ขออนุญาติ Web Master นะครับ เปิดสอนวิชาเก้าเฮ

เปิดสอนวิชา ชาตรีหินเบา 9 เฮ และ มงคลสามสาย ให้แก่ผู้ที่สนใจ

โดย อาจารย์ เกรียงไกร เถลิงพล ( ลี )

ศิษย์อาจารย์ ถวิล ผ่องสว่าง(หรือ ครูเเผ้ว ท่านเป็นศิษย์ของกรมหลวงชุมพร เป็นน้องชายของ เสือไทครับ) และ อาจารย์ บุญลือ นุตะวานิช

ประวัติ
วิชาชาตรี หรือเก้าเฮ ทุกท่านเข้าใจว่ามีมาแต่สำนักหลวงพ่อกลั่นฯวัดพระญาติ แต่ความจริงแล้ว ทางสายเจ้าอธิการแสง แห่งวัดน้อยทองอยู่(ปัจจุบันรวมกับวัดดุสิตฯ)ซึ่งท่านมรณะภาพปี พ.ศ.2455 ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้กับลูกศิษย์ โดยเฉพาะ อาจารย์บุญลือ นุตะวานิช มหาดเล็กรักษาพระองค์ของ ร. 6 อาจารย์เกรียงไกร เถลิงพลได้รับตกทอดมาอีกทีหนึ่ง เกรงว่าจะหายไปจึงขอมอบให้ผู้สนใจค้นคว้าศาสตร์ด้านนี้

ท่านใดสนใจกรุณาPM มาหาผมครับ

 

น่าสนใจครับ

 

สนใจครับ ขอทราบรายละเอียดด้วยนะครับคุณจิน ขอบคุณครับ

 

มีสิ่งดีๆ มานำเสนอเรื่อยเลยครับ

 

ขอผ่านครับ กำลังใจไม่ถึงกลัวถูกหินทุ่มเอาหัวแบะ

 

คุณน้ำหวานนอกจากเทควนโด้แล้ว สนใจหรือปล่าว...

 

คุณน้ำหวานนอกจากเทควนโด้แล้ว สนใจหรือปล่าว...

 

ถ้าคุณน้ำหวานเรียน ผมสอนเองครับ
กั๊กๆๆๆๆ

 

วิชาชาตรี เก้าเฮ หินเบา ต้นเค้าวิชาเดิมเป็นของแขกอิสลาม สายพระเวทย์อันเก่าแก่โบราณ ผู้ได้เรียนแล้ว มักร้อนวิชา เพราะครูแรง หากไม่เจริญพระกรรมฐานควบคุมดังสายพุทธนิยมปฏิบัติ จะทำให้ชอบลองวิชา หากไม่มีศีลควบคุม สุดท้ายจะเข้าตัว จัดเป็น วิชากินตัวแขนงหนึ่ง ที่มักบั่นทอนอายุของผู้ฝึก เพราะผู้ฝึกจำต้องทดลองวิชาอยู่เสมอๆ เพื่อให้วิชาคงอยู่ เมื่อขาดการทดลองไปนานๆ วิชาก็จะกินตัวไปเรื่อยๆ ดุจสนิมที่กินเนื้อเหล็ก ผู้ที่ฝึกถึงขั้นสุดยอด จึงมักจะเป็นพระอภิญญาที่ทรงศีลบริสุทธิ์ หรือ เป็นพระฤาษีที่ทรงตบะแก่กล้า อาศัยอยู่ในป่าลึก และ มักถ่ายทอดพลังจิตลงในวัตถุมงคลให้ศิษย์ไว้ มากกว่าที่จะสอนวิชาให้ เพราะทำการรักษาได้ง่ายกว่า และ ไม่มีผลข้างเคียง เหมือนเรียนวิชาที่แรงๆ ยกเว้น ผู้นั้นจะมีพื้นฐานที่ดี (ทำบุญมาดี) และ มีดวงชะตากล้าแข็ง (มีจิตใจที่เข้มแข็ง) จึงจะถ่ายทอดให้ ซึ่งจะเลือกถ่ายทอดให้เฉพาะคนเท่านั้น


อนึ่ง วิชาชาตรี นี้ มักจะเรียนกันเป็นคู่ (คือ ต้องมีเพื่อนเรียนอีกคน) และ ดวงชะตาต้องแข็งพอ เรียนเสร็จแล้ว ต้องผลัดกันทุ่มหินใส่กัน อำนาจของวิชาจะทำให้หินเบาเหมือนปุยนุ่น (หินเบา) ที่เรียกว่า ชาตรี คือ ทำอันตรายแก่ร่างกายไม่ได้ แม้เพียงขุมขน ที่เรียกว่า เก้าเฮ เพราะ ขึ้นต้นคาถาด้วยคำว่า เฮ เก้าครั้ง... เช่น เฮ กังกริง บาตรู ฯลฯ เป็นต้น (แต่ก็แพ้ของบางอย่างอยู่ แต่ในที่นี้ไม่ขอเปิดเผย เพราะจะเป็นการทำลายเคล็ดวิชา แก้ทางของวิชาโดยใช่เหตุ)



มงคลสามสาย มีในตำราพิชัยสงคราม และ คัมภีร์พุทธมนต์ (พุทธะสัง มังคะลัง โลเก ฯลฯ) สายวัดกลางบางแก้ว สายวัดมะขามเฒ่า สายวัดประดู่ทรงธรรม สายวัดเขาอ้อ สายวัดหนองโพ สายวัดพระปรางค์ สายวัดระฆัง สายวัดบางกะพ้อม ฯลฯ ก็มีสอน เป็นหนึ่งใน วิชาแต่งองค์ ตามตำหรับสายพระในดง ของหลวงปู่เทพโลกอุดร (พระครูเทพผู้วิเศษ ตามที่ปรากฏนามในคัมภีร์พุทธมนต์) ไม่มีผลข้างเคียง



บทมงกุฎพระพุทธเจ้า บทเดียว ใช้ได้ทุกทาง ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ครอบวิชาแต่งองค์ ฯลฯ อุปเท่ห์สุดจะบรรยาย ฝอยท่วมหลังช้าง



ท่องบทมงกุฎพระพุทธเจ้า แล้วต่อด้วย


ตะโจ พระพุทธเจ้า จงมาเป็น หนัง


มังสัง พระธรรมเจ้า จงมาเป็น เนื้อ


อัฐิ พระสังฆเจ้า จงมาเป็น กระดูก



ตรี เพชชะคงคง อิสวาสุ สุสวาอิ พุทธะ ปิ ติ อิ



(ใช้ได้ผลมากน้อย ขึ้นอยู่กับ กำลังของสมาธิ และ ความเชื่อมั่น แล)


ครูบาอาจารย์รับรองผลมาแล้วมากมาย อย่าได้สนเท่ห์เลย



อีกบท เป็น คาถาอยู่คง (เสกข้าวเสกน้ำกิน หรือ เสกตัว) ของ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ว่าดังนี้


พุทธะ พระอรหัง คงเนื้อ คงหนัง พระมังคลัง โลเก พุทธะ



หรือ วิชาเกราะเพชรพระอิศวร ที่ขึ้นต้นว่า กะระมะถะ เป็นต้น (ใช้คู่กับ วิชา นิ้วเพชรพระอิศวร คือเป็นวิชา ป้องกันตัว และ โต้ตอบ นิ้วเพชรพระอิศวรขั้นสูง จะใช้ปรอทเสกเข้าตัวก่อน แล้วบริกรรมคาถา ชี้นิ้วสั่งปรอทให้ไปทำร้ายคนได้ แค่ดีดนิ้ว ก็ทำให้ถึงตายได้ จัดเป็นวิชาที่อันตรายมาก ไม่แพ้ วิชาเงาอสูร คือ ใช้หมุดหรือตะปูอาคม ตอกลงไปที่รอยเท้าหรือหุ่นรูปคนหรือเสื้อผ้าของผู้ที่ต้องการทำร้าย ตอกทีเดียว ทำให้ถึงตายได้ หรือ วิชาบังฟัน มักใช้ ต้นกล้วยตานี บริกรรมคาถาเรียกเจตภูตของผู้ที่ต้องการทำร้ายมาสถิต แล้วใช้มีดดาบลงอาคมฟันต้นกล้วยให้ขาดสองท่อน ทำให้ผู้ที่โดนกระทำบาดเจ็บช้ำใน ถึงแก่ความตายได้ วิชาอย่างเบา เช่น คำสาปสั่งวิญญาณ คือ ปั้นหุ่นรูปคนขึ้นมา แล้วใช้ของสกปรกทา จะทำให้ดวงชะตาของผู้ที่โดนกระทำตกต่ำ ยิ่งสกปรกมาก ก็ยิ่งตกต่ำมาก หรือ ใช้เข็มอาคมปักลงไปที่หุ่น บริกรรมคาถาสาปแช่ง จะทำให้ผู้โดนกระทำเจ็บปวดร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุได้ จัดเป็น คุณคนประเภทหนึ่ง คือ คุณไสย มีทั้ง ใช้ผี เรียกว่า คุณผี ใช้คาถาสวดเอง เรียกว่า คุณคน หรือ คุณมนต์ ส่วน ยาสั่ง ก็ใช้ ดีของสัตว์อันมีพิษ เช่น ดีนกยูง ดีคางคก หรือ ยาพิษที่ปรุงขึ้นมาเองแล้วกำกับด้วยคาถา สั่งลงไปในอาหารได้ ต้องแก้ด้วยว่าน เช่น เถารางจืด หรือ จมูกเม่นฝนกันน้ำซาวข้าว ตามตำหรับของหลวงพ่อเดิม หรือ มีดหมอชั้นสูง แกว่งทำน้ำมนต์ หรือ เบี้ยแก้ชั้นสูง ที่ต้องท่องคาถาแก้คุณไสยกำกับลงไปด้วย เช่น มนต์ธรณีสาร คาถาพระเจ้าครอบโลก โองการพระเจ้าห้าพระองค์ เป็นต้น)



ยังมีอีกมาก แต่พอเท่านี้ก่อน (ถ้าจะให้อยู่ยงคงกระพันชั่วคราว โดยไม่มีผลข้างเคียง ใช้คาถาอาพัด ก็พอ เรียนถามท่านศนิวารเถิด ส่วนคงกระพันด้วยว่านนั้น ไม่ขอแนะนำ เพราะบางคนจะแพ้ว่านบางชนิดได้ อย่างเบาผื่นคันขึ้นทั้งตัว อย่างหนัก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ถึงตาย)



จะเรียนอะไร ก็เรียนไปเถิด แต่เรียนผูกแล้ว ให้เรียนแก้ เรียนกัน ด้วยนะจ๊ะ


เรียนคาถากันไข้หวัดใหญ่ 2009 จะดีกว่าไหมจ๊ะ



ด้วยความปรารถนาดีจาก ดีคอลเจน

 

ขอบคุณพี่หมอครับ ผมไม่ต้องพิมพ์อธิบาย อิๆ

ใช่ครับ ท่านที่จะมาเรียน ถ้ามาเดี่ยวคงจัดคู่ให้ครับ คนนึงดำ คนนึงขาว

เเล้วที่พี่หมอพลบอกว่าเเพ้ของบางอย่าง เช่น พวกไม้โสนไรเเบบนี้ ครูรุ่นเก่าเขาครอบวิชาอีกทีนึงครับ

จริงๆอาจารย์เค้าก็ไม่อยากสอนหรอกครับ อายุจะเจ็ดสิบเเล้ว เเต่เห็นพวกขี้โม้ ของปลอมเยอะ ก็เลยจะสอน ไม่ให้วิชาสูญหาย เเต่เดี๋ยวก็คงเลิกครับ ท่านเป็นคนเบื่อง่าย

เก้าเฮ ผมเคยเห็นมาหลายที่เเล้วครับ ของอาจารย์เกรียงไกรน่าจะ complete ที่สุดเเล้ว

 

จัดคู่ให้ทุ่มหินใส่กัน ดูซิว่า คนไหนจะตายก่อน ดำ หรือ ขาว... อิอิ

 

มีครับ หินลับมีด เตรียมไว้เเล้วครับ
กรุณาอย่าลืมเอายาเเดงมาด้วยนะครับ ห่ะๆ พูดเเบบนี้จะมีใครกล้าเรียนไหมเนี่ย

 

น่ากลัวจังเลยครับพี่ คนเป็นโรคหัวใจ....อย่างผมเรียนได้มั๊ยครับ

 

โบกมือหยอยๆ บอกน้อยจะไปชายแดน

 

ขำจริงๆ ให้ตายเถอะ 555555


อย่าง ท่านศนิวาร ต้องเรียน วิชามหาเสน่ห์ มหาระรวย ถึงจะดี สาวๆ มารุมเพียบ (แต่คงไม่พ้น หัวแบะ จากอีโต้ ของคนที่บ้านอยู่ดี อิอิ)

 

555555


เรียนได้ครับ เรียนไปเถิด เรียนเสร็จแล้ว ส่งไปช่วย 3 จังหวัดชายแดน ด้วยนะครับ เอิ้กๆๆๆ กำลังต้องการกำลังพลเลย ตายกันแทบทุกวัน ตายไม่เว้นแต่ละวัน



ด้วยความเคารพ ครับ


เอ... ตอนที่ผมเรียนกับหลวงพ่อหวล วัดพุทไธฯ ทำไมท่านถามแค่ วัน เดือน ปีเกิด ของผม โดยไม่ได้ดูจากสีผิวนะ สงสัย คนละตำรากันละมั้งนี่ ตอนนี้ ถอนวิชาออกไปหมดแย้วววว สวดมนต์ไหว้พระแบบธรรมดาๆ อย่างเดียวจ้า

:z5 _Hi__

 

หุๆๆ ก็ตามสูตรเขาว่าเอาไว้ ต้องยกหินทุ่มหัว เลยกลัวหัวแบะ

แต่ตามที่รู้มาหากไหว้ครูถูกต้อง คนคุมมีสมาธิดี หากลูกศิษย์จิตตกกำลังจิตไม่ถึงหินจะหนักไม่สามารถยกทุ่มหัวได้ แต่ผมกลัวตอนยกขึ้นแล้วกำลังจะทุ่ม เกิดจิตตกตอนที่หินทุ่มลงมาพอดีคงจะหัวแบะแน่ๆ

ไม้โสน ไม้ระกำ ข่มได้ครับ เขาเอามารองนั่งก่อนท่องคาถา กลัวแต่ว่า เขาจะเอาสำลีขว้างแทนก้อนหิน ทีนี้คงจะเหมือนโดนลูกเหล็กทุ่มเอา เพราะจากหนักเป็นเบา จากเบากลับเป็นหนัก

อีกอย่างไม่มี ทอง ไปเป็นค่ากำนลครูด้วย 555+

 

มีเอาหินทุ่มหัวด้วยเหรอครับ

 

ครับพี่ศนิวาร ปี 252X กว่าๆ ค่าใส่ซองที่พวกลูกศิษย์เรียนกะอาจารย์บุญลือก็เเพงโขอย่เป็นหมื่นเลย

 

แล้วเปิดสอนที่ไหนหรือครับ