ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    เกล็ดเล็กๆ

    สำหรับเหรียญปราบโลก พอดีคุณพี่ที่บางแคนัดรับไปตั้งแต่ผมเล่าประสบการณ์แล้ว เค้าบูชาไปแล้วบอกกลับมาว่า ของพ่ออาจารย์ชิ้นนี้แปลกๆ ไม่เหมือนอะไรที่เคยนำไปห้อย เขาว่าเขาฝันเห็นกลุ่มเงาดำอยู่ในร่างกายตัวเองมาเสมอ จนนำปู่ไปอาราธนาก็รู้สึกติดขัดหายใจไม่สุด เจ็บๆน่าอก ตอนแรกปรึกษาผม ผมก็งงเพราะเราไม่เป็น ไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยตอบไปว่า คงปรับธาตุมั๊ง มีหลายๆคนใช้เนื้อธาตุกายสิทธิ์ก็โดนปรับธาตุแบบนี้แหละ

    ก็ตอบเขาไปอย่างนั้น เขาก็ห้อยต่อแล้วว่ามันไม่หาย รู้สึกอึดอัดหนักข้างในมากเหมือนอะไรมันจุกอกอยู่ พยายามหายใจยังยากต้องใช้ปากช่วย แต่พี่เค้าบอกว่าเอาวะตายเป็นตายตอนนั้น ตั้งใจแล้วยังไงก็ไม่ถอด จะตายเพราะปรับธาตุก็ให้มันรู้ไป เค้าก็โทรมาเล่าให้เราฟังตลอดจนวันสองวันเห็นเงียบไปนึกว่าอาการคงเป็นปกติแล้ว

    พี่เค้าโทรมาอีก บอกว่าหายแล้ว แต่ก่อนจะหายพี่เค้าฝันแปลกๆ ฝันเห็นมีแสงสว่างอยู่ภายในเงาใสๆ ไม่สามารถมองทะลุได้ แต่ภายในร่างเงานั้นมีแสงสว่างเจิดจ้ามาก เดินเข้ามาหาแล้วจิกกบาลพี่เขา อีกมือหนึ่งก็เงื้อพระขรรค์มีคมขึ้นมาส่องแสงสว่างแปลบปลาบตาพี่เค้าว่าเหมือนกับแสงฟ้าแลบมองไม่ได้เลย มือหนึ่งก็จิกศรีษะพี่เขาแล้วดึงเอากลุ่มควันดำนั้นหลุดออกมากลายเป็นแพะสีดำ พร้อมกับหวดพระขรรค์ลงไปแพะนั้นก็กลายเป็นควันลอยหายไป

    พี่เค้าบอกว่าตั้งแต่ฝืนห้อยเหรียญแล้วฝันเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ไม่มีอาการอะไรแล้ว รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลย

    ก็เลยลองสอบถามพ่ออาจารย์ตอนนำเรื่องมาพิมพ์ ท่านพูดให้คิดเป็นปริศนาว่าสรรพสิ่งนั้น ไม่มีสิ่งใดบังเอิญหรอก เพราะบุญเพราะบารมีนั้นจะชักนำให้ได้เกื้อหนุนกันท่านก็จะมา ตัวเจ้าเองก็ต้องเปิดรับด้วย ชีวิตคนนั้นตั้งอยู่บนกฏของกรรมคือการกระทำของตัวเอง เหมือนเจ้ากลิ้งก้อนหินสัณฐานกลมมนลงไปในทางลาดที่ยาวไม่รู้จบ กรรมมันก็เป็นเช่นนั้นแหละ หินสัณฐานกลมนั้น เมื่อกลิ้งออกไปแล้ว มันก็จะกลิ้งไปเรื่อยๆ หาหยุดได้ด้วยตัวของมันเองไม่ นี่คือกฏของกรรม แต่ถ้ามีบุญอุปถัมภ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกื้อหนุน หินก้อนนั้นที่เจ้าหยุดด้วยตัวเองไม่ได้ ผู้ที่มีกำลังมากกว่าเจ้า ก็อาจจะมาหยุดยั้งหรือหยิบมันออกจากทางลาดชันนั้นให้เจ้า

    ฟังแล้วก็ยังงงๆอยู่ดี แต่โทรบอกพี่เค้าไป พี่เค้าว่าขอบคุณมาก คือเราไม่ค่อยเก็ต แต่พี่เค้าว่าเค้าคิดตามแล้วเก็ต เพราะยังไม่เคยเจออะไรที่ตัดกรรมเก่าประจำตัวได้ตรงๆแบบนี้มาก่อน บารมีพ่อผกาพรหมนี่สุดๆจริงๆ เห็นว่าฝันว่าโดนตัดแพะนั่นไปแล้วเช้าขึ้นมาได้ออเดอร์ใหญ่จากสวิสเลยมูลค่ามหาศาลมากก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเหมือนกันเพราะเราก็อธิษฐานใช้อยู่เรื่องเดียว ให้คนที่เราจีบทางสะดวกปลอดภัยไร้คู่แข่ง เท่านี้ก็สบายใจแล้ววันๆนึง ก็นำมาเล่าผ่านกันฟัง เผื่อใครมีกรรมเก่าอยู่ลองดู ห้อยแล้วภาวนา พรัมมะสิริ พรัมมะวังนัง พรัมมะสุขัง พรัมมะรูปัง พรหมันนิพพานัง อนิโสสะ สิวังพุทธัง จำง่ายๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2015
  2. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130
    อยากชมๆทั้งชุดครับ
     
  3. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    จอง 2องค์ไม่ทราบเหลือเปล่าครับ
    นายชูกิจ พาพันธ์
    ตู้ ปณ 12 มุกดาหาร ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร 49000
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2015
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    มาดูกัน

    ก็ตามคำขอ แต่สงสัยกล้องเรามันจะห่วยรึแสงไม่พอ ถ่ายออกมาเลยมองไม่ค่อยออก

    จะอธิบายให้
    - องค์ในรูปแรกนะ วรรณณะจะเป็นสีเงินยวงเป็นสะเก็ดแต่ไม่ถึงสะเก็ดเพชรแบบปรพรหมอาตมัน จะเป็นสะเก็ดเจือด้วยเนื้อที่ดูเงาใส ดูเป็นธรรมชาติมีคราบผิวไฟแบบของโบราณ
    - องค์ในรูปที่สอง จะออกเงาใส เมื่อมองผ่านก็เป็นสีเงินธรรมดา แต่ถ้าสัมผัสแสงจะเป็นสีทองอ่อนๆทั้งองค์
    - องค์ในรูปที่สาม จะเป็นสีทองอ่อนๆทั้งองค์แม้ไม่ต้องโดนแสงอะไร เหมือนเคลือบน้ำทองแบบทองสว่างสวยมาก พิจารณาดีๆก็ค่อนไปทางเขียวอ่อนๆเหมือนกัน
    - องค์ในรูปที่สี่ จะเป็นพื้นสีทองทั้งองค์แบบรูปที่สามนะแต่ค่อนจะเข้มกว่าจะเริ่มออกเขียว และในบางจุดขององค์พระก็จะขึ้นแร่เงินยวงเป็นเม็ดเงินแทรกขึ้นมาสวยงาม

    ก็เอามาลงให้ดูคร่าวๆ ท่านที่จองไว้ก็รอดูองค์จริงเลยเถอะ แล้วจะยอมรับว่าสวย เพราะถ่ายออกมามันไม่ได้ มันมองคล้ายๆกัน ทั้งที่องค์ที่สามกะสี่นี่สีทองชัดๆจนค่อนเขียว คุณภาพกล้องเราไม่สูง แต่ถ้าจับมาวางเรียงกันนี่คนละสีคนละเนื้อเลยต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ก็แล้วแต่บารมีใครนะ เพราะมวลสารพื้นฐานเหมือนกันทุกองค์ ห้ามเลือก เพราะแต่ละเนื้อก็มีอย่างละ2-3องค์คละกัน พ่ออาจารย์ท่านว่ามันอยู่ที่ความชื้นและอากาศ ถ้าตอนหล่อองค์ไหนท่านพรมน้ำมนต์ โดนน้ำมนต์เยอะก็จะสีออกทองเข้มๆ ถ้าโดนน้อยก็จะต่างกันออกไป แต่ข้างในก็เหมือนกันหมด มองในรูปที่ถ่ายนี่จะมองไม่ออกเห็นเป้นเงินๆเหมือนกัน ใครดวงดีก็ขอให้ได้ในแบบที่ชอบแล้วกัน แต่สวยทุกแบบ ถ่ายให้รู้ว่าไม่ได้โกหก องค์ที่สีทองๆถ่ายมามันก็เป็นสีเงินเหมือนกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_48471.jpg
      SAM_48471.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      89
    • SAM_48481.jpg
      SAM_48481.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 MB
      เปิดดู:
      80
    • SAM_48491.jpg
      SAM_48491.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      74
    • SAM_48501.jpg
      SAM_48501.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      78
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2015
  5. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    ต้องเลี่ยมพลาสติกปิดหมด หรือเลี่ยมเปิดหน้าหลังหรือเปล่าครับ ต้องเลี้ยงด้วยน้ำผึ้งหรือเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2015
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ถ้าเป็นวัตถุมงคลแล้ว ปกติเลี่ยมปิดเลยก็ได้ บางคนก็เปิดหน้าเปิดหลังก็มีเอาที่ชอบเลย แต่น้ำผึ้งนี่ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ อันนี้ลองถามหลายๆคนที่บูชาไปว่าไม่ได้เลี้ยง เพราะเป็นวัตถุมงคลแล้วเป็นองค์พระองค์เทพไม่ใช่เป็นก้อนแร่ธาตุกายสิทธิ์แบบเดิม:cool:
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดสุริยายะชยันตี

    สืบเนื่องจากพระเวทย์วิชาในสายเจ้าปู่สำเร็จลุนที่ท่านเคยผูกมหายันต์ขึ้นมาให้ผู้ที่ครอบครองได้โชคลาภ ร่ำรวยรวดเร็ว เป็นเศรษฐีคหบดีมามากมาย จนกิตติศัพท์ของท่านโด่งดังทั้งในฝั่งลาวและฝั่งไทย เป็นพระมหาเถระเจ้าที่ใครๆก็อยากเข้าไปพึ่งฤทธิ์และบารมี ด้วยท่านนั้นเป็นพระสำเร็จซ้ำยังชำนาญในการฤทธิ์และวิชาการทางไสยเวทย์เป็นยิ่งนัก

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับสืบทอดวิชานี้มาจากครูบาอาจารย์ทางฝั่งลาวผู้สืบทอดพระเวทย์ในสมุกของสำเร็จลุนโดยแท้ ท่านจึงนำมาใช้ช่วยเพื่อนมนุษย์ที่สนิทชิดเชื้อกันเป็นพิเศษได้ดีทุกคน โดยวิชานี้พ่ออาจารย์ท่านว่าแค่เพียงพกติดตัวไว้ ขอให้เป็นคนขยันไม่ย่อท้อรับรองว่าไม่อับจน

    ซึ่งในชั้นหลังนั้นท่านจึงปรารถนาจะลงไว้อย่างเป็นทางการให้เป็นรุ่นหนึ่งไปเลย เพื่อบูชาคุณเจ้าปู่สำเร็จลุน หลังจากท่านอธิษฐานใจเสร็จจึงได้นำตะกรุดมาลงแผ่นตะกั่วแล้วก็ได้รับนิมิตรจากเจ้าปู่สำเร็จลุนว่า ท้าวพลเฮ็ดหยังแหน่ เจ้าสิลงหยัง..ถอดความพอเข้าใจได้ว่า ท่านจะทำอะไรบ้าง จะลงอะไร ทำไมไม่ลงหัวใจพระอาทิตย์ไว้ด้วย เปลี่ยนฐานใหม่แล้วก็ทำตามพระเวทย์ในส่วนของท่าน

    ซึ่งพ่ออาจารย์ว่าที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ทำเช่นนี้ คงเพราะต้องการให้ตะกรุดชุดนี้มีอานุภาพเป็นที่สุดนอกจากเรื่องโชคลาภการสร้างฐานะแล้ว ยังเสริมให้ใจตนมีความปรารถนา มีความทะเยอทะยาน ได้พบเกียรติยศสูงสุด ได้เลื่อนขั้นไวในสิ่งที่ทำ ทำกิจสิ่งใดก็ใหญ่โต แข่งขันกับใครก็เจริญก้าวหน้าไม่ถดถอย คนที่ไร้วาสนามาก่อนจะได้มีอำนาจวาสนาเสริมเข้ามาด้วยองค์พระสุริยะเทวราชนั้นเข้าเปลี่ยนแปลงชะตา

    ภายหลังพ่ออาจารย์จึงเข้าใจแล้วว่าแผ่นตะกั่วเดิมนั้นใช้ไม่ได้ ท่านจึงนำแผ่นทองแดงมาอธิษฐานจิต เพื่อขอรับรัศมีที่ได้ชื่อว่าร้อนแรงที่สุดในเทวโลกของพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เป็นเวลา 7 วัน แล้วจึงลงพระเวทย์ในสายสำเร็จลุนตั้งต้นแล้วครอบลงล้อมด้วยมหายันต์หัวใจสุริยะเทพ

    เมื่อกระทำดังนั้นแล้วท่านได้เชิญพระญานอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าปู่สำเร็จลุนมาสำเร็จตะกรุดนี้ด้วยพระเวทย์ของท่าน ท่านว่าเมื่อหนุนฐานพระสุริยะแล้วยิ่งเสริมให้เจริญรุ่งเรื่องขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก ซึ่งอักขระเลขยันต์ในส่วนวิชาของท่านนั้นท่านจะเป็นคนทำ แต่สายวิชาพระเวทย์นั้นท่านให้พ่ออาจารย์รับช่วงต่ออีกที

    โดยที่เมื่อพ่ออาจารย์ท่านได้นำตะกรุดมาพิจารณาว่ามีกำลังสูงแล้ว และรู้ว่าเจ้าปู่ท่านต้องการจะให้เสริมในสายของพระเวทย์และพลังฤทธิ์ของพระสุริยะเทวราชลงไปด้วย ท่านจึงได้จัดการสักการะพระสุริยะเทพในวันขึ้นเจ็ดค่ำเดือนมาฆะเมื่อสองปีที่ผ่านมา เรียกว่าพิธีสุริยายะชยันตี โดยตัวพ่ออาจารย์เองท่านถือตะกรุดนี้ดั่งตัวแทนและกำลังแห่งองค์สุริยะเทพกระทำพิธีอื่นๆแล้วมาจบในส่วนของการสักการะสุริยะเทพที่ตะกรุดนี้ ซึ่งด้วยอำนาจของพิธีนี้พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าพระสุริยาทิตย์ท่านจะแบ่งกำลังลงมาที่ตะกรุดนี้ดุจตัวแทนของท่าน ซึ่งในสายวิชานี้ เชื่อว่าจะสะเดาะเคราะห์และชำระบาปได้ ทั้งบาปที่ทำไปโดยรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ในชาตินี้ หรือในภพก่อนๆมาก็ดี และได้นำน้ำมาอาบสรงตะกรุดในระบบเวลาที่กำหนด เพื่อให้ผู้บูชาปราศจากโรคภัยไข้เคราะห์มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งพิธีนี้พ่ออาจารย์ท่านนำมาดัดแปลงเพื่อกลืนพลังเวทย์ไว้ในตะกรุดเป็นพิธีที่มีรายละเอียดมาก

    เมื่อเสร็จพิธีแล้วท่านจึงนำมาอธิษฐานจิตอีกคำรบหนึ่ง โดยท่านว่าพระสุริยาทิตย์นั้นได้มากล่าวกับท่านไว้ว่า หากผู้บูชากระทำสักการะท่านเป็นประจำเขาผู้นั้นจะเจริญไม่รู้จบ พ่ออาจารย์ท่านว่าผู้บูชาจะมีกำลังแห่งองค์ตะวันนี้อยู่กับตัวมีแต่เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป เพราะแสงสว่างที่ร้อนแรงนั้นจะขจัดความมืดบอดในชีวิต ทำลายโรคร้าย ฝันร้าย สิ่งเลวร้ายทั้งหลายให้พังพินาศไปโดยปรกติ

    ที่ว่าเจริญรุ่งเรืองนั้น เพราะโดยปกติแล้วไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายพระเนตรแห่งองค์พระสุริยะเทพไปได้ แม้แต่พระมหาโพธิสัตว์อันเสวยพระชาติเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังตรัสว่าพระอาทิตย์นั้นดุจเป็นตาของโลก พ่ออาจารย์ท่านว่าเหตุนี้ด้วยว่าองค์พระสุริยะเทวราชนั้นท่านมองเห็นทุกสิ่ง ไม่เพียงแต่บนโลก แม้ในสวรรค์ หรือใต้บาดาล ท่านก็สอดส่องไปทั้งหมด วิถีแห่งมนุษย์ตลอดจนการดำเนินชีวิตของสรรพสัตว์ก็ล้วนอยู่ในสายตาพระองค์

    พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์พระสุริยาทิตย์นั้นทรงเป็นปฐมบรมบิดาของสุริยวงศ์อย่างแท้จริง ด้วยมนุษย์คนแรกที่ขึ้นเป็นเป็นกษัตริย์องค์แรกของเหล่ามนุษย์นั้นก็คือพระมนูไววัสวัตหรือพระสัตยพรต ผู้เป็นพระโอรสของพระองค์นั่นเอง เมื่อมีการพูดถึงสุริยวงศ์ก็จะนึกไปถึงสายเลือดกษัตริย์ แต่โดยความจริงแล้วสุริยวงส์ ก็คือสายเลือดและวงศ์แห่งพระสุริยะเทพนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่มีตะกรุดสุริยายะชยันตีนี้นอกจากได้วิชาของสำเร็จลุนแล้วยังมีกำลังแห่งองค์พระอาทิตย์อยู่กับตัว ทำให้ประกอบกิจการใด กระทำสิ่งใด ก็จะนำเป็นผู้นำคนอื่นเขาทั้งหมด ดุจเป็นตัวแทนปฐมบรมบิดาในตระกูลกษัตริย์สุริยวงศ์ทั้งมวล

    คาถาบูชา
    โอม ฆฤณิ สุริยาย นะมัส
    เมื่อจะกระทำการสักการะสุริยะเทพ พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เลือกเวลาตื่นนอนมาตอนเช้า อาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด ไปกระทำในที่โล่งแจ้ง กำตะกรุดไว้หันหน้าไปทางที่พระอาทิตย์ขึ้น หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์เลย นำภาชนะบรรจุน้ำเล็กๆมาใส่ไว้ในมือ โดยพนมมือนั้นขึ้นเหนือหัวพร้อมภาชนะนั้น จะใช้เป็นขวดน้ำก็ได้ ให้จับแบบพนมมือ แล้วก็เทน้ำนั้นลงพื้น พร้อมระลึกถึงพระสุริยะเทพ กล่าว โอม สุริยาย นะมัส สามครั้งก็ได้หรือจนกว่าน้ำจะหมด ไม่ต้องท่องเร็ว แต่ให้ท่องลากเสียงแล้วค่อยๆรินไปช้าๆ หมั่นกระทำเถิด ท่านว่าทำได้ทุกวันหรือจะทำเป็นบางวันก็ได้เอาที่เราสะดวกใจ ท่านว่ายิ่งทำ ตนเองยิ่งดียิ่งเจริญ ตะกรุดก็จะยิ่งแรงขึ้น เกิดแก่ตัวเอง รับรู้เอง


    *ตะกรุดสุริยายะชยันตีนี้ เป็นตะกรุดเฉพาะกิจ พ่ออาจารย์กล่าวว่า อย่าได้มองข้ามต้องใช้เวลาในการทำนานมากแล้วก็มีพิธีรีตรองเยอะ ไม่ใช่การเสกเฉยๆ ท่านว่าท่านทำให้ดีที่สุดแล้ว จารให้ไม่ใหญ่โตมากจะได้ห้อยคอได้ไม่หนัก เอาคุณภาพไม่ได้เน้นปริมาณ ท่านจึงทำไว้เพียง 18 ดอก วิชานี้ท่านอยากให้คนเดือดร้อนใช้เอาไปเป็นขวัญและกำลังใจ ท่านใดต้องการร่วมทำบุญบูชาก็แจ้งไว้ใน PM
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2024
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ช่วงนี้ถือศีลกินเจ งดการหลับนอนกับสตรี ซึ่งปู่ท่านก็ลองใจส่งสตรีมาเยอะจริงๆแต่ละคนจะทำเราตบะแตก เหมือนเป็นการทดสอบจิตใจคน ช่วงนี้ทนเอาสวดมนต์ไหว้พระไว้ ไว้ออกเจค่อยว่ากันว่าจะต่อรึจะจบ

    พี่ๆท่านไหนถือศีลกินเจอยู่ก็ระวังเรื่องพรหมจรรย์ไว้ด้วย ในช่วงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าใครถือใครทำก็อย่าไปละเมิด ข้างบนเขาไม่ชอบ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    มาต่อนะครับ

    ท่านว่าผู้ที่กินเจถือศีลในช่วงนี้ ควรจะละเว้นเรื่องกาเมโดยปกติอยู่แล้ว เพราะส่วนมากที่กินจะกินถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ หรือกินเพื่อขอพร ข้างบนที่ชอบความบริสุทธิ์อยู่แล้วเมื่อเราไปล่วงละเมิดในช่วงที่เราถือศีลกินเจนี้ ผลมันจะออกมาไม่เต็มที่ ที่จริงท่านว่าไม่ควรยุ่งเลย

    ก็นั่นแหละ ใครที่จะถือกี่วันกินกี่วัน ตั้งใจไว้ก็ต้องทำให้ได้นะครับ ในระยะเวลาสั้นๆจำกัดไม่นานแน่นอน ส่วนตัวผม ก็มีเหตุผลของผมที่กิน เพราะปกติผมไม่กินผัก กินเป็นบางชนิด ผักที่มีกลิ่นนี่ยิ่งไม่กินเลย ก็เลยจำกัดตัวเองในเทศกาลซะเลย อย่างน้อยก็กินผักกะหล่ำปลี กับผักกวางตุ้งได้แล้ว ปกติจะไม่กินเลย พอจำใจกิน กินๆไปมันก็ไม่รู้สึกอะไรเอง เหลือถั่วงอกอีกอย่างนึงที่ไม่ชอบ ยังไงก็ต้องกินให้ได้ก่อนหมดหน้าเจแน่นอน:cool:
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ทักทายกันรอบเย็นนะครับ

    ผมเองก็อดทนให้หมดหน้าเจเร็วๆเหมือนกัน ไหนๆก็กินแล้วก็อยากกินให้ครบกำหนดที่ตั้งใจ ฝึกตนๆ นี่ก็กินน้ำผึ้งไปช้อนนึง น้ำผึ้งนี้มีถามกันเข้ามาว่าถ้าน้ำผึ้งหมดเราเติมเองได้มั๊ย ก็ยังมีตะกรุดอยู่จะรออะไร เติมสิครับ เพื่อความมั่นใจเวลาสวดมนต์ไหว้พระก็นำขวดน้ำผึ้งที่เติมใหม่ไปตั้งไว้ด้วยก็ได้ อธิษฐานขอให้ครูบาอาจารย์ท่านเมตตามาทำให้ แต่ถ้าจะถามลึกถึงขนาดว่าคุณภาพจะเหมือนเดิมไหม ทุกๆอย่างมันย่อมมีข้อจำกัดของมัน โอเคตามนี้ดีกว่า ไม่เช่นนั้นหลายๆท่านจะรับไปหลายขวดทำไม เพราะว่าตั้งใจจะกินให้ครบเดือน สองเดือน หรือสามเดือน ตามปริมาณนั้น ซึ่งเราเตือนแต่แรกแล้วว่าขวดเดียวมันกินไม่พอกำหนดแน่ๆ

    แล้วก็ถามกันเข้ามาว่า อยากจะบูชาเครื่องมงคลของยุคแรกๆ อยากให้ทำรายการว่าเหลืออะไร ก็ปกติจะย้ำเสมอ เครื่องมงคลทุกชิ้นหลังเปิดจองประมาณเดือนนึงก็จะหมดลงทุกอย่าง อาจจะมีเหลือบ้างบางอย่างชิ้นสองชิ้นที่ติดจองเอาไว้จนลืม ถ้าทักมาถูกจังหวะเราก็จะเอาให้ กับอีกกรณีหนึ่งเป็นเครื่องมงคลที่สั่งทำได้ตลอดในบางรายการไม่ได้เป็นรุ่นอันนี้ก็จองได้เรื่อยๆ ต้องเรียนทำความเข้าใจไว้อีกที

    แล้วก็อีกคำถามหนึ่งทำไมเศรษฐกิจห่วยจัง จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน เราจะไม่ไปพูดว่ามันห่วยมั๊ย อนาคตจะห่วยกว่านี้หรือเปล่า ให้ดูปัจจุบันว่าตัวเองอยู่ได้มั๊ย ลำบากมั๊ย เอาเท่านี้นะ ถ้าทุกวันนี้ยังพออยู่ได้ไม่ลำบาก อนาคตก็ต้องอยู่ได้เพราะนี่ก็คือเลวลงในระดับหนึ่งแล้ว ถึงจะเลวลงอย่างไรก็จะอยู่แค่ในระดับประมาณนี้

    อีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่าใหญ่หลวงเหมือนกัน หลังจากกินเจให้เจ้าแล้ว จะขออะไรเจ้าได้หรือเปล่า ถ้ากินแบบนี้เหมือนติดสินบนนะ ใช้สิ่งนี้เป็นตัวสร้างกำลังใจมันไม่ดี ถ้าตั้งใจจะกินถวายก็กินไปเถอะ ให้จำไว้ว่า เทวดานั้นไม่เอาอะไรจากมนุษย์ฟรีๆแน่นอน พ่ออาจารย์ท่านเคยพูดเสมมอว่า มนุษย์ มีเรื่องเดียวคือเดือดร้อนนั่นแหละ พอมีตัวทุกข์ ถึงจะเข้าไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยนึกถึงเลย พอขอแล้วไม่ได้ก็จะพาลด่าให้เสียอีก ก็เพราะปกติมนุษย์ ไม่เคยทำอะไรให้มีประโยชน์แก่เทวดาเลย มนุษย์ไม่เคยช่วยเหลือเทวดา แล้วเมื่อตัวเองทุกข์ทำไมเทวดาเขาต้องช่วยเหลือเล่า อยากให้เค้าช่วย ก็ทำตัวให้ดี ให้มีประโยชน์แก่โลกนี้ โลกหน้า แก่ฟ้า แก่ดิน ต้องหมั่นทำสะสมไว้ แม้เจ้าเดือดร้อนถึงเวลาไม่ต้องออกปาก ท่านทั้งหลายนั้นก็จะเต็มใจสงเคราะห์เอง ถ้าถือแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยเกื้อกูลผู้อื่นมาก่อน ก็อย่าไปหวังการเกื้อกูลจากผู้ใด

    ก็ถามเข้ามาว่า อยากดึงบุญเก่ามาใช้บ้างต้องทำอย่างไร พ่ออาจารย์ท่านให้ตอบว่าไม่ยากหรอก แต่ให้ใคร่ครวญให้ดี กุศลใดเคยทำแล้ว มันยังไม่ตอบสนอง เพราะกาลเพราะวาระมันยังไม่บรรจบกัน ด้วยการกระทำนั้น ต่อไปเบื้องหน้าต้องได้ใช้แน่ ในวาระในกาลที่ควรค่าแก่กัน ถ้าไปฝืนดึงมาใช้ก่อนหากถึงเวลาทีนี้มันจะร้ายแรงกว่าเดิม เมื่อกาลนั้นมาเยือนเจ้าจะผ่านมันไปไม่ได้เลย เพราะกุศลเจ้านั้นได้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านสงเคราะห์หยิบยืมมาใช้หมดแล้ว เช่นเดียวกันหากไปขอบุญก็เหมือนยืมของจากผู้อื่น จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เจ้าก็ต้องเอากุศลที่ทำไว้ของตนเองนี่แหละไปใช้เขา เหมือนติดหนี้เขาจะหักดอกโดยที่เจ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว สุดท้ายเจ้าก็จะเป้นศูนย์มาเท่าไหร่ไปเท่าเดิม ไม่ได้อะไรเพิ่มเลย

    ถามเข้ามาว่า ปรารถนาอยากสร้างบารมีให้เต็ม จะทำอย่างไร อยากได้ในส่วนของการภาวนามาช่วย ให้เข้าถึงสายบารมีโดยไวเดินไปบนเส้นทางของพุทธภูมิ ตัวนี้ก็เรียนถามให้ ในส่วนของการภาวนานั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ใช้หัวใจบารมี 30 ทัศน์ มากำหนดเป็นอารมณ์ภาวนาก็ได้ บารมี 30 ทัศน์นี้เป็นบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ต้องมีปรากฏเสมอกันทุกพระองค์ ไม่มีในจิตมาร ไม่ปรากฏมีในเหล่าเทพยดาสามัญทั่วไป แม้จอมเทพฝ่ายมารก็ไม่ปรากฏจะมี มหาบารมีแขนงต่างๆครบทั้ง 30 ทัศน์นี้ สิ่งนี้จะกล่าวว่าเป็นเส้นทางยิงตรงสู่สายพุทธภูมิก็ได้ไม่ผิด ให้ภาวนาว่า พะเว สัจเจ เอหิ

    ถามกันมาว่า รู้สึกว่าพระภูมิที่บ้านไม่ดี จะแก้ไขอย่างไร ก็นะคือตอบให้ไม่ได้ ปกติเราเองก็ต้องไปผูกมิตรกับเค้า เหมือนทำตัวน่ารักให้ผู้ใหญ่เห็นนั่นแหละเค้าก็จะเมตตาเราเอง แต่ถ้าในกรณีเจ้าบ้านมีภูมิธรรมสูงส่งกว่าเทพพระภูมิเจ้าที่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าอยู่ในจุดนั้นก็คงไม่ต้องถามเพราะคงมองเห็นสื่อสารกันไปเองแล้ว มันมีเคล็ดอยู่นิดหน่อยพระภูมิเจ้าที่นั้นเป็นบริวารในจาตุมหาราชิกาที่ท้าวมหาราชทั้ง 4 ท่านคัดสรรค์ให้มาดูแลเขตเหย้าเรือนของคน แล้วก็มีพระภูมิใหญ่ที่เป็นเจ้าแห่งเหล่าพระภูมิอีกทีก็คือท้าวปรเมศวร ดังนั้นหากอยากให้พระภูมิอยู่ในหน้าที่ ขอได้ไหว้รับว่าอย่างนั้นเถอะแต่ก็ต้องทำตัวดีๆด้วยนะเพราะเทพเจ้าในเบื้องล่างยังพอใจในรูป รสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส และอารมณ์อันละเอียดอ่อนทั้งหลายอยู่ ง่ายๆเลย ในบ้านหลังนั้น ให้หารูปเจ้านายใหญ่มาประดิษฐานไว้ให้สูงกว่าในระดับที่มองเห็นพระภูมินั้น จะเป็นเทวรูปท้าวปรเมศวรก็ได้ หรือจะเป็นเทวรูปท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 พระองค์ใดก็ได้ หรือจะเป็นรูปพระอินทร์จอมเทพก็ได้ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่ารับรองว่าเขาขยันทำงานกันนัก

    ก็มีอีกหลายๆคำถามที่ค้างไว้จะค่อยๆนำมาทยอยๆตอบ ใครมีอะไรก็PM ถามกันเข้ามาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2015
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    กรรม

    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ก็มีคำถามเข้ามา เราเลยต้องเอามาตอบต่อเห็นว่าเป็นความรู้ดีเลยอยากจะแสดงหน้ากระทู้

    มีหลายคนสงสัยว่าชีวิตที่ปกติสุขดีอยู่แล้ว ทำไมพอเริ่มสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิแล้ว ชีวิตคุณเจอแต่เรื่องแย่ๆ แย่ลงๆ ท้อไปเลย อดน้อยเนื้อต่ำใจในพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ได้ ไหนบอกว่าจะดีวันดีคืน อานิสงค์อยู่ไหน นี่เราทั้งทุกข์ทั้งเจอแต่เรื่องแย่ๆติดต่อกันจากที่ไม่เคยเจอ สวดมนต์ก็แล้ว นั่งสมาธิก็แล้ว ทำบุญก็แล้ว ทำไมพอทำแล้วจึงเป็นเช่นนี้ ก็ไอ้ที่ว่าแย่นี่แหละดี ไอ้ที่มันปรกติสุขเนี่ย คนเราสุขนานความหลงตลอดจนภัยพิบัติย่อมมาถึงตัว

    ใจเย็นๆกันนะครับ วิธีมันไม่ได้ผิด สิ่งที่สะท้อนออกมาก็ไม่ได้ผิด หลังจากเราสวดมนต์ นั่งกรรมฐานแล้ว หากใช้วิธีอาณาปาณสติ ยุบหนอพองหนอ พุทโธหรืออะไรก็แล้วแต่ กรรมฐานคือมีกรรมเป็นพื้นฐาน เมื่อเราเข้ามาสู่จุดนี้ มันจะไปเร่งกรรมให้แสดงออกมา หลายๆคนถามว่าไม่เคยเจอเรื่องแย่ขนาดนี้ เลวลงท้อที่สุดในชีวิตเลย ก็เพราะเช่นนี้แหละ การกระทำของเราไปเร่งกรรมเร่งทุกข์ให้ออกมา เพื่อจะให้เราไปสู่ที่สุดแห่งทุกข์

    ทีนี้เคยได้ยินมั๊ยว่าทำกรรมฐานนั้นทำคนเดียวอาจบ้าได้ ก็คนนั่งหลับตาดีกว่านอนหลับหน่อยนึงตรงที่เราอยู่กับสติมันจะบ้าอย่างไร มันจะบ้าก็เพราะกรรมตัวนี้แหละ ไม่รู้กี่แสนล้านชาติ กรรมที่เราไปเร่งมันจะพัดโหมถาโถมเข้ามานี่แหละที่จะทำให้คนบ้าได้ กฏนี้เป้นกฏเดียวกันไม่ว่าจะคนหรือจะพระก็เจอเหมือนกัน เพราะไม่มีมีใครเคยสร้างแต่กุศลกรรมร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน

    ดังนั้น ทำไมผมหันมาสวดมนต์ไหว้พระทำบุญ นั่งสมาธิ ชีวิตผมแย่ลง งานการผมแย่ลง คู่รักผมหนีไปอะไรสารพัด คือมันก็ปกติ แต่เราไม่ค่อยอยากชี้แจงเพราะไม่อยากให้ใครเกลียดกรรมฐาน ยิ่งมาเดินทางสายบารมีนะคือแบบเรื่องผู้หญิงเรื่องคู่นี่ตัดทิ้งไปยาวๆได้เลย ได้อยู่คนเดียวแน่นอน

    ยกเว้นเสียแต่ว่ามันมีทางออกนะ เมื่อเราทำกรรมฐาน พอกรรมมันเปิด มาอย่างไว แสดงออกทันที เราคือผู้ที่กำลังถูกปฏิบัติ เรามีสิทธิ์เลือก เลือกเอาว่าจะก้มหน้ารับกรรมพิจารณาทุกข์ หรือจะพ้นออกจากบ่วงกรรม กรรมแบบนี้เราไม่ไหวแล้ว

    ขอโทษนะต้องพิมพ์ยาว กรรมมันเรื่องใหญ่พิมพ์ยังไงก็ไม่จบ เมื่อเราทำกรรมฐาน อย่าลืมเลยที่จะแผ่เมตตากรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร อันนี้เป็นเบื้องต้น แล้วทีนี้อกุศลกรรมที่เคยสร้างมันจะมาเล่นกับชีวิตคุณแล้ว ต้องใช้วิธีสังเกตุนะครับ จำกันไว้ให้ดี ใช้ได้ทั้งชีวิตเลย สังเกตุว่าเป้นกรรมเรื่องอะไร เช่นคู่ครองแยกจากไปเลย มีปัญหาทะเลาะกันรุนแรงในครอบครัว มีปัญหาเรื่องหน้าที่การงาน ต้องมองตัวเองให้ออกว่าเราเผชิญอยู่กับอะไรแล้วก็แก้กรรมใส่ใจจุดนั้นเป็นพิเศษ

    ยกตัวอย่าง ถ้าเราทุกข์เพราะรัก นี่รักมันเป็นต้นตอของทุกข์ กรรมที่มาจากความรัก เราก็แก้ให้ตรงจุดก็ตั้งใจทำตัวดีๆทั้งกายและใจ อย่าไปอิจฉาริษยาคู่รักที่ไหน หมั่นช่วยให้คนเค้าสมหวังในความรักและก็ยินดีกับเขา ใช้งานแต่งก็ได้ไปร่วมยินดีอวยพรสร้างกำลังใจเราให้ล้นเหลือไปยินดีกับเขาจริงๆ นี่นะถ้ามีรักแล้วมันเป็นทุกข์ แต่กลับกัน ถ้ามีคู่แต่ต้องร้างคู่ไร้คู่ กรรมตัวนี้ที่แสดงออกคือเราเคยไปเอาลูกเอาเมียคนอื่นเค้ามา เมื่อมันแสดงผลแล้วเรารู้ตัว ก็ให้ไปบวชซะเอาแค่บวชชีพราหมณ์ก็ได้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลจากการถือบวช ถือพรหมจรรย์ถือเนกขัมมบารมีให้เจ้ากรรนายเวรที่ข้าพเจ้าได้เคยไปพรากคู่พรากลูกผัวตัวเมียมา เสร็จแล้วให้ถวายสังฆทานสงฆ์ในสิ่งที่เป็นคู่ๆ เช่นเชิงเทียนหนึ่งคู่ ต้นเทียนหนึ่งคู่ อะไรทำนองนี้เอาไปถวายเป็นคู่ๆ แล้วก็บริจาคช่วยงานแต่งงานคนอื่นที่เค้ายากจนก็ได้ ซื้อหมอนคู่นึงให้เค้า เช่นนี้เป็นต้น

    คือมันต้องดูกรรม ที่แสดงออกมานั่นแหละ มันไม่เสมอไปอ่ะเราตอบรวมไม่ได้เพราะแต่ละคนปัญหาโคตรเยอะเลย ทีนี้คือพอจะตอบรวมได้อย่างนึง เอาโดยรวมเลยนะ พอทำกรรมฐานในระดับเวลานึง กรรมมันได้แสดงออกมาแล้ว ก็ตอบเราว่าคุณแผ่เมตตาตลอดผมต้องทำอย่างไงอีก ก็แก้แล้วไงแผ่เมตตาแล้ว

    คือแผ่เมตตาน่ะใช่ แต่มันช้า เพราะที่ผ่านมาเราไปทำคนอื่นเดือดร้อนไปเล่นกับชีวิตคนอื่น แล้วการแผ่เมตตาวันๆหนึ่งที่ทำก็แค่ลมปาก นี่ไม่นับกำลังใจเลยนะ เอ้าดูสิ้ว่ามันเท่าเทียมกันมั๊ย เห็นมั๊ย เหมือนเอากาแฟร้อนๆไปรดหัวเขาแล้วบอกขอโทษสั้นๆเค้าจะหายโกรธมั๊ย นั่นแหละ เมื่อกรรมมาถึงพอเรารู้ว่าเป็นกรรมอะไร ให้หาเวลาสั้นๆไปบวชซะ จะบวชพระก็ได้ บวชชีพราหมณ์ก็ได้ เพราะตรงนี้อานิสงค์มันใหญ่ บวชแล้วตั้งใจทำ พ่ออาจารย์บอกว่าบุญกุศลเนืองนอง เมื่อบวชในทุกๆวันเราก็ตั้งใจแผ่เมตตาและย้ำนะอุทิศกุศลผลบวชนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรเค้า เป็นเรื่องๆไป คือเรารู้ตัวเองแหละว่าโดนเรื่องอะไร หลังจากนั้นก็แก้ปลีกย่อยนิดหน่อยไม่มากต่างๆกันไป แต่โดยรวมต้องบวชก่อน อันนี้จะถามมาทีหลังก็ได้เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน เอาว่าตอบให้รวมๆก่อน

    ถ้าบวชมันยาก ถ้าคิดอย่างนี้ คนที่จะอภัยเราก็คงยากกว่าร้อยเท่านั่นแหละ มันเป็นกฏของกรรม ไม่ใช่ให้เลิกทำกรรมฐาน คือคุณมาถูกทางแล้ว คุณต้องไปต่อ โอเคนะ

    ก็ตอบคร่าวๆพอได้ใจความ ใครจะถามอะไรก็ PM เข้ามากันได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2015
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พ่ออาจารย์กล่าวว่า สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสนาเป็นยากิน ที่ต้องใช้ยาก็เพราะโรคมันกำเริบมันแสดงออกมา โรคในที่นี้ก็คือกรรม

    เมื่อโรคแสดงออกมาแค่ทายากินยามันยังไม่พอหรอก ถ้าจะแก้ให้ถูกโรคก็ต้องแผ่เมตตาให้เขาบ่อยๆ แต่การแผ่เมตตา มันจะได้มากได้น้อย ศีลสัตย์ที่เจ้าของร่างถือมันก็มีส่วนสำคัญ ถ้าฐานเราใจเราสกปรกมันยิ่งช้ายิ่งน้อยใหญ่เลย

    ถ้าอยากจะให้ไวก็ไปบวชพระ บวชชีพราหมณ์บวชเนกขัมม ทีนี้อย่าบวชขอไปที เดี๋ยวจะมาบ่นอีกว่าบวชแล้วทำไมไม่จบ บวชในที่นี้คือบวชใจ ตั้งใจบวช ตั้งใจปฏิบัติ วางทุกอย่างให้หมด ย้ำวาง(ทุกข์)อย่างให้หมด แล้วก็อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรเป็นเรื่องๆไปที่เรากำลังโดนกับชีวิตนั่นแหละ แล้วก็ลาบวชออกมาทำงานปกติ โดยที่เราเองยังหมั่นทำบุญเฉพาะอย่างไปด้วยเพื่อให้กรรมนั้นคลี่คลายโดยไว

    แต่สวดมนต์และวิปัสนานั้นอย่าไปละทิ้งเสีย

    ก็ PM ถามกันไว้ เตรียมของส่งก่อนนะครับ ท่านที่ได้ไปแล้วน่าจะถูกใจเหรียญพ่อปราบมารนี่สวยมากๆเลยบางท่านน่าจะได้สีออกทองๆไป:cool:
     
  13. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130
    องค์ของผมครับ...ออกเป็นสีทองและพรายเงินระยิบระยับ...ขออนุญาตนำมาให้ชมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0007.JPG
      DSCF0007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      84
    • DSCF0014.JPG
      DSCF0014.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      74
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ดูจากภาพองค์นั้นสีทองมากกว่านี้นะ ถ่ายมายังไม่ทองพอ555+ สวยจ้า
     
  15. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130
    ถ่ายแบบง่ายๆแสงธรรมดาไม่ได้ใช้ไฟครับ วันนี้นำไปใส่กรอบไม่มีเลยหายาก ต้องเปลี่ยนแผนใหม่แล้วจ๊ะ
     
  16. อสูรฟ้า

    อสูรฟ้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2013
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +87
    ตลับแสตนเลส ตลับเงิน สั่งทำได้นะครับ แต่ต้องรอ 3-4 สัปดาห์
    วันก่อนได้มงคลประจำตัว ไม้ช่อฟ้าแกะ มีความหนามาก ต้องสั่งตัดตลับแสตนเลส ที่พันทิพย์งามฯ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ตอบคำถาม

    มีเรื่องในไลน์เคยถามเข้ามาน่าสนใจ ก็ไลน์มาคุยกันปกตินะ เขาถ่ายรูปพระที่ห้อยประจำของวัดหนึ่งมาให้เราดู ถามว่าแท้มั๊ย อารมณ์ก็คือไม่ได้รับดูพระนะ555+ เค้าว่าเป็นพระที่ได้มาจากคุณพ่อ อยากจะปรึกษาเราคือเค้าว่าพ่อเค้ารับมากับมือหลวงพ่อเลย ก็เอาว่าคงแท้ล่ะนะ เป็นรูปหล่อพระเกจิชื่อดัง แต่น้องชายเขาห้อยพระองค์นี้แล้วคือตายคาคอเลยประมาณนั้น พี่เค้าว่าพระมีสีหมองลงมาก ขนาดเวลาญาติๆมาขอพระรุ่นนี้กับเค้า เค้าเอาองค์นี้ออกมายกให้ ปรากฏว่าไม่มีใครกล้ารับไว้เลย แต่มันก็ทำให้เค้านึกถึงพ่อถึงน้อง พี่เค้าเลยเอามาห้อยเสมอ

    คือว่าเข้าเรื่องนะ อารมณ์ประมาณว่าห้อยเเล้วไม่ดีเลย ทั้งๆที่เป้นพระแท้ คุณพ่อเป็นกรรมการวัดจึงเช่ามาเก็บไว้จำนวนมากและเป็นรุ่นที่มีประสบการณ์ดังเกรียวกราวสนนราคาก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่ทำไมตนเองอาราธนาทีไรถึงรู้สึกว่าหมอง ไม่มีสง่าราศีเลยแล้วน้องชายก็เคยตายพร้อมพระองค์นี้ในคอด้วย ไม่เห็นจะแคล้วคลาดเหมือนที่คนอื่นเล่า พูดภาษาบ้านเราก็คือตายโหงนั่นแหละ

    ก็ถามมาเราก็ไม่รู้จะตอบว่าไงเพราะเป็นรูปของเกจิชื่อดังมาก เป็นพระระดับพุทธาภิเษกโดยยอดพระเกจิยุคก่อนเชียวนะ เลยบอกพี่เค้าว่ายังไงก็เป็นวัตถุมงคลไม่ต้องไปทิ้งหรอก คือง่ายๆเลยนะ คุณพ่อเช่ามาเยอะ ก็เอาองค์อื่นมาห้อยเสียก็หมดเรื่อง องค์นี้เอาไปเก็บไว้ นี่ทางแก้ง่ายๆเลย55+

    พี่เค้าว่าเค้าไม่สบายใจ คือยังไงก็ยังอยู่ในครอบครองของเค้า แล้วมันเหมือนว่าเพราะห้อยพระองค์นี้น้องถึงตาย เราก็ตกใจเลยว่าเห้ยๆไม่เอา อย่าพูดอย่าใส่ร้ายพระรัตนตรัยไม่ดี จิตใจไม่ดีร่างกายก็ไม่ดีอย่าพูดแบบนี้ แล้วพี่เค้าก็พูดบ่อยมากจนเรารู้สึกสงสารอยู่นะ เหมือนองค์อื่นก็มีต้องเยอะแต่ทำไมมาผูกพันธ์กับพระองค์นี้

    เราก็เลยบอกให้เค้าส่งพัสดุมา เดี๋ยวจะเอาไปให้พ่ออาจารย์ดูให้ เค้าก็ตกลง พอได้รับของผมมาดูเอง เออว่ะองค์พระจริงๆหมองมาก เลยนำส่งพร้อมเล่าเรื่องให้พ่ออาจารย์ท่านพิจารณา ท่านรับไปมองซักครู่จึงหยิบขันน้้ำมนต์มาหยดเทียนทำน้ำมนต์นำพระไปแช่ไว้ ผมก็เห็นเป็นปกกตินะ ท่านพูดสั้นๆว่าปัดเสนียดให้ พรุ่งนี้ค่อยเอาคืนเขา

    พอวันรุ่งขึ้นมาดู เออแปลก มีคราบเขม่าดำเหมือนเขม่าไฟเลยลอยบนน้ำมนต์ แล้วองค์พระก็ดูสุกขึ้น สว่างขึ้นแห้งแล้วเอามาส่องอย่างไรก็ไม่หมอง หรือจะเป็นเพราะคำว่าปัดเสนียดก็เป็นได้ ท่านคงใช้คาถาอาคมทำอะไรให้ ก็เลยถ่ายรูปน้ำมนต์ด้วยกล้องห่วยๆของเราที่ติดคราบเขม่าดำนั้นให้พี่เค้าดูในไลน์ แล้วก็เอาพระส่งคืนพี่เค้าไป

    ก็ของที่เค้ามีความผูกพันธ์อ่ะนะ เหมือนหมาเต็มคอกทำไมเราชอบอยู่ตัวเดียว กรณีของพี่เค้าคนนี้ก็คงเหมือนกัน ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายออกมาได้ว่าทำไมถึงยึดติดกับของที่น้องห้อยคอแล้วตายโหง ทีนี้พอได้รับพระคืนเขาขอบใจเราตลอดเลย คือรู้ว่าดีใจมาก ทั้งขอบใจในไลน์ โทรไลน์มาเราไม่รับก็โทรเข้าเบอร์เราแล้วขอบใจอีก เค้าว่าพระไม่หมอง สุกสว่างขึ้นมากไม่เหมือนองค์เดิมเลย

    ก็ขออนุญาติพี่เค้านำมาเล่าได้คร่าวๆไม่มีภาพประกอบใดๆ เพราะว่าเป็นของดูต่างหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตายของน้องชายท่าน

    ดังนั้นใครเจอหรือเป็นอยู่ เช่นเหตุการณ์ที่ผมเล่านี้ก็มาปรึกษาได้ แต่อย่าเอาพระมาให้ดูแล้วถามว่าแท้มั๊ยนะ ผมไม่รับดู:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2015
  18. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    เศรษฐกิจแบบนี้ใช้ของพ่อครูท่านดีจริงๆผมเจรจาผ่านทุกเรื่อง ยิ่งคุยงานนี่ยิ่งดูง่ายเลย สาธุครับเพราะผมมั่นใจ (f)
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ติดตามๆ เดี๋ยวจะมีอะไรให้ชมกัน รอท่านแกะหุ่นเทียนเสร็จก่อน ท่านว่าจะหล่อให้เสกยาวไว้แจกวันเกิด ดูจากหุ่นเทียนประมาณ 70 แล้วต้องบอกว่าสวยมาก :cool:

    ถึงเวลาแจกผมขอให้สิทธิ์เฉพาะผู้ที่ติดตามจริงๆเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2015
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แอ๊บๆบอก ว่าเป็นรูปหล่อนะ ของที่จะแจกวันเกิดท่าน :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...