สามสิ่งที่ต้องมีสำหรับโสดาบัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นันทะชัยดี, 18 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    วันแรกที่เดินมรรคได้ เข้าถึงมรรคโดยมีมรรคสมาธิเป็นประธาน น่าจะเรียกอย่างนั้น นิมิตในมรรคที่เรียกว่า วิมุตติก็แปลกๆอีกระ ที่ว่าแปลกนั้น เพราะนิมิตในอภิญญาเมื่อถูกกำหนดด้วย วิตกที่ระดับอุปจารสมาธิ กับนิมิตที่เรียกว่า วิมุตติในมรรคนั้นไม่เหมือนกันมีความต่างเห็นได้ชัด ลืมถามว่า อยากรู้ไหม
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เออ รู้จักแก้

    งั้น ผมขอรับลูก ฮับ

    อยากทราบฮับ

    แต่ ขอเพิ่มคำถามด้วย ปรกติ มรรคญาณจะเดินเต็มที่
    ก็ต่อเมื่อ " สมาธิไม่มีวิตกวิจาร (สุญญตา อนิมิต อัปณิหิต)" แต่ ท่านปรารภ " สมาธิมีวิตก "
    ก็แปลว่า " จิตยังอาพาธด้วยกาม "

    หากจิตยังอาพาธด้วยกาม ไฉนรีบร้อนบอกว่าเห็น มรรคญาณ เล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015
  3. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ความต่างที่เห็นได้ชัดเท่าที่ตัวเราสัมผัสรับรู้ได้ในคืนแรกที่เราเดินมรรคก่อนจะมาเล่าเรื่องในเวปนี้ ที่เรามาเล่าผลการปฏิบัติในเวปนี้ เพราะเรารู้สึกว่า เวปนี้มีบุญคุณกับเรา ตอนที่หาอ่านธรรมะเล่น เวปนี้เป็นเวปที่เราชอบอ่าน จนกระทั่งวันหนึ่ง เราโพสต์ข้อความบางอย่างแล้วมีคนมาปรามาส เราก็สนใจทดสอบอภิญญาที่ได้ที่มีอยู่ ออกทะเลไปไกลเลย ความต่างก็คือนิมิตนั้นจะปรากฏรูปร่างในเรื่องที่เราวิตกอยากทราบ แต่วิมุตติ มันเป็นเหมือนธาตุอะไรบางอย่างในตัวเราเอง และเมื่อเกิดขึ้น กายทิพย์เราก็จะสะเทือนไปด้วยทุกครั้ง แต่นิมิตในอภิญญานั้น เราสามารถยุติให้มันจบลงได้ แต่วิมุตตินั้น เราไม่สามารถกำหนดได้ ไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น กายทิพย์ของเราจะสะเทือนมากน้อยแค่ไหน
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถามเราหรือเปล่า เราเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงอยากรู้ว่าวิมุตติมีสภาวะเป็นอย่างไรแค่ไหนจึงได้ชื่อว่า "วิมุตติ" นะ รออ่านต่อค่ะ:cool:
     
  5. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    แล้วถ้าถามอีกว่า แตกต่างกับตอนเจริญปรินญาหานวิธีตอนกำหนดละกิเลสกามออกจากจิต ก็คงตอบว่า แตกต่างกันมากที่เดียว เพราะตอนเจริญปรินญาหานวิธีกำหนดละออกนั้น มีผลต่อทางกายเนื้อมากกว่า หรือไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวหลงเหลืออีกเลย ส่วนตอนที่กำหนดในกำลังของสมาธินั้นมันมีความรู้สึกคล้ายๆยางเหนียวที่ติดมือของเรา เกาะติดแน่นมาก เราต้องต่อสู้ด้วยการกำหนดละออกนานมากที่เดียวกว่าจะสลัดออกจากตัวเราได้ ที่รู้ว่าสลัดออกได้นั้น คือมันจะเกิดจิตวิเวกขึ้นมาทันที มันก็อธิบายยากนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดในกำลังสมาธิทั้งนั้น
     
  6. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    อริยสัจในส่วนนิโรธ ไม่น่าจะเกิดจากการจงใจกำหนดครับ ภาวะนั้น ได้แค่ระลึกรู้เท่านั้น
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก่อนอื่นนะครับ ถ้า คุณอนุญาติให้คนถาม แล้ว คุณหมายต้องการตอบ

    โปรดทำ ตามธรรมเนียมด้วย คือ กด "อ้างอิง" เพื่อเป็นการบอกว่า ผมไม่ได้
    ละเมอไปเรื่อยๆ แต่ หมายตอบ คนนั้น คนนี้

    ถ้าไม่กดอ้างอิง ท่านไม่ทำตามธรรมเนียม คนที่เขาตั้งคำถาม เขาก็จะ "เก้อ"

    พอเขาเก้อ " กิเลสก็จะได้ช่องห้อมล้อมจิตใจเขา " เขาก็จะ ครั้นคร้ามถอย
    ไป ไม่อยาก ขัดการ ละเมอธรรมะ ของท่าน ยกตัวอย่าง ชื่ออะไรหว่า ผู้หญิง
    ที่เข้ามาเชียรท่าน อุตสาห์เป็นแม่ยก ยกคำถามถามท่าน เพื่อให้ ถูกต้องตาม
    ธรรม แต่ท่านก็ไม่อ้างอิง จนเขา ครั้นคร้ามถูกอุปกิเลสร้อยรัด จนเสียพระหฤทัย
    แห่งแม่ยก หนีไป ....หนีไปแล้ว ก็ไป อัญเชิญ คนชื่อเหมือนระเบิดนิวเคลียร์
    นอกเขาสัมมาทิฏฐิ เข้ามายัง อุโบสถห้องอภิญญา หมายทำลาย พุทธบริษัท
    ให้สิ้นสากด้วยการ ป้อยอ กดอนุโมทนา สาธุ

    นะ ฝากทำตามธรรมเนียมด้วย


    ********************************

    ผมจะ อุปโลคไปก่อนว่า โพสต่อมาคือ การพยายามอธิบายคำตอบ แต่เนื่อง
    จาก ไม่เข้าใจคำศัพท์ จึง ไม่กล้าบอกว่า เป็นคำตอบต่อใคร

    หลายคน พยายามไปก๊อปปี้ วิชา3 ของพระพุทธองค์ โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ

    แน่นอนว่า จะเอาเรื่อง บุพเพวาสา กับ จุตูปปาตญาณ มาเป็นพระเอก หมาย
    เอาว่า คือ " มรรคญาณ "

    จริงๆแล้ว หากฉลาดสักนิด อ่านธรรมะให้มาก หรือ ฟังหลวงพ่อพุธ วินิจฉัยก็ได้

    ญาณทั้งสองที่เกิดใน ช่วงแรก เหล่านั้น ไม่ใช่ มรรคญาณ ไม่ใช่การบรรลุ
    และ จัดเป็นการเห็นอย่าง ปุถุชน ยังไม่ ข้ามโคตร ไปไหน ยังเป็น ปุถุชนธรรมดา


    ทั้งนี้ การสำเร็จฌาณ8 การมี อภิญญา5 การเห็น อริยสัจจ4 พระพุทธทำได้
    มาตลอดครั้งยังเป็น ปุถุชนคนธรรมดา ที่เรียกว่า พระโพธิสัตว์

    ดังนั้น เห็นอริยสัจจ4 มาหลายชาติ ก็ยังกำเริบกลับไป บุคคลธรรมดา ยังไม่ถือ
    ว่าบรรลุ แม้นคำว่า โลโกอุปาธิ จักขุงอุปาธิ วิชชาอุปาธิ แจ้งอริยสัจจ เหล่านี้
    จะปรารภแล้ว ก็ยังถือว่า เห็นได้ด้วย ภูมิจิต ปุถุชน [ อยาตนะยังมีอยู่ ถ้าอยาตนะ
    ดับไปถึงจะถือว่าเป็นอริยะ ]

    หลวงพ่อพุธ จึง ระบุชัดเจนว่า ท่านชายสิทธัตธะ ข้ามโคตร เป็น อรหันต์ ในสมัย
    ที่เกิด อาสวะขยญาณ เท่านั้น ก่อนหน้านั้น ถือว่าเป็น ปุถุชน


    ดังนั้น นิมิต หากยังเกิด แม้จะไหลมาเอง ก็ไม่ได้บอกว่า เป็น อริยะ แต่อย่างใด
    ไม่ใช่ มรรคญาณ ด้วย แต่............หลังจากนั้น มีการ เคลื่อนอีกหรือไม่
    อย่างไร กำหนดรู้ไหม จะอีกเรื่องหนึ่ง

    ส่วนการ ไหวๆของกายทิพย์ นั้นมัน ขันธ์5ไหว โดนขันธ์5แหกตา เอาจังเบ้อเร้อ
    ว่าเป็น ส่วนที่ตั้งอยู่ในอมตะ ......นิพพาน ไม่มี ฮา อะไรไปตั้งได้ ต่างหากหละ
    แล้ว มรรคญาณจะเอาจากไหน หากยังมี โน้น นั่น นี่ ไหวได้ ตั้งได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015
  8. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ตอนเราทรงอภิญญาเราใช้เวลาทรงอภิญญาประมาณสามวันเพื่อให้มันอยู่ตัว ส่วนการเดินมรรคนั้นเรายังไม่กล้าทรงสภาวะแบบนั้นไว้ เราคิดว่าต้องให้เราพร้อมมากกว่านี้ ค่อยๆเดินมรรคจะดีกว่า ส่วนอนาคตว่าถ้าทรงมรรคสักสามวันจะเกิดอะไรขึ้นอีก ตอนนี้ยังตอบไม่ได้เพราะว่า ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ กำหนดเจริญปรินญานหานวิธีไม่ใช่การเดินมรรคนะครับ เจริญเพื่อทำให้กายเป็นปกติครับ เป็นแค่บาทของสมาธิครับ
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อาจารย์ เอกวีร์ ที่เคารพ เมตตาฟังธรรมเขาก่อน แล้วค่อยสนทนาชี้ธรรมแลกเปลี่ยนกัน กริยาจิตเขาอ่อนน้อม มีอาการสงบเคารพผู้อื่น ในธรรมที่เขาค้นพบ ..หากท่านชี้ธรรมด้วยไม้คาน ไม้ตะพด มีหวังเตลิด-เสียใจ-คนมีความรู้ในภาคปฏิบัตินี้จักผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็มีอุปนิสัยอ่อนน้อมอยู่ ไม่มารยาหรือมีอัตตาสูง เมตตาด้วย หากเขาเสียใจหนีไปแก้แค้้สังคม เราจะเหนื่อยกันอีกนัก นะขอรับ อาจารย์ เพราะเชามีฝีมืออยู่..สาธุ:mad:(k)
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ขอกล่าว เป็นครั้งที่สอง ปรกติ วิญญูชน จะต้อง รับทราบได้ เมื่อมีการ
    ทักท้วงครั้งที่สอง

    การเสวนา หากหมายจะ โต้ตอบคำถาม กรุณา กดอ้างอิงด้วยว่า สนทนากับใคร
    ตอบกับใคร

    มิเช่นนั้น มันจะมี พวกลักปิด ลักเปิด แอบดีใจ " เธอคุยกับฉัน ใช่ไหม อ้า ...อ้ารับมาเชียว "

    นะ

    กรุณากดอ้างอิงด้วย เพื่อ อนุเคราะห์ คู่สนทนา ว่า ไม่ใช่ละเมอเพ้อไปคนเดียว เธอคุยกับฉันชิมิ ชิมิ


    ถ้า อ้างเลห์ ทำเป็นกล้า จะมีใครถามไหม แต่พอเขาถาม ก็หัวหด ขอ โพส
    แชช คนละเมอธรรม ไปดีกว่า อันนี้เขาเรียกว่า พวกไม่กล้าหาญจริง ไม่ใช่
    สัตบุรุษ ไม่พร้อบจะเจรจา ชอบแต่ การละเมอเป็นการส่วนตัว อ้างเลห์ว่าไม่
    ทำร้ายใคร แต่จริงๆคือ ทำร้ายไปทั่ว


    ปริญญาปหานกิจ ไม่เกิด .....

    ปริญญาปหานกิจ ถ้าไม่เกิด .....ไม่ต้องไปบอกใครเขาว่า " ปฏิบัติธรรมะ "

    การปฏิบัตธรรมะ จะต้องมี " สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ " การประหานะ
    จะต้องมี และ จะต้องปรากฏผล จึงจะทราบได้ว่า " ตัดภพ ตัดชาติ "

    ถ้าการ ประหานกิเลส ตัดกิเลส ไม่มี แม้ ตทังคะ(ชั่วคราว) ปหานนะ(ไม่กำเริบกลับ)
    จะเอาอะไรไปบอกเขาว่า ภาวนาเป็น

    ถ้าการ ประหานกิเลส ตัดกิเลส ไม่มี แม้ ตทังคะ(ชั่วคราว) ปหานนะ(ไม่กำเริบกลับ)
    จะเอาอะไรไปบอกเขาว่า ฝึกฝนธรรมะ ....มีแต่ มั่วซั่ว ก๊อปปี้ลีลา ทำท่า สมอ้าง
    เท่านั้น ที่จะกล่าวว่า ไม่มีการตัด ....แล้วยังกระทืบด้วยว่า ไม่ใช่ มรรค อะไรคือ
    ทาง อะไรไม่ใช่ทาง
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ้าว อ้าว พี่เลี้ยงโยน ผ้าขาว !!!


    ได้ฮับปู่ เช่นนั้น ก็ให้เป็นการ ดูแล ของท่าน

    จังซี่ผมก็ถอน จังซี่ผมก็ถอน จังซี่ผมก็ถอน dannce_


    ฮิวววววววววส์
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อย่าถอนเด็ดขาด ผมเองนะบ่มีปัญญา เยี่ยงท่าน ท่านช่วย พวกเขา-เรา มากมายหลายคน มาเกินครึ่งทางแล้วต่อให้จบเถอะครับ ผมก็ยังได้ฟังธรรมมั่ง สาธุครับ:cool:
     
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ใช้เวลาเลื่อนนานไหมล่ะท่าน เป็นสูตรเป๊ะๆเลยเหรอ
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    การเจริญมรรค..เหตุใดต้องเข้าสมาธิ อะไรทำให้ท่านเข้าใจเยี่ยงนั้นขอรับ คุณ นันทชัยดี สาธุ ธรรมสากัจฉาครับ(k)
    พระพุทธองค์ ทรงนั่งใต้ต้นโพธิ์ แล้วรื้อเรือนกามตัณหา ท่านก็มิได้นั่งสมาธิอะไรเลยนี่ครับ
     
  15. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ความดีไม่ได้ถูกฝังกลบหรอก คนเราทำดีความดีนั้นแหละจะเป็นบุญเป็นกุศลติดตามเราไปในภพหน้าชาติหน้า ความสงบเกิดจากสมาธิชอบสมาธิชอบเป็นบ่อเกิดแห่งสมาธิ เมื่อมีสมาธิปัญญาก็เกิด
     
  16. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ส่วนนิโรธ หนึ่งในสี่นั้น เรายังไปไม่ถึง เราแค่หาทางเดินมรรคเจอเท่านั้น มันก็เป็นสิ่งที่แตกต่างจากที่เราคิดว่า เรารู้หมดแล้ว อรูปฌานเราก็ทำได้บ่อยๆ ตอนที่เราเล่านิทานพญานาค ที่ห้องจักรวาลคู่ขนาน ทุกๆวันเสาร์เรามักจะไปเยือนที่โน่นที่นี้เพื่อความสนุกสนาน ตอนนั้นเราเคยคิดว่า จะพาสมาชิกไปเยือนดินแดนหิมพานต์ด้วยกันด้วย แต่สมาชิกก็ไปด้วยไม่ได้ นั้นเป็นจุดที่เราเห็นความแตกต่างของความสามารถของคนอื่นๆ แต่ก่อนเราคิดเสมอว่า คนอื่นๆจะต้องทำได้เหมือนเรา เพราะมันเป็นของไม่ยาก ในสภาวะของมรรคนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นที่อธิบาย หนึ่งในนั้นก็คือ ปิติสุข ซึ่งเป็นในสภาวะของฌาน สมาธิ ปกติเราทำสมาธิจะไม่มีนิมิต ไม่มีสุขเหมือนจะไหลไปที่ฌานสี่เลย แต่มรรคนั้นต้องประกอบด้วยหลายส่วนกว่าจะเข้าได้ สรุปคือ หนึ่งจิตต้องวิเวก สงบนิ่งจากสัญญาใดๆ สองต้องตื่นในสภาสะภวังค์นั้นได้ คือต้องสามารถเจริญสติปัณฐานในภวังค์นั้นได้อีก เพื่อตัดกระแสภวังค์ และสามสุดท้ายคือ ต้องสามารถประขุมองค์มรรคให้เป็นเอดัคคาจิตโดยมีสมาธิมรรคเป็นประธาน
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่ได้ ไม่ได้ โยนผ้า ออกนอกหน้าขนาดนั้น ต้องรับเป็น พี่เลี้ยง แล้วหละ ถอนไม่ได้

    แต่ผม กระซิบบอกบางอย่างปู่ได้ ถ้า ปู่ไม่ว่าอะไร อย่าไป กล่าวเป็นเสียงกระซิบ
    ให้เขาได้ยินทางรูหูก็แล้วกัน

    ตรงที่ผมอัด เรื่อง การไม่ตัดกิเลส ไม่มี "ปหานสัญญา" ตรงนั้น ผมเห็น
    สัญญา การ " ซูเอี๋ยกับกิเลส " กิเลสของเขามีบางอย่างมันโผล่หัวมา
    เขาจัดการไม่ได้ แต่ความที่ หวงแหนความเป็นอริยะ ที่ผิดศีลทางวาจาไปก่อน
    แล้ว ก็เลยต้อง ตกเป็นทาส กิเลส สมยอมให้กิเลสปรากฏ แล้ว อ้างเนียนๆว่า
    การ ปหานกิเลส ไม่ใช่มรรค ....พอปล่อยให้กล่าวได้ต่อที่สาธารณะ ก็เท่า
    กับเอาเราไป รับรองความเป็นอริยะเขา โดยอาศัยคู่สนมนารับแซบ อันนี้
    ผมเลย ต้องรีบอัดปฏิเสธ อะปู่

    ดังนั้น ปู่ก็ดูตัวนี้ก็ได้ ลองมี กิเลสออกมาซูเอีย เดี๋ยวก็มีเรื่อง มีเมียก้านกล้วยแก้ว
    ได้ มีเมียเป็นดุ้นระเบิดตอปิโดปรมณูได้ อะไรเงี้ยะ ปู่ ปู่เห็นแล้ว จะรับไปแย็บ
    เองตามที่โยนผ้าขาวมารับเลี้ยง หรือไม่รับแย๊บ ก็ว่ากันไปปู่

    ไปละ ......อย่าเอ็ดเป็นเสียงเข้ารูหูนะปู่ เรากระซิบกันสองคน หากใครไม่เอา
    ตาออก ยังมี อยาตนะ6 เต็มหัวใจ ช่วยไม่ได้ปู่ อริยะขี้โม้แน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อ้าวไปเที่ยวนิพพานได้ด้วย..ชักไม่ค่อยดีแล้ว ท่านนนันทชัยดี.:'(
    ท่านไปสร้างภพ-สร้างสังขาร ตนเองในสมาธิ ..แล้วก็สร้างมรรควิธี คิดเอาเองหมดกลายเป็นสะกดจิตตนเองกลายๆแล้วครับ..อภิญญา สมาธิจิต..สังขารเลย เพลิดแพร้วเป็นแก้วอัญญมณีไปเลย..
    นี่ เหตุที่ใช้สมาธินำ-วิปัสสนา..สังคมไทยเลยเกิดอย่างท่านนี้ มากมาย ในห้องนี้เลย ...สมาธิเกิด หากใช้คิดจนเกิด จะเป็นปัญญานำสมาธิ ไม่มีหลง ..หรือแทนที่จะเดินสติปัฏฐาน4 หรือ พิจราณากาย แต่ท่านก็ห้าม.."จิต"..ตนเองไม่ทัน ไม่ได้ เพระาสภาวะที่เกิดใหม่นี้มันน่าหลงไหล เกินกว่าจะรู้ตัว
    สมาธิ เขามีไว้เล่นอภิญญา วิชชาสาม และเสริมกำลัง ปัญญา..ไม่ได้มีไว้เดินมรรค-หรือเข้าสมาธิแบ้วหลุดพ้นเลยครับ ..หลง คุณหลง สังขารแล้วครับ:cool:
     
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    แค่จิตสงบเฉยๆ..ความพิศดารของจิตบางครั้งก็เหลือรับแล้วครับในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น นี่คุณเล่นเข้าสมาธิ แล้วใช้สัญญาเดิมมาปรุงจนสังขารเลยเถิด เดินมรรคได้อีกด้วย ในสมาธิชั้นไหนครับ ..ลืมตานี่ปฏิบัติมรรคมีองค์8 ไม่ได้รึครับ..แล้วที่คุณปฏิบัตินี่ ทำให้คุณเบื่อ หน่าย คลางวาง อะไรได้บ้างทำไมไม่ลองตรวจดูตนเองล่ะครับ
    หากปฏิบัติถูก มันต้องเกิดสภาวะจิตืั้.. สะอาด สว่าง สงบ สภาวะนี้ครับ คุณนันทชัยดี:cool:
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241

    ปู่ แอบกิน "ลาภ" แล้วหนอ

    ปู่ แอบกิน "ลาภ" แล้วหนอ

    ปู่ แอบกิน "ลาภ" แล้วหนอ

    มี ลาภ มั่นคง แล้วหนอ


    ;9kpity_pig
     

แชร์หน้านี้

Loading...