ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    กินเสร็จจวนจะหมด เหลือน้ำผึ้งไว้บ้าง นำไปเลี่ยมตะกรุดติดตัวนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Honey-2.jpg
      Honey-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.7 KB
      เปิดดู:
      41
    • SAM_48361.jpg
      SAM_48361.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      80
    • SAM_4837.JPG
      SAM_4837.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      47
  2. runkey

    runkey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,114
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สวัสดีครับ ขอร่วมทำบุญรับ น้ำผึ้งกลีบเกสรภมรเคล้าสุคนธ์ 9 ป่า 9 นคร (น้ำผึ้งป่าเดือน5) จำนวน 2 ขวดครับ โอนเงินแล้วแจ้งให้ทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  3. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +1,093
    โอนให้แล้วครับวันนี้ค่าบูชาพระป้อนข้าว ป้อนคำ4000/100 บาท เวลา11.08 น.
    ที่อยู่ตามpm
     
  4. Mr. Thanitanint

    Mr. Thanitanint Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +75
    แจ้งโอนเงิน 1,000/100 วันที่ 05/10/15 เวลา 09.35 น. เรียบร้อยแล้ว ที่อยู่จัดส่งแจ้งทาง PM ขอบคุณครับ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อพระมเหศวรศดาศิวะเจ้า(ครูพระสยม)

    ที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบดีว่า ในหมวดหมู่ครูใหญ่ฝ่ายพราหมณ์ของพ่ออาจารย์ท่านนั้น ท่านนับถือพระศิวะให้ความเคารพเเละยำเกรงสูงสุด

    ท่านมักจะพูดเสมอๆว่า ครูองค์นี้ถ้าเราทำขึ้นให้แก่ผู้ใด เขานับถือเขาบูชาด้วยใจ ต้องได้ดีเสมอกันหมด

    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่า ในศาสตร์สายนี้ศิวรูปถือเป็นต้นกำเนิดแห่งจักรวาลมีความหมายอยู่ในรูปของพระองค์เองในทุกสัดส่วนของพระวรกาย และไม่ค่อยมีใครจัดทำให้เด่นเป็นเอกลักษณ์กันมากนัก เพราะเหตุผลคือกลัวอันตรายอันจะเกิดเเก่ผู้สร้าง เพราะสร้างแบบไม่รู้เเละไม่เข้าใจ จึงทำให้รูปของพระศิวะนั้นไม่ค่อยมีที่ใดดำเนินการสร้างเป็นวัตถุมงคลเท่าไหร่ ทั้งๆที่เป็นประมุขแห่งทวยเทพและดำรงค์ฐานะพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด

    พ่ออาจารย์นั้นท่านมีญาณสื่อถึงมหาญาณของเสด็จปู่อยู่นานเเล้ว ศิษย์ทั้งหลายจะทราบกันดี เวลาทำอะไรท่านจะเชิญท่านจะมาช่วยกันทำทุกครั้ง ในครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้นิมิตรให้สร้างพระรูปของพระองค์ท่าน ท่านว่าให้ทำไว้เพื่อเผยแพร่บารมี เหรียญของเรานี้ใครเอาไปท่านจะไปจุณเจิมช่วยเหลือยื้อยุดฉุดรั้งดึงขึ้นจากความเสื่อมโทรมทุกผู้ทุกนาม

    เหตุเเละที่มาแห่งนามเหรียญหล่อเศียรครูนี้ คือท่านตั้งให้รู้ให้ทราบกันเลย พระสยมภูวญาณ คือเทพผู้ดำรงค์อยู่ในพระญาณอันประเสริฐสูงสุด เป็นชื่อเฉพาะของเทวาธิเทพมหาเทพ หรือเทพเจ้าสูงสุด เป็นหนึ่งไม่มีสองนั่นเอง

    โดยปกตินั้นจะเข้าใจว่าพระศิวะเป็นเทพเเห่งการทำลายล้าง พระนามนี้อาจจะเป็นที่หวาดกลัวเเละสยดสยองกับผู้ทำชั่วและประพฤติบาป แต่การทำลายล้างของพระองค์เป็นการทำลายสภาวะที่เสื่อมโทรมทั้งหลายให้สิ้นซาก เพื่อให้มีโอกาสเริ่มเกิดสิ่งที่งดงามและสมบูรณ์ต่อไป อันนี้ต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่การทำลายที่นึกอยากจะทำลายอะไรก็ทำลาย ทำลายความดีงาม ทำลายคุณธรรม เช่นนี้ย่อมไม่ใช่ เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง

    ซึ่งต้องเล่าเเต่เเรกเลยที่พ่ออาจารย์ท่านแกะบล็อค เป็นที่มาแห่งเหรียญหล่อองค์พระสยมภูวญาณ ซึ่งมีอาถรรพ์และความเฮี้ยนสูงมาก เนื่องจากหลังจากท่านแกะบล้อคเเล้ว ท่านได้ทำการหล่อ หล่ออย่างไรก็หล่อไม่ติด ท่านจึงอธิษฐานว่า ขอให้ติดเพียงซักองค์เถิด แล้วจะทุบบล้อคทิ้งเลย ก็ปรากฏว่าสามารถหล่อติดเพียงองค์เดียวแล้วต้องทำการทุบบล้อคทันที หลังจากนั้นท่านจึงแกะบล้อคใหม่ เอาเหรียญเดิมที่หล่อได้มาใส่เป็นชนวนและทำการหล่ออีกครั้ง การณ์ปรากฏเหมือนเช่นครั้งแรก เทไปนับสิบครั้งก็ไม่ติด พ่ออาจารย์ท่านจึงพูดขออนุญาติครูใหญ่พระศิวะให้ออกไปช่วยเหลือลูกศิษย์เผยเเผ่บารมีให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากนั้นท่านจึงท่องมนต์พระศิวะขึ้นเสียงดังเเล้วทำการหล่อผลปรากฏว่าหล่อติดทุกเหรียญ หยุดเดินมนต์ตอนไหน องค์นั้นก็หล่อไม่ติด นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก เรียกได้ว่าครูเฮี้ยนตั้งแต่เริ่มสร้างก็ว่าได้

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า เราเองก็นึกว่าขออนุญาติแล้ว ได้รับความเห็นชอบให้สร้างจากท่านโดยตรงเราก็สร้าง ที่ไหนได้ตอนทำจริงยังต้องขออนุญาติอีก ตอนหล่อยังต้องเพ่งจิตเดินมนต์ไปด้วยถึงจะหล่อรูปท่านได้ ยากเอาการเลยทำเหรียญหล่อพระอะไรก็ไม่ยุ่งยากถึงเพียงนี้

    ท่านเรียกเหรียญครูพระสยมว่าเหรียญบล๊อคอวตาร เพราะว่าดูสวยงามเข้มขลังแบบพระโบราณ และการทำก็คือการเสกด้วยวิถีการอัญเชิญทิพย์สภาวะ ทิพย์กายของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดให้ ปรากฏและแบ่งพระภาคลงมาใส่ลงมาแฝงไว้ในเหรียญทุกเหรียญ ท่านว่ารูปเหรียญภายนอกนั้นเราเป็นผู้ทำให้ แต่พลังงานภายในเป็นจิตวิญญาณของพระองค์ท่านล้วนๆ

    ซึ่งเหรียญหล่อนี้เป็นเหรียญหล่อที่สร้างได้ยากมากที่สุด พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า พระศิวะเจ้านั้นชนทั้งหลายพึงเรียกนามท่านว่าโพเลนาถ เพราะพระองค์ท่านเปี่ยมด้วยมหากรุณาธิคุณและคอยช่วยเหลือผู้เคารพบูชาท่านด้วยใจจริงทุกอย่าง ให้ล่วงความทุกข์ ให้พบความสุข ประทานพรศักดิ์สิทธิ์ตามวาระเเละโอกาสที่ผู้ไหว้ผู้เคารพศรัทธาร้องขอด้วยใจ ช่วยเหลือได้ในทุกๆเรื่อง ขึ้นอยู่กับความรักและกำลังใจที่มีให้กับท่าน

    * หากจะถามว่าต้องใช้อะไรบูชา ตอบตรงนี้ว่าใช้ความจริงใจของตนเองบูชาเเละเป็นใบเบิกทางให้เข้าถึง แล้วถ้าถามว่าบูชาไปแล้วต้องท่องคาถาอะไร ท่านว่าก็ต้องใช้ภาษาใจเหมือนเดิม ภาษาที่เราฟังรู้เรื่องเราเข้าใจนี่แหละ เพราะเราจะได้สื่อสารให้เข้าถึงได้มากที่สุด หน้าที่ทำหน้าที่สร้างเป็นของเราส่วนหน้าที่ใช้ก้เป็นของพวกเธอ ใช้ด้วยกำลังใจล้วนๆไม่ต้องยุ่งยากลำบากอะไร

    อันที่จริง พ่ออาจารย์ท่านสั่งเพียงว่าให้ออกให้บูชาเฉยๆ อย่าพิมพ์อะไรมาก เพราะยอดเพชรก็คือยอดเพชร เพชรน้ำหนึ่งยอดมงกุฏจักรพรรดิ์ ต่อให้หาเพชรน้ำงามเพียงไหนมาเทียบก็แข่งคุณค่าในตัวมันเองไม่ได้ คนที่รู้ที่เค้าตามหา เค้าจะรู้ว่านี่คือของมีค่าจริงๆ เค้าจะมาบูชาเองโดยอาศัยศรัทธาของเค้าเชื่อมต่อเข้ามา

    * ก็ขอยกเนื้อหาเก่าของเหรียญหล่อพระสยมรุ่นแรกมาให้ทราบกัน สำหรับรุ่นล่าสุดนี้ท่านแกะแม่พิมพ์ในลักษณะเต็มองค์และสร้างเพียงเนื้อเดียวคือเนื้อธาตุกายสิทธิ์ เหล็กไหลขาว หรือจะเรียกว่าเหล็กนิพพาน วัชรธาตุนำมาผสมปรอทป่าก็ได้

    รุ่นล่าสุดนี้ท่านทำไว้ทั้งหมด 16 องค์ ก็มีทยอยออกให้บูชากันไปบ้างแล้วจำนวนหนึ่งสำหรับท่านที่PM สอบถามเข้ามา ท่านสร้างขึ้นในรูปแบบเต็มองค์ ทรงประทับหนังเสือ โดยสาเหตุที่องค์พระสยมท่านนั่งหนังเสือนี้ ก็มีสาเหตุที่มาจากการกระทำนาฎราช(ร่ายรำ)อันยิ่งใหญ่ในวาระแรกนั่นเอง

    ด้วยว่าศีลธรรมในโลกเสื่อมทรามลง แม้แต่เหล่าฤาษี มุนี ดาบส ยังประพฤติอนาจารไม่อยู่ในศีลในธรรม พระผู้เป็นเจ้าศิวะสังกร จึงได้ชวนพระวิษณุนารายณ์ เสด็จมายังโลกมนุษย์ เพื่อจะทรมานเหล่าฤาษีทุศีลทั้งหลาย โดยองค์พระศิวะนั้นได้แปลงพระวรกายเป็นฤาษีหนุ่มรูปงาม ฝ่ายองค์พระนารายณ์ก็แปลงรูปจำแลงเป็นหญิงสาวสวยงามเป็นภรรยาของฤาษี

    เมื่อพระเป็นเจ้าทั้งสองเข้าไปปฏิบัติธรรมในบริเวณละแวกอาศรมของเหล่าฤาษีทุศีลนั้น ภรรยาทั้งหลายของเหล่าฤาษีก็เกิดหลงเสน่ห์ในองค์พระศิวะเข้าอย่างหัวปักหัวปำ ในขณะเดียวกันฤาษีทุศีลทั้งหลายก็อยากได้นางนารายณ์แปลงนั้นมาไว้เป็นภรรยาของพวกตน ประกอบกับเห็นภรรยาตนไปหลงเสน่ห์ฤาษีหนุ่มเข้าก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง

    จึงได้ใช้ฤทธิ์ส่งงูยักษ์พิษร้ายแรงเข้าไปทำร้ายชีวิตโยคีหนุ่มรูปงาม องค์พระศิวะเจ้าก็ร่ายเวทย์สะกดจับมาประดับพระวรกายเสีย เท่านั้นยังไม่พอเมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ จึงใช้ฤทธิ์ของพวกตน ส่งเสือตัวใหญ่เข้าไปสังหารพระเป็นเจ้า พระศิวะก็ใช้มือเปล่าถลกหนังเสือเอามาปูรองนั่งสบายๆ เป็นเหตุให้ยักษ์มุยะละกะหรืออสูรมูลาคนีซึ่งนับถือเหล่าฤาษีนั้นออกมาช่วย องค์พระศิวะท่านจึงเหยียบยักษ์และกระทำนาฏราชฟ้อนรำไป ภายหลังฤาษีทั้งหลายคลายความเห็นผิดลงพระเป็นเจ้าทั้งสองจึงคืนพระรูปเดิม พร้อมกับประทานโอวาทและแนวทางที่ถูกต้องต่อไป

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าองค์พระสยมบล๊อคนี้ที่นั่งหนังเสืออันเป็นสิ่งของที่ระลึกจากปางนาฏราช ซึ่งพระองค์ลงมาแนะแนวทางการปฏิบัติโยคะในยุคที่ศีลธรรมในโลกเสื่อมทราม จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะทำปางนี้ขึ้นในเวลานี้ ท่านว่าถูกกาล ถูกวาระ ซ้ำยังเป็นปางที่ภรรยาฤาษีนับร้อยยังหลงรูปหลงเสน่ห์ของท่านด้วย ใครได้ไปก็ได้ผลพ่วงด้านเสน่หานี้เต็มๆเพราะพระเป็นเจ้าประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น ในอาณาบริเวณที่ประทับหรือบุคคลรอบข้างต้องได้อานิสงค์เช่นเดียวกันหมด พ่ออาจารย์ว่าคนที่เอาไปใช้บูชาก็คือกัน จะได้ผลทางเสน่ห์เพิ่มเข้าไปด้วย นอกจากนั้นโดยรูปลักษณ์แล้วก็เหมือนพระองค์ทรงสะกดความดุร้าย ความชั่วร้าย และอัปมงคลทั้งหมด ทรงประทับเต็มองค์สะกดอำนาจอันยิ่งใหญ่ลงไว้ได้อย่างง่ายดาย ก็ใครที่ชีวิตยังลำบาก ยังผจญกับเวรกรรม หรือตกอยู่ภายใต้อำนาจ การกดขี่ข่มเหงจากผู้ใดก็ตาม ให้เอาไปบูชา จะหลุดจะพ้นเอง ต่อให้มีอำนาจมากแค่ไหนก็จะแปรเปลี่ยนไปไม่กล้าทำร้ายหรือรังแกเรา

    ในส่วนของการเสก ท่านผูกจิตผูกรูปดุจพญาสมิงภูติอันเป็นบริวารคอยรับใช้ทำงานถวายองค์พระศิวะ พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์นี้ดีด้านบริวารด้วย คุมลูกน้องคุมบริวารอยู่ มีอะไรขออะไรถ้าสมิงภูติเขาช่วยได้ เขาจะรีบทำให้เลย ท่านว่าสมิงภูติที่ลงไว้นี้แรงมากทีเดียว ไม่ต้องบนบานอะไร ถ้าเอาไปใช้แล้วฝันเห็นเสือใหญ่แปลว่าเค้ามาแล้ว ต่อไปทำอะไรก็มีแต่เจริญรุ่งเรือง ซ้ำท่านยังลงวิชาตาไฟประลัยกัลป์ไว้ให้ทุกองค์เป่าประสิทธิ์ไว้ในทุกเหรียญ

    ด้วยเป็นเนื้อธาตุกายสิทธิ์จึงรองรับพลังงานได้มากกว่าปกติและยังใช้ปรับธาตุ ฟื้นฟูพลังงานชีวิตได้ดีอีกด้วย ด้านหลังเรียบท่านลงเหล็กจารทุกองค์ ใครพลาดรุ่นนี้ก็รอกันยาวๆเลย เพราะมีหลายท่านเรียกร้องกันเข้ามาจึงเอาออกมาให้ร่วมทำบุญบูชากัน

    คาถาที่ใช้
    การะปูระเคารัม กรุณาวะตารัม สัมสาระสารัม ภุชะเคนทะระหารัม สะทาวะสันตัม หฤทะยาระวินเท ภะวัมภะวานี สาหิตัม นะมามิ

    * สร้างทั้งหมด 16 องค์ ออกให้บูชาไปบ้างพอสมควร รุ่นนี้ใครจะบูชาก็สั่งจองทางPM ไว้ ถ้าหมดจะแจ้งให้ทราบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2024
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อันนี้เป็นตัวอย่างเหรียญหล่อที่ส่งวันนี้ เห็นแล้วอดถ่ายรูปมาให้ดูไม่ได้ เนื้อสวยตาเปล่าจริงๆไม่ต้องลงกล้องใดๆเลย องค์จริงสวยกว่ารูปที่ถ่ายแน่นอน ชอบทันที 555+
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. xx-x

    xx-x เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +152
    ส่ง Pm จองไปแล้วครับ
     
  8. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +1,093
    ได้รับพัสดุแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    เล่ากันแก้เงียบนะครับ

    พอดีได้เหรียญปราบโลกมาซักระยะนึงก็เลยอาราธนาไปธนาคาร แล้วก็ไปส่งของวันนี้ คือต้องเกริ่นนิดนึงช่วงที่ได้พ่อปราบมารองค์นี้มามีผู้หญิงเข้ามาจีบเรา ก็ดูดีนะสวยอยู่ทำงานธนาคารสีม่วงๆ แต่เราไม่ค่อยคุ้นกะการเจอคนสวยๆมาจีบ คิดว่านี่ต้องเป็นผู้หญิงเลว ผู้หญิงไม่ดีแน่นอน มาชมผู้ชายว่าน่ารักชอบนั่นชอบนี่ ผมก็เลยด่าพร้อมสอนมารยาทกุลสตรีไทยไปจนนางเงียบหายไปเลย

    วันนี้ว่างตอนเช้าก็เลยจะไปธนาคารแล้วก็นึกขึ้นได้ ว่าไปธนาคารสาขาที่เธอทำงานอยู่ดีกว่าเพราะตอนที่เค้ามาจีบเรา เราถามไว้ว่าทำงานที่ไหน คิดแล้วก็สนุกใส่แว่นแอบปลอมตัวให้จำยากนิด แล้วก็เงอะๆเงิ่นๆเข้าไป คือมันไม่ใช่ธนาคารที่เราใช้ไง ไม่รู้จะไปติดต่ออะไรมุกไหน ก็เลยเดินเข้าไปขอเปิดบัญชี

    ทีนี้ก็กรอกๆรายละเอียดคิดในใจว่าเออ เอาไงต่อดีวะธนาคารสีม่วงมันกฏเยอะไง เปิดไม่ได้เเน่อะไรก็ไม่ได้เอามา พอกรอกเสร็จแม่บ้านก็ให้ไปนั่งที่เคาน์เตอร์ที่เอาไว้ติดต่อธุรกรรม โดยที่ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆติดๆกันเลยในฝั่งของเคาน์เตอร์รับฝากถอนเงิน เราก็เลยมองหน้า เธอก็มองกลับยิ้มๆแต่ไม่พูดอะไร เราก็รู้อ่ะ คือตามระเบียบไม่ได้เอาบัตรประชาชนมา 555+ มันเปิดไม่ได้ เค้าเชิญให้ไปเอาบัตรเอาอะไรมาให้ครบ

    ก็เลยเดินออกมานอกธนาคาร นั่งตรงที่นั่งด้านหน้าธนาคารมองจ้องในตำแหน่งที่เธอนั่งทำงานอยู่พอดี งงมั๊ย 555+ ผมนั่งจ้องเกือบชั่วโมง จนคนในธนาคารเริ่มสงสัย ยามเยิมก็เริ่มเดินมาเฝ้าหน้าประตูจ้องหน้ากะเราเเล้ว คือทำอะไรไม่ถูกไง ก็เลยถอดแว่นเลย ซักพัก เธอก้เดินออกมาหาคงจะจำเราได้ด้วยแหละ เธอบอกว่าพอดีจะเข้าห้องน้ำเลยออกมา

    เเล้วก็ไล่ให้ผมไปนั่งรอร้านข้าว ซักพักเธอก็ตามมานั่งคุย เธอบอกว่าเธอเขิลที่เราไปนั่งจ้อง แล้วที่กล้าจีบเราก็เพราะเห็นแล้วชอบคิดว่าน่ารักดี คือฟินมาก แล้วเธอก็พูดแข่งๆกับเวลาเพราะเธอบอกว่าออกมาได้แปปเดียว ดูจากอายุที่ผมถามน่าจะจบปอตรีมาปีสองปีได้ เธอว่ามาทำงานธนาคารมีผู้ชายขอเบอร์เยอะมากมีเสี่ยมาเสนอเงินให้ก็มากเเต่เธอไม่ชอบ ใครมาจีบเธอบอกไปว่ามีลูกมีผัวแล้วหมด แล้วก็พูดๆๆๆเหมือนจะระบายที่โดนเราเทศน์หน้าชาไปครั้งก่อน ก็หน้าตาสวยนะหน้าคมๆเหมือนแขกแต่ขาวจั๊วะเลยหุ่นก็ดี

    แล้วสุดท้าย เราก็เลยลองพูดชวนขอคบ เธอก็จะให้ไปรับเลิกงาน คือขอเบอร์ขอไลน์มาพร้อมเเล้วนะ ทีนี้ก็แยกย้ายกันกลับเพราะเธอแว้บออกมาได้แปปเดียว ก็ประมาณนี้ คือบารมีพ่อปราบมารเลย ไม่ได้ฟินอารมณ์คนมาบอกชอบบอกรักมาก็พักนึงแล้ว ที่สำคัญคือมันมีอะไรที่เยอะกว่านั้นที่เรานัดเธอไว้ แล้วดูจากการอ้อนการคุยดูแคร์มาก ฟินมาก ก็เอามาเล่ากันเงียบ คืนนี้ไม่ใช่วันพระ ไม่ผิดครูผิดข้อห้าม น่าจะออกได้ อาจจะหายตัวอีกคืนหนึ่ง :cool:
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ

    วันนี้ก่อนนอน ก็อย่าลืมสวดมนต์ทำสมาธิ สวดถวายครูบาอาจารย์กันนะครับ ขอให้เจ้าขรัวแสง วัดมณีชลขัณฑ์ และหลวงปู่สมเด็จโต คุ้มครองกันทุกคนนะครับ:cool:
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา พระมุรุกันไตรโลกาธิบดี (พระขันธกุมาร พระพิฆเนศวร พระพุทธคินาย)

    ต่อไปนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ทั้งหลายจะลำบากยากแค้น คนที่รวยและได้ดีก็จะดีขึ้นและดีไปเลย คนที่ยังจนก็จะก้มหน้ารับเศษกรรมต่อไป พ่ออาจารย์ท่านได้เห็นวิกฤติที่จะพึงเกิด พึงมี ต่อไปในเบื้องหน้า จึงได้ปรารถนาที่จะนำศาสตร์และสรรพวิทยาสร้างเครื่องมงคลขึ้นมา จนความปรารถนานั้น เข้าไปในข่ายพระกรุณาญาณแห่งพระศดาศิวะเทพ ท่านจึงมีโองการให้ทำพระรูปของสกันทะบุตร โดยว่าจะเป็นผู้ปราบยุคเข็ญและปลดเปลื้องสิ่งเลวร้ายอย่างแท้จริง เมื่อได้รับโองการแล้วท่านจึงทำโดยมีความตั้งใจอย่างมาก ที่จะเชิญพระองค์ท่านให้ไปอยู่กับผู้มีความศรัทธา ตั้งใจเพื่อให้เขาเหล่านั้นได้ดี

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ความจริงแล้ว องค์พระขันธกุมารนั้น ไม่ใช่กุมารกุมารีที่ไหน ต้องทำความเข้าใจหน่อย อย่าไปหลู่เกียรติของพระองค์ท่านว่าเป็นเด็ก ที่เรียกท่านว่ากุุมารนั้นเพราะดวงพระพักตร์มีลักษณะแข็งกร้าว เฉียบคมหมดจด แต่ก็อ่อนเยาว์ประดุจผู้มีอายุน้อย ที่จริงพระองค์คือเทพเจ้าที่มีฐานะสูงในระดับพระเป็นเจ้าพระองค์หนึ่งของมหาจักรวาล โปรดการเสด็จไปทั่วทั้งพื้นพิภพเพื่อช่วยเหลือผู้มีจิตศรัทธาที่ตกยากต่างจากเทพองค์อื่นๆ คนไทยเราก็รู้จักพระองค์กันมานานแล้ว แต่ก็เข้าไม่ถึงและทำไม่ถูกจึงมีอันป่นปี้ย่อยยับไป ด้วยองค์พระสกันทะเทวะนี้ แม้คนต่างชาติต่างศาสนาก็ยังนับถือท่าน คนจีนก็ยังไปยกเป็นสกันทะโพธิสัตว์อันมีบารมีสูงส่ง เพราะท่านค้ำคูณใครนั้นย่อมสูงส่งขึ้นทุกคน ไม่เพียงเเต่ในอินเดีย แม้บรรพบุรุษไทยก็เคารพท่านมานานยิ่งนักหรือจะประเทศต่างๆก็มีตำนานของพระองค์ท่านในรูปแบบที่แตกต่างกันไป พ่ออาจารย์กล่าวว่า รู้จักจตุคามมั๊ย คนไทยพยายามจะสื่อ หาความหมายอ้างกันมั่วไปหมดว่าเป็นองค์นั้นองค์นี้ ว่าเป็นเทวราชโพธิสัตว์บ้าง ว่าเป็นอวโลกิเตศวร ว่าเป็นอะไรมากมายไปหมด แต่ความจริงในส่วนของท้าวจตุคามก็คือองค์พระขันธกุมารนี่แหละ เมื่อสร้างและทำผิดไป ย้ำคิดย้ำทำเชิญผิดสร้างผิดก็ย่อมวิบัติไปตามกฏแห่งโลก พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าขนาดทำผิดยังมีปาฏิหาริย์มากมาย ศาสตร์แห่งพระองค์นี่ถ้าทำถูกไม่ต้องพอที่จะคิดเลย

    พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าพระองค์คือองค์กำลังของมหาจักรวาลเป็นกำลังขององค์พระศิวะเจ้า(ครูพระสยม)กับองค์ปารวตี(แม่ย่าใหญ่) จะกล่าวว่าพระรูปขององค์พระขันธกุมารคือการรวมของพลังอำนาจสูงสุดของจักรวาลทั้งในฝ่ายเทวะและมหาศักติก็ได้ นี่คือข้อเท็จจริง ก็ไม่แปลกใจเลยว่าอย่างไร ทำไมถึงมีคนเคารพองค์พระขันธกุมารเป็นเอกเทศน์กันมากมายพอๆกับองค์พระศิวะเจ้า แม้เรื่องใดที่เหล่าเทพเจ้ายังถึงทางตันหาทางออกไม่ได้ เมื่อถึงมือองค์มหาเทวะเสนาแล้ว ย่อมคลี่คลายทุกสิ่ง องค์พระขันธกุมารนี่พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าแต่เดิมคนเราเชื่อว่ามีถึง 6 พระพักตร์ 12 พระกร แต่งกายงดงามเหมือนกับองค์พระนารายณ์ แต่พระวรกายหมดจดกว่า

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะสร้างนั้น ท่านได้ขอพระเมตตาจากองค์พระขันธกุมาร ซึ่งท่านได้โปรดให้พ่ออาจารย์ท่านลบผงมุรุกานทวะขึ้นมา ท่านว่าผงนี้ให้ผสมสร้างจะวิเศษนัก พ้นพลังอำนาจในฝ่ายของเทวะขึ้นไปอีกเพราะรวมอำนาจของฝ่ายมหาศักติไว้ด้วย ซึ่งท่านก็ได้ทำตาม โดยลบผงตามสูตรนี้ครั้งละ 12 รอบ เมื่อทำเสร็จจึงจะถือว่าทำได้คาบหนึ่ง ต้องทำให้ได้ถึง 6 คาบ จึงจะสมบูรณ์ หลังจากนั้นท่านนำมาประสระมหาโลหิต จนทองฟ้ามืดครึ้ม มีลมมหาวาตะพัดโกลาหล บรรยากาศหวาดผวาสั่นไหวเกิดรัศมีเป็นแสงสีขาวอมทองออกมาจากผงนี้จึงสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้ว ท่านให้พ่ออาจารย์ทำถึง 3 ครั้ง ต้องทำไว้ในปริมาณมาก เพราะว่าประสงค์จะให้ใช้ผงอันเป็นสายวิชาของพระองค์ท่านล้วนๆไม่เอาสิ่งอื่นมาเจือปนนอกจากว่านยาบางจำพวก ประกอบเป็นมวลสารขึ้นมา

    และก็มีข้อแม้สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือ พระผงรุ่นนี้ เมื่อผู้ใดได้รับไปพระองค์จะไปช่วยเหลือคุ้มครอง จะทำการณ์กิจใดก็จะมีแต่ชัยชนะแพ้คนอื่นไม่เป็น เป็นเจ้าของเขาเป็นผู้นำเขาทั้งหมด ขจัดความโลเล มีแต่คนรัก คนที่อิจฉาริษยาจะหมดไป ซึ่งพ่ออาจารย์บอกว่านอกจากจุดนี้ สกันทะเทพท่านยังบอกด้วยว่าท่านจะช่วยให้มีจิตใจฮึกเหิม มีกำลังกายและกำลังใจที่เพียบพร้อมไม่อ่อนแรงลง ทุกคำขอ กิจการงานต่างๆต้องสำเร็จลุล่วงอย่างว่องไว จะต้องปรากฏเกียรติยศสูงสุดในกิจที่กระทำอยู่

    ซึ่งพระองค์ท่านนั้นโปรดความยุติธรรม ไม่ชอบการคดโกง ใครที่โดนรังแก โดนคนเอาเปรียบโดนใครโกง แบบนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่มีเสียหรอกเมื่ออยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ท่าน ซึ่งองค์พระขันธกุมารนี้ มีแต่ผู้ต้องการเป็นใหญ่ ประสบความสำเร็จ ในระดับมหาราชา หรือเจ้าผู้ปกครองแคว้นต่างๆมักจะนิยมบูชากัน ท่านก็เลยอยากให้ทุกคนได้ดีและผ่านพ้นเคราะห์ภัยโดยไว จึงขอบารมีพระขันธกุมารมาสงเคราะห์ทำเครื่องมงคล

    ท่านว่าองค์พระขันธกุมารนี่ใช้ได้ทุกอย่างจะขอพรอะไรก็ย่อมได้สุดแต่ใจ จะเล่นทางเสนห์ก็สุดๆ เพราะว่าพระองค์ท่านมีพระชายาถึง 2 องค์ ซ้ำยังเป็นที่ปรารถนาของเหล่านางฟ้านางสวรรค์มากมายด้วยว่าพระรูปของพระองค์นั้นวิจิตรละลานตายิ่งนัก เมื่อบูชาไว้กับตัวย่อมดึงเอาพระบารมีมาเสริมสิริให้ผู้ที่มีบารมีขององค์พระขันธกุมารแฝงอยู่ดูดีในสายตาผู้อื่นขึ้นทันที

    เมื่อจะทำนั้นท่านได้ให้พ่ออาจารย์แกะบล๊อค ให้พระรูปของท่านถือหอกด้วย ท่านว่าสำคัญนัก กายนี้คือกายพ่อเรา หอกนี้คืออำนาจแม่ของเรา จะขาดกันไม่ได้ เพราะหอกคืออำนาจทั้งหมดของฝ่ายมหาศักติ แม่เราแบ่งรูปกายออกมาเพื่อเป็นยอดศาสตราวุธให้กับเราส่วนอีกมือถือดาบ พ่ออาจารย์ท่านทำเป็นสี่พระกร สองมือที่เหลือนั้นท่านให้ทำเป็นปางประทานพรจะได้อำนวยพรให้ตามกิจที่เค้าปรารถนา ส่วนอีกมือให้ถือถ้วยใส่นมเอาไว้ เพราะพระองค์ทรงโปรดเสวยนมมาก แล้วก็เป็นคติแก่ผู้บูชาจะได้มีกินตลอดอีกด้วย นอกจากนั้นท่านยังให้ทำพาหนะของท่านไว้ด้วย ซึ่งพระขันธกุมารนั้นทรงนกยูง พระองค์บอกว่าท่านต้องทำไว้ จะได้สื่อถึงเรื่องบริวาร มีบริวารอะไรก็สะดวกสบาย นกยูงนี้คือจักรพรรดิอสูรที่มาสวามิภักดิ์ด้วยเกรงพระเดชของพระขันธกุมารและพระองค์ทรงเสกสรรค์ให้กลายเป็นนกยูงราชพาหนะไป

    ในส่วนของตัวประสานนั้น พ่ออาจารย์ท่านได้ผสมน้ำผึ้งป่าเดือน 5 เข้าไป แต่พิเศษเหนือสิ่งใดเพราะเป็นรังผึ้งที่สร้างอยู่ใต้ดินผิดธรรมชาติ เรียกว่าน้ำผึ้งดำ ซึ่งมีสีดำสนิท เป็นของหายากมาก ด้วยชาวป่าชาวเขาตั้งใจหามาถวายให้ท่านกิน แต่ท่านเอามาเทเป็นตัวผสานให้หมดเลย ท่านว่าชันโรงใต้ดินดีอย่างไร น้ำผึ้งใต้พระแม่ธรณีนี้หากนำมาเป็นตัวประสานก็ดีดุจเดียวกัน ทั้งกันฟ้า กันภัย กันเคราะห์ กันกระทำย่ำยี แต่เเรงกว่านั้นร้อยเท่า ท่านเก็บไว้เพื่อสร้างองค์พระขันธกุมารโดยเฉพาะ

    ซึ่งองค์สกันทะเทพนั้นได้บอกกับพ่ออาจารย์ว่า ให้ใส่กำลังโสฬสลงไปในองค์พระด้วย กำลังตัวอื่นๆนั้นท่านไม่เอา พ่ออาจารย์บอกว่านี่สำคัญมากนะ เป็นมหากรุณาโดยแท้ทีเดียว เพราะกำลังอื่นๆแม้แต่กำลังจักรพรรดิ กำลังมหาจักรพรรดิก็ดี คนที่ได้ไปจะยิ่งใหญ่มั่งมีเพียงไหน แต่มันก็ต้องสร้างด้วยตัวเองสร้างจากความลำบาก คนเราเนี่ยชอบคิดเพ้อเจ้อไปเอง พอได้ยินอะไรว่าจักรพรรดิ์หรือมหาจักรพรรดิ์จะรีบขวนขวายมาบูชา เพราะคิดว่าดีที่สุดและยิ่งใหญ่สุดๆแล้ว มันไม่ใช่นะบางครั้งลำบากยากแค้นไปทั้งชีวิตเลย คือว่าเหนื่อย ต้องเหนื่อยก่อนถึงจะสำเร็จ สำเร็จเรื่องหนึ่งก็ต้องเหนื่อยต่อ นี่มันไม่จบ ท่านจึงว่าท่านไม่เอา

    ท่านให้ใส่กำลังโสฬสเอาไว้โดยประทาน 16 มหาอักขระศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพลังจักรวาลทั้งในฝ่ายเทวะและมหาศักติให้ ท่านว่ากำลังโสฬสนี่สบาย จะได้ทรัพย์สินหรือทำสิ่งใดก็ได้ก็สำเร็จมาแบบฟลุคๆง่ายๆ โชคลาภเข้ามาไม่ขาด หนุนด้วยมหาอักขระ 16 อักษรนี้ จะเปิดบารมีเก่าดึงมาไว้ใช้กับตัว เทวดาทั้ง 16 ห้องสวรรค์ชั้นฟ้าเกื้อหนุน ชะตาชีวิตจะไม่อับจน นี่ถ้าพระองค์ท่านไม่บอกเราก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ท่านว่าต่อให้ลงกำลังใดๆซัก 108 ก็สู้กำลังโสฬสนี่ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวนี้ลำบากกันทั้งชีวิตเลย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ได้ลง 16 อักขระศักดิ์สิทธิ์เท่ากำลังโสฬส ใส่ในแผ่นทองแดงฟ้าผ่าฝังไว้ เพื่อเป็นสื่อชักนำกำลังของเทพเจ้ามาสู่ตัวมนุษย์ให้แรงขึ้นและไวขึ้น ซ้ำยังได้ลงตะกรุดตะกั่วด้วยวิชาเฉพาะซึ่งองค์พระขันธกุมารท่านให้ใส่ไว้เสริมลงไปอีก

    ด้านหลังองค์พระนั้นท่านฝังเหรียญหล่อสองมหาเทพเสริมไว้ ท่านว่าอันที่จริงนั้น องค์พระศิวะเจ้าไม่ได้มีพระโอรสแต่เพียง 2 พระองค์อย่างที่ใครๆเข้าใจ ว่าจะมีองค์พระขันธกุมาร กับองค์พระพิฆเนศวร พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อเหรียญนี้ไว้ด้วยตะกั่วลงถมที่ลงจารลงถมพระเวทย์ต่างๆและเสกเก็บมานานแล้วก่อนจะนำมาฝัง ท่านว่าเพราะเทวะโอรสพระองค์นี้มีพระรูปเป็นช้างเช่นพระพิฆเนศคนเลยจำสับสนและกลืนกันไป ความจริงฝ่ายเทวะโอรสนั้นจะมีทั้งหมดสามพระองค์ คือ
    - พระขันธกุมาร
    - พระพิฆเนศวร
    - พระพุทธคินาย
    ซึ่งองค์พระพิฆเนศวรนั้นจะเป็นเจ้าแห่งความสำเร็จขจัดความขัดข้องต่างๆ ส่วนองค์พระพุทธคินายจะเป็นเจ้าแห่งการบังคับ ควบคุมองค์นี้จะมีฤทธิ์เดชมาก มีหมู่คนธรรพ์ทั้งหลายเป็นบริวารคอยตามรับใช้ พวกครูช้างจึงเอามาเป็นครูของตนไปเรียกเพี้ยนเป็นพระพินายก็มี บางคนก็เชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ประทานช้างตระกูลต่างๆมาให้โลกมนุษย์ พ่ออาจารย์ท่านจึงหล่อไว้ให้เป็นเอกลักษณ์โดยองค์พระพุทธคินายนั้นจะทรงขอสับช้าง ส่วนองค์พระพิฆเนศวรจะนั่งชันเข่าถืองาข้างที่หักเอาไว้ ก่อนที่จะเชิญทั้งสองพระองค์ลงมาแบ่งพระญาณแฝงฤทธิ์ประจุลงไป เมื่อสร้างพระขันธกุมารนี้ ท่านเลยเห็นดีที่จะฝังไว้ด้วยกัน เพราะทั้งสามเป็นพี่น้องกันร่วมบิดามารดาเดียวกัน จะได้เสริมส่งกันแรงฤทธิ์ยิ่งขึ้น ผู้บูชาจะได้พบความสมบูรณ์โดยแท้ เสริมอำนาจวาสนาบารมีเป็นที่เกรงกลัวต่อสัตว์ทั้งหลาย ด้วยองค์พระพุทธคินาย และประสบแต่ความสำเร็จทำอะไรก็ไหลลื่นไร้ความขัดข้องด้วยบารมีองค์พระพิฆเนศ


    นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ยังได้ใส่เหรียญหล่อรูปหนูติดไว้ด้วย ท่านว่าหนูนี้สำคัญเป็นผู้ส่งสารของพระพิฆเนศวรและพระพุทธคินาย เวลาปรารถนาจะขออะไร ถ้าจะขอจากทั้งสองพระองค์ท่านให้ถือเคล็ด กระซิบที่ข้างหูหนูแล้วทุกสิ่งจะสำเร็จได้ไว ไม่เลื่อนลอยเป็นเพียงลมปาก ท่านว่าต้องเก็บไว้ขอในสิ่งสำคัญและจำเป็นจริงๆนะ ไม่ใช่ขอเล่นๆวันละร้อยเรื่องพันเรื่องก็กระซิบไปทุกเรื่อง

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านตั้งชื่อพระผงรุ่นนี้ว่าพระมุรุกันไตรโลกาธิบดี เนื่องจากรวมพระเป็นเจ้าฝ่ายไศวะนิกายไว้ถึงสามพระองค์ สำหรับรุ่นนี้ท่านจัดสร้างด้วยผงมวลสารล้วนๆ โดยพระโองการนั้นให้สร้าง 30 องค์ แต่ผงทำได้เพียง 16 องค์เท่านั้น บังเอิญจบที่กำลังโสฬสพอดีท่านจึงเอาแค่นั้น และเชิญองค์ท่านมาประจุญาณสวดเสกไม่ต่ำกว่าสามเดือนจึงออกให้บูชา ท่านว่าเหมาะแก่คนที่มีกรรมหนัก ต้องการความสำเร็จมาก ชีวิตไม่อยากแสวงหาเพื่อทำอะไรที่ต้องลงแรงให้เหนื่อยอืกแล้วหรือต้องการเครื่องมงคลที่เป็นศูนย์รวมของพลังในมหาจักรวาลทั้งฝ่ายเทวะและมหาศักติครบถ้วน

    คาถาบูชา
    โอม ตัตตะปุรุสายะวิทัมเห มหาเสนายะธีมะหิ ตันโนสะกันทะปะโจทะยาต โอม สะกันทายะ นะมัส


    * พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ถือเคล็ด ถวายนมโคสดประจำ ถวายเสร็จก็ลามาดื่มกิน เพราะทั้งสามพระองค์นั้นท่านโปรดน้ำนมโคมาก ควรจะหาแก้วเล็กๆซักสามใบตั้งไว้ด้วยกัน ถวายให้ท่านบอกกล่าวท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งทำทุกวันยิ่งดี รับรองว่าสนิทและเข้าถึงกันได้ไวมาก ขออะไรก็ไวด้วย

    * ผู้บูชาให้แจ้งมาทางPM ท่านว่าให้บอกสายงานอาชีพไว้ด้วย จะได้เจิมเเละบอกพระองค์ท่านให้อีกที ว่าจะเอาไปจะให้ได้ดีประสบความสำเร็จกันอย่างไร ด้านไหน แต่โดยรวมแล้วก็ใช้ได้ทุกสายอาชีพ ทุกด้านนั่นแหละ ปัจจัยที่ได้ท่านจะนำไปมอบให้แก่กองทุนที่ดูแลด้านอาหารคนไร้บ้าน ร่อนเร่พเนจรยากไร้ต่อไป ท่านถือว่าให้เพื่อนมนุษย์ที่หิวไม่มีอะไรจะกินได้อิ่มท้องกันถือว่าได้บุญมากกว่าทำกับสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kantakuman.jpg
      kantakuman.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      76
    • SAM_48421.jpg
      SAM_48421.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.9 MB
      เปิดดู:
      140
    • SAM_48431.jpg
      SAM_48431.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      130
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2024
  12. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130
    โดนใจมากๆครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    หนึ่งองค์นะครับตอบข้อความด้วย ฝังเต็มพิกัดเลย
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    คาถาวันละนิด(ผูกไข้)

    วันนี้ก็เอามาลงให้ พ่ออาจารย์ท่านใหเจำไปทำกันนะเป็นประโยชน์มาก เรียนติดตัวไว้ใช้ให้ขึ้นใจจะช่วยคนได้มาก

    ถ้าเห็นคนเป็นไข้จับสั่น ท่านว่าเป็นมาหลายวัน สั่นทุกๆวัน ให้กระทำดังนี้
    ให้หาเชือกหรือหวายมาก็ได้ คล้องคอผู้ที่มีไข้นั้นไว้(คล้องไม่ใช่ผูก) คล้องแล้วเราก็จับเชือกหรือหวายนั้นไว้เพ่งกระแสจิตเสกพระคาถาว่า

    เอหิตาตะ ปิยะปุตตะ ปุเรถะมะมะ ปาระมิงภิสันเจถะ กะโรถะวะจะนัง มะมะ

    ให้บริกรรมพระคาถาเพ่งกระแสจิตไปเรียกความไข้โรคภัยให้เข้ามาอยู่ในเชือกหรือหวายที่เราถืออยู่นี้ เสร็จแล้วให้นำเชือกหรือหวายเส้นนั้นออกไปผูกกับต้นไม้

    เมื่อจะเอาไปผูกกับต้นไม้ให้ตั้งจิตให้ดีและว่าตามดังนี้
    นางไม้เจ้าข้าเอ๋ย อยู่แล้วหรือยัง สังขาตังโลกังกะวิทู ข้าขอฝากความไข้ ไอ้คนร้ายศัตรู ที่มันเบียดเบียนคนอยู่ไว้ที่นี้ด้วย

    ตอนว่านี้ให้เราพูดตอบรับกับตัวเราเอง เช่น นางไม้เจ้าข้าเอ๋ยอยู่แล้วหรือยัง(ก็ตอบเองว่าอยู่แล้ว) สังขาตังโลกังกะวิทู ข้าขอฝากความไข้ ไอ้คนร้ายศัตรู ที่มันเบียดเบียนคนอยู่ไว้ที่นี้ด้วย (ก็ตอบว่าได้อนุญาติ) เสร็จแล้วก็ผูกไปไม่ว่าจะเชือกหรือหวายก็ดี

    * วิธีการนี้มีเคล็ดว่าเมื่อผูกเสร็จ ตัวผู้ผูกให้รีบหันหลังเดินกลับ จะกลับไปไหนก็ดีเข้าบ้านไปเลยหรือกลับไปเลยก็แล้วแต่ แต่ห้ามหันหลังกลับไปดูเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นที่ผูกไว้จะไม่หายซ้ำไข้ร้ายนั้นอาจจะมาอยู่กับเราเองก็ได้

    ให้ไว้เป็นวิทยาทาน เพื่อช่วยคน
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    โอวาทยามเช้า

    วันนี้รอบเช้า ก็จะมาต่อด้วยคำสอนนะครับ

    พ่ออาจารย์ท่านมักกล่าวถึงเรื่องนี้เสมอ เนื่องจากมีหลายคนสงสัยว่าจะเอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัด ว่าความเห็น ว่าการตัดสินใจของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ถูกที่ควรกระทำ หรือเป็นสิ่งที่ผิด ก็มาเข้าเรื่องกันเลย

    เมื่อมีผู้สงสัย ว่าอย่างไร จะปักใจเชื่อได้หรือไม่ ว่าความคิดเห็นของตนในขณะจิตหนึ่งนั้น มันสามารถบอกตัวเราเองได้ว่านั่นคือผิดชอบชั่วดี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นความเห็นที่ถูกต้องจริงๆ

    พวกเจ้าทั้งหลายต้องรู้จักที่จะชั่งน้ำหนักในความคิดของตัวเองก่อน มิเช่นนั้นทุกความคิด ทุกการกระทำ เจ้าจะถามครูบาอาจารย์ทั้งหมดย่อมเป็นไปมิได้ ที่จริงเรื่องนี้สำคัญอย่างมาก เพราะหากเห็นผิดมันก็จะนำไปสู่การกระทำที่ผิด แต่หากเห็นผิดแล้วคิดว่าถูก เช่นนี้อันตรายมาก เพราะตัวเองแบ่งแยกดีชั่วไม่ได้

    เจ้าต้องมาทำความเข้าใจกับสังคมเสียก่อน หลายๆครั้งที่มีคนถามเราว่า นั่นคือคนเลว ทำไมเสวยสุขอยู่ได้ เจ้าต้องรู้เสียก่อนว่า สังคมนั้นมีคนหลายประเภท ตัวเจ้าเองบางครั้งยังไม่รู้ไม่เข้าใจตัวเอง ในสังคมก็เช่นกัน สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นเช่นนั้น บางครั้งสิ่งที่เจ้าคิดว่าถูกว่างาม อาจจะเป็นเรื่องผิดของเค้า แล้วก็บางครั้งเรื่องที่เขาไม่ทำเพราะคิดว่ามันไม่ดี อีกหลายคนอาจจะเฉยๆคิดว่าไม่มีอะไร

    เพราะมนุษย์นั้นน้ำใจสุดจะหยั่งได้ บรรทัดฐานที่จะเอามาแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีนั้นย่อมต่างกัน สิ่งนี้มันมีผลมาจากการอบรมขัดเกลาตนเอง ก็แล้วอบรมขัดเกลาอย่างไร ทำไมน้ำใจมนุษย์แต่ละคนนั้นถึงหาได้เสมอกัน

    เจ้าทั้งหลายต้องทำความเข้าใจว่าสัตว์โลกนั้นเกิดมาเป็นเอนกอนันต์ชาติ วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏจักรนี้ ภพชาติที่ผ่านๆมาแล้วอันเป็นอดีตนั้นเราเรียกว่าการอบรมขัดเกลาที่ผ่านมา ซึ่งมันจะมาส่งผลกับภพปัจจุบันนี้ น้ำใจนิสัยใจคอต่างๆ บุคลิกท่าทางกิริยาต่างๆ ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ การแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีก็ตาม มันตกผลึกมาทั้งนั้น ถ้าของเก่าดีเรียกว่าพอมีบุญเก่า สิ่งเหล่านี้มันก็อยู่ในกรอบที่ถูกที่ควร แต่ถ้าของเก่ามันไม่ดีล่ะ เคยเกิดเป็นสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน มันก็จะเเสดงออกให้เห็นอุปนิสัยที่ก้าวร้าวรุนแรง แล้วก็จะมีนิสัยแบบสัตว์นั้นๆติดตัวมา

    ที่เราพูดตรงนี้ไม่ได้สอนให้คนมานั่งระลึกชาติ ยึดติดกับอดีตหรอกนะ ต่อให้เจ้าเคยเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็เถอะ แต่มันก็คืออดีต คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว จะไม่มีวันหวนกลับมาให้เสียเวลานึก

    เพราะเช่นนั้น ไอ้ตัวนี้แหละ ถึงความคิดและจิตวิญญาณของเธอจะระลึกไม่ได้ว่าเคยเกิดเป็นอะไรมีลักษณะนิสัยอย่างไร แต่มันก็ติดตัวเธอมาและมีการแสดงออกทางกายภาพ ทางความคิดพิเคราะห์พิจารณาของแต่ละคน มันเป้นผลพ่วงมาจากส่วนที่เป็นสัญญา สัญญาตัวนี้เจ้ายังเชื่อมต่อกันไม่ได้ แต่มันก็ทำงานไปโดยปกติทุกภพทุกชาติของมัน ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้จักมันไม่เห็นมันแล้วมันจะไม่มี อะไรที่เป็นความเคยชิน คุ้นเคย มันก็จะจำจะสะสมมาอย่างนั้น

    นี่เราพูดให้เห็นนะถึงพฤติกรรมคน ที่โบราณเค้าเรียกว่ามีร้อยพ่อพันแม่ น้ำใจมนุษย์นี่มีร้อยแปดพันประการยากนักที่จะหยั่งได้ เพราะนิสัยย่อมแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งนั้นมันมีผลมาจากตรงนี้

    ยกตัวอย่างเช่น มีคนกำลังกินเนื้อวัวอยู่ อีกคนหนึ่งก็จะบอกเพื่อนไปว่าอย่ากินมันเลย สัตว์ใหญ่นะ กินเเล้วบาปนัก เพื่อนก็จะตอบว่าบาปอย่างไรเล่า แบบนี้หมูก็ตัวใหญ่มันก็บาปเท่ากันหมดหรือเปล่า ต่อไปก็กินอะไรไม่ได้เลยสิ ตรงนี้เองที่ความเคยชิน สัญญาความจำได้หมายรู้มันแตกต่างกัน ยากนักที่จะพูดให้ใครเข้าใจเพราะสัญญาการถูกฝึกอบรมมามันต่างกัน มันไม่ใช่วันสองวันนะเจ้า แต่มันกินเวลากี่แสนภพชาติเป็นโกฏิเป็นอสงไขยโกฏิ ถึงใครจะไปบอกเค้าว่าดีเค้าก็ไม่เชื่อด้วยบรรทัดฐานคำว่าดีของเค้ามันต่างจากเรา ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ที่เรียกว่าบรรทัดฐานตัวนี้แต่ละคนก็มีไม่เท่ากัน

    พระพุทธเจ้าท่านถึงแบ่งแยกบุคคลไว้ ว่าผู้ใดควรโปรดก่อน ผู้ใดเพียงแค่ชี้แนะและกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็พร้อมที่จะเข้าใจตาม ผู้ใดสอนยากทำความเข้าใจยาก ผู้ใดสอนอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลย นี่พวกเธออย่าคิดนะว่าเกิดมาในพุทธกาลทันฟังเทศน์จากพระพุทธองค์แล้วจะได้ไปนิพพานทุกคน มีมรรคผลเป็นที่ตั้งทุกคน ที่ไปนรก ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดนั้นก็ยังมี

    เมื่อเราไม่มีบรรทัดฐานอะไรมาชี้วัด เราไม่รู้จะฝึกตนอย่างไร เพื่อให้ความคิดเห็นและสิ่งที่เรากำลังระลึกอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรเป็นสัมมาทิฏฐิ จะทำอย่างไรไม่ให้สัญญามันมาส่งผลกับเราในเวลาปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงมีศาสนา มีหลักคำสอนและแนวทางดำเนินชีวิตขึ้นมา

    เจ้านับถือศาสนาอะไร พระศาสนาต่างๆล้วนมีหลักคำสอนเพื่อให้คนเป็นคนดีทั้งสิ้น กล่าวโดยรวมไม่แบ่งแยกคิดว่าเราต่างกับเขา ทุกศาสนานั้นย่อมดีหมด เกิดขึ้นเพื่อฝึกฝนประชากรในแต่ละพื้นถิ่น แต่ละภูมิประเทศที่แตกต่างกันทั้งด้านสังคมความเป็นอยู่ ความคิด การใช้ชีวิตและภาษา

    ตรงนี้เราจะสอนให้ไม่สนใจสัญญาทั้งหลายในอดีต ให้เจ้าอยู่กับปัจจุบัน นำหลักศาสนานั้นมาประดับตกแต่งความคิดของตน สำหรับพุทธศาสนิกชน ง่ายๆเลย เคยผ่านตากันบ้างหรือไม่ในที่นี้ เคยไม๊ เจ้าหนังสือเล่มเล็กๆที่เรียกว่านวโกวาท จะหยิบจับพกพาไปไหนมาไหนก็แสนง่าย เพราะเล่มเล็กนิดเดียว ในนั้นจะมีคำสอนของศาสนาพุทธที่อ่านและเข้าใจง่ายอยู่ เป็นคำจำกัดความเล็กๆที่อ่านแล้วก็เข้าใจทันที ก็ด้วยพระสัจธรรมการสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่แหละ เมื่อเจ้าทั้งหลายได้เรียนรู้ทำความเข้าใจแล้ว จะต้องดึงกลับมาใช้เป็นเกณฑ์ เป็นกรอบให้ตัวเอง

    เพราะเจ้านั้นจะถามครูบาอาจารย์ทุกสิ่งหามิได้ ในวัฏสงสารนี้ เจ้าต้องเดินด้วยตัวเอง เจ้าต้องพ้นด้วยตัวเอง พ่อแม่ครูอาจารย์นั้นอาจจะบอกกรรมฐานเจ้า อาจจะแนะนำเจ้าบ้าง แต่เจ้าต้องขัดเกลาตัวเจ้าเดินด้วยสองเท้าของเจ้าเอง เอาพระธรรม เอาสัจธรรมที่เรียนรู้มานั้นใส่เข้าไป ทำให้มันเกิดขึ้นจริงในชีวิตของตัวเองเสีย

    เพียงเท่านี้ความเห็นเจ้าก็จะเป็นสิ่งที่ถูกที่ควร สัญญานี่มันก็เหมือนไอ้สิ่งที่เค้าเรียกว่าเซฟนั่นแหละ มันก็จะเซฟไว้จำไว้ เกิดชาติภพใหม่เจ้าก็จะมีสัญญาที่ดีงามที่ควรจะมีควรจะเป็น เพื่อจะฝึกต่อ สานต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเสียเวลามานับหนึ่งใหม่ นี่คลายสงสัยกันรึยัง ที่บางคนก็พูดว่าทำดีแทบตาย ทำไปทำไม ชาติหน้าได้อะไร แล้วถ้าดีจริงเจ้าจะมาบ่นน้อยเนื้อต่ำใจทำไม

    นี่ไม่ต้องกลัวไม่ได้อะไรกันนะ มันได้แน่ ทุกความคิดทุกการกระทำนั้นมีความหมาย ภพชาตินี้ก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่กำลังเติบโตในภพหน้า เจ้าตัวหลักธรรมความคิดวิทยามันก็เหมือนแสงแดดเหมือนน้ำเหมือนปุ๋ยนั่นแหละ ถ้าเจ้าใส่ให้พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไปอยู่ในกรอบของความพอดี ไม่สุดโต่ง มันก็จะผลิดอกออกผลงอกงาม

    แต่ถ้าเจ้าไม่ทำ ภพหน้าเจ้าก็ต้องไปเริ่มใหม่ สัญญาเดิมที่ติดตัวไปอาจจะเสียซะยิ่งกว่าเก่า ยิ่งนานมันก็จะยิ่งพอกพูน และยิ่งลำบากยากเย็นขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้าคิดจะทำคิดจะเปลี่ยน ถ้าหากเจ้าทำในวันนี้ สิ่งดีๆก็จะเกิดในวันข้างหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2015
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    บารมี

    ก็วันนี้ก็จะนำโอวาทมาลงต่อ จากในส่วนของเมื่อวานนี้นะครับ

    สัญญานั้นมันเป็นสิ่งที่จะแสดงออกในผลของการกระทำที่ติดตัวมาแต่ภพก่อนๆ ทั้งลักษณะ อุปนิสัยต่างๆ เราจะยกตัวอย่างให้ฟัง เช่นเรื่องของศีล 5 ทำไมคนบางคนนั้นรักษาได้ ทำไมอีกคนหนึ่งถึงทำผิดเล็กๆน้อยๆให้ศีลมัวหมองตลอด แม้จะตั้งใจรักษาอย่างไรก็ทำไม่ได้

    ที่จริงเราต้องบอกเจ้าก่อนว่า มันไม่ใช่แค่ศีล 5 หรอกนะ อย่าไปดูถูกว่าแค่ ศีล 5 ตัวนี้แหละสำคัญนัก ก็ปู่พระอินทร์ท่านบอกว่าเป็นฐานของเหล่าโพธิสัตว์ทั้งหลาย นี่เห็นมั๊ย หน่อเนื้อพุทธางกูรก็เริ่มมาจากรักษาศีล 5 นี่แหละ ท่านบอกว่าเหล่าโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ได้สะสมบารมีมาแต่ก่อน เมื่อมาเอากำเนิดใหม่เป็นมนุษย์ ท่านย้ำนะว่าเป็นมนุษย์เพราะวิสัยเดรัจฉานมันถือศีลแบบมนุษย์ไม่ได้ ทีนี้เมื่อถือกำเนิดก็จะมีอุปนิสัยติดตัวอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือมีความประพฤติอยู่ในศีลสัตย์ ศีล 5 นี้เขาจะไม่ทำให้มัวหมองเลย ก็ฟังกันไว้ใครปรารถนาพุทธภูมิ อยากจะเดินสายโพธิญาณ ก็พิจารณาศีล 5 นี้เสียก่อน ถือเป็นข้อวัตรปฏิบัติตนเบื้องต้นก็ได้

    เอาล่ะเราจะมาพูดถึงสัญญา ในส่วนของความคุ้นเคยกัน ถึงยุคนี้เหล่าเทพและโพธิสัตว์จะลงมากันมาก แต่ผู้ที่กำลังเริ่มฝึกตน เดินไปสู่มรรคาเพื่อปรารถนาความหลุดพ้นก็ยังมี ในส่วนของผู้ที่มีสัญญามีบารมีเก่าปรากฏก็จะละไว้ไม่กล่าวถึงเพราะเขาเหล่านั้นเกิดมาเพื่อเพิ่มเติมบารมีของตนเอง

    ในส่วนผู้ที่ไม่มีสัญญาปรากฏ คนเหล่านี้นี่สำคัญยิ่งนะเราจะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะว่าถ้าชาตินี้เขาไม่ทำ ชาติหน้าความเป็นมนุษย์ก็จะไม่มีเสียแล้ว เพราะวาระกรรมมันจัดสรรค์ให้มาเกิด ถ้าเกิดมาบารมีไม่สร้าง นี่มันก็เสียชาติมนุษย์ไปแล้ว แต่ถ้าเกิดมาแล้วสร้างสมไปเรื่อยๆ มันก็จะจัดระบบและวาระในตัวของมันเอง พอจิตเราพ้นจากภพภูมินี้ นี่เรามีสัญญาติดตัวอยู่ มันก็จะอำนวยให้ง่ายขึ้น ให้เราไปจุติในภพอื่นหรือจะเป็นภพของมนุษย์ต่อไปก็ได้ เพื่อประโยชน์ในการสร้างบารมีต่อไป

    ทีนี้เราลองมาพูดกันง่ายๆเลย เอาเรื่องของศีล 5 กันก่อน อย่างไร ทำไมหนูรักษาไม่ได้ นี่ต้องต่อศีลประจำเลย เพราะหนูไม่ใช่โพธิสัตว์ ไม่ใช่พุทธวงศ์รึเปล่า เจ้าทั้งหลายที่จริงมันไม่ยากหรอกนะ ไปตั้งจิตปรารถนาพุทธภูมิให้พระรัตนรัยมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานท่านรับรู้ เจ้าก็จะเดินในเส้นทางของโพธิญาณแล้ว แต่ที่มันไม่ง่ายและก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียเลย มันคือเรื่องของกำลังใจ

    ถ้าเข้ามาในเขตของการสร้างบารมีแล้ว บททดสอบมันจะมาก กำลังใจตัวนี้ต้องหนักแน่น มันท้อกันไม่ได้ ไขว้เขวก็ไม่ได้ ไม่ต้องไปคิดเลยว่าถ้าหนูทำเต็มที่ เกิดมาชาติหน้าหนูลืมหมดมันจะสูญ ไม่มีสูญหรอก สัญญามันจะบอกความรู้สึกตัวเจ้าเองนั่นแหละ มันจะกำหนดบุคลิกอุปนิสัยเดิมของเจ้าแล้วขับมันออกมา ทีนี้เมื่อไม่สูญมันก็ไปต่อได้เลย นี่เห็นมั๊ย เหมือนเราหยอดกระปุกนั่นแหละ มันไม่ไปไหน ซ้ำมันจะงอกเงยเสียอีก

    เรื่องนี้เสด็จพระใหญ่ท่านเคยตรัสกับเราว่า เวลานี้มนุษย์ในส่วนที่ถือบุญลงมาเกิด มีกิจติดตัวมาแต่เบื้องบุริมชาติด้วยมีวาระความสัมพันธ์บางข้อกับกิจที่ต้องกระทำ ในส่วนที่ต้องลงมาสำเร็จกิจเหล่านั้น มีอยู่อีกสามหมื่นคน บางคนเขาเห็นบุญปรารถนาบุญ ศรัทธาในมรรคผลนิพพาน เขาก็จะเข้ามาสู่ทางสายกลาง ประเภทนี้จะเพิ่มมาทีหลัง เขาจะมาตั้งมโนปณิธานของเขาในชาติภพนี้ และจะขวนขวายกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้งให้สำเร็จ เมื่อรวมกันแล้วก็มีมากนับแสนคนทีเดียว

    เพราะเช่นนั้นเจ้าทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดหรอกที่จะสายเกินกว่าการเริ่มต้น ขอเพียงเจ้ากล้าที่จะเริ่ม มันติดอยู่แค่นี้แหละ ด้วยคิดว่าเริ่มตอนนี้เราจะทันคนอื่นเขาไหม มันก็ติดบ่วงอยู่แต่ตรงนี้คิดไม่ตกแบบนี้ไปไม่รู้กี่ชาติ พอเกิดมาเป็นคนทีก็มานั่งคิดว่าจะเริ่มดีมั๊ยๆ พอลืมๆก็ทำงานไป แล้วก็ลืมไปเลย เห็นคนเขาปฏิบัติกันก็มาฉุกใจคิดอีกว่าจะเริ่มดีมั๊ย จะเริ่มดีมั๊ย มันก็ไม่ได้เริ่มสักที นี่ยังดีนะคนประเภทนี้แปลว่าสัญญาของเก่าเขายังมียังคิดที่จะเริ่ม แต่ตัวสัญญานั้นมันก็ไม่ได้สำคัญเกินไปกว่าความประพฤติและการกระทำในปัจจุบัน

    อดีตนั้นเป็นตัวกำหนดปัจจุบัน และปัจจุบันมันคือสิ่งกำหนดอนาคต เราจะไม่ว่ายกลับเข้าไปหาอดีต แต่เราจะสร้างอนาคตกัน ทำอย่างไรเล่าให้มันดี มันไม่ยากหรอก แค่คิดดี พูดดี ทำดี แล้วความมีน้ำใน ความโอบอ้อมอารีย์ มีใจเกื้อกูลสรรพสิ่ง สิ่งต่างๆมันจะตามมาเองไม่ให้เจ้ารู้เนื้อรู้ตัว

    ถ้าจะถามว่าศีล 5 นี้ ก็หนูไม่ใช่สายโพธิสัตว์แต่ปรารถนาเป็นสาวกภูมิไม่ใช่ปรารถนาพุทธภูมิ แบบนี้ศีลขาดบ้างเป็นปกติจะได้หรือไม่ จะสายไหนก็แล้วแต่ถ้ามันยังขาดบ้าง แปลว่าที่ผ่านมานั้นการฝึกปรือของเธอยังไม่เข้มข้นพอ วาระกรรมที่ผ่านมาเธออาจฝึกและได้อะไรกลับมาบ้าง หรืออาจจะไม่ได้อะไรเลย ศีล 5 นี้มันเป็นบาทฐานของความเป็นมนุษย์ เมื่อเข้าสู่การสร้างสมบารมี ไม่ว่าสายไหนก็ดี ก็ควรจะประพฤติให้อยู่ในกรอบ เพราะอะไร ก็เพราะว่ามันจะส่งผลให้เราสร้างบารมีต่อได้ ไม่ติดเศษกรรมต้องไปชดใช้กรรมใหม่ๆ

    ตราบใดทีมีการละเมิดศีล มันก็จะมีกรรมต่างๆเกิดขึ้นมาเสมอ ทำให้เราสร้างบารมีได้ยากขึ้น พ่อแม่ครูอาจารย์จึงสรรเสริญกันนักว่าคุณแห่งศีลมีอยู่ในโลก เธอเชื่อหรือไม่เล่า ถ้าเธอรักษาศีลแล้วจะมีแต่สิ่งดีๆปรากฏขึ้นมา

    อันนี้ต้องพูดซักนิดหนึ่งเรื่องกำลังใจ ไม่ใช่อยากรวย อยากมีเมีย อยากสารพัดที่จะอยาก แล้วก็มาทำบุญรักษาศีล รักษาศีลได้เดือนสองเดือน ก็มาบ่นกับเราว่าทำไมไม่ได้ ทำไมยังไม่มี ก็ตัวเจ้ามันแสดงออกถึงปานนั้นว่าตัวเองมีแต่ความคับข้องใจ ที่ผ่านมาการรักษาศีลของเจ้านั้นไม่บันเทิงไม่ทำให้กายใจเจ้าเป็นสุขเลย พอเราบอกว่าคุณแห่งศีลมีอยู่ในโลก เจ้าก็หวังคุณนั้นให้มาสงเคราะห์กิจที่เจ้าปรารถนาด้วยการฝืนรักษาศีลถวายส่งๆไป ความรู้สึกมันก็ทำนองเดียวกับพยายามติดสินบนเทวดา เหมือนจะทำความดีให้ก่อนนะ แล้วท่านเอาความสุขให้เรา ถ้าไม่ได้ทำแล้วไม่เห็นก็เลิกทำ นี่แหละมนุษย์ ทำแบบส่งๆขอไปที ไม่ได้ดั่งใจก็เลิกทำ ไม่ใช่ทำเพราะคิดว่าเป็นกิจเป็นสิ่งที่ต้องทำ

    หากเจ้าทำเพราะคิดว่าเป็นกิจที่พึงกระทำแล้ว ความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไป ไอ้ตัวสัญญานี่ มันไม่จำเป็นเลยต้องมีมาแต่ก่อน มันสร้างกันวันนี้ภพนี้ก็เริ่มสร้างได้ ขึ้นอยู่ว่าเจ้าจะเริ่มได้รึยัง

    นี่เราพูดให้คิด ให้ผู้ที่ได้รับสารใช้ปัญญา พิจารณาไตร่ตรอง เมื่อเห็นควรเห็นชอบค่อยลงมือกระทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2015
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    คุยกันยามเช้า

    ก็อรุณสวัสดิ์

    วันนี้มาคุยกันสบายๆ เคยได้ยินว่าเกลียดอะไรมักจะเจออย่างนั้น น่าจะเคยได้ยินกันนะ 555+ ต้องยอมรับจริงๆว่าประเทศเราเนี่ยยไม่รู้ไปเอากระแสร่างทรงฟีเว่อร์มาจากไหน มีกันทุกตำบล ทุกซอยเลย

    ปกติผมไม่ค่อยชอบอยู่แล้วครูบาอาจารย์หลายท่านก็พูดก็เล่ากันมาเยอะ มันก็เลยฝังใจให้ไม่ชอบไป ทีนี้พอไม่ชอบ มันก็ต้องเจอนั่นแหละ

    ก็จะเล่าให้ฟัง คือมีคนโทรมาหานัดผมออกไปคุย ผมก็ไป เพราะเห็นว่าเป็นปัญหาที่ลูกเค้าถูกผีเข้าแต่อาจารย์เค้าเอาไม่ออก ก็เลยนัดไปที่บ้านอาจารย์เค้า เราก็นึกว่าจะพาเราไปที่ไหน ที่แท้พามาตำหนักทรง555+

    องค์ยังไม่ทันลงเลย เค้าก็กล่าวอวดอ้างสรรพคุณตัวเองให้เราฟังว่าแบบเทพมากอ่ะ เก่งเลยเเหละ ศาลพระภูมิไหนเฮี้ยนตบอกนะเสียงดังเป็นผู้หญิง นี่ก็ไปเอาออกไปถอนมาแล้ว ที่ตรงไหนเจ้าที่แรงตรงไหนผีดุนี่ไปมาหมดแล้ว เรามารยาทดีนั่งยิ้มแต่คิดในใจว่ามาปรึกษากูทำไม เก่งขนาดนั้น ทำไมเอาไม่ออก

    ต้องบอกก่อนนะว่าเค้าทรงถึงระดับพระเจ้าแผ่นดินเชียวนะองค์เค้าเนี่ย พระเจ้าแผ่นดินแผ่นฟ้าขับผีสิงเด็กคนเดียวไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าแบบไหนเจ้าที่โรงโขนรึยังไง วันนั้นก็เลยเป็นโอกาสดี ที่เราได้นั่งดูและตั้งข้อสังเกตุไปด้วย

    จะเล่าให้ฟังกันนะ ผมเชื่อว่าหลายๆตำหนักก็จะเป็นแบบนี้ คือพอถึงเวลาลงเสด็จพ่อปุ้ปตัวเจ้าที่เป็นประธานเป็นเจ้าของบ้านก็จะลง หลังจากนั้น เจ้าบริวารในบ้านนั้นก็จะลงต่อ ประมาณว่าเค้าหาคนรู้จักหลายๆคนทั้งลูกหลานและผู้ที่มาหาจนไว้เนื้อเชื่อใจกันแล้วให้มาอยู่ตำหนักเค้า พอเขาลงปุ้ป ก็จะขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์ แล้วคนที่เค้ารู้จักเชิญมาอีก4-5คนก็จะลงไปด้วยนั่งพร้อมกันอยู่บนอาสนะ

    นี่นะคุณเชื่อมั๊ย ผมไปตำหนักเดียว ได้ไหว้ทั้งบูรพกษัตริย์ เจ้าแม่กวนอิม ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อพระพุทธเจ้า กุมารไอ้จุก พระศิวะ มีครบเลยในตำหนักเดียว ลงกันเกรี๊ยวกร๊าวมาก ตัวแม่เด็กที่พาเราไปก็เป็นร่างกุมารประจำตำหนักนี้นะเป็นร่างไอ้จุก

    เออเราก็นั่งดูเวลาแขกหรือศิษย์เค้าเข้าไปหา เข้าไปคนนึง หรือบางครั้งสองสามคน แบบเป็นชุดๆอ่ะนะ เข้าไปหขอคำปรึกษา ท่านจะได้คำปรึกษาสารพัดเลย เหมือนโดนรุมกินโต๊ะอ่ะ มันตลกอ่ะ มาลงได้ไง พระพุทธเจ้านะเฮ้ยแถมยังเอาแต่พูดภาษาที่บาลีก็ไม่ใช่ กูโบ้สหรอ พระเวทย์ดึกดำบรรพ์หรอ คือมันไม่ใช่ป่ะ

    ก็ทนนั่งยิ้มจิบน้ำของเราดูเขาไป ออกท่าทางอาการต่างๆ จนปลอดคน แม่เด็กเลยเข้ามาหาเรา กุมารทองไหว้กูด้วย คือพูดภาษามนุษย์รู้เรื่องแล้ว เราก็ถามเค้าตรงๆนะให้เค้าตอบเรามาตรงๆ เค้าเลยชวนเราไปคุยนอกบ้าน เล่าให้เราฟัง เราถามว่าที่ทรงเนี่ยแต่ละคนญาณเทพไม่ได้มาเลยใช่มั๊ย ทำไมถึงไปทำแบบนั้น

    มาฟังคำตอบจากร่างกุมารประจำสำนักกันนะครับ
    พี่เค้าเล่าว่า แต่เดิมเค้าขายหมูปิ้งอยู่ แล้วพอดีได้มารู้จักกับร่างตำหนักนี้เลยมาหา สุดท้ายเค้าทักว่ากุมารทองของเค้าถูกใจเราก็เลยเลยตามเลยไปเลย เค้าชวนก็มาตลอด มันก็ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่แหละคุณ เรารู้ความลับของเค้าเค้าก็รู้ความลับของเรา เราก็งงๆ เฮ้ย สรุปแก๊งต้มตุ๋นสิวะเนี่ย ก็รึไม่จริงคำว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่นี่คือแบบ เหอะพอจะเข้าใจ เหมือนเคยได้ยินมา (ต้องบอกก่อนนะว่าเป็นตำหนักที่น่าเชื่อถือมาก ตัวสามีร่างเป็นข้าราชการระดับผู้อำนวยการโรงเรียนใหญ่ๆชื่อดังในกุงเทพ ลูกศิษย์ลูกหาตรึม)

    ทีนี้ก็เลยเข้าเรื่องน้องคนนั้นพี่เค้าบอกว่าให้ปู่เอาออกให้หลายหนแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่ออก สงสารเด็ก ทำจนเด็กสลบไปเลยก็มี เราก็เฮ้ยๆบ้าแล้ว แค่ผีเข้ามันไล่ยังไงให้เด็กสลบ ทีนี้ก็เลยลองคุยกับแม่เค้านั่นแหละ ว่ามาตุ๋นคนเนี่ยมันเป็นเวรกรรมรึเปล่า เด็กตัวน้อยๆถึงเจออะไรแบบนั้น เค้าว่าเค้าจำเป็นต้องทำ เพราะตอนแรกเค้าถูกหวยรางวัลที่สอง กะจะดาวรถผ่อนรถออกมาให้สามีขับแท้กซี่ คือไรเราก็ไม่เข้าใจนะ เอาว่าเซ้งรถมั๊ง ปรากฏว่าตัวร่างตำหนักนี้พอรู้ว่าถูกหวย ก็ชวนไปต่างจังหวัด เอาบุญมาล่อว่าเรามีลาภจะถูกเพิ่ม ต่อไปจะรางวัลที่หนึ่ง(เออก็เชื่อมันไปได้เนาะ) สรุปคือตระเวณทำบุญกับเค้าจนเงินหมด รถก็ไม่ได้ ไม่มีทางออกเลยกะจะออกปากยืมเงินสามีร่างเค้าแทน เลยต้องทนอยู่แบบนี้

    ก็นะเวรกรรมของร่างทรง เทพเจ้าในร่างมนุษย์ก็ลำบากกันจริงๆเห็นมั๊ย เลยบอกกับเค้าว่าให้เลิกซะ เลิกแล้วติดต่อเรามา เราจะช่วย ให้ไปหาอาชีพสุจริตทำ อย่างน้อยมันก็ได้เงินมากกว่าไอ้ส่วนแบ่งที่มานั่งลงทรงนี่ แบ่งกันตั้งหลายหัวแล้วรถผัวชาติไหนจะได้ คนๆนี้ต้องบอกว่าถ้าทำถูกพี่เค้ารวยเละแน่ เพราะเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยมาก คือหาเชฟหาอะไรเทียบฝีมือแกยาก แกทำได้หมดเลยหอยทอดผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวเป็ด หมูปิ้งก็รสชาติไม่เหมือนชาวบ้าน ได้ไปร้านหมูปิ้งแก คือมีก๊วยเตี๋ยวเป็ดด้วยนะงงไหมละเออ แกขายหลายอย่างเลย อร่อยมาก ถ้าตั้งใจทำนะก๋วยเตี๊ยวขายชามเททิ้งชามยังได้กำไรเลย เอาเวลาไปนั่งจุ๊กมุกตรงนั้นกลับมาเปิดร้านตัวเองดีกว่าไหม

    แล้วก็แยกย้ายกันกลับ เพิ่งกลับมาเมื่อวาน ก็จะรอดูเหมือนกันว่าเตือนแล้วเค้าฟังเรามั๊ย ถ้าฟังก็จะช่วยถ้าเงียบไปแปลว่าเค้ายังติดเศษกรรมอะไรกับครอบครัวนี้อยู่ ถึงได้มาร่วมวาระกรรมกัน คือมันออกไม่ได้ง่ายๆหรอก กำลังใจต้องสูง กำลังใจล้วนๆถึงจะพ้นได้

    ผมเชื่อนะว่ามันไม่มีเรื่องบังเอิญอะไร ทุกสิ่งทีเรามาเจอกันคุยกัน รู้จักกัน มันเป็นวาระในตัวเองทั้งนั้น ใครมีปัญหาเกี่ยวกับร่างทรงก็สังเกตุกันให้ดีแล้วกัน กระทู้นี้ใช้เตือนบ่อยๆบางทีมันก็ไม่งาม เดี๋ยวจะกลายเป็นเพจแอนตี้ร่างทรงไปอีก แต่ถ้ามีเรื่องอะไรน่าคิด แล้วก็ได้ประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆจะเอามาเล่าให้ฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2015
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันนี้ก็ขอตามกระแสนิดนึง กินเจกับเค้าด้วย กับข้าวเจสมัยนี้ ไม่ต่างอะไรจากกินเนื้อสัตว์เลย มีครบ ใครที่ทานเจช่วงนี้ก็สวดมนต์กันเยอะๆนะครับ:cool:
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร)

    แต่ปางหลังนั้น นับจากสมเด็จพระพุทธโคดมศากยมุนีได้ทรงกระทำทิฏฐิในองค์ท้าวผกาพรหมให้แจ้ง รู้ชั่วดี มีปรีชาญาณแล้ว ท้าวผกาพรหมก็ได้บรรลุธรรมและกระทำบารมีต่างๆมากมายจนเลื่อนขึ้นสู่ปัญจสุทธาวาสมหาพรหม เป็นมหาพรหมขั้นสูงสุดคือมหาพรหมอนาคามี

    ครูบาอาจารย์แต่โบราณนั้นท่านรู้ดีว่าพระพุทธานุภาพทรงคุณเช่นไร พรหมคุณขององค์ท้าวผกาพรหมมีความสำคัญแตกต่างจากเทพเจ้าองค์อื่นอย่างไร ครูบาอาจารย์จึงหยิบยกพระคุณเหล่านี้มากระทำเป็นวัตถุมงคล

    หากจะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นตำนานไปแล้ว หาดูได้ยาก มีพลังอิทธิคุณสูงส่งในพิมพ์พระพุทธเจ้าโปรดท้าวผกาพรหมนี้ ก็ต้องระลึกถึงเหรียญหล่อเมฆสิทธิ์ หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม ที่สภาพสวยๆสมบูรณ์นั้นมีมูลค่าว่ากันที่หลายๆแสน และนับวันจะทวีมูลค่าสูงขึ้นไปอีกและปรากฏของปลอมมากมาย ที่เกริ่นมาแล้วนี้เพราะต่อไปจะมาพูดถึงเหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร) นั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านได้สัมผัสบารมีและบุญญาภินิหาริย์ของหลวงปู่ทับ วัดอนงค์มาแล้ว ทั้งได้รับคำฝากฝังจากครูบาอาจารย์ว่า ให้ท่านทำให้อีกซักครั้ง ด้วยว่าของที่ท่านทำไว้แต่เดิมนี้ นับวันจะหาของจริงแท้ดูได้ยากเต็มที สมัยผมทำ ผมก็ทำด้วยกายสิทธิ์(เมฆสิทธิ์) ถ้าคุณจะทำไว้เป็นที่ระลึกก็เอากายสิทธิ์ที่เหลือของคุณมาทำ

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ได้นำหุ่นเทียนมาแกะ โดยขอเมตตาจากบารมีหลวงพ่อทับตลอด ท่านว่าสมัยท่านนั้นจะทำเป็นเหมือนพระพุทธนั่งซ้อนอยู่บนพระพุทธอีกคำรบหนึ่ง คนจึงไม่รู้ว่าเป็นท้าวผกาพรหม ได้แต่เรียกกันว่าพระซ่อนหาไป เมื่อพ่ออาจารย์จะทำ หลวงปู่ทับท่านก็บอกให้แก้ไขพิมพ์ใหม่ ให้รู้ว่าองค์ไหนคือพระองค์ไหนคือท้าวผกาพรหม

    หลวงพ่อทับท่านได้กล่าวว่า ด้วยพุทธบารมีที่พระพุทธเจ้าได้โปรดท้าวผกาพรหมนั้น ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ไปปรากฏในพรหมโลก โปรดท้าวผกาพรหมโดยใช้ฤทธิ์และอภินิหาริย์โดยแท้ ซึ่งอานุภาพเหรียญหล่อนี้ จะมีไว้เพื่อคลายทิฏฐิความเห็นผิดในใจ ผู้บูชาจะระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นอนุสติ ไม่ถูกฝ่ายมารครอบงำ หลุดพ้นจากอวิชชาทั้งหลาย แม้ขัดข้องสิ่งใดจะได้รับการช่วยเหลือการสงเคราะห์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยฤทธิ์แลอานุภาพ ทั้งยังเป็นที่เกรงกลัวของภูติผีปีศาจและเหล่ามารทั้งปวง ซ้ำยังนิราศโรคนิราศภัยร้ายทั้งหลาย เมื่อได้อาราธนาจะไม่มีโรคาพาธเบียดเบียนปลอดภัยจากโรคระบาด เป็นการนำพุทธและพรหมมาเกื้อกูลผู้ที่อาราธนาไปพร้อมกัน ที่เรียกว่าพระซ่อนหานั้น เพราะใครได้ไปได้ดีขึ้น ปรากฏเกียรติยศ ร่ำรวยกันทุกคน ดุจดังว่าได้สิ่งค้ำคูณเกื้อหนุนดวงชะตา ด้วยองค์พระนั้นสื่อความหมายว่าท้าวผกาพรหมไม่สามารถหาพระพุทธองค์พบเช่นไร เวรกรรมอันจะมาเบียดเบียน ทุกข์โทษภัยสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ตามติดผู้ครอบครองอยู่ก็หาตัวเราไม่พบเช่นนั้น ดุจดังว่าเรานั้นเป็นอากาศธาตุจะเพียรหาตามติดด้วยวิธีใดก็หลุดพ้นไปได้โดยพุทธานุภาพ ทั้งนี้ท่านยังได้เมตตาบอกพระคาถาที่จะใช้ในการเสกและการอาราธนาให้ด้วย

    ซึ่งพ่ออาจารย์นั้นท่านได้พิเคราะห์ดูแล้วว่าการเสกนั้น เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะท่านจะลงวิชาตามที่ท่านได้เรียนมา แต่ก็ยังต้องเชิญครูลงมาเสกด้วย ท่านมิใคร่สบายใจนักเพราะเกี่ยวพันกับหลายสายวิชา คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรลงวิชาเน้นด้านใดให้เด่นขึ้นมา จนท่านได้รับนิมิตรจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้บอกให้พ่ออาจารย์ท่านลงมหาปราบโลกเสริมไปด้วย แล้วก็ให้นำตะกรุดเมดอกครู(มหาสะท้อนดอกครู) ที่พ่ออาจารย์เคยลงไว้แบบเต็มสูตรเป็นเนื้อทองเหลืองดอกเล็กๆท่านบีบอีกขระลงพระยันต์มหาสะท้อนตัวครูกำกับด้วยยันต์ท้าวมหาชมพูหน้าหลังเต็มสูตรใส่ลงไปด้วย ซึ่งตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้นำไปถวายให้หลวงพ่อฤาษีท่านเมตตาเป่าเมตตาเสกให้สมัยท่านยังทรงสังขารอยู่ ซึ่งท่านก็รับไปกระทำให้จนเอ่ยปากกลับมาว่า "เสกมาแล้วนี่จะลงอะไรอีก แกนี่ขยันนะ ตั้งใจดีมาก ดูสิ้ดอกนิดเดียวลงมาซะละเอียดเลย ดี ดี ใส่สูตรลงยันต์ไว้ครบ นี่ข้าอราธนาคุณพระมาช่วยได้มากกว่าที่เคยๆเสกมาเสียอีก" พ่ออาจารย์ท่านว่าแค่ตะกรุดดอกนี้ที่เคยได้เมตตาหลวงพ่อฤาษีท่านลงวิชา สมัยนี้จะไปหาที่ไหนได้

    พ่ออาจารย์ท่านจึงนำแผ่นเงินลงถมมาลงพระยันต์มหาปราบโลกและเสก โดยหลังเสกนั้นท่านเรียกของท่านเองว่าตะกรุดไพรีพินาศ ท่านว่าเสริมตัวนี้เข้าไปนี่แหละเราปราบเขาได้หมดเลย ในโลกนี้ขอให้มีจิตมีชีวิตเถอะจะคนจะผีจะเจ้าที่ไหน เอาชนะเราไม่ได้ เสริมตะกรุดเมดอกครูด้วยยิ่งรองรับกัน ส่งต่อพลังงานกันเป็นทอดๆ ใครคิดร้ายทำร้ายเราก็พินาศสมชื่อ เป็นศัตรูเรามีแต่ตกอับล่มจมไป แต่ผู้ครอบครองต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยนะถึงจะใช้ขึ้นและได้ผลแรงกว่าปกติหลายเท่าตัว

    ซึ่งพุทธคุณเช่นนี้สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อทับท่านทำไว้ก็ไม่ปรากฏจะมี อันนี้ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อฤาษีท่านจึงแนะให้เสริมไว้ ท่านว่าเมื่อทางสะดวก ปราบและกำราบคนที่คิดไม่ดีกับเราหมดแล้ว จะทำอะไรก็เจริญรุ่งเรือง จะเอาดีทางโลกก็ไร้เสี้ยนหนาม จะเอาดีทางธรรมก็ไม่มีอุปสรรค เพราะชั้นถือว่าปราบนี่คือปราบหด ปราบราบคาบแม้แต่กิเลสในใจตน ก็ตั้งจิตอธิษฐานกันเองระลึกให้ดีว่าจะเอาดีทางโลกหรือทางธรรม ยิ่งเมื่อเสริมกันกับอานุภาพธาตุกายสิทธิ์และพลังฤทธิ์เทวราชที่ดูแลรักษา ตลอดจนพ่อท้าวผกาพรหม และสมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หายห่วงได้ทุกเรื่อง ฝากชีวิตไว้ได้

    พ่ออาจารย์ท่านได้หล่อเหรียญไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร)ไว้ด้วยวัชรธาตุหยาดน้ำฟ้าทวาราวดี นำมาผสมกับเหล็กสังขวานรเก่าพระอุโบสถอยุธยา เข้าด้วยตะกั่วน้ำนมพระท่ากระดานชำรุด ผสมแร่เงิน และปรอทป่า จนหลวงพ่อทับท่านบอกว่าได้เช่นนี้ก็เป็นกายสิทธิ์แล้ว พลังหนักหน่วงแต่กลับเย็น เบาและสบาย ดี ดีมากๆ

    พ่ออาจารย์ว่าเหรียญนี้ตอนเสกนั้นท่านลงวิชาสูตรหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าไว้ที่องค์พระ โดยใช้รัศมีกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉาบเคลือบไว้ทุกเหรียญ แบบที่หลวงปู่ศุขท่านทำเหรียญรัศมีซุ้มประภามณฑล จนปรากฏว่าหลวงปู่ศุขท่านมาอนุโมทนา เป่าเหรียญลงวิชาให้เองทีละเหรียญ ท่านว่าวิชานี้ดี คุ้มได้ทั้งหมด เป็นดั่งแสงสว่างส่องนำทางให้กับเรา ต่อไปไม่มีวันมืดบอดอับจน เปิดแล้ว สว่างแล้ว รัศมีพระสัพพัญญูตกต้องถึงเราแล้ว ทำอะไรจะไม่ตกอับอีกแล้ว

    โดยในส่วนของพระรูปด้านล่างที่เป็นองค์ท้าวผกาพรหมนั้น พ่ออาจารย์ท่านให้เสด็จปู่ผกาพรหมมาแฝงกายทิพย์ของท่านลงไปเอง พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าคนไทยนี้ สมควรจะรู้ไว้นะท้าวผกาพรหมนี่แหละท่านมีความเป็นห่วงผูกพันธุ์กับคนไทยมาก เพราะพวกเราเคารพและไหว้ท่านกันมานานด้วยไปเข้าใจผิดว่าท่านเป็นพรหมของพราหมณ์ เป็นพรหมสร้างโลกลิขิตชะตามนุษย์ เมื่อท่านมีความผูกพันธ์ท่านก็จะเป็นธุระคอยช่วยเหลือให้ในเบื้องบน คอยหาเหล่าเทพ พรหม โพธิสัตว์ให้มาจุติช่วยเหลือบ้านเมืองมาตลอดทุกยุคทุกสมัย นี่เลยหัวแรงมีบุญคุณเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมลูกหลานไทยอย่างแท้จริง พอรู้ว่าเป็นเรื่องของไทยนี่ท่านเอาเป็นธุระหมด ระลึกถึงพระคุณของท่านและอธิษฐานขอพรจากท่านดู เป็นคนไทยเป็นลูกหลานไทย ท่านไม่เพิกเฉยต่อคำร้องขอและอธิษฐานหรอก เพราะท่านมีน้ำพระทัยกรุณา จะตั้งจิตขออะไรก็ขอจากองค์ผกาพรหมนี่จะไวกว่าขอองค์พระนะจำไว้ องค์ผกาพรหมนี่จิตท่านก็สูงสุดในพรหมโลกแล้วเพราะเป็นมหาพรหมอนาคามี บารมีท่านไม่ธรรมดา เราเลยตั้งใจแกะรูปท่านในปางประทานพรเหมือนกลายกลายว่าให้ท่านให้พรคนที่เขาขอทุกเรื่อง ขอแล้วต้องช่วยเช่นนั้น

    เมื่อเสกนั้นท่านนำเหรียญมาแช่น้ำมนต์ 9 สถานที่ ที่ผุดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ทั้งในบ่อ ในถ้ำ และในเศียรพระพุทธรูปโบราณ ที่ท่านรวบรวมไว้ ท่านว่าน้ำเหล่านี้ผุดเอง มาเอง ตักเท่าไหร่ก็ไม่หมด คนใช้จะได้มีกินมีโชคงอกเงย ผุดเองได้เองเรื่อยๆ และท่านก็ลงวิชาของท่าน เชิญครูท้าวผกาพรหม ตลอดจนขอความอนุเคราะห์จากหลวงปู่ศุข หลวงพ่อทับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำมาลงวิชาให้เพิ่มอีกคำรบหนึ่ง ซ้ำยังปรากฏญาณของสมเด็จพระพุฒนาจารย์(นวม)วัดอนงค์อีกด้วย เรียกว่าดีเหนือดีเลยเพราะหลวงปู่ทับคงจะอาราธนาท่านมาเสริมให้

    คาถาบูชา
    นะโม ยะวะ อรหัง กะวิทู อิกะนาโถ โลกะนาโถ กะวิทู เวคะ สะหะกะ กัมมะ ถะละสัตตารา พรัมมะสิริ พรัมมะวังนัง พรัมมะสุขัง พรัมมะรูปัง พรหมันนิพพานัง อนิโสสะ สิวังพุทธัง
    ถ้าใช้ภาวนาสวดเฉพาะท่อนนี้(พรัมมะสิริ พรัมมะวังนัง พรัมมะสุขัง พรัมมะรูปัง พรหมันนิพพานัง อนิโสสะ สิวังพุทธัง)


    * เหรียญหล่อไพรีพินาศพุทธพรหมปราบโลก(เปิดโลกปราบมาร) พ่ออาจารย์ท่านหล่อไว้ได้เพียง 13 เหรียญ ท่านว่าทำได้ไม่มากเพราะผสมเนื้อพระท่ากระดานเก่าแท้ๆมันมีน้อยใครมีบุญ ใครเป็นเจ้าของก็ให้ไว้เป็นที่ระลึกที่ผู้นั้นร่วมทำบุญกับเรา ปัจจัยท่านจะนำไปบริจาคสร้างวิหารทานในวัดตามชนบทต่อไป ท่านว่าอยากให้พระศาสนาเผยแผ่และเข้าถึงในถิ่นทุรกันดาร ให้พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นเนื้อนาบุญได้ไม่ต้องลำบาก ใครทำตรงนี้อานิสงค์แรงนัก
    * ผู้ใดประสงค์จะสั่งจองร่วมทำบุญบูชา ก็ส่งข้อความแจ้งเข้ามาทาง PM เท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2024
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,095
    ค่าพลัง:
    +16,623

    อันนี้แค่ห้อยบูชาก็พอนะ ท่านกำชับว่าไม่ต้องเอาชื่อศัตรูหรือคนที่ไม่ชอบไปทับไปสอดอะไรมันจะแรงไป แต่ถ้ามีปัญหา มีคดีความหรือโดนรังควานก็ทำได้ อย่าทำเล่นๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...