วันนี้เหนื่อยๆ ซักพัก อยู่ดีๆ เรารุ้สึกอบอุ่นขึ้นมาซะงั้นนะ (อันนี้ จิงๆ สาบานได้ว่า ตั้งแต่ดูหมอมา พี่คนนี้เป็นคนที่สามที่เรารุ้สึกดีนะ แบบพี่น้องกันน่ะ) เราเลยถามพี่เขาว่า "พี่วัด ทำเราเคยเป็นพี่น้องหรือคนรุ้จักกันมาป่าว" แกบอกว่า เรารุ้สึกช้า ฮ่าๆ แกบอกว่า มันเป็นบุญสัมพันกัน แบบคุยกันได้ไม่เกร็งนะ ไรเงี่ย เราถามแกว่า เรามีพลังทางนี้หรอ แกบอกว่ามี แล้วก็เกิดจากทางธรรมด้วย อ่าๆๆ เอาซิ เรานี่ยังมีธรรมพอหลงเหลือบ้างนะ เอิ๊กๆๆ แกบอกว่า เป็นธรรมที่ไม่เคร่งครัด แบบน้ำซึมบ่อทราย ทำนองนี้ ..พอตอนจะนอน พี่แกบอกเราเรื่องนึง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้พี่แกบอกเราเลย ซึ่งเราเก็บไว้ในใจ แต่ก็นะ พี่แกพูดมาจนได้ แกบอกว่า เด๋วคู่จามา เฮ้ออ เอาอีกแล้วหรอเนี่ยยย อิอิ ของานๆๆ แต่ก็นะ เราก็แอบแซวแกว่า ขอฝรั่งนะ แกบอกว่าเราว่า "เอาจิงหรอ พี่เห็นเป็นคนไทย" ว๊ากก ไม่ยอมมม ฮ่าๆๆๆ ขำขำ กันนะ อิอิ ราตรีสวัสดิ์ (อรุณสวัสดิ์) เอิ๊กๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...