การว่าร้าย พระสงฆ์ ที่ทำไม่ดี บาป หรือ ไม่บาป

วันนี้ก็เป็นวัน เข้าพรรษา เปิดดู ข่าว ทีวี แต่เช้า
ดูข่าววันนี้ รู้สึกไม่สบายใจเลย ข่าวมักจะ เอาแต่
พระสงฆ์ ที่กระทำไม่ดี ในด้านต่างๆๆ มาออกข่าว

ยกตัวอย่างนิดนึง ที่ดูวันนี้ มี พระสงฆ์ เสพกาม
ใน วัด แล้ว ถูกจับ มีชาวบ้าน มา ตะโกน ด่าว่า
หยาบๆๆๆ เอารองเท้า ปา บ้าง ในขณะ ที่พระสงฆ์
ยังอยู่ ใน จีวร ของ พระพุทธเจ้า

ผมอยากเรียนให้ ท่านทั้งหลายที่ รู้จัก คนสนิด
หรือ ท่านใดก็ตาม ที่ เคยมี พฤติกรรม กับ พระสงฆ์
แบบนี้ บอกให้เขา หยุด อย่ากระทำแบบนี้อีกเลย

ไม่ว่า พระสงฆ์ รูปไหน จะ ผิดศีล หรือ มี พฤกรรม
ที่ไม่เหมาะสม ขอให้ อุบาสก อุบาสิกา จงปล่อยวาง
ห้าม พูดจา ที่ทำให้พระสงฆ์ เสียใจ ทุกข์ใจ

ผมเข้าใจว่า อุบาสก อุบาสิกา บางท่าน มีความ รัก
ใน ศาสนา พุทธ มาก แต่ ท่าน จงอย่า เอา หินก้อนใหญ่
แบกใส่หลัง ในขณะ ขึ้นสวรรค์ ดีไม่ดี แบกหิน ไม่ไหว
จะ ตกลง ไปสู้ อเวจี ได้ง่าย ผิดกับ บางท่าน ใช้ พรหมวิหาร
4 เป็นเครืองยึดเหนี่ยวใจ และ ปล่อยวาง กับ เดิน ขึ้นสวรรค์ ไปอย่าง
สบาย โดยที่ไม่มีหิน มาใส่หลังให้หนัก และไม่ต้อง กลัวตก ลงสู้อเวจีด้วย

ขึ้นชื่อว่า ยัง บวช อยู่ใน ศาสนาพุทธ เขาย่อม ยังขึ้นชื่อ ว่า พระสงฆ์
เราอย่าคิดว่า พระสงฆ์รูปนี้ทำ ผิด เรามี สิทธ์ ด่า ได้ แบบนี้ ผิดแน่นอน
ตายไป ก็ ตามกันไป อเวจี ทุกอย่าง ฟ้าดิน มีตา ย่อมเห็นเอง

ทุกวันนี้ พระสงฆ์ ที่กระทำผิด ตายไป ไป อเวจีมหา นรก ก็ มีมาก มหาศาล
เห็น สภาพแล้ว น่า เวทนา จริง เกิดมาเจอ พระธรรม ของพระพุทธเจ้า แต่
ไม่สนใจ ส่วน คนที่ ด่าว่า พระสงฆ์ ที่ ทำผิด ตายไป ก็ ตามกันไป อเวจี
มหานรก ก็ นับไม่ถ้วน แล้ว แบบนี้ ท่านที่เคย ว่า พระสงฆ์ ยังคิดอยากจะ
แบกหิน ใส่หลัง อีกไหม?

คำว่า ความดี ก็ คือ การทำสิ่งใดแล้ว ไม่ทำให้ผู้อื่น ทุกข์ หรือ เสียใจ
แบบนี้และ เรียกว่า ความดี
แต่ถ้า คำว่า ความเลว คือ การทำสิ่งใด ก็ตาม ที่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ เบียดเบียน
ซึงกันและกัน แบบนี้และ เรียกได้เต็มปากเลยว่า ความเลว

แล้วแบบนี้ บางท่านที่ยังมีความคิดที่ผิดๆๆอยู่ว่า ด่าพระสงฆ์ ที่ทำผิด จะไม่
บาป แบบนี้ ท่านคงต้องคิดใหม่หมดแล้วละ เหมือนท่าน เบียดเบียนสัตว์โลก
และยังไม่พอ แถม ดูหมิ่นศาสนาพุทธ แบบนี้ เหมือนได้ 2 เด้งเลย ไป นรก
อเวจีแน่นอน 100%

ส่วนนักข่าว ที่เอามาออกข่าว ก็ คงต้องได้รับ อนิสงค์ อเวจี ไปด้วยแน่นอน
ที่ ทำข่าว ให้ พระสงฆ์ ที่กระทำผิด เกิดความ ทุกข์ อาย ที่นำเขามาประจาน
ก็แน่นอน อีกนั้นและ นักข่าวเมื่อตายไป เมื่อไป ศาลา พญายม ถ้าท่านถาม
ถึงความดี ดีไม่ดี กรรมตัวนี้ ที่เอาพระสงฆ์ มาประจาน อาจทำให้ นึก ถึง
ความดีไม่ออกแน่นอน ก็ แน่นอน ไป อเวจี ก่อนเลย และไม่พอ น่า เมื่อหมด
กรรมแล้ว ถึงเวลาที่ต้อง มาเกิดเป็น มนุษย์ จะต้องถูก ประจานในสิ่งที่ไม่ดี
ของตัวเองไป อีกหลายร้อยชาติ นับไม่ถ้วน แล้วแบบนี้ ท่านยังจะ กล้า ว่า
อีกไหม ? (ไม่ใช่แค่เฉพาะ นักข่าว แต่รวมถึง คนที่ ซุบซิบ นินทาด้วย)

ดังนั้นผมจึงอยากให้ ท่านทั้งหลาย หรือ ท่านที่รู้จักผู้ที่มี พฤติกรรมที่ผม
พูดมา บอกเขาว่า ให้ปล่อยวาง ทุกอย่าง ฟ้าดินมีตา อยู่ดีไม่ว่าดี อย่าเอา
หินก้อนใหญ่ มาแบกใส่หลังอีกเลย

ขอให้โชคดีครับ ทำดี ต้องทำแบบใส่บริสุทธ์ ปราศจากสิ่งที่ ขุ่นหม่องมัว

 

ก็ยังคิดอยู่เลยนะคะว่า
พระประเภทนี้ไม่สมควรจะเป็นพระ
(ลืมนึกไปว่าเขายังอยู่ในผ้าเหลือง อาจเพราะคิดว่า
เขาก็ผิดศีลถึงขั้นต้องโดนสึกแล้วเลยคิดว่าไม่น่าจะบาป)
ปากก็พูดประมาณว่า น่าจะสึกๆไปซะ ทำลายศาสนาเสียหมด
ไม่แน่ใจว่ามีมากกว่านี้ไหม๊ แต่ไม่ค่อยสนใจพระประเภทนี้
อยู่แล้วเพราะ สนใจไปก็เท่านั้น เวลาเห็นข่าวแบบนี้
ไม่อยากอ่านเลยอ่ะค่ะ

ก็คิดซะว่าพระดีๆมีอีกเยอะ อิอิ

 

คิดว่าบาปนะครับไม่ควรไปว่าท่าน
ควรปล่อยให้เป็นไปตามกรรม

 

1. เมื่อพระรูปนั้นทำไม่ดีแล้ว ก็ไม่ควรไปปา ไปรุมทำร้ายครับ... คนละเรื่องกัน .. แต่ควรให้พระผู้ใหญ่มาปรับโทษเสีย ให้หลีกเร้นไปตามสภาวะสมควร ..
2. การกระจายข่าวเรื่องทำชั่ว หากมีเจตนาทำให้เขาเสื่อมเสีย เราก็บาปสิครับ แม้เขาจะทำบาปอยู่ก็ตาม ... แต่ก็ควรบอกเตือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยเจตนาที่ดี มิใช่หวังร้ายตามขี้ปากคนชอบว่า

 

คือว่าปกติถ้าเราด่าคนก็บาปแล้วใช่ม้า ถ้าไปด่าพระสงฆ์ที่ยังครองจีวร ถึงแม้ว่าจะทำผิดก็จริงก็ยังโดนข้อหาหมิ่นพระศาสนาอีก

แต่ในเรื่องของสื่อ ถ้าใครทำผิดแล้วปกปิดเงียบมันก็ไม่ดีนี่นา

 

เรื่องกรรมนี่ละเอียดอ่อนจริงๆ

 

เวลาที่อ่านพระสูตรผมหละอิจฉาคนสมัยก่อนมากที่ได้ทำบุญตักบาตรกับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทังหลาย ตอนนี้ผมหละสลดใจเวลาไปรักษาอุโบสถศีลเห็นพระเปิดเพลงฟังบ้าง ดูทีวีบ้าง ผมหละอยากจะร้องจริงๆสงสารพระพุทธเจ้าจากใจจริง ทุกครั้งที่ผมทำบุญจะเน้นไปที่สังฆทานและก็จะขอให้พระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานในบุญกุศลที่ได้ทำ ผมไม่แน่ใจว่าทานที่ผมทำกับพระสมัยนี้จะมีผลแค่ไหนผมก็ไม่ทราบ ตอนนี้ผมก็เลยเปลี่ยนหันมาปฏิบัติบูชารักษาศีลให้บริสุทธิมีกรรมบท 10 เจริญพรหมวิหาร 4 เพราะผมเคยอ่านในพระสูตรว่ามีสามเณร สมัยพระพุทธเจ้านามว่าพระกัสสป จำผิดก็ขออภัยด้วย สามเณรองค์นี้ไปเล่นน้ำที่แม่น้ำและเห็นแม่น้ำมีระลอกคลื่น เลยอธิฐานว่าขอบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาแล้วนี้จงส่งผลให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีความรู้ไม่จบไม่สิ้นดั่งระลอกคลื่นนี้ด้วยเทอญ (จำผิดก็ขอโทษผู้รู้ด้วยก็อธิฐานประมาณนี้) เมื่ออาจารย์ของสามเณรนี้ได้ยินก็เลยอธิฐานบ้าง ขอให้บุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาแล้วนี้ จงส่งผลให้ข้าพเจ้ามีปัญญาไม่ว่าสามเณรนี้จะถามปัญหาอะไรก็ขอให้ข้าพเจ้าตอบปัญหาได้ทะลุปุโปร่งด้วยเทอญ สามเณรหลังจากตายไปแล้วก็เวียนว่ายตายเกิดจนไปเกิดเป็นชาติสุดท้ายชื่อพระเจ้ามิลินทร์ ส่วนอาจารย์ของสามเณรนั้นก็เวียนว่ายตายเกิดไปเกิดเป็นพระอรหันต์มีนามว่าพระนาคเสน เรื่องนี้มีประวัติที่ยาวและมีเนื้อหาธรรมะต่างๆที่น่าอ่านมากมีพระเจ้ามิลินทร์เป็นผู้ถามพระนาคเสนเป็นผู้ตอบโต้ปัญหากันสนุกมากหาอ่านได้ในหนังสือมิลินทปัญหา ผมเลยตังใจว่าจะพยายามรักษาอุโบสถศีลทุกวันพระเข้าพรรษานี้เพื่อเป็นการปฏิบัติบูชาและอธิฐานบารมีเพื่อบรรลุมรรคผล ผมได้ฟังเทปหลวงพ่อฤาษีลิงดำมีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมฟังแล้วทำให้มีกำลังใจอย่างมาก "การที่เกิดมาได้พบพระพุทธศานาแล้ว ไม่พยายามละกิเลสเพื่อบรรลุเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งแล้วก็เท่ากับว่าเสียทีที่ได้เกิดมา" พอฟังได้ยังงี้ผมก็นึกขึ้นได้ว่าชาตินี้มีโอกาสที่ได้มาบำเพ็ญกุศลได้รู้จักบ้านสายลมและวัดท่าซุงได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อได้ฝึกมโนยิทธิแปลว่าชาติที่แล้วก็ทำบุญกุศลมามากถึงได้มีจิตใจรักในพระพุทธศานาผมเลยคิดว่า จะรออะไรชาติหน้าอีกสู้พยายามซะชาตินี้เลยดีกว่าไม่รู้ว่าชาติหน้ากรรมที่ไม่ดีจะมาบดบังไม่ให้เจอพระธรรมคำสังสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ตอนนี้เราพบพระธรรมคำสั่งสอนแล้วพวกเราทั้งหลายควรปฏิบัติกันเพื่อไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดในยุคกึ่งพระพุทธศานาของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่ากึ่งพุทธกาลจะมีพระอริยเจ้าเกิดขึ้นมากผมคิดว่าถ้าคนในเว็บพลังจิตนี้ก็น่าจะมีพระอริยเจ้ามากเหมือนกัน และทุกคนถ้าสามารถปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสไว้ดีแล้วได้นั้นผมคิดว่ามรรคผลนิพพานของทุกท่านคงไม่เกินเอื้อมแน่นอน สาธุ

 

คิดว่าบาปค่ะ เพราะอย่างน้อยท่านก็มีศีลมากกว่า คนที่มีศีลมากกว่าย่อมเป็นคนที่ดีกว่าคนที่มีศีลน้อย ลองมองดูตัวเองก่อนด่าว่ากล่าวพระ ว่าแค่ถือศีล 5 น่ะทำได้ครบหรือเปล่า...

 

ทางที่ดีที่สุด
"ง้วนดิน" ว่า
อย่าไป "เพ่งโทษ" ผู้อื่นดีที่สุด

 

เอ่ยปากว่าร้ายใคร มันก็เป็นวจีกรรมแล้ว เพราะฉะนั้น กับบุคคลทั่วไปหรือพระที่ปฏิบัติมิชอบก็ไม่สมควรครับ จะบาปหรือไม่บาปเดี๋ยวมีผู้จัดการเอง แต่เรื่องของกรรมมันละเอียดอ่อน เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ

 

ได้ความรู้ดีๆอีกแล้ว...

 

บาปน่ะ ยังงัยก้ได้ชื่อว่าพระ

การถือเอาความชั่วของคนอื่นมาตำหนิติเตียนมันไม่ดี อนาคตไม่รู้ว่าสักวันเราจะเปนอย่างเค้ารึป่าว
การถือความชั่วของคนอื่นก้เสมือนกับเราทำเอง
ถึงแม้มั่นใจว่าจะไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นเรารู้ได้อย่างไรว่าตัวเราไม่เคยทำมา
ก็เหมือนกับว่าตัวเองอยู่เหมือนกัน

เขามีส่วนเลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
ส่วนทีชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนมีดีเพียงฝ่ายเดียว
อย่าไปเที่ยวค้นหาสหายเอ๋ย
เหมือนกับหาหนวดเต่าตายเปล่าเอย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง

 

การที่เราไปว่าคนนี้ชั่วคนโน้นเลว เรานั้นหละตัวดีแปลว่าเรายังเลวอยู่เลวมากถึงได้ล้นออกมาจากปาก ทางที่ดีไม่ต้องไปว่าใครทั้งนั้นเอาเวลาอบรมจิตตัวเองดีที่สุดครับ พระท่านดีทุกองค์ครับ แต่พวกที่เรียกว่านักบวชนี้สิไม่แน่ใจ สมัยนี้บวชกันเป็นประเพณีไม่ได้หวังจะบวชเพื่อนิพพานกัน อย่าว่าท่านเลยดีกว่าว่าท่านได้ก็ไม่ได้ช่วยให้เราขึ้นสวรรค์หรือมีความสุขได้ แต่ก่อนผมหละไม่อยากจะบวชเพราะว่า ฆราวาสมีศีล 5 ช่องประตูนรกก็ 5 ช่องเอง พระนี้ 227 ข้อ โอโหประตูนรกทั้งนั้นสยอง ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้คนไม่อยากบวชกันนะแต่เตือนว่าก่อนจะบวชเราควรจะศึกษาพระธรรมวินัยกันก่อนซัก 3 เดือน ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็อย่าเลยเพราะอานิสงมันแรกจริงๆ ร้อนแรงมาก สาธุ

 

ไม่บาปครับ บุคคลที่บวชเป็นพระแล้วมีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิง ทำผิดศีล ก็ปาราชิกแล้ว คือหมดจากความเป็นพระไปแล้ว การที่ยังนุ่งห่มจีวรหรือเครื่องแบบก็ไม่ได้ทำให้บุคคลผู้นั้นเป็นพระได้หรือคงสถานภาพแห่งความเป็นพระสงฆ์ได้ เสมือนเอาหนังเสือไปห่มให้หมา ก็ไม่ได้ทำให้หมาตัวนั้นเป็นเสือไปได้

การที่ผู้คนไปติเตียนหรือด่าว่าบุคคลผู้นั้นจะบาปเหมือนไปกล่าวว่าพระสงฆ์ได้อย่างไร ผมว่ามันคนละเรื่องครับ ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง เรื่องที่ไม่ผิดอย่าไปคิดให้มันผิดครับ บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่พระสงฆ์และไม่มีทางจะได้เป็นพระสงฆ์อีกในชาตินี้ อย่าไปยกย่องเขาเป็นพระสงฆ์

ส่วนเรื่องที่ไม่ควรไปด่าว่าหรือทำร้ายร่างกายบุคคลผู้นั้น เป็นอีกกรณีหนึ่งครับ ถ้าเราไปโกรธแค้นเขาเหล่านั้น ก็เท่ากับเราไปผูกใจอาฆาต จองเวรกัน ทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง เมื่อบุคคลผู้นั้นได้รับโทษ และตายไปตกนรกอเวจี เรายิ่งสะใจ ตามอาฆาต ก็เสมือนเราโมทนาบาปกับเขาไปด้วย เราก็ได้รับโทษตามเขาไปด้วย

ดังนั้นเราควรมีเมตตาสงสารและให้อภัย บุคคลเหล่านั้นขาดจากความเป็นพระ มรรคผลนิพพานปิดแล้วในชาตินี้ แต่ถ้าเขากลับใจ กลับเนื้อกลับตัวใหม่ เราก็ควรให้กำลังใจเขานะครับ

 

ขอมาตอบ คุณ อำนาจ ที่คุณกล่าวว่า

" ไม่บาปครับ บุคคลที่บวชเป็นพระแล้วมีเพศกับหญิง ทำผิดศีล ก็ปราชิกแล้ว
คือ หมดจากความเป็นพระไปแล้ว "

ตอบ แต่ ทราบไหมครับ ก็ การที่ มนุษย์โลก ยังไม่ทราบ ยังคิดแบบนี้
อยู่ ก็ ทำให้ มนุษย์ ที่ไม่ทราบไม่รู้ ตกนรก มาแล้ว มากมายมหาศาล เรา
อย่าเอา ความคิด ของเรามาตัด สินว่า ปราชิก แล้วสิครับ ในความคิด หลายๆๆ
คน อาจคิดว่า ปราชิกแล้ว แต่ใน ความเป็นจริง เขายัง ขึ้นชื่อว่า เป็น หนึ่ง
ใน พระรัตนไตร อยู่ การที่เขาทำผิด ผมไม่ต้องการให้ ส่งเสริมเขาทำไม่ดี
แต่ให้ ปล่อยวาง และ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ ของ พระผู้ใหญ่จัดการเอง จนกว่า
พระผู้ใหญ่ จะทำการ ปราชิก ก็ ถือเป็นการสิ้นสุด ศิษย์พระ ตถาคต

ถ้าเขา ยังเป็น พระสงฆ์ อยู่ ก็เปรียบเสมือน ยังเป็น ลูกศิษย์ ของ
พระพุทธเจ้า อยู่ เพียงแต่เขา อาจจะกระทำในสิ่งที่ผิดและไม่ดี

บางสิ่งผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เห็นแต่ ภาพ ผู้ที่ไม่รู้นี้และ
อยู่ ใน นรก มากมาย น่าเวทนา ถูกเอา ไฟกรอกปาก แผดเผา
ไปทั้วกาย ร้องโหยหวน ทรมาณ บางทีฟังไม่เป็น ภาษา บางทีก็จับใจ
ความได้ว่า ข้าจะไม่กล่าวหา จะไม่ว่าอีกแล้ว แบบนี้ เฮ้อ น่าเวทนา

ท่านใดที่ อ่านกระทู้ผม ก็ขอให้เชื่อผม ว่า ห้ามว่า พระสงฆ์ นะครับ
ไม่งัน ถ้าไม่เชื่อ เมื่อวันเวลามาถึง คงไม่มีใครช่วยได้ คงต้องไปตามแรงกรรม
แล้วนะครับ โชคดี

 

สุดแล้วแต่คุณ 12 punna และผู้อ่านจะพิจารณาครับ ผมไม่มีอะไรจะถกเถียงหรือขัดแย้งครับ ผมเห็นด้วยว่า "ห้ามว่าพระสงฆ์" แต่ผมยังยืนยันว่า "ถ้าขาดจากความเป็นพระแล้ว ไม่เรียกว่าพระสงฆ์ครับ"

บุคคลใดที่โกนหัว ห่มผ้าเหลืองแล้ว หากแต่ไม่บวชใจให้เป็นพระ ใจของบุคคลผู้นั้นไม่ยอมรักษาศีล รักษาพระวินัย ไม่มีเจตนาที่งดเว้นไม่กระทำความชั่ว 227 ข้อแล้ว ไม่ว่าเขาจะบวชนานเท่าไร ใจเขาก็ไม่เป็นพระ ยิ่งบวชนานบัญชีกรรมชั่วที่ลุงพุฒิก็ยิ่งมากขึ้นเพียงนั้น

ความเป็นพระนั้นเป็นที่ใจ มิใช่กาย หรือเครื่องแบบ หรือเพศ

ผมเพียงอยากจะเตือนสติว่า มารเขาเก่งมาก การที่สามารถรู้เห็นอะไรมากกว่าคนอื่นเขานั้น ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป แม้แต่ผู้ที่ได้ทิพจักษุณาญที่เก่งมากๆ สามารถทำนายอะไรๆ ได้ถูกต้องแม่นยำ ผู้คนนับถือทั่วประเทศในขณะนี้ ท่านยังพลาด ท่านยังสอนคนผิดๆ ในหลายๆ เรื่อง

พระท่านสอนว่า"แต่ละคนมีจิตไม่เสมอกันจึงย่อมรู้ธรรมและเข้าใจในธรรมได้ไม่เสมอกัน จิตของคนเจริญแค่ไหน ย่อมรู้ธรรมได้แค่ระดับนั้น จะเห็นธรรมที่สูงกว่าระดับจิตของตนเองย่อมไม่ได้"

 

กฏแห่งกรรม

 

พอดี เราชอบเล่นขี้ตั้งแต่เด็กๆ ( เหมือนอาราเล่ )

ได้ธรรมะจากขี้ ว่า ขี้มันเหม็น ถ้าเราไม่ไปแตะมัน มันก็แห้งเป็นปุ๋ยไปเอง ตามธรรมชาติ

ถ้ากลัวคนอื่นๆเหม็นก็หาไม้มาเขี่ย หรือฝังดินเสีย เราก็ไม่เหม็นตาม

ถ้ายังมัวจิ้มขี้ แล้วนั่งบ่นกับมัน ใครๆก็คิดว่าเราเป็นขี้ไปด้วยอะ....งงมะ
ตะเอง

ขอตัวก่อนอะ ปวดขี้อีกแย๊ววววววว

 

ศาสนาจะอยู่ได้ไม่ใช่แค่พระสงฆ์เพียงอย่างเดียว อุบาสก อุบาสิกา ก็เป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งของการดำรงอยู่ การที่พระสงฆ์ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เป็นหน้าที่ของชาวบ้านอย่างเราๆ ที่ต้องช่วยกันดูแล ใครทำดีก็ส่งเสริม ใครทำไม่ได้ก็ต้องลงโทษเพื่อไม่ให้ไปทำความไม่ได้แก่ส่วนใหญ่ของสังคมสงฆ์ ผมว่าน่าจะได้บุญมากกว่าบาป
ถ้าพวกเราช่วยกันดูแลพระสงฆ์ ข่าวที่ไม่ดีของคนที่อาศัยผ้าเหลืองหากิน ก็จะน้อยลง

 

ขอถามสั้นๆ เวลาท่านทั้งหลาย ด่าว่าคนอื่น(ไม่จำเป็นต้องเป็นพระภิกษุ) คิดว่า จิตของตัวเองตอนนั้นเป็น กุศล หรือ อกุศล ครับ ถ้าเป็นกุศล ก็เป็นบุญ ถ้าเป็นอกุศลก็เป็นบาป

แต่ถ้าความคิดผม ผมว่าเป็นบาปครับ เพราะแค่คิดด่า อกุศลก็เกิดขึ้นในจิตแล้ว (ปัจจุบันผมก็ยังด่าคนอื่นอยู่นะ ถึงจะรู้แต่ยังอดไม่ได้ หุๆ)