ความงมงายเกี่ยวกับพระพรหม

พระพรหม เป็นเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ถือว่าเป็นผู้สร้างจักรวาล และเป็นหนึ่งในตรีมูรติ อันประกอบด้วย พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ เป็นคนละอย่างกับ พรหมัน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของปรัชญาฮินดู แต่มีรากศัพท์เดียวกัน โดยที่พรหมันนั้นเป็นนาม นปุงสกลิงก์ คือไม่มีเพศ ขณะที่พระพรหม เป็นปุลกลิงก์ หรือบุรุษเพศ ตามคัมภีร์พระเวท ถือว่าพระพรหมมีชายา คือพระนางปชาบดี มีหงส์เป็นพาหนะ มี 4 พระพักตร์ เป็นเทพแห่งการสร้างและการให้พร ที่เรียกว่า "พรหมพร" ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา

แต่พระพรหมในความเชื่อของพุทธศาสนาถือว่าเป็นเทวดาชั้นสูงขั้นหนึ่งที่สูงกว่าเทวดาทั่วไป เรียกว่า "พรหม" พระพรหมไม่มีเพศ แต่ก็ยังอยู่ใน 31 ภพภูมิ ที่มีการวนเวียนว่ายตายเกิด พระพรหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พรหมที่มีรูป เรียกว่า "รูปพรหม" และพรหมที่ไม่มีรูป เรียกว่า "อรูปพรหม" โดยอรูปพรหมจะสูงกว่ารูปพรหม ผู้ที่ปฏิบัติจนได้ รูปฌาณ เมื่อตาย จะไปเกิดเป็น รูปพรหม ส่วนผู้ที่ปฏิบัติจนได้ อรูปฌาณ เมื่อตาย จะไปเกิดเป็น อรูปพรหม

จะเห็นได้ว่า พระพรหม ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นภพภูมิหนึ่งในสังสารวัฏ เฉกเช่นเดียวกับภพ นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน มนุษย์ และ สวรรค์ พระพรหมมีอายุยืนนานมากจนเกิดการเข้าใจผิด คิดว่านี่คือ นิพพาน แต่พระพุทธองค์ ทรงค้นพบว่า สักวันหนึ่ง พระพรหม ก็ต้องกลับมาเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่าได้อีก เมื่อหมดกรรมของความเป็นพรหม ตามกฎพระไตรลักษณ์ และพระพรหมก็มีกิเลส นั่นคือ สังโยชน์ 10 ครบถ้วน ไม่ต่างอะไรกับ สัตว์นรก สัตว์เดรัชฉาน เปรต มนุษย์ และ เทวดา เลย (ยกเว้นพรหมชั้น สุทธาวาท ที่มีแต่ พระอนาคามี)

ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า พระพรหม เป็นผู้สร้าง จึงเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น เพราะสรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นเองตามเหตุและปัจจัย นี่คือ กฎอิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท ตามที่บรมครู สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้ชอบแล้วในคืนวันวิสาขบูชา หลังจากนั้น ความเชื่องมงาย เรื่องพระพรหม จึงถูกเปิดเผย ตั้งแต่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นบนโลก เป็นต้นมา ผู้มีปัญญาโดยแท้ เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในทะเลทุกข์แห่งนี้ ด้วยตนเอง โดยไม่ต้อง มัวแต่อ้อนวอน ขอพร จาก หน้าอินทร์ หน้าพรหม ให้เสียเวลา เสียค่าโง่ อีกต่อไป...

หากท่านใดมีความเห็นขัดแย้งกับกฎ อิทัปปัจจยตา จงรู้ไว้เถิดว่า ท่านกำลังปฏิเสธคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

 

พระทุทธเจ้ามักจะไม่โต้แย้งกับผู้มีอวิชชาทั้งหลาย..เพราะไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง..แต่มักแจ้งโทษของอวิชชาทั้งหลาย

 

ผมยังเรียนไม่จบชั้นประถมเลยครับ ผมคงไม่ไปแย้งกับใครหรอกครับ

แต่ พรหมทั้ง4 สร้างโลกจริงๆนะครับ

เม กะ มุ อุ

 

เรียน คุณ venoen

ลึกล้ำจริงๆ ด้วยถ้อยคำเปรียบเปรยอันมีค่ายิ่ง คนจิตอกุศลเพราะอวิชชา เพียงแต่คิดจะทำลายศาสนาอื่นๆ ปากพร่ำพูดตลอดเวลาว่าตนเองเป็นพุทธ แต่จิตหาใช่ไม่เช่นนั้นเลย

 

ด้วยความเคารพ

ถ้าพระพรหมไม่ได้เป็นผู้สร้าง แล้วพระพรหม เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไรหรือครับ ?

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิมุตติ

ความเชื่อ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อนุโมทนาครับ

 

ขออธิบายตามที่ผมพอเข้าใจนะครับ คือพรหมในความหมายของพุทธคือภพภูมินั่นเอง (ไม่ใช่พระพรหมสี่หน้านะครับ นั่นเป็นเทพของชาวฮินดูเค้า) ให้เรียงมาก็จะประมาณนี้นะครับ

โลก --> สวรรค์ --> พรหม --> อรูปพรหม
(ภพทั่งหลายนี้ยังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่นะครับ)

ส่วนพระนิพพานนั่นอยู่นอกเหนือทุกอย่าง

คือเป็นระดับชั้นของบุคคลที่ทำความดีว่าอยู่ในขั้นใดก็จะไปเกิดในที่นั้นๆ ครับ

"ส่วนคำถามที่ว่าแล้วพระพรหมเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไรหรือครับ ?"

ท่านคงเกิดเพราะมีเหตุีปัจจัยให้ท่านเกิดแหละครับ เช่นเดียวกับเทวดา,มนุษย์ ฯ

(ถูกผิดอย่างไรก็ขออภัยอธิบายตามที่ผมพอเข้าใจ)

 

ทุกอย่างมีเหตุของมัน

มีเหตุปัจจัยแยกแยะให้สัตว์ทั้งหลายเกิดในแต่ละภพ ของ 31 ภพ
เหตุให้เกิดในอบายภูมิ เหตุสร้างเทวดา อินทร์ พรหม นั้นมีอยู่ ดูว่าตอนเป็นมนุษย์ทำอะไร

ใครว่าเป็นความเชื่อหรือความจริงก็ต้องพิสูจน์เอา ก็มีวิธีอีกเช่นกัน

 

ล่อเป้ามากเลย

 

คำถามแบบนี้ ก็เหมือนกับถามว่า มนุษย์ เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร นั่นแหล่ะครับ (เกิดมาตามกรรม สร้างกรรม และใช้กรรม) (ส่วนพรหมนั้น ตามกรรม และ ใช้กรรม ครับ)

พระพรหม เกิดมาตามเหตุและปัจจัย นั่นคือ ผลจากการได้ฌาณสมาบัติ ผู้ที่ทรงฌาณสมาบัติ เมื่อตายไป สภาวะจิต หรือ เรียกว่า ภูมิจิต ในขณะนั้น ไปตรงกับ ภพของพรหม พอดี จึงได้ไปเกิดเป็นพรหม มีอายุยืนนานมาก แต่เมื่อหมดอายุขัย จะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ในภพภูมิลำดับรองๆ ลงมา อาจไปเกิด เป็นเทวดาก็ได้ เป็นมนุษย์ก็ได้ หรือไปเกิดใน อบายภูมิก็ได้ ไม่มีอะไรการันตีได้เลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ จะเห็นได้ชัดว่า พรหม ก็ไม่ได้วิเศษไปกว่ามนุษย์ หรือ สัตว์ ในสังสารวัฏเลย เพราะตัวเอง ยังเอาตัวไม่รอด แล้ว สมควรแล้วหรือ ที่เราควรให้ความเคารพสูงสุด แต่เราก็สมควรในความเคารพบ้าง ตามความเหมาะสม ในฐานะที่เป็นเทพเจ้า ก็พอแล้ว หากแต่ ไม่สามารถยึดมั่น เอามาเป็นสรณะได้เท่านั้น

ดังนั้น การกล่าวอ้างว่า พรหม เป็นผู้สร้าง และ บันดาล สิ่งต่างๆได้ จึงเป็นเรื่องเหลวไหล มันเป็นเพียงความเชื่อที่งมงาม สืบต่อกันมา ในยุคที่มีการนับถือเทพเจ้า ยุคก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนา อุบัติขึ้น

ขอบคุณ คุณ Dennis O ที่ให้คำตอบกระชับ และได้ใจความ

ขอบคุณ คุณ manson810 ท่านอธิบายได้ถูกต้องดีแล้ว สัมมาทิฏฐิ ได้สถิตในท่านแล้ว...สาธุ

 

ท่านกล่าวได้ชอบแล้ว พระพุทธองค์ไม่ตำหนิผู้มีอวิชชา เพราะเข้าใจแล้วว่า ที่เขาทำไปเช่นนั้น เพราะอวิชชาปิดกั้นปัญญาเอาไว้ แต่พระพุทธองค์ มักชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล เพื่อให้ผู้มีอวิชชา มีดวงตาที่สว่างไสวขึ้น และหวังว่า สักวันหนึ่ง คนเหล่านั้น จะมีปัญญามากพอที่จะแยกแยะได้ว่า อะไรคือเป้าหมายสูงสุดที่แท้จริง และวิธีการใด ที่นำไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั้นได้...

 

คำพูดคำวิจารของท่านผู้นี้ชั่งดูเหมือนคนอวดรู้ ไม่เหมือนนักปฏิบัติผู้ทรงธรรม

เสียเลย แล้วคำว่าอวิชชาของท่าน หมายถึงอะไรกัน จงชี้แจงแถลงไข คำว่าอะวิชชานี้มาให้แจ้ง โดยไม่ต้องชักโยงใยสิ่งใดๆมาให้หม่นหมอ
จงชี้แจงแสดงตามครรลอง ตอบตามคลองแห่งธรรมพระศาสดา

 

พระพรหม (อักษรโรมัน Brahmā ;อักษรเทวนาครี ब्रह्मा) เป็นเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ฮินดู ถือว่าเป็นผู้สร้างจักรวาล และเป็นหนึ่งในตรีมูรติ อันประกอบด้วยพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ เป็นคนละอย่างกับ พรหมัน อันเป็นเป้าสูงสุดของปรัชญาฮินดู แต่มีรากศัพท์เดียวกัน โดยที่พรหมันนั้นเป็นนาม นปุงสกลิงก์ คือไม่มีเพศ ขณะที่พระพรหม เป็นปุลลิงก์ หรือบุรุษเพศ ตามคัมภีร์พระเวท ถือว่าพระพรหมมีชายา คือพระนางปชาบดี มีหงส์เป็นพาหนะ มี 4 พระพักตร์ เป็นเทพแห่งการสร้างและการให้พร ที่เรียกว่า " พรหมพร " ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา
พระพรหมมีชื่อเรียกอื่นในภาษาไทยเช่น จตุรพักตร์, ธาดาบดี, หงสรถ เป็นต้น
แต่พระพรหมในความเชื่อของพุทธศาสนาถือว่าเป็นเทวดาชั้นสูงขั้นหนึ่งที่สูงกว่าเทวดาทั่วไป เรียกว่า " พรหม " พระพรหมไม่มีเพศ แต่ก็ยังอยู่ในกามาพจรภพ มีการวนเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในสวรรค์ที่เรียกว่าชั้นพรหม พระพรหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พรหมที่มีรูป เรียกว่า " รูปพรหม " และพรหมที่ไม่มีรูป เรียกว่า " อรูปพรหม " โดยอรูปพรหมจะสูงกว่ารูปพรหม พระพรหมมีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดเป็นแนวทางที่เรียกว่า " พรหมจรรย์ " ภพภูมิที่เหนือกว่าอรูปพรหมขึ้นไปก็คือ โสดาบัน ของพระโสดาบัน นั่นเอง


พระพรหม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

คิดอยู่เหมือนกัน ว่าคงมีผู้ไม่เห็นด้วย ค้นหาข้อมูลในวิกิพีเดียได้ ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ เนื้อหาในส่วนแรก อ้างอิงจากวิกิพีเดียจริงๆ เป็นการนำนิยาม ของคำว่า พระพรหม มาให้อ่านกันก่อน ก็เหมือนกับบอกความหมายของศัพท์ ใน Dictionary นั่นแหล่ะ

ต่อจากนั้น ผมจึงอธิบาย ขยายความเพิ่มเติม ให้เห็นถึงที่มาที่ไป พระพรหม แท้จริงแล้วคืออะไร ซึ่งก็คือ ภพ ภพหนึ่ง ในสังสารวัฏ และผู้ที่อาศัยอยู่ในภพนั้น

คุณ เราไม่ต่างกัน จะกล่าวหาผมอย่างไรก็เชิญ ไม่มีผลใดๆ กับกระผมอยู่แล้ว ผู้ที่ติดตามข้อความต่างๆ ที่ผมได้โพสไปแล้ว ก็จะทราบดี ว่าอวดรู้ หรือ เป็นนักปฏิบัติ ซึ่งจริงๆแล้ว ผมจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญ ไม่ต้องการคำสรรเสริญใดๆ นิสัยผม ตรงไปตรงมา มันก็เลยทำให้ไปขัดแข้งขัดขา กับความเชื่องมงาย ของบางสำนัก บางลัทธิความเชื่อ เป็นเรื่องธรรมดา พุทธศาสนา ก็โดนทำลายล้างโดย อลัชชี ต่างลัทธิ มาโดยตลอด ตั้งแต่มีพุทธศาสนา เป็นต้นมา

คำว่า อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้ในอริยสัจสี่ ก็มีเท่านี้ หากขยายความให้สอดคล้องกับเรื่องนี้ ก็คือ ความไม่รู้ตามความเป็นจริง แต่กลับงมงายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ซึ่งไม่อาจช่วยดับทุกข์ได้ กลับยิ่งเพิ่มทุกข์เข้าไปอีก

ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่า ขอพรแล้วได้ ก็จะดีใจ เกิดความโลภ แล้วจะกลับมาขออีก ทำให้ไม่รู้จัก การพึ่งพาตนเอง ผิดหลักคำสอนของพระพุทธองค์โดยแท้ ไม่ต่างอะไรกับลัทธิความเชื่อในอดีต ที่ไม่เคยช่วยดับทุกข์ได้เลย และหากขอพร ไม่สำเร็จ ก็เป็นทุกข์อีก เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริง

หากส่วนไหนของเนื้อธรรม ที่ไม่ถูกต้อง คุณ เราไม่ต่างกัน ก็กรุณาแนะนำในส่วนนั้น ไม่ใช่ ใช้อารมณ์ตอบแบบเหมารวม ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ช่างผิดวิสัยของนักปราชญ์โดยแท้ เหมือนกับบอกแต่ว่า มันไม่ดี แต่บอกไม่ได้ว่า ไม่ดีตรงไหน นั่นเพราะ มันไม่ถูกใจกู เท่านั้นเองหรือ...

 

พรหมจรรย์

ลัทธิที่เชื่อเรื่องพรหมจรรย์ ย่อมยกย่องพรหมเป็นผู้สร้าง เป็นผู้กำหนด เป็นผู้
ลิขิต และเป็นผู้บันดาล

ลัทธิพรหม มีหลายลัทธิ หลากหลายความเชื่อ แล้วแต่ความเข้ม หรือ ระดับสติ
ปัญญาของเจ้าลัทธิ

เมื่อจะดูว่า สิ่งใดคือสิ่งอันเป็นที่สุดของ พรหมลัทธินั้นๆ ให้ดูที่วิธีการแก้ปัญหา

เช่น

เมื่อโลกวุ่นวาย จากภัยธรรมชาติ อันเป็นภัยสุดโต่ง ไม่อาจล่วงรู้ได้ ไม่
อาจกำหนดได้อีก ไม่อาจลิขิตได้อีก ไม่อาจให้พรได้อีก เพราะแท้จริงแล้ว
เป็นเรื่องเหนือพรหมอำนาจ แต่หากลัทธิใด มองตรงนี้เป็นพรหมอำนาจ

จะมีวิธีแก้ปัญหา คือ การบูชา

การบูชา ก็มีหลากหลาย วิธีที่จะคิด แล้วแต่จะปัดออกจากตัว

เช่น

1.มีการตายไปเองของนักบวชบริสุทธิ์ ก็ ยกให้เป็น การบูชายันณ์
2.มีการตายไปเองของผู้บริสุทธิ์ ก็ ยกให้เป็น การบูชายันณ์
3.เมื่อไม่มีการตายไปเอง ถ้าไม่อยากตาย ก็ทำพิธีบูชายันณ์
4.เมื่อทำพิธีแล้ว ไม่อาจระงับเหตุ ก็อาจกลับไปฆ่าผู้บริสุทธิ์เพื่อบูชายันณ์
5.เมื่อเกิดข้อสงสัยในเรื่องความบริสุทธิของคน ย่อมกำหนดกฏเกณฑ์การเพาะเลี้ยงผู้บริสุทธิ
6.เมื่อผู้ถูกเพาะเลี้ยงที่เป็นคนไม่อาจร่วมกรรม ก็หันไปเลี้ยงสัตว์ที่มีสัญลักษณ์ ขาว ดำ โดดเด่น ( แพะ แกะ )
7.เมื่อผู้ถูกเพาะเลี้ยงไม่อาจร่วมกรรม ก็จะตกไปที่ หญิงสาวบริสุทธิ ที่ต้องเป็นหญิง เพราะปัญญาของมนุษย์เจ้าลัทธิคิดได้แค่นั้น ว่าสิ่งนี้พิสูจน์ได้ง่ายกว่า การหาผู้ชายบริสุทธิ คิดแบบมักง่ายนั่นเอง

ทั้งหมด จะเป็นอย่างไหน จะลงเอยอย่างไร ล้วนมีปรากฏขึ้นแล้วในโลก
ล้วนมีเหตุปัจจัยมาจากความเขลาในการรู้แจ้งแทงตลอด(อวิชชา) จึงตก
อยู่ภายใต้กิเลส ความไม่รู้ แก้ปัญหาอย่างโง่เขลาไปตามวิถีของเจ้าลัทธิ
เท่าที่จะคิดได้

เจ้าลัทธินั้นก็มีมาก เกิดขึ้นเรื่อย เจ้าไหนเกิดจากคนบริสุทธิ ฉลาด ก็ยังคง
วิธีแก้ปัญหาที่ไม่ผิดทำนองคลองธรรม ยกระดับ หรือ ทรงระดับได้

แต่เมื่อใดเจ้าลัทธิ คนทรงเจ้า คนทรงผ้าขาว มีความโง่เขลา ย่อมนำไปสู่
การแก้ปัญหาที่มีทิศทางไปสู่ความตกต่ำ

บางสำนัก ก็อาจแก้ปัญหาให้ง่ายๆ ให้ลงไปเลื้อยเป็นงู ให้ลิงโลดเป็นลิง ให้
คำรามเป็นเสือ

บางสำนัก ก็อาจแก้ปัญหาง่ายๆ ให้ได้รับความทรมารทางกาย ให้หลาบจำ ให้ไม่กล้าดื้อ
เมื่อนั้นก็จะกลับกลายมาเป็นคนดี ประกอบสัมมาอาชีพได้ เหมือนแก้ได้ถูกทาง

ฯลฯ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิมุตติ, manson810, somostation </TD></TR></TBODY></TABLE>

ใครเป็น มนุษย์ไร้เงา กันน๊า...หุๆๆ
<!-- currently active users -->

 

(ด้วยความเคารพ...พรหมวิเศษกว่ามนุษย์แน่นอน)

ดังนั้นต่อไปก็ ไม่ควรใช้คำว่า พรหมวิหาร ๔ เพราะพรหมไม่ได้วิเศษกว่า คน หรือสิ่งมีชีวิต ควรจะเปลี่ยนไปใช้คำอื่น ๆ จะดีกว่า

พรหม ก็อาจจะไม่มีเมตตา ก็อาจจะไม่มีกรุณา ก็อาจจะไม่มุทิตา ก็อาจจะไม่มีอุเบกขา เพราะพรหมไม่ได้วิเศษกว่า คน

ต่อไปก็ไม่ควรไปกราบไหว้ พระพรหม อีกใช่หรือไม่ ?

 

พระตถาคตเป็นมนุษย์

ท่านว่า พระตถาคต ควรกราบใครเป็นสรณะของมนุษย์ผู้นี้

ตรงนี้ จะกล่าวได้ไหมว่า มนุษย์ เหนือกว่า พรหม

ผิดตรรกะ หรือ ข้อเท็จจริง ตรงไหน หรือไม่

 

คำพูดนี้นำมาจากที่แห่งใดจงอ้างมาให้ชัดเจน

อย่าตัดลัดข้อความนำมาแต่ที่เข้าข้างตน

มนุษย์นั้นในที่นี้หมายถึงมนุษย์เช่นใดกันลือท่าน

หรือเหมารวมทั้งท่วนทั่วโลกโลกา

แล้วตัวของท่านเล่าปังเองก็เป็นมนุษย์ ใช่หรือไม่ พระพุทธองค์

ผู้เป้นศาสดาของเราท่านทั้งหลาย ท่านเป็นมนุษย์ ก็จริง

แต่ตามท่ท่านกล่าวมานั้น ขอถามว่า ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่ พระพุทธองค์

เป็นมนุษย์หรือไม ท่านกับพระพุทธองค์ เสมอเหมือนกันกับพระพุทธเจ้าทุก

ประการหรือไม่ แล้วถ้าท่านเป็นมนุษย์ ท่านเองกล้ากล่าวว่าตัวท่านสูงค่ากว่า

พรหมหรือไม่จงตอบมาให้แจ้งดั่งคำถามที่ถามไป เอาสิ่งที่เป็นในปัจจุบัน

อย่าไปชักโยงใยไปไกลตัว อย่าไปนำเรื่องที่ยังไม่เกิดมาแก้ต่างตอบคำถาม