มุกนี้เด็ด

ทำจิตใจและร่างกาย ธาตุขันธ์ปัจุบันให้มีบุญก่อน แล้วสิ่งภายนอกท่านถึงจะช่วยได้ครับ

----------------------------


บุญ นั้นจะเบา สบาย ไม่เครียด ไม่ตึง

บทสวดจักรพรรดินั้น มีพลังงานหรือออฟชั่นครบ ทั้งอิทธิฤทธิ บุญฤทธิ์ โชคลาภ

แค่สวดด้วยใจ เบา สบาย

มันปวด มันฟุ้ง ก็ต้องยิ่งสวด


เหมือนกวาดบ้าน พอเราเริ่มกวาดฝุ่นมันก็คลุ้งขึ้นมา ถ้าเราหยุดกวาดมันก็ตกตะกอนมาที่พื้นเหมือนเดิม

สวดไป จนเบา

เบาจากอารมณ์ตัวเอง มันจะไม่ค่อยรับอารมณ์กระทบข้างนอก

จิตมันรู้ ว่าอะไรกระทบ แต่จะไม่สนใจมาก วางเร็ว

แม้แต่กรรมเก่าก็จะวางเร็ว


ทำได้แบบนี้ กำลังของบทสวดจะดึงแต่สิ่งดีๆเข้ามา


ที่เหลือ ขึ้นกับผู้สวดแล้ว


ว่า จะรวมเป็นเนื้อเดียวกับบทสวดได้ แค่ไหน

 

ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ สวดมนต์แบบในใจ กับ สวดมนต์แบบออกเสียง อานิสงส์เท่ากันไหมคะ.?"

หลวงพ่อ : "ไม่เท่าหรอก เพราะมันเหนื่อยไม่เท่ากัน… อานิสงส์ ถ้าแปลตามความหมายแปลว่า ผลที่พึงจะได้รับ ลีลาการสวดมนต์ในใจก็ไม่แน่ สุดแท้แต่คน บางคนนึกในใจ จิตเข...าฟุ้งซ่านใช่ไหม..บางคนออกเสียงเหนื่อยเกินไป ในใจดีกว่า

ก็รวมความว่า สุดแล้วแต่ทำอย่างไหนจิตจะมีสมาธิดีกว่ากัน บางคนนึกในใจไม่ได้หรอก จิตฟุ้งซ่าน ต้องว่าออกเสียงดังๆ

ถ้าอย่างหลวงพ่อออกเสียงดังไม่ดี นึกในใจดีกว่า ก็สุดแล้วแต่คน นี่ผลก็ต้องอยู่ที่ว่าคนใดจิตมีสมาธิดีกว่า และสวดมนต์ได้ดีกว่ากัน ต้องถือตามนั้นนะ

การสวดมนต์มีอานิสงส์ใหญ่ สวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ อานิสงส์ใหญ่จริงๆ อยู่ที่เจตนา จิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง

และเวลาสวดมนต์ด้วยความเคารพจริง ถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าสวดมนต์ว่าเรื่อยเปื่อยไปไม่ได้ตั้งใจ ว่าส่งเดช อย่างนี้ว่ามากก็มีอานิสงส์น้อย


ทีนี้ถ้าจะถามว่าสวดมนต์กับภาวนา อย่างไหนจะมีอานิสงส์มากกว่า ถ้าสวดมนต์ก็อยู่แค่อุปจารสมาธิ ถ้าภาวนาสั้นๆจิตเป็นฌานได้ต่างกัน ทีนี้ถ้าคนภาวนาส่งเดชก็ไม่เป็นเรื่องเหมือนกัน แต่ภาวนาส่งเดชก็ดีกว่าไม่ภาวนาเลย ใช่ไหม.."


※ จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมเล่ม ๔
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

 

ใกล้เกลือตีนด่างเพราะมันเหยียบเลย
ข้าโดนมาโชกแล้ว แต่ข้าไม่สนใจ

ดีชั่วอยู่ที่ตัวเราไม่ได้อยู่ที่คนอื่น

เรื่องของบุญใครทำใครได้ ทำให้กันไม่ได้

เหมือนกับใครหิวข้าวก็ต้องกินเอง ใครกินใครอิ่ม

บางคนต้องจ้างให้มาวัด แต่ก็มาไม่ถึงวัดเพราะแวะกินเหล้าข้างทาง

บางทีให้ปฏิบัติแต่จะหวังรางวัลที่หนึ่งหรือถูกหวย นั่นเละแล้ว ไม่ได้เรื่องแล้ว"

คติธรรมคำสอนโดย... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

Graphics by... ชยปุญฺโญ ภิกขุ (อธินันท์ อ่ำบุญ)

 

"อารมณ์ดี" และ การสวดมนต์


1. เราต้องเข้าใจเรื่องพลังงาน ให้เข้าใจจิต เราต้องน้อมพลังงานเข้าตัว ต้องทรงอารมณ์สบายให้ได้ ถ้ายังโกรธ หงุดหงิด ยังเกลียดอยู่ ก็ต้องเริ่มใหม่
2. ถ้าอารมณ์ดี บุญจะบันทึกเข้าไปในจิตทุกลมหายใจเข้าออก
3. อารมณ์ดี อยู่ในสถานที่ดี แสงสว่างก็จะเข้าไปในจิต ทำยังไงก็ได้ให้อารมณ์ดีทั้งวัน เมื่อเกิดกระแสที่ไม่ดีต้องรู้ตัวและหนีให้ทัน
4. ทำตัวให้สบาย ทำอารมณ์ให้ดี ถ้าอารมณ์ไม่ดี บุญไม่รับนะ ถ้าอารมณ์ไม่ดีบุญไม่เกิด อารมณ์ดีก็อัดบุญได้ตลอด
5. อารมณ์ดีก็บุญ อารมณ์ไม่ดีก็บาป เราต้องทรงอารมณ์ให้ดี อารมณ์ไม่ดีระวังกรรมจะตามมานะ
6. ความคิด กระแส ตัวอารมณ์ ทำตัวให้สบายทุกวัน ทำอารมณ์ให้ดีไว้ อย่าให้อารมณ์ในอดีตมาทำให้เราเศร้าไป
7. อารมณ์ไม่ดีก็ให้คุยกับหลวงปู่ เราไม่มีกำลัง เราก็บอกหลวงปู่ อารมณ์เราก็จะดีขึ้น ทำยังไงก็ได้ให้หยุดอารมณ์ตรงนั้นให้ได้
8. คนจะมีสมาธิต้องมีอารมณ์สบายก่อน ทำอารมณ์สบาย สวดจักรพรรดิในใจ ถ้าอารมณ์ไม่สบาย ต่อให้สวดทั้งวัน จิตก็ไม่บันทึก
9. เช็คอารมณ์ตัวเองบ่อย ๆ คิดดีหรือไม่ดี ให้ตรวจทุกวัน พิจารณาทุกวัน พยายามรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง
10. เน้นตอนที่สวด อารมณ์เป็นไง ถ้าอารมณ์สบาย ๆ การบันทึกกระแสของพลังงานมันก็เพิ่มขึ้น ถ้าอารมณ์ไม่ดี กระแสที่อัดมันก็ไม่เต็มที่


รวบรวมจากหนังสือคติธรรมคำสอนพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)