เทวดาทุกองค์..สามารถระลึกชาติได้หรือไม่..?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย AVATAAR, 6 กรกฎาคม 2015.

  1. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    .


    จากการที่เทวดากำเนิดโดยการผุดขึ้นเป็นตัวเลย

    จึงอยากทราบว่าเมื่อเทวดาโผล่มาบนสวรรค์ จะสงสัยหรือไม่ว่าตัวเองโผล่มาบนสวรรค์ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร ?

    ถ้ารู้ก็แสดงว่าเทวดาระลึกชาติก่อนได้

    ถ้าไม่รู้ก็คงงงล่ะครับว่าตัวเองมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร ?

    จึงเป็นที่มาของคำถามว่า เทวดาทุกองค์..สามารถระลึกชาติได้หรือไม่..? “


    .
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่น่าจะตั้งคำถามแบบนั้นนะ

    มันเหมือนกับว่า คุณไปถามเขาว่า คนเราทุกคนเกิดมาต้องกินหรือเปล่า ?

    เทวดาทุกองค์จึงระลึกชาติได้เป็นปรกติ ระลึกทุกวัน ระลึกจนชิน จนไม่เห็นคุณค่า

    ยิ่งการเกิด การตาย การจุติ การอุบัติ ของสรรพสัตว์เนี่ยะ ท่านก็คงจะเห็นทุกวัน
    เห็นทุกสรรพสัตว์ เห็นจน ลายตา มองเห็นเป็นแสง ยิ๊บๆ ยั๊บๆ

    ดังนั้น ญาณการเห็นการจุติ การมาเกิด การตายของสรรพสัตว์ การระลึกชาติได้
    ว่าเดี๋ยวรวย เดี๋ยวจน ....เทวดามี ญาณพวกนี้แล้วก็ มักคังคัง ( ตาว่างเปล่า )

    เพราะว่า ความเพลินในสุขอันเกิดจาก กายที่เป็นเทพ เทวา มัน อร้าอร่ามปลื้มกว่า
    ไปนั่งเอาอาการ เวียนวนเห็นสังสารวัฏ

    เว้นไว้แต่ เทวดาที่เคยเจริญสติปัฏฐานสี่ ตอนเป็นมนุษย์ พอไปเกิดเป็นเทวดา แล้วโชคดี
    มี พระที่มีเจโตปริญาญาณ มีปฏิสัมภิทาไปเทศนา ก็อาจจะ ได้สติระลึกได้ว่า เฮ้ย การ
    สมาทานสิกขาแบบนี้เราเคยฝึก ก็จะยุติความเพลินในความเป็นเมพขิงขิง ได้ หันกลับมา
    ดื่มนม(เจริญกรรมฐานต่อ)

    การฟังธรรมนั้นยาก ฟังแล้วปฏิบัติแล้ว จะระลึกได้ในหนทางนั้นก็ยาก ยิ่งเกิดเป็นเทวดา
    เป็นพรหม ยิ่งยากไปกันใหญ่ .....ไอ้ที่เขากล่อมให้สร้างวัด สร้างเจดีย ส่วนใหญ่ เป็นการ
    ลวงล่อทรัพย์ [ ไม่ได้ห้ามทำ หรือ กล่าวว่าการประกอบกรรมดี ไม่มีผลนะฮับ มันมีผล แต่
    พระพุทธองค์ตรัสว่า เราควรกอบใบไม้ใบหญ้าเอามาเป็นแพ แล้ว รีบ ท่อด้วยกำลังความเพียร
    ข้ามๆฝั่งซะ ไม่ใช่นั่งกอบแพแล้วก็ นั่งอยู่บนแพสำคัญว่ามันพาลอยน้ำ ลอยน้ำ ลอยไปยังกับ.... ]
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เคยได้ยินเรื่อง ท้าวสักกะร้อนอาสนะไหม

    เคยได้ยินเรื่อง ท้าวมหาพรหมร้อนอาสนะไหม

    ทั้งสองท่านเนี่ยะ เป็น หัวหน้าของเหล่าเมพขิงๆ เรื่อง อภิญญานี่
    ไม่ต้องคำนึงถึง เรียกว่า เป๊ะเวอร์

    แต่..........ทำไมท่านทั้งสอง ถึงมีกิจ ที่เรียกว่า ร้อนอาสนะ

    เพราะ หวงเก้าอี้ไง มนุษย์คนไหนในโลกเนี่ยะ หากทำความเพียรอุกฤษณ์
    อย่างหนึ่งอย่างใดเขา บุญของมนุษย์คนนั้น จะมีมากกว่า ท้าวมหาเทพ

    ถ้าไม่ทำอะไร ไม่มาออกอุบายเข้ามามีส่วนร่วม อ้างบุญคุณว่าได้อุปถัมภ์ละก้อ
    งานนี้ มีฤทธิแค่ไหนก็อาจจะ ตกกระป๋องได้

    ดังนั้น ท้าวเธอ ย่อมสั่งการไปยัง ลูกกระจ๊อก ว่า อย่าถอดธุระ ไม่ส่องคนที่ทำความเพียรนะ
    ถ้ามีละก้อ ให้ถืออำนาจเป็นลูกกระจ๊อก ให้เข้าไปช่วยเหลือทันที

    สรุปคือ ต่อให้เทวดา พรหม มีฤทธิ์ ท่านก็คงไม่มีเวลาไปนั่งส่องหรอก เจ้านายเนี่ยะ คาดโทษ
    เอาไว้ สั่งเป็นสั่งตายให้ทำหน้าที่ ส่องคนทำความเพียร อย่าให้คลาดสายตาทีเดียว แล้วคนเรา
    ในสายตาเทพ เนี่ยะ ประมาณว่า วินาทีนึงบนสรรคิ์ มนุษยทำความเพียรตายไปเป็นร้อยร้อยคน
    ดูกันไม่ทัน เวลาระลึกชาติเนี่ยะ เวลาจะปลีกตัวไปฝึกกรรมฐานเนี่ยะ แทบไม่มี
     
  4. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    เทวดาทุกองค์คุณเอกวีร์ในโพสต์นี้ มีปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้เป็นปกติ ถี่ยิบ

    และเทวดาคุณเอกวีร์ในโพสต์ต่อมา เวลาไม่มีจะระลึกชาติ เวลาจะปลีกตัวไปฝึกกรรมฐานไม่มี

    แต่พอจะสรุปได้ว่าคุณเอกวีร์มีความเห็นว่า เทวดาทุกองค์สามารถระลึกชาติได้ไม่ว่าจะถี่ยิบหรือแทบไม่มีเวลา

    เทวดาทุกองค์ในความเห็นของคุณเอกวีร์จึงมี ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทุกๆองค์

    ผมสรุปความเห็นของคุณเอกวีร์ได้ตามประสงค์ของคุณหรือเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2015
  5. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ขึ้นชื่อว่าเทวดา ย่อมต้องเป็นผู้ที่เคยสร้างบุญกุศลไว้ถูกมั้ยครับ ไม่งั้นก็จะไม่มีกรรมดีมาน้อมนำให้ไปเป็นเทวดา เมื่อเป็นเทวดาแล้วก็ย่อมต้องมีสมบัติทิพย์ติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นวิมาน เสื้อผ้าอาภรณ์ ยานพาหนะ และเหล่าจำนวนนางอัปสรที่จะมาเป็นบริวาร เทวดาแต่ละตนจะมีสิ่งเหล่านี้มากน้อยไม่เท่ากันตามลักษณะการทำบุญที่แตกต่างกัน

    เมื่อเทวดาอยากรู้ว่าสมบัติของตนนี้ได้มาอย่างไร เพียงแค่เพ่งพิจารณาก็จะทราบได้ทันทีว่าทำกรรมอะไรมาตนเองถึงได้สมบัตินั้น ดังนั้นเทวดาจึงสามารถระลึกชาติได้ แต่จะระลึกย้อนหลังกลับไปได้กี่ชาติมากน้อยแค่ไหนอันนั้นก็อีกเรื่อง ซึ่งน่าจะอยู่ที่บุญบารมีของเทวดาตนนั้นด้วย
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอิ่ม เอาไงดี

    เอาเป็นว่า เทวดาทุกองค์มี ปิติเป็นอาหาร ....ซึ่งมันเป็น องค์ฌาณ ดังนั้น
    หากทำความปราถนาจะมี ฤทธิ์ ย่อมทำได้ .....แต่ถ้า ยามนั้น ไม่มีเวลาจะ
    ไปทำความปราถนา เพราะ ภาระหน้าทีต่อเจ้านาย มีอย่างอื่นอยู่ ถึงมี
    ความสามารถทำได้ง่ายแค่ไหน ก็ไม่มีเวลา

    เหมือนว่า คุณเจ้าของกระทู้ มีความใส่ใจในธรรมะ ตั้งจิตไปนิพพาน นี่สามารถ

    แต่ ภาระหน้าที่เนี่ยะ มีหรือเปล่าหละ หากมี ก็จะเห็นว่า ภาระหน้าทีมันบีบคั้น
    ให้จำพูดว่า ไม่มีเวลา อะไรเงี๊ยะ


    ปล. แต่เอาเข้าจริงๆ เวลาตามภาระหน้าที่เนี่ยะ แพ้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ใช่ปะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2015
  7. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เป็นประโยชน์เหมือนกันที่ตั้งคำถามนี้ เทวดาทุกองค์หรือไม่ ที่ระลึกชาติได้

    ผมได้ยินคำถามอีกแบบ จากคนปฏิบัติสมถะวิปัสสนากรรมฐาน เหตุใดคนบางคนหรืออาจหลายคนทำสมาธิสมถะวิปัสสนากรรมฐานหลายปี พอสอบทานตามตำราบ้าง สอบถามเพื่อนๆ บ้าง นั่งก็ได้ฌาณ แต่ทำไมไม่ระลึกชาติได้สักที ในขณะที่บางคนบอกว่าเคยฝันระลึกชาติบ้าง ได้ปีติแค่องค์ฌาณขั้นอุปจาร ก็ระลึกชาติได้ แต่บางคนนั่งตั้งหลายปีไม่ระลึกชาติได้สักที

    การระลึกชาติ ตามพระไตรปิฎก คนทั่วไปอ่านก็เหมือนจะพบรูปแบบว่าระลึกชาติเป็นขั้นต้น ในการวิปัสสนา เพื่อหลุดพ้นประการหนึ่ง คือ เพราะรู้ว่าเวียนว่ายตายเกิด ก็เกิดความหน่ายในการเกิดและตาย

    ซึ่งบางทีไม่รู้จะตอบยังไงเลย เพราะบางคนก็บอกว่าตั้งจิตอธิษฐานแล้ว โดยส่วนตัว ก็ได้แต่แนะนำไปว่า การฝึกสมถะวิปัสสนากรรมฐานเพื่อหลุดพ้น ไม่จำต้องระลึกชาติก็ได้ แต่บางทีพอจะอธิบายเรื่องกรรมก็ลำบากเพราะคนไม่เห็นชัด อธิบายเรื่องโทษของกิเลสก็ลำบากเพราะเป็นเรื่องละเอียดตามแต่อัตตา

    บางทีต้องแนะนำตามที่คนระลึกชาติได้บอก คือ ทำกุศลมากๆ ตั้งจิตอธิษฐานแต่ต้องดับความอยากรู้ไปเลย คือ ไม่ต้องอยากรู้ไม่อยากรู้ คือ อย่าเพ่งแรงเกินไป แต่อย่าขาดสติเผลอไป

    อันนี้ ถ้าท่านผู้รู้จะชี้แนะเทคนิค อาจเป็นประโยชน์มาก ในสายระลึกชาติเพื่อความหลุดพ้นครับ
     
  8. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,631
    ทำไมถึงมองท่านท้าวสักกะเทวราชในแง่ร้ายขนาดนั้นครับ พระอินทร์องค์ปัจจุบันท่านเป็นถึงพระอริยะเจ้านะครับ จะพูดอะไรก็รบกวนหาข้อมูลให้ดีกว่านี้ดีกว่านะ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็ต้อง พยายามตั้งสติ ฟังธรรมโดยเอา ธรรมเป็นใหญ่

    อย่าไปเอา มายาคติ เป็นใหญ่

    ฟังธรรมเป็นใหญ่ ท้าวสักกะ มีเรื่องอะไรบ้าง ที่เป็นตัวอย่างกิเลส ที่ท่านอนุเคราะห์
    เรื่องราว แสดงออกมาเป็นตัวอย่างของ ความร้ายกาจของอุปกิเลส โดยเฉพาะกิเลส
    ที่ชื่อ " มานะ " มันมีประจำภพ ความเป็น ท้าวสักกะ(โดยตำแหน่ง โดยหน้าที่
    ได้ชื่อว่าเป็น สักกเทวราชแล้ว เรื่องจะ หมดมานะ ไม่ใช่ฐานะ )

    มานะของท้าวสักกะ ที่มีประจำตำแหน่งคือ เกิด พยาบาทคติ เกิดวิหิงสาคติ กลัว
    คันมา แย่งเก้าอี้

    เช่น ในพระไตรปิฏก ท้าวสักกะฉีกกิเลสของตนออกมาเป็นตัวอย่าง ตามท้องเรื่องว่า
    ด้วยเพราะเห็นลูกกระจ๊อกนายหนึ่ง พึ่งมาใหม่ รุ่งเรืองด้วยรัศมี ตรวจด้วยทิพย์ญาณ
    ดูเหตุของการเกิด การตาย การจติ การเคลื่อนมายังภพลูกกระจ๊อก ก็พบว่า
    ลูกกระจ๊อกของท่านรายนี้ ได้ถวายอาหารให้แก่พระอริยเจ้า

    ด้วย มานะ ไม่อยากเสียเก้าอี้ ไม่อยากให้ใครสว่างเกินหน้า จึงออกอุบาย หลอก
    พระอรหันต์ พระมหากัสสปะที่ออกนิโรธน หมายจะให้ คนยากจนข้นแค้นได้รับ
    โอกาสที่สมกับผลบุญของตน ...แต่ท้าวสักกะ ออกอุบายไปแย่ง บุญของคนจน
    เพียงเพื่อไม่อยากเสียหน้า เสียเก้าอี้ ............ซึ่ง ถ้าท่านท้าวสักกะนั้นไม่ได้สำเร็จ
    เป็น " เทวดาหนเดียว " แล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลก กรรมที่ไปแย่งทานของ
    ทายกของคนเข็ญใจ ย่อมอาจจะไม่รอดพ้น เกิดเป็นคน จน หาอาหารตกถึงท้องไม่ได้
    เป็นแน่

    อหนึ่ง มานะ ของท้าวสักกะตามท้องเรื่องพระไตรปิฏก ก็ ต้องเทศนากันอีกสองสามหน
    จนกระทั่ง ใช้ลูกกระจ๊อกนายหนึ่งไปดีดพิณรบกวนสมาบัติของพระพุทธองค์ เพราะ
    ต้องการ เข้าเฝ้าถามธรรมก่อนใคร ( ต้องการ เข้าเฝ้าพระพุทธองค์หลังออกจาก
    สมาบัติ อีก ยังอยากได้ ความรุงเรืองอีก ....กาลนั้น พระพุทธองค์ จึงใช้อุบายยก
    ย่อง ลูกกระจ๊อกดีดพิณ และให้ ท้าวเธอประทานสิ่งที่ ท้าวสักกะรักสุดหัวใจ ....ถ้า
    จำไม่ผิด คือ ยกลูกสาวให้ เพือให้ ท้าวสักกะ ลดทิฏฐิมานะ แล้ว พร้อมสำเร็จโสดาบัน

    และ อสอง การแต่งตั้งท้าวสักกะเป็น โสดาบัน เป็น คำอธิบายของ อรรถกถา ที่จับประเด็น
    เอาจาก ตัวหนังสือ ตัวกถา ที่ท้าวสักกะปรวนา สรรเสริญธรรม หลังฟังธรรม )
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กลับมาที่คำถามเจ้าของกระทู้

    สมมติว่า อนุโลมตาม เจ้าของกระทู้ โดย พิสูจน์ทราบ หรือ บัญญัติไปเลยว่า

    " เทวดาทุกองค์ ระลึกชาติได้ "

    อะไรเหล่านี้ มีคนตั้ง ตรรกศาตร์ ด้น เด้า เดาเอาว่า หากมี ญาณทัศนะแจ่มใส
    หาใดเสมอเสมือนไม่ได้เห็นปานนั้น ....ถามว่า หากไม่มี พระพุทธองค์ปรากฏ
    ไม่ได้ สดับธรรมที่แยบคาย ลุ่มลึก เป็นสุญญตาแท้ๆ

    เทวดาผู้มีอภิญญาครบเครื่องเหล่านั้น จะบรรลุธรรม ได้ไหม !!?

    คำตอบที่ขอแย่งซีนคือ ไม่มีทาง โง่เท่าเดิม เนื่องจาก มันไม่ใช่ ปัจจัยในการ
    เบื่อหน่ายสังสารวัฏ มันมีแต่จะไหลลงต่ำ วาดฝัน วางแผน ด้วย ธรรมลามก
    หมายเลือกเฝ้นแต่กริยากุศล กอดมันเหมือนเอาศพคนไปใส่โรงแก้ว แล้วร่ำร้องกราบไหว้
    ทำมันอยู่นั่น โดยโง่เท่าเดิม คือ ไม่ทราบ กรรมวิภังค์ว่า การให้ผลของกรรม ไม่ได้ขึ้น
    กับอำนาจดลบันดาลของใคร ทำดีแค่ไหน หากเศษกรรมที่เคยฆ่ามดมันจะให้ผล
    ก็ ตายฮา อยู่ดี !!!! ไม่มีหรอก ล่วงพ้นทุกข์ด้วยธรรมประจบประแจง มายาคติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2015
  11. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เป็นอันว่า แนะนำหรือชี้แนะคนให้ระลึกชาติไม่ได้ ก็ปล่อยวางไป เป็นไปตามยถากรรมไปในส่วนนี้ บอกไปเลยว่า ถึงระลึกชาติได้หรือไม่ได้ก็หลุดพ้นไม่ได้อยู่ดี ทำวิปัสสนาฌาณจนตายก็ไม่หลุดพ้นถ้ามีแม้เศษกรรมให้ผล คนถามมันถามต่อเลยอ่ะ แล้วตูจะหลุดพ้นยังไงฟะ แถมไม่รู้อีกเศษกรรมตูยังเหลือหรือเปล่า เศษกรรมฆ่ามดนี่ขวางจิตที่ได้ฌาณแต่พยายามทำวิปัสสนาเพื่อหลุดได้เลยหรือครับนี่ อุตส่าห์ฝึกฝนมาจนตัน จะฝ่าทางตัน พุทธศาสนามีแค่นี้อ่ะ แล้วตูจะทำกรรมฐานถึงเมื่อไร ทำไปทำไมฟะ ตกลงตูมาหาคำตอบในเว็ปบอร์ดนี้จะได้อะไรฟะ พอถามก็บอกตัวตูเองเป็นอาจารย์ของตูเอง ตูมีศรัทธาเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆฺเป็นอาจารย์ เชื่อในอุบาสกอุบาสิกาเป็นเพื่อนร่วมทางที่สามารถชี้แนะอย่างอาจารย์หรือคนที่เดินก่อนหน้าเรา เอ้า พอเข้ามา ดันบอกไม่ต้องหาอาจารย์ ไปศึกษาเองป่ะ อ้าว...

    สมมุติอีกแหละ แต่เรื่องจริงกับหลายคน จะตอบหรือไม่ก็ตามใจ แมวนะ

    ปล. สงสัย เดียวจะโดนฟาดอัตตาแหม่มๆ
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คุณ ก็หยุดใช้ ตรรกศาตร์ การนึก การคิด ด้น เด้า เดา ธรรมสิคร้าบ

    การใช้สัญญา สังขาร แสวงหา ธรรมที่พ้นเหตุปัจจัย เวลาไปทำแบบนั้น มันจะ
    ถูก " สัญญา และ สังขาร " สองตวนี้เป็นปัจจัยไปก่อ รูปทิฏฐิชนิดหนึ่ง ขึ้นใน
    " มโนทวาร " คุณรู้เท่า เอาไม่ทัน ทิฏฐิดังกล่าว ก็ เผลอไปเชื่อมัน ไปหยิบเอา
    มาเป็น โวหาร ทำเป็นว่า สงสัยคล้ายฉลาดในการสร้างคำถาม ย้อนแย้งเสียเต็ม
    ประดา

    ที่ไหนได้ ลอยไปตาม ขันธ์5 อย่างน่า สมเพช !!!

    ทำแล้ว ไมได้ฮาอะไรเลยเหรอ

    นิพพาน สิ้นกิเลสแล้ว อดอร่อย อดเป็นใหญ่ มีคนในโลกมาเอากูใส่โรงแก้ว กราบไหว้เหรอ


    ไปให้ ทิฏฐิมันลากไป แทนที่จะ มีสติ มีสัมปชัญญะ รู้เห็น มั่นใจ มั่นคงใน ผลการภาวนา


    เน้นหน่าคร้าบ หากตราบใด คุณยังใช้ ขันธ์5 แสวงหานิพพาน ความที่ไปหลงเอาขันธ์5
    มาใช้ เผลอเพลินไปกับมัน เวลาไป ระลึกถึงนิพพาน สัญญาและสังขาร มันจะลากคุณไป
    เรื่อง ตายแล้วสูญ หรือ อกริยากรรม ทันที ห้ามไม่ได้ ไม่มีสติกั้น เคลื่อนออกจากฐานรู้
    ของจิต จมโวหาร แล้วโดนมันหลอกว่า เก่งฉิเลยที่สร้างคำถามย้อนแย้งได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2015
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ที่ถาม คือ แมวเขียนให้เค้าคิดตามตรรกะการเขียนของแมว อ่านโดยรวมแล้ว คือ ถ้าคนมันมีเศษกรรมขวางทางอยู่แม้เศษกรรมที่ฆ่ามด ก็หลุดพ้นไม่ได้ ฟังดูเหมือนบอกกลายๆ ว่า ภาวนานั้นจะสูญเปล่า แล้วคนอ่านมันคิดต่อไปว่า คนทุกคนก็มีวิบากกรรมทั้งสิ้นนะครับ แล้วจะหลุดพ้นได้ยังไง กรรมฐานที่คนเค้าอุตส่าห์จนได้ฌาณ 4 แต่ยังโง่อยู่ไม่รู้วิธีใช้ มันยังมีประโนชน์ต่อไปไหม ถ้าการที่ณแชทแย้งนี่มันไร้เหตุผลขนาดนั้น ถ้าแมวว่ามันไร้สาระ มีณแชทโดนขันธ์ ๕ ในอดีตโพสต์ มันหลอกเอาอ่ะ อย่างนั้น แมวไม่ต้องตอบก็ได้ จะได้ไม่มาบ่อยๆ ไปดายหญ้าก่อนเลยพีกเที่ยงลั วันนี้ มาทำงานรับจ้างบ้านตาลุงทวี สบายหูหน่อยๆ สมมุติๆๆ
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ฟังไม่เข้าใจเหรอฮับ

    เขากล่าวว่า " กรรมทุกอย่าง ทำไปย่อมมีผล "

    คุณฝึกฌาณ4 คุรุกรรมฝ่ายดี ย่อมให้ผลก่อน เศษกรรมฆ่ามด นี่ มันแน่นอนอยู่แล้ว

    แต่ เขาพูดแสดงด้วยว่า พอ คุรุกรรมฝ่ายดีให้ผลแล้ว หากไม่รีบ ภาวนาให้ถึงซึ่ง ฝั่งนิพพาน

    คุรุกรรมฝ่ายดี บ้านใครครับ จะให้ผลเที่ยง ถาวร ตราบชั่วกัลปาวศาล มันต้องมีเสื่อม
    ลงสักวันหนึ่ง เช่น ท้าวพกาพรหมเป็นตัวอย่าง วิบากผลในการสำเร็จฌาณมันถอย
    ลง....จนเหลือกำลังอานิสงค์ของฌาณ1 และขณะที่ ฌาณ1กำลังเสื่อม

    " ทิฏฐิ " ชั่วหยาบก็ รอให้ผล พา พกาพรหมไปตรึกว่า พระพุทธองค์เกิดจากการอนุเคราะห์
    จากเรา เกิดจากการสดับธรรมจากเรา เราเป็นผู้สอนพระสัพพัญญู เราเป็นผู้ถอนหญ้ารก
    ให้สรรพสัตว์แม้น พระพุทธเจ้าพระองค์นี้

    พระพุทธองค์ทรงเห็น ทิฏฐิชั่วหยาบนั้น กำลังกุมจิต พกาพรหม จึงเนรมิตรกายไปสอน ก่อนที่
    จะถูก มิจฉาทิฏฐิ พาตกนรก อเวจี !!!


    ดังนั้น ฝึกฌาณ4(รวมอภิญญา5) แล้ว นั่งๆ นอนๆ รอ ปัญญาเกิด ไปนิพพาน ...ไม่ภาวนา
    รู้เองเห็นเอง ไม่รีบพาตนข้ามฝั่ง ข้ามฝากตายแท้จริง ไม่ใช่แค่ฝากตายไก่กา มันจะพ้นสังสารวัฏ
    พ้น ทิฏฐิชั่วหยาบ(ในกาลก่อนๆ ของจิตดวงนั้นที่เคยกระทำเหตุปัจจัยเอาไว้)ที่รอให้ผล ลากลงนรก อเวจี ไหมหละ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2015
  15. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    :cool: เป็นอันว่าได้แก้ไขแล้ว
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เข้าใจว่ามีการถามถึงวิธีระลึกชาติด้วยหรือเปล่าครับ
    ขอถามก่อนเพราะส่วนตัวเขียนไป ๓ ปีกว่าแล้วมี ๓ ถึง ๔ วิธีครับ
    ตั้งแต่ลูกทุ่งยันแบบใช้เทคนิคคอลเทอมเล็กน้อย
    ถ้าสนใจจะเล่าให้ฟังครับ
     
  17. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ขอบคุณครับ รีเพลย์อีกครั้ง เพราะยังไม่เคยอ่านนะครับ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตามที่ได้กล่าวๆมาข้างบน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2015
  19. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790


    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและคำเตือนครับ

    สิ่งเป็นอดีต ก็ล่วงไปแล้ว สิ่งที่เป็นอนาคตก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่อยู่ภายใต้อำนาจดังใจหวังอย่างแท้จริง แม้เป็นไปตามใจคิดก็เพราะเหตุปัจจัยในเรื่องนั้นๆ ประชุมกันได้พร้อมเพรียงแล้ว

    ลมหายใจปัจจุบันมีแต่ล่วงไปๆ จับยึดไม่ได้ ชีวิตก็ล่วงไปๆ ตามเหตุปัจจัย แม้การเดิน การนอน การกิน การทำงาน พิจารณาอย่างนี้เนืองๆ
     
  20. ยามาธิราช

    ยามาธิราช สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    สนุกกับโวหาร ของคุณแมวจังเลยครับ จะดีมากเลยถ้าคุณอธิบายกระทู้ให้สุขุมหน่อย (มันฟังส่อเสียด โทสะจริตนิดนึง) อยากได้ทัศนคติของคนรู้ธรรมะที่อิ่มใจ อ้างอิงในพระไตรปิฎกให้ผู้ไม่รู้ได้ฟังบ้างนะครับ

    จากผู้ไม่รู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...