ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

แต่การทดลองก็ล้มเหลวอีกครั้ง ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถรับพลังงาน
อันมากมาย ของเซลล์ต้นกำเนิดของชาวสุริยะ อุณหภูมิในร่างกายของมนุษย์กลับ
สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเค้าจึงให้น้ำยาอมตะ น้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์กับนาง
น้ำยาสีน้ำเงิน ช่วยบรรเทาอาการทางกายได้ แต่ชาวสุริยะต้องดูดซับพลังงาน
จากคริสตัลเพื่อความสมดุลย์ และถ่ายเทความร้อน และพวกเค้าจะไม่ตื่น จนกว่า
จะโตเต็มวัย พวกเค้าไม่มีวัยเด็ก

เมื่อทารกเริ่มก่อตัว เป็นเพียงตัวอ่อน ชาวนามิ ได้นำเซลล์ต้นกำเนิดของเอ็มบริโอ้
ที่รวมตัวกันระหว่างแม่มดขาว แม่ทัพขาโหด ชายและหญิงมนุษย์ พวกเค้าก็นำ
เอ็มบริโอ้นั้น มาโคลนนิ่ง เป็นจำนวนทั้งหมด ทั้งตัวอ่อนต้นแบบ และโคลน
ทั้งหมดเป็นมนุษย์เพศชาย 10 คน พวกเค้าถูกเลี้ยงไว้ในแคปซูลขนาดยักษ์
ที่เชื่อมต่อพลังงานกับพลังงานคริสตัล ซึ่งการทำงานนี้ ถูกดูแลโดยแม่ทัพผู้ดูแลผลึก

แต่เกิดคำถามว่า เด็กทั้งหมดเป็นผู้ชาย แล้วพวกเค้า จะเป็นผู้สืบทอดสุริยะวิถีได้เช่นไร ชาวสุริยะ จึงใช้เทคโนโลยีทางจิตขั้นสูง
ซึ่งผู้เสียสละคือ แม่ทัพขาโหด หรือ ปาป้า (บิดาแห่งชาวสุริยะ)
โดยการเก็บสัญญาและความรู้ความรู้สึก
ความทรงจำทั้งหมด เพื่อถ่ายทอดให้ต้นแบบชาวสุริยะยุคใหม่ ทั้ง 10 คน จะครบ
1 รอบ(กำเนิด-ตาย) แม่ทัพจึงจะตื่นจากการจำศีล

 

ชายหญิงต้นแบบ ได้รับการล้างสมอง และบรรจุอดีตลงไป
พวกเค้าจำได้ว่าทั้งคู่ เป็น ราชา และ ราชินี ผู้เป็นอมตะ(เกือบอมตะ เพราะน้ำยาสีฟ้า)
และมีลูกชาย 10 คน ทั้งหมด นี้ เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของ

Atlantis

 

เล่าโดยย่อ Atlantis เป็นดินแดนที่ลอยอยู่บนน้ำทะเล
หรือจะเรียกว่าเกาะ แต่มันไม่ได้ลอยอยู่บนผืนดิน เป็นยานขนาดยักษฺ์
ที่นำเทคโนโลยีทั้งหมด มาจากยานแม่ของชาวสุริยะ

เป็นสถานีอวกาศขนาดใหญ่ มีเทคโนโลยี ครบถ้วน ทั้งไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
การใช้พลังงานจากคริสตัล ทั้งแกแล็กซี่ และจักรวาล ต่างรู้จักชาวสุริยะ
บนดาวสีฟ้า มีมนุษย์ต่างดาวหลายเผ่าพันธ์ เป็นพันธมิตร กับต้นแบบทั้ง 10
ต่างคนต่างแบ่งเกาะกันปกครองไม่ขึ้นต่อกัน

มันมากเกินกว่าจินตนาการ การขึ้นลงจอด ยานอวกาศบ้างก็เป็นแนวดิ่ง
บ้างก็เป็นการวาร์ปมา มีการจัดระเบียบการบิน โดยใช้ระบบตรวจจับ แันทรงประสิทธิภาพ
มีมนุษย์เริ่มมาที่เกาะ ดินแดนแอตแลนติสมากขึ้น กลายเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ ทั้งเรืออันทรงพลัง แต่มนุษย์ได้อยู่เพียงแค่ ชั้นวงรอบที่สาม
ชั้นในสุดเป็นหอขนาดใหญ่ และบริเวณที่เรียกว่า เขตเสรีททุกดาว สามารถแลกเปลี่ยน
กันได้ที่ชั้นในสุด

 

จบซะงั้น....
วันนี้ไปเกลารากฟันรอบสองมา ทานยาแก้ปวด รู้สึกง่วง
ขอตัวพักผ่อนเพียงเท่านี้

ขอหยุดเรื่องอวกาศ
พรุ่งนี้จะกลับอโยธยา

 

การล้างสมองของชาวนามิ และการบรรจุความทรงจำ
ทำได้แนบเนียนมาก ราชินี จำได้ว่านางคลอดทารกทั้งสิบ
เด็กๆเติบโตขึ้น จนกลายเป็นเจ้าชาย จนกลายเป็นราชา
นางไม่สงสัยเลยว่า ทั้งสิบหน้าตาเหมือนกัน อายุเท่ากัน
ความทรงจำของคนรอบข้าง คนที่อยู่ในวังหลวงของแอตแลนติส

ถ้าเทคโนโลยีนี้มีจริง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือ เรื่องจริง

นึกถึงหนัง resident evil ที่นางเอกโดนโคลน แล้วใส่ความทรงจำลงไป

 

ผมเอาตำนานแอตแลนติสจากความเชื่อเก่าๆและการค้นคว้าหาความจริงมาฝากเพิ่มไว้ให้ครับ เผื่อจะมีอะไรน่าสนใจเพิ่มเติม

PANTIP.COM : X7274200 Atlantis

 

มารอฟังเรื่องเล่าจากอโยธยาจ้า

 

เขียน ๑๔.๒๕

แล้วการโคลนนิ่งทางจิตวิญญานล่ะครับ มีรึเปล่า
แบบว่าเอาวิญญานหลายๆ ท่าน มาทำโคลนนิ่ง
แบบแยกส่วนประสิทธิภาพต่างๆ ไม่ได้เอามาทั้งหมด ทุกท่าน

โคลนมาเฉพาะส่วนดี ของแต่ละท่าน แล้วโคลนนิ่งจิตวิญญานขึ้นมา
เป็นแบบผสม แบบค็อกเทล หรือแบบลูกครึ่ง ครึ่งควบลูก หรือลูกควบลูกครึ่ง ๕๕๕

ก่อนที่จะนำส่ง ให้มาเกิด โดยยังปิดสวิตซ์คุณสมบัติพิเศษต่างๆ ไว้ก่อน
เมื่อถึงกาละเทศะที่เหมาะสม จึงจะสามารถเปิดสวิตซ์แต่ละอันได้

บางทีอาจจะมีการใส่จิตวิญญานของธรรมชาติลงไปด้วย ล่ะมั้ง นะ
หรืออาจเป็นเรื่องบังเอิญ แบบว่าตอนทำการทดลองกันอยู่
แล้วบังเอิญ (หรือเปล่า) ให้มีกระต่ายกระโดดลงไปในหม้อทดลองอ่ะ
ทำให้บังเอิญได้ผลลัพธ์ ที่แปลกประหลาด คาดไม่ถึง มหัศจรรย์พันลึกกก

บางส่วนของนิทานด้านบนนี้ ได้ล่องลอยเปะปะ
อยู่ในตำไม่นาน ของหมู่บ้านในนิทาน ไม่ค่อยนานมาแล้วน่ะครับ หึหึหึ

แหม..ความฝันปะทะนิทาน จินตนาการก็บรรเจิด ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / thaiufo555
.

 

ยิ่งเขียนยิ่งเข้าตัว โบราณไม่ได้กล่าวไว้ จารุกล่าวเอง 555

จริงๆถ้าอ่านงานวิจัยสมัยใหม่ จะพบว่า ในสายพันธุกรรม
มีนิสัยติดมาด้วย หรือเรียกว่า สันดานฝังลึกในพันธุกรรม

ถ้าเอาหลายๆๆ คนมารวมกันก็ทำได้ ในนิทานนั้นแค่ปฐมบท
หลังๆจากนั้น ท่านแม่ทัพสุขุม กับท่านแม่ทัพผลึก ก็นำเอา
จิตวิญญาน และ นำสายพันธุกรรมของตนมาตัดแต่งรวมกัน
แบบแม่ทัพสามคน ในร่างเดียว รวมกับสายมนุษย์หญิง กับแม่มดขาว
การทดลองจับคู่แบบเยอะมาก ถ้าเป็นสมการ ก็ยกกำลังซ้อนยกกำลัง
พอดีไม่ชอบคณิตศาสตร์ และที่แปลกคือ เซลล์ของชาวสุริยะ
ไม่เหมือนคน มันเป็นเซลล์ที่มีวิวัฒนาการเอง ปรับสภาพได้ดีเยี่ยม
ถ้ามีเซลล์สุริยะ มากกว่า 70 % ก็สามารถดำรงอยู่ได้

หลังจากนั้นไม่นาน ชาวนามิ ก็ สามารถรวมร่างกับคนสำเร็จ
และสามารถปรับปรุงพันธุกรรมของมนุษย์ จนเริ่มมีคนมีพลังจิตมากขึ้น
ทั้งลูกครึ่งลูกควบสุริยะ ลูกควบชาวนามิ ผสมชาวสุริยะ

อะไรเทือกนี้

ส่วนการแบ่งจิตตอนนี้ เท่าที่ฝันเพ้อ คนที่ถูกฝังชิบ(ขอเรียกแบบนี้นะ)ความทรงจำ
ความสามารถนั้น ต้องได้รับการกระตุ้น โดยคริสตัล หรือเครื่องมือของชาวนามิ
จึงจะสามารถตื่นได้ ในอเมริกา น่าจะมีการทดลอง เพิ่มพลังงานทางจิต แต่คงไม่สำเร็จหรอก มันยากกว่าที่คิด มีรหัสทางจิต ซับซ้อน มนุษย์ส่วนมาก ถ้าไม่ได้
รับการช่วยเหลือจากศตรูของชาวสุริยะ หรือโดนฝังชิปซ้ำ น่าจะไม่สามารถจำไรได้เลย

ประมาณนั้น มั่วไปเรื่อยอ่ะนะ วันนี้มึนมาก โดนยาแก้อักเสบหมอไป หรือยาไรไม่รู้
มึนและง่วง นอนทั้งวัน เพิ่งตื่น

 

พี่โอนเงิน 1,000.00 บาทเข้าบัญชีพระมานะ วันที่ 28 เมษายน 2558 เพื่อร่วมสร้างบ่อบาดาล ช่วยกราบเรียนท่านด้วยค่ะ

 

เรื่องเล่าโดยย่อ Atlantis ในRepที่ #2775 ของจารุจัน.
เหมือนกับที่พวกที่มาจาก แอตแลนติส เล่าให้ฟังเลย
พอดีรู้จักอยู่ประมาน ๖ ถึง ๗ คน ที่เคยเจอตัวประมาน ๓ ถึง ๔ คน
พวกนี้ดูไม่ยาก. นอกจากตัวจิตจะมีกะแสด้านพลังงานตามแนวกะดูกสันหลัง
ขึ้นไปข้างบนโดยธรรมชาติแล้ว ที่แปลกคือ ตามแนวข้างกะดูกสันหลังด้านบน
พวกนี้จะมีปีกทุกคน(หมายถึงกายทิพย์นะ) ไม่ใช่กะหังนะ ๕๕๕
ส่วนอยากรู้ว่ากำเนิดจากส่วนไหนจากที่นั่น
ให้เชื่อมไปยัง ต้นกำเนิดที่นั่น จะทราบได้เอง
คิดว่า คงไม่เกินความสามารถของจารุ
และพวกนี้เกิดมาจะมีอาวุธทิพย์ติดตัวมาด้วยตั้งแต่เกิด
ไม่ใช่สากกะเบือด้วย ๕๕๕
ยกเว้นจักรแก้วนะ.
ปล.ประมาณนี้ครับ

 

มิน่าละ เราถึงจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่ว่าเป็น แม่ทัพ ขับยานสุริยะ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามนุษย์ ยุคแอตแลนติส เรียกเราว่า เทพโพไซดอน สถานบันเทิงแถวรัชดา มันเอาชื่อเราไปตั้ง เสียหายหมด แต่พอมายุคอียิปโบราณ มนุษย์ เรียกเราว่า เทพอนูบิส แต่พอมายุครัตนโกสิน ทำไมมนุษย์ เรียกเราว่า java108 ได้ไงหว้า

 

ขอจองที่ก่อนนะ แล้วจะเล่าอะไรให้ฟัง เกี่ยวกับแอตแลนติสนี่แหละ จะได้ต่อเนื่องกันครับ

จะทะยอยแก้แล้วโพสเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ จนจบ

ย้อนเวลากลับไปในยุคที่โอ๊ะโอ(icq)กับ msn เรืองอำนาจ เอ๊ย ม่ายช่าย หมายถึงกำลังเป็นที่นิยมกันในหมู่นักคุยออนไลน์ทั้งหลาย ตอนนั้นข้าพเจ้ายังหนุ่มอยู่เลย ^_^ ข้าพเจ้าในยุคนั้นมีเพื่อนๆคุยอยู่หลายคน มีอยู่วันหนึ่งก็มีโอกาสได้แชทกับเพื่อนผู้หญิง 2 คน... และผู้หญิงทั้งสองคนนั้นมีความสามารถทางจิตหรือจะเรียกว่ามีญาณทิพย์ก็ได้นะ ข้าพเจ้าก็ชวนคุยเรื่องแอตแลนติสนี่แหละ เรื่องราวมหัศจรรย์ก็พลันบังเกิดขึ้น ขอเบรคโฆษณาแป้บ เดี๋ยวเขียนต่อ ^_^

แนะนำตัวละครก่อนนะ ผู้หญิงคนแรกเป็นเพื่อนผมทางเน็ต(ขอใช้นามสมมุติว่านกกระจิบละกันนะ) เคยคุยกันทางพันทิพย์ดอทคอม ตอนนั้นเว็บพลังจิตยังไม่เกิดเลย ส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นเพื่อนของเพื่อนเธอที่แวะมาคุยด้วยผ่านโปรแกรมแชท พอคุยถึงเรื่องแอตแลนติส เธอทั้งสองคนซึ่งอยู่คนละสถานที่กันก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้ เหมือนมีพลังอะไรมากระทบ แล้วในที่สุดก็เผยให้เห็นถึงผู้หญิงชุดดำ เธอก็พูดถึงแม่มดขึ้นมา เป็นการเห็นพร้อมๆกันทางจิตนะ ในขณะที่ผมคอยอ่านอย่างตื่นเต้นไปด้วย....

ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันครับว่าอยู่ดีๆมีแม่มดโผล่มาได้ยังไง คุณนกกระจิบก็เลยสอบถามเรื่องราวของท่านชุดดำ ท่านก็เล่าเรื่องราวในยุคนั้นซึ่งเกี่ยวข้องกับแอตแลนติส ในช่วงที่ถึงกาลล่มสลาย เท่าที่จำได้ ท่านผู้นี้มีตำแหน่งสูงของแอตแลนติส เป็นสตรีที่สวยและงดงามมาก แต่เพราะปัญหาด้านการแย่งชิงอำนาจกัน ก็เลยทำให้เกิดการล่มสลายในเวลาต่อมา ท่านบอกว่าคุณนกกระจิบเคยเป็นน้องสาวของท่านมาก่อน ตอนที่ท่านชุดดำปรากฏตัวใหม่ๆ รู้สึกได้ว่าท่านมีความทุกข์ใจอยู่มาก คุณนกกระจิบจึงได้เล่าเรื่องราวธรรมมะให้ท่านฟัง จนใจของท่านชุดดำพ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งหลาย มีความสุขขึ้นมากเหมือนได้รับผลบุญ(ผมเดาเอานะ) รายละเอียดที่จริงมีมากกว่านี้ครับ แต่เนื่องจากว่าจำได้ไม่ต่อเนื่อง จึงสรุปไว้สั้นๆ สุดท้ายท่านชุดดำก็ไปสู่ภพภูมิที่ดีครับ... ยังครับ ยังไม่จบ ยังมีต่ออีก ตอนสำรวจปิระมิดใต้น้ำ

คุณนกกระจิบนี่ เธอมีเด็กๆเทพเทวดาติดตามจะขอมาอยู่ด้วย 3 ท่าน เผื่อจะได้เกิดเป็นลูก คงมีความผูกพันกันมาแต่ปางก่อน สมมุติชื่อว่า น้องนที น้องวิน และน้องมณี ซึ่งน้องนทีและน้องวินเป็นเด็กผู้ชาย ส่วนน้องมณีเป็นเด็กผู้หญิง อายุน้อยที่สุด และดูเหมือนจะซนสุดด้วยมั้ง....

ผมก็คุยๆกับคุณนกกระจิบต่อเรื่องปิระมิดใต้น้ำว่ามันมีจริงมั้ย เคยอ่านในหนังสือว่ามีการสำรวจไปเจออะไรบางอย่างที่อยู่ใต้น้ำ พอดีตอนนั้นเด็กๆเขาอยู่ด้วยเวลาคุยกัน น้องมณีชอบเที่ยวเลยอาสาจะไปสำรวจดูว่ามีจริงเปล่า เธอก็เนรมิตเรือดำน้ำสีชมพูขึ้นมา (น้องมณีเธอชอบสีชมพูเป็นพิเศษ) แต่คุณนกกระจิบเป็นห่วงเลยให้พี่ๆตามไปดูแลด้วย...

น้องมณีกับพี่ชายก็ขึ้นเรือดำน้ำสีชมพูหายไปพักหนึ่ง แล้วกลับมารายงานข่าวว่า ไปเจอปิระมิดที่ว่าแล้ว แต่มีผู้ดูแลที่นั่นคุมอยู่ เขาไม่ให้เข้าไปข้างใน น้องมณีเลยเลยต้องใช้ตาทิพย์สำรวจว่ามีอะไรข้างในนั้น ถ้าจำไม่ผิด ที่ปิระมิดนั้นมีผลึกคริสตัลขนาดใหญ่อยู่ด้วย (ผมเดาว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในยุคนั้น) สรุปได้ย่อๆก็ประมาณนี้ครับ

จบแล้วจ้า หากผิดพลาดประการให้ขออภัยด้วยนะครับเพราะจำได้มั่ง ลืมไปมั่ง

 

รอฟังด้วยคน อิอิ

ป.ล.ทันยุค icq กับ msn เหมียนกัน อิอิ

 

แหมคุณ aries เล่าปุ๊บมีพลังงานบางอย่างมากระทบตัวเราทันที เหมือนกัน คนที่ไม่รุ้จักพวกเราคงคิดว่า เรามโนไปเองหรือโม้มากกว่า แต่บังเอิญเรามีใบรับรองจากเบื้องบน ว่าเป็นของจริง คือมีชิพของแท้ติดตัว เรามีปีกทั่งโปรดและปราบ แต่มีบางคนแถวนี้มองไม่เห็นปีกของเรา เพราะอะไรหนอ...........ปิรามิดใต้ทะเลที่ว่า น่าจะเป็น ปิรามิดที่เบอร์มิวด้า นะ ข้อมูลล่าสุด ที่ประเทศไทยก็มีปิรามิด แต่อยู่ที่ไหน ไม่บอก

 

เขียน ๒๓.๕๒

อ่านไปอ่านมา สองสามรอบ เพิ่งนึกอะไรออกเรื่องนึง อยากถาม ว่า

ชาวนามิ นี่ตัวเล็กๆ ใช่ไม๊ สูงซัก เจ็ดแปดสิบเซนได้ไม๊น๊า
แล้วพวกเค้ามียานลำเล็กๆ คล้ายๆ จานบินแบบคลาสสิค
ใช้นั่ง แล้วลอยไปลอยมา แทนการเดิน มีไม๊ครับ

ลำไม่ใหญ่นักนะ ใหญ่กว่าตัวเค้านิดหน่อย
นั่งลงแล้ว เกือบพอดีตัวน่ะ แล้วมีจานโค้งมนรอบๆ
รวมแล้วกว้างประมาณเมตรนึง ความสูงแค่สี่ห้าสิบเซน
ไม่รวมฝาครอบนะครับ มีหรือเปล่าหว่า

ที่คิดเอาเองว่าไม่เคยเห็นครั้งนึง น่าจะเป็นแบบนั้นน่ะนะ
บนดาดฟ้าที่บ้าน ที่เคยเป็นบ้านของเราน่ะครับ

อ้อ..อีกเรื่องนึง พวกเค้ามีเทคโนโลยี่แปลกๆ ด้วยรึป่าวน๊า
จำได้ว่า เอาหนังสือของเราเยอะแยะ คัดเลือก จัดเรียง
แล้ววางไว้ในกล่อง ได้สองกล่องใหญ่ๆ ที่คัดไว้
แล้วถ่ายรูป รู้สึกเหมือนกะพวกเค้าจะเข้าถึงความรู้ในหนังสือได้เลยอ่ะ

แปลกไม๊ แต่เราทำอย่างจริงจังมากนะ แต่คงทำด้วยสติแปลกๆ ล่ะมั้ง นะ


กระต่ายป่า ข้างวัด / thaiufo555
.

 

พวกแอตแลนติส นอกจากมีปีกแล้วที่กลางหลังแล้ว
ยังมีที่ส่วนอื่นๆอีก
และที่สำคัญจะต้องมีอาวุธทิพย์ประจำตัวติดมา
ด้วยทุกคน และใช้ได้ด้วย อาวุธแบบ
ที่พระมหาโพธิสัตว์ทางสายมหายานท่านมี
ซึ่งมันสามารถเรียกขึ้นมาบนมือได้
และที่สำคัญคือจับต้องได้ ใช้ได้จริง
คนอื่นๆก็จับได้เช่นกัน พิสูจน์ไม่ยาก
ถ้าเค้าเรียกคันธนูเราไปจับก็จะเป็นด้ามคัน
ธนูแบบเอามือลูบๆแล้วรู้ได้
แต่จะมองเห็นหรือไม่เป็นอีกเรื่อง
อาวุธเช่น ลูกแก้ว ธนูพร้อมคันศร ฯลฯ
ส่วนตัวเคยคุยกัยคนที่มีธนู ถามว่าเอาไว้ทำอะไร
เค้าบอกว่าเอาไว้ยิงใส่วิญญานที่มากวน เลยไม่อยากคุยต่อ
เพราะจิตขาดความเมตตา
เวลายิงออกไปธนูมันจะแยกได้ตามจำนวนวิญญานที่เล็งไว้
จริงๆมันใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆได้ เช่น ตามคนหายไม่เกิน ๓ ถึง ๗ วัน
ถ้ายังไม่ตายจะติดต่อกลับมาเองหรือใช้ เปิดทาง
เวลาเดินป่ากรณีที่โดนปิดตาทำให้หลงวนเวียนบริเวณนั้นๆ
หรือยิงขอฝนแต่ไม่ค่อยทำเพราะจะต้องรับวิบากแทนคน
ที่อยู่ในบริเวนที่ฝนตก ประมาณนี้
และความสามารถในการเชื่อมพลังงานที่ยอดเยี่ยม
พวกนี้ถึงดูคนออกว่าใครมีกำลังแค่ไหน หรือดูออกว่าใคร
แอบอ้างเป็นพวกตัวเองบ้าง
และเก่งจนสามารถยกตัวเองไปอยู่อีกทีหนึ่งได้ก็มี
ถ้าทางบ้านเราเรียกว่า หายตัวได้ หรือว๊าปแบบในหนังนั่นหละ
พวกนี้ปกติเค้าไม่ค่อยเปิดเผยตัวกันเท่าไร
เพราะคนจะมองว่าเค้าเพี้ยนๆหรือบ้า.
บางคนที่กำลังสติไม่แข็งแรง กำลังสมาธิไม่ดี
ธาตุร่างไม่แข็งแรงเลยได้ไป อยู่ตามโรงพยาบาลโรคจิตก็มี
ปล.ทั้งปีก ทั้งความสามารถทางจิตที่ดีเป็นเพียงองค์ประกอบ
แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้แน่ๆ คืออาวุธที่จะต้องเรียกขึ้นมาให้คนอื่นๆสัมผัสได้
รู้สึกได้ มีโอกาสที่จะเป็นพวกที่มาจากแอตแลนติสจริงๆ
ไม่ใช่มีเพราะปากพูดว่ามี แต่พิสูจน์ให้คนอื่นๆสัมผัสไม่ได้
ประมานนี้ที่เคยสัมผัสพวกนี้มาครับ

 

แม่หมอ มาม่า ขำอะไร อิ อิ เราก็ขำเหมือนกัน รู้นะ ว่า อะไรเป็นอะไร เข้าใจตรงกันนะ