เพื่อการกุศล เปิดจองรุ่นของขวัญปีใหม่ ลพ.หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์อธิฐานจิตสร้างโดยวัดป่าศรีสำราญน.ท้าย

ใครที่ต้องการบาตรน้ำมนต์ยังมีให้บูชาที่วัดจำนวน 7 ใบครับช้าหมด​

บูชาที่วัดเลยครับหลังงานมีรายการดังนี้


ไม้ครูเพชรสาริกา
สมเด็จมหาชัยชนะ
พระกริ่งเพชราวุธ
หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา ไม่มีวันหมด
พระปิดตาเพชรมหาลาภ ดูดทรัพย์ ป้องกันภัย๑๐ ทิศ
ขวานเพชรอินทราธิราช(ใหญ่-เล็ก)

รอยมือ รอยเท้า หลวงพ่อหนุน
และชุดจงสำเร็จทุกประการ(บางรายการครับ ที่เหลือ เพราะสร้างไม่มาก)เช่น ขุนแผนเนื้อเทวดาและเนื้อนางฟ้า
ใครที่ไม่สะดวกบูชาวัตถุมงคลที่วัด สามารถโทรเบอร์นี้ครับ 085-666-8932(กุ้ง)​

 

วันนีั ผมได้รับ ไม้เท้าบรมครู ลูกประคำ และพระขุนแผนแล้วครับ ผมได้นำลูกประคำไปให้พี่ท่านหนึ่งดูให้ครับ
ท่านเลยเล่าเป็นธรรมทานให้ฟัง ผมก็เลยขอนำธรรมทานเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ถือว่าเป็นเรื่องจริงอิงนิทานนะครับ

ธรรมทาน เรื่องการให้ทาน
จากท่าน อิทธิสัตตะสิทธิราชพญายักษ์

เนื่องจากประคำ ที่นำมาให้เพื่อนๆดู เพื่อนผู้หญิงท่านหนึ่ง ได้สอบถามว่า ประคำนี้ ดีทางด้านไหนค่ะ

รูปลักษณ์นั้นมีส่วนที่ทำให้ดูขลังค่ะ แต่ว่าไม่ได้หมายความว่า ไม่มีคุณสมบัติค่ะ บางครั้งท่านอาจจะบังไม่ให้พี่เห็นก็ได้ค่ะ
นำมาจากที่ไหนคะ แปลกจังเห็นแต่ยักษ์ และอสูร

"ประคำพระอาจารย์สมบูรณ์ จัดสร้างถวายหลวงพ่อหนุนครับ"

พวกยักษ์ดูแล ปกติ ถ้าของดีแล้ว เข้าอีกกี่พิธี ท่านจะไม่ซ้ำรอยค่ะ ผู้ดูแลนับตามจำนวนลูกประคำ
คุณสมบัติแคล้วคลาด ป้องกันอันตราย โชคลาภดี ค้าขายดีมาก ไว้ฝึกสมาธิดีมาก ท่านบอกมาแบบนั้น

"ถ้าอยากให้พวกผมเลื่อนชั้น ขอบุญบวชพระให้พวกผม เพราะอยู่ในร่างนี้มา 4000 กว่าปีแล้วขอรับ"

มีกรรมบางอย่างต้องชดใช้ ทำให้หน้าตาอัปลักษณ์ใคร ๆ เห็นก็กลัว

"ทุกท่านอย่าทำทานด้วยความโกรธ อย่าสร้างทานด้วยคิดแข่งกับใคร แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนา
มันแข่งกันไม่ได้ แม้เปลี่ยนจากความเป็นมารมาแล้ว ยังต้องจุติมาใช้กรรมในร่างแบบนี้ ใครเห็น ใครก็กลัว วิ่งหนี
ไม่มีใครอยากคบค้า เข้าใกล้"

"เรามีนามว่า "อิทธิสัตตะสิทธิราชพญายักษ์"

ด้วยเรามีฤทธิ์ 7 ประการ

เราเป็นหัวหน้ายักษ์ที่ดูแลประคำ และวัตถุมงคลทั้งหมดที่เข้าพิธีพร้อมกัน ประคำแต่ละเส้นจะเลือกเจ้าของ
ผู้ปลุกเสก เคยเทศนาสอนเราจนมีสัมมาทิฐิ เปลี่ยนจากมาร กลายเป็นยักษ์ธรรมดา เราจึงอาสาดูแลลูกประคำนี้

ทุกท่าน โปรดอย่าเอาอย่างพวกเรา การสร้างทานบารมีนั้น ควรเป็นไปเพื่อการสละทรัพย์ และชักชวนผู้อื่นให้สละทรัพย์
เพื่อชำระจิตเราไม่ให้มีความตระหนี่ ผู้ใดให้ทานแล้ว ไม่ว่าจะอธิษฐานหรือไม่ ผลของทานบารมีย่อมได้อยู่แล้ว

แต่หากการสร้างทานนั้น เพียงต้องให้ดีกว่าผู้อื่น มีชื่อเสียงกว่าผู้อื่นนั้นเป็นการแข่งกันสร้างทานนั้นไม่ควร

เพราะนำมาซึ่งหนทางที่จะเป็นมาร เหมือนดังข้าพเจ้า พลอยทำให้มิตรรักสนิทต้องไปเป็นมารด้วย
ด้วยเหตุแห่งการสร้างบุญด้วยกัน มีจิตยินดีในสิ่งที่ผู้นำบุญกระทำ

แท้จริงมาจากจิตที่ริษยาผู้อื่น จึงคิดแข่งขัน การสร้างทานด้วยจิตที่คิดว่า ทำดีกว่าคนนั้นคนนี้ ของเราละเอียดปราณีตกว่า
จิตเหล่านี้คือ การแทรกของมาร ผลของทานบารมีส่งผลให้ไปสวรรค์จริง แต่ว่าจะถูกส่งไปเป็นฝ่ายมาร บนสวรรค์ชั้น 5 และ 6 ทันที

"ท้ายนี้เราจึงฝากให้ตรึกนึกพิจารณาไตร่ตรองให้ดี ก่อนสร้างทานให้ดี

ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย สาธุ"

จากนั้นข้าพเจ้าจึงได้อุทิศบุญส่งไปให้ท่าน ดังนี้

ด้วยอำนาจ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอตั้งจิตรวบรวมบุญกุศลที่ได้กระทำ
และได้บำเพ็ญไว้ดีแล้ว นับตั้งแต่ อดีตจวบจนถึงปัจจุบันชาติ รวมถึงบุญจากการบวชพระ สร้างพระพุทธรูป
สร้างโบสถ์ เจดีย์ วิหาร กุฎิ ศาสนสถาน ถาวรวัตถุในบวรพระพุทธศาสนา ถวายที่ดิน อาสนะ ผ้าไตรจีวร
สังฆทาน อาหาร ยารักษาโรค แสงสว่าง ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา ทั้งที่ระลึกได้ก็ดี มิระลึกได้ก็ดี

ข้าพเจ้าขออาราธนา สมเด็จองค์ปฐมบรมพุทธเจ้าโปรดเมตตารวบรวมบุญทั้งหมดนี้เป็นดวงบุญใสใสและส่งบุญนี้
แด่ท่าน อิทธิสัตตะสิทธิราชพญายักษ์ และบริวาร เสมือนหนึ่งทุกท่านได้บำเพ็ญด้วยตัวท่านเอง เมื่อบุญไปถึงแล้ว
ขอได้โปรดโปรดอนุโมทนาบุญนี้ด้วย

ขอบุญนี้จงส่งผลให้ทุกท่านจงถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงพระนิพพาน
ทุกท่าน ทุกประการ เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

จากนั้นผมได้สอบถามว่า ท่าน อิทธิสัตตะสิทธิราชพญายักษ์ ได้รับบุญไหมครับ

พี่เขาบอกว่า ท่านได้รับค่ะ บางองค์เปลี่ยนสภาพเป็นเทวดาชั้นจาตุฯ แล้วค่ะ แต่ทุกท่านมีสภาพดีขึ้นตามกำลังบุญ
เพราะแม้ท่านเป็นเทวดา แต่บาปเก่าก็มีมาก เหมือนเราคุยกับคนมีกิเลสเยอะ ๆ จะดึงกิเลส พวกนี้เข้าหาตัวด้วยค่ะ

 

ตอนที่ 2

ประวัติของท่าน อิทธิสัตตสิทธิราชพญายักษ์

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญในบุญกุศลของทุก ๆ ท่านทั้งทาน ศีลภาวนาค่ะ

หลังจากที่ได้ลงธรรมทานเกี่ยวท่านอิทธิสัตตสิทธิราชพญายักษ์ ซึ่งบัดนี้ ท่าน และบริวาร
ได้เปลี่ยนเป็นเทพบุตรทั้งหมดแล้ว หลังจากที่พวกเราได้น้อมอุทิศบุญกุศลให้แด่พวกท่านทั้งหลาย

ซึ่งมีหลาย ๆ ท่านมาหลังไมค์ว่า ขอนำธรรมทานนี้ไปลงให้ผู้อื่นได้ทราบหรือไม่

ดิฉันมีความยินดีที่จะให้ทุกท่านนำไปลง เพื่อเป็นธรรมทาน แต่วันนี้ขอเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ

และต้องขออนุโมทนากับน้องท่านนี้ที่เป็นเหตุให้มีธรรมทานแก่ผู้อื่นในวงกว้างครั้งนี้

เหตุที่น้องท่านนี้มีความสงสัย เกิดจากน้องท่านนี้เคยเป็นคู่บารมีของท่านอิทธสัตตสิทธิราชเทวบุตรค่ะ

แต่ชาตินั้นดีที่น้องท่านนี้มีความเห็นต่างกับท่านผู้นี้ มีความเป็นสัมมาทิฐิมากกว่า จึงไม่ได้ไปเกิดเป็นมาร

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระปทุมมุตรพุทธเจ้า ในยุคของพระปทุมมุตรพุทธเจ้า ถ้าจำไม่ผิด
ลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาเกิดในยุคนั้นมาก คล้าย ๆ ที่ลงมาเกิดในยุคนี้

ขณะนี้ท่านอิทธิสัตตสิทธิราชเทวบุตร และบริวาร 34000 องค์ได้เข้าสมาบัติ 3-7 วันมนุษย์ เพื่อปรับสภาวจิต
พร้อมจะลงมาช่วยเหลือท่านที่เป็นเจ้าของประคำ และวัตถุมงคลที่เข้าพิธีทั้งหมด แต่มีเทวดาองค์อื่นมาประจำการชั่วคราว
ใน 34000 องค์ ไม่ได้มาดูแลลูกประคำ และวัตถุมงคลที่เข้าพิธีทั้งหมดนะคะ มีหน้าที่เฝ้าทรัพย์แผ่นดินพวกหนึ่ง

ขออนุญาตเล่าเรื่องราวระหว่างท่านอิทธิสัตตสิทธิราช และบริวาร และท่านผู้ปลดปล่อยค่ะ

ย้อนไปในสมัยสมเด็จพระปทุมมุตรพุทธเจ้า มีเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งเป็นเมืองทางผ่านที่จะไปมหานครในยุคนั้น
ผู้ปกครองนครนามว่า "พระเจ้าอิทธิราช"มีพระมเหสีนามว่า "พระนางสิทธิมาตา" ทรงมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียวนามว่า
"เจ้าชายอิทธิสัตตราช" ในวันประสูติเกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น ๗ อย่างพร้อมกัน คือ

๑. เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงเอง
๒. ดอกไม้บานทั่วทั้งเมือง
๓. เสียงของอาวุธในพระคลังแสงกระทบกัน
๔. เกิดแสงสว่างขึ้นในท้องพระคลัง พร้อมทรัพย์สมบัติเกิดขึ้นเต็มท้องพระคลัง
๕. ทองผุดขึ้นในเขตพระราชฐาน
๖. เกิดบ่อน้ำทิพย์ขึ้นกลางเมือง
๗. ผู้ใดได้ดื่ม หรืออาบน้ำทิพย์นั้นจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

ความอัศจรรย์ทั้ง ๗ อย่างนี้ สร้างความปิติใจแก่พระราชา พระมเหสี และเหล่าประชาราษฎร์ทั้งหลาย
ทำให้พระราชา ประกาศว่า ทารกคนใดที่เกิดวันเดียวกันกับพระกุมาร จะทรงรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
และในวันเดียวกันนั้นเอง "นางสิริมา" ภรรยาของพ่อค้าเร่ (หมายถึงพ่อค้าปลีกในปัจจุบัน) นามว่า "นายปุณณบัตร"
ได้กำเนิดทารกเพศชาย พร้อมมีผิวพรรณวรรณะผ่องใส มาพร้อมกับดวงแก้วมณีรัตนะ ๑ ดวง

นายปุณณบัตร ได้ตั้งชื่อบุตรชายของตนว่า "ปุญญโชติกุมาร"
เมื่อราชบุรุษประกาศว่า ผู้ใดกำเนิดบุตรพร้อมกับพระมเหสีจะได้รับเป็นพระโอรส หรือพระธิดาบุญธรรม มีเพื่อนบ้านได้ทราบ
ได้นำข่าวมาบอกภรรยาของนายปุณณบัตร ส่วนตัวนายปุณณบัตรนั้น ได้พาบุตรของตนไปพบครูบาอาจารย์เป็นพราหมณ์
จบไตรเพท เพื่อทำนาย สิทธิพราหมณ์ได้ทำนายว่า... "เด็กคนนี้ มีอำนาจวาสนามากเมื่อเติบใหญ่จะมีบุญญาธิการสูง
แต่ว่า ไม่น่าเกิดในเมืองนี้เลย ดวงเป็นอริกับผู้เป็นใหญ่ในเมืองนี้" พร้อมกำชับว่า "หากมีใครมาขอบุตรของเจ้า เพื่อไปเลี้ยงดู
แม้ฐานะสูงส่งประการใด ก็จงอย่าให้ไป ทางที่ดี เจ้าจงพาบุตรของเจ้าไปจากเมืองนี้เสีย"

นายปุณณบัตรจึงได้กราบลาพระอาจารย์ และกลับบ้านไปหาภรรยาของตน เมื่อทราบข่าวเกี่ยวกับพระโอรส
กำเนิดวันเดียวกันกับบุตรชายของตน จึงทราบว่า ภัยจะเกิดแด่ครอบครัว จึงได้พาภรรยา และบุตรร่ำลาญาติ
และหนีจากเมืองไป

ส่วนพระราชาได้ทรงให้โหรทำนายดวงชะตาของพระโอรส โหรได้ทำนานถึงบุญญาธิการของพระโอรส
ทรงมีความสามารถปกครองบ้านเมืองดุจพระเจ้าจักรพรรดิ สามารถตีเมืองใกล้เคียงให้มาสวามิภักดิ์ได้
สร้างความปิติแก่พระเจ้าอิทธิราชอย่างยิ่ง

แต่โหรได้ทำนายให้ระวังเรื่องของการสอนให้พระโอรสอยู่ในทศพิธราชธรรม เนื่องจากมีจุดอ่อนที่ทรงหลงในอำนาจแห่งตน
อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ดังนั้นเรื่องการเลี้ยงดูปลูกฝังคุณธรรมแก่พระโอรสจึงมีความจำเป็น

พระราชานั้นได้สดับเพียงผ่าน ๆ มิได้สนใจ เนื่องจากทรงคิดว่า ได้มีอำนาจ ป็นดุจพระเจ้าจักรพรรดิ ถือว่า
บุญของวงศ์กษัตริย์ของพระองค์แล้ว อีกทั้งสิ่งอัศจรรย์ ๗ อย่างเป็นการประกาศบุญญาธิการของพระโอรสเป็นอย่างดี

**การหลงในบุญของตนเอง ถือเป็นมิจฉาทิฐิอย่างหนึ่ง** (ท่านผู้ถ่ายทอดเรื่องนี้ อดีตเป็นพราหมณ์ และพระอาจารย์
ของพระโอรส ผู้ทำนายดวงชะตาของพระโอรสในชาตินั้น ปัจจุบันท่านอยู่ชั้น พรหมสุทธาวาส นามว่า "เอกอาสวพรหม"

ท่านกล่าวว่า "การหลงในบุญญาธิการแห่งตน ถือเป็นมิจฉาทิฐิอย่างหนึ่ง การเกิดมาในตระกูลสูง ร่ำรวย มีปัญญาดี
และมีความสามารถนั้น ถือเป็นต้นทุนในการเกิดแต่ละชาติ แต่หาใช่สิ่งที่จะเป็นสรณะของการชี้ชะตาว่า ผู้นั้นจะชำระจิต
ให้สะอาดบริสุทธิ์ได้หรือไม่"

"เรื่องของพระโอรสอิทธิสัตตราชก็เช่นกัน หลังจากที่พระมารดาประสูติพระองค์ได้เพียง ๒ ชันษา ทรงเริ่มล้มป่วย
เนื่องจากทรงมีพระโอรส เมื่ออายุมากแล้ว เทียบกับมนุษย์ปัจจุบันคือ ๕๐ ปี จากนั้นพระมารดาทรงสวรรคตไป ผู้เลี้ยงคือ
พระนางสุมิตราเป็นพระญาติของพระมารดาอีกที ภายหลังทรงเป็นพระมเหสีองค์ต่อมาของพระเจ้าอิทธิราช

พระนางสุมิตรานั้น ต่อมาทรงกำเนิดพระธิดา ๒ พระองค์ ทรงมีจิตใจอ่อนโยน และด้วยไม่มีพระโอรส
ทรงเลี้ยงเจ้าชายอิทธิสัตตราช แบบตามพระทัย เมื่อเจ้าชายอิทธิสัตตราชมีพระชนมายุได้ ๗ ชันษา
เข้าเรียนในสำนักของสิทธิพราหมณ์ ทรงมีปัญญาสูงมาก สามารถเรียนจบไตรเภท เมื่อพระชนมายุเพียง ๑๓ ชันษา
(เทียบอายุมนุษย์ปัจจุบัน) ยิ่งทำให้พระเจ้าอิทธิราช ทรงปลาบปลื้มอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าชายต้องการจะทำอะไร
ไม่ทรงขัดพระทัย อีกทั้งเจ้าชายทรงมีความสามารถในการรบมาก เมื่อพระชนมายุได้ ๑๗ ชันษา ทรงสามารถตีเมืองต่าง ๆ
เพื่อเข้ามาสวามิภักดิ์ได้ จากนั้นเมื่อพระชนมายุได้ ๒๐ ชันษา ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาตาลี จากเมืองโกลิกนคร

ในกาลนั้นมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้วในโลก ทรงมีพระนามว่า พระปทุมมุตรพุทธเจ้า พระนางมาตาลีนั้น (น้องท่านนี้)
ทรงได้เคยถวายทานกับพระปทุมมุตรพุทธเจ้ามาหลายครั้ง เมื่อทรงถูกให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าอิทธิสัตตราช
ผู้ชำนาญแต่การรบ จิตใจของพระองค์แข็งกระด้างปราศจากความอ่อนโยน การอภิเษกครั้งนี้ด้วยเหตุผลทางการเมือง
ทำให้พระนางมีจิตปรารถนาที่จะได้มีโอกาสได้สร้างทานบารมีกับพระพุทธเจ้าในเมืองนี้อีกสักครั้ง

พระนางเพียรรักษาศีล ชำระจิตให้บริสุทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องรองรับการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า และพระสาวกในเมืองนี้
ในยุคนั้น การเสด็จไปของพระพุทธเจ้านั้น หากไม่มีผู้ที่มีบุญรองรับ หรือมีผู้เข้าใจธรรมะ และบรรลุธรรม พระพุทธเจ้า
จะไม่ทรงเสด็จไป เนื่องจากไม่เข้าข่ายพระญาณ

การที่พระนางขอรักษาอุโบสถศีลทุกวันขึ้น/แรม ๑๕ ค่ำ และทรงหาพระสนมถวายแด่พระเจ้าอิทธิสัตตราช ทำให้พระองค์คิดว่า
พระมเหสีเอาใจออกห่าง จึงแอบให้ราชบุรุษคอยติดตามความเคลื่อนไหวของพระนาง แต่ก็ไม่พบอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง
พระนางได้เสด็จพระราชดำเนินไปตลาดค้าเร่ (ตลาดสดค้าปลีก)ได้พบกับพ่อค้าคนหนึ่ง ได้มีฝืมือในการแกะภาพพระพุทธเจ้า
ด้วยไม้อย่างสวยงาม ทำให้พระนางเกิดความสนพระทัยมาก จึงเข้าถามที่มาว่า "ท่านจำหลักภาพนี้มาจากที่ใด"

พ่อค้าตอบว่า "ข้าฯพระพุทธเจ้า ได้เคยพบพระพุทธเจ้าเพียงครั้งเดียว ได้ถวายไม้สีฟ้น และน้ำฉันน้ำใช้ ถวายน้ำผึ้งแก่
พระพุทธองค์ จึงมีความปิติเบิกบานใจ การจำหลักภาพนี้ เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า มาเมืองนี้ จึงลองนำภาพจำหลักของ
พระพุทธเจ้ามา แต่ไม่มีใครที่รู้จักพระพุทธเจ้าเลย จนกระทั่งพระมเหสีได้มาไตร่ถามพระเจ้าข้าฯ"

พระนางมาตาลี มีความปิติใจยิ่งที่มีผู้เคยพบพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกับพระนาง จึงได้มีความปิติยินดีมาก เมื่อเห็นว่า
สมควรแก่เวลาแล้ว จึงขอตัว และตรัสว่า พรุ่งนี้จะมาสนทนาธรรมใหม่ ราชบุรุษผู้ติดตามจึงคิดเองเออเอง ว่า แท้จริง
ที่พระนางทำตัวออกห่างพระราชา น่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อค้าเครื่องประดับเร่คนนี้ จึงได้นำความไปกราบทูลพระราชา

พระเจ้าอิทธิสัตตราชนั้น แม้มีพระสนมมากมาย แต่ทรงรักพระมเหสีมาตาลีอย่างยิ่ง ทรงรักพระนางตั้งแต่แรกพบ
เมื่อพระนางต้องการสิ่งใด ทรงตามพระทัยทุกประการ ด้วยความเป็นชายชาตินักรบ จึงข่มใจ ไม่แสดงออกให้ราชบุรุษเห็น
และให้รางวัลแด่ราชบุรุษ และทรงเฝ้าติดตามพระนางมาตาลีเอง โดยปลอมตัวเป็นธรรมดาปะปนผู้คน คอยดูอยู่ห่าง ๆ

วันต่อมา พระนางได้ไปพบพ่อค้าเร่คนนั้น อีกครั้ง ทรงได้สนทนาธรรมกัน พระเจ้าอิทธิสัตตราช ไม่เคยเห็นจริยาอย่างนี้
ของพระนางที่มีความสุขอย่างนี้ จึงเกิดความหึงหวง ทรงเห็นด้วยกับราชบุรุษว่า พระนางทรงปันใจให้กับพ่อค้าเร่

แท้จริงแล้วพ่อค้าเร่ผู้นี้ คือนายปุญญโชติ ซึ่งบิดาของเขาได้พาหนีออกไปจากเมืองนี้ เมื่อครั้งแรกเกิดนั่นเอง หลังจากที่บิดามารดา
พาหนีไปอยู่ต่างเมืองได้ค้าขายจนมีฐานะดีขึ้น เมื่ออายุได้ 18 ปีทั้งบิดามารดาของเขาได้เสียชีวิตลงด้วยวัยชรา นายปุญญโชตินั้น
กองคาราวาน 500 เล่มเกวียน จึงคิดว่า อยากกลับมายังเมืองเกิดของตน เพื่อให้ได้หยุดพักการเดินทาง จึงได้ขายกองคาราวาน
ของตนเก็บทรัพย์ไว้ส่วนหนึ่ง ได้เดินทางมายังบ้านเกิด เพื่อสงเคราะห์ญาติ โดยที่ไมีทราบเรื่องราวหนหลังเลย

เขาเดินทางค้าขายมาเรื่อย ๆ จนอายุได้ 20 ปี จึงได้ย้ายกลับมาเมืองนี้ เพื่อทราบความเป็นไปในเมืองนี้ จึงได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่
ค้าขายเครื่องประดับของใช้จากต่างแดน เมื่อได้พบพระนางมาตาลีนั้นก็ทราบว่า ทรงเป็นพระมเหสีของพระเจ้าอิทธิสัตตราช
เขาเองได้มีความเคารพพระนางดุจแม่เมือง แต่ด้วยเรื่องของธรรมะ จึงไม่ได้แยกชนชั้น นายปุญญโชตินั้นมีความจำเป็นเลิศ
เขาได้เล่าว่า ระหว่างเดินทางในป่าได้พบกับพระพุทธเจ้า ทรงปลีกวิเวก ในครั้งนั้นเป็นหน้าร้อน เขาไม่มีเสบียงใด ๆ นอกจากน้ำผึ้ง
น้ำฉันน้ำดื่ม พระพุทธเจ้าได้เทศนาเรื่องการสละทรัพย์เป็นทาน อานิสงส์ของทาน ทำให้เกิดความปิติอยากถวายทานอีก

พระนางมาตาลีได้สดับเช่นนั้นจึงตรัสว่า "ทำอย่างไรหนอ พระพุทธเจ้าจึงจะเสด็จมาเมืองเราบ้าง" นายปุญญโชติจึงได้ถวาย
พระพุทธรูปแกะสลักแด่พระนาง ให้ให้พระนางอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปทุกวัน เพื่อขออาราธนาพระพุทธเจ้ามา

เมื่อพระนางกลับมาถึงพระราชวัง ทรงเข้าเฝ้าพระเจ้าอิทธิสัตตราช ได้ทรงเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระนางได้เล่าถึง
อานิสงส์แห่งทานที่ถวายต่อพระพุทธเจ้าแล้ว มีผลอย่างไร ซึ่งอานิสงส์แห่งทานนี้ ได้สดับมาจากนายปุญญโชติพ่อค้าเร่นั้นเอง

เมื่อพระเจ้าอิทธิสัตตราชได้สดับดังนั้นเกิดความปิติใจ จึงอยากถวายทานแด่พระพุทธเจ้าบ้าง ด้วยเข้าพระทัยว่า บุญกุศลนี้
ส่งผลให้ทรงมีอานุภาพมากกว่าเดิม

กล่าวถึงนายปุญญโชตินั้น ได้พิจารณาว่า ในเมืองนี้ แม้เป็นเมืองที่เจริญแต่ก็ขาดความเมตตา จิตใจของผู้คนในเมืองนี้ มีแต่
ผู้คนที่เห็นแก่ตัว จึงคิดว่า การที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จมานั้น ผู้คนจะต้องมีใจอ่อนโยนก่อน จึงคิดตั้งโรงทาน และที่พัก ๑ แห่ง
ในเมือง เพื่อให้ผู้เดินทาง และคนยากจน ได้อาศัยอาบน้ำ มีอาหารทาน

ข่าวการตั้งโรงทานปุญญโชตินี้ รู้ไปถึงพระกรรณของพระเจ้าอิทธิสัตตราช เมื่อทราบว่า เป็นโรงทานของพ่อค้าเร่คนเดียวกับที่
พระนางไปสนทนาด้วย จึงเกิดริษยาไม่พอพระทัย จึงสั่งราชบุรุษให้ตั้งโรงทานขึ้น ๔ ทิศ เพื่อแข่งกับนายปุญญโชติ

แต่การสร้างโรงทานด้วยจิตคิดสงเคราะห์ กับการสร้างโรงทานด้วยจิตคิดแข่งขันย่อมต่างกัน ผู้คนที่มาพักอาศัยต่างก็ไปยัง
โรงทานของนายปุญญโชติมากกว่า ทำให้พระเจ้าอิทธิสัตตราชเกิดความไม่พอพระทัย ทรงพยายามหาทางที่ทำให้ดีกว่า
จึงได้นำเครื่องประดับจากท้องพระคลังมาแจกชาวเมือง ปรากฏว่า ได้ผล ชาวเมืองต่างหลั่งไหลมารับการแจก

นายปุญญโชตินั้น ภายหลังทราบว่าพระราชาไม่พอใจตน จึงได้ยกเลิกการทำโรงทาน และประกาศให้ชาวเมืองไปรับโรงทาน
ของพระราชา จากนั้นเขาก็ได้แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งที่เป็นมรดกของบิดามารดา และซื้อเพิ่มส่วนหนึ่งจัดสรรให้ผู้ยากไร้ได้มี
ที่อยู่พักพิง ตามกำลังฐานะของตน ข่าวนี้ได้รู้ถึงพระกรรณาของพระเจ้าอิทธิสัตตราชอีก ทรงเกรงว่า ชาวเมืองจะมองพระองค์ไม่ดี
และหันไปชอบนายปุญญโชติมากกว่า จึงได้ประกาศแบ่งที่ดินที่มีมากกว่านายปุญญโชติแก่คนยากไร้ ทั้งในเมือง และต่างเมือง
ทำให้ชาวเมืองต่างสรรเสริญพระราชาของตน

ต่อมานายปุญญโชติได้ทราบข่าวจากเพื่อนพ่อค้าด้วยกันว่า พระพุทธเจ้าจะเสด็จผ่านมายังเมืองของตน จึงได้ป่าวประกาศ
ให้ชาวเมืองทราบ พร้อมกับบอกบุญให้ชาวเมืองได้ร่วมบุญกับตน มีชาวเมืองส่วนหนึ่งได้ร่วมบุญกับนายปุญญโชติ ข่าวนี้ทราบ
ไปถึงพระราชา พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะถวายของที่เลิศกว่า ดีกว่า มีมูลค่ามากกว่าที่นายปุญญโชติตั้งใจถวาย จึงให้ราชบุรุษ
ไปสืบข่าวว่า นายปุญญโชตถวายอะไร จะทรงถวายของที่ดีกว่า

แต่ไม่ทรงทราบอย่างหนึ่งว่า นายปุญญโชติมีดวงแก้วมณีอันล้ำค่าที่เกิดมาคู่บารมีพร้อมกับเขา อีกทั้งเขาคิดว่า การเสด็จมมา
ของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยากมาก เขาจึงตั้งใจทำผ้าผืนพิเศษเตรียมถวายพร้อมกับดวงแก้วมณี แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การถวายทานอย่างอื่น เขาทำเพื่อสงเคราะห์ชาวเมืองให้ได้อานิสงส์แห่งทาน เมื่อครั้นถึงวันที่พระปทุมมุตรพุทธเจ้าเสด็จมาถึง
พระราชา พระมเหสี และชาวเมืองต่างปิติยินดีอย่างยิ่ง

พระเจ้าอิทธิสัตตราชได้ถวายภัตตาหารที่ปราณีต และเป็นเลิศแด่พระพุทธเจ้า พร้อมพระสาวก ๒๐๐,๐๐๐ รูป ด้วยความปิติใจ
จากนั้นทรงถวายเครื่องใช้สิ่งของต่าง ๆ ล้วนแต่มีความงดงามสมเป็นพระราชาผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ในจิตของ
พระเจ้าอิทธิสัตตราชนั้น มีจิตคิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลพระองค์หนึ่ง

เมื่อพระปทุมมุตรพุทธเจ้ารับถวายแล้ว ไม่ทรงตรัสอะไร แต่มองด้วยแววตาที่เมตตาปราณี ทำให้พระเจ้าอิทธิสัตตราชเกิด
ความปิติใจเหลือคณานับ จากนั้นชาวเมืองต่างหลั่งไหลถวายของต่าง ๆ ที่ตนต่างเตรียมมา

จนกระทั่งถึงนายปุญญโชติ เขาได้ทอผ้าเนื้อดี และปักตบแต่งด้วยลายปราณีตงดงาม แต่นำผ้านั้นคลุมดวงแก้วมณีไว้
ครั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า เขาได้เปล่งวาจาต่อหน้าพระพุทธเจ้า พร้อมพระสาวก ๒๐๐, ๐๐๐ รูป
พร้อมถวายดวงแก้วมณี อันเป็นสมบัติล้ำค้า เพื่อสู่บวรพระพุทธศาสนา

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงได้รับ และทรงพยากรณ์ว่า "นายปุญญโชติจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล"
ทำให้พระเจ้าอิทธิสัตตราชมีความริษยาถึงกับกระอักเลือดออกมา และสิ้นพระชนม์ทันที ส่วนผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเจ้าอิทธิสัตตราช
ต่างเสียใจและสิ้นใจตายตามพระเจ้าอิทธิราชนับหมื่น เมื่อละโลกไปแล้ว ด้วยจิตริษยาอาฆาตทำให้ท่านไปเกิดเป็นเทวบุตรมาร

พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงความคิดแข่งขันในการสร้างบุญว่า คตินิมิตของพระเจ้าอิทธิสัตตราช ส่งผลให้พระองค์ และบริวาร
ไปเกิดบนสวรรค์ชั้น ๕ และ ๖ ฝ่ายมาร ส่วนนายปุญญโชตินั้นเกิดความสลดใจจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าว่า
" ขอให้ในอนาคตกาล ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ปลดปล่อยพันธนาการทั้งหลายแก่พระเจ้าอิทธิสัตตราช และบริวารทั้งหลายด้วยเถิด
พระพุทธเจ้าข้าฯ" สมเด็จพระจอมไตรทรงตรัสว่า "เธอจะสำเร็จความปรารถนาในยุคกึ่งพุทธกาลของพระสมณโคดมพุทธเจ้า"

เมื่อท่านอิทธิสัตตราชได้จุติในมารพิภพ ได้กระทำกรรมหลายอย่าง ทำให้ภพภูมิต่ำลง กระทั่งมาถึงยุคพุทธกาลนี้ ท่านเป็น
เทวดาสายยักษ์ แต่เป็นมิจฉาทิฐิ เมื่อผู้ปลดปล่อยท่านมาถึงบริเวณที่สถิตย์แห่งยักษ์นี้ ท่านได้แผ่เมตตาให้จนละมิจฉาทิฐิ
แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนสภาพจากเดิมด้วยวิบากกรรมเก่า ต่อมาท่านได้อธิษฐานจิตในสร้อยประคำนี้ เป็นเหตุให้ท่านอิทธิสัตตสิทธิราช
ได้มาช่วยเหลือ และผู้ที่จัดสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ขึ้นก็คือ พระเจ้าอิทธิราชนั่นเอง

ผลของการให้ธรรมทานครั้ง ขอน้อมถวายบุญแด่ท่านเอกอาสวพรหม
ท่านอิทธิสัตตสิทธิราชเทวบุตรพร้อมบริวารทุกประการ สาธุ สาธุ สาธุ..

นายปุญญโชติคือผู้ปลดปล่อยในชาตินี้ พี่ไม่ทราบว่า ท่านเป็นใคร

ส่วนตัวของผมคือ เพื่อนพ่อค้า ของนายปุญญโชติค่ะ คนที่นายปุญญโชติขายเกวียน 500 เล่มให้
และบอกข่าวเรื่องการเสด็จของพระพุทธเจ้าค่ะ

ส่วนพวกเราในที่นี้บางส่วนคือ คนที่สร้างบุญร่วมกับนายปุญญโชติค่ะ ทำให้ผลบุญนี้ส่งผลให้ท่านเปลี่ยนจากยักษ์
เป็นเทวดาค่ะ เนื่องจากจิตคิดให้อภัย ท่านเอกอาสวพรหมช่วยสงเคราะห์ค่ะ

ท่านบอกว่า หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ ชาวเมืองทั้งหลายจึงยกให้นายปุญญโชติครองราชย์ต่อจาก
พระเจ้าอิทธิสัตตราช ทรงอภิเษกกับพระกนิษฐาทั้งสองของพระเจ้าอิทธิสัตตราชค่ะ

ส่วนพระนางมาตาลี ทรงออกผนวช โดยพระเจ้าปุญญโชติได้อุปัฏฐากจนสิ้นอายุขัย

 

ได้รับพระแล้วค่ะ กลิ่นน้ำอบหอมดีกลิ่นอยู่ที่ถุงผ้าขาวๆได้กลิ่นถุงดียวเปิดพัสดุกลิ่นมาก่อนเลย

 

โอนเงินจองบูชาขวานฟ้าด้ามเล็กเรียบร้อยแล้วค่ะ...ที่อยู่แจ้งตาม pm...ขอบคุณค่ะ...

 

มาจากไหนครับกลิ่นน้ำอบ

 

แม้เล่นงงเลยคนละรุ่นครับ 55555

 

ได้รับไม้เท้ากับเหรียญสมปราถนาแล้วครับ
แต่บาตรทำน้ำมนต์ยังไม่ได้ครับ

 

เรียนทุกท่านอย่างนี้นะค่ะ
ไม้เท้ากับบาตรฯ แยกส่งคนละกล่องค่ะ
ดังนั้นอาจถีงท่านช้านิสสสสนึง นะค่ะ
สาธุๆๆ

 

ขอที่ขาด น่าจะอยู่ที่กล่องไม้เท้าค่ะ
สาธุๆๆ

 

ขอน่าจะอยู่ที่บาตรน้ำมนต์ค่ะ
ส่วนมีดทางคุณApirak14 ยังไม่ได้รับ
ไม่ทราบว่าสลับกันหรือเปล่าค่ะ
ขอสอบถามอีกทีนะค่ะ
สาธุุๆๆ

 

รออีกนิสสสส นะค่ะ
ส่งแยกกล่องค่ะ คงกำลังเดินทาง
สาธุๆๆ

 

​

 

จองพระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้า 1เล่ม ครับ

 

ขออภัยค่ะ
เปิดจองวันที่ 27นี้ค่ะ
เวลา 9.00 น.ตามเวลาเว็บพลังจิตค่ะ
รบกวนจองมาตามวันที่กำหนดนะค่ะ
สาธุๆๆ

 

เปิดจองวัตถุมงคล
หลวงพ่อ หนุน สุวิชโย
รุ่น "มหาลาภ มหาปราบไตรภพ"
วัดพุทธโมกข์
๒๗ มิย. ๕๘
เวลา ๙.๐๐ น. เวลาเว็บ

​

​

 

วันนี้ได้รับพระครบทุกรายการแล้วครับ ขอบคุณมากครับ

 

รบกวนช่วย update ด้วยครับ ไม่ทราบว่าต้องเพิ่มค่าส่งอีกไหมครับ