ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "อเมริกาบี้จีน : ระเบิดโรงแรมที่มีสถานทูตจีนตั้งอยู่ในโซมาเลีย"
    โซมาเลียประเทศที่อยู่ปากทางเข้าทะเลแดงที่เป็นจุดยุทธศาสตร์เดินเรือที่สำคัญและจะยิ่งสำคัญมากขึ้นอีกหลังจากอียิปต์ได้มีการปรับเส้นทางการเดินเรือของคลองสุเอซให้ดีขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
    ... โดยโรงแรมนี้มีสถานทูต "จีน" ใช้พื้นที่ตั้งทำการอยู่ ในเมืองโมกาดิชู เมืองหลวงของโซมาเลีย, จีนมีอิทธิพลอย่างมากกับประเทศแถวนี้ ทั้งเอธิโอเปีย โซมาเลีย และ "จิบูติ" หรือสิงคโปร์แห่งอาฟริกา ที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา "จีน" จะขอเช่า "จิบูติ" มาเปิด "ฐานทัพทางทหาร" แห่งแรกในทวีปนี้ ที่ก่อนหน้า อเมริกา ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเดิม และญี่ปุ่นก็มาตั้งโดยอ้างว่ามาต่อต้านก่อการร้าย แต่อเมริกาต่อต้านไม่อยากให้มา
    ... โดยกลุ่ม "อัล ชาบับ" ที่มีสัมพันธ์เป็นเครือข่ายกับ อัลกออิดะห์ เป็นผู้อ้างความรับผิดชอบในการระเบิดครั้งนี้ ที่อัลกออิดะห์เองนั้นมีสัมพันธ์กับอเมริกามานานแล้วตั้งแต่ยุคต่อต้านโซเวียตรัสเซียในอัฟกานิสถาน , นอกจากนั้นยังมีกลุ่ม "โบโกฮารัม" ที่เป็นแฟรนไชด์ทหารรับจ้างเมกาของ ISIL ที่คอยป่วนด้านอาฟริกาตะวันตก ที่จีนมาลงทุนด้านน้ำมัน เหมืองยูเรเนียม ทองคำ และเหล็กอยู่มากมายในไนจีเรีย
    ... เรื่องราวเหล่านี้จึงเป็น "สงครามหาแนวร่วมและป่วนคู่ต่อสู้ในอาฟริกา" ของมหาอำนาจเก่าที่กำลีงจะถูกบริวารเก่าทิ้งไปหานายใหม่อย่างจีน เมกาจึงยอมไม่ได้ ระเบิดจึงคือคำตอบ ไม่ว่าจะ ซูดาน โซมาเลีย และ ไทย ก็เหมือนๆกัน โดยมีกลุ่ม "ทหารรับจ้าง" ที่อ้างศาสนาบังหน้า เป็นตัวคอยป่วน

    More Bodies Found in Rubble of Bombed Mogadishu Hotel
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... กัมพูชาสวนหมัดไปทันที ไม่มีใครกลัวอเมริกา จุ้นไปทั่วโลก ศาลใครศาลมัน แทรกแซงเพื่อจะล้มทุกประเทศที่เอียงข้างจีน

    กัมพูชาเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการแทรกแซงกระบวนการทางศาลกัมพูชา 26 กรกฎาคม 2558, 11:51น.ต่างประเทศ

    [​IMG]

    รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกา ยุติการแทรกแซงกระบวนการทางศาลของกัมพูชา เพราะกัมพูชาเป็นรัฐเอกราช และเห็นว่าการที่สหรัฐฯ ประกาศให้ความช่วยเหลือแก่เหล่าอาชญากรของกัมพูชา คือการไม่เคารพต่อคำพิพากษาของศาลกัมพูชา และนับเป็นความผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง ทั้งมองว่าสหรัฐฯ มีเจตนาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสนและบ่อนทำลายความมั่นคง รวมทั้งความเป็นปึกแผ่นในสังคมของกัมพูชา แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า แม้แต่รัฐบาลกัมพูชาก็ไม่สามารถแทรกแซงกระบวนการทางศาล เพราะสถาบันที่มีความเป็นอิสระ การแทรกแซงสถาบันตุลาการยังขัดต่อหลักการพื้นฐานแห่งรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการกระทำที่เป็นละเมิดต่อการระบบศาลของกัมพูชา

    แถลงการณ์จากรัฐบาลกัมพูชามีขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงพนมเปญ เปิดเผยว่าสถานทูตกำลังติดตามคดีของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านในกัมพูชาจำนวน 11 คน ที่ถูกดำเนินคดีฐานกบฏจากเหตุการณ์ประท้วงรัฐบาลในกรุงพนมเปญ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 โดยเมื่อวานนี้ศาลได้ตัดสินจำคุกพวกเขาตั้งแต่ 7-20 ปี แถลงการณ์ของสถานทูตสหรัฐฯ ระบุว่ากลุ่มนักเคลื่อนไหวถูกตัดสินคดีแบบด่วนสรุป และรับได้การพิจารณาคดีความที่ไม่เหมาะสม รัฐบาลสหรัฐฯ จึงรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่ง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาทบทวนกระบวนการพิจารณาคดีด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้การรับรองได้ว่ากระบวนการจะดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ มีความโปร่งใส และสอดคล้องกับกฎหมายทั้งในและระหว่างประเทศ

    **11.30F174>>

    จส. 100
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลลิเบียตัดสินประหาร “ลูกชายกัดดาฟี” พร้อมพวกพ้อง 8 คน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 18:52 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – ศาลลิเบียตัดสินประหารชีวิต เซอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายของจอมเผด็จการ โมอัมาร์ กัดดาฟี ในวันนี้ (28) พร้อมกับจำเลยอีก 8 คนฐานก่ออาชญากรรมในช่วงการลุกฮือปี 2011

    อับดุลเลาะห์ เซนุสซี อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองและ อัล-แบกดาดี อัล-มาห์มูดี นายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของ กัดดาฟี ก็อยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตครั้งนี้ด้วย

    เซอิฟ อัล-อิสลาม ไม่ได้ปรากฏตัวในศาลเนื่องจากเขาถูกคุมขังในเมืองเนินเขาซินตันทางตะวันตกเฉียงใต้โดยกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านทางการตริโปลี

    การพิจารณาคดีดังกล่าว ซึ่งเริ่มขึ้นในเมืองหลวงแห่งนี้ของลิเบียในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ถูกกลุ่มเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดและเป็นข้อพิพาทที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขกับศาลอาญาระหว่างระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรุงเฮกเกี่ยวกับอำนาจศาลในคดีของบุตรชายกัดดาฟีผู้นี้

    จำเลย 37 คนถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมต่างๆ รวมถึงฆาตกรรมและสมรู้ร่วมคิดในการยุยงให้ข่มขืนกระทำชำเราในช่วงการลุกฮือปี 2011 ที่ทำให้จอมเผด็จการกัดดาฟีร่วงจากอำนาจ

    กลุ่มติดอาวุธที่คุมตัว เซอิฟ อัล-อิสลาม ไว้นั้นภักดีต่อรัฐบาลที่นานาชาติให้การรับรอง ซึ่งลี้ภัยไปยังภาคตะวันออกอันห่างไกลเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เมื่อแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธฝ่ายตรงข้ามเข้ายึดเมืองหลวงและตั้งคณะบริหารของตนเอง

    ก่อนหน้านี้ ซาอิฟ อัล-อิสลาม เคยปรากฏตัวต่อศาลผ่านทางวิดีโอลิงค์มาแล้ว แต่นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้วเขาก็ไม่เคยออกมาปรากฏตัวอีกเลย

    จำเลยคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ถูกคุมขังในเมืองหลวง แต่บางคนถูกขังในเมืองมิสราตา เมืองใหญ่อันดับสามของลิเบีย ซึ่งอยู่ใต้อาณัติของทางการตริโปลี

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่งเรื่องความขัดแย้งในลิเบียให้ศาลไอซีซีไต่สวนในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2011 ในขณะที่มีการปราบปรามการลุกฮือต่อต้านการปกครองที่กินเวลาหลายทศวรรษของ กัดดาฟี ในช่วงที่กระแสอาหรับสปริงพุ่งสู่จุดสูงสุด

    ศาลไอซีซีต้องการตัว ซาอิฟ อัล-อิสลาม มาไต่สวนในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

    อัยการของไอซีซี ระบุว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของ “กลุ่มคนวงใน” ของพ่อของเขา เขา “ได้คิดและดำเนินแผนการขัดขวางและปราบปรามการชุมนุมต่อต้านระบอบกัดดาฟีของพลเรือน”

    เขาถูกคุมขังในเมืองซินตันนับตั้งแต่เขาถูกจับตัวได้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2011 แม้ว่าศาลไอซีซีจะร้องขอหลายต่อหลายครั้งให้ลิเบียส่งตัวเขามาเพื่อการพิจารณาคดีก็ตาม

    ข้อกล่าวหาในชั้นศาลที่กรุงตริโปลียังรวมถึงการลักพาตัว , ปล้นทรัพย์ , ก่อวินาศกรรม และยักยอกเงินสาธารณะ

    บรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างแสดงความกังวลเกี่ยวการพิจารณาคดีครั้งนี้ โดยวิจารณ์ถึงความจริงที่ว่าผู้ต้องหามีสิทธิ์ในการใช้ทนายความและเข้าถึงเอกสารสำคัญๆ ได้อย่างจำกัดเท่านั้น

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดระเบิดที่ “ท่อส่งก๊าซตุรกี-อิหร่าน” เสียหายจนต้องปิดวาล์วซ่อมชั่วคราว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 14:41 น. (แก้ไขล่าสุด 28 กรกฎาคม 2558 14:46 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของตุรกี เผยว่า การระเบิดเมื่อคืนวานนี้ (27) ทำให้การขนส่งก๊าซตามแนวท่อเชื่อมตุรกีและอิหร่านในจังหวัดอักรีทางตะวันออกของตุรกีต้องหยุดชะงักลง

    “การระเบิดดังกล่าวทำให้เกิดไฟลุกไหม้ แต่เราสามารถดับมันได้อย่างรวดเร็ว การขนส่งก๊าซจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งเมื่อท่อถูกซ่อมแซมแล้ว” ทาเนอร์ ยิวดิซ กล่าวในถ้อยแถลง ทั้งนี้อ้างจากสำนักข่าวอนาโตเลียของทางการ

    ในตอนนี้ยังไม่กลุ่มใดออกมาอ้างความรับชอบต่อการระเบิดดังกล่าว แต่สื่อตุรกีชี้ว่าเป็นฝีมือของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) ซึ่งเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย

    พรรคพีเคเคก่อการกบฏในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีมาเป็นเวลานาน และถูกทั้งอังการาและวอชิงตันพิจารณาว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย

    เมื่อวันจันทร์ (27) นายกรัฐมนตรี อาห์เหม็ด อาวูโตกลู ของตุรกี ให้คำมั่นว่าจะกดดันพรรคพีเคเคด้วยปฏิบัติการทางทหารจนกว่าพวกเขาจะวางอาวุธ

    กลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลุ่มนี้อ้างความรับผิดชอบหรือถูกโทษว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้

    เมื่อช่วงค่ำวานี้ (27) กลุ่มมือปืนได้ยิงผู้บัญชาการตำรวจกึ่งทหารนายหนึ่งเสียชีวิตในพื้นที่ส่วนหนึ่งในภาคตะวันออกของตุรกีที่มีชาวเคิร์ดเป็นใหญ่ ไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีดังกล่าว แต่ความสงสัยไม่พ้นตกอยู่ที่พรรคพีเคเค

    เมื่อวันอาทิตย์ (26) ฝ่ายการทหารของพรรคพีเคเคอ้างความรับผิดชอบต่อการสังหารทหารตุรกี 2 รายด้วยการคาร์บอมในจังหวัดดิยาร์บาคีร์

    นอกจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีเหตุตำรวจ 2 นายถูกยิงตายคาเตียงในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพรรคพีเคเคก็ออกมาอ้างความรับผิดชอบเช่นกัน

    พรรคพีเคเคระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลและกลุ่มของพวกเขาที่ยึดถือกันมาตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่การเจรจาสันติภาพกำลังดำเนินอยู่ ได้ถูกทำลายลงจากการที่ตุรกีโจมตีกบฏชาวเคิร์ดในภาคเหนือของอิรัก

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ.จีนยืนยันไม่มีแผนกว้านซื้อที่ดินสร้างฐานทัพใน “มัลดีฟส์” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 16:23 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – กระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยัน รัฐบาลจีนยังไม่มีแผนเข้าไปสร้างฐานทัพบนหมู่เกาะมัลดีฟส์ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต หลังจากรัฐบาลมัลดีฟส์ได้ออกกฎหมายอนุญาตให้ต่างชาติเข้าไปซื้อที่ดินครอบครองได้เป็นครั้งแรก

    สัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรมัลดีฟส์ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าไปจับจองซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ โดยมีเงื่อนไขว่าอย่างน้อย 70% ของพื้นที่ในครอบครองนั้นจะต้องเป็นที่ดินสร้างใหม่ในมหาสมุทรอินเดีย

    พรรคประชาธิปไตยมัลดีฟส์ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน เตือนว่ากฎหมายฉบับนี้จะเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาดำเนินกิจการในมัลดีฟส์ได้อย่างกว้างขวางชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่ ส.ส.คนหนึ่งในพรรคนี้ถึงกับพูดชัดเจนว่า สิ่งที่รัฐบาลมัลดีฟส์ทำเท่ากับเปิดประตูให้ปักกิ่งแผ่อิทธิพลเข้าไปในมหาสมุทรอินเดีย

    กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในคำแถลงที่ส่งถึงรอยเตอร์วันนี้(28)ว่า การโหวตร่างกฎหมายที่ดินเป็นกิจการภายในของมัลดีฟส์ แต่ในส่วนของรัฐบาลจีนนั้นหวังที่จะมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสรวงสวรรค์สำหรับนักดำน้ำ

    “จีนให้ความเคารพและสนับสนุนมัลดีฟส์ในการรักษาอธิปไตยของชาติ อิสรภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดน” กระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุ

    “แต่ที่มีการพูดกันว่า จีนอาจเข้าไปตั้งฐานทัพในมัลดีฟส์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีมูล”

    รัฐบาลอินเดียซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งมัลดีฟส์และศรีลังกา เริ่มจะวิตกกังวลที่เห็นจีนขยายอิทธิพลเข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย ด้วยการเข้าไปลงทุนก่อสร้างและบริหารเครือข่ายท่าเรือต่างๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “สร้อยไข่มุก” (String of Pearls)

    ระหว่างที่ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ไปเยือนมัลดีฟส์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทางการมัลดีฟส์ได้ทำสัญญาให้บริษัทจีนเข้าไปปรับปรุงสนามบินนานาชาติกรุงมาเล หลังจากที่ได้ยกเลิกสัญญามูลค่า 511 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับบริษัท จีเอ็มอาร์ อินฟราสตรัคเจอร์ ของอินเดียเมื่อปี 2012

    รัฐบาลปักกิ่งเคยประกาศย้ำหลายครั้งว่าไม่มีแผนสร้างฐานทัพในต่างแดน แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า สักวันหนึ่งจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอาจจะเปลี่ยนความคิด เมื่อเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    ú.
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Life : สะเทือนสังคมคาดหวังพ่อแม่ไทย!! “เจนนิเฟอร์ พาน” วัย 28 เชื้อสายเวียดฯในแคนาดา จ้างมือปืน “ฆ่า” พ่อแม่อันเป็นที่รัก หลังสืบรู้ “ลูกสาวไม่ได้เรียนเก่งอย่างที่คิด” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 19:23 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ /ASTVผู้จัดการออนไลน์ - คดีเขย่าขวัญสะท้อนปัญหาพ่อแม่ในสังคมไทย ที่คาดหวังให้ลูกตัวเป็น “เด็กเก่ง” เพื่อให้เป็นหน้าเป็นตาในสังคมของพ่อแม่ ล่าสุดได้มีการเปิดเผย ความกดดันจนกลายเป็นการโกหกซ้ำซาก และถึงขั้นกลายเป็นโศกนาฏกรรมสลดทั่วแคนาดา เมื่อเจนนิเฟอร์ พาน(Jennifer Pan) สาวชาวแคนาดาเชื้อสายเวียดนามวัย 28 ปีก่อเหตุ จ้างมือปืน 3ปลิดชีพพ่อและแม่ของตนเอง ซึ่งเป็นผู้หนีภัยการเมืองจากเวียดนาม หลังพวกเขาสืบรู้ว่า เธอไม่ได้เรียนเก่งติดท็อปเทนมาตลอด จนสามารถเข้าศึกษาต่อเข้าคณะเภสัชกรรมในมหาวิทยาลัยโตรอนโต ชั้นนำของแคนาดาได้ รวมไปถึงทำงานในห้องวิจัยตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเด็กSickKids

    เดอ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ สื่อออสเตรเลีย รายงานวันนี้(28) ถึงคดีฆาตกรรม Huei Hann Pan ผู้เป็นพ่อ และ Bich Ha Pan ผู้เป็นแม่ สองสามีภรรยาผู้อพยพจากเวียดนาม เข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคนาดา เลี้ยงชีพด้วยการพนักงานในโรงงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่ง และความคาดหวังอย่างแรงกล้าต้องการให้เจนิเฟอร์ พาน ลูกสาวคนโต และ เฟลิกซ์ บุตรชาย ของคนทั้งคู่มีการศึกษาที่ดี และมีอนาคตแจ่มใส

    เจนนิเฟอร์ พาน หญิงสัญชาติแคนาดาวัย 28 ปี บุตรคนโตของคนทั้งคู่ อาศัยในเมือง Markham ทางเหนือของกรุงโตรอนโต ต้องแต่งเรื่องและปกปิดพ่อแม่ของเธอมาตลอดว่า เธอเป็นเด็กเรียนเก่งระดับเกรดเฉลี่ย 4.00จากโรงเรียนมัธยมแคทอลิกแมรี วาร์ด (Mary Ward) และได้ทุนการศึกษา รวมไปถึงได้รับการเสนอให้เข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตั้งแต่เธอยังไม่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย และเป็นไปตามความคาดหวังของ Huei Hann Panผู้เป็นพ่อ พานสามารถสร้างเรื่องว่าสำเร็จการศึกษาจากคณะเภสัชกรรมจากมหาวิทยาลัยโตรอนโตที่เก่าและมีชื่อเสียงในระดับประเทศของแคนาดา

    และการโกหกของพานยังเลยเถิดไปถึงความสามารถในการเข้าทำงานในห้องทดลองตรวจเลือดที่โรงพยาบาลดเด็ก SickKids ของแคนาดา

    แต่ในชีวิตจริงของพาน วัย 28 ปี กลับไม่แม้กระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับของนั่น

    และในปัจจุบันนี้ เธอยังต้องถูกตัดสินใช้ความผิดจากคดีจ้างมือปืนเพื่อเจตนาปลิดชีพของผู้มีพระคุณในเรือนจำแคนาดา ที่ตัวเธอมีความคิดเพียงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากการบีบบังคับของคนทั้งคู่

    และซึ่งความจริงในเรื่องนี้ดูไม่ต่างมากนักจากหลายครอบครัวในสังคมไทยทุกวันนี้ ซึ่งพ่อแม่ต่างต้องการให้บุตรหลานมีความสามารถเหนือคนอื่นในด้านการเรียน โดยเฉพาะในฤดูการสอบเข้าเรียนต่อ

    ทั้งนี้จากการรายงานของสื่อออสเตรเลียถึงเรื่องราวที่มีสีสันแต่สุดเศร้าของเจนนิเฟอร์ พาน ที่ถูกตีแผ่เป็นครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาในนิตยสารโตรอนโต ไลฟ์ ระบุว่า การโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่อง “ความสามารถด้านการศึกษา” ของพานนั้นเป็นเสมือนความภาคภูมิใจของ Huei Hann Panและ Bich Ha Pan จนกระทั่งคนทั้งคู่รับรู้ความจริงว่า ทุกสิ่งที่พานบอกกับพวกเขา “ล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น”

    พ่อแม่ของพานเป็นเหมือนกับพ่อแม่โดยทั่วไปในสังคมเอเชีย จะเทิดทูนลูกที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จด้านการศึกษาและการงานแซงหน้าคนอื่นได้ เพราะในสังคมคนทั่วไปในเอเชีย เช่น ไทย จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย และรวมไปถึงญี่ปุ่น ล้วนแต่ทุ่มเทความสนใจด้านการศึกษาของเด็กมาเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่บิดามารดาชาวสหรัฐฯจะให้ความสำคัญกับด้านสุขภาพของเป็นอันดับแรกเมื่อยามเล็ก รวมไปถึงการที่ลูกวัยรุ่นสามารถมีงานทำได้เพื่อส่งเสียตัวเองเข้าวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อ

    แต่ถ้าหากว่า เมื่อลูกในสังคมเอเชียไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่คาดหวังแล้ว สถานภาพความเป็นคนพิเศษในบ้านจะถูกเปลี่ยนไปในทันที และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพาน วัย 28 ปี ที่ตามสื่ออสเตรเลียระบุว่า แม้เธอจะอยู่ในวัยผู้ใหญ่ บรรลุนิติภาวะตามกฏหมายแล้วก็ตาม แต่ทว่าเมื่อเรื่องราวการโกหกของเธอถูกเปิดเผยให้ผู้เป็นพ่อและเป็นแม่ได้รับทราบ ทั้ง Huei Hann Panและ Bich Ha Pan กลับเลือกปฎิบัติต่อพาน เหมือนกับเธอเพิ่งอายุ 3 ขวบ ด้วยการไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงห้ามไม่ให้ใช้คอมพิวเตอร์ และยังรวมไปถึงห้ามการพบปะกับออกเที่ยวกับแฟนหนุ่ม แดเนียล หว่อง (Daniel Wong) ที่รู้จักกันตั้งแต่วัยเยาว์

    เพราะจากการทุ่มเทเลี้ยงดูของคนทั้งคู่ที่มีให้กับพานและน้องชายเฟลิกซ์ ( Felix) ที่มีอายุห่างจากพานไป 3 ปี มุ่งหวังให้คนทั้งคู่ต้องจดจ่ออยู่แต่กับการศึกษาเล่าเรียน ด้วยการห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมอื่นๆทั้งหมดด้วยเกรงว่าจะกระทบไปถึงผลการเรียน

    ทั้งนี้วอชิงตันโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า พานในระดับมัธยมศึกษาถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดและจำกัดเหมือนเช่นเด็กเอเชียชาติอื่นๆ เป็นต้นว่า ไทย และญี่ปุ่น ที่นอกจากห้ามไม่ให้ไปร่วมงานปาร์ตีสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนคนอื่นๆในวัยเดียวกันทั้งๆที่เธออาศัยอยู่ในสังคมโลกตะวันตกที่เสรี

    คาเรน โฮ เพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมของเธอกล่าวว่า แม้พานจะมีอายุเกือบ 22ปีแล้ว แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปปาร์ตีในกลุ่มเพื่อน หรือหากมีกิจกรรมที่ต้องทำ เธอต้องไปพร้อมกับผู้ปกครองทุกครั้ง

    และแน่นอนที่สุดสื่ออสเตรเลียชี้ว่า ทั้ง Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan ห้ามไม่ให้พานออกเดตกับเพื่อนชาย โดยเธอต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนพิเศษภาคค่ำ และยังไม่รวมถึงกิจกรรมเสริมอื่นๆเพื่อให้เธอมีความโดดเด่นกว่าเด็กอื่นๆเป็นต้นว่า ฟิกเกอร์สเกต เล่นเปียโน ศิลปะป้องกันตัว และว่ายน้ำ เป็นต้น

    ดังนั้นการได้ยินจากปากของพานว่า เธอไม่ได้เป็นนักเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 อย่างที่เคยโกหกเรื่อยมา ทำให้ความรู้สึกของ Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan พ่อแม่ที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาแคนาดาในปี 1979 และต้องอยู่อย่างยากลำบากในสังคมใหม่ นั้นผิดหวังอย่างรุนแรงที่รับทราบความจริงในตอนท้าย

    คาเรน โฮ (Karen Ho )นักข่าวสาวชาวแคนาดาเชื้อสายชาวฮ่องกงประจำนิตยสาร “โตรอนโต ไลฟ์” และยังเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมแคทอลิกแมรี วาร์ด ในสคาร์โบโรห์เหนือ(Scarborough) เขียนบทความชิ้นนี้ โดยอ้างอิงจากหลักฐานในชั้นศาล รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์และการสอบปากคำ เพื่อปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับพาน รวมไปถึงมหกรรมการโกหกของเธอ ภายใต้งานเขียนหัวข้อ “Jennifer Pan’s Revenge: the inside story of a golden child, the killers she hired, and the parents she wanted dead” หรือ การแก้แค้นของ เจนิเฟอร์ พาน : เรื่องลับของอภิชาติบุตรที่ถูกเก็บเงียบ “นักฆ่าที่เธอจ้าง และพ่อแม่ที่เธอหวังให้จบชีวิต”ผ่านนิตยสารโตรอนโต ไลฟ์ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2015

    โดยโฮกล่าวว่า โรงเรียนมัธยมของคนทั้งคู่เป็นโรงเรียนแบบสหศึกษาที่มีการเรียนรวมกันทั้งชายและหญิง รวมไปถึงมีนักเรียนที่มีที่มาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวขาว หรือผิวเหลือง ซึ่งนอกจากที่พานจะเรียนหนังสือในช่วงกลางวันในวันระหว่างสัปดาห์แล้ว เธอยังมีงานอดิเรก เป็นต้นว่า ว่ายน้ำ และฝึกวูซูอีกด้วย

    แต่ทว่าจากการค้นพบของโฮเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ซึ่งมักแสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง และการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในโรงเรียนแล้ว แต่ทว่าภายใต้เปลือกนอกที่พานได้สร้างขึ้นนั้นกลับปกปิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง อับอาย และความรู้สึกที่โหยหาตลอดเวลา

    และสิ่งที่เป็นประจักษ์พยานถึงตัวตนจริงของพานที่มีคนจำนวนน้อยที่ได้พบคือ “ร่องรอยการทำร้ายตัวเองที่มีบาดแผลบริเวณต้นแขน”

    นอกจากนี้โฮยังพบว่า เพื่อที่จะทำให้พ่อและแม่ที่คาดหวังกับการศึกษาสูงด้วยคะแนนเกรดเฉลี่ย 4.00 ที่ในความจริงแล้วพานเป็นเด็กที่นักเรัยนที่เรียได้ในระดับเกรด B เท่านั้น เป็นผลทำให้พานต้องเริ่มต้นการ “ปลอมแปลงเอกสารทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับตัวเธอ” เพื่อให้สอดคล้องเรื่องราวที่เธอสร้างขึ้น เป็นต้นว่า สมุดแสดงผลการเรียน จดหมายทุนการศึกษา รวมไปถึงทรานสคริปต์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ความเป็น “เด็กเก่ง” เอาไว้

    โฮกล่าวว่า ในความจริงแล้ว เพื่อนเธอคนนี้ไม่แม้กระทั่งจะสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และไม่ต้องพูดถึงการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนดังเช่นพานได้กล่าวอ้าง

    โฮกล่าวต่อว่า พานแก้ผลการเรียนในสมุดรายงานผลการศึกษาตลอดช่วงมัธยมปลาย และเธอยังได้รับพิจารณาจากทางมหาวิทยาลัยให้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยไรซัน(Ryerson) ในเมืองโตรอนโตในขณะที่เธอยังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย แต่ทว่าเป็นเพราะพานไม่สามารถผ่านการสอบวิชาแคลคูลัสในปีสุดท้ายของการเรียน จึงทำให้เธอไม่สามารถสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาไปได้ และมีผลทำให้มหาวิทยาลัยไรซันแห่งนี้ได้ยกเลิกสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อ

    และโฮยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงเพื่อนคนนี้ว่า และเป็นเพราะพานเกรงว่า พ่อและแม่ของเธอจะขุดคุ้ยประวัติการเรียนช่วงมัธยมปลาย จึงทำให้เธอตัดสินใจโกหกกับคนทั้งคู่ว่า เธอจะเริ่มเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยไรซันในภาคฤดูใบไม้ผลิ

    โดยพานกล่าวว่า เธอวางแผนจะเข้าศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 2 ปีที่นั่นก่อนที่จะขอทรานสเฟอร์ไปยังคณะเภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตรอนโต อันเก่าแก่และมีชื่อ ซึ่งเป็นความหวังสูงสุดของ Huei Hann Pan ผู้เป็นพ่อ และถึงกับทำให้เขาซื้อคอมพิวเตอร์โนตบุ๊กเป็นของขวัญ

    ด้านพานที่เริ่มต้นโกหกไปแล้ว ดำเนินการต่อด้วยการซื้อหนังสือเรียนเท็กซ์บุ๊กมือสองเกี่ยวกับวิชาชีววิทยาและวิชาฟิสิกต์รวบรวมไว้ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องเขียนสำหรับการเรียนเพื่อตบตาผู้เป็นพ่อและแม่

    และเมื่อมาถึงเรื่องค่าเล่าเรียน สื่อออสเตรเลียรายงานว่า เป็นอีกครั้งที่พานต้องปลอมแปลงเอกสารที่ระบุในตอนแรกว่า เธอได้รับทุนกู้ยืม OSAP แต่เธอกลับบอกกับบิดาว่าเธอได้รับทุนการศึกษามูลค่า 3,000 ดอลลาร์แคนาดา และในทุกวันพานต้องแบกหนังสือและอุปกรณ์การเรียนมุ่งหน้าเข้าเมืองไปดาวน์ทาวน์ โดยเดินทางด้วยระบบการขนส่งสาธารณะของแคนาดาไปยังห้องสมุดประชาชน เพื่อทำให้ทั้ง Huei Hann Pan และ Bich Ha Pan ต่างเข้าใจผิดว่า เธอได้เดินทางไปเข้าชั้นเรียนสม่ำเสมอ

    และในยามสำเร็จการศึกษาจากมหวิทยาลัยโตรอนโต พานต้องโกหกพ่อแม่อีกครั้งว่า คนทั้งคู่ไม่สามารถเข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของพานได้ เพราะไม่มีบัตรเข้างานจำนวนมากพอ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คนทั้งคู่สงสัย และบีบบังคับให้พานต้องรับสารภาพในเวลาต่อมา

    ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ รายงานต่อว่า พานยังรู้สึกเคียดแค้นบิดามารดาของตัวเองในสิ่งที่เธอได้รับ ที่ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับเสรีภาพมากขึ้นกว่าเดิม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมีความคิดว่า ชีวิตของเธอจะสุขขนาดไหน...หากไม่มีคนทั้งคู่อยู่ต่อในโลกใบนี้ จากสาเหตุที่คนทั้งคู่ทำให้พานรู้สึกเหมือนต้องถูกจองจำแต่ในบ้านทั้งชีวิต

    ทั้งนี้ในแผนการฆ่าคนทั้งคู่จากชั้นไต่สวนของศาลแคนาดา ทำให้รับรู้ว่า พานได้จัดฉากให้ดูเหมือนโจรพร้อมอาวุธเข้ามาปล้นบ้านตัวเอง โดยตัวเธอสวมบทบาทเป็นพยานในเหตุการณ์ที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เมื่อเดวิด มิลวากานาม (David Mylvaganam) เลนฟอร์ด ครอว์ฟอร์ด ( Lenford Crawford) และอีริก คาร์ธี( Eric Carty) คนทั้ง 3 ที่ถูกเธอจ้างวานเพื่อเป็นมือสังหารโหดพ่อและแม่

    และจากการจัดฉากปล้นในครั้งนั้น เป็นผลทำให้ Bich Ha Pan ผู้เป็นแม่ เสียชีวิตจากกระสุน ในขณะที่ Huei Hann Pan ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนพานผู้เป็นลูกสาว และอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเหตุสายด่วนฉุกเฉิน 911 เพื่อกลบเกลื่อนให้สมจริง

    สื่ออสเตรเลียยังรายงานต่อว่า ในการเสนอข่าวในช่วงนั้น กลับกลายเป็นว่า เป็นเหตุบุกเข้าปล้นอุกอาจไม่เลือกหน้าของกลุ่มโจร และทำให้หญิงเจ้าของบ้าน 1 รายในเมือง Markham ต้องจบชีวิตด้วยกระสุน

    โฮเปิดเผยต่อว่า ทั้งพ่อและแม่ของพานอดทนและขยันจนสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ที่มีที่จอดรถได้ถึง 2 คันในชุมชนที่สงบและปลอดภัยใน Markham ได้ก่อนปี 2004 ซึ่ง Huei Hann Pan ขับรถเบนซ์ ส่วน Bich Ha Pan ขับรถ Lexus ES 300 รวมถึงทั้งคู่มีเงินเก็บในธนาคารร่วม 200,000 ดอลลาร์แคนาดา

    ทั้งนี้ในการตัดสินโทษของพานและผู้สมรู้ร่วมคิด โฮกล่าวผ่านนิตยสารโตรอนโต ไลฟ์ว่า ในเดือนมกราคมล่าสุด ศาลแคนาดาพิพากษาตัดสินให้พานได้รับการลงโทษข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา โดยการจำคุกตลอดชีวิตและไม่สามารถขอทำทัณฑ์บนได้เป็นเวลา 25 ปี ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้น ศาลตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นกัน โดยพานต้องชดใช้โดยการถูกจำคุกไปพร้อมกันทั้งสองข้อหา

    ส่วนมิลวากานามและครอว์ฟอร์ดถูกตัดสินโทษเช่นเดียวกับพาน ด้านคาร์ธีที่ไม่ยอมรับสารภาพในความผิด ศาลแคนาดาสั่งเลื่อนการพิพากษาไปในต้นปี 2016

    โฮนักข่าวสาว ผู้รายงานครั้งนี้กล่าวว่า ในท้ายที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นเหตุโศกนาฎกรรมเขย่าขวัญ และยังเป็นสิ่งที่เด็กเชื้อชาติเอเชียที่เกิดจากพ่อแม่ผู้อพยพในดินแดนตะวันตกต้องพบเจอเป็นส่วนใหญ่ “เด็กเหล่านี้ต้องแบกรับความคาดหวังจากพ่อและแม่ไว้เป็นอันมาก และทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาวต่อความต้านทานความล้มเหลวล้มเหลวหรือความผิดหวัง”

    และโฮยังกล่าวต่อ ผ่านการรายงานของซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์ ด้วยว่าว่า “และทำให้เด็กเชื้อสายเอเชียเหล่านั้นต้องเติบโตไปพร้อมกับความกลัวที่สะสมพอกพูนเก็บซ่อนไว้ภายใน ทั้งนี้การที่เจนนิเฟอร์ต้องโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เป็นเพราะเธอเชื่ออย่างหมดใจว่า “ไม่มีทางอื่นสามารถเลือกได้อีกแล้ว” ”

    นอกจากนี้โฮกล่าวต่อว่า ชีวิตของเธอเองไม่ต่างจากเจนนิเฟอร์ เพื่อนของเธอมากนัก ซึ่งพ่อแม่ของเธอเป็นผู้อพยพมาจากฮ่องกงเพื่อตั้งหลักแหล่งในแคนาดา และคาดหวังว่าโฮจะเป็นที่ 1 ของชั้นเรียนโดยเฉพาะในวิชาวิทยาศาสตร์และวิชาคณิตศาสตร์

    โดยเธอสรุปว่า พ่อของเธอคาดหวังว่า ตัวเธอจะเป็น "อภิชาติบุตร" ที่จะเป็นเสมือนถ้วยรางวัลเพื่อที่คนทั้งคู่จะสามารถนำเรื่องความสำเร็จของเธอไปกล่าวโอ้อวดกับคนรู้จัก หรือเพื่อในวงสังคมของคนทั้งคู่ได้


    Life :
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันลอนดอนลงต่อ หุ้นสหรัฐฯฟื้น-ทองคำทรงตัว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    29 กรกฎาคม 2558 05:20 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันสหรัฐฯขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันเมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ส่วนเบรนต์ยังลงต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลอุปทานล้นตลาด ด้านวอลล์สตรีทปิดบวกตามรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทยักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำทรงตัว นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 53.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน

    ตลาดน้ำมันวานนี้(28ก.ค.) ซื้อขายค่อนข้างสงบ หลังจากเมื่อเร็วๆนี้ตกอยู่ท่ามกลางความกังวลที่กระพือขึ้นโดยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก จากความหวาดหวั่นต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงของแดนมังกร

    หลังจากดิ่งลงถึง 8.5% เมื่อวันจันทร์(27ก.ค.) ถือเป็นการตกลงวันเดียวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2007 ดัชนีคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ในวันอังคาร(28ก.ค.) ปิดลบเล็กน้อยแค่ร้อยละ 1.7 ช่วยให้ตลาดทุนสหัฐฯและยุโรปฟื้นตัวขึ้น

    อีกด้านหนึ่งนักวิเคราะห์คาดหมายว่ารายงานสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(29ก.ค.) จะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล บ่งชี้ถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วัน จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งอขงยูพีเอสและการดีดขึ้นของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคปิโตรเลียม หลังราคาน้ำมันตลาดอเมริกาฟื้นตัว

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 189.68 จุด (1.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,630.27 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 25.61 จุด (1.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,093.25 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 49.43 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,089.21 จุด

    หุ้นของยูพีเอส ผู้นำด้านบริการขนส่ง เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.1 หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 มีรายได้สุทธิ 1,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 454 ล้านดอลลาร์ของช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน ส่วน เอ็กซอนโมบิล เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 อปาเช ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 และ "โคโนโค่ฟิลลิปส์" บริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 หลังราคาน้ำมันกลับมาทรงตัวอีกครั้ง

    ส่วนราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนรอผลสรุปที่ประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่จะให้เงื่อนงำต่อแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 1,096.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อดีตขุนคลังกรีซยันมีการร่าง'แผนB'นายกฯให้ตั้งทีมลับทำระบบรับ'เกร็กซิต' โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 20:55 น.

    [​IMG]
    @ยานิส วารูฟากิส อดีตรัฐมนตรีคลังกรีซ

    เอเจนซีส์ - อดีตขุนคลังกรีซ ยานิส วารูฟากิส เปิดเผย นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ได้อนุมัติให้เขาตั้งทีมงานลับแอบเจาะซอฟต์แวร์กระทรวงของเขาเอง เพื่อจัดตั้งระบบชำระเงินคู่ขนานขึ้นมา เตรียมพร้อมสำหรับรับสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้ต้องออกจากยูโรโซน

    ในระหว่างการสนทนาผ่านทางโทรศัพท์ กับ “ออฟฟิเชียล โมเนทารี แอนด์ ไฟแนนเชียล อินสติติวท์ส ฟอรัม” ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในลอนดอน ยานิส วารูฟากิส อดีตรัฐมนตรีคลังกรีซ ได้เล่าถึงแผนการลับดังกล่าว พร้อมกล่าวหาวูล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ว่ามุ่งมาดให้กรีซออกจากยูโรโซน หรือที่เรียกขานกันว่า “เกร็ตซิต” (Grexit)

    การสนทนาคราวนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา และตอนแรกตั้งใจจะให้เป็นการสนทนาลับ แต่หลังจากเกิดการรั่วไหลถูกหนังสือพิมพ์ของกรีซนำไปรายงานในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วารูฟากิสจึงอนุญาตให้กลุ่มคลังสมองนี้นำบันทึกการสนทนาออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ค.)

    ในบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์คราวนี้ วารูฟากิสระบุว่า ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมแล้ว นายกรัฐมนตรีซีปราส อนุมัติให้เขาจัดทำ “แผนสำรอง” ดังนั้นตัวเขาจึงรวบรวมทีมงาน 5 คนที่มีเจมส์ กัลเบรธ ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทกซัส เป็นหัวหน้าทีม และซุ่มวางแผนการอย่างลับๆ

    วารูฟากิสซึ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 เดือนนี้เอง แจกแจงว่า แผนการสำรองดังกล่าวคือการสร้างระบบสภาพคล่องคู่ขนานเตรียมเอาไว้ ในกรณีที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดการสนับสนุนระบบธนาคารของกรีซ

    นักเศรษฐศาสตร์หัวแข็งไม่ยอมใครผู้นี้เล่าต่อว่า ทีมงานลับภายใต้การสั่งการของตนได้เจาะระบบซอฟต์แวร์ของกระทรวงการคลังเพื่อคัดลอกระบบหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเอาไปสร้างระบบบัญชีสำรอง สาเหตุที่ต้องแอบแฮ็กทั้งๆ ที่เขาเป็นเจ้ากระทรวงอยู่ ก็เพราะไม่ต้องการให้พวกเจ้าหนี้ต่างประเทศซึ่งควบคุมกำกับกลไกรายได้ของรัฐบาลกรีซอยู่ ล่วงรู้แผนการนี้

    ทั้งนี้ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี เป็นข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งในกรีซ โดยไม่เพียงใช้ในเวลาติดต่อชำระภาษีเท่านั้น หากยังเป็นเลขประจำตัวอ้างอิงในเวลาที่ประชาชนจะทำธุรกรรมประจำวันต่างๆ เป็นต้นว่า การขอเปิดบัญชีธนาคาร, การซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนรถราพาหนะ, การยื่นขอใช้บริการสาธารณูปโภค

    วารูฟากิสบอกว่า การปฏิบัติการลับของเขานั้นมุ่งหมายที่จะทำให้กระทรวงการคลังและพวกผู้เสียภาษีทั้งหลายสามารถที่จะสั่งฝากถอนโอนเงินผ่านระบบดิจิตอลได้โดยไม่ต้องใช้ธนาคาร เป็นการเตรียมการในกรณีที่ระบบแบงก์ต้องปิดตัวลง นอกจากนั้นถึงแม้ระบบสำรองจะยังคงระบุสกุลเงินยูโร แต่ก็สามารถแปลงให้กลายเป็นสกุลเงินแดร็กมา (สกุลเงินเดิมของกรีซก่อนเปลี่ยนมาใช้ยูโร) ได้อย่างง่ายดาย

    ในที่สุดระบบธนาคารของกรีซได้ตกอยู่ในภาวะเสมือนปิดตัวลงจริงๆ หลังการเจรจาระหว่างกรีซกับทางเจ้าหนี้ระหว่างประเทศล่มลงเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ทว่ากรีซก็ไม่ได้มีการนำเอาระบบสำรองดังกล่าวออกมาใช้ และวารูฟากิสก็ออกคำแถลงโพสต์บนบล็อกของตนเอง กล่าวว่า นี่เป็นเพียงการวางแผนรับมือฉุกเฉินเท่านั้น

    “กระทรวงการคลังกรีซคงสะเพร่ามาก ถ้าไม่พยายามร่างแผนการรับเหตุฉุกเฉินขึ้น” คำแถลงของวารูฟากิสสำทับว่า ทีมงานดังกล่าวทำงานภายใต้นโยบายของรัฐบาล และข้อเสนอแนะก็มีเป้าหมายเพื่อทำให้กรีซยังคงอยู่ในยูโรโซน

    ทางด้านกัลเบรธ ได้ออกคำแถลงของเขาเองอีกฉบับหนึ่งโพสต์บนบล็อกของวารูฟากิสเช่นกัน โดยระบุว่า เขาทำงานอย่างไม่เป็นทางการและไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ภายใต้หลักการว่า รัฐบาลกรีซจะต้องมุ่งมั่นเจรจาภายในกรอบยูโรโซน และทีมของเขาจะทำงานอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการเจรจา

    กัลเบรธยังยืนยันว่า ทีมของเขาไม่ได้ร่วมมือกับสมาชิกซ้ายจัดในพรรคไซรีซาของซีปราส และได้ยุติการทำงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

    ด้านวารูฟากิสกล่าวเสริมว่า หลังจากที่พวกเจ้าหนี้ปฏิเสธข้อเสนอให้ความช่วยเหลือ และกรีซต้องปิดแบงก์และประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนเมื่อวันที่ 26 เดือนที่แล้ว เขาได้เสนอให้ทำการตอบโต้อย่าง “แข็งกร้าว” ทว่าถูกโหวตคัดค้าน และนั่นทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง
    ข่าวแผนการสำรองของวารูฟากิสนี้ ส่งผลให้พรรคนิวเดโมเครซี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกฯซีปราสตอบข้อซักถามในสภาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่พรรคทู โพทามี ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รู้เห็นเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ยังมีสมาชิกฝ่ายค้านบางคนขู่ฟ้องร้องวารูฟากิส

    ทางด้านรัฐบาลกรีซยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ จะมีก็แต่เพียงดิมิทริส มาร์ดัส รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ยืนยันเมื่อวันจันทร์ว่า แผนการที่วารูฟากิสพูดถึงไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจ

    ขณะที่วารูฟากิสให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟของอังกฤษ บอกว่าแม้เรื่องแผนสำรองฉุกเฉินนี้เป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่เคยวางแผนรื้อฟื้นสกุลเงินแดร็กมากลับมาใช้ รวมทั้งไม่เคยมีการดำเนินการตามแผนการฉุกเฉินนี้แต่อย่างใด

    ประเด็นร้อนล่าสุดนี้บังเกิดขึ้นขณะที่คณะผู้แทนของเจ้าหนี้ ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป(อียู) อีซีบี และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เดินทางถึงเอเธนส์เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ และเริ่มเปิดเจรจาโครงการความช่วยเหลือไม่ให้กรีซผิดนัดชำระหนี้รอบ 3 ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 86,000 ล้านยูโร (94,000 ล้านดอลลาร์)



    ʹյ
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตลาดหุ้นกรีซเตรียมเปิดทำการอีกครั้งในช่วงกลางสัปดาห์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์29 กรกฎาคม 2558 02:02 น.

    [​IMG]

    @ตลาดหุ้นกรีซเตรียมกลับมาเปิดทำการอีกรอบ

    รอยเตอร์ - ตลาดหุ้นกรีซจะกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในวันพุธ(29ก.ค.)หรือวันพฤหัสบดี(30ก.ค.) หลังปิดทำการมานาน 1 เดือน ภายใต้ข้อจำกัดด้านการซื้อขายกับนักลงทุนท้องถิ่นตามคำร้องขอของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ประธานหน่วยงานด้านการกำกับหลักทรัพย์ของกรีซบอกกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร(28ก.ค.)

    ตลาดหลักทรัพย์เอเธนส์(เอเอสซี) ปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน หลังจากรัฐบาลสั่งปิดธนาคารต่างๆและกำหนดมาตรการควบคุมเงินทุนเพื่อปกป้องระบบธนาคารจากภาวะพังครืน จากการแห่ถอนเงินของประชาชน

    กรีซได้ยื่นคำขอถึงอีซีบีครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับกลับมาเปิดทำการตลาดหุ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากอาจก่อความเสี่ยงแก่ตลาดหลักทรัพย์โลก หากเปิดทำการนานเกินไป

    อย่างไรก็ตามขั้นตอนต่างๆประสบปัญหาล่าช้า เนื่องจากอีบีซี ต้องการเครื่องรับประกันว่าเหล่านักลงทุนกรีซจะไม่ถอนเงินออกจากธนาคารต่างๆแล้วเปลี่ยนไปถือครองหุ้นหรือพันธบัตรแทน ซึ่งจะซ้ำเติมความตึงเครียดกับเหล่าเจ้าหนี้ของประเทศ ขณะที่เอเธนส์ต้องพึ่งพิงเงินจากกองทุนฉุกเฉิน(อีแอลเอ)ของอีซีบี เพื่อความอยู่รอด

    กระนั้นท้ายที่สุดแล้ว อีซีบีก็อนุมัติให้กรีซกลับมาเปิดทำการตลาดหุ้นอีกครั้งในวันอังคาร(28ก.ค.) แต่ยังมีข้อจำกัดต่างๆกับนักลงทุนท้องถิ่น ผิดกับนักลงทุนต่างชาติที่สามารถดำเนินการซื้อขายได้ตามปกติ

    "คณะกรรมาธิการจะประชุมกันในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อตัดสินใจว่าตลาดหุ้นเอเธนส์จะปิดทำการอีกครั้งในวันพุธ(29ก.ค.)หรือวันพฤหัสบดี(30ก.ค.)" คอนสแตนตินอส โบโตปูลอส ประธานคณะกรรมการตลาดทุนกรีซบอกกับรอยเตอร์ ด้วยคาดหมายว่าจะมีการออกระเบียบกระทรวงเกี่ยวกับปฏิบัติการต่างๆของตลาดหุ้น เพื่อเปิดทางสำหรับการซื้อขายต่อไป

    หน่วยงานด้านการกำกับหลักทรัพย์ของกรีซเมื่อวันจันทร์(27ก.ค.) ยื่นแผนเปิดตลาดหุ้นให้อีซีบีพิจารณา 2 แผน หนึ่งคืออนุญาตให้ซื้อขายอย่างไม่มีข้อจำกัด ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เคยยื่นไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนสองคือกำหนดการซื้อขายอย่างจำกัดต่อนักลงทุนกรีกเพื่อป้องกันเงินทุนไหลออกจากธนาคารต่างๆ

    ประธานคณะกรรมการตลาดทุนกรีซบอกต่อว่าอีซีบีอนุมัติแผน 2 "ชัยชนะที่เราได้รับจากการเจรจาครั้งนี้คือการกำหนดข้อจำกัดต่างๆจะกินเวลาแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น" เขากล่าว

    เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ณ คณะกรรมาธิการตลาดทุนกรีซเผยว่านักลงทุนท้องถิ่นจะได้รับอนุญาตให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสดที่มีอยู่เท่านั้น อย่างเช่นเงินสดที่เก็บไว้ที่บ้านเพื่อความปลอดภัยรับมือกับวิกฤต หรือไม่ก็เป็นเงินที่โอนมาจากต่างประเทศ และต้องไม่ใช่เงินที่ถอนมาจากบัญชีธนาคารกรีซของพวกเขา"

    ข้อจำกัดนี้มีขึ้นจากคำเตือนของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดบางส่วน ที่บอกว่าการปล่อยให้นักลงทุนภายในประเทศซื้อขายอย่างไม่จำกัด อาจก่อความเสี่ยงร้ายแรงกับเหล่าเจ้าหนี้ "ปัญหาคือถ้าการซื้อขายเริ่มต้นโดยปราศจากข้อจำกัดใดๆ ชาวกรีกอาจถอนเงินจากบัญชีและเปลี่ยนมาถือครองหุ้นและพันธบัตรแทน" ทากิส ซามาริส หัวหน้าเทรดเดอร์ของโบรกเกอร์ เบตา ซีเคียวริตีส์กล่าว

    องค์กรกํากับดูแลด้านหลักทรัพย์ของสหภาพยุโรป (ESMA) บอกว่าคำสั่งห้าม short sell หุ้นกรีซ ตามคำร้องขอของคณะกรรมการตลาดทุนกรีซ จะยังมีผลบังคับใช้ต่อไปจนถึงวันที่ 3 สิงหาคมเป็นอย่างน้อย ขณะที่คำสั่งห้าม short sell ยังครอบคลุมถึงการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์พันธบัตรรัฐบาลกรีซด้วย

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    EU สั่งสอบ “ดิสนีย์แลนด์ ปารีส” หลังถูกโวยเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวแบบ “อิงประเทศ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 09:03 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีสวนสนุก “ดิสนีย์แลนด์ ปารีส” ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บค่าเข้าชมจากนักท่องเที่ยวบางประเทศสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายการค้าของกลุ่มประเทศอียู

    คณะกรรมาธิการยุโรปแถลงว่า ได้รับคำร้องเรียนหลายครั้งเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลของสวนสนุกระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส

    ดิสนีย์เป็นหนึ่งในบรรดาสตูดิโอของฮอลลีวูดหลายแห่งที่ถูกอียูสั่งสอบ เพื่อปราบปรามการเลือกปฏิบัติต่อผู้บริโภคอย่างไม่เป็นธรรม

    “เรากำลังพิจารณาข้อร้องเรียนที่ได้รับเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในนั้นก็มีที่เกี่ยวข้องกับ ดิสนีย์แลนด์ ปารีส” โฆษกหญิงของคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุในคำแถลงที่ส่งถึงเอเอฟพี

    “คณะกรรมาธิการยุโรปและศูนย์ผู้บริโภคแห่งยุโรปมักได้รับคำร้องเรียนเสมอเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยอิงสัญชาติหรือประเทศที่อาศัย” ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถูกห้ามไว้ในร่างระเบียบการเปิดเสรีภาคบริการแห่งสหภาพยุโรป (Services Directive)

    “บ่อยครั้งที่ผู้บริโภคไปซื้อบริการหรือสินค้าในประเทศสมาชิกอียู แต่กลับถูกตั้งราคาที่แพงกว่าปกติ” เธอกล่าว

    หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานว่า ดิสนีย์แลนด์ ปารีส ซึ่งเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแพงเกินจริงจากนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและเยอรมนี

    ไทม์ส ระบุว่า ดิสนีย์แลนด์ ปารีส คิดค่าธรรมเนียมพรีเมียมแพ็กเกจจากผู้บริโภคชาวฝรั่งเศสเพียง 1,346 ยูโร ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและเยอรมนีต้องจ่ายแพ็กเกจเดียวกันแพงถึง 1,870 ยูโร และ 2,447 ยูโร ตามลำดับ

    แหล่งข่าวในอียูชี้ว่า ฝรั่งเศสมีหน้าที่ต้องดูแลให้ ดิสนีย์แลนด์ ปารีส ปฏิบัติตามกฎหมายการค้าที่เป็นธรรมของอียู และทางบรัสเซลส์เองก็กำลังติดต่อไปยังรัฐบาลเมืองน้ำหอมเพื่อสอบถามเรื่องนี้

    แหล่งข่าวคนเดียวกันบอกต่อไปว่า วิธีการเลือกปฏิบัติต่อผู้บริโภคมีหลายรูปแบบ เช่น ผู้ให้บริการอาจจะคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างไปตามสัญชาติหรือประเทศที่พำนักของผู้บริโภค หรืออาจส่งต่อผู้บริโภคไปยังเว็บไซต์ที่ตั้งราคาไว้สูงเป็นพิเศษ หรือไม่ก็ปฏิเสธที่จะส่งต่อผู้บริโภคไปยังเว็บไซต์สำหรับประเทศที่พำนักของเขา เป็นต้น

    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มปราบปรามการตั้งกำแพงการค้าที่สร้างความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคอย่างจริงจัง โดยเฉพาะตามสื่อออนไลน์ หลังจากที่ ฌอง โคลด-จุงเกอร์ เข้ามารับตำแหน่งประธานหน่วยงานบริหารของอียูแห่งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

    บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ หลายแห่งก็ถูกอียูตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล แอปเปิล หรือแอมะซอน

    สัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวหา สกาย ทีวี และสตูดิโอชั้นนำของฮอลลีวูด 6 แห่ง รวมถึง ดิสนีย์ ว่าละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด (antitrust laws) โดยใช้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มาปิดกั้นการเข้าถึงของผู้รับชม เพย์-ทีวี ในประเทศยุโรปอื่นๆ


    EU
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สวดยับ'เรียลลิตีโชว์'พาคนไปกลางสมรภูมิรบ สุดท้ายถูกISยิงตาย(ชมคลิป) โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 03:30 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - สถานีโทรทัศน์เอสบีเอสของออสเตรเลียเมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ปกป้องรายการ "เรียลลิตีโชว์' ย้อนรอยการเดินทางของเหล่าผู้ลี้ภัย ว่าได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างครอบคลุม หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีผู้เข้าร่วมรายการคนหนึ่งถูกนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) ในซีเรีย ยิงเสียชีวิตระหว่างการถ่ายทำ

    เอสบีเอสได้ออกอากาศตอนแรกของซีรีย์ 3 ภาค "Go Back to Where You Came From" เมื่อค่ำวันอังคาร(28ก.ค.) โดยเรียลลิตีโชว์รายการนี้เป็นการพาพลเมืองออสเตรเลียไปยังซีเรีย แบกแดดและพม่า นำพวกขาไปสัมผัสกับเหล่าผู้แสวงหาที่ลี้ภัยและประสบการณ์ของผู้อพยพ

    ในวิดีโอที่เผยแพร่สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ เป็นภาพของผู้เข้าร่วมรายงาน 3 จากทั้งหมด 6 คน กำลังวิ่งหนีและเข้าไปหลบอยู่หลังตึก ท่ามกลางเสียงปืนครกดังสนั่นหวั่นไหว "ดีแล้วๆ กระสุนกำลังมา ก้มต่ำไว้" เสียงของบุคคลหนึ่งซึ่งทำหน้าที่อารักขาผู้เข้าร่วมรายการพูดในวิดีโอ "ก้มต่ำๆไว้ ก้มให้ต่ำกว่ากำแพง เราไม่ต้องการให้พวกเขารู้ว่าเราอยู่ที่นี่ พวกเขาอยู่ข้างหน้าใกล้ๆเรานี่แหละ"

    สถานีโทรทัศน์เอสบีเอสระบุในเนื้อหาประชาสัมพันธ์ว่าเหล่าผู้เข้าร่วมจะได้รับการอารักขาความปลอดภัยไปยังแนวหน้าในซีเรีย จากพวกนักรบเคิร์ดที่กำลังปกป้องหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งถูกพวกไอเอสคุกคาม

    เอสบีเอสบอกว่าความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมรายการและทีมงานมีความสำคัญสูงสุด อย่างไรก็ตามหลังจากได้ตรวจสอบวิดีโอดังกล่าวแล้ว ผู้ให้คำปรึษาาด้านความมั่นคงชาวออสเตรเลียรายหนึ่งบอกว่ามันมีความเสี่ยงอย่างมากเพราะไม่ได้เตรียมการเคลื่อนพลและควบคุมด้านต่างๆเหมาะสม

    จัสติน โบวเดน ที่ปรึษาด้านความมั่นคงซึ่งเป็นอดีตนายทหารประจำกองทัพ บอกกับซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ เมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ว่าควรจัดเตรียมหมวกกันกระสุนแก่ผู้เข้าร่วมรายการชาวออสเตรเลียทั้ง 3 คน เพิ่มเติมจากเสื้อกันกระสุนที่พวกเขาสวมใส่อยู่

    อย่างไรก็ตามทางเอสบีเอส ชี้แจงว่าได้ส่งทีมงานจากบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งเดินทางไปพร้อมกับผู้เข้าร่วมรายการตลอดทริปถ่ายทำในซีเรีย "สถานการณ์ที่ปรากฎอยู่ในกล้องซึ่งทางกลุ่มถูกยิงไม่ได้อยู่ในแผน แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเกินคาดในเขตสงคราม" ถ้อยแถลงระบุ "เราเตรียมทีมงานรักษาความปลอดภัยติดอาวุธเพื่อคอยรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว และใช้มาตรการอย่างรวดเร็วเพื่อนำตัวผู้เข้าร่วมรายการและทีมงานไปยังจุดที่ปลอดภัย"

    ถ้อยแถลงบอกต่อว่าทีมงานคนหนึ่งเลือกที่จะไม่เดินทางต่อไปยังแนวหน้าสมรภูมิซีเรีย หลังรับฟังสรุปด้านความปลอดภัย ส่วนตากล้องอีกคนก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเช่นกัน เนื่องจากจำเป็นต้องลดขนาดกลุ่มเพื่อความปลอดภัย

    ซีรีย์สารคดีดังกล่าว ซึ่งกำลังอยู่ในซีซัน 3 และเคยได้รับรางวัลเอมมี สาขาสิ่งบันเทิงไม่มีบทยอดเยี่ยมเมื่อปี 2013 เคยพาผู้คนไปยังอัฟกานิสถาน โซมาเลียและอินโดนีเซียมาก่อนแล้ว โดยทาง ไมเคิล คอร์แดลล์ ผู้อำนวยการบริหารการผลิตระบุในถ้อยแถลงว่าผู้ผลิตพยายามทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาต่างๆของโลก


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯลูบหลังไทย ชี้อันดับค้ามนุษย์ล่าสุดไม่ครอบคลุมช่วงยกระดับปราบปราม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2558 23:29 น.

    [​IMG]
    @ผู้หลบหนีเข้ามาเมืองที่อ้างมาจากบังกลาเทศ ในค่ายกักกันแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา

    อันเดอร์เคอร์เรนท์นิวส์/ASTVผู้จัดการ/รอยเตอร์ - กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯชี้แจงผ่านเว็บไซต์สถานทูตกรณีที่ไทย ยังคงถูกจัดอันดับใน "เทียร์3" ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons หรือ TIP) ของสหรัฐฯ ปี 2015 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (27 ก.ค.) เนื่องจากรายงานไม่ครอบคลุมถึงช่วงเวลาที่กรุงเทพฯยกระดับความพยายามในการปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมย้ำการจัดอันดับไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

    ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons หรือ TIP) ของสหรัฐฯ ปี 2015 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (27 ก.ค.) ไทย ยังคงถูกจัดอยู่ใน "เทียร์3" แม้มีความพยายามต่างๆนานา อย่างไรก็ตามทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯชี้แจงผ่านสถานทูตอเมริกาประจำกรุงเทพฯว่ารายงาน TIP ประจำปี 2015 ครอบคลุมความพยายามต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาลชาติต่างๆระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2014 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2015 เท่านั้น

    "แม้ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์และการประสานงานระหว่างหน่วยงานการปราบปรามการค้ามนุษย์ แต่ทว่าในช่วงเวลาของการทำรายงาน ไทยมิได้ดำเนินการที่จำเป็นอย่างเพียงพอที่จะบรรลุผลความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ยากลำบากนี้" ถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์สถานทูตสหรัฐฯในกรุงเทพฯระบุ

    สหรัฐฯ ยืนยันด้วยว่าการจัดระดับประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์พิจารณาจากการประเมินบันทึกการดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยมิได้คำนึงถึงบริบททางการเมืองของประเทศนั้นๆ

    "เราจะยังคงสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐของไทยดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นในการปราบปรามการค้ามนุษย์ตลอดช่วงการทำรายงานฉบับปี 2016 และตลอดไป เราขอสนับสนุนให้รัฐบาลไทยใช้กรอบกฎหมายที่ปรับปรุงแก้ไขตลอดจนแนวทางการแก้ปัญหาโดยรวมของรัฐบาลเพื่อขยายความพยายามเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในการระบุตัวเหยื่อการค้ามนุษย์ที่ถูกบังคับใช้แรงงานและเพื่อธุรกิจทางเพศออกจากกลุ่มประชากรที่อ่อนแอทั้งหลาย รวมทั้งให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม" ถ้อยแถลงระบุ

    นอกจากนี้สหรัฐฯยังสนับสนุนให้รัฐบาลไทยเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรู้เห็นในการค้ามนุษย์ โดยดำเนินการสืบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รวมถึงผู้บังคับใช้แรงงานในเรือประมงหรือผู้ก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์เพื่อธุรกิจทางเพศ

    ในคำแถลงชื่นชมไทยด่วยว่า นับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นมา ทางรัฐบาลไทยได้ยกระดับความพยายามในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึงความพยายามในการสร้างหน่วยงานพิเศษภายใต้การกำกับดูแลของศาลอาญาเพื่อพิจารณาคดีค้ามนุษย์และจับกุมบุคคลจำนวนมากที่อาจมีส่วนร่วมก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์และละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ กับแรงงานข้ามชาติในภาคใต้ของไทย และบอกว่ารายงานของปีหน้าจะครอบคลุมการดำเนินการหลังวันที่ 31 มีนาคม

    คำแถลงระบุต่อว่า สหรัฐฯ คาดว่าจะมีการดำเนินความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กับไทยทั้งในประเทศไทยและบนเวทีระหว่างประเทศว่าด้วยประเด็นสำคัญนี้ สหรัฐฯ จะยังคงมอบความช่วยเหลือทางวิชาการเฉพาะด้านตามที่รัฐบาลไทยร้องขอในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนและดำเนินคดีปราบปรามการค้ามนุษย์ อีกทั้งให้การสนับสนุนเพื่อสร้างเสริมศักยภาพของสถาบันด้านการบังคับใช้กฎหมายและหลักนิติธรรม ซึ่งรวมถึงโครงการฝึกอบรมร่วมระดับภูมิภาคผ่านสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่กรุงเทพฯและสหรัฐฯ จะยังคงร่วมมือกับฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของไทยจัดการคดีการค้าเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา ตลอดจนสนับสนุนองค์กรในท้องถิ่นและองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยและทางการท้องถิ่นเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์และช่วยเหลือเหยื่อ

    รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นดำเนินงานร่วมกับรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยเพื่อรับมือปัญหาสำคัญนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อต้านการค้ามนุษย์ทั่วโลกของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงระบุ

    คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ มีออกมาท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายถึงความเป็นธรรมของการจัดอันดับรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ของวอชิงตัน หลังคงอันดับไทย-รัสเซียอยู่ในขั้น “เทียร์ 3” โดยอ้างถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดเพื่อแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ในขณะที่มาเลเซียและคิวบากลับได้รับการเลื่อนขึ้นไปอยู่ “เทียร์ 2”

    รายงานความยาว 382 หน้ากระดาษที่เผยแพร่โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ ระบุว่า เทียร์ 3 หมายถึงกลุ่มประเทศซึ่งรัฐบาลยังไม่เคารพกฎหมายและหลักปฏิบัตินานาชาติที่ว่าด้วยการค้ามนุษย์ และ “ไม่พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง”

    อย่างไรก็ดี การที่มาเลเซียและคิวบาได้รับการปรับจากเทียร์ 3 ขึ้นไปอยู่ใน “กลุ่มเฝ้าระวัง เทียร์ 2” ก็ทำให้นักวิจารณ์บางคนอดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาลบารัค โอบามากำลังแทรกแซงการจัดอันดับเพื่อ “ตบรางวัล” ให้แก่ประเทศที่อเมริกาพอใจ

    เป็นที่รู้กันอยู่ว่า มาเลเซียคือหนึ่งในประเทศริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อเข้าร่วมเขตการค้าเสรีที่สหรัฐฯ เป็นโต้โผใหญ่ ส่วนรัฐคอมมิวนิสต์คิวบาเองก็เพิ่งรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หลังจากที่เป็นอริกันมานานกว่า 50 ปี

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดแผ่นดินไหวเขย่ารอยต่อชายแดนโคลอมเบีย – ปานามา ยังไร้ยอดเจ็บ-ตาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 13:37 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานในวันพุธ ( 29 ก.ค.) โดยยืนยันถึงการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 6.1 ตามมาตราแมกนิจูด บริเวณพื้นที่รอยต่อชายแดนระหว่างโคลอมเบียและปานามา
    รายงานของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 6.1 แมกนิจูดในครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปใต้ดินเพียง 10 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมือง อากันดี ในจังหวัดโชโกอินของโคลอมเบียไปทางทิศใต้ราว 29 กิโลเมตร โดยที่เมืองอากันดีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนของประเทศปานามานี้ถือเป็นบ้านของประชากรมากกว่า 9,800 คน
    จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายที่แน่ชัด จากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.1 ตามมาตราแมกนิจูดที่เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของโคลอมเบียในครั้งนี้ มีเพียงรายงานที่ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณรอยต่อชายแดนระหว่างโคลอมเบียและปานามาในครั้งนี้ สามารถรับรู้ได้ทั่วไปตามอาคารสูงหลายแห่งในกรุงปานามา ซิตี้ เมืองหลวงของปานามา ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวคราวนี้ไปเกือบ 260 กิโลเมตร
    อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า สนามบินอัลซิเดส เฟร์นันเดซ ที่อยู่ในเมืองอากันดีมีอันต้องปิดให้บริการนานหลายชั่วโมงด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เป็นเหตุให้หลายเที่ยวบินไม่สามารถขึ้นบินและลงจอดได้นานหลายชั่วโมง
    ด้านสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของโคลอมเบียรายงานว่า ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ตามมาตราแมกนิจูดซึ่งคาดว่าจะเป็น “อาฟเตอร์ช็อก” ขึ้นอีก หลังเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.1 แมกนิจูดผ่านไปไม่นาน โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองอุนกิอา ในเขตจังหวัดโชโกเพียง 36 กิโลเมตร และยังไม่มีรายงานความเสียหายเช่นกัน
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    มดแดงแผลงฤทธิ์ขู่ช้างพลาย
    คิดว่าจีนจะโอบปีกอุ้มคุ้มครองให้ได้
    ถ้าโดนถล่มไทยเราต้องโดนหางเลขไปด้วยแหงๆ
    ไม่มากก็น้อย
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปูตินแฉ... สหรัฐฯอยู่เบื้องหลังวิกฤตปัญหาผู้อพยพในยุโรป

    [​IMG]

    [​IMG]

    ----------
    โดนเข้าอีกแล้วครับ ในขณะที่จักรวรรดิเฮเกยังพยายามทำตัวกร่างเที่ยวกดดันประเทศต่่างๆให้หันไปซูฮกตนเองตลอดไป ถ้าใครคิดจะแข็งข้อเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกจักรวรรดิเฮเกเรารัดเอาเปรียบ ก็จะโดนกลั่นแกล้งด้วยมาตรการต่างๆอยู่ร่ำไป ไม่เว้นแม้แต่พันธมิตรทางเศรษฐกิจและที่ประเทศที่เคยเข้าร่วมทำสงครามต่างแดนด้วยกันมาก่อน
    เมื่อวานนี้ (28 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "US Behind Migration Crisis in Europe - Putin" ว้าวววว! อียูเองยังไม่กล้าที่จะงัดกับสหรัฐฯได้ขนาดนี้เลยนะ ยุคนี้สมัยนี้มีแต่ปูตินเท่านั้นที่กล้า ซัดหมัดตรงเข้าใส่หน้ารัฐบาลจักรวรรดิเฮเกเต็มๆ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์กับ Swiss RTS ว่า "สหรัฐฯยืนอยู่ ณ จุดเร่ิมต้นของปัญหาต่างมากมายในยุโรป ซึ่งสหภาพยุโรปกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้" (The United States stands at the origin of many problems that the European Union faces at the moment, including the problem of migration.)
    ผู้นำรัสเซียกล่าวต่ออีกว่า "ทั่วโลกและในประเทศตะวันตกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างต่างๆ (tectonic shifts) ในความคิดเห็นของภาคประชาชนที่มีต่อการปกป้องผลประโยชน์ของขาติ (ตนเอง) มากยิ่งขึ้น ขณะนี้ยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเฉพาะหน้า - ซึ่งก็คือการไหลบ่าของกลุ่มผู้อพยพ (ต่างชาติ) จำนวนมาก แต่ยุโรปได้ยืนอยู่ที่จะเริ่มต้นของการตัดสินใจที่ได้นำไปสู่สถานการณ์นี้หรือไม่? (หมายความว่ายุโรปได้เป็นผู้สร้างปัญหาหรืออยู่เบื้องหลังของสาเหตุของปัญหาหรือไม่?) เราต้องยอมรับความจริงว่า การตัดสินใจเหล่านี้มาจากต่างประเทศ ในขณะที่ยุโรปต้องมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้แทน" (นี่คือมุมมองจากบุคคลที่สามที่จับตาดูพฤติกรรมของจักรวรรดิเฮเกและปัญหาในยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง อย่างผู้รู้ลึกรู้จริง จึงไม่ยอมให้อเมริกาจูงจมูกได้ แต่ด้วยสงสารชาวยุโรปว่าจะตกเป็นเครื่องมือของจักรวรรดิเฮเก จึงได้อออกมาเตือนด้วยความหวังดี)
    ปูตินกล่าวเพ่ิมเติมว่า "มีตัวอย่างอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับคำแนะนำของสหรัฐฯที่ผิดพลาดที่จะนำมาพูด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราควรจะแบ่งแยกนโยบายของสหรัฐฯ พวกเขาดำเนินนโยบายที่รักษาผลประโยชน์ของพวกเขาเอาไว้เท่านั้น แต่พวกเราจะต้องมองหาการรักษาสมดุลของผลประโยชน์" (หมายความว่าอย่างไร? ในมุมมองของผู้นำรัสเซียมองว่า สหรัฐฯดำเนินนโยบายต่างประเทศก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น บางคนอาจจะแย้งว่าอ้าวแล้วมีประเทศไหนบ้างที่ไม่อ้างว่าเพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติของตน แม้ในทางปฏิบัติจะดูเหมือนกับว่าตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอยู่บ้าง ดูยูเครนในปัจจุบันนี้เป็นตัวอย่าง แต่สหรัฐฯไม่ได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เน้นความเสมอภาคของการรักษาผลประโยชน์กับประเทศอื่นๆที่ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย การดำเนินนโยบายของสหรัฐฯเน้นไปที่การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่ใช่เป็นไปโดยยุติธรรมในสายตาของชาวโลกทั่วไป แต่ยุติธรรมในสายตาของสหรัฐฯที่ได้อยู่เหนือผู้อื่น ที่มีอภิสิทธิ์ต่างๆเหนือประเทศอื่นๆ ตามสิ่งที่สหรัฐฯเรียกว่าอเมริกันดีโมเคซี่และอเมริกันฟรีดอม)
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อเร็วๆนี้ยุโรปได้ถูกรุมเร้าด้วยวิกฤตปัญหาผู้อพยพจำนวนมาก เนื่องจากมีผู้อพยพหลายแสนคนหลบหนีจากหลายประเทศที่มีความแตกแยกด้วยความขัดแย้ง (ทั้งทางการเมืองและสงครามการเมือง) ในแอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง เอเซียกลางและเอเซียใต้ ข้อมูลจากยูเอ็นบอกว่า มีผู้ลี้ภัยจำนวน 137,000 คน (หลบหนี/ลักลอบ) ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้าไปในยุโรปในช่วงหกเดือนแรกของปี 2015
    การผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยสำนัก Gallup และได้รับการเปิดเผยโดยองค์กรผู้อพยพนานาชาติ (International Organization for Migration) พบว่าชาวยุโรปจำนวน 52.1% เชื่อว่าการย้ายถิ่นอพยพในบ้านเกิดของพวกเขาควรจะลดลง (ซึ่งก็หมายความว่าชาวยุโรปจำนวนนี้ไม่ต้องการผู้อพยพเหล่านั้น บางส่วนก็บอกว่าให้รับเอาไว้ ดังนั้นยุโรปในปัจจุบันนี้ก็เลยสาละวนอยู่ปัญหาผู้อพยพนี่แหละ และก็ยังตกลงกันไม่ได้ด้วยว่า จะแบ่งโควต้ากับเพื่อรับผู้อพยพเหล่านั้นเข้าไปดูแล หรือว่าจะขัดขวางไม่ให้ผู้อพยพเหล่านั้นไหละทะลักเข้าไปในยุโรปอีก และในขณะที่กำลังเถียงกันอยู่นี้ พวกผู้อพยพก็ทะลักเข้ามาเรื่อยๆ)
    เรือขนส่งที่ใช้ในการอพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้นราคาแพงๆทั้งนั้น และก็มีแต่ผู้ชายวัยฉกรรจ์เป็นส่วนมากซะด้วย เป็นไปได้หรือที่ผู้อพยพเหล่านนี้จะไม่มีขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย? ด้วยฝีมือทางการข่าวของสหรัฐฯและยุโรปจะไม่สามารถบอกได้เลยหรือว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ และมีหน่วยงานของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง? เดี๋ยวความจริงก็คงจะปรากฎออกมาให้โลกเห็นเรื่อยๆ ว่าพวกนี้เขากำลังเล่นละครตบตาชาวโลกอย่างไรและการแจกเทียร์นั่นเทียร์นี่ให้ประเทศต่างๆก็แค่เครื่องมือในการหาเรื่องชาวบ้านเท่านั้น ดูอย่างกรณีที่สหรัฐฯทำเป็นออกมาตำหนิไทยกรณีไทยส่งตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทยกลับไปที่จีนดูสิ พอตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังแล้วพบว่าสหรัฐฯนั่นแหละตัวดีที่ผลักดันและบังคับส่งตัวผู้อพยพยผิดกฎหมายออกนอกประเทศทั้งที่เป็นอาชญากรและคนทั่วไปปีละหลายแสนคน ไม่เห็นเขาจะอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนตรงไหนเลย ก็สไตล์เขาหละตัวเองทำได้ แต่คนอื่นห้ามทำ ก็แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าจักรวรรดิเฮเกโมนี่ได้อย่างไรเล่า?
    The Eyes
    29/07/2558
    -----------
    US Behind Migration Crisis in Europe - Putin / Sputnik International
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อียูกล่าวว่า (ยัง) ไม่มีการร้องเรียนจากรัสเซียเกี่ยวกับการนำเข้าดอกไม้ดัตช์

    [​IMG]

    [​IMG]

    ----------
    วันก่อนลงข่าวไปว่าองค์กรเฝ้าระวังพืชผลทางการเกษตรของรัสเซีย (Rosselkhoznadzor) ออกมาเตือนแกมขู่ว่าจะแบนดอกไม้ดัตช์จากเนเธอร์แลนด์และประเทศอื่นๆในอียูที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากรัสเซียบอกว่าตรวจพบว่ามีเพลี้ยศัตรูพืชติดมากับดอกไม้ด้วย และอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อพืชและการเกษตรของรัสเซียก็ได้ แค่นั้นแหละ เป็นเรื่องเลย เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานความเคลื่อนไหวจากฝั่งอียูว่า "โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) รีบออกมาแถลงทันทีว่าสหภาพยุโรปยังไม่ได้รับข้อร้องเรียน/ตำหนิ (complaints) ใดๆจากทางรัสเซียเกี่ยวกับลักษณะสุขาภิบาลหรือสุขอนามัยพืช (sanitary or phytosanitary aspects) ของดอกไม้ที่นำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์เลย"
    Sputnik รายงานข่าวจากกรุงบรัสเซลส์ว่า เมื่อวันอังคารนี้โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรปแถลงข่าวว่า "จำเป็นต้องมีการเน้นย้ำตราบใดที่รัสเซียยังไม่ได้กล่าวถึงภัยคุกคามด้านสุขาภิบาลหรือสุขอนามัยพืช (sanitary or phytosanitary - SPS) ต่อทางการของอียู ซึ่งมาจากการนำเข้าดอกไม้จากประเทศเนเธอร์แลนด์ไปยังรัสเซีย (อย่างเป็นทางการ)"
    รายงานข่าวบอกว่าคณะกรรมการได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปชะลอเรื่องการออกใบอนุญาตปลอดศัตรูพืช (phytosanitary certificates) ให้กับการตัดดอกไม้ดัตช์ที่จะส่งไปยังรัสเซียเอาไว้ก่อน จนกว่าการจะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจากทางรัสเซียในการสั่งแบนดอกไม้ดัตช์
    เป็นไงหละครับคราวนี้... ก็อย่างที่เขาว่านั่นแหละว่าพักหลังมานี้พวกนักการเมืองตะวันตกหนะเป็นพวกขวัญอ่อน ขี้ตกใจง่าย ได้ยินข่าวลืออะไรไม่ได้ จะต้องมีปฏิกิริยาทันที ก่อนหน้านี้จักรวรรดิเฮเกได้ดำเนินนโยบาย "ต่อต้านรัสเซีย" (anti-Russia) ทั้งสื่อฯสหรัฐฯและสื่อฯตะวันตกที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลของพวกเขาต่างพากันประโคมข่าวว่ารัสเซียจะก่อสงครามกับยุโรปตะวันออกแล้ว ว่าดูความก้าวร้าวของรัสเซียที่ทำประชามติและผนวกไคร์เมียเข้ากับรัสเซียอีกครั้งสิ ดูความก้าวร้าวของรัสเซียที่สนับสนุนกบฎ DPR/LPR โปรรัสเซียสิ แต่ไม่เคยบอกให้ดูพฤติกรรมของพวกตนเองที่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของยูเครนจนนำไปสู่วิกฤตยูเครนอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เลย
    พวกอียูก็พากันบ้าจี้และยอมให้จักรวรรดิเฮเก้จูงจมูกพากันเสริมกำลังให้กองทัพและจัดซ้อมรบในยุโรปตะวันออกใกล้ชายแดนรัสเซียกันใหญ่ ถึงกับประกาศทำสงครามแซงชั่นทางเศรษฐกิจกันเลยทีเดียว คราวนี้รัสเซียก็บอกว่าจะแบนพืชผลทางการเกษตรและดอกไม้จากยุโรปอีก เรื่องดอกไม้นี้รัสเซียยังไม่ได้แบนจริงๆ แค่กระแอมเฉยๆ เล่นเอาอียูสะดุ้งเฮือกกันเป็นแถว ถึงกับเรียกประชุมสภาฯฉุกเฉินกันเลยทีเดียว วุ่นวายกันทั้งสภาอียูเลยนะนั่นหนะ
    แล้วก็ออกมาพูดแก้เก้อว่ายังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากทางรัสเซียเลย อ้าวถ้าบอกว่ายังไม่ได้รับหนังสือแล้วทำไมถึงต้องชะลอการออกใบอนุญาตปลอดศัตรูพืชให้กับดอกไม้ดัตช์ด้วยหละ? แสดงว่าอียูเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันสิว่าดอกไม้ของพวกตนมีปัญหามีศัตรูพืชติดตามไปด้วยตามที่รัสเซียทักท้วงมาอย่างไม่เป็นทางการนะสิ คนที่ทำผิดหรือซ่อนความผิดบางอย่างเอาไว้มักจะแสดงอาการมีพิรุธบางอย่างให้เห็น นี่รัสเซียแค่ขู่เล่นๆ (แต่เอาจริง) พวกอียูก็วุ่นวายกันขนาดนี้แล้ว ถ้ารัสเซียไม่ประกาศล่วงหน้า แต่ฟันโช๊ะเดียวเลยอย่างกรณีอื่นๆ จะเป็นอย่างไรบ้างหละนี่? เศรษฐกิจอียูก็จะเจ๊งยิ่งกว่าเดิมสิครับท่าน
    แล้วทำไมรัสเซียต้องใจดีเตือนล่วงหน้าด้วยหละ? ก็คงจะด้วยหวังดีเพราะเห็นว่าเป็นคนบ้านใกลเรือนเคียงเคยไปมาหาสู่กันฉันท์พี่น้องทำมาค้าขายร่วมกันมาก่อนระหว่างรัสเซียกับยุโรป เพื่อให้อียูตื่นรู้ซะทีเลิกยอมให้จักรวรรดิเฮเกจูงจมูกได้แล้วหรอกนะถึงได้อ่ะแฮ่ม!ให้ได้ยินก่อน แต่ถ้านักการเมืองอียูยังไม่รู้ตัว คิดจะเล่นเกมนี้ต่อไป โดยเอาชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะภาคเกษตรกรและเศรษฐกิจเป็นเดิมพัน งั้นรัสเซียก็จะจัดให้อย่างสาแก่ใจเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มจะเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ในขณะที่ของอียู อย่าให้พูดเลย ดูข่าวเกษตรกรชาวฝรั่งเศสปิดถนนสายต่างๆประท้วงเอาก็แล้วกัน
    ล่าสุดหนังสือพิมพ์รายวัน Le Croix ของฝรั่งเศสรายงานว่าการสั่งห้ามนำเข้าอาหารจากอียูไปในรัสเซีย (โดยรัสเซียเป็นผู้สั่งห้าม) นั้น ทำให้ตลาดอาหารของสหภาพยุโรปเกิดความระส่ำระส่ายไร้เสถียรภาพอย่างหนัก
    ส่วนชาวเกษตรกรฝรั่งเศสก็ออกมาประกาศว่ากำลังวางแผนเพื่อที่จะทำการเดินขบวนประท้วงต่อไป (ประท้วงรัฐบาลของพวกเขา ไม่ใช่ประท้วงรัสเซีย เพราะถ้าประท้วงรัสเซีย ก็จะอดตายไปตลอดชีวิตแน่ๆ โปแลนด์เคยพลาดหมากตานี้มาแล้วที่ดันไม่ฉลาดเอาชาวบ้านและดารามาต่อต้านรัสเซีย โทษรัสเซียว่าแบนแอ็ปเปิลของตนเองแต่ไม่โทษตัวเองที่แบนรัสเซียก่อน) เนื่องจากไม่พอใจกับราคารับซื้อสินค้าการเกษตรของพวกเขาที่ต่ำ และไม่พอใจในมาตรการที่ไม่มีประสิทธิภาพของทางรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือวิกฤตเกษตรของประเทศ Sputnik news อ้างรายงานข่าวจากสถานีวิทยุออนไลน์ Franceinfo ของฝรั่งเศส
    เท่าที่สังเกตมานี่ได้พบว่า การที่เศรษฐกิจของยุโรปและเศรษฐกิจโลกมันทรุดหนักลงเรื่อยๆอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่ามันทรุดโดยธรรมชาติของเศรษฐกิจ เช่นความต้องการของผู้บริโภคลดลง หรือเพราะภัยธรรมชาติอย่างอื่น หรือเพราะบริหารโยบายเศรษฐกิจของประเทศผิดพลาดหรือไม่ดี จนนำไปสู่หายนะในครั้งนี้ แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการเล่นการเมืองชิงอำนาจกัน หรือต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่างต่างหาก โดยพวกนักการเมืองและกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนักการเมืองต้องการจะขยายอำนาจของตนในการครอบงำและครอบครองประเทศอื่น โดยนำเศรษฐกิจมาเป็นเครื่องมือในการกดดันประเทศอื่นที่ไม่ยอมก้มหัวให้ เมื่อผู้ถูกกระทำก่อนมีศักยภาพที่จะตอบโต้กลับและได้กระทำไปแล้ว ก็ย่อมจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกทั้งหมดโดยไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
    ในภาวะที่ฝรั่งเศสกำลังประสบกับวิกฤตปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคเกษตรกรอย่างหนักขนาดนี้ เห็นจักรวรรดิเฮเกยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลืออะไรบ้างหรือไม่? ช่างต่างกันกับตอนที่จักรวรรดิเฮเกวิ่งล็อบบี้ทั้งขู่ ทั้งตบ ทั้งปลอบ ประเทศนั้นประเทศนี้ในอียูให้ร่วมมือในการเล่นเกมแซงชั่นรัสเซีย แต่พอผลของการเล่นเกมดังกล่าวมันสะท้อนกลับไปที่อียูอย่างจัง ก็ไม่เห็นว่าจักรวรรดิเฮเกจะมีความกระตือรือร้นที่จะให้ความช่วยเหลืออะไรเลย ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือจักรวรรดิเฮเกกำลังจะระบายสินค้าการเกษรตรของตนเข้าไปในยุโรปด้วยสิ ซวยหนักเข้าไปกว่าเดิมไหมหละนั่น
    ตราบใดที่รัสเซียยังไม่ยกเลิกแซงชั่นประเทศต่างๆที่ร่วมกันแซงชั่นรัสเซียก่อน อย่าได้หวังเลยว่าเศรษฐกิจของอียูจะดีขึ้น นั่นก็หมายความว่าสินค้าจากประเทศอื่นก็จะถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปขายในอียูด้วยเช่นกัน เพราะขนาดในประเทศสมาชิกของอียูด้วยกันเองแท้ๆในภาวะวิกฤตอย่างนี้พวกเขาก็ยังกีดกันกันเองเลย (หมายถึงสินค้าประเภทเดียวกันที่กำลังล้นตลาดและราคาตกต่ำอยู่ในขณะนี้) ประเทศที่ฉลาดรู้ทิศทางลม ก็พากันหันไปคบกับรัสเซียและจีนและประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่อียูหรือสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลงไปได้มากและอาจจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะแม้ว่าตลาดหลักที่เคยทำรายได้เป็นกอบเป็นกำในอดีต แต่ว่าในตอนนี้ซบเซา ก็ยังมีตลาดสำรองอื่นๆ ที่กำลงมีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า ไม่แพ้ตลาดในอดีตเช่นกัน
    The Eyes
    30/07/2558
    ----------
    EU Says No Complaints From Russia on SPS Aspects of Dutch Flowers Imports / Sputnik International
    Russian Food Embargo Highlights Ineffectiveness of EU Agricultural Sector / Sputnik International
    French Farmers Plan New Protests Amid Country's Agricultural Crisis / Sputnik International
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันฟื้น ห้นสหรัฐฯขึ้น-ทองคำลงหลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2558 04:32 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันพุธ(29ก.ค.) หลังข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสำรองสหรัฐฯคลายกังวลอุปทานอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำขยับลงเล็กน้อย หลังเฟดมีมติไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยตามความคาดหมาย

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ ปิดที่ 48.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 53.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯเผยแพร่รายงานในวันพุธ(29ก.ค.) ระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 กรกฎาคม ลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 459.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ปัจจัยนี้ผลักให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น เพราะมันส่งสัญญาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในอเมริกา

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(29ก.ค.) ปิดบวก หลังธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม พร้อมบอกว่าเศรษฐกิจและตลาดงานของประเทศกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 121.12 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,751.39 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 15.32 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,108.57 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 22.53 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,111.73 จุด

    ความเห็นของธนาคารกลางสหรัฐฯเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อตามหลังการประชุมทางนโยบายเป็นเวลา 2 วัน บ่งชี้ว่าคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายนหรือไม่ก็เดือนธันวาคม ตามที่คาดหมายกัน

    สหรัฐฯคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับใกล้ๆศูนย์เปอร์เซ็นต์มาเกือบทศวรรษและเฟดบอกว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อพบเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนแล้วเท่านั้น

    ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพุธ(29ก.ค.) ขยับลงในกรอบแคบๆ หลังเฟดยังมีจุดยืนเดิมเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้วยอ้างความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อในระดับต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,092.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000086021
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวดี!!สื่อนอกเผยไทยบรรลุข้อตกลงขายข้าวในสต๊อกแก่ชาติแอฟริกา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2558 05:15 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - รัฐบาลไทยบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการส่งออกข้าวจากสต๊อกอันมโหฬารของประเทศ ไปยังหลายชาติในทวีปแอฟริการวมกว่า 7 แสนตัน รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยเมื่อวันพุธ(29ก.ค.)

    นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรอยเตอร์ จากโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ว่าข้าวจำนวน 760,000 ตันจะถูกส่งมอบแก่ โมซัมบิก ไนจีเรียและแอฟริกาใต้

    รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของนายชูเกียรติ บอกต่อว่าข้าวส่วนใหญ่ที่จะถูกส่งออกไปยังทวีปแอฟริกาจะเป็นข้าวนึ่ง และการจัดส่งจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยราคาข้าวดังกล่าวจะอยู่ที่ 430 ดอลลาร์ต่อตัน(ราว15,000บาท) และทำเงินให้รัฐบาลได้มากกว่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว11,300ล้านบาท)

    ในรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ไทย ผู้ส่งออกข้างรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก มีสต๊อกข้าวสูงลิ่วราว 14.5 ล้านตัน โดยพอกพูนขึ้นจากนโยบายอุดหนุนราคาข้าวที่ดำเนินการโดยรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกโค่นล้มโดยกองทัพเมื่อเดือนพฤษภาคม 2014

    รอยเตอร์รายงานว่ารัฐบาลทหารปัจจุบันของไทยตั้งเป้าระบายข้าวในสต๊อกทั้งหมดภายใน 2 ปี แม้เหล่านักสังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมมองว่าคงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากช่วงเวลานั้นสั้นเกินไป

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000086024
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แคเมอรูนเตรียมเสริมกำลังทหารอีก 2,000 เข้าพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ กวาดล้างนักรบสุดโต่ง “โบโก ฮารัม” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2558 10:39 น. (แก้ไขล่าสุด 30 กรกฎาคม 2558 10:53 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลแคเมอรูนเตรียมส่งกำลังทหารราว 2,000 นายเข้าไปเสริมกำลังเพิ่มเติมในพื้นที่อันห่างไกล ทางภาคเหนือของประเทศเพื่อกวาดล้างกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” จากไนจีเรีย ที่มักข้ามชายแดนเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในฝั่งแคเมอรูนบ่อยครั้งในระยะหลัง

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ได้รับการยืนยันผ่านคำแถลง ที่มีการเผยแพร่ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งระบุว่า กำลังเสริมจำนวน 2,000 นายนี้ จะถูกส่งเข้าไปประจำการในพื้นที่จังหวัดฟาร์นอร์ธ ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มโบโก ฮารัม

    อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องระยะเวลาที่กำลังทหารชุดนี้จะถูกส่งเข้าไปประจำการในพื้นที่ดังกล่าว

    รายงานข่าวระบุว่า ในช่วง 2 ปีมานี้ กลุ่มโบโก ฮารัมได้ข้ามพรมแดนจากไนจีเรียเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในฝั่งแคเมอรูนอยู่บ่อยครั้ง โดยมีการกราดยิงสังหารหมู่ชาวบ้าน วางระเบิดเพื่อมุ่งสังหารเป้าหมายทั้งที่เป็นพลเรือนและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของแคเมอรูน รวมถึง ก่อเหตุลักพาตัว เป็นประจำ

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดที่เชื่อว่า เป็นฝีมือของนักรบกลุ่มโบโก ฮารัมถึง 5 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดฟาร์นอร์ธของแคเมอรูนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปนับสิบราย และเมื่อไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเกิดเหตุโจมตีถึง 3 ครั้งต่อเนื่องกันที่เมืองมารูอา ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดแห่งนี้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 40 ราย

    ล่าสุด การ์บา เชฮู โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีของไนจีเรียออกมาแถลงว่าประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ผู้นำไนจีเรียจะเดินทางเยือนแคเมอรูนในเร็วๆนี้ เพื่อหารือกับประธานาธิบดีปอล บิยาแห่งแคเมอรูน เกี่ยวกับแนวทางการร่วมมือกันกวาดล้างกลุ่มอิสลามิสต์สุดโต่งนี้ต่อไป

    ทั้งนี้ กลุ่มโบโก ฮารัมต้องการสถาปานาการปกครองแบบรัฐอิสลามสุดโต่งขึ้น ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย โดยเฉพาะในพื้นที่ของ 3 รัฐ คือ โยเบ บอร์โน และอดามาวา โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโก ฮารัมไปแล้วมากกว่า 15,000 ราย ขณะที่ประชาชนอีก 1.5 ล้านคนเป็นอย่างน้อยต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตน

    ขณะที่ในระยะหลัง กลุ่มหัวรุนแรงนี้ได้เริ่มก่อการโจมตี เข้าไปในเขตแดนของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบไนจีเรียด้วย ไม่ว่าจะเป็นแคเมอรูน ไนเจอร์ และชาด

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000086077
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทัพUSเผยเร่งรัดพัฒนาอาวุธ'เลเซอร์-ไมโครเวฟ'ใช้งานได้เร็วๆนี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2558 21:36 น. (แก้ไขล่าสุด 29 กรกฎาคม 2558 22:55 น.)

    [​IMG]

    (แฟ้มภาพ)ระบบอาวุธเลเซอร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ

    รอยเตอร์ - กองทัพอเมริกันกำลังเร่งเดินหน้าพัฒนาอาวุธเลเซอร์ ไมโครเวฟ ตลอดจนอาวุธที่เป็นพลังงานตรงประเภทอื่นๆ และอาจนำออกมาใช้ในวงกว้างได้เร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายทหารและสมาชิกรัฐสภาอเมริกันบอกที่ที่ประชุมด้านอุตสาหกรรมกลาโหมในวันอังคาร (28 ก.ค.) พร้อมระบุว่าอาวุธเหล่านี้จะสามารถลดต้นทุนในการการตอบโต้ภัยคุกคามความมั่นคง และลดการสูญเสียชีวิตพลเรือนในสมรภูมิ

    ในงานประชุมอุตสาหกรรมอาวุธเมื่อวันอังคาร (28) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายทหารและสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ หลายคน ร่วมกันขยายความว่า อาวุธเหล่านี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ ทั้งโดยกองทัพเรือ เหล่านาวิกโยธิน กองทัพอากาศ และกองทัพบกสหรัฐฯ แต่ยังต้องพัฒนาต่อไปอีกเพื่อปรับเทคโนโลยีให้เหมาะสำหรับอาวุธที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตลอดพัฒนายุทธวิธีในการใช้ รวมทั้งทำให้มั่นใจว่ามีเงินทุนสนับสนุนเพียงพอ

    พลโท วิลเลียม เอ็ตเทอร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการการป้องกันทางการบินและอวกาศ ภูมิภาคอเมริกาเหนือ กล่าวในที่ประชุมซึ่งจัดโดยบริษัทที่ปรึกษา บูซ อัลเลน แฮมิลตัน กับหน่วยงานคลังสมอง เซนเตอร์ ฟอร์ สเตรทเตอจิก แอนด์ บัดเจ็ตทารี แอสเส็ตเมนต์ ว่า อาวุธพลังงานตรง นำมาซึ่งยุคใหม่ในด้านการป้องกันประเทศ

    ทั้งนี้ อาวุธพลังงานตรงหมายถึงอาวุธที่ปล่อยพลังงานซึ่งอยู่ในลักษณะรวมศูนย์ออกมา โดยอาจจะเป็นพลังงานแสงเลเซอร์ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นวิทยุ คลื่นเสียง หรือลำอนุภาค ปัจจุบันมีการใช้เลเซอร์อย่างแพร่หลายในการนำวิถีระเบิดไปสู่เป้าหมาย แต่ขั้นตอนถัดไปคือการใช้ลำแสงเลเซอร์เป็นอาวุธโดยตรง

    กองทัพสหรัฐฯ คิดค้นพัฒนาอาวุธเหล่านี้มานานหลายสิบปีแล้ว และถึงตอนนี้ก็สามารถจัดการแก้ไขความท้าทายทางเทคโนโลยีจำนวนมากได้ในที่สุด

    เอ็ตเทอร์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ระบุว่า อาวุธรูปแบบใหม่นี้จะลดต้นทุนของอาวุธปัจจุบัน ย่นระยะเวลาในการตอบโต้การโจมตีของศัตรู และลดการเสียชีวิตของพลเรือนในสนามรบ

    ขณะที่ แฟรงก์ เคนดัล ปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เสริมว่า ทุนสนับสนุนของเพนตากอนสำหรับโครงการอาวุธพลังงานตรง ยังคงตั้งไว้ที่ปีละ 300 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ และมีเป้าหมายในการเริ่มการสาธิตอาวุธเหล่านี้ในขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้นภายในระยะเวลา 5 ปี

    เคนดัลยังบอกอีกว่า อาวุธพลังงานตรงสามารถตอบโต้ภัยคุกคามจากขีปนาวุธนำวิถีและจรวดร่อน โดยมีต้นทุนถูกกว่าระบบสกัดกั้นขีปนาวุธที่ใช้อยู่ขณะนี้ พร้อมเรียกร้องให้อุตสาหกรรมกลาโหมทุ่มเทความพยายามเพื่อรับมือภัยคุกคามเหล่านี้

    ทางด้านเรย์ เมบัส รัฐมนตรีทบวงกองทัพเรือสำทับว่า กองทัพเรือได้ทดสอบอาวุธเลเซอร์ที่ติดตั้งบนเรือรบยูเอสเอส พอนซ์ ในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งสามารถทำลายเรือและเครื่องบินไร้คนขับขนาดเล็ก อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นกล้องส่องทางไกลได้อีกด้วย

    เมบัสเสริมว่า กองทัพเรือกำลังขยายขอบเขตการใช้อาวุธเลเซอร์บนเรือรบลำดังกล่าว และเตรียมนำบทเรียนที่ได้รับไปช่วยพัฒนาอาวุธเลเซอร์ต้นแบบขนาด 100-150 กิโลวัตต์ เพื่อทดสอบในทะเลในปี 2018 หรืออาจเร็วกว่านั้น

    รัฐมนตรีทบวงทัพนาวีแดนอินทรีเสริมว่า ในปีหน้า กองทัพเรืออาจทดสอบปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้าทรงพลังรุ่นใหม่ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 160 กิโลเมตร รวมทั้งอาจเปิดเผยโรดแมปที่ระบุครอบคลุมสำหรับอาวุธรุ่นใหม่ๆ เหล่านี้ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ และเริ่มโครงการจัดซื้อจัดหาอย่างเต็มรูปแบบในปีงบประมาณ 2018

    เมบัสระบุว่า ขณะนี้ อิหร่านและประเทศอื่นๆ ใช้เลเซอร์ในการเล็งเป้าหมายเรือและเครื่องบินพาณิชย์ และกองทัพสหรัฐฯ จำเป็นต้องเร่งรัดปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดหาของตนที่ยังอุ้ยอ้าย เพื่อให้แน่ใจว่ายังคงนำหน้าคู่แข่งสำคัญ

    สำหรับพลอากาศตรีเจอร์รี แฮร์ริส รองผู้บัญชาการกองบนยุทธการ ของกองทัพอากาศ เสริมว่า กองทัพอากาศได้พัฒนาอาวุธคลื่นไมโครเวฟแรงสูง ที่สามารถสลายมวลชนโดยไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ทำให้อุณหภูมิร่างกายของพวกเขาสูงขึ้นเท่านั้น และอาจติดตั้งระบบนี้ได้ทันทีบนโดรนหรือเครื่องบินอื่นๆ


     

แชร์หน้านี้

Loading...