คาถาแห่งความรัก ความหลง

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย paang, 2 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    "คาถาแห่งความรัก ความหลง" ขลัง-บริกรรมแล้วได้ผลจริงหรือ?


    [​IMG]

    ทุกวันนี้แม้ว่าวิทยาศาตร์จะก้าวล้ำไปไกล มนุษย์เข้าสู่ยุคดิจิตอล แล้วก็ตาม แต่วิธีเอาชนะใจเพศตรงข้ามกลับถอยหลังสู่สมัยโบราณ ดังสำนวนที่ว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา"
    คาถาที่คนในยุคดิจิตอลเชื่อว่า บริกรรมแล้วจะสามารถเอาชนะใจเพศตรงข้ามได้ เช่น คาถามหาเสน่ห์ คาถาผูกใจคน คาถามนต์รัก คาถาใจอ่อน คาถาคนนิยม คาถารักแท้ คาถามัดใจ คาถาสาลิกาลิ้นทอง คาถาเสกลิปสติก(สีผึ้ง) คาถาให้รักจริง และ คาถาลงคาน

    เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจในคาถาแต่ละบท "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยังผู้รู้หลายท่าน ต่างให้ทัศนคติที่น่าสนใจ เช่น พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ โบสถ์เทวสถาน กล่าวว่า คาถาเหล่านี้เป็นพวกคาถาเมตตา เป็นความรู้สึกให้ความเป็นสันติกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง เป็นคาถาที่ให้ความชื่นชม ระหว่างพบปะพูดคุยกัน จึงมีการบูชาเทพ เทวดา เทวาอารักษ์เป็นแนวทางปฏิบัติของความสุข เมื่อเรามองเรื่องของเมตตาแล้ว ก็จะนึกถึงท่าน การกราบไหว้จึงเป็นการระลึกนึกถึงคุณงามความดี เป็นเมตตามหานิยมเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่เป็นการเน้นเรื่องของกามเหมือนในทุกวันนี้

    [​IMG]

    การสวดคาถาบูชาเทพเทวดาก็เป็นการให้เราระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า โดยการนำคาถามาผูกมัดใจ มีอานิสงส์ให้คนเราเป็นผู้ที่มีจิตใจงาม เล็งเห็นถึงความปิติ ความเอื้ออาทร ให้เป็นมิตรกับทุกคน อีกกลุ่มหนึ่ง ประเภทต้องการให้ใครเห็นใครชอบ สวดคาถานี้เพื่อต้องการแรงดึงดูดจากเพศตรงข้ามไปในทางกามะ พวกคนเหล่านี้ต้องการให้คนมาชื่นชอบ หรือให้มาหลงใหล มาให้ความรัก
    บุคคลเหล่านี้ยังแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ ๑.กลุ่มขาว มีการสวดคาถาเพื่อต้องการน้อมรับคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติให้อยู่ในศีลในธรรม ส่วนกลุ่ม ๒. กลุ่มดำ มีการสวดคาถาเพื่อต้องการให้คนรอบข้างมาสนใจ เพื่อเป็นการผูกมัดใจ โน้มน้าวให้คนมาชอบชื่นชม เราจะเห็นได้ว่า ความต้องการของ ๒ กลุ่มนี้มีความเหมือนที่แตกต่างกัน

    ส่วนการกราบไหว้ เทพพระตรีมูรติ ที่ตั้งอยู่หน้าลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่านั้น ถือเป็นวัฒนธรรมครึ่งๆ กลางๆ ในวันวาเลนไทน์ ถือเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ผู้ให้ความรักมนุษย์ ขณะที่พระตรีมูรติเป็นลัทธิอยู่ในศาสนาพราหมณ์ โดยมี ๓ สถานะ คือ พระพรหม คือผู้สร้างโลก พระวิษณุหรือนารายณ์ คือผู้บำรุงรักษาโลก และ พระศิวะหรืออิศวร คือผู้ทำลาย หมายถึง การทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมกัน

    [​IMG]

    "ปัจจุบันพระตรีมูรติได้มีการนำมา เชื่อมโยงเอามาผูกเข้ากันกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ แสดงถึงความรักความเมตตา ระลึกนึกถึงความดีความเมตตา ที่เป็นผู้ให้ความรัก เอื้ออาทร มนุษย์ ได้นำมาผูกเข้าด้วยกัน มันจึงไม่ใช่วัฒนธรรมดั้งเดิม แต่เป็นการสร้าง วัฒนธรรมจากสื่อต่างๆ ทำให้คนเรานำมาผูกเชื่อมโยงกันเท่านั้นเอง" พระราชครูวามเทพมุนีกล่าว

    ในขณะที่ อาจารย์ ธรรมจักร สิงห์ทอง คณาจารย์สำนักพิมพ์เลี่ยงเซียง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พระคาถาลงคานเกิดก่อนสมัยพุทธกาล และมีปรากฏอยู่ในพระธรรมบท เป็นพระพุทธพจน์ที่ว่า "ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปบันนะ หิเตนะวาเอวันตัง ชะยะเตเปมัง อุปะลังวะ ยะโถธะเถฯ " หมายถึง ความรักเกิดขึ้นได้เพราะองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ เคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ และได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน เหมือนดอกบัวงอกงามเพราะน้ำและเปลือกตม
    พระพุทธพจน์บทนี้ พระเกิจอาจารย์เห็นว่าเกี่ยวข้องความรัก เลยนำมาใช้เป็นคาถาสำหรับบริกรรม คาถานี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อมีสมาธิจิต มีฌานสมาบัติ ซึ่งหมายถึงความมีสมาธินั่นเอง

    ทางด้าน อาจารย์หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์ชื่อดัง บอกว่า คาถาเหล่านี้เป็นคาถาคุณพระ มีมาตั้งแต่โบราณ พระเกจิอาจารย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้มุ่งไปทางนั้น รวมทั้งเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งให้คนเข้าถึงพระศาสนา เพราะถ้าถ่ายทอดคำแปลออกมา จะเป็นหลักธรรมสำหรับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

    คาถาเหล่านี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ ผู้ภาวนาใช้ต้องปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรม รักษาศีล ๕ ข้อ ให้ได้ ต้องมั่นทำบุญทำทานอยู่เสมอๆ ใครที่คิดว่า ภาวนาคาถาเหล่านี้แล้วจะเอาหญิงอื่นมาเป็นของตน หรือที่เรียกว่า เอาเมียชาวบ้านมาเป็นเมียตนเองนั้น ต่อให้ภาวนาพันครั้งหมื่นครั้ง ก็ไม่มีวันสมหวัง เพราะจิตไม่บริสุทธิ์
    "การภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งให้ได้ผลนั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น จิตต้องบริสุทธิ์ เป็นคนอยู่ในศีลมั่นในธรรม และต้องมีแรงอธิษฐานอันแรงกล้าด้วย" อาจารย์หนูกล่าวแนะนำ

    นอกจากนี้ "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยัง พระราชวิจิตรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ในฐานะที่ได้เรียนวิชาอาคมมาจากพระคณาจารย์หลายรูป ได้ให้ทัศนะว่า


    [​IMG]

    มนต์ หมายถึง พระพุทธมนต์ เป็นพุทธพจน์ของพระพุทธศาสนา ส่วน คาถา หมายถึง บรรดาผู้มีวิชาผู้ขึ้นมา ไม่จำกัดศาสนา อาจจะมาจากพราหมณ์ หมอผี ซึ่งจะบ่งบอกวัตถุประสงค์ตรงๆ ไปเลย เช่น สาปแช่ง ให้รักให้หลง ให้มีเมตตามหานิยม

    ส่วนคาถามีไว้กำกับของที่จะใช้ เช่น ถ้าต้องการให้หญิงรัก เราก็ใช้เสกใบและดอกรักซ้อน แต่ถ้าจะให้เลิกร้าง เสกใบและดอกรักรา

    คาถามีจุดประสงค์ ๕ ประการ คือ ๑.ให้มีความมั่นใจ ๒.ให้มีสติปัญญา ๓.ให้รู้งานในหน้าที่ ๔.ให้มีอาคมขลัง และ ๕.ให้มีพลังจิต ผู้ภาวนาจะใช้ผลก็ต่อเมื่อ คนที่เราใช้นั้น ความดีและพลังจิตอ่อนกว่าผู้ใช้คาถา แต่โบราณมีข้อแม้อยู่ว่า คาถาประเภทสาปแช่ง ใช้ทำลายคนดีไม่ได้ แถมจะย้อนกลับมาเข้าตัวเอง
    ส่วนคาถาเกี่ยวกับเสน่ห์นั้น ห้ามผิดศีลข้อ ๓ คือ กาเมสุมิฉา หมายถึง ห้ามผิดลูกเมียเขา และได้ผู้หญิงคนนั้นมาแล้วต้องมาเลี้ยงดูรับผิดชอบ ถ้าไม่รับผิดชอบ คนก็เสีย คาถาก็เสื่อม ที่สำคัญคือ การใช้คาถาทุกอย่างต้องรักษาศีล ๕ ให้เคร่งครัด ดังนั้นพระคณาจารย์ทั้งหลายจึงไม่นิยมใช้คาถาเหล่านี้ แต่นิยมใช้เพื่อ ๑.เมตตา ๒.แคล้วคลาด และ๓.คงกระพัน


    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" bgColor=#ff0099 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ff99cc>
    รวมคาถาแห่ง..."ความรักความหลง"
    "คม ชัด ลึก" ได้รวบรวมคาถาที่เกี่ยวกับ "ความรัก ความหลง" ซึ่งการโพสต์ทางเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งคาถาที่มีการส่งอีเมล์ถึงกัน พร้อมกับบอกวิธีการใช้และผลของการบริกรรมคาถา เช่น
    คาถามหาเสน่ห์ "จันโทอะภกันตะโร ปิติ ปิโย เทวะมนุสสานัง อิตภิโยปุริ โส มะ อะ อุ อุ มะ อะ อิสวาสุ อิกะวิติ" (ให้ภาวนาคาถานี้ ๓ จบก่อนออกไปพบคน จะทำให้คนที่ต้องไปพบเกิดความรักใคร่)
    คาถามนต์รัก "โอม นะ ปะ โร รันนะขุเภติ พุทธัง สะระติ จิตตัง สมาคะมา ธัมมัง สะระติ จิตตัง สมาคะมา สังฆัง สะระติ จิตตัง สมาคะมา" ใช้ภาวนากับดอกไม้ก่อนที่จะส่งให้กับคนรัก เมื่อเขาหรือเธอสูดดมดอกไม้ก็จะรักเราตอบ
    คาถาลงคาน (คาถาภาวนาให้รู้ว่า คู่วาสนาของตนจะมีหรือไม่) "ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปบันนะ หิเตนะวา เอวันตัง ชะยะเตเปมัง อุปะลังวะ ยะโถธะเถฯ "
    คาถาที่ใช้นี้ สำหรับผู้ที่มีอายุมากแล้วทั้งหญิงชาย แลไม่เคยมีความรักมาก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเป็นหม้าย หรือกำลังขาดแคลน
    คาถาเสกลิปสติก(สีผึ้ง) "มทุจิตตัง สุวามุปขัง ทิตสวานิมามัง ปิยังมะมะ เมตตา ชิวหายะมะ ทุรัง ทะตวาจาจัง สุตทังสุตตะวา สัพเพชะนาพะ หุชะนาอิตถีชะนา สัมมะนุนะ พรามมะนา นุนะ ปะสังสันติ" ให้ภาวนากับขี้ผึ้งหรือลิปสติก จะทำให้คนรักเชื่อฟัง
    คาถามัดใจ "พุทธัง รัตตะนัง ธัมมัง รัตตะนัง สังฆัง รัตตะนัง นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึงคะเร โอมสวาหะ" ( ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ทำให้คนรักคิดถึง)
    คาถาสาลิกาลิ้นทอง "พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต" (ให้ภาวนาหากต้องการให้คนรักใคร่ พูดจาเป็นเสน่ห์ ตอนท่องถึงคำว่า มิ ก็ให้แตะที่ลิ้นด้วยทุกครั้ง) คาถาให้รักจริง "โอมนะโมพุทธายะ พุทธัง สะระติ ธัมมัง สะระติ สังฆัง สะระติ จิตตังสะมาเรมะมะเอทิ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ" (ให้บริกรรมคาถานี้กับลูกอมแล้วอมขณะที่คุยกับคนที่เรารัก จะทำให้เขาคนนั้นเกิดความรักจริงจังขึ้นมา)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/02/14/02.php
     

แชร์หน้านี้

Loading...