ขออนุญาตเรียนถามเรื่องสังฆาทิเสส

กระผมมาบวชเป็นพระแล้วกระทำผิดถึงขั้น สังฆาทิเสส แล้ว
ไม่ได้ไปอยู่กรรม หรือทำ อะไรเลย สึกออกมาแล้วผมควรจะปฏิบัติอย่างไรได้บ้างครับแล้วผมควรจะทำอย่างไรครับ


ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

 

ตามความเห็นนะครับ


ให้ไปกล่าว แสดงสังฆาทิเสสต่อสงฆ์ ในสถานที่ที่เคยบวชอยู่ แล้วไปอยู่ปริวาสกรรม ตามกำหนด ที่ได้ล่วงสังฆาทิเสส

เช่นว่า ล่วงสังฆาทิเสส มาแล้วเป็นเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ล่วงสังฆาทิเสส ก็ต้องไปอยู่ปริวาสกรรม 1เดือน ถ้า 2เดือน ก็อยู่ ปาริวาส 2เดือน ถ้า ผ่านมาแล้ว 1ปี ก็ต้องอยู่ปาริวาสกรรม 1ปี

สังฆาทิเสส 13 ข้อ เป็นอาบัติหนัก ผลกรรมก็หนักครับ

 

เรื่องพระวินัยผมไม่ถนัดนัก ขอคอมเม้นท์นิดหน่อย
อาบัติสังฆาทิเสส เป็นอาบัติหนัก
เคยได้ยินมาว่า หากภิกษุใดอาบัติ ต้องอยู่กรรม
มิเช่นนั้น หมดสิทธิ์บรรลุธรรม...

 

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากๆครับ

 

เรียนถามเพิ่มครับ

ถ้าตอนนี้ผมยังไม่มีเวลาที่จะไปบวช หรืออยู่กรรมได้
แต่ผมตั้งใจจะบวชครับ
ในตอนนี้ผมควรทำอย่างไรครับ
แล้วจะเป็นอะไรไหมครับถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วผมบวชทีหลัง
ปรกติผมเรียนอยู่ครับ
ผมสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันจะพอที่จะช่วยได้หรือไม่ครับ

ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ

 

ประเด็นนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีผลกับมรรคผลแค่ไหน
คงต้องให้ผู้รู้แนะนำเพิ่มเติม
เอาเป็นว่า ทุกวันที่สวดมนต์นั่งสมาธิ ให้ขอขมาพระรัตนตรัยด้วย
ขอขมาด้วยความรู้สึกที่สำนึกผิดจริงๆ
อาจผ่อนให้กรรมเบาลงได้
ปรึกษาพระสายวัดป่าน่าจะดี...

ปล.ขอแนะนำให้ลองถามอาจารย์ วิสุทโธ สมาชิกท่านหนึ่งในเว็บพลังจิต อาจให้คำตอบได้

 

สังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท
๑..ภิกษุใดจงใจทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส (ด้วยเจตนา)
๒..ภิกษุใดมีจิตกำหนัดแล้วจับต้องร่างกายสตรี ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๓..ภิกษุใดมีจิตกำหนัดแล้วพูดกับสตรีพาดพิงเมถุนธรรม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๔..ภิกษุใดมีจิตกำหนัดแล้วพูดกับสตรีให้บำเรอตนด้วยกาม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๕..ภิกษุใดชักสื่อให้ชายและหญิงเป็นสามีภรรยากันหรือเพื่ออยู่ร่วมกันชั่วคราว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๖..ภิกษุใดสร้างกุฏิส่วนตัว โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบการสร้างกุฏิที่วางไว้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๗..ภิกษุใดให้สร้างวิหารใหญ่เพื่อตัวเอง โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบการสร้างวิหารที่วางไว้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๘..ภิกษุใดใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๙..ภิกษุใดอ้างเลศแล้วใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๑๐..ภิกษุใดพยายามทำให้สงฆ์แตกกัน แม้ภิกษุทั้งหลายตักเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๑๑..ภิกษุใดสนับสนุนภิกษุรูปที่พยายามทำให้สงฆ์แตกกัน แม้ภิกษุทั้งหลายตักเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๑๒..ภิกษุใดว่ายากสอนยาก แม้ภิกษุทั้งหลายตักเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้ง แล้วยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๑๓..ภิกษุใดประจบคฤหัสถ์ แม้ภิกษุทั้งหลายเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้ง แล้วยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้นต้องอาบัติสังฆาทิเส​

ลักษณะความผิดมี ๑๓ สิกขาบท และการกระทำความผิดแล้วแยกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. ประเภทเปิดเผย คือ เมื่อกระทำผิดแล้ว เปิดเผยทันทีภายในวันนั้น (ที่กระทำผิด) ก็ไม่ต้องอยู่ปริวาสกรรม แต่ต้องประพฤติมานัตเป็นเวลา ๖ ราตรี และให้สงฆ์จำนวน ๒๐ รูปขึ้น สวดอัพภาน จึงพ้นจากความผิด​

๒. ประเภทปกปิด คือ เมื่อกระทำผิดแล้วไม่เปิดเผยออกมาในวันนั้น ปล่อยจนล่วงกาลผ่านไป จึงมาเปิดเผย พวกนี้ต้องอยู่ปริวาสกรรม เป็นเวลาเท่ากันจำนวนวันที่ได้ปกปิดไว้ เช่น ถ้าปกปิดไว้ ๗ วัน ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรม เป็นเวลา ๗ วัน จากนั้นก็ต้องประพฤติมานัต และให้สงฆ์สวดอัพภาน เพื่อรับเข้าหมู่​

ถ้าบวชอยู่ แล้วไม่แก้ ก็จัดว่าขาดจากการเป็นสงฆ์ จะร่วมพิธีกรรม ใด ๆ กับคณะสงฆ์ พิธีนั้น นั้น ก็จะไร้ผล

กรณี สึกมาแล้ว และบวชใหม่ ก็คงเป็นสงฆ์เหมือนเดิม โดยมิต้องอยู่ ปริวาสกรรม แต่ถ้าเป็น อาบัติ ปาราชิก แม้นบวชใหม่ สัก ๑๐๐ ครั้ง ก็มิเป็นสงฆ์ คือขาดจากการเป็นสงฆ์

ณ. ตอนนี้ ควรปฏิบัติ ใน ทาน ศิล ภาวนา ให้เกิดผล กับการ ปฏิบัติ เพื่อหลีกหนี อบายภูมิ ชั่วคราว
แต่ถ้า จะหนีอบายภูมิ กันตลอดไป ก็ปฏิบัติ ใน ศิล สมาธิ ปัญญา จนเกิด มรรคผล
กรรมนี้ มีโทษหนัก ไม่เหมาะที่จะกล่าว ในที่นี้ หมั่นขอขมา พระรัตนตรัย นะ

คำขอขมาพระรัตนตรัย<O​

ตั้ง นะโม ๓ จบ​

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง<O
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต<O​

กรรมอันใดที่ข้าพเจ้า ได้ประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมี องค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย และ สิ่งศักสิทธิ์ทั่วสากลภิภพ ทั้งในอดีตชาติ และชาติปัจจุบัน ด้วยกาย วาจา ใจ ด้วยรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และ สิ่งศักสิทธิ์ทั่วสากลภิภพ ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่ พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ​

คลิก ฟังวิธีการ http://palungjit.org/threads/บทสวดคำขอขมาพระรัตนตรัย.238037/​

 

ตามที่เข้าใจอาบัติชนิดนี้ห้ามมรรคห้ามผลตลอดเวลาที่ภิกษุนั้นไม่ปลงอาบัติ แต่เมื่อสึกออกมาแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะครับเพราะการสึกนี้คือการเปิดเผยต่อสงฆ์ว่าเราไม่ไหวแล้วพอแล้ว
เรื่องแบบนี้มันคาใจ ต้องหมั่นทำบุญรักษาศีลมากๆ แล้วจะดีเองครับ

 

ขอขอบพระคุณทุกท่านมากๆครับ

 

ถ้าคุณบวชเป็นพระแล้วกระทำผิดถึงขั้น สังฆาทิเสส ไม่ได้ไปอยู่กรรม สึกออกมา
ควรจะปฏิบัติดังนี้

ข้อที่1 คุณบวชเป็นพระธรรมยุติ หรือพระมหานิกาย
คุณบวชสายธรรมยุติ ต้องไปอยู่ปริวาสกรรมสายธรรมยุติ
ถ้าคุณบวชสายมหานิกาย ต้องไปอยู่ปริวาสกรรมสายมหานิกาย

หากคุณบวชสายธรรมยุติ ไปอยู่ปริวาสกรรมสายมหานิกาย
หรือคุณบวชสายมหานิกาย ไปอยู่ปริวาสกรรมสายธรรมยุติ

มิฉะนั้นการปริวาสกรรมไม่บริสุทธิ์ เพราะถือว่าอยู่คนละอาวาส

ข้อที่2 การเข้าอยู่ปริวาสกรรมนั้น ต้องแจ้งให้คณะสงฆ์ทราบเมื่อบวชใหม่
ก่อนที่คุณจะบวชใหม่ แจ้งความประสงค์เรื่องการอยู่ปริวาสกรรมให้คณะสงฆ์ทราบ
โดยคุณต้องแจ้งแก่คณะสงฆ์ เรื่องการทำอาบัติสังฆาทิเสส
ในขณะบวชครั้งก่อนได้ปกปิดเอาไว้ และได้สึกลาสิกขาบทไป

โดยคุณแจ้งแก่คณะสงฆ์ว่า คุณจำอาบัติไม่ได้ว่ากี่ตัว และจำวันที่ปกปิดไม่ได้
เพื่อคณะสงฆ์จะได้ทำพิธีปริวาสกรรม ให้คุณอยู่ปริวาสกรรมวันนั้น

ด้วยความเมตตาของคณะสงฆ์ผู้รู้ในพระธรรมวินัย จะให้คุณอยู่ปริวาสกรรมประเภทสุทธันตปริวาส
เป็นปริวาสกรรม ที่ผู้กระทำผิดอาบัติสังฆาทิเสส จำอาบัติไม่ได้ว่ากี่ตัว และจำวันที่ปกปิดไม่ได้


ในระหว่างที่อยู่ปริวาสกรรมนั้นต้องไม่กระทำผิดในข้อห้ามของการอยู่ปริวาสกรรม
จะมีพระพี่เลี้ยงคอยแนะนำวิธีการอยู่ปริวาสกรรม
และควรเลือกอยู่ปริวาสกรรมในวัดที่มีพระน้อยๆ เพื่อสะดวกในการอยู่ปริวาสกรรม

โดยที่คุณจะแก้อาบัติได้บริสุทธิ์ ไม่ต้องอยู่ปริวาสกรรมตามที่ปกปิด
มติสงฆ์ส่วนใหญ่จะให้อยู่ ปริวาสกรรมจนเสร็จพิธีไม่เกิน 15 วัน

หากไม่แก้อาบัติสังฆาทิเสส จะมีผลกับมรรคผล คือ ไม่มีวาสนาในชาตินี้
และเป็นกรรมหนักต่อตนเองและหมู่คณะสงฆ์

เนื่องจากขณะบวชตนเป็นพระสงฆ์ที่ไม่บริสุทธิ์ ผิดพระวินัย ข้ออาบัติสังฆาทิเสส
มีการพิธีกรรมร่วมกับคณะสงฆ์ นั่งอาสนะเสมอกัน ปลงอาบัติ ฉันอาหารร่วมกัน ฯลฯ
โดยเฉพาะหากมีตนมีพรรษามากกว่า แต่ให้พระที่ไม่กระทำผิดอาบัติสังฆาทิเสสกราบไหว้
หรือเข้าฟังพระปาฏิโมกข์ เป็นกรรมหนักทั้งสิ้น โดยพระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสไม่สามารถกระทำได้

ในระหว่างนี้ กราบขอขมาพระรัตนตรัย สวดมนต์ไหว้พระ ถือศีลภาวนา
ตั้งจิตอธิษฐาน ขอขมาต่อสงฆ์ที่ได้ล่วงเกินกระทำผิดพระธรรมวินัย
หากตนมีโอกาสจะขอแก้กรรมนี้ โดยอยู่ปริวาสกรรม

 

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

อาบัติสังฆาทิเสสเป็นอาบัติหนักแต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุ

เพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติเพื่อการออกจากอาบัตินั้น​

เช่น การให้ปริวาส ให้มานัต ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปขึ้นไป
การอยู่ปริวาสกรรม มีความสำคัญแก่พระภิกษุที่ท่านต้องอาบัติหนัก คืออาบัติ

สังฆาทิเสส เมื่อพระท่านต้องเข้าแล้วจะแก้ด้วยการปลงอาบัติไม่ได้ ต้องแก้ด้วย

การอยู่กรรม(ปริวาส) เท่านั้น
และจากคำถามที่ว่า
1. เมื่อมีศรัทธาจะกลับเข้าไปบวชใหม่ต้องเปิดเผยอยู่ปริวาสกรรม เพื่อล้างมลทินที่เคย
ต้องอาบัติไว้เมื่อบวชครั้งที่แล้วหรือไม่ ? (หรือเริ่มต้นใหม่)
ต้องอยู่ปริวาสตามระยะเวลาที่ปกปิดอาบัตินั้นไว้ครับ เช่น ปกปิดอาบัติไว้เป็นระยะ
เวลา 1 ปีแล้วก็สึกออกมา เมื่อกลับไปบวชใหม่ก็ต้องยู่ปริวาสเป็นระยะเวลา 1 ปี เช่นกัน
จนกว่าจะบริสุทธิ์และสงฆ์รับเข้าหมู่ได้ครับ ดังนั้น เมื่อกลับเข้าไปบวชเป็นพระภิกษุอีก
อาบัติที่เคยต้องในสมัยที่เคยบวชครั้งก่อนก็กลับมีเหมือนเดิม การนับวันที่ปกปิดก็นับ
เฉพาะเวลาที่อยู่ในเพศพระเท่านั้นครับ

--------------------------------------------------------------------------------​

2. เคยได้อ่านพบว่า บุคคลที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสนั้น และปกปิดไว้แม้จะมีศรัทธาและ
ความเพียรที่จะเจริญสมถะ และวิปัสสนาก็จะไม่มีผลอย่างใดในชาตินี้ เพราะอาบัติที่ปก
ปิดไว้จะเป็นเครื่องกั้น ฌาน มรรค ผล ขอทราบจะเป็นจริงได้แค่ไหนครับ ?
ถ้ายังปกปิดไว้ ไม่ได้ทำให้บริสุทธิ์โดยการเข้าอยู่ปริวาส ตามระยะเวลาที่ปกปิด
แล้ว อาบัตินั้นก็ยังไม่ตกไป อาบัติก็เป็นเครื่องกั้นการบรรลุ มรรค ผล นิพพานและ
กั้นการเกิดในสุติภูมิด้วยครับ แต่ถ้าแก้เรียบร้อย เข้าอยู่ปริวาสและมีการให้เข้า
มาในสงฆ์แล้ว ก็เป็นผู้บริสุทธ์ก็สามารถบรรลุ มรรคผลและไปสุคติได้ครับ แต่ถ้าสึกไป
แล้วเป็นเพศคฤหัสถ์ อาบัติของพระก็ไม่เกี่ยวข้องแล้วเพราะอยู่กันคนละเพศก็สามารถ
อบรมปัญญาในเพศคฤหัสถ์ บรรลุธรรมได้ครับ

---------------------------------------------------------------------------​

ดังนั้นในปัจจุบันที่มีการอยู่ปริวาสนั่นแสดงว่าพระภิกษุรูปนั้น ต้องอาบัติหนัก มี
สังฆาทิเสส จึงไม่ใช่ว่าพุทธบริษัทมุ่งที่จะทำบุญกับพระอยู่ปริวาสเพราะคิดว่าได้บุญ

มาก นั่นเป็นความเข้าใจผิดครับ ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ​

เคยบวชแล้วทำสังฆาทิเสสแก้อย่างไร
สังฆาทิเสส
การอยู่ปริวาสกรรม
ข้อสงสัยของการอยู่ปริวาส
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์​

 

ขอบคุณครับ