กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. THE_NOP

    THE_NOP Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +33
    ถ้าคุณมีความเฉลียวซักนิสส คุณจะไม่ถามอะไรแบบนี้แน่ เพราะผมภาวนากรรมฐาน5
    แต่คุณ nopphakan เป็นกสิน ซึ่งผมมองว่าจะเป็นสายไหน จุดหมายก็อันเดียวกันแล้วก็ไม่อยากให้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายด้วย และผมยังมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ จึงยังต้องถามคุณ nopphakan อยู่ เพราะผมว่าเขาทำได้จริง

    แล้วก็นะผมอยากให้ในบอร์ดแนะนำอะไรที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นมากกว่ามาทำให้ขุ่นข้องหมองใจกัน
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    (รับทราบครับคนละคน)

    อ้าวผมทำอะไรให้ขุ่นเคืองหรือขอรับ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ขออีกหน่อยยังไม่หมดประเด็น :d


    คุณเข้าใจกสิณยังไง
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ถ้าจะให้ผม แนะนำ คุณ เกาะนิพพาน
    ส่วนตัวจะให้เป็นทาง อากาสกสิณ ก่อนครับ
    เพราะว่าตัวกระแสจิตคุณมันฟ้องขึ้นมาแบบนี้ครับ
    เรื่องพวกนี้ การรับรู้แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องพิเศษนะครับ
    ทุกคนสามารถรับรู้ได้ ถ้าหากสังเกตุหน่อย
    และมันไม่ยาก ซึ่งทุกคนที่ส่วนตัวเคยพาสัมผัส
    เรื่องพลังงานจะทำได้ รับรู้ได้เป็นปกติทุกคนครับ
    แต่ว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าถึง
    ลักษณะพลังงานกสิณกองต่างๆให้มันชัดเจน
    และก็ใช้งานก่อนไปอีกซักพัก
    เพื่อให้จับสังเกตุต่างๆให้ได้ก่อน
    เอาไว้อนาคตจะสอนให้นะครับ...

    เลยเป็นที่มาของการแนะนำครับ
    และส่วนกสิณน้ำเพื่อสร้างทิพยจักขุในระดับที่มองเห็นได้
    ด้วยตาเปล่าครับ เพราะส่วนตัวเวลาใช้งานจะใช้งาน
    แบบลืมตาปกติทั่วไปนี่หละครับ เพราะคิดว่ามันกลมกลืน
    และอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างแยบยลกว่าครับ...

    จากประสบการณ์ตรงซัก ๓ ปีก่อนสมัยที่ไปปะชะดะ
    กับพวกภูมิอสูรกายบางกลุ่มที่ผมเคยไล่เค้าออกจากกลุ่ม
    ลับกลุ่มหนึ่งไปพวกนี้มันถนัดถอดกายทิพย์ครับ..
    แล้วเค้ามาปรากฏตัวเพื่อมาทำร้ายเราที่ห้องนอนมาก่อน
    ทั้งๆที่อุทิศส่วนกุศลก็แล้วยังมีทีท่าจะทำร้ายเรา
    ที่พูดเนี่ยแบบลืมตานะครับ
    ไม่ใช่ในฝันหรือในนิมิตร
    ถ้าเราไปเพียวกสิณไฟก่อนเลย มันมีข้อเสีย
    หลายอย่างมากครับ เช่น มันจะส่งความร้อน
    ให้เกิดขึ้นที่ตัวจิตตรงๆครับ ร้อนที่ตัวจิต
    มันไม่ใช่แบบร้อนที่กายที่อาบน้ำแล้วจะหาย
    หรือเอาผ้าชุบน้ำร้อนมาวางแล้วหายนะครับ
    มันร้อนแบบที่ว่าออกจากกลางตัวจิตหรือจากกลางลิ้นปี่มาเลยครับ
    ชนิดที่ว่าเราต้องมานั่งเจริญสติเพื่อดับอารมย์อย่างน้อย ๒ ถึง ๓ วันเลยครับ
    ที่สำคัญมันจะทำให้เราบ้าพลังงาน ขึ้หงุดหงิด
    เผลอๆคิดว่าตัวเองเก่ง
    และประเด็นสำคัญที่สุดถ้าเราไป
    เพียวๆกสิณไฟก่อน และนิสัยเราไม่ผ่านเกณฑ์ทางด้านภพภูมิ
    เราจะใช้ได้แค่กสิณไฟกองเดียว และมักจะถูกครอบงำให้ใช้
    ไปในทางทำร้ายทำร้ายสรรพสัตว์หรือภพภูมิต่างๆ
    และเราก็ถูกจำกัดถึงขอบเขตในการใช้งาน
    และมันจะทำให้เราหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึง
    ทำให้ภาคส่วนภพภูมิต่างๆเค้าจะไม่ให้ความเคารพ
    และให้ความเกรงใจเราด้วยครับ...
    ของคุณพอรับรู้สัมผัสเกี่ยวกับลมภายนอกและเข้ากับอากาสได้
    พอมาต่อน้ำ ตัวกสิณน้ำมันมี
    ความสามารถที่จะมารวมกับกสิณไฟได้
    ซึ่งถ้าเราได้กองอื่นๆก่อนเด่วไฟมันจะขึ้น
    มาให้เราใช้ได้เอง และพอเรารวมน้ำกับไปได้แล้ว เวลาใช้งานมันถึงจะไม่ส่ง
    ผลทั้งต่อตัวจิตเรา สภาวะจิตใจของเรา และสภาพร่างกายเราครับ..
    ส่วนกสิณสี ของคุณมันก็พอมีเชื้อ แต่ไม่อยากแนะนำ
    แม้ว่าในระดับเรื่องพลังงานรวมๆมันจะพอ
    แยกได้ง่าย
    แต่ว่าในรายละเอียดมัน
    ค่อนข้างจะแยกได้ยากพอสมควรครับ
    ทุกวันนี้ส่วนตัวยังต้องคอยสังเกตุอยู่เรื่อยๆ
    และยังไม่มองไม่เห็นว่ามัน
    จะเอาไปใช้งานอะไรที่มีประโยชน์ทางธรรมได้บ้าง
    ยกเว้นว่าเราจะไปต่อยอดทางวิชาเดินธาตุ
    สายอดีตสมเด็จพระสังฆราชมีชื่อในอดีตค่อยว่ากัน
    และประโยชน์มันก็ไม่ชัดเหมือนพวกกสิณ
    กลางกองต่างๆ ที่กำลังของมันเพียงพอที่จะต้านทาน
    ต่อพลังงานไม่ดีต่างๆภายนอกที่จะมารบกวนจิตใจเรา
    และยังใช้เป็นฐานกำลังในการเดินปัญญาเพื่อตัดกิเลส
    ได้ดีกว่าทั่วๆไป และมีกำลังเพียงพอที่จะตัดตัวรับรู้ต่างๆ
    ที่มันมาเกาะตัวจิตเรา เพื่อให้จิตเราคลายตัว โปร่งตัว
    ได้ดีในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันครับ..

    ปล.พอจะเข้าใจภาพรวมๆแล้วเนาะ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ถึงสมาชิกท่านอื่นๆที่พึ่งเข้ามานะครับ
    user ที่ใช้ชื่อ ว่า มาจากดิน ขอความกรุณา
    ทุกท่านอย่าได้ไปเสวนากับบุคคลคนนี้ครับ...
    ถ้าท่านไม่รู้อะไรมาก่อน ให้ไปอ่านข้อความ
    ที่ผมเขียนไว้ใน #851 จะรู้ว่านิสัยบุคคลคนนี้
    เป็นอย่างไรครับ ถ้าไม่เชื่อ ก็ตามไปอ่านในกระทู้
    ห้องอภิญญาสมาธิ ในกระทู้ที่ มาจากดิน ตั้งไว้
    ก็ได้ครับ ความจริงไม่ได้มีแค่ผมที่
    พอทราบพฤติกรรมนายคนนี้นะครับ
    ให้ห้อง อภิญญาสมาธิ ก็โดนตำหนิจากสมาชิก
    ท่านอื่นๆไว้เช่นกัน มาจากดิน ถ้าเราไปพูดด้วย
    จะไม่จบครับ จะต่อความยาว สาวความหยืด
    พอจากลับกลอก เป็นพวกไม่จริงใจ เป็นลิงหลอกเจ้า
    ไปเรื่อยๆ เพราะฉนั้นเป็นไปได้ ควรงดเสวนากับ
    บุคคลนี้ทุกๆกรณีครับ...

    ไอ้พวกนี้ มันมีพื้นฐานที่ไม่ให้ความเคารพ
    ใน ลพ.มีชื่อทางด้านวิชาพิเศษ ที่เป็นแรงจูงใจ
    ในการตั้งเวปพลังจิตแห่งนี้ อยู่แล้วเป็นทุน
    เป็นพวกที่ดูแลเวปศาสนาอื่นๆ ที่มันพยายาม
    มาอุปโลกน์ตัวเอง เพื่อหาสาวกไปอยู่ที่เวปมันครับ...
    มันไปห้องอภิญญาสมาธิ เพื่ออุปโลกน์ตัวเอง
    ทางด้านปัญญามาก่อน เพื่อให้เห็นว่า ถ้าไปทางเวปมัน
    จะสามารถเข้าถึงทางด้านนิพพานได้...
    แต่มันโดนแซะ จนไม่มีใครเค้าสนใจมัน
    เพราะว่าเค้ารู้ทันมันหมดแล้ว..
    แล้วไม่รู้ว่า คงกินยาแล้วไม่ได้เขย่าขวด เลยเข้ามาให้ห้องนี้
    ทั้งที่บรรยากาศเดิมๆในการ ถาม การถ่ายทอดในห้องนี้
    เมื่อก่อนเค้าอยู่เป็นแบบ กันเอง ฉันท์มิตร เป็นการแลกเปลี่ยน
    แนะนำกัน ในเชิงที่มีประโยชน์ แต่ มาจากดิน ก็ยังพยายาม
    จะเข้ามาอุปโลกน์ตัวเอง มาดิสเครดิสคนอื่นๆที่เค้าแนะนำ
    บอกตรงๆ นะครับ ว่าทำให้บรรยากาศโดยรวมมันเสียหายมาก

    ผมแนะนำเลยนะครับว่า มาจากดิน ถ้าคุณไม่มีความสามารถ
    ไม่มีเจตนาที่ดีอะไร ก็ไม่ต้องเข้ามาในเวปนี้นะครับ และที่สำคัญ
    กรุณาออกจากห้องนี้ไปเถอะครับ ที่บางคนเค้าไม่มาต่อปากต่อ
    คำกับคุณเพราะ ผมเป็นคนแนะนำเค้าไว้เองครับ ไม่ให้มาเถียงคุณ
    เพราะคนอย่างคุณ เถียงไปก็ไม่มีทางชนะและไม่มีใครเค้าอยาก
    เถียงคุณเพื่อให้ชนะหรอกครับ คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุษครับ..
    นิสัยเหมือนเด็กๆ ขาดมารยาท ไร้สามัญสำนึก พูดง่ายๆ
    พวกไม่รู้จักโตทางด้านความคิด จึงไม่มีใครเค้าอยากจะเถียงพวก
    ลิงหลอกเจ้า ดำน้ำเน่าๆ ทำตัวตะะลบตะแลง ปลิ้นปล่อน ไปวันๆหลอกครับ
    ถ้าคุณอยากจะฝึกกรรมฐานพิเศษ ผมแนะนำให้คุณ ไปฝึกกรรมฐาน
    เกี่ยวกับภาพนะครับ ให้คุณไปฝึก กสิณกระบือ หรือกระกสิณลิง ดูนะครับ
    ด้วยการ เอากระจกมาวางไว้หน้าคุณ แล้วก็ภาวนา กระบือกสิณังๆๆ หรือ
    ภาวนาลิงกสิณังๆๆ ไปเรื่อยๆนะครับ คุณอาจจะสำเร็จ และคุณจะมีความ
    สามารถพิเศษ ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับ กระบือ หรือ พวกนิสัยเหมือนลิง
    หลอกเจ้าได้รู้เรื่องครับ เพราะว่า กรรมฐานพิเศษ ไม่ว่า กระบือหรือลิง
    คุณมีความชำนาญอยู่ในกมลสันดานเป็นต้นทุนอยู่แล้วครับ...

    ปล.คงพอจะเข้าใจที่พูดนะครับ
     
  6. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ขออนุญาตหน่อยนะครับ อย่าหาว่าเซ้าซี้งี้เง้าเลย ความจริงคือไอ้เรื่องกสินต่างๆนี่ เกิดมาผมยังไม่เคยแตะต้องมันแม้แต่ปลายขี้เล็บเลย ข้อสงสัยเรื่องวิธีการปฏิบัติต่างๆมันก็เลยมีเต็มไปหมด เพราะถ้าไม่ถามก็ไม่รู้อีก พอไม่รู้งมเองก็ตายฮาเลย อ่านเอาเองมันก็อย่างว่ามันไม่เหมือนกับคนที่ทำได้เขามาตอบ ซึ่งมันมีรายละเอียดกระจุ๋มกระจิ๋มเยอะแยะที่ทำให้คนเรามันติดขัดหรือสงสัยกันได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยทำไม่เคยฝึกอะไรพวกนี้มาเลยอย่างผม เพราะงั้นถ้าถามอะไรยืดยาวไปหน่อยก็ขออภัยด้วยนะครับ ตอนนี้เหมือนเด็กกำลังหัดท่อง กไก่ ถ้าไม่มีพี่เลี้ยงครูสอนคงจะไม่เป็นท่าแน่

    ถามคุณ nopphakan ต่อครับ ที่บอกว่าผมควรจัดไป ที่อากาศกสินก่อนเลย นี่มันทำอย่างไรครับ รายละเอียดๆแบบเบสิกเข้าใจง่ายๆหน่อยก็ดี หรือว่าจัดเต็มที่กสินน้ำไปเลยครับ เอาไหนก่อนดี ลังเลสงสัยสับสนงง!
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    คุณ เกาะนิพพานครับ
    ตอนนี้ทำความเข้าใจระบบพื้นฐานการหายใจให้ดีหรือยังคับ
    เพราะถ้ายังหายใจเหมือนเดิมและไม่ละเอียด
    มันจะเสียเวลาในการฝึกครับ ให้ไปฝึกกรรมฐาน
    อื่นๆก็สำเร็จยากเพราะระบบหายใจ
    ที่ละเอียด มันเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆครับ
    ผมถึงย้ำแล้วย้ำอีก ไม่งั้นมันจะเสียเวลามาฝึกเฉยๆครับ
    ไม่ว่ากสิณหรือกรรมฐานอื่นๆครับ
    รวมทั้งการทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าออก
    หยุดที่ปลายจมูกแต่ดันลมให้ลึกถึงท้องก็สำคัญมาก
    เพราะมันจะส่งผลเกี่ยวกับความเข้าใจ
    ทางด้านนามธรรมของเราทุกเรื่อง
    ตำแหน่งที่ปลายจมูก มันเป็นจุดสำคัญ
    ที่สร้างกำลังสติได้ดีที่สุดแล้วครับ
    ตรงนี้ถ้ารับรู้เรื่องพลังงานได้จะเข้าใจ
    และอย่าลืมว่าเวลาฝึก เราเล่นกันในนิมิตรก่อน ซึ่งมัน
    เป็นนามธรรมล้วนๆ. ถ้าเราไม่มีสติทางธรรม
    ที่สร้างตอนหยุดลมที่ปลายจมูกมาหนุนส่งแล้ว
    ยิ่งทำให้เราสำเร็จยากครับ
    ที่สำคัญคือตักการใช้ความคิดในการสร้างภาพ
    ที่มันจะส่งผลกับร่างกายเราต่างๆ
    รวมทั้งอาจทำให้หลงตัวเองและวิกลจริตได้ครับ

    หลงตัวเองเพราะคิดมโนไปเอง จะถูกผีหลอกปลอมตัว
    เป็นเทพมาหลอกเราได้ กำลังสติทางธรรมมันจะทำให้
    เรารู้เท่าทันตรงนี้ได้ครับ
    เพราะคนจะมีความสามารถใช้งานทางจิตได้ทุกคน
    เค้าจะมีระบบหายใจอย่างนี้เป็นปกติคุณลองสังเกตุดูคับ
    พวกสมาธิสูง กำลังจิตสูงๆคุณสังเกตุง่ายๆขั้นต้น
    คือเค้าจะหายใจได้ละเอียดกันทุกคนครับ
    ลองสังเกตุห่มเหลืองมีชื่อดูได้เวลาคุณเจอตัวจริง
    และพวกกำลังจิตสูงปกติตาเค้าจะแข็งแต่มีแวว
    เราควรปรับระบบการหายใจเอาไว้ก่อน อย่ารีบร้อน
    ช้าๆ แต่ฐานแน่นๆครับ มันถึงไปสู่ผลสำเร็จได้จริง
    ค่อยเป็นค่อยไปครับ คำภาวนาก็รู้แล้ว
    ถ้าจะง่ายก็ขึ้นกสิณน้ำเลยก็ได้เด่วลมกับอากาศ
    จะมาพร้อมกับพลังงานน้ำได้เอง
    ส่วนหลักการและวิธีการฝึก ความจริงในกระทู้นี้
    ส่วนตัวบอกไว้เกือบหมดแล้วครับ.
    คุณว่างๆลองไล่อ่านดูได้ครับ
    ทั้งข้อควรระวังต่างๆเกี่ยวกับนิมิตร
    ข้อควรปฏิบัติ. ลักษณะนิสัยที่ควรเป็น
    เกือบทุกเรื่องคุณไปหาอ่านจากตำราอย่างเดียว
    มันจะยากครับ.
    เพราะมันเป็นสภาวะนามธรรมที่เขียนลงในกระดาษ
    เพราะทุกอย่างที่แนะนำได้มาจากการฝึกด้วยตัวเอง.
    ได้จากการแนะนำเทคนิคต่างๆจากห่มเหลืองทีชื่อ.
    ได้เทคนิคต่างๆที่ทำให้ก้าวผ่านช่วงนั้นๆได้เร็ว.
    จากท่านที่เป็นต้นฉบับที่คุณไปเปิดอ่านมา
    ท่านเมตตามาสอนเทคนิค เมตตามาแนะนำให้
    เรียกได้ว่า ๙๐ เปอร์เซนต์เป็นเมตตาจากทางภพภูมิทั้งนั้นครับ
    บางคนที่ผมทำให้ดูจึงดูเหมือนง่ายๆ รับรู้ได้ง่าย
    ถ้าคุณมีสัมผัสที่ดี ผมจะปั่นกสิณ ๑๐ กองให้คุณรับ
    รู้และสัมผัสตอนไหนก็ได้ครับ.
    แต่ถามว่า คุณสัมผัสได้ รับรู้ได้ แต่คุณนำไปใช้งานไม่ได้
    ด้วยตัวเอง มันจะมีประโยชน์อะไร

    จะมาฝึกไปเพื่ออะไรครับ
    แต่นั้นผ่านมาจาก การลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาแล้วทั้งสิ้น
    เพราะฉนั้นอะไรที่ได้เคยแนะนำไปแล้ว ว่าอย่าไปสนใจ อย่าไปเน้น
    ก็ไม่ต้องไปทำเพราะมัน เสียเวลา และไร้ประโยชน์ครับ
    จับเอาประเด็นหลักๆที่แนะให้ก็พอ แล้วไปให้ถึงทีละขั้นครับ
    มันถึงจะเกิดเป็นพลังงานมาใช้ไดจริง เกิดผลจริง รับรู้และ
    สัมผัสได้ไม่ว่าเราและคนอื่นๆครับ. ถ้าฝึกไปแล้วทำได้แต่ในนิมิตร
    ดึงเป็นพลังงานมาใช้ไม่ได้จริง. อย่างนั้นส่วนตัวคงไม่แนะนำครับ
    เพราะใช้ได้แต่เอาไปโม้ให้คนอื่นฟังไปวันๆ เพื่อหลอกตัวเองไปวันๆ
    ว่าตัวเองเก่ง ทั้งๆที่ไม่มีพัฒนาการทางจิตอะไรพวกนี้

    ส่วนตัวคงจะไม่มาแนะนำแน่นอนครับ

    ปล.ในกระทู้นี้ส่วนตัวแนะนำถึงระดับวิญญานธาตุแล้ว
    เลยกสิณไปแล้วครับ. ด้วยก็ได้จากภาคส่วนพระอาจารย์
    ภพภูมิในดงท่านมาต่อยอดให้ครับ
    แม้ว่าคุณจะไม่คุยกับผม แต่อ่านตามและปฏิบัติเข้าใจ
    ทุกคนก็สามารถฝึกสำเร็จได้หมดนั่นหละครับ
    ที่ใช้งานทุกวันนี้ ก็ใช้งานแบบลืมตาปกติทั่วๆไปนี่ละครับ
    ไม่ต้องหลับตา หรือตั้งท่าอะไร
    ทุกคนที่ผมพาเค้าทำก็ระดับอารมย์
    ลืมตาปกตินี่หละครับ ซักวันเด่วคุณ
    ก็จะเข้าที่เล่าให้ฟังมาทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวเองครับ
     
  8. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    อยากจะบอกว่าสุดยอดมากๆครับคุณ nopphakan หนียังไงก็ไม่รอดจริงๆจนมุมจนได้

    งั้นเรื่องอื่นพักไว้ก่อนก็ได้ครับ เอาพื้นฐานให้ได้ก่อนตามคำแนะนำครับ
    เรื่องลมหายใจที่ถูกตามที่แนะนำคือ
    สูดหายใจเข้าลึกๆช้าๆจนสุดแล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออกมาช้าๆจนลมหมด ให้
    กระบวนการหายใจของร่างกายช้าที่สุดใช่ไหมครับ เช่น ภายใน 1 นาที หายใจเข้าออกได้
    4 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง และกำหนดจำควบคุมสติไว้ที่ปลายจมูกที่เดียวแบบนี้ใช่ไหมครับ ส่วน
    สภาวะจิตมันจะมีนิมิตเรื่องราวภาพอะไรต่างๆมาปรากฏให้เราเห็นโดยควบคุมมันไม่ได้ก็ไม่
    ต้องไปสนใจเลยใช่ไหมครับ คือปรกติผมนั่งหลับตาแป๊บเดียวภาพอะไรต่อมิอะไรก็มาฉาย
    ล่อหน้าล่อตาแล้วครับ ฟุ้งง่ายเซงเหมือนกัน

    ช่วยแนะทริคให้ผมหน่อยครับ
     
  9. champ_atikrit

    champ_atikrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +102
    กระบือ กสิณัง 555555555 เกิดมาเพิ่งได้ยินครับ เอาไว้ใช้กับไอ้พวกเสี้ยม เกรียนๆ ทั้งหลาย 555555
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    นี้คือระหว่างวันนะครับ
    ลมหายใจให้เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วแต่สภาพแวดล้อม
    ประเด็นหลักคือลึกถึงท้อง. หายใจเข้าให้ท้องพอง
    หายใจออกให้ท้องยุบ ให้เราผลักลมหายใจลงไปนะครับ
    จำไว้ว่าอย่าไปตามลมนะครับ เพราะเราจะเอากำลังสมาธิสะสมครับ
    แรกๆเอามือจับท้องก่อนก็ได้ครับ เอามือไว้ที่ปลายจมูกลองทำดูเล่นๆ
    เพราะว่ามันจะหลงๆและสลับได้เป็นปกติครับ
    ส่วนปลายจมูกเวลาหายใจเข้าก็คือ หยุดที่ปลายจมูก
    หายใจออกก็หยุดที่ปลายจมูกเช่นกัน ตรงนี้เพื่อสร้าง
    กำลังสติทางธรรม คนละตัวกับสติทางโลกหรือสติ
    แบบตำรานะครับ(ตรงนี้ต้องสามารถมองเห็นจิตได้ก่อน
    หรือถอดจิตได้ระดับฌานสูงถึงจะเข้าใจ)
    ตอนจะนอน หรือนั่งสมาธิ
    นิมิตรต่างๆเวลาหลับตาหรือ ต่อให้ลืมตามาเห็นเป็นตัวๆ
    ก็ไม่ต้องสนครับจะโดนลวมลามก็ช่าง
    ให้อุทิศส่วนกุศลอย่างเดียว เอาแค่นี้ก่อน อย่าพึ่งไปอยากรู้
    อยากดูอยากเห็น มันจะทำให้เราเสียเวลา
    พวกการเห็นนิมิตรต่อไปมันเรื่องปกติ.
    หลับตาก็มองเห็นเพดานได้ภายในไม่กี่วินาที
    แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับช่วงนี้
    ถ้าไปติดเราจะแป๊ก

    เวลาฝึกให้เลิกใช้ตาปกติโดยหลับเลย หรือโน้มมันมามองที่ลิ้นปี่
    เด่วจะมีคล้ายการมองผ่านระหว่างคิ้วได้เอง อัตโนมัติตรงนี้
    เป็นการตัดการใช้ความคิด ถ้าตึง ถ้าปวดหัว
    แสดงว่าเผลอไปคิด(เรื่องปกติ)หรือย้ายจิตไปตรงนั้น(เรื่องปกติ)
    เป็นกันได้ทุกคน ก็ให้มาผลักลมให้ลึก และรู้สึกรับรู้ที่ปลายจมูก
    นิมิตรอะไรก็ตามในระบบสุริยะจักรวาลนี้ ไม่ต้องสนใจ
    ตอนนี้เอาให้เห็น น้ำจริงๆ ใส มีคลื่นเล็กน้อยแต่ไม่มีฟองก็พอ
    และแรกๆมันจะมืดๆเป็นเรื่องธรรมดา
    ปล.แล้วค่อยมาว่ากันต่อ
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    [​IMG]

    ใช้ชื่อ "กสิณดิน" = ปฐวีกสิณ

    ในวิสุทธิมัคค์กล่าวว่า เมื่อโยคาวจร ทำปฐวีกสิณ คือ เพ่งปฐวีกสิณอยู่ ให้บริกรรมตามชื่อกสิณนั้นๆ ตย. ปฐวีกสิณ เป็นนปุํ. บริกรรมภาวนาว่า "ปฐวีกสิณังๆๆๆ" ตามลิงค์ของศัพท์ฺ

    การพูดการสนทนาหลักธรรมกับควาย ซึ่งขาดพื้นฐานทางธรรม (บาลี) จะออกแนวกร่างอย่างนั้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2015
  12. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    อื่อที่คุณ nopphakan บรรยายมาทั้งหมดนี้กำหนดลมหายใจเพียวๆ แบบไม่ต้องมีคำภาวนา
    ใดปนเลยหรือเปล่าครับ หรือใช้คำภาวนาอะไรร่วมด้วยมีหลายสายหลายคำซะด้วยสิ ยังไงดีครับ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ใช่ครับเฉพาะตอนที่ใช้
    ชีวิตปกติประจำวันช่วงที่ว่างเว้นจากการทำงานนะครับ..
    แต่ตอนฝึกจำเป็นต้องภาวนา ในโหมดกสิณกองนั้นๆ
    เพื่อเป็นแนวทางเดินให้จิตครับ...แต่
    คำภาวนาในระหว่างวัน หรือไม่ได้ภาวนาอะไรเลยก็ตาม
    เพื่อเป็นตัวล่อหรือเครื่องเชื่อมโยง
    ในการสร้างสติทางธรรมครับ..สังเกตุไหมครับส่วนตัว
    ไม่ได้เน้นว่า จะต้องภาวนาอะไรเลย แต่จะเน้นที่การทำความ
    รู้สึกรับรู้ว่า มีลมเข้าและออกที่ปลายจมูกแทน ซึ่งคำภาวนา
    ไม่ใช่ว่าไม่ดีครับ..และในโหมดที่จิตเป็นทิพย์แล้วคำภาวนา
    ก็เป็นผลครับ.แต่ว่าจิตเราจะไปติดในโหมดนันทนาการหรือท่องเที่ยวครับ
    เด่วจะกลายเป็นว่ามาขวางการฝึกกสิณ ซึ่งเราจะเน้นไปเพื่อให้ตัวจิต
    สร้างกำลังจิต จนเกิดเป็นกำลังจิตใช้งานได้จริงในอนาคตครับ..
    ซึ่งถ้าระหว่างวันเราไม่ภาวนาอะไร แต่เราทำความรู้สึกรับรู้
    และตอนฝึกภาวนากสิณกองนั้นๆ ซึ่งปกติภาพอุคนิมิตรแบบ
    ที่เป็นน้ำจริงๆ มันจะมาได้หลังจากคำภาวนาเราหายไปเอง
    มันจะเป็นการสร้างแนวทางเดินให้จิตเดินได้ตรงทาง
    ไม่ไปปนผลของคำภาวนาอื่นๆที่เราภาวนาไว้ระหว่างวันครับ
    และถ้าเราติดกับคำภาวนาระหว่างวัน จิตมันจะข้ามจาก
    สภาวะที่จิตสามารถสร้าง นิมิตรกสิณน้ำจริงๆ เพื่อขึ้นไต่ระดับ
    ไปสู่ปฏิภาคนิมิตรกสิณน้ำไม่ได้ครับ เพราะคำภาวนาพอถึง
    จุดที่จะยกระดับสมาธิเพื่อไปถึงปฏิภาค มันจะมาขวางทำให้
    เราติดแค่กำลังสมาธิระดับปฐมญาน ซึ่งมันไม่เพียงพอสำหรับ
    การเข้าถึงระดับปฏิภาคนิมิตรนั่นเองครับ...

    อืมขอบคุณที่ถามและสังเกตุตรงจุดนี้นะครับ เพราะตรงประเด็นนี้
    ส่วนตัวอธิบายไว้ก่อนหน้ายังไม่เคลียร์ด้วยครับ..
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ถามซ้ำอีกที คุณ THE_NOP กับผู้ใช้ชื่อกสิณดิน เข้าใจกสิณยังไงครับ
     
  15. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    เวลาเพ่งเปลวเทียนแล้วมันเป็นวงกลมมีเส้นขึ้นตรงขยายบ้างหดบ้างมันจะเป็นอะไรหรือป่าว
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ขยายบ้างหดบ้าง ช่วงนี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นกิริยาปกติ
    อย่าไปให้ความสนใจในกำลังสมาธิระดับนี้ เพราะว่าหลายๆคน
    พอเห็นมันขยายได้หดได้ ก็ไปเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นโน้นเป็นนี่
    มันเป็นตัวหลอกเราอย่างหนึ่ง ของการฝึก ที่จะหลอกให้นักปฏิบัติ
    หลงตัวเอง ทั้งๆที่ไม่เกิดความสามารถต่างๆอะไรขึ้นมาเลย
    ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ จากคนที่เล่ากิริยาอย่างนี้มาเล่าให้ฟัง..
    ให้เราไม่ต้องสนใจก็พอ
    ถ้าเรามองตรงเปลวที่มันนิ่ง แล้วหลับตาให้เห็นภาพผ่านระหว่างคิ้ว
    แต่ให้ระวังหลงนิมิตหลอกที่มันจะสีสวยกว่าเปลวเทียนที่เรามองไว้ครั้งแรก
    ให้ตามดูนิมิตตั้งต้นซึ่งสีมันอาจจะยังไม่สวยเท่านิมิตที่มันมาหลอก
    ให้เราสังเกตุตำแหน่งที่เกิดนิมิตให้ดีๆ ชนิดที่ว่ามันไปไหนเราไปด้วย
    แรกๆมันหนีไปมุมบนขวาก่อนเรื่องปกติ

    ถ้าลืมตาก็ให้ละสายตา มองผ่านระหว่างคิ้วไว้เช่นกันแม้ว่าเราจะลืมตา
    และก็ระวังนิมิตหลอกที่มันสวยๆเช่นกัน มันชอบขึ้นมาหลอกเราอยู่ด้าน
    ซ้ายและขวาของนิมิตตั้งต้น..
    ทั้งหลับตาและลืมตา เราตามไปซักพัก เด่วนิมิตมันจะเริ่มนิ่งได้เอง..
    แรกๆมันจะมี ๓ สี คือ คือตรงสีกลางมากที่สุด และสีเล็กๆที่ขอบอีก ๒ สี
    เราก็ดูไป จะเกิดกิริยาอะไรต่างๆระหว่างนี้ก็ช่างมัน
    ถ้านิมิตหายไปไม่ว่าลืมตาหรือหลับตา ให้เรามาตามลมหายใจ
    เข้าออกประมาณครั้งที่ ๔ เด่วนิมิตมันจะกลับขึ้นมาเอง
    และที่นิมิตมันหายไปไม่ว่าหลับตาหรือ
    ลืมตานะเพราะว่าเราเผลอไปใช้สายตาปกติมองนั่นเอง
    ตรงนี้ไม่มีอะไร...
    และพอนิมิตนิ่งๆ เปลวเทียนจะเริ่มเปลี่ยนมาเหลือสีเดียวได้
    นั่นคือจิตกำลังเข้าถึงระดับปฐมฌาน ถ้าหลับตาฝึกระวังนิมิตที่มัน
    จะพุ่งออกมาจากด้านล่างของลำตัวเรา ถ้าลืมตาฝึกให้ระวังนิมิต
    ที่มันเป็นคล้ายๆควันไฟไหม้ ที่จะมาพร้อมกันทางด้านซ้ายและขวา
    ปล.ทั่วๆไปไม่มีอะไรครับ ช่วงนี้
     
  17. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    วันเสาร์ไปถวายสังฆทาน ,ทำบุญปิดทองยกช่อฟ้า ,ทำบุญบริจาคโลงศพ,ชำระหนี้สงฆ์มาครับ
    วันอาทิตย์ ฟังเทศน์สอนนาค , แล้วก็ไปตลาดซื้อปลา ๙ ตัวมาปล่อย

    มะกี้ฝึกกสินน้ำแบบเด็กฝึกหัดครับ สุขสงบดีครับ อิอิ

    ปล.เอาภาพพระอาทิตย์ทรงกรด ถ่าย ณ ที่หนึ่งใน กทม.มาให้สหายธรรมรับชมครับ เห็นว่าสวยดี :cool::cool:^^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4140.JPG
      IMG_4140.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      49
  18. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    พวกนี้มันเสมือนเป็นกำแพงกั้นไม่ให้เราถึงตัวจิตเดิมเราได้
    อย่างที่เราไม่รู้ตัว เพราะเรามีตัววิญญาน ตัวที่จะรู้ มันเผลอ
    ไปตั้งท่าอยู่อย่างนั้น เพราะฉนั้น อะไรก็ตามที่นึกได้ ระลึกได้
    คิดได้ หรือปรุงแต่งได้ ตัดให้หมดเรียกว่าต้ดไฟแต่ต้นลม
    ไม่งั้นยังๆไงมันก็จะเหลือตัวรู้นั่นเอง
    คุ้นๆไหมครับ
    ๑.กายกับจิตประสานสัมพันธ์เชื่อมทุกสรรพสิ่ง
    ๒.กายนิ่งจิตนิ่ง..๓. ไร้ซึงความเคลื่อนไหวใดๆ
    ๔.จิตสงบหมดนิวรณ์ พร้อมสติทางธรรมคอยกำกับ(กันหลง)..
    ๕.ยังเหตุภพภูมิแดนไตรภูมิเปิด...
    ๖.หากดับสัญญาความจำได้แล้วไซร์
    ๗.ปัญญาพึงบังเกิดขึ้นได้เอง..
    นัยยะดับสัญญาคือดับหมดทุกอย่างนั่นหละครับ
    เรื่องอื่นๆก็เช่นกัน....

    ที่แนะให้คืออยู่ ขั้นที่ ๖ ครับ เพื่อไม่ให้มันเกิดเป็นสัญญา
    ขึ้นมาจากตัววิญญานที่ไปเชื่อม จากตัวรู้.
    ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ผ่านอะไรมาก่อนเลยแล้วจะมาทำอย่างที่แนะก็ได้อยู่
    แต่ว่าต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าที่ผ่านมาตามขั้นตอน
    ประมาณนี้...


    """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

    คุณนพคะ ข้าเจ้ามีเรื่องเล่าให้ฟัง
    เมื่อกี่วันก่อนดิฉันนั่งอยู่เฉยๆ คิดขึ้นมาได้ว่าสมัยตอนเป็นเด็กๆป.๓-๔ ดิฉันนอนอยู่ในมุ้ง สมัยนั้นพ่อแม่กางมุ้งค่ะ ดิฉันชอบนอนดูมุ้ง ในหัวมันว่างๆ ตาเห็นมุ้ง หัวไม่มีอะไรไม่คิดอะไรเลย เหมือนเหม่อๆแต่รู้ว่าหายใจอยู่(ได้ยินเสียงหายใจ) สักพักเกิดความรู้สึกแปลกๆ เหมือนจะโดนดูดไปอยู่อีกที่หนึ่ง มันไกลจากมุ้งไปเรื่อยๆๆ ใจก็วาบหวาม กลัวๆเลยรีบลุกไปเล่นที่อื่นค่ะ
    พอวันก่อนดิฉันลองทำดู (ยังพอจำความรู้สึกนั้นได้ ก็แค่เหม่อๆประมาณนี้)
    ดิฉันเห็นเงาคนเดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำทางหางตาขวามือ ใจบอกเอาแล้วสิ เอาเข้าแล้วสิ .... และแล้วความกลัวก็กัดกินใจเหมือนเดิม ๕๕๕๕๕๕

    คำถามคือ ควรจะเข้าไปในอาการแบบนี้อีกไหม มันคืออะไร หรือเราไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเผลอนั่งเหม่อแล้วเจออีกต้องทำไงต่อคะ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    กิริยาปกติมากครับ ให้เฉยๆไอ้ที่คล้ายโดนดูดๆก็ปล่อยให้สุดไปเลย
    ไม่ว่ามันเหมือนโดนดูดถอยหลัง กิริยาคล้ายๆเราลอยได้ ในแนวราบ
    ปล่อยให้ลอยไปจนสุดไปครับถ้าผ่านได้ จิตจะโปร่งโล่งเลยและก็จะไม่เป็นอีก
    ส่วนการเห็นได้แบบนั้น ไม่ว่าหลับตาแล้วเห็นเพราะจิตมันเป็นทิพย์
    หรือลืมตาแล้วก็ยังเห็นอยู่เพราะสภาวะความเป็นทิพย์คงค้าง
    หรือหลับตาอยู่แล้วเห็นสภาพแวดล้อมได้ พวกนี้เรื่องปกติให้เฉยๆครับ..
     
  20. firse007

    firse007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +109
    ผมกำลังจะเริ่มฝึกเช่นกัน
    ขอบคุณกระทู้ดีๆแบบนี้และขอบคุณทุกๆท่าน
    และคุณ nopphakan ด้วยนะครับที่ให้คำแนะนำ
    อยากให้ช่วยแนะนำกระผมด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...