กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    กสินอะไรฝึกง่ายสุด?

    คงเป็นสิ่งที่สามารถเหนี่ยวนำจิตให้อยู่กับอารมณ์นั้นได้นานๆ ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น แสง สี เสียง ฯลฯ ก็สามารถนำมาใช้ฝึกกสินได้หมดครับ

    กสินก็มีทั้งแบบที่ให้โทษและให้คุณนะครับ ที่ให้โทษก็แบบประมาณว่า เพ่งโทษ เพ่งความผิดของผู้อื่นเป็นอารมณ์ ถ้าหากฝังอยู่ในจิตสะสมไว้มากๆ ก็อาจทำให้กลายเป็นคนวิปริต วิปลาสธรรมได้นะครับ ^_^
     
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ..........

    มันมีอะไรมากกว่านั้นนะคะลุงแมว การดักตี ดักฟัง จับ มัด ย้อน ย้อม ขุดหลุม วางยา ล่อ แหย่ ยุแยง ฯลฯ คุยกันนานๆนี่ถ้าเป็นสาวน้อยอายุ 16 17 นี่ไม่ทันแกหรอก มันต้อง 30 ขึ้นโน่นแน่ะ จะพอเห็นวับๆแวมๆโผล่มาบ้าง พอทันให้วิ่งหนีได้
    ภาษาบ้านๆเราเขาเรียกว่า... เจนเวทีอ่ะ เอ ไม่สิ มันมีอยู้คำหนึ่งนะ แต่ดิฉันคิดคำนั้นไม่ออกอ่ะ
    แต่ แผลเป็นเขาเต็มตัวเลยนะคะลุง
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอิ่ม คืออะไร ฮับ

    โควตคำพูด ของคนคนหนึ่ง แต่ มากล่าวปรักปรำอีกคนหนึ่ง

    เอาเหตุ หรือ คำอะไรแปลกๆ ของคนๆ หนึ่งใน วิสัยแตส ของคุณ พิจารณา
    คำพูดเหล่านนั้นแล้ว ออกแนว เป็นชายประเภทสอง

    เสร้จแล้ว แทนที่จะ ยก ข้อครหาว่าเป็นชายประเภทสอง ให้กับ เจ้าของคำพูด

    แต่ทว่า มายกให้ กับคนอีกคนหนึ่ง


    แล้วนี่ สหายธรรมตาทิพิย์ระดับใช้งานด้วยตาเปล่า ด้วยการ รับรู้ผ่านโพส
    ข้อความรู้ได้ชัดว่า จิตเป็นยังไง เป็นใคร เขา กระซิบหลังบ้านบอกคุณหรือ
    เปล่าครับว่า ปล่อยไก่ สองไอดีนี้เป็นคนละคนกัน

    ถ้า สหายธรรมตาทิพย์ไม่บอกประโยชน์คุณ แต่ อาศัย ความพลาดพลั้งของ
    คุณเพื่อประโยชน์ ความสุขเล็กๆน้อย ที่ได้ อนุโมทนาให้กำลังใจ ให้กล่าว
    ผิดๆ ต่อไป อย่างน้อยก็สะไจไว้ก่อน ที่มี การด่าผม เอิ่ม.....

    เอาจิงดิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2015
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แต่ คุง จะเข้าใจผิด ก็ไม่ผิด ...เพราะ มันก็มีเหตุ

    ผมได้ทำเหตุเอาไว้เอง คือ มีครั้งหนึ่ง สมาชิกท่านหนึ่ง ท่านอวดตัวว่าเป็น
    อนาคามี หรือ อรหันต์ ไปแล้วก็ไม่ทราบ ท่านกำหนดรู้ได้ทุกอย่าง แล้วก็เริ่ม
    เมา เห็นใครไปทักท้วงท่าน ท่านก็ โยนข้อหาว่าเป็นผม

    พี่ ที สมาชิกท่านนี้ ก็เป็นคนหนึ่ง ที่เสวนาธรรม กับ สมาชิกท่านนั้นมานาน
    แสนนาน พอถือวิสาสะไปทักท้วงตามประสาคนเคยรู้จักมักคุ้น พี่ท่านนั้นก็
    เหมาเข่ง บอกว่า ผมปลอมตัวมาเป็น รหัสคนนั้น รหัสคนนี้

    ผมก็เลย ถือโอกาส ให้เขา ล่วงศีล ผิดสัจจวาจา เนืองๆ โดยการ ก๊อปข้อความ
    ของคนั้น คนนนี้ คนที่เขาทักว่าเป็นผม เอามาโพส แต่ก็ ทำโควตเอาไว้ว่าเป็น
    การอ้างอิง [ ตรงนี้บอกก่อนนะฮับ ว่า เขาผิดศีลด้วยตัวเขาเอง อยู่แล้ว ผมแค่
    หาผัสสะ ที่ใกล้ๆ มาแปะ เพื่อให้ จิตเขาแสดงพฤติกรรม ให้เขา ประจักษ์ชัด ในภายหลัง ]


    ตาลุงอนาคามีคนนั้น เขาไม่สังเกตแล้ว เบลอ ละเมอหนัก ยิ่งมั่นใจว่า เป็นผม ปลอม
    ตัวมา ....

    ก็เข้าทางสิ แต่ บอกก่อนนะ ผมไม่ได้ ทำอะไร หรือ ไปหลอกเขานะ แค่ ก๊อปปี้
    คำพูดของ คนที่เขาสำคัญว่าเป็นผม มาโพสซ้ำ ให้เขาเห็นซ้ำๆ แต่ ผมก็ โควตเอาไว้
    ว่าเป็นการอ้างอิง

    อนาคามีท่านนั้น ก็เลย .....

    ก็เลย ปักใจเชื่อว่า เป็นผม เล่นคนเดียว กว่า 20ไอดี ได้กระมัง


    พออนาคามีท่านนั้น อารมณ์สงบ ผมก็แค่ ยิงคำถามสั้นๆว่า

    สัจจวาจา ศีลอยู่ตรงไหน หาก การเข้าใจว่าไอดีนั้น ไอดีนี้ เป็นผม เป็นการ
    เข้าใจผิด แล้วเอาไปบอกคนอื่น แล้วคนอื่นเชื่อ ....การผิดสัจจ มันจะสำฤทธิ์
    ผล และ ย้อนแย้ง ความเป็นโสดาบันยังหาไม่ได้เลย

    ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ได้ผลแค่ไหน ที่แน่ๆ คือ ไม่กลับมาโพสอีก นานและ


    ถ้าไม่ได้สติ ก็คง นอนจม ปฏิสัมภิทาญาณของเขา อยู่อย่างนั้น ตายเปล่า

    ทีนี้ เราหมายเอาการแก้ การชี้ ศีลของสหธรรมิก เพื่อให้เกิด สติเป็นใหญ่
    คนที่ เข้าใจว่าผมเป็นพี่ที อันนี้ บอกก่อนนะครับ โทษผม บ่ ได้

    ผมไม่ใช่ ต้นเหตุ ที่เที่ยว ป่าวประกาศว่า พี่ที คือ ผม ..... และ การตามน้ำ
    เออออห่อหมกไปก่อน แล้ว รอจิตเขาสงบแล้ว ทักท้วงทวงถาม ก็ได้ทำไป
    แล้ว ไม่ใช่ทำเพื่อสนุก แต่เพื่อให้ ทุกคน รู้เช่นเห็นชาติ พวกที่อ้าง
    ว่า รู้เห็น โน้น นั่นนี่ มีปฏิสัมภิทาญาณ(หมายถึง คนโน้น อะนะ) ว่ามี
    หรือไม่มี ก็ ใชวิจารณญาณ กันเอาเอง จึงมัก .....................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2015
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวเข้าใจว่า เจ้าคนนี้มันแค่เรียนมากจนสติฟั่นเฟือน
    คิดอะไรเตลิดระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    แต่อยากโชว์พาว ว่าตนเองรู้มากกว่าใครๆในห้องนี้
    เลยกลายเป็นพุดแส่ส่ายขัดคุ้ยเรื่องชาวบ้าน หยิบบาง
    เรื่องมาทำให้กลายเป็นจุดอ่อน เพื่อโจมตี

    แต่ปากเพ้อพร่ำให้ ผู้ปฏิบัติอยู่กับปัจจุบันธรรม
    ช้กใบให้เรือเสีย คนที่สติอยู่กับปัจจุบันต้องไขว้
    เขวเพราะถูกแคะคุ้ย ด้วยวาจาแบบพุดจันรัยของแท้
    ขณะนี้ยังหาคนจันรัยมาเทียบเท่าไม่ได้
    ทนทาน ไม่มีมารยาท คนไม่รู้จักมักจี่ มันก็สามารถ
    สำรากใส่ได้หน้าตาเฉย ตามแบบพุดจันรัยของมัน

    คนอ่านจะรำคาญแค่ไหน เจ้าโรคจิตไม่รู้ไม่เห็น
    อยากจะได้โล่อย่างเดียวเป็นมานานแล้วด้วย
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ลุงแมวหายไปหลายวัน ไม่มีลายเซ็นแล้วหรอขอรับ (deejai)
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ก็แล้วใครล่ะที่เป็นโจทย์ทำให้ลุงแมวต้องเผ่นออกไปหลายวัน
    ลืมแล้วหรือมจด.??

    วันนี้ล๊อคอินมาเขียนอะไร ง๊อกๆแง็กๆ
    กลับโดนแฮกลายเซ็นต์ซะนี่
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    งง กันเอง บ้างไหม ขอรับ

    พวกหนึ่ง ทัก ห้ามปราม บอกว่า เดี๋ยวจะหมดเพื่อนนะ ให้รักษาเพื่อนไว้

    อีกพวกหนึ่ง ทัก มาบอกว่า มาเพื่อโชวพาว เพื่อหาศรัทธา หาพรรคพวก

    ไอ้ผมก็ ฮึย ขนาดพูดอยู่ปาวๆว่า จิตตน ไม่ใช่ตน ดังนั้น อย่าไปเชื่อ
    แม้นจิตของตน ให้เฝ้นหาธรรมที่พ้นขันธ์5ให้เจอ ถ้าเจอแล้ว จะสดับธรรม
    ที่พ้นการเรียนตามๆกันไป ....... เพื่อการตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง พวกคุณ
    ก็ไปพะวัก พะวง ห่วงเรื่องการมีเพื่อน ไม่มีเพื่อน มีพาว ไม่มีพาว อะไรก็ไม่รู้

    พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ บุคคลที่เอาอยาตนะ6ออกได้ จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ไม่มี
    อาจารย์(ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง)

    คนฟังธรรมไม่เป็น ก็บอกว่า โสดาปฏิมรรค เป็นเรื่องเหลือวิสัย ให้อยู่อย่าง
    ล่องลอยไปอย่างฝุ่นผงไปวันๆ ก่อน จงสิ้นศรัธทาในมนุษย์เสียก่อน แล้วจะ
    ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อม ยอมรับ หนทาง หรือ สัมมาทิฏฐินั้น .....แหม

    แล้วสังเกตจิฮับ ทำไม ถึงได้อดทนอยู่ที่นี้ ถือนิมิตที่นี้เป็นสัปปายะ พวกคุณ
    จะพรรณกสิณพิสดารยังไง กล้าวกระผมก็พร้อมปากเปียกปากแฉะบอกว่า มันมี
    ขั้นกว่า กว่านั้น

    ผมถือที่นี้เป็นที่สัปปายะ ไม่ไปที่อื่นแน่ เพราะ ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ลงย่าม ไปฝึกในป่า
    มาเหมือนกัน แล้วทำไม จะต้องเห็น ที่อื่นเป็นที่สัปปายะ ด้วยเล่า มันต้องอยู่ที่ตรงกับธาตุจิฮับ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ครูบาอาจารย์ ก็ไม่ได้ต่างกัน แต่ทำไม ถึงได้ พร่ำบอกว่า คำสอนของท่าน
    นั้นมี ที่ลึกซึ้งกว่านั้น

    หลวงพ่อฤาษี กล่าวไว้ว่า หากคนทุกคน ที่ฟังเทศน์ หากพิจารณาเอาธรรมเป็นใหญ่
    ทุกคน สามารถสัมผัสโลกุตระได้ทันที ....อะไรแบบนี้ ไม่เคยได้ยินหรือฮับ

    คนฟังธรรมไม่เป็น ก็สำคัญว่า ท่านสอนแต่เรื่อง เมาสังสารวัฏ อยู่นั่น เป็นไปไม่ได้หรอก
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไม่มีใครพวกใครหรอก ธรรมาธิปไตย
    ไม่ใช่คณาธิปไตย

    มีแต่คนรำคาญ กับคนน่าเบื่อ 2 ประเภทเท่านั้น
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    แสดงธรรมให้คนฟังมารวม 3188 ครั้ง
    ยังไม่ได้ติดกันเทดเลยจั๊กคะแนนเดียว
    ได้แต่ 0 กะจุดแดงๆ3 จุด
    มันช่างสัปปายะจิงๆ
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คำพูดคำจา หากจับประเด็น ในส่วนที่ ค้านไม่ขึ้น

    ส่วนธรรมที่กล่าวออกไปแล้ว หากพวกคุณ สัมผัสได้ถึงอาการ ค้านไม่ขึ้น

    อันนี้ ขอบอกก่อนนะครับ อันนั้น ไม่มี อะไรที่เป็นของผมเลย หากจะมี
    ส่วนใดที่คุณสัมผัสได้ว่า ค้านไม่ขึ้น

    นั่นก็ผม ก๊อปปี้ วิธีการกล่าวจี้ไปที่เหตุ และ การดับของเหตุ

    ยกตัวอย่าง เรื่อง สุภาพสตรี ที่ ผู้ชายเคารพ หรือ ทำให้ผู้ชายเป็น บุรุษเต็มตัว

    เหตุของการได้ชื่อว่าเป็น บุรุษ ก็คือ การคุ้มครองสตรี ให้อยู่ข้างหลัง

    การกระทำที่ผิดเหตุ คือ ไปให้ ผู้หญิงมานำข้างหน้า อันนี้ หากปล่อยไว้ ผู้ชาย
    คนนั้นก็จะไม่มีปัจจัยเกิดมาเป็นชาย ดังนั้น เพื่อนย่อมรักษาทรัพย์ให้เพื่อน
    แม้นเขาจะไม่รู้ว่ากำลังถูก ปล้นทรัพย์ อันนี้ ก็ต้องว่ากันไปตามเหตุ ( ก็ผมเองก็
    เกิดเป็นชาย )

    เรื่องให้ผู้หญิงอยู่ข้างหลัง ห้ามสอน ห้ามแทรก อันนี้ก็มีมาแต่ พุทธกาล ต้นบัญญัติ
    ก็ชี้แจงเหตุผล ครบถ้วน หากสังคม วงสนทนาใด ปล่อยให้ ผู้หญิงนำหน้า ....ไม่มี
    หรอกครับที่ สังคมนั้น วงสนทนานั้น จะได้ชื่อว่า อยู่ได้อย่างปลอดภัย

    ลองนึกภาพสิ หาก วัดเนี่ยะ มีผู้หญิงเต็มไปหมด แล้ว มีบทบาทว่ากล่าว สั่งสอนได้
    ตลอดเวลา คนหนุ่มๆที่ต้องการบวชศึกษาธรรมะ จะเป็น ยังไง ดึกเข้าหาฟังธรรม
    อันช่ำเย็น มีพลังเย็น มีการขอเข้าไปเชื่อมพลังมุมทางซ้าย มุมทางขวา
    ห่างไม่เกิน5เซนติเมตร...............................................

    เอาแค่นี้ คนหนุ่มก็ไม่กล้าบวชแล้ว ตรงนี้จริงหรือไม่จริง ก็พิจารณากันเอาเอง


    แต่อะไรที่ ค้านไม่ขึ้น นั่นก็เพราะว่า มันเป็นเหตุ และเป็นการชี้การดับของเหตุเหล่านั้น

    โลกย่อม ทนไม่ได้ต่อ ในเหตุตัวนั้น ค้านไม่ขึ้น

    แต่ใช่ว่า การชี้เหตุนั้น จะเป็นเรื่องเข้าไปมุ่งประทุษร้ายผลประโยชน์ของท่าน
    ผลประโยชน์ของโลก

    ธรรม ไม่ได้ทำร้ายโลก พระองค์ทรงอยู่ และ วินิจฉัยธรรมอยู่ตลอดเวลา มีแต่ชี้ประโยชน์ที่แทจริงให้ทั้งนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2015
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ทัมเกรียนๆทำไมต้องฟัง

    ธรรมเรื่องเดียวกันแต่การแสดงไพเราะกว่าเยอะ
    ฟังแล้วปีติกว่าก็มีเยอะแยะ
    ทำไมต้องมาทนอ่าน
    ทัมเพ้อเจ้อ
    เทดไปด่าไปทัมมะเกรียน!!!
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ตัวอย่างผู้แสดงธรรมได้ไพเราะ
    องค์หนึ่ง
    นั่นคือหลวงพ่อฤษีวัดท่าซุง
    เป็นต้น
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็รอ ประโยคแบบนี้อยู่

    บางที คุณต้องสังเกตให้ดีๆ

    อย่าง เคสเสวนากับคุง โนะบะกัม นี่ ....เขากระดูกเบอร์ไหน ฮับ
    กระดูกเบอรเดียวกันคุณ หรือเปล่า

    ทีนี้ คนเขากำลังชี้ กสิณ หรือ ฌาณ มันเป็น จิตส่งออก
    พูดอีกแง่ สรรพสังขารา มันมีปัจจัยเกิด จากอวิชชาเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น

    ดังนั้น ฤทธิเสกนั่น เสกนี่ อะไรก็ตามที่ทำให้เกิด สรรพสังขาร คนที่มีกระดูกดีๆ
    เขาก็ควรได้รับการ จี้ลงไปว่า มันเป็น อวิชชา เท่านั้นนะ ที่ทำให้เกิด สรรพสังขาราได้

    พูดแบบนี้ คนฟังธรรมไม่เป็น กระดูกไม่มี ไม่เคยฟึก จะ อยากกระทืบปากคนสอนทันที
    คิดว่า เขากำลังห้ามฝึกกสิณ ฝึกฌาณ ฝึกเล่นฤทธิ์

    คนละเรื่อง เขากำลัง ยุส่ง ให้ทำให้มากๆ

    ทำไปแล้ว กำหนดรู้ตามไปสิว่า ทุกสิ่งที่ทำให้ สรรพสังขารามันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะดวงดาว
    ต้นไม้ ใบหน้า ฝน ฟ้า อากาศ ไฟ ดิน ...มันเกิดจาก อวิชชา เท่านั้น ไม่มีส่วนไหน
    พ้นจากอวิชชาแม้แต่นิดเดียว [ จะไปเสก ไปเล่นอะไรใน ภพไหนๆ ก็ตาม ]

    ถ้ากล่าวท้าทายให้ สหธรรมิก กระดูกสุดยอด ก็จะพูดต่อว่า สรรพสิ่งที่เกิดขึ้น อุบัติ
    ขึ้น หรือ สรรพสังขารา เกิดจาก นิวรณ์ หรือ กามฉันทะ เกิดจากความฝุ้งซ่าน
    เกิดจากความขัดเคือง เกิดจากความท้อถอยอ่อนกำลัง ฯลฯ ใช่หรือไม่ใช่
    [ และมันเกิดไปตามปัจจัยการด้วย ไม่ใช่เพราะ ความเป็น สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ]

    ดังนั้น ฤทธิ์เสกนั่นเสกนี่ ให้เสกให้มากๆ หากทำได้ มันจะเห็น ชัดว่า ไม่มีอะไรที่ไม่ได้
    เกิดจากสิ่งที่ จิตมันเคลื่อนออกไปจากฐาน จิตส่งออก หรือ อวิชชา หนือ นิวรณ์
    เนี่ยะ กระดูกดีๆ ก็ยกเห็น นิวรณ์บรรพะ ด้วยการใช้กสิณ เป็นสื่อในการเข้าไปกำหนดรู้
    ทุกขสัจจ

    คนฟังไม่เป็น ก็คิดว่า เฮียเอ้ย มึงไม่เป็นกสินแล้วเสือกมาสอน .......

    นะ

    กลับไปที่คำสอนพระ พระท่านว่า อิธ?ฤทธิ์แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิแพ้กรรม(วิบาก)
    ถ้ากำหนดรู้ปัญหาว่า ว๊อกแว๊ก ก็ตัดตรงไปเลย .......เนี่ยะ ท่านก็พูดแบบธรรม
    ลึกซึ้งเนี่ยะ ฟังกันบ้างจิฮับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2015
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แล้ว คุงฟัง มากี่ปี แล้วหละฮับ

    ผมจำได้ว่า เมื่อเดือนก่อน คุงสะบัดสะบิ้ง อ้างว่า ตนมีธุลีในดวงตามาก
    ชาตินี้ ขอแค่ ศีล กับ ทาน บัดนี้เป็นต้นไป จะขอทำสัจจ ไม่เข้า
    มาห้องอภิญญาอีก จะอยู่แต่ .....ห้องไหน จำไม่ได้ เพราะ ไม่ใช่
    สิ่งที่ควรใส่ใจ

    เพราะสิ่งที่เราใส่ใจ คือ กลับมา จิฮับ มาฟังดีๆ

    แต่ ถ้าจะฟังแบบนุ่มๆ แบบเก่า คุณ บอกได้ไหมหละว่า จะก้าวหน้า
    กว่าเดิม

    หรือ จะบอกกล่าวอีกครั้งว่า ขอฟังนุ่มๆอย่างเดิม แม้นไม่ก้าวหน้า
    ก็ขอแบบนั้นแหละ จนกว่า จะหมดบุญ
     
  17. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    นี้ !!! ... เป็นครั้งแรก ในรอบหลายๆปี ที่(เท่าที่ทันได้ตามอ่านผ่านตา) ในเวปฯ ที่คุณเอกวีร์ออกมาชี้แจง

    ดิฉันไม่สรุปใครหรอก ว่าคุณคนนั้นคนนี้ไม่ดีหรือดี แม้แต่คนที่เคยด่าดิฉันมาตั้งแต่สมัครเข้ามาในเวปฯนี้ หรือแม้แต่จะให้ดิฉันได้ว่าไปบ้างก็เถอะ ดิฉันไม่สรุป แต่ข้างในน่ะ ใจของใครก็ของใคร เจ้าของนั้นรู้ดีที่สุด

    ดิฉันเคยเป็นส่วนหนึ่งในตอนนั้นที่ทำให้ลุงขันธ์ถึงกับไม่เข้ามาในนี้อีก ถึงมันจะนานมามากกกกแล้ว แต่ดิฉันก็สรุปคุณลุงเขาเร็วไป ด้วยเพราะภูมิธรรมตอนนั้นดิฉันไม่มีไม่ถึง ฟังแกไม่เข้าหู มันทำให้ดิฉันผิดพลาด(ในบางอย่าง แต่ ไม่ใช่ทั้งหมด) ..
    แต่นั่นมันทำให้ดิฉันระวังตัวเองมากขึ้น และไม่ฟันธงใครง่ายๆอีก

    ส่วนสำนวนนั้นเอากันง่ายๆในโลกสมมุติใบนี้นะ ง่ายๆว่าคนเขาจะฟังคำไหนเข้าหูมากกว่ากัน อย่าเพิ่งไปว่าความรู้หรือภูมิไหนๆเลย
    ส่วนเจตนานั้น ยกไว้ในใจเจ้าของ
    ...

    เข้ามาแค่นี้ละเน้อ จะไม่ยุ่งอีก นอกจากจะเข้ามาถามคุณนพฯเรื่องปฏิบัติเรื่อยๆนั่นแหละ
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    นะ ถ้าอันนี้ ถึงจะเรียกว่า ชี้แจงฮับ

    คุงต้อง พิจารณาตามที่ผมกล่าวด้วยว่า มีจริงตามนั้นไหม

    ผมเนี่ยะ พูดภาษาแปลกๆ มาตลอด ....แทบจะไม่มี เว้นหละ

    แล้วที่น่าแปลกคือ หากเป็นเรื่องกสิณที่ผมโยงเข้าสุญญตาสมาธิ เพื่อเข้า
    สมาธิแบบพุทธ ไปรู้ จิตเป็นธาตุ ไม่ใช่สัตว์ ตัวตย บุคคล เราเขา และ
    พยายามจะจี้ลงไปด้วยว่า สิ่งนั้นก็เกิดจากอวิชชาเป็นหัวขบวน (ไปพินาปฏิจสมุปบาทได้)

    ทีนี้ พอพูดแบบนั้นทีไร มันจะมี พระหน่อที่เรียกจิกพระว่า"ห่มเหลือง" มา
    อนุโมทนาแทบทุกโพส ทำเหมือน เข้าใจ และ สมาทานสิ่งนั้นอยู่

    ทีนี้ ผมก็สงสัยสิว่า เข้าใจจริงไหม ก็อยากจะ กระแซะดูบ้าง

    แต่ จังหวะไม่ค่อยดี ที่ก่อนหน้าจะกระแซะเนี่ยะ พวกมิสเตอร์สตารก ไอรอน
    แมนเขามากวนจิตให้เขาสัดส่ายไปก่อนหน้า

    แต่...แต่อีกนั้นแหละ แต่....ถ้าคุงดูดีๆ ผมจะ จั่วเตือนก่อนแล้วว่า "เห็นใจอยู่ "
    เพื่อให้เขา สังวรณ์ระวังจิตหากยังไม่นิ่งก็ให้ข้ามไปก็ได้

    หลังจากนั้น ก็ กระแซะ ในแบบ ภาษาที่เขาอนุโมทนามาตลอด นั่นแหละ ไม่ได้
    แปลกไปกว่าเดิม เล๊ยยยย

    ทีนี้ มันก็ฟ้องสิ มันก็เห็นได้หละว่า ไอ้ที่ ตามอนุโมนา อุบายธรรม ที่พูด
    อย่างกระเลวราด มาก่อนหน้า แท้จริงแล้ว เขาไม่เข้าใจ

    พอไม่เข้าใน เราก็เล่นสิ มาทำเป็น บุรษอาชานัย แต่ ถึงเวลา อ้างโน้นอ้างนี้
    อ้างการนิ่ง สงวนรักษาสมบัติ สร้างภาพให้ดูนิ่ง แต่ ความเป็นจริงกลับไม่ซื่อตรง
    ต่อธรรม

    ทีนี้ ผู้ชายเนี่ยะ จะให้พูดจ๊ะจ๋า มันก็ไม่ใช่ ดังนั้น


    " อีกสองแสนมหากัปป ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจหรือเปล่า !!! "
     
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การเรียกนักบวชหรือพระสงฆ์ ว่าห่มเหลือง
    มันเป็นการจิกตรงไหนวะน่ะ หากผู้เรียกมีเจตนา
    ที่จะป้องกันตนเองไม่ให้พลาดพลั้ง ไปปรามาส
    โดยไม่ตั้งใจ
    แต่การมาตีความว่าเป็นการจิก นี่มันฟังไม่ได้ศัพท์บวกกับอคติเล็งผลข้างต่ำมากกว่านะ
    แถมมาขยายความให้สาธารณะคล้อยตามอีก
    นี่แหละเรียกจอมคุ้ยเขี่ย แคะแซะ
    ยังจะมาโชว์ว่าธรรมวิเศษ ต้องหยาบคายจึงจะเข้า
    ถึงใจ
    มันจึงมั่นใจจะเทดต่อไป เอาดังเอาเด่นด้วยภาษาลามก

    แต่ถ้าเรียก"จิ้งเหลือง"นี่สิแสดงอาการเหยียดหยาม
    ไม่เหลือดี
    อย่ามาชักใบให้เรือเสีย
    พักหลังนี่นอกจากชักใบให้เรือเสียยังไม่พอ
    เริ่มจะเสี้ยมให้เกิดความแตกในหมู่พุดทะชน
    เรียกว่าจันรัย นี่ตรงตัวเลย
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เรื่องการใช้ภาษานั้น ถ้าก้าวข้ามพ้นการตั้งเงื่อนไขต่าง ๆ
    ในใจตนเองไปได้ ก็ถือเป็นการก้าวข้ามพ้นเครื่องร้อยรัด
    อันรุงรังไปได้ประการหนึ่งเหมือนกัน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
    แม้แต่เขาด่าอยู่ พระพุทธองค์ยังทรงให้ฟัง ว่าเขาด่าอะไร
    เป็นจริงไหม ไม่จริงก็ไม่เดือดร้อน จริงก็ควรนำไปแก้ไข
    ผู้มีใจถือเอาคุณธรรมนำพ้นทุกข์เป็นหลักใหญ่แล้ว
    ก็จะหมดปัญหาไปโดยง่าย ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา

    ที่กล่าวเช่นนี้ ผมไม่ได้มาสนับสนุนความรุนแรงแต่อย่างใด
    และไม่ได้คิดจะมายกยอปอปั้นใครทั้งนั้น
    ว่ากันโดยอรรถโดยธรรม เอาความซื่อตรงเข้าว่า
    เรื่องจิตเกิดมันย่อมมีกันได้เป็นธรรมดา รู้ให้ทันก็พอ

    นัยที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง เห็นบางข้อความนั้นแล้ว
    ทำให้นึกถึงคำครูบาอาจารย์ ถ้าแนะให้เขาออกจากทุกข์ไม่ได้
    ก็ปล่อยให้เขาเดินไปจนสุดกำลังตั้งใจนั้นเลย ก็จะได้เห็นทุกข์
    ให้ทุกข์เสียให้เข็ด ทุกข์เสียให้พอ สร้างสมอบรมปัญญาไป
    เวลาคงไม่เกี่ยง เอาว่าไปแล้วที่สุดเห็นทุกข์ได้ ก็จะเดินตรงเอง

    ของแบบนี้ ไม่ลองไม่รู้ แต่บางคนกลับไม่เอาเลยแต่ต้น
    อันนี้อาจจะเป็นเพราะ เข็ดขยาดมาแต่ไหนแล้วก็ไม่รู้ก็เป็นได้
    สังเกตมากับตัวบางคนฟังคำครูบาอาจารย์แค่ไม่กี่ประโยค
    ก็ทะลุทะลวงไม่ต้องลอง ไม่คิดมาก เข้าใจเกมส์กลมายา
    และพร้อมมุ่งตรงสู่หนทางอันเอกทันที บางคนฟังแล้วเถียง
    ถามแล้วถามอีกก็มีื บางทีมันยังคาใจ พูดยังไงก็วางไม่ลง
    ต้องไปให้หายสงสัย หายติดใจเสียก่อนจึงยอมรับตรงกันได้

    ไม่แปลก ๆ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...