ถ้าตำนานเรื่อง พุทธอวตาร มันเป็นเรื่องจริง นักปฏิบัติทั้งหลายจะทำยังไงดีคร๊ะ ?

ชวน นักปฏิบัติ ในห้องนี้ มา ถกเรื่องวิบัติสมมุติ ในสไตล์นี้

Winbookclub.com

กันดูอ่ะค่ะ :'(

ถ้าตำนานเรื่อง พุทธอวตาร มันเป็นเรื่องจริง
นักปฏิบัติทั้งหลายจะทำยังไงดีคร๊ะ ?

 

ตกลง จะมีคน มา ....
ตอบคำถามนี้ ตาม ยถาสภาวะ
(หรือ ตามเงื่อนไขในวิบัติสมมุติที่ จขกท. กำหนด) หรือไม่ ?
ถามจิง พวกคนพุทธ กัว 5 ไรกัน หรอ คร๊ะ ?


http://www.tayan800.com/webboard/viewtopic.php?f=3&t=3988&p=55705#p55705

:'''(

 

ก็มันไม่จริงไง ถามแปลกๆ

เมื่อไม่จริง แล้วยังไงต่อละ ?

 

1.คุณกำลังจะบอกว่า ....
ความเชื่อ ของคุณ เป็น Truth Absulute ( ความจริงสัมบูรณ์ )
แต่ ความเชื่อ ของ พรามหณ์ฮินดู ที่มีคนนับถือ มากกว่า ศาสนาของพวกคุณ เป็นเรื่อง โกหก ?


2.คุณเข้าใจการตั้งคำถาม เชิง วิบัติสมมุติ
และ มารยาท ในการ ตอบ คำถามสไตล์นี้ หรือไม่ ?


:'''(

 

สวัสดีครับคุณมานีผู้มีปัญญามาก
เรื่องพุทธอวตารนั้นไม่เคยศึกษามาก่อน เพราะผมก็เพิ่งเคยได้ยินคำนี้เลยไม่สามารถตอบได้ แต่แค่อยากจะแชร์ประสบการณ์ทางตรงให้อ่านดูนะครับ ถ้าอ่านแล้วไม่ถูกใจก็ผ่านไปครับ

เมื่อก่อนมีอยู่ช่วงหนึ่งเคยคิดคล้ายๆกันแบบคุณมานีว่า ผีเราก็ไม่เคยเห็นจะจะ คือนึกอยากจะเห็นก็ต้องเห็นได้ ส่วนพวกเทวดา พรหมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริงตามตำนาน คือเอาง่ายๆ ใช้ชีวิตตามธรรมดาสามัญชนทั่วๆไป เชื่อในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ และจับต้องได้ตามหลักวิทยาศาสตร์เท่านั้น...บางครั้งยังคิดด้วยซ้ำไปตอนดูบัตรประชาชนว่า...เราเป็นชาวพุทธเพื่ออะไรกันอ่ะนี่ พระพุทธเจ้ามีอยู่จริงๆ เหรอ ? นักบวชสมัยนี้พบเจอมากมายก็มีแต่พวกหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ฯลฯ ????? คือมีคำถามค้างคาในใจเยอะมากๆ และศรัทธามันไม่เกิดครับ...ผมมีเพื่อนชาวยุโรปบางคนที่สติปัญญาฉลาดหลักแหลมมาก เรียกได้ว่าฉลาดจนไม่นับถือศาสนาใดๆ เลยก็มี...และอีกอย่างส่วนใหญ่ผมจะเจอเรื่องลี้ลับแบบนี้ในความฝันเสียมากกว่า...ในเวลาปกติอยากเจอก็ไม่ได้เจอ...ซึ่งเป็นปรกติของคนที่มีปัญญามากแต่ขาดการปฏิบัติ และนับจากตอนนี้ต่อไปผมเชื่อว่ามนุษย์โลกยุคใหม่จะเต็มไปด้วยคนมีปัญญาธิกะแบบคุณมานีเยอะมากๆ นะครับ และความลังเลสงสัยนี้แหละจะเป็นตัวดึงให้เราห่างจากศาสนาออกไปเรื่อยๆ

ทีนี้...เมื่อสองปีที่แล้วผมก็ได้ลองปฏิบัติกรรมฐานจริงๆ จังๆ ด้วยความสงสัยที่ว่า...โดยใช้เวลาสักประมาณ 7 เดือน และในเช้าวันหนึ่งในเดือนที่ 7 ในสมาธินั้นปรากฎว่ามีพระองค์หนึ่งท่านมาสอนธรรม เมื่อเราถามว่าท่านคือใคร ? แต่ท่านไม่บอก...เพียงแต่ท่านเทศน์ให้ฟังว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด" และพระรูปนี้ท่านยังได้เทศน์อีกหลายอย่าง ซึ่งความรู้ และข้อธรรมบางอย่างเราไม่เคยได้เรียน หรือ รู้มาก่อนในชีวิตจริง แม้กระทั่งเรื่องอจินไตยบางอย่าง น้ำตาแห่งความปิติมันไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติ...นี่คือจุดเปลี่ยนทางความคิดที่อยากจะแชร์ให้อ่าน ตอนนี้ผมหมดความสงสัยหลายอย่างแล้วครับ ถือว่าคุ้มมากกับการลงทุนทดลองปฏิบัติเพื่อให้หายสงสัย และปัจจุบันนี้ไม่ค่อยสงสัยอะไร หรืออ่านอะไรเยอะๆ แล้ว เน้นปฏิบัติเป็นหลักครับ

เอาล่ะ...ทีนี้...อันดับแรก ถึงแม้ผมก็กำลังฝึกไปเรื่อยๆไม่ได้มีคุณธรรมสูงส่งแต่อย่างใด แต่ผมดีใจที่คุณได้มาตั้งกระทู้สอบถามความคิดเห็นที่นี่ จริงๆ ถือว่าคนฉลาดเมื่อเกิดความสงสัยก็ย่อมต้องการได้รับคำตอบ เพียงแต่วันนี้ตอนนี้ผมไม่มีคุณธรรมเพียงพอที่จะดูให้รู้ว่าตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ ชื่อ นามสกุลอะไร บ้านเลขที่เท่าไหร่ และไขข้อสงสัยลึกๆ บางอย่างให้คุณเกิดศรัทธาได้

แต่เชื่อว่าทุกศาสนามีพื้นฐานสอนให้ศาสนิกชนของตนเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน และมีวัตถุประสงค์คือให้ศาสนิกชนของตนพ้นทุกข์ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน...แต่ในทางศาสนาพุทธนั้นจะมีเพิ่มในส่วนของการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้จิตถึงอนุตรธรรมอันเป็นธรรมสูงสุด ซึ่งเป้าหมายสูงสุดแห่งการพ้นทุกข์ คือ "นิพพาน"

เอายังงี้ดีมั้ยครับ ด้วยความที่ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาแห่งปัญญาธิกะ คือการใช้ปัญญา หรือวิปัสสนาเป็นเครื่องนำพาให้ศาสนิกชนพ้นจากทุกข์...ตามธรรมดาอันบุคคลผู้เจริญด้วยปัญญา ต้องใช้หลักการ และทฤษฎีต่างๆ ทางปัญญาเพื่อให้เกิดศรัทธา และความเชื่อ...แต่ก่อนที่ปัญญาทางพุทธศาสนาจะเกิดนั้น ก็ต้องเริ่มด้วยการทดลองปฏิบัติตามหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งก็คือการปฏิบัติกรรมฐานนั่นเอง นอกจากนั้นการปฏิบัติกรรมฐานนั้น มนุษย์ทุกคนสามารถทำได้ไม่จำกัด ชาติ ศาสนา ภาษา และนิกาย ขอให้คนๆนั้นมีเพียงลมหายใจเข้า-ออกเท่านั้นเอง จะเห็นว่าปัจจุบันมีฝรั่ง หรือต่างชาติมากมายมาฝึกหัดสมาธิทั้งเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อความหลุดพ้นบวชเป็นนักบวชก็ยังมีถมเถไป...จริงมั้ยครับคุณมานี ?

ดังนั้น ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรต่อไป ถ้าไม่ได้เริ่มต้นด้วยการทดลองปฏิบัติ...ก็คงจะคล้ายๆนิทานเรื่อง เต่ากับปลา...ตรงที่ปลาไม่เคยเห็นบนบกเลย เมื่อเต่าซึ่งขึ้นบกได้ลงมาบอกพวกปลาว่าบนบกมีนก มีต้นไม้อย่างนั้นๆ ปลาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ยากที่จะเชื่อได้ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง...ฉะนั้น เรื่องของคนผู้มีปัญญาธิกะ แนวพุทธจริต คือมีปัญญาน้ำหน้านั้น ก่อนที่จะมีความเชื่อ และศรัทธาได้ก็ต้องเริ่มมาจากการทดลองลงมือปฏิบัติครับ...คือการฝึกกรรมฐาน ตามแนวสมถและวิปัสสนาครับ ลองดูสิครับ...สมัยนี้มีวัด หรือฆราวาสที่เปิดสำนักสอนกรรมฐานมากมายหลายแห่ง ใกล้ไกลตามสะดวก หรือถ้าคุณมานีต้องการคำแนะนำเรื่องสถานที่ปฏิบัติก็ PM มานะครับ ผมยินดีที่ได้รู้จัก และจะแนะนำให้ตามกำลังครับผม หรือถ้าต้องการศึกษาด้วยตัวเองก็ลองศึกษาแนวของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ดูก็ได้ครับ

ขออภัยคุณมานี และทุกๆท่านหากมีความผิดพลาดประการใดข้าพเจ้าขอน้อมรับไว้เพียงผู้เดียว
หากเกิดผลานิสงส์ใดๆ ขอมอบอุทิศให้บุพการี ครู อาจารย์ทั้งที่เป็นมนุษย์ และนามธรรมทั้งหลาย รวมทั้งเพื่อนมนุษย์ทุกชาติ ศาสนา ภาษา และสัตว์ทุกตัวตนในโลกนี้ ขอให้ผลานิสงค์ความเย็นแห่งเมตตาธรรมแม้เพียงเล็กน้อยนี้จงยังความสงบสุขให้เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์สืบต่อไป

 

ผมว่า คุณ เจ้าของกระทู้น่าจะพอจะทราบบ้างนะครับเรื่องทำนองนี้..
แต่เรื่องแบบนี้มันพูดหรืออธิบายให้ออกมาในมุมที่กว้างๆค่อน..
ข้างยากอยู่นะครับ..มันค่อนข้างเป็นปัจจัตตัง..และต้องอาศัยเครื่องรู้
พิเศษทางจิตพอสมควรครับ.คือ ต้องมีความสามารถทางจิต
แบบที่ในระดับตัดตัวรู้ได้ ไม่ใช่เครื่องรู้จาก ตบะ ญาน หรือฌาณ นะครับฃ แล้วเหลือแต่จิตแบบเดิมๆที่ไม่มีอะไร
ให้ได้ก่อนในระยะเวลาพอสมควรครับ..ถ้าแบบจะมาอภิญญาจิต
ภายในปกติทั่วๆไป เรื่องทำนองนี้ก็ยังเข้าถึงได้ยากครับ..
และต้องประมาณว่าต้องมีเครื่องรู้เห็นเหมือนกันด้วยครับ..
เวลาที่มีใครคุยให้เราฟัง..และการรู้ของเราจะต้องตามไปเห็น
ไปรู้ ณ เวลาขณะนั้นๆได้ด้วยครับ..
มันถึงจะพอคุยกันแล้วเข้าใจครับ.
.แต่ถ้าอยากจะทราบในเชิงความเห็น
ก็อีกประเด็นครับ.สุดแล้วแต่ใครจะเข้าใจครับ..
ปล.เริ่มต้นเหมือนคนเห็นผีกับคนไม่เคยเห็นผีคุยกันนั่นหละครับ.
แต่การรู้แบบนี้..นอกจากจะเห็นได้แล้ว..มันต้องย้อนรู้ถึงต้นกำเนิด
ผีได้ด้วยครับเป็นอย่างน้อย และข้ามไปอนาคตของผีด้วยครับ.
ถึงพอจะคุยกันรู้เรื่องครับ
(แค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ)..

 

นู๋บี เอ้ย การทวนจิตทวนศิล ของนู๋ มันถูกมั๊ย สัมมปธานของหนู แค่ขอแรกก็ไม่ผ่านแล้ว แล้วเคยคิดทวนมั๊ย อยู่ดีๆทำไม ถึงลุกมาตั้งคำถามนี้ อะไรทำให้หนูเป็นเอามากขนาดนี้ หรือ นู๋ ไปอยู่ใกล้กับคนพวกนั้นมากไปหรือเป่ลา อะไรที่ทำให้สิ่งที่นู๋ เพียรพยายามทำมา แทบหายไปหมด น้อ ! หรือนู๋แทบไม่รู้ตัวอะไรเลย

 

พุทธอาวตารเหรอ.....เรื่องจริงสิครับ.....ก็ในเมื่อ จักรวาลธาตุเกิดจากการระเบิดธาตุรู้.....ธาตุพุทธะ


ถ้าไม่มีพระพุทธะ....ใครออกแบบ คน สัตว์ มาล่ะครับ.....อิอิ...ป๋มเชื่อคุณครับ

 

สวัสดีครับเจ้ พี่นู๋บี
ภาพสวยดีครับ น่าจะให้เด็กๆดูเป็นการ์ตูนเพลินๆ
ว่าแต่พี่นู๋บีเอาเรื่องพวกนี้มาขบคิด ให้ได้กระเทาะกะลาออกหรือว่า สนุกๆครับ
เพราะคิดไปมันก็ไม่ทำให้ ออกจากทุกข์ได้ คำถามนอกเรื่อง อย่างความเชื่อพวกนี้ น่าจะโยนออกไปได้แล้วครับ
แต่หากจะเป็นอุบายให้ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น ก็อีกเรื่องนึง

 

หวัดดีคุณJittinon กาแฟยังรสกลมกล่อม เหมือนเดิมมั๊ย รสชาติแปลกไปมั๊ยครับ หรือว่ายังกลมกล่อมเหมือนเดิม ทักทายกันตามประสาคนเคยคุยกัน นู๋บีคงไม่ว่ากระไรนะ

 

สวัสดีครับพี่ดูงาน
ผมชงเองทานเองทุกวัน ชงแบบเดิม แต่เปลี่ยนเมล็ดกาแฟ กับปริมาณนมครับ รสชาติกลมกล่อมเหมือนเดิมไหม คงไม่ บางทีอร่อยบางทีไม่อร่อย
ส่วนแปลกไปไหม ก็ไม่ครับกาแฟก็เป็นรสกาแฟเหมือนเดิม

 

ครับคุณJittinonยังเป็นคนละเอียดรอบครอบเหมือนเดิมนะครับ ขอให้เจริญๆในธรรมยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น นะครับ คุณJittinonครับ มี่ผู้รู้ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า สัมมปทาน คือเคล็ด พิชัยสงคราม ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม นะครับ ฝากไว้ด้วยครับ

 

1. ยาเวห์ อัลลอฮฺ พระธรรม คือ ธรรมชาติทั้งมวล(จักรวาล) มีจิตใจ
ที่เรียกกันว่า จิตจักรวาล
2. การอวตารนั้น เมื่อสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งสิ่งใด มีร่างกาย มีลมหายใจอยู่ การเข้าแทรกของจิตจักรวาล (ธรรมอวตาร ) ถือเป็นเรื่องธรรมดา ทั่วไป
3. การปราบกลียุค มีอยู่จริง เมื่อใดก็ตามแต่ หากมนุษยดื้อดึง ได้กระทำการอันผิดมิชอบ เช่น ทำลายล้างกันเอง,ทำให้ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ก็จะมีการอวตาร ปราบกลียุคนั้นๆให้ราบคาบเสีย
4. การเชื่อมโยงกับจิตจักรวาล-จิตอันยิ่งใหญ่และทรงพลัง(จิตวิญญาณของธรรมชาติทั้งจักรวาล) ผู้ที่จะเชื่อมโยงได้ และหรือสามารถร้องขอความช่วยเหลือ-ดลบันดาลให้เกิดขึ้นได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีจิตใจที่ บริสุทธิ์ ยิ่งมากยิ่งดึงพลังมาใช้ได้มาก
5. ความสามารถในการใช้ -มีตั้งแต่ ดลบันดาลให้เกิด -อ้อวอนร้องขอ
-ได้รับโดยไม่คาดคิด(พรสวรรค์ติดตัวตั้งแต่กำเนิด) -อภิญญา (พรสวรรค์ ที่ได้ด้วยไขว้คว้า) ที่Unlocked ด้วยความสามารถ ซึ่งหากเทียบกับเกมส์แนวสวมบทบาท (Role-Player-Game:RPG) คือบุญบารมีที่มี/สะสมไว้นำไป Unlocked Skill ต่างๆ ตามต้องการ ก็แค่นั้นเอง
และนี่เป็นเรื่องจริง สำหรับผมไม่ค่อยชอบอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เท่าไรนัก(มันเหมือนหนังการ์ตูนว่ะ)
.........และ การปราบกลียุคของพระศิวะก็จะเริ่มที่ไทย เพราะที่นี่ที่เดียวที่มีตรีมูรติ ^_^ สำหรับพระเจ้าหากใครต้องการพบต้องการเจอ...
โปรดปฏิบัติตนให้ดีในแผ่นดินไทยทำความดีเพื่อพระองค์ท่านนั่นแหละดีที่สุด พระเจ้าที่ดีที่สุดมีอยู่ในเมืองเทย คือ พระเจ้าแผ่นดินที่ทรงเปี่ยมไปด้วยทศพิราชธรรม องค์นี้ คือ สุดยอดกษัตริย์...............
*สำหรับผม -นักเลง ของจริง ต้องมี น้ำใจ ความจริงใจ ใจนักเลง
>>> ^
>>> ^
>>> ^
>>> ^
>>> ^
.......แดง ไบเล่ : เฮ้ย!! นายว่านักเลง(ของจริงต้องแบบ2499)สมัยนี้เปนไง
จอร์จ เฮาดี้ : ไม่เห็นนักเลงเลยว่ะ...เหนแต่อันธพาล(กุ๊ย)เต็มบ้านเต็มเมือง
.......แดง ไบเล่ : นั่นสิ??? จัดกิยามะฮ์ซักรอบดีมั้ย?
จอร์จ เฮาดี้ : ก็น่าอยู่นะ ดูๆไปก่อน เข้าตรงตามเงื่อนไขเมื่อไร เปรี้ยงเดียวจบ
เล่นไพ่ต่อ -_-
.......แดง ไบเล่ : $%_*#*!+@=1#^
......จอร์จ เฮาดี้ : (!#)_$*&$&(#_!#$%)

 

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แก่นแท้แล้วพระเจ้ามีองค์เดียว ยังจะเชื่อนิยายพวกนี้อีกเหรอ

คนสนใจแต่เรื่องเหลือเชื่อ แต่กลับไม่มีใครสนใจการปฏิบัติ

 

อ้าว จขกท วันก่อนยังเห็น ถามเรื่องการพิสูจน์ หาหลักฐานทางวิทยาศาตร์ให้วุ่นอยู่เลยนี่สำหรับ เรื่องตายแล้วเกิดไรนี่

แบบยังไงนะ ประมาณ ไม่สามารถ อธิบาย ทุกปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้น ไรทำนองนี้อ่ะ
วันนี้นี้มาเรื่องอวตารแล้วหรอ

ถ้าถามย้อน แล้วการอวตาร จิตแบ่งภาค นี้มันพิสูจน์ยังไงอะ ฮา ?
เอากล้องจุลทรรศน์ส่องดู พวก อะมีบา ยังเห็นมันแบ่งตัว แยกร่าง ได้ง่ายกว่า

แล้วถ้าจิตมันไปเห็นจิตหลายๆดวงในจิตตัวเองมันแยกย่อยออกไป จะรู้ได้ไงว่ามันแยกไปเกิดได้มั้ยไอ้จิตดวงนั้น หรือทึกทักไปว่าเออจิตมันมีอำนาจมีอานุภาพ แบ่งแยกออกมาได้อีกนับไม่ถ้วน
แหม่ สงสัยดวงเดียวเกิดยังไม่พอ ยังต้องแยกไปให้วุ่นอีก

หรือไม่ถ้าถามด้วยคำถามแบบระดับสติปัญญาคนนะ ว้าถ้าแบ่งภาคได้จริง ทำไมไม่แบ่งให้แบบว่า ไม่ต้องมีระยะเวลาเว้นช่วงเว้นรอยต่อเลย แล้วทำไมต้องแบ่งมาเป็นมนุษย์ละ ไม่แบ่งเป็นกายเทพลงมาเลยละ

ดูๆแล้วก็แค่ รูปธรรม สิ่งมีจิต ที่สำคัญว่าตนอยู่มาก่อน เกิดก่อน คิดว่าตนเป็นใหญ่ มีอำนาจ สามารถครอบงำสัตว์ได้ทั้งปวง โลกเกิดดับดับไม่ถ้วนตัวเองยังไม่เป็นอะไรทำนองนี้ โอ้ยเพลีย

แต่ก็แปลก ทำไมๆๆๆๆๆๆๆ และทำไมๆๆ ไม่ทำให้คนเกิดมาเท่าเทียมกันละ แบบให้ปราณีต เพอร์เฟ็ก ไม่มีพวกผิวดำหยาบกระด้าง ถ้ามีฤิทธิ์มีอำนาจขนาดนั้น ขนาดแยกจิตตัวเองลงมาเป็นนั้นนี้ตามใจนึก ทำไมๆแค่เสกให้คนอื่นที่ลงมาเกิดไม่เท่าเทียมกัน

หรือง่ายๆ ทำไมบางคนเกิดมาพิการโดยกำเนิด หรือว่าถอยลูกเต๋า random ฮาาา

แค่นี้ก็ขัดแย้งในเหตุผลของมันเองแล้ว ไม่ต้องไปดริฟไรให้มากมาย

 

เอ็งมันยังห่างไกลนัก ไว้ข้ามีอารมย์อันประภัสร เมื่อใด จักมาตอบ

 

เจ้ายังมือบอดเจ้ายังหาหนทางไม่เจอสหาย

 

นักปฏิบัติ ไม่ต้องทำอะไร เพราะเป็นเรื่อง อจินไตย รู้แล้วก็วางเสีย

 

นี้ไง จอมอวตารแห่งเว็ปเลย ไม่ต้องไปดูใกล ถ้าอวตาลได้ก็ต้องมีตัวจริง อยู่จริง ไม่ได้สูญหายไปไหน่ ถามอะไรให้วุ่นวาย แม้แต่คนถามก็เปลียนร่างบ่อยๆ น่าจะเข้าใจดี
ส่วนนักเลงตัวจริงอะนะ เขายอมรับในสิ่งที่เขาทำอะนะ

ใครที่ชอบอวตาลจนเลอะเทอะ พยายามปกปิด อะไรหรือเปล่า

แต่ก็ว่าอะนะ มันเป็นเรื่องปกติ ของผู้มีธรรมประจำเว็ป (จำนวนไม่น้อย)
ที่เขาชอบทำกัน