ควรมีการเททองหล่อพระกันอีกต่อไป

คนเราถ้ารู้จักคิดว่าคนเรามีปัญญาไม่เท่ากัน จะรู้ว่าควรทำอย่างไร

หลาย ๆ คนบอกว่าต้องตามพระธรรม ผมก็ว่าดี ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แต่คน ๆ นั้น ขาดจิตสำนึกในการเมตตาคนอื่น ๆ ชอบคิดว่าที่ตนเองนั้นคิดถูกต้องที่สุด แต่กลับไม่เคยมองหรือพิจารณาตนเลยว่าน่ารังเกียจอย่างไรบ้าง ความคิดของตนนั้นไม่สมควรอย่างไรบ้าง

พระพุทธองค์ท่านเทศน์แต่ละครั้งย่อมหวังผลให้บุคคลบรรลุ ได้มรรคผล แต่พระพุทธองค์ก็ทรงโปรดเฉพาะบุคคลที่อยู่ในข่ายพระพุทธญาน ส่วนบุคคลอื่นที่บรรลุตามนั้นเพราะจิตทำกุศลมาในระดับเดียวกัน มาถึงจุดที่กุศลเดิมและกุศลใหม่มาบรรจบกันก็สามารถบรรลุได้ตามควรแก่บารมีที่สั่งสมมาในแต่กาลก่อน

แต่คนปัจจุบันนี้มักจะเอาคำสั่งสอน ของพระพุทธองค์มาเที่ยวประกาศ ว่าอย่างนั้น ว่าอย่างนี้ ต้องแบบนั้น ต้องแบบนี้ ไม่ได้คิดกว่าคนเหล่านั้นเหมาะควรแก่ธรรมนั้นหรือไม่ เหมาะแก่สติปัญญาของคนเหล่านั้นหรือไม่ แล้วพอมีคนโต้แย้งก็ไม่พอใจ หาว่าบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอน แต่ตนนั่นแหละที่กำลังขัดขวางทางกุศลของคนเหล่านั้น

คนที่รู้จักสอนคนจะต้องรู้จักแยกแยะสติปัญญาคนว่าระดับไหน ควรอย่างไร แค่ขอให้เขาเหล่านั้นได้เข้ามาสัมผัสแม้จะไม่ใช่ที่สุด แต่ก็เป็นกุศโลบาย รวมถึงเป็นปัจจัยในการบรรลุในอนาคต เพราะเราไม่สามารถพยากรณ์ได้เลยว่าเขาจะอยู่ในระดับใด มีเพียงพระพุทธองค์เท่านั้น คนที่ทำนายได้ก็ได้เพียงแต่อาศัยอดีต-ปัจจุบัน แต่ไม่อาจล่วงรู้ได้เหมือนสัพพัญญุตาญาน

ดังนั้นหากสิ่งใดจะเกิดเป็นบุญ ก่อให้เกิดทางแห่งพระนิพพาน ก็ไม่ควรดูถูกเหยียดหยามในทางกุศลนั้น หากขัดขวางมาก ๆ เข้าจะกลายเป็นปัจจัยให้ตนเองนั้นห่างมรรคผลโดยไม่ควร ส่วนคนที่สั่งสมปัญญา บารมี มาดีแล้วนั้นย่อมรู้และเข้าใจได้เองว่าสิ่งใดเหมาะ สิ่งใดควร เพียงการชี้นำของผู้รู้ คนที่รู้จริงเขาไม่ขัดขวางการกุศล มีแต่จะอนุโมทนาถ่ายเดียว เพราะรู้ว่านิสสัยแต่ละคนไม่เท่ากัน

หากเราจะเอาพระธรรมเนื้อแท้ให้คนเขา ก็ไม่บอกเล่าว่าอย่าสนใจในรูป อย่าเอาขันธ์ 5 จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ จะมีสักกี่คนที่ปัญญาบารมีถึง คนที่ปัญญาเข้าถึงผมอนุโมทนา แต่คนที่ไม่ถึงอาจจะห่างหายจากการปฏิบัติไปเลยทีเดียว น่าเสียดาย แล้วถ้าบอกว่าไม่สนใจ ไม่เสียดาย อนาคตแห่งพระพุทธศาสนาจบเห่แน่นอน ไม่ต้องทำนายทายทักเลย คนเราบอให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่ไอ้ตัวเองนั่นละยึดมั่นในสิ่งที่ปล่อยยากที่สุดเลย คนอื่นเขาถึงจะถือแต่ถ้าจะหลุดก็วางแหมะ ๆ แต่ไอ้พวกบอกให้ไม่ยึด ไม่ถือ นี่ละ เพราะเขามองไม่เห็นสิ่งที่ตัวเองยึดถืออยู่จึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นหมดแล้ว ปล่อยแล้ว หารู้ไม่ว่าไอ้อัตตา อนัตตา นั่นละที่ตัวเองยึดไว้ มันฝังรากลึกอยู่ในใจจนแคะออกได้ยาก เพราะมานะในใจมันพันเอาไว้เสียเต็มที่

สิ่งเหล่านี้ไม่อยู่นอกคำสอน ไม่เกินใบไม้ในกำมือ ให้รู้จัก ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา คิดตามความเป็นจริง สิ่งใดเป็นกุศลก็ทำ ไม่เป็นกุศลก็อย่าทำ
เมื่อใดถึงเวลาอันควรเขาจะรู้เองว่า ไม่ติดทั้งบุญและบาปเป็นอย่างไร

สาธุ
สร้างพระ ย่อมสร้างกุศล หากสร้างด้วยใจศรัทธาล้น ย่อมไม่ห่างสุคติภูมิ

 

ใช่ค่ะ พูดอีกก็ถูกอีก บัวสี่เหล่า

 

จำเป็นต้องสร้่างพระพุทธรูปเอาไว้ให้มากๆ เพื่อที่พวกมารศาสนาจะไม่สามารถมาทำลายได้หมด เหมือนอดีตประเทศเมืองพุทธทั้งหลายที่ยังหลงเหลือพระพุทธรูปเป็นหลักฐานให้ทราบถึงอดีต ซึ่งโบราณวัตถุเหล่านั้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับคืนมาอีกครั้ง
พวกมารทำลายหนึ่งเราจะสร้างอีกสิบ ยังไงก็ไม่มีวันทำลายได้หมด ปัจจุบันในเมืองไทยพวกมารก็พยายามสร้างกระแสลบล้างพระพุทธศาสนาให้หมดสิ้นไป แต่เราจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้าหรอก

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด .... ตรงเผ็งตามที่ท่านว่า

เอาไป 5 หัวแม่โป้ง

ไปกลางๆ แบบไทยพุทธนี่แหละ เหมาะกับคนไทยที่สุด


หาก นิพพานคือจุดหมาย ถึงช้าไป สักพันปี ก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก
รีบมาก ซิ่งมาก เดี๋ยวแหกโค้ง เอานา ~~~

 

เจตนาคนเรา จะคิด จะพูด จะทำ อะไร
ผิดชอบ ชั่วดี ย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเอง
หากไม่นำมาซึ่งความ หลง เพลิดเพลิน ในตนเอง
จนต้องเป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้อื่น หรือ แม้แต่ผู้ที่ ศรัทธา
ปัญหาทุกสิ่งอย่าง ก็ย่อมที่จะไม่เกิดขึ้นอีก

 

ดูพวกเรา สงบกว่าเยอะเลยนะครับ
สมาชิกผู้นิยมบุญ
ถึงพวกจะเข้าร่วมการหล่อพระแทนพระพุทธองค์ แต่ความสงบที่ออกจากภายในล้นออกมายังภายนอกเลยนะครับ ถึงภายนอกบางคนอาจจะตะโกน พูดโหวกเหวก แต่เชื่อว่าภายในอาจจะสงบเหมือนน้ำทะเลลึก
สาธุ ๆ ๆ