การขุดค้นหาหลักฐาน "สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช" ณ โคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น

จากนิมิตฝันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
จาการค้นคว้ามานาน 13 ปี
จะได้ข้อยุติ ในวันที่ 22 ก.พ. 59

จาก ความฝันเมื่อ 20 ปี ที่แล้วที่ฝันว่า....ตัวเองยืนอยู่ตีนเขา รู้สึกเย็นสดชื่น ที่นั่นมีแอ่งน้ำใส ใสจนมองเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ เมื่อมองขึ้นไปเห็นธารน้ำที่ไหลมายังแอ่งน้ำนั้น
จึงเดินสวนกระแสน้ำนั้นที่ไหลลงมาจากบนเขา เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จึงได้ไปหยุดยืนอยู่บนยอดเขา ซึ่งเป็นที่ราบเรียบ เบื้องหน้ามีพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่มหึมา
ต้องแหงนมองคอตั้งบ่า จึงเห็นพระพักตร์อมยิ้มด้วยพระเมตตา กรุณายิ่งในการสนทนาทางจิต เพราะเราก็ไม่ได้เอ่ยปาก พระพุทธรูปนั้นก็ไม่ได้เผยพระโอษฐ์ แต่รู้กันทางจิตว่า พระท่านถามว่า "เธอจะรับหน้าที่ที่จะมอบหมายได้หรือไม่?"
ซึ่งเราก็ตอบว่า "ได้ครับ" เท่านั้นเอง ก็มีระฆังทอง ล่องลอยออกมาจากองค์พระ
แล้วเราก็กระโดดโอบกอดระฆังนั้น แล้วก็ประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับระฆังทองใบนั้น..แล้วก็ทำให้ตัวเอง มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติขึ้นมาทันที

และจากการค้นคว้า หาข้อมูล ทั้งภาคเอกสาร และภาคสนาม มานานกว่า 13 ปี

บัดนี้ จะได้ข้อยุติ ในวันที่ 22 ก.พ. 59 นี้

ดังได้แถลงไว้ก่อนนี้ว่า ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ จะต้องทำการขุดค้นหาหลักฐานสำคัญ "สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช" ในพื้นที่รอบๆ โนนโพธิ์ใหญ่ ที่โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น.. ที่จะมายืนยัน ความเป็นสถานที่ "ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ตามที่ตั้งข้อสมมติฐานไว้
ซึ่ง จะเป็นการพิสูจน์ เหตุปัจจัย..ของการค้นคว้า เพื่อ "เปิดตำนานพระพุทธศาสนาในถิ่นไทย"...อีกด้วย ว่า ... ที่จิตภายในของตัวเองไปหมายมั่นว่า....ตัวเองเคยเกิดเป็นพระเจ้าอโศก ที่ได้อุปถัมภ์การสังคายนา พระไตรปิฎก ครั้งที่ 3 (ไม่ใช่คนที่สร้างเสาหิน ที่อินเดียนะ เพราะคนๆ นั้น เกิดหลังการสังคายนาครับ) มาก่อน...จะเป็นความจริง หรือเป็นแค่ "อุปาทาน คือ การนึกเอาเองแล้วยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ" โดยไม่มีความจริง แต่อย่างใด
ซึ่ง ถ้าเป็นดั่งใจคิด คือ "สามารถค้นพบหลักฐานในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ยืนยันความเป็นสถานที่ตรัสรู้ในแผ่นดินไทย" ก็จะนำไปสู่การชำระสะสาง "ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาครั้งใหญ่และเคลียร์ปัญหาทางศาสนจักร ที่กำลังเป็นปัญหา อยู่ในปัจจุบัน" นี้ด้วย
หากไม่พบหลักฐานอะไร ก็คงต้องหยุดภารกิจนี้ไว้ก่อน เพื่อทุ่มเทเวลา และกำลังสติปัญญา ให้กับงานประจำ ที่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปีครึ่ง นับจากนี้
เพราะฉะนั้น จึงขอถือโอกาสนี้ ชวนเชิญท่านที่อยากจะร่วมพิสูจน์ข้อสมมติฐานของผม และร่วมกันไปเป็นสักขีพยาน ที่บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่โนนโพธิ์ใหญ่ ตำบลบ้านโคก อำเภอโคกโพธิ์ชัย จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 9 โมงเช้า โดยประมาณ นะครับ
และ.."ท่านที่จะไปร่วมเป็นสักขีพยาน ร่วมสังเกตการณ์ ในการขุดค้นหลักฐาน พลิกประวัติศาสตร์โลก คืนความจริงให้่กับแผ่นดินครั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.พ. ในวันนั้นให้ใส่ชุดขาวนะครับจึงจะเข้าร่วมพิธีได้ครับ"

เพราะฉะนั้น มาติดตาม ดูกันครับ ว่า วันที่ 22 ก.พ. นี้ ฝันของผมจะเป็นจริงหรือ เป็นเพียงอุปาทาน ที่หาสาระแก่นสารอันใดไม่ได้?

 

วันนี้ (20 ก.พ.) ได้มีโอกาสประทานกราบเรียนเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่จะไปขุดค้นหาหลักฐานสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่โคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น ซึ่ง คาดหมายว่าจะเป็น "สถานที่ตรัสรู้ในแผ่นดินสุวรรณภูมิ"

และเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่าน ได้ตรัสว่า..ให้สำเร็จดังความตั้งใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ให้เป็นไปตามหลักฐาน หากพบหลักฐาน ก็ให้ว่าไปตามหลักฐาน หากไม่พบหลักฐาน ก็อย่าเพิ่งพูดอะไรไป...

 

ไม่น่าจะเป็นไปได้ค่ะ

เพราะสถานที่ที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้สถานที่นั้นต้องเป็นสะดือของโลก
เท่าที่ทราบมา สถานที่ตรัสรู้ ที่พุทธคยา เป็นสะดือของโลก นะคะ

 

ก่อนจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ควรอ้างอิงพระผู้ใหญ่ จุดประสงค์อะไร?..

 

ค่อยๆ ดูกันต่อไปครับ..ต่างคนต่างมีภารกิจ..
ผมก็มีภารกิจตามสัญญาเดิม...และวันที่ 22 ก.พ. นี้ จะเป็นการพิสูจน์ อดีตชาติ "สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช" นะ ด้วยการขุดเปิดหาหลักฐาน ณ สถานที่ตรัสรู้ ในแผ่นดินไทยครับ
22 ก.พ. นี้ พิสูจน์ที่ โคกโพธิ์ชัยก่อน ถ้า fail อดีตชาติสมัยอโศกมหาราช ก็ fail อดีตชาติสมัยพุทธกาลที่เกิดเป็น "สุภมานพ" เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ลูกศิษย์พระอานนท์ ก็ fail

สมมติฐานต่างๆ ก็ fail ครับ
งานค้นคว้าที่ทำมา 13 ปี เป็นอันพับ ม้วนเสื่อครับ
...

 

พิสูจน์เพื่อ...อะไรค่ะ แล้วอะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการพิสูจน์ ความฝันหรือเปล่าค่ะ

แล้วหลักฐานที่สำคัญ...ที่คิดว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ อะไรเป็นตัวบ่งบอกค่ะ

เห็นว่ามีความพยายามมาตั้ง 13 ปี แสดงว่าต้องมีแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง
นะคะที่ทำให้มุ่งมั่นได้เพียงนี้ ทั้งที่หลักฐานสำคัญทุกอย่างก็ประจักษ์แจ้งที่ประเทศชมพูทวีปนะคะ

 

เชิญรับยาช่องสาม

 

เคยมี ศ.ดร.ของไทยท่านหนึ่งเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย คนเหนือหรือคนอีสาน แล้วได้รับทุนวิจัยด้วย ข้าพเจ้าเคยไปฟังเมื่อ สิบกว่าปีมาแล้ว ท่านเชี่ยวชาญในค่าสถิติ แต่เรื่องนี้ข้าพเจ้าก็จะรอผลของเจ้าของกระทู้ก่อน

 

ใครๆ อาจเมินเฉย หรือมองข้าม เมื่อได้ยินได้ฟังข้อมูลหรือเรื่องราวที่ผิดเพี้ยน ในยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

แต่สำหรับผม...ทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ใครจะว่าผมยึดติด ไม่ปล่อยวางก็ช่าง..เพราะผมยังคงยึดมั่นถือมั่น ในสัญญาเดิม เมื่อครั้งที่เคยเกิดเป็น "พระเจ้าอโศกมหาราช" ...
แล้วพรุ่งนี้ เราจะมาพิสูจน์กันที่ โนนโพธิ์ใหญ่ โคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น
....
ในพระคัมภีร์ถูปวงศ์..ว่าด้วยบรรจุพระบรมธาตุ ใจความตอนหนึ่งมีว่า..
ลำดับนั้น พระมหากัสสปเถระจึงอธิษฐานว่า ดอกไม้ทั้งหลายจงอย่ารู้เหี่ยว กลิ่นหอมทั้งหลายจงอย่าหาย ประทีปทั้งหลายจงอย่ารู้ดับ แล้วให้จารึกอักษรลงที่แผ่นทองคำไว้ว่า
ในข้างหน้าโน้น เมื่อใด ปิยทาสกุมารได้เสวยราชย์ เป็นพระเจ้าอโศกธรรมราชา เมื่อนั้น พระองค์จักทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลาย พระเจ้าอชาตศัตรูทรงบูชาด้วยเครื่องประดับสำหรับกษัตริย์ทั้งปวง แล้วปิดประตูเริ่มแต่ชั้นแรกออกไปเป็นลำดับ พอปิดประตูทองแดงแล้วก็ใส่กุญแจที่เชือกสายยู แล้ววางแก้วมณีดวงใหญ่ไว้ที่นั้น ทั้งโปรดให้จารึกอักษรไว้ว่า ในข้างหน้าจงให้พระราชาผู้เข็ญใจเอาแก้วมณีดวงนี้แล้วสักการบูชาพระบรมธาตุเถิด

ในพระคัมภีร์ถูปวงศ์..ว่าด้วยพระสถูป ๘๔,๐๐๐ องค์ ใจความตอนหนึ่งมีว่า..
...ครั้งนั้น พระราชาทรงถือตรากุญแจ ที่ติดอยู่ที่เชือกผูกทอดพระเนตรเห็นแท่งแก้วมณีและเห็นอักษรจารึกว่า
ในอนาคตกาล เจ้าแผ่นดินที่ยากจนถือเอาแก้วมณีแท่งนี้แล้ว จงทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลาย ทรงกริ้วว่า ไม่ควรพูดหมิ่นพระราชาเช่นเราว่า เจ้าแผ่นดินยากจน ดังนี้แล้วทรงเคาะซ้ำ ๆ กันให้เปิดประตู เสด็จเข้าไปภายในเรือนประทีปที่ตามไว้เมื่อ ๒๑๘ ปี ก็โพลงอยู่อย่างนั้นนั่นเอง ดอกบัวขาบก็เหมือนนำมาวางไว้ขณะนั้นเอง เครื่องลาดดอกไม้ก็เหมือนลาดไว้ขณะนั้นเอง เครื่องหอมก็เหมือนเขาบดวางไว้เมื่อครู่นี้เอง. พระราชาทรงถือแผ่นทอง ทรงอ่านว่า ต่อไปในอนาคตกาล ครั้งกุมารพระนามว่า อโศก จักเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระธรรมราชาพระนามว่า อโศก ท้าวเธอจักทรงกระทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลาย ดังนี้ แล้วตรัสว่า ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้า มหากัสสปเถระเห็นตัวเราแล้วทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบกับพระหัตถ์ขวา...

พ.ศ. 218 พระเจ้าอโศกที่อินเดีย ยังเป็นวุ้นอยู่เลยครับ..พิจารณาเอาเถิด..ดังนั้น จารึกพระเจ้าอโศก เสาศิลาพระเจ้าอโศก จึงเป็นเพียง "ของจำลอง" ทั้งสิ้น

...

บรรพบุรุษของไทยเราแต่โบราณกาล รู้ วันประสูติของ พระเจ้าอโศกมหาราช และตรงศักราชในอรรถกถา แต่ ไม่ตรงกับ "ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งเขียน"
...
แปลกมั๊ยครับ ที่ ในบันทึกสมัยโบราณของคนไทย รู้วัน เดือน ปีเกิด ของพระเจ้าอโศกมหาราช และขึ้นครองราชย์ตรงตามที่ พระมหากัสสปะ ซึ่งเป็นพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าข้อความที่ปรากฏอยู่ในตำนานทางเหนือ แปลออกมาเป็นไทยแล้วในพระอรรถกถา ตอนหนึ่ง บันทึกไว้ว่า.. แม้พระมหากัสสปเถรก็เล็งเห็นพระเจ้าอโศกล่วงหน้าถึง ๒๑๘ ปี

ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปะ อธิษฐานว่า พวงมาลัยอย่าเหี่ยว กลิ่นหอมอย่าหาย ประทีปอย่าไหม้ แล้วให้จารึกอักษรไว้ ที่แผ่นทองว่า แม้ในอนาคตกาลครั้งพระกุมารพระนามว่า อโศก จักเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช ท้าวเธอจักทรงกระทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลายไป ดังนี้.

พระราชา (พระเจ้าอชาตศัตรู) ทรงเอาเครื่องประดับทั้งหมดบูชา ทรงปิดประตูแล้วเสด็จออกไปตั้งแต่แรก.

ท้าวเธอ (พระเจ้าอชาตศัตรู) ครั้นปิดประตูทองแดงแล้ว ทรงคล้องตรากุญแจไว้ที่เชือกผูก ทรงวางแท่งแก้วมณีแท่งใหญ่ไว้ที่ตรงนั้นนั่นเอง โปรดให้จารึกอักษรไว้ว่า ในอนาคตกาล เจ้าแผ่นดินที่ยากจน จงถือเอาแก้วมณีแท่งนี้ กระทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลายเทอญ.

เมื่อการเก็บพระบรมธาตุเสร็จเรียบร้อยอย่างนี้แล้ว แม้พระเถระ (พระมหากัสสปะ) ดำรงอยู่จนตลอดอายุก็ปรินิพพาน แม้พระราชา (พระเจ้าอชาตศัตรู) ก็เสด็จไปตามยถากรรม พวกมนุษย์แม้เหล่านั้น ก็ตายกันไป.

ต่อมาภายหลัง เมื่อครั้งอโศกกุมารเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระธรรมราชาพระนามว่าอโศก ทรงรับพระบรมธาตุเหล่านั้นไว้แล้ว ได้ทรงกระทำให้แพร่หลาย.

พระราชาให้รื้อพระเจดีย์ในกรุงราชคฤห์ ก็ไม่พบ ทรงให้ทำพระเจดีย์คืนดี อย่างเดิมแล้ว ทรงพาบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไปยัง กรุงเวสาลี แม้ในที่นั้น ก็ไม่ได้ ก็ไปยังกรุงกบิลพัศดุ์ แม้ในที่นั้น ก็ไม่ได้ แล้วไปยังรามคาม เหล่านาคในรามคาม ก็ไม่ยอมให้รื้อพระเจดีย์.

จอบที่ตกต้องพระเจดีย์ ก็หักเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย. ด้วยอาการอย่างนี้ แม้ในที่นั้น ก็ไม่ได้ ก็ไปยังเมืองอัลลกัปปะเวฏฐทีปะ ปาวา กุสินารา ในที่ทุกแห่งดั่งกล่าว มานี้ รื้อพระเจดีย์แล้วก็ไม่ได้พระบรมธาตุเลย ครั้นทำเจดีย์เหล่านั้นให้คืนดี ดั่งเดิมแล้ว ก็กลับไปยังกรุงราชคฤห์อีก ทรงประชุมบริษัท ๔ แล้วตรัสถามว่า ใครเคยได้ยินว่า ที่เก็บพระบรมธาตุ ในที่ชื่อโน้น มีบ้างไหม.

ในที่ประชุมนั้นพระเถระรูปหนึ่ง อายุ ๑๒๐ ปี กล่าวว่า อาตมาภาพก็ไม่รู้ว่า ที่เก็บพระบรมธาตุ อยู่ที่โน้น แต่พระมหาเถระบิดาอาตมภาพ ให้อาตมภาพครั้งอายุ ๗ ขวบ ถือหีบมาลัย กล่าวว่า มานี่ สามเณร ระหว่างกอไม้ตรงโน้น มีสถูปหินอยู่ เราไปกันที่นั้นเถิด แล้วไปบูชา ท่านพูดว่า สามเณร ควรพิจารณาที่ตรงนี้.

ถวายพระพร อาตมภาพรู้เท่านี้ พระราชาตรัสว่า ที่นั่นแหละ แล้วสั่งให้ตัด กอไม้ แล้วนำสถูปหินและฝุ่นออก ก็ทรงเห็นพื้นโบกปูนอยู่ แต่นั้นทรงทำลาย ปูนโบกและแผ่นอิฐแล้วเสด็จสู่บริเวณตามลำดับ ทอดพระเนตรเห็นทรายรัตนะ ๗ ประการ และรูปไม้ (หุ่นยนต์) ถือดาบ เดินวนเวียนอยู่ ท้าวเธอรับสั่งให้ เหล่าคนผู้ถือผีมา แม้ให้ทำการเซ่นสรวงแล้ว ก็ไม่เห็นที่สุดโต่งสุดยอดเลย จึงทรงนมัสการเทวดาทั้งหลายแล้วตรัสว่า ข้าพเจ้ารับพระบรมธาตุเหล่านี้แล้ว บรรจุไว้ในวิหาร ๘๔,๐๐๐ วิหาร จะทำสักการะ ขอเทวดาอย่าทำอันตรายแก่ ข้าพเจ้าเลย.

ครั้งนั้น พระราชาทรงถือตรากุญแจ ที่ติดอยู่ที่เชือกผูก ทอดพระเนตรเห็นแท่งแก้วมณีและเห็นอักษรจารึกว่า ในอนาคตกาล เจ้าแผ่นดินที่ยากจนถือเอาแก้วมณีแท่งนี้แล้ว จงทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลาย ทรงกริ้วว่า ไม่ควรพูดหมิ่นพระราชาเช่นเราว่า เจ้าแผ่นดินยากจน ดังนี้แล้ว ทรงเคาะซ้ำ ๆ กันให้เปิดประตู เสด็จเข้าไปภายในเรือนประทีปที่ตามไว้ เมื่อ ๒๑๘ ปี ก็โพลงอยู่อย่างนั้นนั่นเอง ดอกบัวขาบก็เหมือนนำมาวางไว้ขณะนั้นเอง เครื่องลาดดอกไม้ก็เหมือนลาดไว้ขณะนั้นเอง เครื่องหอมก็เหมือนเขาบด วางไว้เมื่อครู่นี้เอง.

พระราชาทรงถือแผ่นทอง ทรงอ่านว่า ต่อไปในอนาคตกาล ครั้งกุมารพระนามว่า อโศก จักเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระธรรมราชาพระนามว่า อโศก ท้าวเธอจักทรงกระทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลาย ดังนี้ แล้วตรัสว่า ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้า มหากัสสปเถระเห็นตัวเราแล้ว ทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบกับพระหัตถ์ขวา.

ท้าวเธอเว้นเพียงพระบรมธาตุที่ปกปิดไว้ในที่นั้น ทรงทำพระบรมธาตุที่เหลือทั้งหมดมาแล้ว "ปิดเรือนพระบรมธาตุไว้เหมือนอย่างเดิม ทรงทำที่ทุกแห่งเป็นปกติอย่างเก่าแล้ว โปรดให้ประดิษฐานปาสาณเจดีย์ไว้ข้างบน" บรรจุพระบรมธาตุไว้ในวิหาร ๘๔,๐๐๐ วิหาร

พระพุทธเจ้า ก็เล็งเห็น พระโมคคัลลีบุตรติสสะ ที่เป็นประธานการสังคายนาครั้งที่ ๓ ในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช ล่วงหน้า ดังในพระอรรถกถา บันทึกไว้ว่า..

พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นพระโมคคัลลีบุตรล่วงหน้า หลังพุทธปรินิพพาน ๒๑๘ ปีพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า เมื่อเราปรินิพพานล่วงไป ๒๑๘ ปี พระเถระชื่อว่าโมคคัลลีปุตตติสสะ จะนั่งในท่ามกลางภิกษุหนึ่งพันประมวล พระสูตรมาพันหนึ่ง คือ พระสูตร ๕๐๐ สูตร ในฝ่ายสกวาที พระสูตร ๕๐๐ สูตรในฝ่ายปรวาที แล้วจักจำแนกกถาวัตถุปกรณ์ประมาณเท่ากับทีฆนิกาย แม้พระโมคคัลลีปุตตติสสเถระ เมื่อจะแสดงปกรณ์นี้ มิได้แสดงด้วยญาณของตน แต่แสดงตามมาติกาที่ตั้งไว้โดยนัยที่พระศาสดาประทาน ดังนั้น ปกรณ์นี้ ทั้งสิ้น จึงชื่อว่าพุทธภาษิตเหมือนกัน เพราะพระเถระแสดงตามมาติกาที่ตั้งไว้ โดยนัยที่พระศาสดาประทาน เหมือนมธุปิณฑิกสูตรเป็นต้น.

แต่ ตามที่นักประวัติศาสตร์ชาวตะวันตก ศึกษาประวัติพระเจ้าเทวานัมปิยทัสสี ที่เขาเชื่อว่า คือ "พระเจ้าอโศก" นั้น กลับประสูติ หลัง พ.ศ. ๒๑๘ ซึ่งเป็นที่ขึ้นครองราชย์ ตามที่บันทึกไว้ในพระอรรถกถา คือ ประสูติ 302 BC หรือ พ.ศ. 240 ครองราชย์ 273 BC หรือ พ.ศ. 270 ตามประวัติย่อ จาก Wikipedia
.....

ที่อินเดีย มีการขุดค้นพบหลักฐาน สถานที่ที่ "พระเจ้าอชาตศัตรูประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ" หรือไม่?
และ ที่อินเดีย มีการค้นพบ "จารึกแผ่นทองคำที่พระมหากัสสปะให้จารึกไว้" ใน สถานที่ที่ "พระเจ้าอชาตศัตรูประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ" หรือไม่?
และที่อินเดีย ได้ ค้นพบ "สิ่งมีค่า" ต่างๆ ที่พระเจ้าอชาตศัตรู ให้สร้างไว้เพื่อบูชาพระบรมธาตุ หรือไม่?

แล้วพวกเรา คิดว่า "พระเจ้าอโศกประสูติก่อนการสังคายนาพระไตรปิฎก หรือหลังการสังคายนา" และ "พระเจ้าอโศกที่อินเดียที่เกิดหลัง พ.ศ. 218" จะใช่องค์ที่เป็นผู้อุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 3 ได้อย่างไร?

 

เอาที่ใกล้ตัว ในวงพระป่าสายหลวงปู่มั่น เป็นที่รู้กันว่าท่านพ่อลีที่เข้านิพพานแล้วนั้น คืออดีตพระเจ้าอโศกมหาราช ..ผมเคยอ่านเจอว่าภายหลังพระเจ้าแผ่นดินแคว้นมคธได้ย้ายนครหลวงจากราชคฤห์มาตั้งเมืองใหม่ชื่อปาฏลีบุตร(ไม่รับรองที่มา) ..และที่ว่าพระพุทธองค์ทรงดำริว่าจะยังงั้นยังงี้ ไม่มีปรากฎในพระไตรปิฎก นะครับ

 

ไอ้คำว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย บทความในเวปนี่กะมี เรื่องเล่าของพระอาจารย์มั่นประมาณนี้ หลวงพ่อฤาษีด้วยมั้ง ขออภัยถ้าจำผิด แต่ถ้าอ่านจับความดีๆ ท่านว่าเป็นคนไทยจริง แต่เป็นคนเชื้อชาติไทย แต่สมัยก่อนนู้น แผ่นดินอยู่ที่อินตะระเดียนู้น ภายหลังมีการอพยพย้ายหลักปักฐานมาทางนี้ ใครอ่านแล้วเข้าใจไม่เหมือนผม เอาบทความมาเผยแพร่ที ขี้เกียจค้น

 

เรื่องพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย อยู่ในหนังสือ รำลึกวันวาน ของหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ

 

มารอข้อมูลต่อครับ

 

การดำเนินการขุดค้นต้องยุติลงสำหรับวันนี้ครับ

คงต้องยอมแพ้ก่อน...เพราะข้อจำกัดของเครื่องจักรครับ...ทึ่ขุดลึกได้เพียง 3 เมตร..เนื่องจากชั้นดิน เมื่อ 2000-2500 ปี อยู่ลึก 4-6 เมตร..

อย่างที่ธารปราสาท ต้อง 5.5 เมตร ลึกกว่านี้ ต้อง PC300
...

หลุมขุดค้นที่ 1
มีโครงกระดูกฝังอยู่ในชั้นดินแต่ละสมัย แต่ละยุคมีลักษณะการฝังที่ต่างกันไป ยุค 3,000 ปี อยู่ในชั้นดินระดับล่างสุดลึก 5.5 เมตร โครงกระดูกจะหันหัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ยุค 2,500 ปี หันหัวไปทางทิศตะวันออก ยุค 2,000 ปีหันหัวไปทางทิศใต้
...

การขุดค้นครั้งต่อไป คงต้องรอวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา..ถัดไปคงวิสาขบูชา หรือจะอย่างไรคงจะต้องพิจารณาอีกครั้งนะครับ

 

อยากให้พิจารณาตามนี้..
พระเจ้าอโศก ในอรรถกถาและที่พระมหากัสสปเล็งเห็นจะไม่ไปอินเดีย
เพราะ พระเจ้าเทวานัมปิยทัสสีที่อินเดีย ไม่ใช่พระเจ้าอโศกที่อุปถัมภ์การสังคายนา

พระเจ้าอโศกตัวจริงมีชีวิตโลดแล่นอยู่ใน. พม่า ไทย ลาว

อ่าน
#ประวัติพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่
#ประวัติพระธาตุดอยปูทับ เมืองลองและแหลมรี่
#ประวัติเจดีย์ยุคอโศกในพม่าและลาว
#คำให้การกรุงเก่า
เป็นต้นครับ

 

ที่ไทยไม่ไทยไม่รู้แต่ ที่เชียงใหม่มีรอยพระพุทธบาท อยู่4พระพุทธเจ้ารอพระศรีอารียเมตไตร มาเหยียบปิด ให้หินแตกเท่ากับหมดกัปของ ยุค 5 พระองค์ นะครับจริงๆไม่สังเกตุกันมั้งเหรอ ว่าทำไมไทยถึงเจริญในด้านพระพุทธศาสนามากกว่าอินเดียหรือบางทีอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลก็ได้เพราะมันสมัยนานมามากแล้ว อาจจะเป็นอินเดียจริงแต่ประทับอยู่ในไทยมากกว่าอินเดีย

เอาตามในจิตผมตอบเลยนะ เดิมพื้นเพต้นกำเนิดจากอินเดีย แต่ย้ายแถวประเทศไทยครับเพราะ อินเดียกับไทยไม่ได้ห่างกันมาก

 

คำถามนี่จะช่วยลดระยะเวลาในการหาคำตอบ

1) ความฝัน กับ ความจริง ต่างกันที่ตรงไหน?
2) คนบ้า กับ คนปกติ ต่างกันที่ตรงไหน?

แต่เชื่อมั้ย ผมถามคำถามดีๆ มาให้คิด แต่บางคนพอตอบแล้ว
ก็ยังชอบนักชอบหนาที่จะเชื่อคำตอบตัวเองโดยไม่ฟังใคร

แสดงว่า คนแบบนี้เลือกจะเชื่อตัวเอง มากกว่า หาความจริง
ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปช่วยเขา

สรุปคนที่ไม่ต้องการความจริง และอยากอยู่ในโลกของตัวเอง เรียกว่า ?

 

ผมเป็นคนศรัทธาพระพุทธศาสนา ขอปฏิเสฐทุกความคิดและทุกสมมุติฐาน เจ้าของกระทู้
ทุกกรณี ชมภูทวิปอยู่อินเดีย เนปาล ปากี เขตติดต่อสามประเทศ คือประเทศอินเดียมาก่อน พระพุทธเจ้าเป็นพระมหากษัตย์ตระกูลศากยวงษ์ ช่วนค้นดูหน่อยจารึกของประเทศไทยมีไหม
หลักฐานสังเวชณีสถาน มีอยู่ที่อินเดีย ช่วยมองความจริงหน่อยเถอะ อย่าคิดเองเออเอง ฝืนความจริงเลย...
..พระพุทธศานาสอนเรื่องเหตุผล คือมีเหตุและมีผลตามมา สิ่งที่คุณทำล้วนฝืนความจริง จะชักชวนคนอื่นที่ไม่รู้ให้หลงเชื่อตามล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควร หากคุณเชื่อก็ไม่ผิดแต่ควร เก็บใว้กับตัว อย่าโพสให้คนอื่นคล้อยตาม...

 

ผมเชื่อว่าที่คุณเอกอิสโร จขกท บอกว่าตัวเองคือพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นความจริง ใครจะว่ายังไงไม่รู้นะ เพราะอย่างตัวผมเอง ผมก็มีสัญญาเดิมระลึกได้ว่า ผมคือพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช และได้รับภารกิจคล้ายๆกัน เพื่อเปิดเผยความลับบางอย่าง ไว้ผมฝึกภาษาให้แข็งแรงก่อน เมื่อนั้นผมจะเปิดเผยให้โลกตะลึง

ตอนนี้ผมคิดว่าผมได้พบมหาราชและคนสำคัญของโลกหลายคนแล้ว คิดว่าคงเป็นลิขิตสวรรค์

คุณเอกอิสโรที่บอกว่าตัวเองคือพระเจ้าอโศกมหาราช
ตัวผมเอง พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
เหลียงเพื่อนสนิทของผม เจงกีสข่าน
แฟรงค์ลูกครึ่งจากพัทยาคือนโปเลียน โบนาปาร์ต
เม้งเพื่อนท้ายซอยบ้านผม เจงกีสข่าน

อีกไม่นานคงได้ทำภารกิจร่วมกัน

 

ใช่ทั้งสองครับซ้ำกันได้ ข่าน1 ข่าน2ฯลฯ. เอาที่สบายใจ