พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD> </TD><TD width="100%">palungjit.org > พลังจิต > ศูนย์ ประชาสัมพันธ์ > พระพุทธรูป - วัด โบสถ์ วิหาร - สิ่งก่อสร้าง </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/showthread.php?p=981299#post981299

    <TABLE class=tborder id=post981227 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 11:44 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>uree<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_981227", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:59 AM
    วันที่สมัคร: Feb 2008
    ข้อความ: 9 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 16 ครั้ง ใน 4 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_981227 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่าffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เป็นพระพิมพ์สมเด็จ สร้างที่วัดพระแก้ววังหน้าหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดบวรสถานสุทธาวาสได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่พระอุโบสถประจำวังหน้าซึ่งปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
    พระพิมพ์ของวังหน้า

    <O:p></O:p>
    พระวังหน้าเริ่มมีการจัดสร้างจากพระบัณฑูรย์ของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ (ท่านเป็นพระราชโอรสองค์ต้นของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า)โดยเริ่มมีการจัดสร้างขึ้นครั้งแรก ประมาณปี พ.ศ.2400 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    การจัดสร้างพระของวังหน้านั้น จะมีมวลสารที่นำมาสร้างอยู่หลายอย่างเช่น ปูนเพชร (ซึ่งนำเข้ามาจากเทือกเขาเมืองอันฮุย ประเทศจีน โดยท่านกรมเจ้าคุณท่าท่านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี นามเดิมว่า ท้วม บุนนาค ส่วนกรมเจ้าคุณท่านั้นหน้าที่ราชการของกรมท่า มีหน้าที่ชำระความระหว่างคนไทยกับชาวต่างประเทศ ,รับรองพ่อค้าชาวต่างประเทศ รวมไปถึงการรับรองฑูตานุทูตของต่างประเทศ ,การนำฑูตานุฑูตของไทยไปเจริญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ,การค้าขายกับต่างประเทศถ้าเปรียบเทียบในสมัยปัจจุบัน คือกระทรวงการต่างประเทศ) ,ผงอิทธิคุณ (เป็นผงที่เกิดจากการที่พระสงฆ์เขียนบาลี หรือยันต์ต่างๆ ) ซึ่งได้จากวังหน้าเองหรือสำนักมูลกจายย์ ทั่วพระนคร ,เศษผงทองคำ(ใช้ในการโรยที่หน้าพระพิมพ์แต่ในบางพิมพ์ก็จะไม่มี) เป็นหลักใหญ่ส่วนในการผสมผง ตำผงนั้น 1 ครกใช้ระยะเวลา 4 ชั่วโมง จึงจะใช้ได้

    <O:p></O:p>
    ในการพุทธาภิเษกนั้น เป็นพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (อยู่ในวังหน้าปัจจุบันสถานที่ของวังหน้า คือม.ธรรมศาสตร์ ,พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร ,วิทยาลัยนาฎศิลป์ ,โรงละครแห่งชาติ)องค์พระประธานที่วัดบวรสถานสุทธาวาสคือพระพุทธสิหิงค์ โดยเชิญสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี มาเป็นประธานการปลุกเสก แต่ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านเชิญหลวงปู่เทพโลกอุดร มาปลุกเสกให้ด้วย<O:p></O:p>
    ตัวอย่างของพระวังหน้านั้น เช่น สมเด็จวังหน้า ,สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ,หรืออย่างกรุวัดท้ายตลาด, ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านได้นำพระไปบรรจุกรุที่วัดท้ายตลาดหรือพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านนำพระไปถวายให้กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ (ท่านอ.ประถม อาจสาคร ท่านบอกว่า ชื่อของหลวงพ่อแก้ว นั้น ท่านชื่อ สุขแต่ที่ผู้คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อแก้วนั้น เนื่องจากพระที่ท่านแจกเปรียบกับแก้วสารพัดนึก นั้นเอง)<O:p></O:p>

    ที่มาของบทความและเอกสารอ้างอิง

    1.วิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วมบุญนาค)
    ซึ่งเขียนโดย ท่านปรัศนี ประชากร(เป็นนามปากกาของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร )
    2.ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13
    3.พระราชประวัติวังหน้า
    4.ประวัติเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี(ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าฉบับนายนัฐวุฒิ สุทธิสงคราม
    ทุกเล่มมีที่หอสมุดแห่งชาติ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว (วังหน้า)<O:p></O:p>
    ...พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว (วังหน้า) ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง และคณะ (พิธีหลวง) สร้างโดย กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญอุปราชองค์สุท้ายแห่งราชวงค์จักรีร่วมกับ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วมบุญนาค) หรือเจ้าคุณกรมท่า เนื่องในวรโรกาสเฉลิมครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช (รัชกาลที่ 5) ปี พ.ศ. 2411...

    ...พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว (วังหน้า)สร้างและปลุกเสกขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2412 ช่วงเวลาที่เจ้าประคุณสมเด็จฯจะสิ้นชีพตักษัย 3 ปีแกะแม่แบบโดยช่างสิบหมู่วังหน้าและเสาะแสวงหามวลสารจากต่างประเทศโดยท่านเจ้าคุณกรมท่า การวางแผนและควบคุมการสร้างพระพิมพ์ ตลอดจนพิธีกรรมต่างๆโดยกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สถานที่ที่กระทำพุทธาภิเษกวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ภายในบริเวณพระราชวังหน้า (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ)...

    ... กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (วังหน้า) อุปราชองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์จักรี จึงรับสั่งให้พระยานิกรบดินทร์หลวงวิจารณ์เจียรนัย และหลวงสิทธิประสงค์ เป็นต้น ผู้ควบคุมช่างสิบหมู่ (ช่างหลวง)ประดิษฐ์แม่พิมพ์เพื่อสร้างพระพิมพ์สกุลสมเด็จขึ้นชุดหนึ่งแปลกทั้งสีสันวรรณะและทรงพิมพ์ เนื่องจากได้ผงดินและตัวยาจากเมืองจีนหลายชนิดอาทิเช่น ดินกังไสสีขาวจากมณฑลอันฮุย น้ำยาเคลือบ ออเขียว ชาดจูชา ชาดจอแช ชาดหรดาลชาดหรคุณ ฯลฯ พระพิมพ์ส่วนใหญ่จะโรยทองคำแท้หรืออัญมณีเป็นเอกลักษณ์แห่งโภคทรัพย์ชาวบ้านเรียกพระสมเด็จชนิดนี้ว่า สมเด็จวังหน้าบ้าง สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าบ้างสมเด็จเบญจรงค์บ้าง สมเด็จเจ้าสัวบ้าง สมเด็จเขียวไข่กาบ้าง ตามถนัดส่วนที่บรรจุที่วัดระฆังและในวัดพระแก้ววังหน้า วังหลวง และวังหลังมีการโรยทองคำแท้ กล่าวขนานกันว่าห้างทองตั้งโต๊ะกังเยาวราชและร้านทองบ้านหม้อจัดถวาย (ผงตะไบทองคำ)...

    ...พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว (วังหน้า)นั้น สร้างและปลุกเสกจัดขึ้นเป็นพระราชพิธีหลวง ณ วัดบวรสถานสุทธาวาส ช่วงพ.ศ.2411-2414 เพื่อฑูลถวายกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญอุปราชวังหน้าองค์สุดท้ายในรัชกาลที่ 5 และแจกแก่เชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่เจ้านายชั้นสูง และพ่อค้าวานิชระดับเจ้าสัวอานุภาพพุทธคุณนั้นสูงกว่าสมเด็จวัดระฆัง และสมเด็จบางขุนพรหมเสียด้วยซ้ำไปพิธีมหาพุทธาภิเษก ซึ่งเป็นพระราชพิธีหลวง มีสมเด็จพระพุฒาจารย์โตและบรรดาพระอาจารย์อาคมขลังต่างๆ สมัยรัชกาลที่ 5 อีกมากมายหลายองค์และมีเทพยดาประจำองค์พระมหากษัตริย์เจ้า เช่น พระสยามเทวาธราชพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ และพระนารายณ์อวตารฯร่วมลงประทับฤทธิ์ด้วย...

    ...พระสมเด็จเบญจรงค์นี้มีมากมายหลายสิบพิมพ์ เช่นพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์วัดเกศไชโย พิมพ์จอมจักรพรรดิ พิมพ์จอมใจจักรพรรดิพิมพ์พระพรหมรังสี พิมพ์นางพญา พิมพ์ซุ้มกอ พิมพ์พระรอด พิมพ์พระผงสุพรรณพิมพ์พระแก้วมรกต พิมพ์ลีลา พิมพ์นาคปรก พิมพ์สมาธิเรือนแก้วซุ้มมรัศมีพิมพ์เม็ดกระดุม พิมพ์อรหัง พิมพ์พระสังกัจจาย พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์พระปิดตาและพิมพ์พิเศษอื่นๆอีกมากมาย อาจถึง 100 พิมพ์เลยทีเดียวมีทั้งเนื้อกังไสผงดินขาวจากมณฑลอันฮุย แตกลายงา และไม่แตกลายงา โรยทองและไม่โรยทองที่ลงรักโรยทองและรองชาดก็มีสีเบญจรงค์ สีเขียวก้านมะลิสด สีเขียวไข่กา สีแดง (ชาดจูซา) สีดินสอเหลืองผสมชาดหรดาลสีดำ (ผงพระคัมภีร์ใบลานเศาคลุกรัก)สีน้ำทะเลแลไกล สีประจำวันอาทิตย์ถึงวันเสาร์ และสีดำ (ราหู)เป็นต้น...

    ...พระสมเด็จ กรุวัดพระแก้วองค์นี้ เป็นพิมพ์พระประธานวรรณะขาวแตกลายงา ประดับพลอยสีฟ้า(วันศุกร์) 12 เม็ด สภาพสวยสมบูรณ์มากๆเนื้อแกร่งจัดมากๆ เนื้อคล้ายหินอ่อน มีคราบกรุความเก่าเห็นเด่นชัด ขนาดองค์พระด้านบนกว้าง 2.2 ซ.ม. ด้านล่างกว้าง 3.2 ซ.ม. สูง 4.8 ซ.ม.ครับ...

    ... ประวัติการสร้างพระสมเด็จ วังหน้ากรุวัดพระแก้วลองไปหาอ่านหนังสือ...
    1. “บรรณานุกรม ทีเด็ด...พระสมเด็จ ฉบับปฏิรูป ของอาจารย์พน นิลผึ้งดูสิครับรับรองไม่ผิดหวัง เนื้อหาดีมากๆ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องพระสมเด็จอีกเยอะครับ

    2. “หนังสือพระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว(วังหน้า) เล่มที่1-2” เล่มนี้มีประวัติการสร้างโดยละเอียดและมีรูปพระสมเด็จ กรุวัดพระแก้ว ให้ชมกันอาจจะไม่มีลงทุกพิมพ์แต่น่าศึกษาหาอ่านมากครับ

    3.”หนังสือสมเด็จพระแก้วมรกต ของคุรเทพ สุนทรศารทูล มีรูปพิมพ์แปลกๆหลายพิมพ์ครับ

    4.”หนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่ข้าพเจ้ารู้จักตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 7 เล่มครับ น่าศึกษาหาอ่านมากๆครับ สำหรับหนังสือชุดนี้ภาพสีทั้งชุด และพิมพ์พิเศษค่อนข้างมากครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ด้วยจิตคารวะ
    ไพรพนา
    08-5806-9964
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องบทความที่นำมาลง ขอให้ท่านแจ้งที่มาด้วยนะครับ

    ส่วนเรื่องพระพิมพ์นั้น ผมไม่แสดงความคิดเห็นและไม่ทราบครับ

    ขอบคุณครับ


    .<!-- / message --><!-- sig -->


    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat style="FONT-WEIGHT: normal" colSpan=7>Showing results 1 to 9 of 9
    Search took 0.04 seconds. ค้นหา: Threads Started By: uree </TD></TR><TR><TD class=thead colSpan=2> </TD><TD class=thead width="75%">ชื่อกระทู้ / ผู้ตั้งกระทู้</TD><TD class=thead noWrap align=middle width=150>ข้อความล่าสุด</TD><TD class=thead noWrap align=middle>คำตอบ</TD><TD class=thead noWrap align=middle>เปิดอ่าน</TD><TD class=thead width="25%">ห้อง</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_114127>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_114127 title='พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เป็นพระพิมพ์สมเด็จ สร้างที่วัดพระแก้ววังหน้าหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดบวรสถานสุทธาวาส...'>[​IMG] ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 1, จำนวนอ่าน: 2">
    วันนี้ 12:09 PM
    โดย sithiphong [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>1</TD><TD class=alt2 align=middle>2</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_114124>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_114124 title='พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่าffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เป็นพระพิมพ์สมเด็จ สร้างที่วัดพระแก้ววังหน้าหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดบวรสถานสุทธาวาสได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่พระอุโบสถประจำวังหน้าซึ่งปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
    พระพิมพ์ของวังหน้า
    ...'>ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 1, จำนวนอ่าน: 2">
    วันนี้ 12:09 PM
    โดย sithiphong [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>1</TD><TD class=alt2 align=middle>2</TD><TD class=alt1>พระพุทธรูป - วัด โบสถ์ วิหาร - สิ่งก่อสร้าง</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_114116>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_114116 title="">ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 0, จำนวนอ่าน: 2">
    วันนี้ 11:31 AM
    โดย uree [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>0</TD><TD class=alt2 align=middle>2</TD><TD class=alt1>พระพุทธรูป - วัด โบสถ์ วิหาร - สิ่งก่อสร้าง</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_113940>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_113940 title="พระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)

    พระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) นายงานผู้สร้างพระนครคีรี “เมื่อปีมะแม เอกศก จุลศักราช 1221 ที่เมืองเพชรบุรีนั้น โปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่ สมุหกลาโหมพระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ปลัด (เมืองเพชรบุรี)...">[​IMG] พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 2, จำนวนอ่าน: 101">
    วันนี้ 10:02 AM
    โดย wara43 [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>2</TD><TD class=alt2 align=middle>101</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_114085>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_114085 title='การนับถือด้วยความศรัทธาเป็นมงคลแห่งชีวิต<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในโลกปัจจุบันที่คนในสังคมต้องต่อสู้กับปัญหานานัปการ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ...'>[​IMG] [​IMG] การนับถือด้วยความศรัทธาเป็นมงคลแห่งชีวิต
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 0, จำนวนอ่าน: 1">
    วันนี้ 10:01 AM
    โดย uree [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>0</TD><TD class=alt2 align=middle>1</TD><TD class=alt1>ลงประกาศทั่วไป</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_113943>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_113943 title='พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    การพิจารณาต้องรอบรู้ทั้งทางด้านรูปธรรม และนามธรรม คือทั้งศาสตร์ และศิลป์ ค้นคว้าจากตำราที่เป็นศาสตร์ ...'>[​IMG] [​IMG] พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 1, จำนวนอ่าน: 111">
    เมื่อวานนี้ 09:54 PM
    โดย kato_king [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>1</TD><TD class=alt2 align=middle>111</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_113990>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_113990 title="พระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ ชมรูป อนุโมทนาบุญครับ

    ด้วยจิตคาราวะ
    ไพรพนา
    โทร.08-5806-9964">[​IMG] พระสมเด็จกรมท่า วังหน้า - ปัญจศิริ ชมรูป อนุโมทนาบุญครับ
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 0, จำนวนอ่าน: 53">
    เมื่อวานนี้ 06:40 PM
    โดย uree [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>0</TD><TD class=alt2 align=middle>53</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_113988>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_113988 title="กราบอนุโมทนาบุญทุกท่านครับ
    พระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ ที่ผมจะขออนุญาตกล่าวถึงนั้นก็เพื่อจะได้ดำรงไว้ถึงพระคุณอันประเสริฐ แห่งเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่ได้พุทธาภิเศกศิลปวัตถุ และเป็นโบราณวัตถุ ณ กาลปัจจุบัน ที่ทรงอิทธิคุณ ...">[​IMG] พระสมเด็จกรมท่า วังหน้า - ปัญจศิริ
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 0, จำนวนอ่าน: 54">
    เมื่อวานนี้ 06:16 PM
    โดย uree [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>0</TD><TD class=alt2 align=middle>54</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_113938>[​IMG] </TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_113938 title='ประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โตพรหมรังสี)ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" alt="" src="images/smilies/tongue-smile.gif"...'>[​IMG] ประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    uree
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 0, จำนวนอ่าน: 27">
    เมื่อวานนี้ 12:24 PM
    โดย uree [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 align=middle>0</TD><TD class=alt2 align=middle>27</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><THEAD><TR><TD class=tcat style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 6px; PADDING-BOTTOM: 6px; PADDING-TOP: 6px" colSpan=4><LABEL for=checkall_all>ข้อความ: 1104 <INPUT id=checkall_all title="Check / Uncheck All" onclick=js_check_all(this.form) type=checkbox name=allbox> </LABEL>ข้อความส่วนตัวในแฟ้ม: Items ที่ส่งไปแล้ว<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("nav_pmfolders.messagelist"); </SCRIPT> [​IMG] </TD></TR></THEAD><TBODY><TR><TD class=alt2 ondblclick="toggle_collapse('pmf-1_today')" style="PADDING-BOTTOM: 3px; CURSOR: pointer; PADDING-TOP: 3px; BORDER-BOTTOM: 1px outset" width="100%" colSpan=3><LABEL for=checkall_-1_today>ข้อความ: 2</LABEL> [​IMG] วันนี้
    </TD><TD class=alt2 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; BORDER-BOTTOM: 1px outset" align=middle><INPUT id=checkall_-1_today title="Select / deselect all in this time period" onclick="check_all_group(this, '-1_today')" type=checkbox></TD></TR></TBODY><TBODY id=collapseobj_pmf-1_today><TR><TD class=alt1>[​IMG]</TD><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1Active id=m383135 width="100%">15-02-2008 ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    12:18 PM
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ</TD></TR><TR><TD class=alt1>Recipients: <!--uree-->uree
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 12:18 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:18 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 19,717 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 26,018 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 114,087 ครั้ง ใน 15,724 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 13410 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ตามที่คุณได้ตั้งกระทู้ที่เกี่ยวกับพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ

    คุณได้นำข้อความที่ผมได้เขียนขึ้น นำไปลงในกระทู้ของคุณ ซึ่งเรื่องบางเรื่องไม่สามารถที่จะไปหาข้อมูลได้จากหนังสือต่างๆได้

    เวลาที่คุณนำไปลงนั้น ควรแจ้งที่มาด้วยนะครับ ว่ามาจากไหน แต่ถ้าดีที่สุดควรบอกเจ้าของบทความด้วยครับ และแจ้งว่า เจ้าของบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของคุณ

    ขอบคุณครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    555 กำลังนินทาอยู่เหมือนกันครับ ....คนจะเป็นผู้นำได้ต้องรู้จักเรียบเรียงความคิดครับ(kiss)
     
  5. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    เมื่อสักครู่(หลายนาทีมากแล้วอาจเป็นชั่วโมง) ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญทอดผ้าป่ามาแล้วครับ 5970 บาท กระผมเองและครอบครัว 1000 บาท และญาติมิตรร่วมบุญมา 4970 บาท ตามรายชื่อที่ pm แจ้งมาล่วงหน้าแล้วเมื่อเลยเที่ยงคืนที่ผ่านมา จบข่าว
    โมทนาสาธุครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สืบเนื่องจากกระทู้ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    http://palungjit.org/showthread.php?p=981682#post981682

    <TABLE class=tborder id=post981622 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 02:44 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #3 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>uree<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_981622", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:44 PM
    วันที่สมัคร: Feb 2008
    ข้อความ: 10 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 16 ครั้ง ใน 4 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_981622 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อนุโมทนาบุญ คุณ sithiphong
    เรื่องบทความที่นำมาลง ขอให้ท่านแจ้งที่มาด้วยนะครับ

    ส่วนเรื่องพระพิมพ์นั้น ผมไม่แสดงความคิดเห็นและไม่ทราบครับ

    ขอบคุณครับ

    เรื่องที่คุณถามทั้งพระพิมพ์วังหน้า วัดพระแก้ว ที่มาของบทความมีครบถ้วน อยากให้เข้าไปดูใหม่ครับ แต่ถ้าบทความใดไม่ได้ลงแสดงว่าผมเป็นเจ้าของบทความ และผมได้ลงชื่อไว้ท้ายข้อเขียนทุกครั้ง ถ้ามีการใดผิดพลาดต้องขออภัย

    ไพรพนา
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ uree [​IMG]
    อนุโมทนาบุญ คุณ sithiphong
    เรื่องบทความที่นำมาลง ขอให้ท่านแจ้งที่มาด้วยนะครับ

    ส่วนเรื่องพระพิมพ์นั้น ผมไม่แสดงความคิดเห็นและไม่ทราบครับ

    ขอบคุณครับ

    ***********************

    เรื่องที่คุณถามทั้งพระพิมพ์วังหน้า วัดพระแก้ว ที่มาของบทความมีครบถ้วน อยากให้เข้าไปดูใหม่ครับ แต่ถ้าบทความใดไม่ได้ลงแสดงว่าผมเป็นเจ้าของบทความ และผมได้ลงชื่อไว้ท้ายข้อเขียนทุกครั้ง ถ้ามีการใดผิดพลาดต้องขออภัย

    ไพรพนา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คุณไพรพนาครับ ลองไปดูในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445

    แค่ในหน้าแรกก่อนนะครับ ลองดูว่าที่คุณเขียนกับผมเขียน เพราะเหตุใดจึงเหมือนกัน และในบางเรื่องเช่นเรื่องหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ที่เดิมท่านชื่อสุข คุณรู้จากไหน และถ้ารู้จากแหล่งเดียวกัน ก็ต้องมีรูปท่าน และใครเป็นผู้วาดรูปนั้น ส่วนเรื่องอื่นๆค่อยว่ากันทีหลังครับ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สืบเนื่องจากกระทู้ประวัติของพระสมเด็จกรมท่า วังหน้า-ปัญจศิริ
    http://palungjit.org/showthrea...682#post981682

    <TABLE class=tborder id=post981685 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px">วันนี้, 03:14 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #5 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_981685", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:14 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 19,723 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 26,025 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 114,112 ครั้ง ใน 15,729 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 13414 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_981685 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมนำมาเป็นตัวอย่าง

    พระสมเด็จวังหน้า สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พระพิมพ์จุฬามณี หรือพิมพ์อื่นๆ ทุกๆพิมพ์นั้น มีการจัดสร้างขึ้นที่วังหน้าทั้งหมดครับ เพียงแต่ว่า จะแยกกันโดยทรงพิมพ์ เนื้อของพระพิมพ์ โดยพระวังหน้า จะเป็นพิมพ์หลากหลายพิมพ์ ผมเองคาดว่ามีพิมพ์อยู่ประมาณ 100 กว่าพิมพ์ มีการจัดสร้างเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 จนถึง พ.ศ.2428 อันเป็นปีที่ท่านเจ้า (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านทิวงคต (ตามประวัติศาสตร์)

    แต่พระพิมพ์เจ้าคุณกรมท่า พิมพ์เจ้าคุณกรมท่าที่เป็นพระคะแนน พิมพ์จุฬามณี เนื้อพระพิมพ์ในลักษณะนี้ จะเป็นของท่านเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)(หรือท่านเจ้าคุณกรมท่า) ซึ่งท่านรับราชการ เป็นเสนาบดีกรมท่า หรือตามที่ใช้เรียกกันในสมัยก่อนซึ่งก็คือ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ท่านเจ้าคุณกรมท่า ท่านเปรียบเสมือนมือขวาของท่านเจ้า(ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านเจ้าท่านให้ท่านเจ้าคุณกรมท่า เดินเรือสำเภา นำเครื่องบรรณาการ(ไม่ใช้ว่าไทยเราเป็นเมืองขึ้นของจีนนะครับ แต่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน) ไปถวายเจ้ากรุงจีน พร้อมทั้ง นำสินค้าของไทยไปขายแลกเปลี่ยนกับสินค้าเมืองจีนครับ

    การสร้างพระ ไม่ว่าจะเป็นพระวังหน้า หรือพระเจ้าคุณกรมท่านั้น การสร้าง สร้างโดยช่างสิบหมู่เหมือนกัน สร้างขึ้นที่วังหน้าเหมือนกัน มวลสารหลักก็เป็นปูนเพชร ที่นำเข้าจากเมืองฮันซุย ประเทศจีนเหมือนกันครับ

    เรื่องพระราชพิธีพุทธาภิเษกนั้น พระทุกพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นของวังหน้าหรือพระเจ้าคุณกรมท่า ก็ทำพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานมงคลเหมือนกัน ท่านเจ้า ท่านจะนิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีมาเป็นประธาน อีกทั้งพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้น มาทำพิธีพุทธาภิเษก แต่ท่านเจ้าท่านจะเชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมาเสกให้ด้วย เพียงแต่ท่านเจ้าจะเชิญหลวงปู่องค์ไหนใน 5 องค์เท่านั้น ส่วนใหญ่หลวงปู่ที่มาเสกให้นั้น จะเป็นหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)ซึ่งเป็นองค์ที่ 3 ในคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากปี พ.ศ.2415 ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านมรณภาพแล้ว ก็เป็นพิธีหลวงเช่นกันครับ เพียงแต่ว่า มีการทำพิธีพุทธาภิเษกโดยเชิญพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้นมาเหมือนกัน และท่านเจ้าท่านก็เชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมาเสกให้เหมือนกัน ครับ

    คำอารธนาที่เป็นพิมพ์ต่างๆนั้น จะให้ใช้ตามพิมพ์พระวังหน้า ซึ่งพระในยุคแรกๆ จะเป็นพระพิมพ์ 15 พิมพ์ที่เป็นพิมพ์อรหันต์ใหญ่ ,กลาง ,เล็ก หรืออื่นๆใน15พิมพ์แรก
    แต่ของพระพิมพ์เจ้าคุณกรมท่านั้น ให้ใช้คำอารธนา หลวงปู่แบบเต็มหรือแบบย่อก็ได้ครับ

    โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระวังหน้าหรือพระเจ้าคุณกรมท่านั้น สร้างที่เดียวกัน มวลสารลักษณะเดียวกัน เพียงแต่พระวังหน้าอาจจะมีมวลสารประเภทอื่นๆอีก พิธีพุทธาภิเษกก็ที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ก็ที่เดียวกัน ส่วนผู้เสกนั้น แล้วแต่ท่านเจ้า(ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านจะเชิญหลวงปู่องค์ไหนมาเสกให้เท่านั้นเอง ในบางพิมพ์อาจมี 1 องค์เสก ในบางพิมพ์อาจมี 2 องค์เสก ในบางพิมพ์ อาจมี 3 องค์เสก หรือในบางพิมพ์อาจมี 5 องค์ แต่ในบางพิมพ์ของวังหน้าอาจเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านเสกเอง ครับ
    .

    พระพิมพ์,มวลสารและเนื้อของพระวังหน้านั้น จะมีหลายพิมพ์มาก แค่พิมพ์พิเศษ พ.ศ.2408 นั้น ก็มีอยู่ทั้งหมด 44 พิมพ์ ,พิมพ์ที่เป็นพิมพ์มาตรฐานในยุคแรกๆนั้น(พิมพ์อรหันต์เล็ก ,กลาง,ใหญ่,สังกัจจาย์,อธิษฐานฤทธิ์ ฯลฯ) ในยุคแรกมี 15 พิมพ์ แต่ต่อมามีพิมพ์เพิ่มขึ้นอีก รวมแล้วประมาณ 40 พิมพ์ และยังมีพิมพ์อื่นๆอีกหลายพิมพ์มาก
    ในแต่ละพิมพ์เอง ก็มีหลายเนื้อนะครับ อาจเป็นเนื้อพระสมเด็จ(ปูนเพชร) ,เนื้อดิน , เนื้อดินเผา ,เนื้อปัญจศิริ(เบญจรงค์) หรือเนื้อพิเศษคือเนื้อผงยาวาสนา (ผมเองมี 1 องค์คือพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา) หรือเนื้อผงวิเศษล้วนๆ (เนื้อนี้ผมมีอยู่ 1 องค์คือหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน เป็นเนื้ออิทธะเจ ล้วนๆ) ส่วนการสร้างพระนั้น การตำผงพระใน 1 ครก จะใช้ระยะเวลา ตำประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วนำไปผสมกับผงทอง ,ผงขี้เหล็กไหล และมวลสารอื่นๆ โดยใช้พระขรรค์หรือกฤช ที่เป็นเนื้อสังฆวานร กวนมวลสารทั้งหมดให้เข้ากันแล้วจึงนำมวลสารทั้งหมดไปกดพิมพ์ ช่างสิบหมู่ 1 ท่าน สามารถทำพระได้วันละประมาณ 500 องค์ ส่วนการสร้างพระวังหน้านั้น เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2400 ถึงปี พ.ศ.2428 ส่วนพระของวังหลวง(ด้านหลังมีครุฑ)นั้น มีการสร้างจนถึงปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 6ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในพระพิมพ์ 1 พิมพ์นั้น ก็มีหลายบล็อกนะครับ แต่ว่าในแต่ละบล็อกนั้น จะมีโค๊ตเป็นของช่างแต่ละคนครับ<O:p</O:p

    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post981686 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px">วันนี้, 03:15 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #6 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_981686", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:14 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 19,724 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 26,025 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 114,112 ครั้ง ใน 15,729 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 13414 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_981686 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->พระพิมพ์ของวังหน้า
    <O:p</O:p
    พระวังหน้า เริ่มมีการจัดสร้างจากพระบัณฑูรย์ของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ (ท่านเป็นพระราชโอรสองค์ต้นของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า) โดยเริ่มมีการจัดสร้างขึ้นครั้งแรก ประมาณปี พ.ศ.2400 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    การจัดสร้างพระของวังหน้านั้น จะมีมวลสารที่นำมาสร้างอยู่หลายอย่าง เช่น ปูนเพชร (ซึ่งนำเข้ามาจากเทือกเขาเมืองอันฮุย ประเทศจีน โดยท่านกรมเจ้าคุณท่า ท่านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี นามเดิมว่า ท้วม บุนนาค ส่วนกรมเจ้าคุณท่านั้น หน้าที่ราชการของกรมท่า มีหน้าที่ชำระความระหว่างคนไทยกับชาวต่างประเทศ ,รับรองพ่อค้าชาวต่างประเทศ รวมไปถึงการรับรองฑูตานุทูตของต่างประเทศ ,การนำฑูตานุฑูตของไทยไปเจริญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ,การค้าขายกับต่างประเทศ ถ้าเปรียบเทียบในสมัยปัจจุบัน คือกระทรวงการต่างประเทศ) ,ผงอิทธิคุณ (เป็นผงที่เกิดจากการที่พระสงฆ์เขียนบาลี หรือยันต์ต่างๆ ) ซึ่งได้จากวังหน้าเอง หรือสำนักมูลกจายย์ ทั่วพระนคร ,เศษผงทองคำ(ใช้ในการโรยที่หน้าพระพิมพ์ แต่ในบางพิมพ์ก็จะไม่มี) เป็นหลักใหญ่ ส่วนในการผสมผง ตำผงนั้น 1 ครกใช้ระยะเวลา 4 ชั่วโมง จึงจะใช้ได้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในการพุทธาภิเษกนั้น เป็นพิธีพุทธาภิเษกหลวง ที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (อยู่ในวังหน้า ปัจจุบันสถานที่ของวังหน้า คือม.ธรรมศาสตร์ ,พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร ,วิทยาลัยนาฎศิลป์ ,โรงละครแห่งชาติ) โดยเชิญสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มาเป็นประธานการปลุกเสก แต่ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ท่านเชิญหลวงปู่เทพโลกอุดร มาปลุกเสกให้ด้วย
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตัวอย่างของพระวังหน้านั้น เช่น สมเด็จวังหน้า ,สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ,หรืออย่างกรุวัดท้ายตลาด, ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านได้นำพระไปบรรจุกรุที่วัดท้ายตลาด หรือพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านนำพระไปถวายให้กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ (ท่านอ.ประถม อาจสาคร ท่านบอกว่า ชื่อของหลวงพ่อแก้ว นั้น ท่านชื่อ สุข แต่ที่ผู้คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อแก้วนั้น เนื่องจากพระที่ท่านแจก เปรียบกับแก้วสารพัดนึก นั้นเอง)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หากท่านใดมีพระวังหน้า ท่านสามารถนำไปพิสูจน์ได้โดยนำพระวังหน้าไปให้พระหรือครูบาอาจารย์ที่ท่านได้วิปัสสนาญาณแล้ว ท่านตรวจดูได้ว่าอิทธิคุณขององค์พระเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้เสก ส่วนที่ผมใช้คำว่าอิทธิคุณนั้น ปกติทั่วๆไปจะใช้คำว่าพุทธคุณ แต่ท่านอ.ประถม ท่านบอกว่า คำว่าพุทธคุณ นั้นหมายถึงคุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพระพิมพ์ แต่อย่างใด

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ
    มหามุทิตาโมทนาสาธุครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=952534&posted=1#post952534

    <TABLE class=tborder id=post952534 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">1-2-2551, 09:54 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#14368 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]










    ขอเชิญร่วมมหากุศลเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคี
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สูตรแห่งความสำเร็จ...ฟัง พูด อ่าน อย่างไร?จึงได้ดี
    http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9510000019217
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 กุมภาพันธ์ 2551 13:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือจัดติวเตอร์ความสำเร็จแก่น้องนักเรียน เสวนาหัวข้อ จุดประกายความสำเร็จกับศิลปะการใช้ภาษา

    เสร็จสิ้นลงไปแล้วสำหรับการแนะแนวทางการค้นหาคีย์เวิรด์ของคำว่า“ ความสำเร็จ” ให้กับตัวเองได้ประสบ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจอะไรนักที่หลายต่อหลายคนจะให้ความสนใจ เพราะต่างก็ต้องการใฝ่เรียนรู้ศึกษาแนวคิด การดำเนินชีวิต และการแก้ปัญหาต่างๆของผู้ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้มอบความสำเร็จให้แก่ตัวเองกันบ้าง

    และนั่นจึงเป็นที่มาของ โครงการบรรยายทางวิชาการ วิชา ศิลปะการใช้ภาษา โดยกลุ่มนักศึกษา คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ได้จัดงาน เสวนาพูดคุย หัวข้อ “จุดประกายความสำเร็จกับศิลปะการใช้ภาษา”

    โดยวิทยากรรับเชิญภายในงานประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทางทักษะต่างๆถึง 3 แขนงได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน ประกอบด้วย “ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เสวนาเรื่อง การใช้ศิลปะการเขียนเพื่อดึงดูดใจ , " ดร.การดี เลียวไพโรจน์" เสวนาเรื่องศิลปะการอ่านสู่ความสำเร็จ และ “ภูวนาท คุณผลิน” เรื่อง ศาสตร์และศิลป์ในการฟัง

    ทุกคนที่เข้าร่วมฟังบรรยายต่างก็มีคำถามอยู่ในใจ ว่าตัวเองจะต้องฟัง ต้องพูดและต้องอ่านอย่างไรถึงจะได้ดี พร้อมนำทางสู่ความสำเร็จ ทั้งสามมุมมองของผู้มีประสบการณ์ร่วมแบ่งปันตามความถนัดในมุมต่างๆ

    “ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” คุณบุ๋มบอกจริงๆแล้วการเขียนของดาราหลายท่านมีข้อมูลจริงแต่แนวทางการเขียนจะมีคนไกด์ให้ และนำไปเขียนให้สิ่งที่จะต้องเขียนให้ดึงดูดใจคือ ต่อเนื่องและเข้าใจง่าย

    “ ศิลปะการเขียนมันขึ้นอยู่กับ สไตล์ของแต่ละคนมากกว่า แต่ที่เราเห็นๆกัน ตามพอคเก็ตบุคส์ของดาราจริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็มีคนมาสัมภาษณ์แล้วนำไปเรียบเรียงให้เป็นไปตามนั้น แต่ใช้ศิลปะในการเรียบเรียงให้สวยงามเข้าท่า อ่านต่อเนื่อง ฉะนั้นการเขียนให้ดึงดูดใจจริงๆหลักๆแล้วคือการเข้าใจง่าย และเน้นประเด็นที่นำเสนอแบบมีอรรถรส บางทีอาจจะเป็นที่ตัวผู้เขียนน่าสนใจ เนื้อเรื่องน่าสนใจ ประเด็นขายน่าสนใจ ตรงนี้มีหลายรูปแบบ”

    ส่วนด้านการฟัง “อั๋น- ภูวนาท คุณผลิน”แนะถึงการฟังให้ได้ดีและประสบความสำเร็จว่า การฟังที่ดีมันเกี่ยวเนื่องกับการพูด และการฟังที่ดีควรเป็นการคิดตามไม่ใช่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

    “ การฟังที่ดี มันมีองค์ประกอบอยู่ง่าย ๆเพราะทุกๆคนที่มีความสามารถด้านการฟัง ก็สามารถฟังฟังได้ทุกวัน แต่เราจะหยิบจับเอาประโยชน์ได้จากการฟังหรือไม่ นั้นทุกคนมีไม่เท่ากัน นั่นขึ้นอยุ่กับผู้ส่งสารอย่างหนึ่งและผุ้รับด้วย เราควรจะเปิดหูเสร็จแล้วมันจะมีสมองส่วนจำจำว่าเรารับสารอะไรมา คนบางคนบอกแผนที่กันไปว่าให้เลี้ยวนั่นเลี้ยวนี้พูดหลายรอบมากแต่ก็ยังไม่สามารถไปถึงจุดปลายในขณะที่บางคนพูดรอบเดียวสามารถไปได้ ผมมีหน้าที่เป็นดีเจตรงนี้ ผมคำนึงเสมอว่าผู้ฟังของผมเป็นใคร และควรใช้คำพูดยังไง เพราะคนฟังจะต่างระดับกัน ผู้ใหญ่อาจฟังว่าเราพูดไม่เพราะ ในขณะที่เด็กไม่รู้สึกอย่างนั้นก็ได้”

    อั๋นเสริมว่า หากจะฟังให้ได้ดี มีประโยชน์ให้ทำเหมือนเราเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่
    “ คือน้องๆทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จจากการฟัง เราก็ต้องใช้ความจำ สมองคิดตามไปด้วย อย่างอยากเก่งภาษาอังกฤษแล้วเลือกดูหนังฝรั่งพี่ก็แนะเลยว่า ฟังแล้วเราซีมซับไปอย่าไปดูอ่านภาษาไทยเข้าใจไม่เข้าใจอีกเรื่องหนึ่งแต่เราต้องฝึกให้สมองมันกลไกไปเอง หรือฟังข่าวภาษาอังกกฤษ ถ้าเราอ่านภาษาไทยมาก่อน พอมาฟังข่าวภาษาอังกฤษอีกทีก็จะเข้าใจ ก็จะนึกได้ว่าคำนี้ต้องใช้อย่างนี้ คือสรุปๆแล้วฟังแล้วเราต้องคิดตามและตั้งใจฟังมัน”

    ส่วนด้าน การอ่านอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ที่ไขเฉลย โดย“ดร.การดี เลียวไพโรจน์” อาจารย์อ้อบอกเราต้องอ่านแบบทำความเข้าใจดีกว่าการท่องจำ แล้วนำเอาสิ่งที่มีอยู่ในสิ่งที่เราอ่านมาใช้ประโยชน์

    อย่างแรกคือเราต้องเอาสิ่งที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ยกตัวอย่างการอ่านข่าวที่จะต้องมีข้อมูลย้อนหลังเพื่อทำความเข้าใจเมื่อเราเก็บรวมรวมมามันก็จะทำให้เรารู้กว้างมากขึ้น เคล็ดลับที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ ได้จากการอ่านนั่นก็คือ การที่เราเอาองค์ความรู้และข้อมูลต่างๆมารวมกัน แม้แรกๆเราจะอ่านไม่เข้าใจก็ตามเหมือนการจับงานข่าวแรกๆของอาจารย์เองก็ยังไม่สามารถเข้าใจ แต่การที่เราอ่านเยอะๆและจับใจความสรุปใจความออกมาแล้วเก็บมาเป็นข้อมูลสำหรับตัวเอง วันหนึ่งเมื่อกลับไปอ่านข่าวคล้ายๆกัน หรือได้ไปเรียนรู้คร่าวๆกับเรื่องราวที่เราพอจะรู้อยู่บ้างอันนั้นก็จะทำให้เราต่อยอดเอามาเป็นความรู้ได้

    อย่าง การอ่านเพื่อไปพูดเราต้องตัวไป
    เพราะผู้ฟังก็จะคาดหวังกับการอ่านการนำเสนอของเรา เราจะต้องเตรียมตัวที่จะรับฟังและพร้อมที่จะคิดแตกต่าง ทุกครั้ง เราต้องถอดข้อมูลลำดับ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยง ส่วนจะอ่านอย่างไรไม่ให้ตกไปเป็นเหยื่อของสื่อ ตรงนี้คำตอบอาจารย์จะบอกวา ด้วยความเป็นคนกล้า กล้าที่จะถามจนได้ข้อมูลดิบ ยกตัวอย่าง เราต้องไปเป็นสำลีชุบน้ำ น้ำดำน้ำเขียว เราต้องชุบแต่สีที่ถูกที่ควรเท่านั้นค่ะ สำคัญคือ อ่านแล้วจับประเด็น ถ้าเราเป็นคนแบบไหน เราก็จะเข้าไปสู่ข้อมูลเราจะต้องเปิดที่จะรับรู้เรื่อง ห้ามช้า”

    ทั้งฟัง พูด อ่าน ใครจะเอาไปยึดเป็นแบบอย่างบ้างก็ได้ไม่ว่ากัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กรมวิทย์เตือนเจ้าของ รร.-ห้าง-อาคารสำนักงาน ระวัง “เชื้อช่องแอร์”
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000019206
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 กุมภาพันธ์ 2551 13:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กระตุ้นผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ตตระหนักถึงการเฝ้าระวังเชื้อลีจิโอเนลลา (Legionella spp.) อย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการ สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว

    เช้าวันนี้ (15 ก.พ.) ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จ.ภูเก็ต นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเปิดการอบรมสัมมนาโครงการรับรองความปลอดภัยจากเชื้อลิจีโอเนลลา (Legionella spp. ) ในสถานประกอบการจังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมจากสถานประกอบการในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด 50 แห่ง และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องจำนวน 100 คน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังควบคุม และป้องกันสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการให้ปลอดภัยจากเชื้อลีจิโอเนลลา และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการได้เห็นความสำคัญและมีความตระหนักในการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีโรคลีเจียนแนร์ในนักท่องเที่ยวหลังจากกลับจากการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในความปลอดภัยจากโรคลีเจียนแนร์เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น

    ทั้งนี้ โรคลีเจียนเนลโลสิส (Legionellosis) เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลา นิวโมฟิวลา Legionella pneumophila เรียกว่าโรคลีเจียนแนร์(Legionnaires’ Disease) พบได้ในแหล่งน้ำทั่วไป แต่เพิ่มจำนวนและเจริญเติบโตได้ดีในแหล่งน้ำนิ่งที่มีอุณหภูมิ 20-50 องศาเซลเซียส เชื้อสามารถแพร่กระจายเป็นละอองน้ำฝอยโดยลม ผู้ป่วยจึงได้รับเชื้อจากการสูดหายใจเอาเชื้อเอาละอองน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป

    สำหรับละอองน้ำเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากหอผึ่งเย็น ระบบระบายน้ำความร้อนแบบแอร์รวม (Cooling tower) เครื่องทำน้ำร้อน ถังเก็บน้ำร้อน ระบบน้ำร้อน ถังเก็บน้ำ ระบบการกระจายน้ำ เช่น น้ำพุ น้ำพุประดับ ฝักบัวอาบน้ำ และสปริงเกอร์ เป็นต้น

    เชื้อดังกล่าวพบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ แต่ส่วนใหญ่พบในวัยกลางคนตลอดจนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มสุรา ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคไตวาย เบาหวาน โรคเอดส์ รวมถึงผู้ที่ต้องรับยากดภูมิคุ้มกัน จัดเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง

    ทั้งนี้ อาการของโรคแสดงได้ 2 ลักษณะ คือ 1.ไข้ปอนติแอก (Pontiac fever) มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ระยะฟักตัวสั้น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการไม่รุนแรง หายได้เองภายใน 2-5 วัน 2.โรคลิเจียนแนร์ (Legionnaires’ Disease) มีภาวะปอดอักเสบ และถุงลมถูกทำลาย ระยะฟักตัว 2-10 วัน มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น ปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มีอาการติดเชื้อในปอดอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

    อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ โดยใช้มาตรการบำรุงรักษาความสะอาดของแหล่งที่น่าจะเป็นรังโรค รวมทั้งการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ รักษาอุณหภูมิของน้ำ และใส่สารชีวฆาต (biocides) เพื่อยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อ ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำให้รักษาความสะอาดระบบน้ำร้อน น้ำเย็น และรักษาระดับอุณหภูมิน้ำร้อนที่ 60 องศาเซลเซียสและน้ำเย็นต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส

    ในการนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการโรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า และหน่วยงานที่มีอาคารสูงขนาดใหญ่ ตระหนักถึงการเฝ้าระวังเชื้อลีจิโอเนลลา โดยการดูแลบำรุงรักษา และทำความสะอาดแหล่งที่มีโอกาสพบเชื้อในอาคารตามระยะที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ และเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หรือ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

    สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและ ผ่านการประเมินตามข้อกำหนดจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองความปลอดภัยจากเชื้อลีจิโอเนลลา พร้อมเครื่องหมายรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในจังหวัดภูเก็ตซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือของประเทศ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันมาฆะบูชา
    ในปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2551

    วันมาฆบูชา
    http://www.banfun.com/buddha/maka01.html

    วันนี้ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๑


    ประวัติ<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="31%" bgColor=#ffffec>
    [​IMG]
    ภาพ : องค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดา
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ​
    </TD><TD vAlign=top width="69%"> วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๓ หรือประมาณราวเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากเป็นปีอธิกมาส (ปีที่มีเดือน ๘ สองหน) วันมาฆบูชาจะเลื่อนไปเป็น วันขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๔ หรือประมาณเดือนมีนาคม
    วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน ๓ ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ ๔ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
    ๑. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
    ๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ และได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
    ๓. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย
    ๔. วันที่มาประชุม ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน ๓) เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์
    โอวาทปาติโมกข์ คือ ข้อธรรมย่ออันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ๓ ประการ ได้แก่
    ๑. ไม่ทำความชั่วทั้งปวง เว้นจากความชั่วด้วยกาย วาจา ใจ
    ๒. ทำความดีให้ถึงพร้อม ด้วยกาย วาจา ใจ
    ๓. ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2> </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    การปลงมายุสังขาร
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้และสั่งสอนพระธรรมมาเป็นระยะเวลา ๔๕ ปี พระองค์ทรงปลงมายุสังขาร คือ ตั้งพระทัยว่า "ต่อแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน เราจักเสด็จดับขันธปรินิพพาน" การปลงอายุสังขาร ตรงกับวันมาฆบูชาในปีที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุ ๘๐ พระชันษา
    ด้วยเหตุนี้ ในวันมาฆบูชา ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า รวม ๒ ประการ คือ เป็นวันที่แสดงโอวาทปาติโมกข์ และ เป็นวันปลงอายุสังขาร
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    ประวัติการประกอบพิธีมาฆบูชา
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>

    ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ดังนี้

    การมาฆบูชานี้ แต่เดิมก็ไม่ได้เคยทำมา พึ่งเกิดขึ้นเมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตามแบบโบราณบัณฑิตนิยมไว้ว่า วันมาฆบุรณมีพระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์ เป็นวันที่พระอรหันต์พุทธสาวก ๑,๒๕๐ ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์สี่ประการ เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต พระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์ เป็นการประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์จึงได้ถือเอาเหตุนั้น ประกอบการสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ พระองค์นั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสและสังเวช การพระราชกุศลนั้น เวลาเช้าพระสงฆ์วัดบวรนิเวศน์และวัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำเสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเหมือนอย่างที่วัดแล้ว จึงได้สวดมนต์ต่อไปมีสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วย สวดมนต์จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีประโคมด้วยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงได้มีเทศนาโอวาทปาติโมกข์กัณฑ์ ๑ เป็นเทศนาทั้งภาษามคธและภาษาสยาม เครื่องกัณฑ์จีวรเนื้อดีผืนหนึ่ง เงิน ๓ ตำลึงและขนมต่างๆ เทศน์จบพระสงฆ์ซึ่งสวดมนต์รับสัพพีทั้ง ๓๐ รูป การมาฆบูชานี้เป็นดือนสามบ้าง เดือนสี่บ้าง ตามวิธีปักษคณนาฝ่ายธรรมยุติกนิกาย แต่คงอยู่ในดือนสามโดยมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทุกปีมิได้ขาด แต่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกบ้างไม่ได้ออกบ้าง เพราะมักจะเป็นเวลาประสบกับที่เสด็จประพาสหัวเมืองบ่อยๆ ถ้าฤดูคราวเสด็จพระราชดำเนินไปประพาสบางประอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็ทรงทำมาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ ขึ้นอีกส่วนหนึ่งต่างหากนอกจากในพระบรมมหาราชวังฯ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย. กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2539.
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันมาฆะบูชา
    ในปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2551

    วันมาฆบูชา
    http://www.banfun.com/buddha/maka01.html

    วันนี้ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๑

    การประกอบพิธีเวียนเทียน ในวันมาฆบูชา

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" colSpan=2> การประกอบพิธีในวันสำคัญนี้ แบ่งออกเป็น ๓ อย่าง คือ
    ๑. พิธีหลวง (หรือพระราชพิธี)
    ๒. พิธีราษฎร์
    ๓. พิธีสงฆ์
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    การประกอบพระราชพิธี
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    สำนักพระราชวัง จะมีหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ในวันมาฆบูชา ออกประกาศให้ทราบโดยทั่วกันทุกปี โดยปกติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จไปบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพระองค์เอง ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แต่บางปีจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทน
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    การประกอบพิธีเวียนเทียนในวันมาฆบูชา สำหรับประชาชนทั่วไป
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    หากเป็นสถานศึกษา ครูอาจารย์จะนำนักเรียนไปประกอบพิธีในวันมาฆบูชาที่วัด โดยบอกกำหนดนัดหมายที่แน่นอน รวมทั้งบอกวัดที่จะไปทำพิธี นักเรียนทุกคนจะต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย นำดอกไม้ธูปเทียน ไปยังสถนที่นัดหมาย ส่วนใหญ่จะจัดพิธีในตอนบ่าย หรือตอนเย็น
    สำหรับประชาชนทั่วไป จะจัดเตรียมเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน ไปพร้อมกันที่วัด ในเวลาเย็นหรือค่ำ เพื่อประกอบพิธีมาฆบูชา การประกอบพิธีส่วนใหญ่ จะกระทำกันที่โบสถ์ เพราะหลังจากฟังโอวาทและสวดมนต์เสร็จแล้ว จะทำการเวียนเทียนรอบโบสถ์
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    พิธีสงฆ์
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    ในวันมาฆบูชา พระสงฆ์จะเป็นผู้นำในการประกอบพิธี มีการให้โอวาท สวดมนต์ และนำในการเวียนเทียน มีการแสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวันมาฆบูชา มีการนั่งสมาธิเจริญภาวนา ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวสุดแต่เห็นสมควร
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    ข้อปฏิบัติสำหรับชาวพุทธในวันมาฆบูชา ที่ควรทราบมีดังนี้
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    ๑. จัดเตรียมเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน มาพร้อมกันที่วัด ตามเวลานัดหมาย เพื่อฟังโอวาทหรือพระธรรมเทศนา และเวียนเทียน
    ๒. ก่อนออกจากบ้าน ควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส และแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย
    ๓. เมื่อถึงวัดแล้ว ควรอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยหยอกล้อ วิ่งเล่น หรือกระทำภารกิจอื่นอันไม่ควร เช่น เคาะระฆังเล่น จุดดอกไม้ไฟ ฯลฯ
    ๔. เมื่อถึงเวลาประกอบพิธี ให้ทุกคนไปเข้าแถวหรือเข้าไปในสถานที่กำหนดโดยพร้อมเพรียงกัน
    ๔. ก่อนเริ่มพิธีเวียนเทียน พระสงฆ์ผู้เป็นประธาน จะกล่าวให้โอวาท ทุกคนต้องพนมมือถือดอกไม้ธูปเทียนตั้งใจฟังด้วยความสงบ กล่าวคำสาธุ เมื่อพระสงฆ์ให้โอวาทจบ
    ๖. ในพิธีสวดมนต์ จะมีผู้กล่าวนำคำบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา และคำบูชาพระรัตนตรัย ให้ทุกคนจุดธูปเทียนประนมมือ กล่าวตามด้วยความเคารพ มีจิตใจยึดมั่น
    บทสวดมนต์ในการทำพิธีวันมาฆบูชา มีดังนี้
    ๑. บทสวดมนต์ไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย (บทอรหัง สัมมา ฯ)
    ๒. บทสวดนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า (บทนะโมฯ ๓ จบ)
    ๓. บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ (บทอิติปิโส ฯ)
    ๔. บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทองค์ใดพระสัมพุทธ ฯ)
    ๕. บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ (บทสวากขาโต ฯ)
    ๖. บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทธรรมมะคือ คุณากร ฯ)
    ๗. บทสวดสรรเสริญพระสงฆคุณ (บทสุปฏิปันโน ฯ)
    ๘. บทสวดสรรเสริญพระสงฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (สงฆ์ใดสาวกศาสดา ฯ)
    ๙. บทสวดพุทธมังคลชยสิทธิคาถา (บทพาหุง ฯ)
    ๑๐. คำแปลบทสวดพุทธมังคลชยสิทธิคาถา สวดทำนองสรภัญญะ (ปางเมื่อพระองค์ ฯ)
    ๑๑. บทสวดบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา (อัชชายัง ฯลฯ)
    ๑๒. คาถาสวดมาฆบูชา
    สำหรับบทสวดในข้อที่ ๑๑ และ ๑๒ นั้น ค่อนข้างยาว เวลาทำพิธีจะมีผู้กล่าวนำ หากสนใจรายละเอียดให้ดูในหนังสือมนต์พิธี (หนังสือคู่มือสำหรับสวดมนต์ของพระ)
    หลังจากสวดมนต์เสร็จ ประธานในพิธีจะนำเวียนเทียน โดยเริ่มจากพระสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป หากครูอาจารย์พานักเรียนมาเป็นหมู่คณะในตอนบ่าย ก็จะให้มีการเวียนเทียนกันก่อน
    ในการเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์ จะกระทำ ๓ รอบ โดยเวียนไปทางขวา เรียกว่า เวียนแบบทักขิณาวัฏ
    ในรอบที่ ๑ ให้รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาคาถา บทอิติปิโส ภควาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ
    ในรอบที่ ๒ ให้รำลึกถึงคุณพระธรรม โดยภาวนาคาถา บทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ
    ในรอบที่ ๓ ให้รำลึกถึงคุณพระสงฆ์ โดยภาวนาคาถา บทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ
    ๗. ในการเดินเวียนเทียน ต้องทำจิตใจให้มีสมาธิ สงบ และแน่วแน่อยู่กับบทบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ไม่ควรส่งเสียงพูดคุยหรือเดินแซงผู้ที่เดินอยู่ข้างหน้า
    ๘. เมื่อเวียนเทียนครบ ๓ รอบแล้ว ให้นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางไว้ในจุดกำหนด เพื่อสะดวกแก่การเก็บทำความสะอาด
    ๙. หลังจากเสร็จพิธีเวียนเทียนแล้ว ควรช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณโบสถ์ให้เรียบร้อย แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความสงบอิ่มเอมใจ หรืออยู่ร่วมพิธีอื่นๆ ที่ทางวัดจัดให้มีขึ้น
    (ในการประกอบพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอื่นๆ เช่น วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา ก็ให้ถือปฏิบัติตามนี้)
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    ข้อเสนอแนะ ในวันมาฆบูชา
    </TD></TR><TR><TD width="25%">
    [​IMG]
    </TD><TD vAlign=top width="75%">
    - ควรออกมาทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า
    - ตั้งใจรักษาศีลห้าให้ครบถ้วน อย่างน้อยก็ให้รักษาไว้ตลอดทั้งวัน
    - และในตอนเย็น ควรไปร่วมพิธีเวียนเทียน เพื่อสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทย เป็นการร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา
    - ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษา และที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยายฉายสไลด์ หรือบรรยายธรรม เกี่ยวกับวันมาฆบูชา ฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจ </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย. กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2539.
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันมาฆะบูชา
    ในปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2551

    วันมาฆบูชา
    http://www.banfun.com/buddha/maka01.html

    วันนี้ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๑

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    คำบูชาพระรัตนตรัย ​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    • อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ. (กราบ)
    • สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ. (กราบ)
    • สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. (กราบ)
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    • พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
      ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน (กราบ)
    • พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว , ข้าพเจ้าขอนมัสการ พระธรรม (กราบ)
    • พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์ (กราบ)
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า ​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    • นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ )
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    • ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ (กราบ)
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดพุทธานุสสติ ​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    • อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน, สุขโต โลกะวิทู, อนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ,สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวาติ (กราบ)
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    • เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นผู้ไกลจากกิเลส และตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ
      เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
      เป็นผู้สามารถผฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
      เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความเจริญ เป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ดังนี้.
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ ทำนองสรภัญญะ ​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    <CENTER><TABLE width="80%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"> (นำ) องค์ใดพระสัมพุทธ (รับพร้อมกัน)
    ตัดมูลเกลศมาร
    หนึ่งในพระทัยท่าน
    ราคี บ พันพัว
    องค์ใดประกอบด้วย
    โปรดหมู่ประชากร
    ชี้ทางบรรเทาทุกข์
    ชี้ทางพระนฤพาน
    พร้อมเบญจพิธจัก-
    เห็นเหตุที่ใกล้ไกล
    กำจัดน้ำใจหยาบ
    สัตว์โลกได้พึ่งพิง
    ข้าขอประณตน้อม
    สัมพุทธการุญ-
    </TD><TD vAlign=top width="50%">สุวิสุทธสันดาน
    บ มิหม่นมิหมองมัว
    ก็เบิกบานคือดอกบัว
    สุวคนธกำจร
    พระกรุณาดังสาคร
    มละโอฆกันดาร
    และชี้สุขเกษมสานต์
    อันพ้นโศกวิโยคภัย
    ษุจรัสวิมลใส
    ก็เจนจบประจักษ์จริง
    สันดานบาปแห่งชายหญิง
    มละบาปบำเพ็ญบุญ
    ศิรเกล้าบังคมคุณ
    ญภาพนั้นนิรันดร (กราบ)</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดธัมมานุสสติ ​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    • สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหี ติ (กราบ)
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    • พระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง
      เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด
      เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ ทำนองสรภัญญะ ​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    <CENTER><TABLE width="80%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"> (นำ) ธรรมะคือคุณากร</TD><TD vAlign=top width="50%">(รับพร้อมกัน) ส่วนชอบสาธร </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ดุจดวงประทีปชัชวาล</TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> แห่งองค์พระศาสดาจารย์ </TD><TD vAlign=top width="50%">ส่องสัตว์สันดาน </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">สว่างกระจ่างใจมล</TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> ธรรมใดนับโดยมรรคผล </TD><TD vAlign=top width="50%">เป็นแปดพึงยล </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">และเก้านับทั้งนฤพาน</TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> สมญาโลกอุดรพิสดาร </TD><TD vAlign=top width="50%">อันลึกโอฬาร</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">พิสุทธิ์พิเศษสุกใส</TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> อีกธรรมต้นทางครรไล</TD><TD vAlign=top width="50%">นามขนานขานไข</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง</TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> คือทางดำเนินดุจครอง</TD><TD vAlign=top width="50%">ให้ล่วงลุปอง</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ยังโลกอุดรโดยตรง</TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> ข้าขอโอนอ่อนอุตมงค์ </TD><TD vAlign=top width="50%">นบธรรมจำนง</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ด้วยจิตและกายวาจาฯ (กราบ)
    </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดสังฆานุสสติ ​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    • สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
      ยะทิทัง, จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐปุริสปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกสังโฆ อาหุเนยโย,
      ปาหุเนยโย, ทักขิเนยโย, อัญชะลีกะระณีโย, อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (กราบ)
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    • พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว
      พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว
      พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
      พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว
      ได้แก่ บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
      เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ (กราบ)
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2>
    บทสวดสรรเสริญพระสังฆคุณ ทำนองสรภัญญะ ​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    <CENTER><TABLE width="80%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"> (นำ) สงฆ์ใดสาวกศาสดา </TD><TD vAlign=top width="50%">(รับพร้อมกัน) รับปฏิบัติมา</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">แต่องค์สมเด็จภควันต์ </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> เห็นแจ้งจตุสัจเสร็จบรร- </TD><TD vAlign=top width="50%">ลุทางที่อัน</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ระงับและดับทุกข์ภัย </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> โดยเสด็จพระผู้ตรัสไดร </TD><TD vAlign=top width="50%">ปัญญาผ่องใส</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">สะอาดและปราศมัวหมอง </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> เหินห่างทางข้าศึกปอง </TD><TD vAlign=top width="50%">บ มิลำพอง</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ด้วยกายและวาจาใจ </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- </TD><TD vAlign=top width="50%">ศาลแด่โลกัย</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">และเกิดพิบูลย์พูนผล </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> สมญาเอารสทศพล </TD><TD vAlign=top width="50%">มีคุณอนนต์</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">อเนกจะนับเหลือตรา </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> ข้าขอนพหมู่พระศรา- </TD><TD vAlign=top width="50%">พกทรงคุณา-</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">นุคุณประดุจรำพัน </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ </TD><TD vAlign=top width="50%">พระไตรรัตน์อัน</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">อุดมดิเรกนิรัติศัย </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> จงช่วยขจัดโพยภัย </TD><TD vAlign=top width="50%">อันตรายใดใด</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">จงดับและกลับเสื่อมสูญ (กราบ)
    </TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2> </TD></TR><TR><TD width="100%" colSpan=2>
    <CENTER><TABLE width="80%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"> กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
    พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
    พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
    กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ,</TD><TD vAlign=top width="50%"> ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว
    ในพระพุทธเจ้า, ขอพระพุทธเจ้า จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป.
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
    ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง,
    ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
    กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม</TD><TD vAlign=top width="50%"> ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว
    ในพระธรรม, ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป.
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%"> กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
    สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
    สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
    กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ</TD><TD vAlign=top width="50%"> ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว
    ในพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ในกาลต่อไป.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=#ccffff colSpan=2> </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง สวดมนต์แปล วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี, 2535.
    ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย.
    กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2539.
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=620>การให้ทานโดยไม่หวังผลตอบแทน


    </TD><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD class=cd16 width=620>http://www.banfun.com/buddha/tana_compens.html

    สำหรับการให้ทานนี้บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายและบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน พยายามให้ทานตามนี้เพราะว่าการให้ทานครั้งแรกๆ ทานนี้ได้พูดไว้แล้วว่ามี พรหมวิหาร ๔ เป็นพื้นฐาน คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร แต่ทว่าในตอนต้นกำลังใจเราอาจจะหวั่นไหวอยู่มาก ถ้าไปคิดว่าจะไปให้ทานกับคนที่เราไม่ชอบใจ คือว่าทำให้เราไม่ชอบใจไว้ก่อน ใจอาจจะไม่สบาย เพราะการให้ทานจะมีผลดีต้องมีเจตนา ๓ ประการครบถ้วน นั่นคือ
    ๑. ก่อนจะให้ตั้งใจว่าจะให้
    ๒. ขณะให้อยู่ก็เต็มใจให้
    ๓. เมื่อให้แล้วก็มีความปลื้มใจ มีความอิ่มใจว่าเราทำการสงเคราะห์แล้ว คือให้ทานแล้ว นี่ชื่อว่า เจตนา ๓ ประการ ถ้ามีครบถ้วนมีอานิสงส์มาก แต่เรื่องของอานิสงส์นี่ก็ต้องดูบุคคลก่อน ถ้าบุคคลผู้รับไม่บริสุทธิ์ คือหมายถึงพระก็ดี ฆราวาสก็ดี เณรก็ดี ถ้าเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ผลทานเราก็ลดไป ๑ ใน ๓ ถ้าเราเองไม่บริสุทธิ์ ผลทานเราก็ลดไม่บริสุทธิ์ด้วย เลยไม่มีผลกันเลย ฉะนั้น การให้เราต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ วัตถุทานก็ต้องบริสุทธิ์ ไม่ลักไม่ขโมย ไม่คดโกงใครมา ยื้อแย่งใครเขามา ผู้รับทานเป็นผู้บริสุทธิ์จึงจะมีอานิสงส์เลิศ
    แต่สำหรับทานบารมีนี่ เราต้องการตัดโลภะ ความโลภคือหวังทำลายกิเลสให้สิ้นไป เราหวังนิพพาน ฉะนั้นการให้ทาน เราอาจจะไม่เลือกบุคคลก็ได้ แต่ทว่าต้องดูกันก่อน ในตอนแรกๆ ก็ต้องเลือก ถ้าไม่เลือก ผลมันจะไม่มีความหมาย ทั้งนี้เพราะอะไรก็เพราะว่า ถ้าคนที่เราไม่ชอบใจ คิดว่าจะให้ทานเมื่อไร ใจมันก็ย่อมไม่เป็นสุข อารมณ์จะขุ่นมัว ทีนี้ในเมื่อเป็นอย่างนี้เราก็ต้องเว้นเสียก่อน เว้นคนที่เขาประกาศตนเป็นศัตรูกับเรา ให้เฉพาะบุคคลที่ไม่เป็นศัตรูกับเรา
    ต่อไปก็ความเมตตากรุณามีความสูงขึ้น อารมณ์ของอุเบกขาทรงตัว คือวางเฉย วางเฉยได้ในอาการของคนอื่น เราก็ให้ทั้งๆ ที่คนที่เราชอบเราไม่ชอบก็ให้ ความจริงการให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานนี่อย่าไปนึกว่ามีผลน้อย ถ้าเราให้บ่อยๆ มันก็เกิดผลมาก พยายามให้เพื่อทำให้จิตเป็นสุข นี่ลักษณะการให้ทานต้องค่อยๆ ทำ
    และอีกประการหนึ่ง การให้ทานคิดไว้เสมอว่า คนที่เราให้อย่าไปหวังการตอบแทนของเขา แต่ว่าบางคนให้แล้วกลับเป็นศัตรูกับเรา เป็นการให้กำลังกับโจร อันนี้ผมโดนมาเยอะแยะแล้ว ขณะที่พูดนี่ก็ยังมีอยู่ ผู้ที่รับผลจากผมเอง ถ้าคิดเป็นเงินเป็นจำนวนแสนๆ ไอ้คำว่ารับผลนี่หมายความว่า เขาเกาะเงา ของผมเอาไปหากิน แต่ว่าคนประเภทนี้ก็ยังคิดว่ามีอยู่เวลานี้ ที่พูดมานี้ไม่ได้พูดให้พวกท่านเจ็บใจ ให้จำไว้อย่างเดียวว่า การให้ทานอย่าหวังผลตอบแทนในชาติปัจจุบัน ก็ต้องคิดไว้ว่าเขาเป็นคนดี ถ้าเขาจะเลวก็เป็นเรื่องเลวของเขา ทำใจให้เป็นสุข คิดว่าเราให้ทานเพื่อเป็นความบริสุทธิ์ของจิต จิตจะได้ตัดโลภะความโลภ นี่เป็นลักษณะการให้ทาน
    และการให้ทานมีอีกแบบหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสในเรื่องของ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ว่า บิดาของท่านสอนท่านในขณะที่แต่งงานว่า
    เขาให้เราจึงให้ เขาไม่ให้จงอย่าให้ และเขาให้หรือไม่ให้ก็ตาม เราก็ให้
    หมายความว่าเขาให้เราจึงให้ เขาไม่ให้เราจงอย่าให้ เขาให้หรือไม่ให้เราก็ให้ นั่นก็หมายความว่า อันดับแรกต้องดูก่อนว่า คนใดที่เราให้ไปแล้วกำลังใจเรายังอ่อน ยังมีอารมณ์หวั่นไหว เขาให้ความขอบใจ ให้ความยินดีในเรา เราจึงให้ ความสดชื่นจะได้มีกับจิต ถ้าเราให้เขาไปแล้ว แต่เขาไม่ให้ หมายความว่าให้ไปแล้วกลับประกาศตนเป็นศัตรู มีความอกตัญญูไม่รู้คุณคน คนประเภทนี้เราจงอย่าให้ จะทำให้ใจของเราหวั่นไหว
    ทีนี้ข้อสุดท้าย เขาให้หรือไม่ให้เราก็ให้ นั่นก็หมายความว่า ถ้าคนเขาอดอยากจริงๆ มีความทุกข์ร้อนเราให้ เราให้โดยคิดว่าเขาจะขอบใจหรือไม่ขอบใจ เขาจะยินดีเราต่อไปในเบื้องหน้าหรือไม่เป็นเรื่องของเขา เราให้เพื่อเป็นการเปลื้องทุกข์เราให้ด้วยความเมตตาปราณี เราตั้งจิตไว้ว่าเราให้อย่างนี้ เพื่อเป็นการเปลื้องโลภะในจิตของเรา จิตเราจะได้สบาย
    อย่างตัวอย่างที่บรรดาพวกเราทั้งหลายและพวกท่านทั้งหลายและญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เราร่วมกิจกรรมอันหนึ่งกันมาหลายปี ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสขอให้ตั้ง ศูนย์สงเคราะห์ผู้อยากจนในถิ่นทุรกันดาร แล้วก็ทำมาสิ้นข้าวสารไปแล้วเกือบ ๑๐,๐๐๐ กระสอบ ความจริงถ้าคิดละเอียดก็เกิน ๑๐,๐๐๐ กระสอบแล้วก็มี ผ้าผ่อนท่อนสไบ มีของใช้ มีอาหาร มียารักษาโรค คิดจริงๆ แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ มาถึงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๗ คิดแล้วเงินหมดไป ค่าของเงินเกินกว่า ๑๐ ล้านบาท การให้อย่างนี้เราไม่ได้หวังผลตอบแทน ทุกคนพร้อม ยินดี แล้วก็ยังให้กันอยู่การให้อย่างนี้ถือว่าเป็นการให้เพื่อตัดความโลภจริงๆ เป็นการสงเคราะห์
    ถ้าจะพูดถึงอานิสงส์ก็คล้ายกับท่านเมณฑกเศรษฐี ในชาติรองลงไป ก่อนจะขึ้นมาเป็นเมณฑกเศรษฐี
    ชาตินั้นมีวาระหนึ่งในระยะ ๓ ปี เกิดข้าวยากหมากแพงฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ท่านถามปุโรหิตก่อนที่จะไปเฝ้าพระราชา ท่านถามว่า "ปุโรหิต จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?" ท่านปุโรหิตบอกว่า "ผมมีหน้าที่ในการพยากรณ์ ผมก็ตรวจชะตาของประเทศตลอดเวลา หลังจากนี้ต่อไป ๓ ปี ข้าวจะยากหมากจะแพง ฝนจะแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล โรคคือความหิวที่ไม่มีอาหารจะบริโภคจะเกิดขึ้นกับประชาชน จะมีความยากลำบากมาก"
    ท่านกลับมาบ้านสั่งทำนาเป็นการใหญ่ ตั้งฉางไว้ถึง ๑๒๕ ฉาง (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ จำนวนนี้ไม่แน่ อาจจะ ๑ หรือ ๑,๑๒๕ ฉาง ผมจำไม่ได้) ทำข้าวแล้วก็เอาเงินไปซื้อของ ท่านเป็นเศรษฐี ซื้อข้าวใส่จนเต็ม เตรียมไว้กินในที่สุดข้าวทั้งหลายเหล่านั้นมันก็หมด หมดแล้วฝนยังไม่ตกเลย เกิดความลำบากมาก
    ต่อมาวันหนึ่งท่านไปเฝ้าพระราชากลับมา ข้าวสารที่บ้านมันเหลือทะนานเดียว และคนที่บ้านมีตั้ง ๕ คน ที่ว่า ๕ คนเพราะว่าอะไร ตอน อดๆ อยากๆ ท่านปล่อยให้คนรับใช้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ พวกทาสไม่ต้องกลับมาอีก เมื่อข้าวดีอาหารดีจะกลับมาก็ได้ ไม่กลับมาก็ได้ ปล่อยเป็นอิสระ
    วันนั้นท่านหิวจัด มาบ้านถามภรรยาว่า "ข้าวมีไหม"
    ภรรยาก็ตอบว่า "มี มีอยู่ ๑ ทะนาน"
    ท่านก็เลยบอกวา "ถ้าข้าวต้มเรากินได้ ๒ วัน ถ้าหุงกินได้วันเดียว"
    ภรรยาก็บอก "ยังไงๆ ก็หุง"
    เมื่อหุงข้าวขึ้น สุกกำลังจะกิน ก็พอดีมีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ท่านออกจากนิโรธสมาบัติ ท่านพิจารณาว่าวันนี้จะได้ใครเป็นผู้สงเคราะห์เราบ้าง ก็ทราบว่าคนยากจนกันมาก ร่างกายมันต้องการอาหาร เวลาที่เข้านิโรธสมาบัติมันไม่หิว เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติมันหัว ก็เมื่อร่างกายต้องการอาหารก็ต้องหาให้มัน ทราบด้วยทิพจักขุญาณว่าบ้านนั้นนั่นแหละ (คือบ้านเมณฑกเศรษฐีบ้านนั้น) ถ้าไปแล้วเขาก็จะถวายแม้ข้าวจะมีทะนานเดียวเขาก็ถวาย จึงได้เหาะไปจากภูเขาคัมธมนาทน์ไปยืนอยู่เพื่อรับบิณฑบาต
    ท่านเมณฑกเศรษฐีเห็นเข้าก็คิดว่าชาติก่อนเราทำทานไว้น้อยจึงต้องมาอดอยากอย่างนี้ เราจะกินข้าวทะนานเดียวจะมีประโยชน์แก่เราวันเดียวเท่านั้น ถ้าเราใส่บาตรจะได้บุญใหญ่ ต้องการบุญเพื่อชาติหน้าดีกว่าชาติดีกว่าชาตินี้ยอมอดตาย จึงเอาข้าวไปใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า
    พอใส่ไปได้ครึ่งหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าจึงเอาฝาบาตรปิดบาตร บอกว่า "พอแล้วโยม"
    ท่านก็เลยบอกว่า "อย่าเพิ่งพอครับ ผมมันเลวมาก ชาติก่อนให้ทานไว้น้อย ชาตินี้ขอได้โปรดรับให้หมดไปเพื่อประโยชน์ของผม"
    พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ทรงรับ แล้วคนทั้งหมดก็ต่างคนต่างอธิษฐาน ต้องการความร่ำรวย ต้องการความเป็นสุขทั้ง ๕ คน ภรรยาของท่านอธิษฐานว่า
    "ขออำนาจบุญบารมีอันนี้ที่ใส่บาตรแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า เหมือนกับเหวี่ยงชีวิตลงไปในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้าเพราะว่าข้าวมีเท่านั้นไม่ได้กินก็ตายกันแน่ ขอผลบุญบารมีอันนี้ในกาลต่อไป นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าข้าวปลาอาหารที่จะแจกแก่บุคคลผู้ใด หุงเต็มหม้อแล้วตักไปแล้ว ให้มันแหว่งแค่ทัพพีเดียว จะตักเท่าไรก็ตามที ข้าวก็จะเต็มหม้ออยู่เสมอ แหว่งแค่ทัพพีต้น"
    พระปัจเจพุทธเจ้าท่านให้พรว่า "เอวัง โหตุ" แปลว่า ปรารถนาสิ่งใด จงมีความปรารถนาสมหวังทุกประการ แล้วท่านก็ไป ท่านก็อธิษฐานจิตว่า เราควรจะทำความดีนี้ให้ปรากฏแก่เศรษฐีและบุคคลทุกคน ท่านเหาะไปภูเขาคันธมาทน์ ท่านบันดาลด้วยกำลังฤทธิ์ของท่าน ให้ทั้ง ๕ คนเห็นท่านไปตลอดเวลา พอไปถึงภูเขาคันธมาทน์แล้วก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้านับเป็นพัน มารับบาตรจากท่าน ท่านก็ใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกองค์จนหมด ข้าวในบาตรของท่านก็ไม่หมด ท่านก็ต่างคนต่างฉัน
    ทุกคนเห็นแบบนั้นก็ปลื้มใจว่า อำนาจของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นมากมายนัก ต่อมาหันหน้าเข้ามาในบ้าน ท่านมหาเศรษฐีหิวแล้วก็หิวมากขึ้น ใจมันอิ่มแต่ว่าท้องมันหิว จึงถามภรรยาว่า
    "น้อง...ไอ้ข้าวตังก้นหม้อมันมีไหม"
    ภรรยาของท่านก็แสนดี คำว่าไม่มีไม่เคยตอบ บอก "มีเจ้าค่ะ" ท่านก็เลยบอก "ขอข้าวตังฉันเคี้ยวสักนิดเถอะฉันหิวแย่แล้ว"
    ภรรยาก็ไปเปิดหม้อข้าว ที่ไหนได้ แทนที่จะมีแต่ข้าวตังข้าวสุกเต็มหม้อปรี่ ด้วยอำนาจของพระปัจเจกพุทธเจ้าเลยบอก
    "นาย..โอ้โฮ ข้าวเต็มหม้ออัศจรรย์จริงๆ เมื่อกี้ฉันคดหมดแล้วนะ ความจริงข้าวตัวมันก็ไม่เหลือ ที่ท่านถามฉัน ฉันก็พูดแบบเอาใจ คิดว่าจะเอาน้ำล้างหม้อให้ท่านมาบริโภค แต่ที่ไหนได้ข้าวสวยแล้วก็มีกลิ่นหอมมาก นิ่มนวลเหลือเกิน ร้อนกรุ่นเหมือนกับสุกใหม่ๆ" (แต่ความจริงหม้อไม่ได้ตั้งเตา)
    ท่านเศรษฐีก็เรียกลูกชาย ลูกสะใภ้ ทาสคือนายบุญไม่ยอมไปไหน มากินด้วยกันหมด กินหมดเสร็จเรียบร้อยแล้วไอ้ข้าวมันก็ไม่ยอมยุบ หม้อทั้งหม้อมันเต็ม แล้วก็ร้อนอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องหุงใหม่ เพราะไม่มีข้าวสารจะหุง จึงได้แจกชาวบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงใครมาก็แจกๆ แจกกินกันจนอิ่มแล้วก็อิ่มอีก กี่เวลาก็ตาม คนมาเท่าไรก็ตามแจกกันดะ ในที่สุดคนทั้งบ้านเมืองต่างก็มาขอข้าวสุกจากท่าน ท่านจึงแจกทั้งวันทั้งคืน ข้าวไม่ยอมหมด แหว่งไปแค่ทัพพีเดียว
    ท่านบอกว่าอานิสงส์แจกไม่เลือกแบบนี้ ทำให้เมณฑกเศรษฐีหนึ่ง ภรรยาของท่านหนึ่ง ลูกชายของท่านหนึ่ง นางวิสาขามหาอุบาสิกา (สมัยนั้นเป็นลูกสะใภ้) หนึ่ง และนายบุญทาสีซึ่งเป็นทาสหนึ่ง มาเกิดร่วมกัน อยู่ในบ้านเดียวกันอีก พ่อก็มาเป็นลูกสะใภ้ นายบุญเคยอธิษฐานในสมัยนั้นว่าขอเป็นทาสเขาต่อไปเธอก็มาเป็นทาสรับใช้ แต่มีวาสนาบารมีเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์มาก เธอไม่ยอมออกจากบ้าน
    พอท่านเมณฑกเศรษฐีเกิดขึ้นมาในครรภ์มารดา ปรากฏว่ามีแพะทองคำโตเท่าช้าง เท่าม้าบ้าง นับเป็นพันตัว ล้อมบ้านอยู่ และมีสายไหมในปาก อยากจะกินอะไรดึงปั๊บออกมาเป็นขนม นมเนย เป็นอาหารการบริโภค กินต้มกินแกงแบบไหนมีหมดตามความต้องการ ต้องการผ้าผ่อนท่อนสไบก็ได้ ต้องการเพชรนิลจินดาเงินทองเท่าไรก็ได้ เลยดึงกันใหญ่ แค่แพะก็รวยแล้ว แพะทองคำโตเท่าช้างบ้าง โตเท่าม้าบ้าง เป็นพันตัว ก็เหลือแหล่ แล้วกลับดึงเงินทองแก้วแหวนจินดาอีก มันก็รวยกันใหญ่รวยเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ที่มีเงินนับไม่ได้
    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและญาติโยมพุทธบริษัทการให้ทานในเบื้องต้นมันเป็นสุขอย่างนี้ นั่นหมายความว่าถ้าเรายังไม่เข้าถึงนิพพานเพียงใด เราก็จะเป็นคนที่ไม่มีความทุกข์ในเรื่องวัตถุที่จะพึงใช้พึงกิน จะมีความอุดมสมบูรณ์มาก
    ฉะนั้นการที่บรรดาท่านทั้งหลายมีความเคารพในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค ตั้งใจบำเพ็ญทานบารมี การตั้งใจบำเพ็ญทานบารมีคิดไว้เสมออย่างนี้ พวกเรานี่คิดจริงๆ นะจะมีอะไร เกิดขึ้น สังฆทานอันนี้มีอานิสงส์เลิศ พระพุทธเจ้าบอกเกิดกี่ชาติๆ ความจนจะไม่พบ สาธารณทานเราก็ทำ ทำตั้งแต่เชียงราย ไปยังที่ไหน ตะวันออกก็สุด จันทบุรี ตะวันตกก็สุดที่ กาญจนบุรี ทิศใต้ก็สุด ยะลา นราธิวาส เราก็ทำกันทั้งหมดใครเขาอดที่ไหนเราไปกันที่นั่นตามกำลัง ทั้งๆ ที่หน่วยของเราศูนย์สงเคาะห์ฯ นี้มีทุนน้อย แต่ว่ากำลังใจคนดี เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาทีต่างคนต่างร่วมกัน อย่างนี้คิดว่า องค์สมเด็จพระทรงธรรมคงจะทรงตรัสว่า "ทานของพวกเราคล้ายคลึงทานของท่านเมณกเศรษฐี" ถ้าบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเพียงใดเกิดกี่ชาติก็เข้าใจว่าเป็นอย่างเมณฑกเศรษฐี แล้วบุญบารมีของท่านเมณฑกเศรษฐีนั้นชาติอีกชาติเดียว ท่านเกิดมาเป็นเมณฑกเศรษฐีท่านก็เป็นพระอริยะเจ้า ฟังเทศน์จบเดียวเป็นพระโสดาบันทั้งหมด

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากหนังสือ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.banfun.com/buddha/kama.html


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD width=620>
    คำขอขมาพระรัตนตรัย


    </TD><TD width=80 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD width=620>
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะฯ

    ( ว่า ๓ จบ )
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
    อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
    อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
    ( ถ้าหลายคนว่า.... ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ,....
    ขะมะตุ โน ภันเต, อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ )

    <CENTER></CENTER>
    หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือทางวาจาก็ดี และด้วยเจตนา หรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่นิพพานด้วยเทอญ


    <CENTER><HR width="50%" color=#800000></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    คัดจากหนังสือสวดมนต์ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี​
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สุนัขตายแทนเจ้าของ หลังเห่าเตือนบ้านไฟไหม้
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=19888&catid=6

    สลด! สุนัขสหรัฐสร้างวีรกรรมยอมตายแทนเจ้าของ หลังบ้านถูกเพลิงไหม้ เผยฮีโร่โฮ่งๆ ถูกเพลิงคลอกตาย หลังช่วยแม่ลูกสองรายรอดชีวิต


    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขี้นที่เมืองไวโนน่า รัฐมินเนโซต้า ของสหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าสุนัขชื่อ'เบลล่า'ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ วัย 3 ปี เและเจ้าสุนัขเมดดี้ พันธุ์เดียวกัน วัย 6 เดือน เกิดตื่นตัวจากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านอย่างไม่คาดฝัน โดยเจ้าเบลล่าได้ขึ้นเตียงนอนของนางฮู ฟิลลิ่ง และเห่าเตือนว่าเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นในบ้าน ก่อนที่นางฮูซึ่งได้กลิ่นเพลิงไหม้จะรุดอุ้มลูกสาวออกจากบ้านทันที แต่หลังออกจากบ้าน เจ้าสุนัขเบลล่ายังคงติดอยู่ในบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่มาถึงเหตุการณ์พยายามดับเพลิงเพื่อช่วยเหลือชีวิตมัน แต่สายเกินไป
    รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เพลิงไหม้ในบ้านนางฟิวลิ่งเกิดขึ้นเพราะไฟฟ้าลัดวงจร และตัวเธอยังคงอยู่ในโรงพยาบาลเพราะล้มป่วยจากอาการสำลักควันพิษ ขณะที่เธอกล่าวชื่นชมเจ้าสุนัขเบลลิ่งว่า เธอได้แต่คิดถึงมัน โดยทุกอย่างที่เธอเสียไปเทียบกับชีวิตของเจ้าเบลลิ่งไม่ได้เลย ส่วนนายจิม มัลธาอัพ หัวหน้าคณะดับเพลิงบอกว่า เจ้าเบลลิ่งและเมดดี้เป็นฮีโร่อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้ สำหรับเจ้าเบลลิ่เป็นสุนัขจรจัดที่ถูกนางฟิวลิ่งเก็บมาเลี้ยง และสร้างวีรกรรมยอมตายแทนเจ้าของดังกล่าว
     
  18. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    เพื่อนชื่อคุณป้อมทำบุญผ้าป่ามาสองพันบาท
    ขอบูชาสมเด็จอกครุฑ
    โอนแล้วจะแจ้งให้ทราบนะคะ
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  19. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ประกาศ! ด่วนครับ แจ้งความคนหาย ชายหนุ่มหล่อรูปร่าง สูงใหญ่ ชอบทำบุญ นาม ท่านกุ้งมังกอน ได้หายสาปสูญไป จากบอร์ด เพื่อนๆพี่ ๆน้องๆเป็นห่วงมาก ให้อภัยทุกอย่าง กลับมาด่วนนะครับ(eek) 5555555(deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...