กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. Dhamma T-PO

    Dhamma T-PO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +184
    ในนิมิตธรรมจักรคล้ายๆอย่างนั้นเลย รูปของพระสงฆ์ เหมือนที่อยู่บนผนังโบถ์ครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พอเข้าใจครับ.โดยปกติธรรมจักรจะหมุนได้ด้วยนะครับ..
    บางครั้งถ้าวันไหนจิตเราดีได้แบบไม่อยากเกิดแบบชั่วคราว
    เราจะเห็นธรรมจักรแบบนี้อยู่หลังระดับพระพุทธฯบางองค์ด้วยครับ
    แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าในเวลาปกติกิเลสเราจะหายไปนะครับ
    ถึงได้ต้องมาเดินปัญญาลดกิเลสกันต่อ.และก็ควรให้กิเลสต่างๆนั้น
    มันไม่เกิดในเวลาปกติที่เราอยู่ร่วมกับสภาพสังคมปกติด้วยครับ..
    อืมมม.เด่วลองตอบคำถามต่อไปนี้ดูก่อนนะเล่นๆครับ..
    ส่วนกสิณเด่วมาแนะนำให้ครับ จะบอกข้อดีข้อเสียไว้ให้ด้วยครับ..
    ว่าทำไมควรเริ่มต้นที่กสิณกองไหน และกองไหนที่ต้องระวังพิเศษก่อนครับ..
    คำถามข้อแรก ความคิดที่เกิดจากตัวจิต ลักษณะกิริยาเป็นอย่างไรครับ
    มันมีเอกลักษณ์อย่างไรเราถึงรู้ว่าเป็นความคิดที่เกิดจากจิตครับ..
    ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ส่วนนามธรรมมีเอกลักษณ์พิเศษอย่างไรครับ
    ทำให้เรารู้ว่าเป็นความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมครับ...
    ไม่มีผลอะไรนะครับ.ตอบได้ไม่ได้ไม่ใช่ประเด็นหลักครับ..
    ส่วนกสิณก็ลองนึกๆเล่นๆเอาไว้ว่าเราควรจะฝึกกองไหนไว้ก่อนก็ได้ครับ.
    .เด่วตอนนี้ยังไม่สดวกตอบครับจะมาแนะนำให้ภายหลังครับ..
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อืมมมม...ขอบคุณครับ.ข้อความเป็นการเปิดมุมมองที่ดีครับ...

    ..Soooooo Ahooooosiiii
    คิดว่าคุณเข้าใจคำข้างบนนี้นะครับ.
    .เห็นด้วยกับเรื่องตาแห่งปัญญาตาแห่งธรรมรู้เห็นสัจธรรม
    ส่วนตัวมองว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้เดินทางไปถึง
    เป้าหมายปลายทางกันได้ทุกคนครับ..
    ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละบุคคลร่วมด้วย..
    .แต่โดยส่วนตัวจะไม่เน้นเรื่องอาวุธทิพย์อะไรตรงนี้มากเท่าไร..
    และพอเข้าใจถึงเรื่องการกำเนิดอาวุธพวกนี้ขึ้นมา....
    ทั้งจากกลุ่มที่มีติดตัวมากำเนิด ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว..
    หรือกลุ่มที่พึ่งกำเนิดขึ้นมาในชาตินี้ก็ตาม..ประเด็นไม่ได้
    อยู่ตรงที่ว่าในอดีตที่ผ่านมา.นำอาวุธพวกนี้ไปใช้ในทางด้านใดมา..
    ประเด็นสำคัญอยู่ที่ การที่ดวงจิตดวงใดก็ตาม หรือ บุคคลใดๆก็ตาม
    ที่สามารถใช้อาวุธนี้ได้จริงๆ..นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างไร..
    ส่งเสริมในด้านที่เป็นธรรมและก่อเกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ.
    ที่ไม่กระทบเทือนในส่วนภพภูมิ. และเป้าหมายก็นำพาเพื่อการไม่เกิด
    ไม่ดับของดวงจิตได้หรือไม่...

    หากก่อกำเนิดจากกำลังจิตส่วนหนึ่ง ความสามารถพิเศษส่วนหนึ่ง..
    การสร้างพันธมิตรร่วมด้วยส่วนหนึ่ง..ตลอดจนสามารถที่สร้างขึ้นมา
    ให้เป็นอาวุธพิเศษที่ออกจากหน้าอกได้แล้วซึ่งแสดงถึงฐานเมตตา
    ที่ออกจากภายนอกได้แล้วไซร์ จนกระทั่งจักรตัวนี้กลายเป็นจักรแก้วแล้ว
    หรืออาวุธอื่นๆกลายเป็นแก้วได้แล้ว...
    .คงมิต้องห่วงกังวลอะไรกับบุคคลเหล่านี้..ว่าจะนำไปใช้ในทางอกุศล..
    แม้ว่าบางกลุ่มที่กำเนิดมาแล้วมีเลย..มิได้ผ่านการเจริญสติผ่านการเดิน
    ปัญญามาก่อน..นั้นก็เพราะวิบากกรรมมาปิดบังที่ต้องทำให้เป็นไปตามเหตุ
    และถ้าอาวุธที่สร้างจากการสะสมบารมีเหล่านี้..ก่อกำเนิดได้ ใช้ได้จาก
    กำลังสนับสนุนทางภพภูมิ ท่านๆให้มีและให้ใช้ได้.
    .ก็มีขอบเขตในการใช้ได้จริงเช่นกัน..
    บางบุคคลใช้ได้เฉพาะในตอนที่จิตต้องมีสภาวะเป็นทิพย์เท่านั้น
    แต่ไม่สามารถทำให้บุคคลอื่นๆรับรู้สัมผัสได้..บางท่านใช้งานได้ในสภาวะ
    จริงๆเรียกให้ขึ้นมาตอนไหนก็ได้.ใช้งานได้เป็นปกติโดยเฉพาะห่มเหลือง
    สายมหายานหลายๆท่าน หรือกลุ่มบุคคลที่เดินทางสาย อธิบารมีทั้งหลาย..
    แม้ว่าเรื่องพวกนี้ บางบุคคลจะสามารถทำให้ใครรับรู้ได้ สัมผัสก็ตาม..
    แต่มันก็หาใช่เครื่องมือที่นำพาไปสู่ความหลุดพ้นได้.
    และก็ประกันมิได้ว่าบุคคลที่มีเหล่านั้นจะหลุดพ้นวัฏจักรนี้มิใช่หรือครับ..
    ต่างกับธรรมคำสอนของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศทั้ง ๓ ภพองค์ปัจจุบันนี้
    ที่ท่านเน้นเรื่องปัญญาเป็นทุนมิใช่หรือ...
    โดยความรวมจึงเห็นว่า..เป็นเรื่องที่ไม่ควรให้น้ำหนักมากเกินไปครับ..
    คนที่เค้ามีก็ยังมีอยู่..คนที่เข้าใจก็ยังมีอยู่..แต่ก็ส่วนน้อยครับ..

    ปล.หวังว่าจะเข้าใจนะครับ..
     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ ดิฉันเห็นประมาณนี้ค่ะ ดิฉันเดินไปซื้อข้าวแล้วเดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ดิฉันเห็นขอบ ,เงา, ร่าง บลาๆ ดิฉันเรียกไม่ถูกค่ะ เอารูปมาประกอบไปหารูปที่ใกล้เคียงประมาณนี้ค่ะ แต่ดิฉันเห็นแค่ขอบของเงาที่ตามร่างจริงที่เดินนำไปแล้ว เมื่อก่อนดิฉันจะเห็นแต่ของตัวเองระยะห่างประมาณหนึ่งคืบ จะวืดๆๆตามร่างจริงที่มีอยู่ อันนี้เคยถามคุณนพไปแล้วและดิฉันก็วางไม่สนใจตามที่คุณนพบอก .... มาวันนี้เห็นของคนอื่นค่ะ อันนี้ก็วางต่อไปใช่ไหมคะ ช่วงนี้ตอนกลาวงวันก็เห็นค่ะ เมื่อก่อนจะเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ,,,,

    เรื่องต่อมา วันนี้ลงไปนั่งเล่นข้างล่าง นั่งไปไม่คิดไรไม่กำหนด แต่ตรงหน้าผาก จะเรียกว่าดูดเข้าหรือดูดออกกันแน่ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นค่ะ มันไม่ใช่อาการหน่วงตอนเรานั่งสมาหรือกำหนดประมาณนั้น ระดับความรู้สึกอยู่ที่ระดับที่ ๗ จาก ๑๐ /// ไม่ถึง ๕ วิค่ะ
    (อาาการนี้ดิฉันเคยเป็นตอนสัมผัสนามธรมจากข้างนอก ที่ไม่ได้มาจากจิต หรือพลังงานนั่นแหละค่ะ)
    หมายความว่า .....

    ขอบคุณค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • outofbody.jpg
      outofbody.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.4 KB
      เปิดดู:
      78
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2015
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขอย้อนเล็กน้อยเนาะ.แต่เคยเขียนไว้แล้วหละครับกันลืมเนาะ.
    .เขียนไว้ให้ไปลองสังเกตุดูอีกรอบเอาเองนะครับ..

    ถ้าหมุนธรรมดาแบบนิ่งๆ หรือคล้ายๆพัดลมไม่มีอะไร
    ถ้าหมุนแบบคลื่นพายุงวงช้าง เข้ามาข้างในร่างกายคือกำลังดูดแต่เป็นดูดวิญญาน
    ตรงนี้ไม่ดีมากๆถ้าเกิดบริเวณท้ายทอย ส่วนเกิดที่อื่นๆเป็นการใช้พลังจิตบังคับ..

    ถ้าหมุนแบบเหวี่ยง ๔ แฉกหรือ ๔ ปีกคือดูดซับพลังงาน สังเกตุดีๆจะเหวี่ยงๆออกไปทีละปีกหรือทีละแฉก
    ๓ วิธีการหมุนแบบข้างบนถ้าสังเกตุที่หน้าฝากเลยอาจจะแยกไม่ออก
    ให้มาดูที่บริเวณท้องร่วมด้วยในเวลาขณะนั้น..ที่ท้องจะพอเทียบเคียงได้.

    ถ้าหมุนขยายในแนวขนานลำตัวลงมาที่คอ เป็นการขยายวงของตาที่ ๓
    เป็นเรื่องที่ต้องเกิดเพราะจะเป็นจุดเชื่อมกับเส้นพลังงานที่ขึ้นมาจากจักระ
    ล่างสุด.ไม่งั้นจะชงักหรือติดขัด ทำให้แน่นๆตึงๆที่บริเวณหลังส่วนบน
    หรือเส้นสายพลังงานขาดหายไปช่วงตนคอ...

    ถ้าหมุนขยายใหญ่ออกออกไปในแนวตั้งฉากกับลำตัวเป็นการขยายกำลังการมองเห็น...
    หรือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกไปสู่โหมดวิญญานธาตุในระดับกำลังสมาธิเล็กน้อยได้..

    ถ้าเป็นกระแสไม่ตรงจากตรงนั้นออกไปข้างนอกขึ้นข้างบนเป็นการถ่ายเทพลังงาน
    ส่วนเกินหรือพลังงานไม่ดีออกไป...

    ถ้าเป็นกระแสตรงเป็นแท่งเป็นการส่งพลังงานตรงนี้ต้องพอรู้หลักในการเรียก
    และรวมและต่ำแหน่งที่จะหนุนส่งพลังงานก่อนส่งได้ก่อนประเด็นนี้ไว้ว่ากันภายหลัง..
    เพราะตรงนี้จะข้ามเรื่องมิติและเวลาได้ขอให้นึกปลายทางออก...
    เพราะประเด็นนี้ควรมีพื้นฐานเรื่องพลังกสิณเป็นอย่างน้อยก่อนแล้วค่อยทำ
    ไม่งั้นภูมิต้านทานต่อพลังงานภายนอกไม่ดีทั้งหลายของเราจะไม่เพียงพอ..
    ถ้าไปทำได้แต่พลังงานร้อนและเย็น รับรองว่าเสร็จ
    จอมคาถาหรือหมอผี หมอธรรม พวกอสูรกาย หรือภูต วิญญานมีฤิทธิ์ ทุกราย..

    ถ้าเป็นกระแสตรงนิ่งจากตรงนั้นเฉียงขึ้นไปข้างบนเป็นการเชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    บางอย่างหรือครูบาร์อาจารย์...แต่เป็นการเชื่อมในลักษณะการรับจากภายนอกเข้ามา..

    กรณีถ้าเป็นการเชื่อมจากภายในออกไปจะหมุนเป็นวงขยายจากหน้าออกของเรา
    ปล.กรณีนี้คือส่วนที่สัมพันธ์กับจุดที่ถามนะครับ...
    ให้ลองสังเกตุกิริยาดูให้ดีๆครับ เป็นการฝึกการสร้างสติไปในตัว..
    ในขณะที่กำลังสังเกตุ.จิตจะเกิดความว่างได้ชั่วขณะนั้น
    ในขณะที่ว่างชั่วขณะนั้น.ด้วยความที่เรากำลังสังเกตุมันอยู่
    จึงเสมือนการเพ่งเข้าไปในความว่าง...และในความว่างตรงนี้
    นี่หละครับที่มันจะมีผู้รู้อยู่ ตัวรู้หรือผู้รู้ตรงนี้หละครับ..

    ที่จะทำให้เราทราบคำตอบได้เองว่าคืออะไรนั่นเองครับ...
    ซึ่งค่อยๆฝึกให้มาถึงตรงนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
    ไม่ว่าคุณไม่ว่าผมถ้าถึงตรงนี้
    ก็จะรู้ได้เหมือนกันหมดครับหรือไม่ว่าใครทำได้ก็ตาม..

    ส่วนมากเราจะขาดตั้งแต่ช่วงการสังเกตุในเบื้องต้นครับ
    ประเด็นสุดท้ายนี้ ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    ตามลำดับที่เล่าให้ฟังมาครับ.
    .

     
  6. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    สงสัยว่าฌานสมาบัติของพระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบันจะมีเสื่อมได้หรือไม่ครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    จิตที่มันแยกความคิดได้แล้ว แยกอารมย์ได้แล้ว หรือรู้กิริยาต่างๆของความคิด
    กิริยาต่างๆของจิต กิริยาต่างๆของขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมได้แล้ว..บวกกับเดินปัญญา
    ลดละกิเลสต่อไปอีกระดับหนึ่ง และมีกำลังสมาธิสะสมไม่ว่าจากการฝึกกรรมฐาน
    กองใดๆก็ตาม.ผลของฌานที่ได้ก็จะอยู่คงเดิมครับ..การรักษาฌานสมาบัติในที่นี้
    หรือการรักษาฌานในที่นี้ไม่ได้หมายว่าจะทรงได้ทั้งวันนะครับเพราะในโลกนี้คง
    มีแต่ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพเท่านั้นครับที่ทำได้จริงๆ แต่การได้ฌานมีฌานนั้นก็คือ
    สามารถใช้งานได้ทุกครั้งๆที่ต้องการใช้งานภายในเวลาเสี้ยววินาทีโดยที่ไม่ต้อง
    มาหลับตาหรือตั้งท่าให้เสียเวลาครับ...

    ปล.พอเข้าใจนะครับ..
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตั้งคำถามผิด

    ที่ควรตั้ง ควรถามว่า พระโสดาบันขึ้นไป ปหานกิเลสแล้ว
    กิเลสจะย้อนกลับมาได้อีกไหม

    อย่าง กามราคะสัญญาในรูป เนี่ยะ พระโสดาบันจะมีอีกไหม จะสร้างอาวุธ
    จากดิน น้ำ ลม ไฟ ก่อเป็น กามราคะสัญญา อีกไหม

    ถ้ายัง ถือศาตรา มีสุขจาก กามราคะสัญญา(ยังหวงสมบัติ) .... ปฐมฌาณ ก็ไม่มีแก่
    สัตว์หน้านั้น แน่นอน


    กิเลสยังเกิด วิธีนำออกก็ยังไม่รู้ ยังปฏิบัติไม่เป็นผล จะเที่ยวบอกใครต่อใคร
    ไหมว่า ฌาณไม่เสื่อม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2015
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ขอเข้ามาเก็บความรู้ค่ะ ขออนุโมทนบุญกับทุกท่าน
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ธรรมชาติของ "ฌาน" มีเสื่อมได้ มี "เร่ง ลด ตรึงแช่อยู่" ได้ เพราะ "ฌาน" ทั้งหลายทั้งหมด "มีตนเป็นผู้ทำ มีตนเป็นผู้เดินจิต"

    +++ พระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป จะรู้ "วิธีการทำ ฌาน" และ รู้ "ธรรมชาติของ ฌาน"

    +++ คำถามของคุณ dowon เปรียบได้กับ คำถามที่ไปถาม พ่อครัวว่า

    +++ "สงสัยว่า กับข้าวของพ่อครัว จะมีเสื่อม ได้หรือไม่ครับ"

    +++ พ่อครัวก็ย่อมตอบว่า "แน่นอน มันย่อมเสื่อมได้ ตามธรรมชาติของมัน แต่ก็ควรจะกินก่อนที่มันจะเสื่อม"

    +++ แต่ที่สำคัญที่สุด มันอยู่ที่ว่า "พ่อครัว สามารถนำเอา อาหารที่เก็บไว้ มาปรุงใหม่ และ เปลี่ยนรสชาติได้ดั่งใจ"

    +++ ถ้า "สังกัปโป (concept )" ตรงนี้ คุณ dowon สามารถเข้าใจได้ ก็ย่อมรู้ได้เองว่า

    +++ "ฌาน" ทั้งหลาย ย่อมต้อง "ปรุง" ให้ถูกใจกับ "จิตของผู้ที่เสพ" (กับข้าวจึงขายออก) เท่านั้นแหละ ผ่านเข้ามาเฉย ๆ นะครับ
     
  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ เคยได้ยินวิชา "ตบทอง" ไหมคะ ของจริงมีไหมคะ สรรพคุณดิฉันได้ยินมาว่า ลาภ และเมตตา วิชานี้เฉพาะสายหรือเปล่าคะ คุณนพทำเป็นไหมคะ ...
    คือดิฉันไปเห็นเขาทำกันน่ะค่ะ แต่เป็นทองเปลว ไม่ใช่ทองจริง อันนี้คนที่เรียกธาตุทองได้ส่วนมากเขาเรียกเข้าตัวหรือเปล่าคะ หรือว่าเอาไว้ช่วยคนคะ ..
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตบทองมีจริงคับ. ถ้า x -Ray ดูจะเห็นครับ ถ้าทำได้จริงนะคับ
    แต่กำลังจิตต้องสูงพอตัวนะครับ
    ส่วนที่เรียกธาตุทองนั้น
    มีทั้งที่เป่าจากผงทองคำดำหรือบางท่านเรียกผงเศรษฐีที่ได้จากหินในถ้ำ
    มีทั้งแบบที่ล้างพิษใช้เป่าอย่างเดียว. กับแบบที่ล้างพิษแล้ว
    สามารถใช้ผสมน้ำดื่มล้างคุณไสย์. และป้องกันคุณไสยที่ผสม
    มากับอาหารได้คับ. วิชานี้ต้องเรียนแบบถูกหลักคับ
    สอนโดยข้างบนจากหลายๆท่านครับ. คือข้างบนท่านจะเน้นติวเข้ม
    ๑๔ วันคับแล้วแต่ใครจะฝึกได้แค่ไหนคับ และการฝึกเป็นไปตามจริตครับ
    คือบางคนก็เน้นทางทำมาหากินนะคับ. บางท่านก็ไปทางวิชาพิเศษครับ.
    พอดีก่อนไปเรียนส่วนตัวตอนนั้นปั่นกสิณพอได้ก่อนครับ. เลยมาทางแนวสายเคลียร์
    เพราะข้างบนเห็นว่าเดิมตัวจิตมีฐานจากกสิณยืนพื้นมาก่อน
    และก็พอรับมือภพภูมินิสัยไม่ดีได้ครับ
    คือเคยปะชะดะแบบลืมตาเห็นๆมาก่อนคับ ไม่ใช่ในฝันหรือนิมิตรนะคับ
    ส่วนภพภูมิท่านก็จะคอยสอนเทคนิคเรื่อยๆคับ
    ส่วนตัวถึงเอามาเล่าให้ฟังได้นั่นหละคับ
    และอีกหลายๆอย่างที่ไม่เหมาะจะพูดครับ.
    ส่วนตัวใช้งานมาน่าจะ ๒ ปีกว่าแล้วครับ
    และถ้าไม่มีผง. ก็เรียกได้จากทางอากาศครับ
    ถ้าตาดีหน่อยจะมองเห็นได้ครับ. จริงๆมีคนเห็นหลาย
    คนแล้วหละครับ แต่พึ่งมีคุณนี่หละคับ
    ที่ถามเลยเล่าได้. จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรมากหรือเก่งนะคับ
    การใช้เป่าเข้าตัวทางหน้าฝากก็ได้. หรือเป่าผ่านอากาศก็ได้ครับ
    กรณีอยู่ไกลกันครับ ท่านที่สอนที่เป็นฆารวาสกับห่มเหลืองจิตไว
    ที่ส่วนตัวรู้จักท่านก็เป่าข้ามทวีปประจำคับ
    เอาไว้ช่วยคนครับหลักนะครับ ทำอย่างอื่นก็ได้ครับ
    แต่ที่เด่นแล้วแต่ผู้ที่รับจะอฐิษตามแต่ตนเองประสงค์ครับ
    บางกรณีไม่บอกครับ เด่วคนที่ปล่อยของส่งวิญญาน
    ไปรังแกคนอื่นๆหรือใช้ในทางอกุศลมาอ่าน
    เค้าจะไปปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครับ. ๕๕๕
    เพียงแต่ธาตุทองที่ผมเรียกและใช้งานนั้น จะมีพลังงานจากกสิณปนไปด้วย
    อีก ๕ กองครับ และส่วนตัวได้พันธมิตรทางภพภูมิที่เคยปะชะดะ
    กันมาแล้วที่ข้างบนแบบยกกายไปแบบฟูลอ๊อปชั่น.
    ชนิดที่อีกกายนอนอยู่. อีกกายลุกจากเตียงขึ้นไปปะชะดะกันเลยครับ
    คือตอนนั้นส่วนตัวค่อนข้างบ้าพลังพอตัวครับ
    เพราะคิดเอาเองว่าตัวแน่ ได้ทั้งกสิณและทำอะไรพิเศษ
    บางอย่างได้ ชัดกันเป็นชั่วโมงคับ
    ถ้านับเวลาทางโลก แต่ไม่อยากเล่าคับ. เพราะมันเว่อร์จริงๆคับ
    แต่ผลปรากฎว่าส่วนตัวแพ้นะครับ. ๕๕๕๕๕๕
    เพราะกลุ่มนั้นเค้าจะเร็วกว่าเราคับ. พวกกสิณไฟ
    ที่เคยใช้กับพวกภูตอสูรกาย กลุ่มนี้เค้ากดซะกลายเป็นน้ำเลยคับ ๕๕๕
    นึกแล้วขำๆ. สุดท้ายสู้ไม่ได้ยอมตายดีกว่าสู้ไปก็เสียเวลา ๕๕๕
    หนึ่งในนั้นหน้าออกจีนๆผิวเหมือนรูปปั้นทาสีแต่งเหมือนเทพทางจีน
    ท่านมามาทักผม. ว่าไงเพื่อน เป็นที่มาของพันธ์มิตรทางภพภูมิ
    สายบู้ ที่เป็นเพื่อนกันมาจนทุกวันนี้นั่นหละครับ. นึกแล้วก็ขำดี
    ส่วนตัวเลยเลิกเปรี้ยวในบัดดล. ๕๕๕. ดีนะคับ
    ที่ไม่ตายก่อน ไม่งั้นคงไม่ได้โม้ในนี้แน่นอน
    นึกแล้วยังเสียวหลังไม่หาย

    ปล.ทั่วๆไปประมานนี้หละคับ
     
  13. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ปวดสมอง และปวดแกนสมองครับ เป็นมา อาทิตย์นึงละ...ใครมาทำอะไรผมเปล่านะ
    มาขอคำแนะนำครับ อิอิ
     
  14. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ตามที่คุณนพแนะนำมานะครับ
    ผมแก้ไม่เป็นนะครับ เพราะ ผมไม่ได้ฝึกมาน่ะครับ
    ผมมีแค่พลังระหว่างฝ่ามือ พลังที่ออกมาทางหน้าฝาก
    และ การหมุนลมเป็นเกลียวจากก้นกบตามกระดูกสันหลังขึ้นสู่กลางกระหม่อม น่ะครับ

    ไม่รู้ว่า ลมที่ดันจากช่องท้องมาอัดที่หน้าอก เกิดจากอะไร และ สมองมันปวดหนึบๆ ชัดเจน นี่ มันหมายความว่าไง ตาทิพย์หูทิพย์อะไร ผมก็ไม่มีครับ ... ส่วนฝันทิพย์ นี่ฝันบ่อยครับ

    ช่วงนี้ สะอีก บ่อยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2015
  15. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    กระทู้นี้เค้า advance น่าเลื่อมใสๆ ถ้าเราทำได้อย่างเค้ามั่ง จะอิ่มเอมใจมาก
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คุณ sianns ทำตามที่แนะนำไปซักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนว่ากันใหม่นะครับ..
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะมาเล่าให้ฟังครับ :cool:
     
  18. pagapong

    pagapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +531
    ขอความเมตตาคุณ nopphakan ด้วยครับ
    คือผมสนใจทำสมาธิมาได้ 3 ปีแล้ว แต่ทำแบบเรื่อยๆเปื่อยๆ เหมือนไม่ค่อยมีกำลังศรัทธาที่จะทำ มีความสงสัยในผลการปฏิบัติ เลยทำให้ความเพียรน้อย เลยไม่ได้ผลอะไร
    เคยเพ่งตรงตาที่ 3 พักนึง ตอนเวลาปกติที่ไม่ได้ฝึกบางครั้งจะเห็นแสงเป็นจุดเล็กๆ สีขาว สีแดง ส้ม เขียว พอจะมองให้แน่ใจว่าอะไรก็ไม่เห็นแล้ว
    สนใจฝึกกสินเหมือนกันแต่รู้สึกเหมือนว่าไม่อยากจับภาพกสินเลยยังไม่ได้ฝึกครับ ปัจจุบันก็ อาณาปา แต่ก็เข้าอาการหลับซะทุกที

    ขอคำแนะนำด้วยครับ หรือจะเมตตาเจริญศรัทธาให้จะดีมากๆเลยครับ จะได้มีกำลังใจในการปฏิบัติต่อไป
    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2015
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ของคุณpagapong ส่วนมากจะเป็นกันทุกคนครับ..และก็แก้ไขได้ไม่ยากครับ..
    ตัวจิตมันมีเรื่องของสัมผัสอยู่ครับ..เพียงแต่ว่าความกังวลใจมัน
    สร้างคลื่นมาขวางคลื่น
    ตรงนี้ที่จะขึ้นมาจากท้องครับ.มันเลยติดๆอยู่ช่วงหน้าอก
    ทำให้รู้สึกว่านั่งเท่าไรก็ไม่สงบ.นี่ประเด็นแรกครับ
    ประเด็นที่สองก็คือ เรื่องของความอยากในเรื่องของผลที่คาดไว้ ทำให้เกิด
    ตัวคลื่นอีกตัวหนึ่งมาหนุนเรื่องความกังวลอีกรอบ และส่งผลให้คลื่นตรงนี้
    ไปรวมกับคลื่นสมองโดยที่เราคาดไม่ถึงครับ..มันเลยเไปขวางการสร้าง
    ทิพยจักขุครับ..ภาพหรืออะไรก็ตามที่เห็นตอนนี้ มันดูเหมือนว่าชัดเจน
    แต่มันจะไม่คงอยู่ หรือ เรานึกๆเพื่อให้ภาพเกิดตอนที่ไม่ได้ฝึกหรือไม่ได้
    มองวัตถุก่อน ภาพจะไม่ปรากฏกลางอากาศ ซึ่งเป็นฐานเบื้องต้นของ
    ทิพย์จักขุครับ...วิธีแก้ก็คือ ให้ปรับระบบหายใจเข้าและออกให้ลึกถึง
    ท้องให้เป็นปกติ แต่ไม่ต้องตามลมหายใจนะครับ เพียงแค่ทำความรู้สึก
    รับรู้ว่ามีลมกระทบเข้าและออกที่ปลายจมูก เพื่อสร้างตัวสติทางธรรมขึ้นมา
    เพื่อที่จะตัด ความกังวล ความอยากเล็กๆน้อยๆในเรื่องของผลสำเร็จ
    ออกไปจากตัวจิตครับ..ส่วนเวลานั่งสมาธิอย่ามองด้วยลูกนัยต์ตาทั้งสอง
    ให้โน้มสายตาทั้งคู่ลงมามองที่ลิ้นปี่ สังเกตุสายตาพระพุทธรูปครับ..
    ตรงนี้ร่างกายจะปรับระบบการมอง มามองผ่านตรงจุดเหนือระหว่างคิ้ว
    ได้เองเป็นปกติครับ จะเป็นการเริ่มสร้างทิพย์จักขุที่สร้างจากตัวจิต
    ของเราได้เองจริงๆครับ และจะตัดระบบความคิดที่ส่งมาจากสมอง
    ของเราได้ด้วยครับ..คือ ถ้าเราใช้ตาปกติมอง ร่างกายจะเคยชิน
    กับการใช้สมองในการตัดสินใจไงครับ พอนึกภาพออกนะครับ..
    และเราก็นั่งไปเรื่อยๆครับ ภาพที่สร้างจากจิต โดยปกติแรกๆมันจะไม่ชัด
    ครับ เห็นแค่ขอบๆ แล้วถึงค่อยพัฒนามาตามลำดับครับ..
    ที่สร้างจากสมองภาพจะชัด แต่ว่าการพัฒนาจะติดขัด
    และส่งผลเรื่องความอยากและส่งผลต่อระบบสมองด้วยครับ..
    เพราะฉนั้น สุดท้ายนี้ ปรับลมหายใจ ปรับการมองอย่างที่บอก
    ตัวจิตก็จะสงบได้ง่ายขึ้น และก็จะตัดการใช้ความคิด
    จากสมองได้อัตโนมัติ ตัวจิตก็จะละเอียดขึ้นเอง
    ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการรับรู้ บวกกับความสงบของจิต
    ที่ตัดเรื่องต่างๆที่มาเกาะตัวจิตออก มันก็จะมีพัฒนาการของมันได้เอง
    ตามลำดับเรื่อยๆได้ครับ ต่อไปฝึกกรรมฐานเกี่ยวกับภาพมันถึงจะเป็น
    เรื่องที่ไม่ยากสำหรับเราครับ..
    ปล.ประมาณนี้ครับ
     
  20. pagapong

    pagapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +531
    ใช่การเพ่งเอาความรู้สึกไปที่ลิ้นปี่หรือป่าวครับ ผมไม่เข้าใจคำว่า โน้มสายตาทั้งคู่ลงมามองที่ลิ้นปี่ เพราะนั่งหลับตาอะครับ ขอบคุณครับ
    ส่วนตรงที่หว่างคิ้วเวลามองอะไร หรืออยู่เฉยๆก็เป็น จะรู้สึกหน่วงๆ ตรงนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...