ความรู้แปลกเมื่อจิตว่าง

เมื่ออยู่ในสภาวะไม่ยึดติดกับอารมณ์ก็เหมือจะมีพลังอะไรบ้างอย่างเข้ามาในตัวเรา ทำไห้ทำอะไรได้แปลกๆ เช้น พูดภาษาแปลกๆได้ พูดหรือคิดธรรมที่ลึกชึ่ง แสดงออกทางร่างกายเหมือนคนมีพลัง บ้างครั้งมีจิตนาการที่มีเหตุผล แต่ความรู้สึกไม่ยึดติด ไครรู้ช่วยแน่นำหน่อย

 

เมื่อเราว่าง...อย่าเรียกว่าเข้าถึง...ให้รู้สภาวะว่า จิตมันลอยตัวขึ้นจากระดับคลื่นต่ำของมนุษย์โลก....ด้วยความดีความสงบที่มีในตน .ให้ท่านเปรัยบเทียบ จากพื้นดิน ขึ้นไปเป็นชั้นๆ เหมือนชั้นของเทวดา...ถ้าจิตคุณว่าง ความว่างในที่นี้ ก็คือ ระดับความดีของจิต ว่า สูงต่ำแค่ไหน...
มันก็จะสามารถรับรู้สัมผัสทุกพลังงาน ที่ มันสูงจากพื้นไปถึงชั้นที่มันถึง จิตเราดีถึงไหน

แล้วพลังงานที่ เข้ามา ก็เหมือนคลื่อนวิทยุ คลื่นโทรทัศน์...ตัวเราต้องมีสติรู้ทันว่า นั่นคือ..คลื่นจิตที่จรมา จรไป ในอากาศอยู่แล้ว....มีครบทุกอย่างครับ เรารับรู้สัมผัส อันไหนดีก็รู้ไว้ อันไหนไม่ดีก็รู้ไว้.....

อาจมี บางคลื่นจิต ที่ต้องการสื่อกับเราโดยตรง ต้องการคุย ต้องการบอกอะไร...ก็ให้เรียนรู้สัมผัสเอาครับ ว่า จิตที่สื่อมา ดี ไม่ดี มีความทุกข์ ไม่มีความทุกข์...แค่เรารู้ตัวเสมอว่า นั่นคือ ปัจจัยภายนอกมากระทบ....

อยากปิด ไม่รับรู้...ก็ให้เอาสติมาดูลม ทำอานาปาณสติครับ..เพื่อดึงสติตนเองมาอยู่กับลม กับกายตน....แต่..มันก็ไม่พ้นครับ เวลาคุณหลับ เขาก็จะมาเข้าฝัน ได้อีก

 

เรียนรู้ ความทุกข์ ความอยาก ความสุข ความแตกต่างของจิตคลื่นที่เข้ามากระทบเหล่านั้นครับ
อย่าพึ่งเชื่อว่ามันจะดี ไปทุกอย่าง..นั่นเพราะ..ทุกดวงจิตล้วนติดใน วัฏะสงสาร..จะดีทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้....ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของคุณเองครับ..ว่า เมื่อมารับรู้ ได้เช่นนี้แล้ว...จะบริหารจัดการตนเอง หรือ ช่วนเหลือจิตเหล่านั้น ได้หรือไม่

ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ..อย่ากลัวครับ...นี่คือเส้นทางแห่งการเรียนรู้..เรื่อง พลังงานจิตวิญญาณ..
ว่า เขาเป็น แบบนี้นี่เอง...โลกวัฏะสงสาร

 

ทีนี้ ก็ไช่ว่าจะมีแต่...ระดับชั้นที่เราลอยขึ้นมาเลยเขา เท่านั้นที่จะสื่อสารติดต่อกับเราได้

พูดได้ว่า ทุกระดับ หากมีเวรมีกรรม สัมพันกันมาจะมาหาคุณเอง...ชั้นที่เหนือกว่า ก็อาจมา มาดี มาร้าย มาลอง มาแกล้ง มาสอน มาปกป้อง มาเป็นเพื่อน มาเป็นมิตร มาเป็นศัตรูเก่า

อิอิ..เพียบครับ.....คิดว่า สนุกนะครับ...ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องห้อยพระ ห้อยของดีอะไรนะครับ
แค่ให้มีสติอยู่กับ กายใจ ตนเอง..ก่อนครับ....สงบสยบทุกความเคลื่อนไหว...นั่งมองพวกมันไปก่อนครับ...

 

ระดับจิต คุณจะเลือกติดต่อ เองไม่ได้ ถ้าไม่มีฝึกพลัง เรียกเขามา
แต่ทุกระดับ เขา จะติดต่อคุณได้หมด ?.นี่คือ..เรียนรู้ทุกข์ จากสัมผัส เรื่อง พลังงานความทุกข์ ของจริงครับ..

 

สงบ สยบทุกความเคลื่อนไหว
ฝึกสติตนเองให้ไม่หลงไปกับ...สิ่งทั้งหลายที่เข้ามาให้รับรู้
เหมือนเดินตลาด...อย่าพึ่งตัดสินเลือกอะไร ดูให้ทั่วก่อน

เหมือนลงสนามรบ ปกป้องตนเองก่อน อย่าพึ่งลงสู้กับใคร

...

 

ทุกอย่าง ที่เข้ามา ถ้าคุณสัมผัส ได้อย่างไร ว่า ร้อน หนาว ดี ร้าย เย็น ..อันตราย ไม่ปลอดภัย.ให้ ออกห่าง อยู่ห่างๆด้วยสติก่อน...อย่าเลือก อย่าเชื่อ...เพราะ สิ่งเหล่านี้..มันก็ขึ้นอยู่กับ ปัญญาของตัวคุณเอง

 

เปรียบเทียบเหมือนในโลกมนุษย์..คนเยอะแยะ เราจะวางตัวอย่างไร

นี่โลกจิตวิญญาณ....คุณว่า...โลกไหนอะไรมัน...ก็ไม่ต่างกัน
ยกเว้นคุณจะมองเห็นมันด้วย..ก็อีกอย่าง

แต่ถ้ามองไม่เห็น แต่รับรู้...ก็ฝึกสติตนเองไว้ครับ...

 

ความรู้ที่ได้รับเหมือนจะไช่ได้ และสามารถถ่ายทอดไห้คนอื่นได้ เลยไม่รู้เลยว่านั้นของเราหรือของไคร

 

ผมอาจจะพูดมากเกินไป..คุณอาจยังไม่รับรู้ ได้ขนาดที่ผมว่ามาก็..ฝึกสติเอาไว้ครับ
เพราะมันมี มากมาย ในสิ่งที่เรา ยังไม่ เคยสัมผัส

 

อาจจะเป็นความรู้ภายในจิตเราบวกกับภายนอกแล้วนำมาเป็นความรู้ของตนเอง

 

ความรู้นั้น เปรียบเหมือน อุปกรณ์ใช้งาน หรือยารักษาโรค หรือเครื่องมือ

คุณก็ต้องเรียนรู้ วิธีการใช้ให้ถูกวิธี และได้ผลดี ...ใช้ให้เป็น ใช้ให้คล่อง เข้าใจหมดแล้ว..ถึงถ่ายทอดให้กับคนที่ เหมาะสม ต่อไปครับ

 

จะไม่มี ความรู้ของตนเองครับ...มีแต่ความรู้ที่เป็นของกลาง...ห้ามเอามาเป็นของเรา แต่เราจะหยิบมาใช้ ตามลักษณะของงาน ของปัญหาที่จะแก้ครับ

แต่ถ้าคุณอยากลองเอามารวมกับสติปัญญาที่คุณมี เพื่อประยุกต์ใช้..กับลักษณะของปัญหา..ก็ลองดูก็ได้ครับ....แล้วสังเกตที่ผลออกมาว่า มันเป็นกลางหรือไม่(ผลต้องไม่เข้าตัว แต่เพิ่อช่วยคนอื่นจะดีครับ )

 

สำคัญสิ่งที่ว่านี้เขาเรียกว่าอะไร

 

เรียกตามปัญญาที่คุณเข้าใจ เข้าถึง อยู่ที่ความบริสุทธิ์ในใจคุณ...เป็นคนเรียก

ผมเรียกมันว่า ปัญญาที่เป็นของกลาง...ธรรมที่เป็นของกลาง...มันมีอยู้แล้วของมันในสรรพธาตุโลก..สรรพธาตุทั้งที่เป็นธาตุกลางหรือธาตุที่ผสมกัน...

เหมือนคุณมี โรงยา โรงเครื่องมือ...ที่คุณสามารถหยิบจับมาใช้ เพื่อช่วยคนอื่น ..ได้เลย
ส่วนเรื่องคนอื่นนั้น คนอื่นจะไช้ได้ผล ...ที่ดี....ก็ต้อง มีคุณสมบัติ..เท่าเทียมกับตัวคุณ

 

ในกรณีทางธรรมะ มันสามารถเป็นไปในทางหลุดพ้นได้รึเปล่า ต่ออีกนิด และ มีผู้รู้ในเรื่องนี้พอจะแนะนำต่อไปได้ไหม

 

ถูกทางแล้วครับ...นี่แหล่ะ ปัญญารู้ที่ควรจะมี เพื่อเข้าใจ..ในธรรม..เรียก...ญาณ
คือถ้าใครไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องของพลังงาน ว่า มันมีอยู่จริง มันคือเหตุปัจจัย ที่มองไม่เห็น ต้องใช้ใจสัมผัส หรือญาณ...ในตน เพื่อเรียนรู้ ว่า พลังงานเหล่านี้ จิตวิญญาณเหล่านี้..เขาเกิดจากเหตุปัจจัยใด เกิดมาแล้วตั้งอยู่ด้วยเหตุปัจจัยใด เมื่อหมดอายุขัย เขาจะไปทิศทางใดด้วยเหตุปัจจัยอะไร

ทั้งหมดก็เพื่อ..เข้าใจความจริงของจิตวิญญาณในตนเองว่า...เกิดมาได้อย่างไร

 

ผลกระทบของกรรม...การสร้างกรรม(พลังงานที่เกิดจากกิเลสตัณหา)ว่า...เมื่อกรรมได้กระทำไปนั้น มันกระทบส่งผลต่อใคร สิ่งใด ได้อย่างไรบ้าง...อันนี้ ต้องรู้และเข้าใจความจริง ของกรรมให้ได้....มันจะรู้มากกว่า คนที่ไม่มีญาณ(ไม่สัมผัสพลังงาน)....มันต่างกันตรงนี้ครับ

 

หมั่นฟังธรรม...จากสัตบุรุษครับ
เพราะส่วนนี้ เป็นปัญญาจากการ ฟังธรรมครับ(มีผู้ชี้ อธิบายให้คุณ เข้าใจ จนทะลุปรุโปร่ง...เรียกว่า...จนคุณรู้แจ้ง หมดสิ้นความสงสัย)

 

หรือไปอ่าน...พระไตรปิฏกครับ แล้วคุณจะสัมผัสได้ด้วยใจเองครับ ว่าอันไหนจริง จะได้คำตอบกับใจของคุณเองครับ...