แปลความหมาย สัตว์ร้ายในพระคัมภีร์วิวรณ์ และหมายสำคัญก่อนวันสิ้นโลก

พระคัมภีร์เดิมมีความตรงกันกับพระคัมภีร์ใหม่ทุกประการ ไม่มีผิดเลยแม้แต่ตัว

อักษรเดียวครับ พระเยซูกล่าวว่า "ทุกอย่างในพระคัมภีร์(เดิม)ก็ล้วนแต่พยากรณ์

กล่าวถึงเรา" ขอบคุณคุณ obs2553 ที่ได้ยกพระคัมภีร์ใหม่ออกมา กล่าวถึง "สัตว์ร้าย ที่มีตัวเหมือน

เสือดาว เท้าเหมือนหมี ปากเหมือนสิงโต" ซึ่งผู้เขียนจะแปลความหมายให้ดังนี้ สัตว์ทั้ง 3

ตัวนี้ เป็น สัญลักษณ์ของ อาณาจักรใหญ่ 3 อาณาจักโบราณที่เคยมีมาในโลกนี้ โดยจะอธิบายดังนี้ คือ กล่าวถึงพระคัมภีร์เดิม ในพระ

ธรรมดานิเอลได้พูดถึงสัตว์ที่ขึ้นมาจากน้ำทะเลว่า ตัวแรก เป็นสิงโตที่มีปีก2ปีก ตัวที่สอง เป็นหมี

คาบซี่โครงอยู่3ชิ้น ตัวที่สาม เป็นเสือดาวมี4หัวและมี4ปีก ตัวที่สี่เป็นสัตว์ร้ายที่

น่าสะพรึงกลัว มีฟันเป็นเหล็ก ที่จริงความหมายของสัตว์นี้ ทูตสวรรค์ได้บอก

ท่านดานิเอลว่า "สัตว์ร้ายทั้ง 4 ที่ท่านได้เห็นว่าขึ้นมาจากทะเลนี้ ก็คืออาณาจักรทั้ง 4 ที่จะบังเกิดมีขึ้นมาในโลก" ซึ่งถูก

แปลความหมายได้ดังนี้ คือ 1. สิงโต คือ อาณาจักรบาบิโลน(เพราะท่านดานิเอลอยู่ในยุคของ

บาบิโลน) 2. หมี คือ อาณาจักรเมโด-เปอร์เชีย 3. เสือดาว คืออาณาจักรกรีก และเป็นที่น่าประหลาดใจว่า ที่เสือดาวนี้จำจะต้องมี 4 หัว และมี 4

ปีกนั้น ก็มีความหมาย เพราะว่า ตอนที่กรีกชนะเปอร์เชียได้ ผู้นำคือ อเล็กซานเดอร์มหาราช แต่มาภายหลัง

อเล็กซานเดอร์ได้เสียอำนาจไป และอาณาจักรกรีกก็ถูกแก่งแย่งชิงเป็น 4 ส่วน

และถูกปกครองโดย 4 แม่ทัพเอกของอเล็กซานเดอร์เอง ได้แก่ 1.แคสแซนเดอร์(ปกครองกรีก และพื้นที่

ส่วนที่กลายเป็นโรมัน 2.ไลซิมคัส 3.เซลิวคัส(ปกครองซีเรีย และเอเชียไม

เนอร์) 4.ปโตเลมี(ปกครอง อียิปต์และ ปาเลสไตน์) ซึ่งพระคัมภีร์ได้พยากรณ์ไว้ก่อนที่

เหตุการณ์นี้ก่อนที่จะเกิดขึ้นไว้หลายร้อยปีแล้ว ส่วนสัตว์ที่น่าสะพรึงกลัว และมีฟันเหล็ก

กัดอะไรก็แตกหัก นั้นก็คือ อาณาจักรโรมันนั่นเอง โดยสัตว์ร้ายตัวสุดท้ายในหนังสือวิวรณื ที่เป็นสัตว์ร้ายที่จะนำพาโลกสู่ความพินาศนั้น มี

สัญลักษณ์ของ 3 อาณาจักรใหญ่ทั้ง 3 รวมอยู่ในตัวเลยทีเดียว คือทั้ง สิงโต, หมี และ เสือดาว ส่วนหัวของสัตว์ร้ายตัวสุดท้ายนี้ หัวหนึ่งที่ถูก

ฟันปางตายแต่สุดท้ายได้รับการรักษาจนหาย ก็คือ อาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้ว(ถูกฟันปางตาย) และ ก็จะกลับมาอีกครั้งในอนาคต(ได้รับ

การรักษา) ทั้งนี้ พระคัมภีร์เดิม และ พระคัมภีร์ใหม่ ล้วนก็ได้กล่าวถึงพระเยซูและกล่าวถึงวันพิพากษาและ สอดคล้องกันทุกอย่าง แต่ทั้งนี้

สิ่งที่ยิ่งกว่าการยึดถือในพระคัมภีร์ ก็คือการรักพระเจ้า และ เชื่อว่าพระเยซูนั้นเป็นบุตรของพระเจ้า และประพฤติตามคำสอนของพระองค์ ส่วน

สัตว์ร้ายจะเป็น คอมพิวเตอร์ไม่ได้เลย เพราะทูตสวรรค์ได้บอกท่านดานิเอลว่า สัตว์ร้ายทั้ง 4 ได้แก่อาณาจักรที่จะเกิดมีขึ้นมาในโลก ส่วน

สัตว์ร้ายที่เป็นในกาลก่อน และ ปัจจุบันไม่ได้เป็น และภายภาคหน้าจะเป็นขึ้นมาและจะนำไปสู่ความพินาศ นั้น หมายถึง อาณาจักรที่เคยเป็น

มาก่อนในอดีต และ ปัจจุบันอาณาจักรนี้ได้หายไป และ ในอนาคตอาณาจักรนี้จะกลับมาอีกครั้งและนำพาโลกสู่ความพินาศ ซึ่งสัตว์ร้ายนั้น

ไม่ได้หมายถึง คอมพิวเตอร์ หรือ ไมโครชิพ อะไรนั่นเลย

 

ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันค่ะ

โดยส่วนตัวแล้ว ไม่มีความสามารถในการถอดความหรือแปลความหมายที่ซ่อนเหล่านี้
ดิฉันก็แค่แชร์ข้อมูลที่ดิฉันได้รับรู้มาและเห็นว่าเข้าทีให้ทราบ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
วิวรณ์เป็นคำพยากรณ์ที่เป็นภาพนิมิตของอัครทูตยอห์น นับเป็นเรื่องยากในการถอดความ

สำหรับผู้สนใจ คงต้องติดตามกันต่อไป..

 

พระเยซูกล่าวว่า "จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน เพราะว่า

ทุกคนที่ขอก็ได้รับ คนที่แสวงหาก็พบ และคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา" ถ้าเราขอสติปัญญาเพื่อ

การเข้าใจ เราก็จะได้รับ ถ้าเราแสวงหาทางของพระเจ้าเราก็จะพบอย่างแน่นอน โดยจะมี

เรื่องราวบางอย่างในชีวิตที่ทำให้เราได้ค้นพบ และผู้ที่รักพระเยซู พระองค์ก็จะทรงรับรอง

เขาไว้ สิ่งเหล่านี้ ผู้เขียนขอเป็นพยาน โดยผ่านจากชีวิตของตัวผู้เขียนเอง

 

อัพเดท 13/01/2015

 

ณ ปัจจุบันนี้ก็ได้มีกลุ่มคนที่คิดริเริ่มแผนการสร้างอาณาจักรขนาดใหญ่ที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามทั้งหมดให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว และได้กำลังลงมือทำอย่างสุดกำลัง มิใช่แค่การกล่าวอ้างขึ้นมาลอยๆว่าอยากจะทำ แต่ข้าพเจ้าบอกได้เลยว่าพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ เพราะคนที่จะทำสำเร็จคือชายผู้หนึ่งซึ่งฉลาดมากและเก่งการวางแผนการรบ (หมายเลขชื่อของเขาคือ666) เขาจะได้รับการมอบอำนาจโดยความยินยอมจากประเทศต่างๆ10ประเทศ รวมกันเป็นอาณาจักรใหม่ที่เคยมีชื่ออยู่ในกาลโบราณขึ้นมา และเขาจะนำพาโลกไปสู่ความพินาศ...แต่สิ่งที่เกิดในปัจจุบันนี้ก็ถือเป็นสัณญาณว่าจุดเริ่มต้นของสิ่งเหล่านี้ก็ได้กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

พระคัมภีร์เขียนไว้เชิงสัญลักษณ์ ที่เรามาตีความนี้พอจะบอกได้ไหมว่าถูกต้องกี่เปอร์เซนต์ หรือแค่อนุมานเอาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนี้

 

ด้วยความเคารพ การตีความนั้นอาจจะผิดทั้งหมด หรือ อาจจะถูกทั้งหมดก็สามารถเป็นไปได้ทั้งหมด เราไม่สามารถทราบได้จนกว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง ดังเช่นที่ สมัยในช่วงที่ยังไม่มีประเทศอิสราเอลในโลกในพระคัมภีร์ก็มีข้อความกล่าวชี้ว่าประเทศอิสราเอลจะต้องกลับมาเป็นประเทศ และมีคนตีความได้และบอกกับทุกคนว่าในอนาคตอิสราเอลจะกลับมาเป็นประเทศได้อีกครั้ง แต่ทุกคนบอกว่าคนนี้เพ้อเจ้อและน่าหัวเราะเยาะ แต่สุดท้ายในปี 1948 อิสราเอลก็ตั้งประเทศขึ้นใหม่ดังที่พระคัมภีร์ได้บอกไว้ อีกข้อหนึ่งเช่น ตอนที่ท่านดานิเอลผู้ที่ได้รับการเปิดเผยถึงเรื่องในยุคสุดท้ายจากทูตสวรรค์ ท่านนั้นก็ไม่เข้าใจในความหมายจึงได้ถามทูตสวรรค์ แต่ทูตสวรรค์ก็ตอบกลับว่า "ถ้อยคำเหล่านี้ได้ถูกปิดไว้แล้ว และถูกประทับตราจนถึงวาระสุดท้าย" ซึ่งแปลว่า เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น คนในยุคนั้นๆจะเข้าใจได้เองและเขาจะเข้าใจคำลึกลับทั้งหมดผ่านเหตุการณ์ในยุคนั้น แล้วเขาจะรู้ได้ว่าตัวเองได้อยู่ในช่วงเวลาใหน และจะได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพระเยซูจะกลับมาเมื่อใหร่ แต่ถ้าสุดท้ายถึงเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริงวันหนึ่ง มันก็ไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า ดังนั่นจงแสวงหาพระเจ้าก่อนเพราะพระเยซูได้บอกไว้แล้วว่า "จงหาแล้วจะพบ"

 

ไม่ว่า สัตว์ร้าย ตนนั้นจะคืออะไร แต่สิ่งที่น่ากลัวในตอนนี้ คือ มนุษย์ผู้ที่กระหายอำนาจ กดขี่ข่มเหง เพื่อนร่วมโลกด้วยกัน

 

จะสิ้นยุคเพราะคนไทยไม่สามัคคีกันนี่แหละ

 

ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น

 

กษัตริย์ทั้ง10ที่จะทำพันธสัญญาต่อกัน

 

เรื่องมันมีอยู่ว่า หากมนุษย์ใดชนเผ่าใด มีจิตใจที่อำมหิตโหดเหี้ยม
ไม่มีความเมตตาปราณีแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เห็นประโยชน์แก่ตน
และพวกพ้อง ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ แสงหาวัตถุเทคโนโลยีที่เห็น
ว่าเป็นสิ่งที่อำนวยความสุข ความสบาย มากกว่าคุณค่าทางจิตใจ
มองเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีเหลื่อมล้ำกัน แบ่งแยกความเป็นคน
วัดคุณค่าความเป็นคนด้วยสิ่งภายนอก นำมาซึ่งความโกรธแค้น
และดูถูกเหยียดหยาม ก่อให้สงครามภายใน และสงครามภายนอก
ลางร้ายจะเริ่มมาเยือน เกิดวิกฤตแก่โลก จากภัยธรรมชาติต่าง ๆ
อากาศที่วิปริต ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์และสัตว์
ภาวะเศรษฐกิจ อาหารขาดแคลน นี่เป็นจุดสัญญาณเตือนภัย

นอกจากความเจริญทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และ การทำลาย
ความสมดุลทางทรัพยากรธรรมชาติแล้ว จิตใจของมนุษย์
ก็มีส่วนอย่างมาก พลังงานด้านลบของจิตมนุษย์ ก็ทำให้โลกเสียความสมดุล
ได้เดินไปสู่ความตกต่ำของโลก เป็นผู้ทำลายล้างโลกมากกว่าสิ่งใด
หากเกิดสงครามขึ้นมาวันใด ก่อนที่จะเกิด

1.ภัยธรรมชาติได้ดำเนินการก่อน เพราะถ้า เกิดสงครามก่อน ด้วยเทคโนโลยี
ความเจริญก้าวหน้าของอาวุธยุทโธปกรณ์ นิวคลียร์ สามารถทำลายล้างโลกได้
ผลกระทบจะสาหัสกว่าภัยธรรมชาตินั้น ไม่ยกเว้นแม้คนดีและคนชั่ว จะหนักรุนแรง
กว่ามาก ผลกระทบทั่วโลก
2.ภัยธรรมชาติจะเกิดแก่ประเทศที่เป็นต้นเหตุแก่การเกิดสงครามก่อน เพื่อหยุดยั้ง
หรือเตือน ผู้นำประเทศล้มเลิก หันมาสนใจพัฒนาประเทศตน
3.ภัยธรรมชาติ เริ่มปรับสมดุลในตัวเองแต่ละประเทศ หรือ โซน เพื่อสร้างใหม่
โดยทำลายส่วนเกินของวัตถุเทคโนโลยี ที่มีผลต่อระบบสมดุลของโลก โดย
เฉพาะประเทศที่เจริญแล้ว หรือ ประเทศที่ทำลายทรัพยากรของโลก

ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย อาจเกิดเพียงข้อใด ข้อหนึ่ง หรือ ทั้ง 3 ข้อ ก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ของมนุษย์ในโลกนี้ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ
ผู้กุมชะตากรรมของโลก และ มนุษย์ทุกคนผู้กุมชะตากรรมของโลก
ผู้มีอิสระในการเลือก เพื่อตัดสินใจ

และภาวะในปัจจุบันนี้ละ ปัญหาของโลกร้อน ปัญหาของทรัพยากรธรรมชาติ

อย่างไรก็ต้องคืนความสมดุล ที่พระศาสดาตรัส อย่าใช้ชีวืตบนความประมาท
ให้มีศีล 5 และดำรงอยู่ในคุณธรรม สามัคคีในกลุ่มชน หากผู้ใดใช้ชีวิตโดยประมาท
ถ้าเป็นขาดศีล ขาดธรรม สภาวะจิตใจตกต่ำจะถูกบีบคั้น จากเจ้ากรรมนายเวร
ให้กระทำการที่เป็นเหตุให้อายุสั้น อุบัติเหตุ ฆาตกรรม หรือ ตายหมู่ เป็นต้น

โลกต้องได้รับคืนความสมดุล ไม่ก็ทางใดทางหนึ่ง เมื่อเป็นไปตามชะตากรรมของโลก
เป็นไปตามยุค เป็นไปตามกาล ไม่รู้ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใด เราก็ใช้ชีวิตโดย
ไม่ประมาท เราทุกคนสามารถช่วยตัวเอง ธรรมย่อมรักษา และความรักสามัคคี
ปฏิบัติอยู่ในศีลธรรม ช่วยประเทศให้พ้นภัยได้ไม่มากก็น้อย

ข้าพเจ้าบ่นอะไรคะเนี่ย ขออนุญาติใช้พื้นที่ โปรดใช้วิจารณญาณ