คุณมั่นใจแค่ไหนกับการจะทำบุญโดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร

คุณมั่นใจแค่ไหนกับการจะทำบุญโดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารที่โพสไว้ตามเวบต่างๆ ทางอินเตอร์เนต เพื่อจะไม่ตกกลลวงของพวกมิจฉาชีพที่แอบอ้าง และบุญนั้นไม่สูญเปล่า

 

คนเราทำบุญ ทำแล้วก็สบายใจ เราได้บุญทันที ทั้ง ๆ ที่สัญญาณอีเล็กโทรนิกส์ของตู้ ATM ยังวิ่งไม่ถึงสำนักงานใหญ่ด้วยครับ ส่วนคนที่รับถ้าเอาไปทำไม่ดี เขาก็บาปเองล่ะ ส่วนใหญ่การทำบุญแบบนี้เราทำเพือสงเคราะห์โลก เช่นบริจาคน้ำท่วม บริจาคมูลนิธิ ต่าง ๆ ผู้รับไม่ได้เป็นผู้มีเนื้อนาบุญมาก และไม่ได้เป็น ทักขิเนยบุคคล บุญก็ได้ไม่มากอยู่แล้ว (แต่เราก็ควรทำ เพราะเราได้ฝึกพรหมมวิหาร 4 ด้วย) ส่วนการโอนเงินเพื่อการสร้างวัด สร้างพระ อันนี้เราทำให้พุทธศาสนาโดยตรง เราได้บุญครบถ้วนครับ ส่วยเจ้าของบัญชีถ้ายักยอก ก็รับบาปไปเองเต็ม ๆ

มันก็มีเรื่องอยู่นิดหนึ่ง ในตอนที่บุญจะมาสนองเรา ในทางที่เราจะได้วัตถุอย่างไดอย่างหนึ่งน่ะครับ ถ้าคราวนั้นคุณโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แล้วโดนยักยอกไป คราวนี้คุณอาจได้ทรัพย์แตมาไม่ถึงคุณครับ หรือว่าถ้าเจ้าของบัญชีไม่ได้ยักยอก แต่เอาไปทำบุญช้าไปหน่อย คุณก็อาจจะถูกหวย 19 ล้าน แต่กว่าจะรับเงินได้ก็ลำบาก เหมือนที่เป็นข่าวน่ะ

 

ถ้าทำด้วยเงินไม่มาก ทำเลย ไม่ต้องคิดมาก ถ้าคิดมากก็จะไม่ได้ทำบุญอะไร
แต่ถ้าทำเป็นหมื่น เป็นแสนควรไปติดต่อเอง ไปถึงที่

 

ถ้าทำด้วยเงินไม่มาก ทำเลย ไม่ต้องคิดมาก ถ้าคิดมากก็จะไม่ได้ทำบุญอะไร
แต่ถ้าทำเป็นหมื่น เป็นแสนควรไปติดต่อเอง ไปถึงที่

 

คุณ Mikky ตอบแทนไปแล้วอ่ะคับ

 

" จริงไหมที่ว่า การทำบุญ จะได้ผลบุญก็ต่อเมื่อ เลือกทำกับ
พระสงฆที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเท่านั้น (แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรกัน) "

(คุณรณจักร ) ตอบ ไม่จริง ครับ การทำบุญ นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำกับ
พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็ สามารถได้ผล บุญ เหมือนกันครับ เช่นทำกับพระทั่วไป
หรือ ทำกับคนที่ไม่ใช่พระเช่น ขอทานก็ได้ครับ แต่อาจได้ผลน้อยกว่า
การทำบุญกับพระปฏิบัติดี-ชอบ

......การทำบุญให้ได้บุญมากหรือน้อยนั้น ประกอบด้วย factor 3 อย่างครับ....

1. ผู้ให้
- ก่อนให้ ขณะให้ หลังให้ มีจิตยินดีมากก็ยิ่งได้ผลบุญมาก
เช่น ถ้าก่อนให้ ขณะให้ ก็ยินดีอยู่ แต่พอมารู้ภายหลังว่า
เช่น เสียดาย หรือ รู้ว่าเป็นโจรไม่น่าให้เลย อันนี้ก็ผลบุญลดหลั่นตามกันไปครับ

- เจตนาในการให้ คือ ถ้ามีเจตนาเป็นบุญกุศลแรง ก็ยิ่งได้ผลบุญมากครับ

..... 2. ของที่ให้

- ความบริสุทธิ์ ถ้าของที่ให้นั้นได้มาโดย บริสุทธิ์ เช่น ไม่ได้ไปขโมยมา
หรือ ไม่ได้ไปเล่นการพนันมา คือ ของยิ่งบริสุทธิ์ก็ยิ่งได้บุญมากครับ
เช่นกรณี ที่ยายแฟงแม่เล้าในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างวัดคณิกาผล
จากเงินที่ได้จากการทำธุรกิจซ่อง
สมเด็จพระพุทธาจารย์(โต) กล่าวว่า ได้ผลบุญแค่สลึงเฟื้อง เดียว เพราะเงินที่ได้มาไม่บริสุทธิ์ เพราะได้มาจากการประกอบ มิจฉาอาชีพ คือ ค้ามนุษย์

- ปริมาณ ก็มีส่วนสำคัญครับ ยิ่งมากก็ได้บุญมากขึ้น แต่สำคัญสู้เจตนาไม่ได้ครับ ถ้ามีเจตนามาก ถึงแม้จะให้น้อยตามกำลังของตน ก็อาจได้บุญมากกว่า เศรษฐีที่ให้มากแต่ สักแต่ว่าให้ครับ

.....3. ผู้รับ

ถ้าผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ หรือ เป็นพระผู้ปฏิบัติดี-ชอบ ก็ยิ่งได้บุญมากครับ

ส่วนการจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็คงต้องดูจากพฤติกรรม
ภายนอกของท่านน่ะครับ ว่ามีประวัติเสียไหม ด่างพร้อยตรงไหนหรือ ไม่
กิริยาท่าทาง สุขุม เรียบร้อย หรือ ไม่ เป็นต้น ครับ

แต่อย่าลืมนะครับ ว่าผลบุญมากน้อยไม่ได้เกิดจากผู้รับอย่างเดียว

เจริญในธรรมครับ


ปล. คัดลอกมาจาก http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/004748.htm อีกทีค่ะ

สนใจไปอ่านเพิ่มเติมได้ค่ะ

 

ไม่รู้สิ ไม่ค่อยได้คิด เขาบอกว่าทำบุญก็ทำไปแต่ก่อนทำก็โทรไปตามเบอร์ก่อนน่ะ

 

ดูความน่าเชื่อถือก่อนซิครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าไม่สบายใจจริงก็อย่าไปทำดีกว่าเพราะทำไปด้วยความสงสัย เคลือบแคลงบุญกุศลไม่ได้แล้วยังพลอยเสียเงินเสียทองไม่สบายใจอีก ถ้าอยากทำให้ก็ไปทำตามวัดก็ได้ครับ อธิฐานว่าสิ่งที่เราทำนี้เพื่อความคงอยู่ รุ่งเรืองของพระศาสนา เป็นสังฆทาน บุญใหญ่มากครับ