ช่วยแนะนำกรรมฐานผมแนะนำวิธีแก้อย่างอื่นด้วยก็ดี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Bloodeagle, 10 พฤษภาคม 2012.

  1. Bloodeagle

    Bloodeagle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +49
    ผมเป็นพวกพูดมาก ขี้สงสัยมาก สงสัยว่าทำไมอันนี้ต้องเป็นแบบนี้ อันนั้นต้องเป็นแบบนี้ ขี้ระแวงว่าเดียวใคร จะว่าเรารึเปล่าถ้าเราทำไม่ถูกใจ และก็ความคิดแล่นอยู่ในหัวตลอดเวลา มีเสียงเพลงแล่นในหัวด้วย ขาดความมั่นใจในตัวเอง
    คิดมากจนเลื่อนลอย ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ขาดความรอบคอบ มักมากในทางกามอารมณ์(ชอบดูหนังโป๊ สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง) อคติ เวลาเพื่อนว่าก็โกรธ หน้าบูด หน้าบึ้งตลอดเวลาทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อน เวลาพูดหน้าชั้นหัวใจเต้นเร็วมากด้วยความตื่นเต้น ช่วยให้คำแนะนำด้วยครับขอบคุณ
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไม่ยาก หากบรรยาย สภาวะธรรมมาได้มากมายแบบนี้ นี่แปลว่า จำแนก

    สิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณ ออกมาได้จำนวนมาก เรียกว่า มีความใส่ใจ ในการเพียร
    พินิจพิเคราะห์กิเลส ( ภาษาสั้นๆเขาพูดว่า เพียรเพ่งกิเลส ซึ่งก็คือ จำแนก
    แยกแยะ สภาพธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่เรา จำแนกสภาพธรรมที่เป็น แขก จร
    เข้ามาในเรือนใจ)

    ก็นะ จำแนกธรรมได้ แต่ว่า ไปยังไงต่อ

    เมื่อเราจำแนกได้ ก็เพียรแต่ ระลึกช่วยลงไปด้วยว่า สภาพธรรมเหล่านั้นไม่ใช่
    เรา เป็นเพียงสังขารธรรมที่เป็นกองกิเลส มาชักชวนเราออกไปเสวยกรรม กระ
    ทำกรรม และ ต้องรอรับผลกรรมแน่ๆ เพราะ ได้กระทำเหตุเอาไว้

    ช่วยมันจำแนก แยกออกไปอีกนิดว่า ไม่ใช่เรา(อนัตตา) ไม่เที่ยง(อนิจจัง) และ
    เป็น ทุกข์(ต้องอ่านให้เป็น ทุกขัง แล้วจะไม่ปะปนกับคำว่า สุข ทุกข์ ซึ่ง
    เป็นเรื่อง ต่างศาสนา )

    ************************

    ฟังอีกที คุณ จำแนกแยกแยะ สภาวะธรรมได้ หลายตัวมาก ต่อไปให้
    เพิ่ม การเล็งเห็นด้วยไตรลักษณ์ญาณเข้าไปด้วย ช่วยๆ มันไปก่อน จน
    กว่าจิตจะมีกำลังข้าม โดย ยืนห่างอย่างเป็นผู้ดู เหมือน.....


    เหมือนสภาวะที่คุณ เคยเห็นมาแล้ว ครั้งที่เห็น ใจมันส่ายขณะที่ยืนหน้าเวที

    คุณจะรู้สึกได้ว่า ขณะนั้น มี ร่างกายเป็นท่อนๆ แข็งๆ กำลังแสดงอาการ
    สัดส่าย แต่ร่างกายที่ส่าย ไม่ใช่เนื้อเดียวกันกับ ใจที่สัดส่าย

    และ กายที่สัดส่าย ใจที่สัดส่าย ก็ไม่ใช่เนื้อเดียวกัน กับ ผู้ที่กำลัง เพียร
    พิจารณาแยกแยะ มันเหมือน มีสภาพธรรมที่สูงส่งกว่า กำลังพิจารณาอยู่

    .....พิจารณาหาที่พึ่ง หาอุบาย นำสภาพทุกข์ (กายสัดส่าย จิตสัดส่าย)
    นั้นออกไปจากการ กุมจิต ครอบงำจิต ครอบงำเรา ที่กำลังทรงสัมปชัญญะ
    ในการทำกิจ(พูดหน้าชั้นให้สำเร็จ) มันเหมือน การเล่นชักเย้อ กันระหว่าง

    สังขารธรรม กายทุจริต มโนทุจริต วจีทุจริต ( กายที่ส่าย ใจที่ส่าย และ
    คำ สบถที่จ่ออยู่ตรงคอหอย เป็นต้น )

    กับ ใจ ผู้ที่กำลังครองสติ สัมปชัญญะ ไม่หลงลืม สัมปชัญญะ เรียกว่า
    ไม่หลงลืมสติ

    เพียงแต่...........ขาดอีกนิดเดียวคือ การข้าม อภิชญา และ โทมนัส ซึ่ง
    เป็น สภาพธรรม ที่ทำให้เธอลงไปคลุกเคล้ากับ สภาพธรรม ข้างใดข้างหนึ่ง
    ไม่ได้อยู่ตรงกลาง เพราะ ไม่เข้าใจ ในอุปาธิทั้งสอง

    จริงๆแล้ว หากข้ามอภิชญา และ โทมนัส ที่กำลัง ดึงเราไปคลุกเคล้าสภาพ
    ธรรมที่กำลังจำแนก แยกแยะ พินิจพิเคราะห์ได้ จิตเธอจะงอกลับ มาเห็น สิ่ง
    ใดสิ่งหนึ่ง ที่อยู่ท่ามกลาง เมื่อเห็น สิ่งนี้บ่อยๆ เห็นมากๆ ก็จะรู้ว่า ทางสาย
    กลางนั้น อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    ใจเต้นเร็วมันเรื่องของกาย เธอไปไม่ชอบใจ(ข้ามโทมนัสไม่ได้) ก็เลย สาระวนอยู่
    กับการแก้แห ถ้าเธอเพียงแต่ยอมรับกายที่มันเต้นเร็ว เชื่อไหม มันจะวาง และห่าง
    ออกมา พอหัวใจมันเต้นเร็วมันเห็นว่า เห้ย จิตหายไปไหน อยู่ดีๆ มาพรากจาก
    ขันธ์ชั่วคราวไปแบบนี้ มันหงอยนะ มันจะหยุดเต้นรัวทันที หยุดแบบปลิดทิ้งเลย

    หรือไม่ก็เต้นไป เรื่องของมัน แต่ ปากเรา สติปัญญาของเรา สามารถสร้าง
    พลังอำนาจวาจา กล่าวออกไปจนเสร็จงานได้ ...เชื่อไหมว่า จิตที่พูดหน้าชั้นได้
    แบบนี้ จะได้รับการปรบมือ เพราะ จิตของผู้ฟังกระทบสภาพธรรมที่สะอาดได้
    โดยที่เขาไม่รู้ตัว เว้นแต่ ผู้เคยสดับธรรมก็อาจจะพอทราบ เกิดปิติ และ ปัสสัทธิ
    ตามไปได้
     
  3. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    เพ่งกสิณสีทั้ง4 อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือที่เรียกว่า "วรรณกสิณ"

    เพื่อระงับอคติ เป็นคนเจ้าอารมณ์แหยม...

    เอาตรงนี้ก่อน

    ส่วนคำแนะนำเจ้าตำรับกสิณ ก็ลองๆค้นหาหาดูแถวๆนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2012
  4. Bloodeagle

    Bloodeagle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +49
    ขอบคุณครับ

    สำหรับกามอารมณ์ที่ผมบอก ใช้อสุภกรรมฐานได้ไหมครับ เพราะผมเคยเพ่งรูปโครงกระดูก ไม่เพ่งศพเพราะเดียวหลอนติดตา เพ่งแล้วอารมนั้นหายไปเลย หรือว่าควรใช้อันไหน
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    การเพ่ง กระดูก หรือ ศพ เขาเพ่ง เพื่อให้มันติดตา เพ่งอันไหนแล้วติดตา
    ได้ง่าย ก็เอาอันนั้น

    ที่สำคัญ เขาไม่ได้เอาที่ รูปมันปรากฏ เขา หมายเอา "ปฏิฆะสัญญา" ที่มัน
    กระเพื่อม สั่นไหว กระทบรู้

    เพราะ นั่นแหละ ที่มาของ กาม( พาไปไคว่คว้า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส )

    ส่วนเรื่อง กามที่เป็นเรื่องเพศ อันนั้น เป็นการขาดการสดับธรรมะ กามในทาง
    ธรรมเขาไม่ได้ โหลยโถ่ยแบบนั้น ปุถุชนที่ไม่ได้สดับเท่านั้น ที่จะหยิบเรื่อง
    กามเพศ มาคุยว่าเป็นการปฏิบัติธรรม เพราะ ปุถุชน ย่อมอาศัยสิ่งที่ตบตา
    หลอกคนไม่รู้ทีมันตบตากันได้ง่ายๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2012
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไหนๆก็ชอบคิดอยู่แล้ว เปลี่ยนมาคิดเรื่องดีๆบ้างจะเป็นไรไป กำไรชีวิตแน่ๆ
     
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ส่วนเรื่องชมรมคนช่วยตัวเองนั้น

    ก็พยายามระลึกได้บ่อยๆในอารมณ์ในภาพที่กระทบ มากเข้าก็จะรู้ว่าอะไรเป็นเหตุให้เกิด

    ก็ไม่ไปเอากับมัน ไปคิด ไปรู้ ไปทำเรื่องอื่นดีๆให้ยิ่งๆขึ้น และภูมิใจกับสิ่งที่ชนะใจตนได้บ่อยๆแม้จะเล็กน้อย
     
  8. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    เกิดจาก นิวรณ์5 เป็นสัญชาตญาณ อยุ่เเล้ว

    เเต่ดันไปเล่นกับมันด้วยการ นึก คิด มาก ก็จะเป็นเเบบนั่นเเละนะ เเล้วก็ไปเครียดคือมี ราคะ โทสะ โมหะ พร้อม เเถมยัง พยายาม นึก คึก สร้างจิตสังขาร มโนสังขารมาปรุงเเต่งต่างๆนาๆ ขึ้นไปอีก เเล้วก็เสพเเบบนั่น จนจิตเศร้าหมอง ..


    มีวิธีดับคือต้องตั้งสติ ไว้เสมอ พยายามอย่าไปเล่น อย่าไปนึก คิด อะไร.. ง่ายๆ
    นึก1ครั้งเรื่องก็เกิด1ครั้ง พยายามผูกจิตไว้กับลมหายใจเเค่นั่นเอง ทำไปเรื่อยๆจนจิตมีสติสงบ ตั้งมั่น เเล้วจิตจะอยุ่ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีอารมใดๆเข้ามาได้เลย
     
  9. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    อุปมา คือจิต ก็เหมือนควาย ที่ไม่เชื่อง เวลาเอาสมาธิ คือเชือกไปผูกกับมันไว้

    มันก็จะดิ้นร้นพยายามจะหนี เพราะมันชินคือ ความลำบากตองหาอาหาร ลำบากที่จะต้องไปลุยโคน โดนปิง โดนยุง คือกิเลส ทำให้เดือดร้อน ต่อตัวมันเอง

    ต่อเมื่อ ควายมันรู้ว่าที่ตรงนี้เเละ ที่สงบ สุขสันติ มีอาหารให้กินพร้อม มีควันไล่ยุงพร้อม

    มันก็จะเชื่องเลิกดิ้นรนของมันเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2012
  10. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ที่คุณกล่าวมานี้ บ่งบอกว่าคุณ ไม่มีสมาธิครับ ไม่เคยแม้จะหยุดคิด

    สนใจในทุกสิ่ง อยากรู้ในทุกเรื่อง ชื่นชอบในทุกอย่าง ควรหมั่นเดินจงกรมให้มากๆครับ

    เพราะหากคุณไปนั่งกรรมฐาน ก็ไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ครับ และ ให้เพ่งอะไรนานๆ

    ก็ไม่รู้สึกดีขึ้นมาได้เช่นกันครับ แถมจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ

    ผมแนะนำให้คุณเดินจงกรมครับ ไม่ว่าคุณจะภาวนาอะไร ก็ภาวนาต่อไปเลยครับ

    สาธุครับ
     
  11. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ขอแนะนำ วิปัสสนา ด้วยแนวทาง เวทนานุปัสสนาครับ
    นั่งให้ปวดไปเลยนะ แล้วให้ความปวดมันดับไปเอง จะได้อะไรจากตรงนี้ไปใช้กับอาการที่เป็นอยู่ได้เยอะครับ
     
  12. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อย่าพึ่งตีโพยตีพายไปเลยนะครับ ที่กริยาอาการหนักกว่าคุณก็มีเยอะไป หลายคนมีปัญหาอะไรต่างๆแต่ถ้าได้รับธรรมะโอสถในพระพุทธศาสนาแล้วจะดีขึ้นครับ 1.ให้หมั่นทำสมาธิ เช่นก่อนนอน ภาวนาพุทธ-โธ ทำสมาธิสักวันละ 20-30 นาทีเพื่อจิตใจสงบ 2.สวดมนต์เป็นการสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตตน 3.ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง การอาบน้ำแปรงฟันนุ่งผ้าใหม่ 4.หางานอดิเรกทำ 5.รับประทานอาหารถูกปาก 6.คบเพื่อนที่จริงใจอย่าดูเพียงรูปร่างหน้าตา และ 7.ปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุ 4 คือทาน ปิยะวาจา อัตถะจริยา สมานัตตา...........
     
  13. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ปัญหานี้ ไม่สามารถแก้ได้ด้วย สมถะกรรมฐานครับ
    เรื่องนี้ต้องวิปัสสนาให้เห็นถึงชั้น จิตตานุปัสสนา
    เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต มันกำหนดให้สัญญาในสมอง มันเป็นไปในทางที่คนทั่วไปไม่ชอบเอา เป็นไปในทางลบ เสียแล้ว
    หากไม่มีสติคอยกำหนด คอยควบคุมตลอด ปล่อยให้เป็นไปตามอัตโนมัติ ใจจะใช้สัญญาเก่าที่เคยสะสมมา ทำเรื่องเดิมๆ แบบเดิมๆ ต่อไป

    ทางแก้ คือ เจริญสติ ครับ วิปัสสนาให้เห็นเป็นขั้นๆ เริ่มจากกายานุปัสสนา แล้วก็ฝึกขันติบารมี ที่เวทนานุปัสสนา จากนั้นเมื่อจิตเห็นละเอียดจนถึงชั้น จิตตานุปัสสนาแล้ว ก็ให้พยายามกำหนดสติให้ครบเต็มรอบวัน จะแก้ได้ครับ
    พยายามทำหน่อยนะครับ เจ้าของกระทู้ ขั้นตอนที่บอกไปทั้งหมด ไม่ง่ายเลย บางคนฝึกเป็นปี ยังทำไมได้ แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความพยายาม
    พวกความคิดแล่นอยู่ในหัวตลอดเวลาเนี่ย มีนิสัยออกไปทาง พุทธจริต ครับ
    หากจับทางถูก ศรัทธาพร้อม มีคนชี้นำให้เห็นถูก เพียรกระทำไม่ย่อหย่อน จะไปเร็วมาก และจะเป็นผู้ปฏิบัติสายปัญญา ครับ

    กายานุปัสสนาในชั้นแรกสุด สำหรับผู้ที่มีอาการแบบนี้ ควรเป็นตามที่คุณ oatthidet แนะนำครับ
    เดินจงกรม เก็บอารมณ์ เอาให้ใจเริ่มนิ่ง เดินกันเป็นชั่วโมง ให้ร่างกาย เหลือแต่ขา กับ ใจ ให้ได้ก่อน แล้วจะเป็นบาทฐานในการปฏิบัติขั้นต่อไปครับ

    มีปัญหาอะไรในการปฏิบัติ ผมพอจะแนะนำเบื้องต้น และแนะนำครูบาอาจารย์ให้ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2012
  14. Bloodeagle

    Bloodeagle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +49
    ครับ

    ผมกำลังจะไปบวช 1 เดือนอ่ะครับ ที่วัดสุทัศน์ จะไปฝึกกรรมฐานติดต่อกับทางวัดไว้แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...