ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    อย่ามาเรียกผมว่า อาจารย์ วอนเรียก จานหรือกะละมัง ก็ได้ครับ ผมเข็ดขยาดการมีลูกสิดแล้วครับ...สอนให้เอาดี ยากจริงๆ อิอิ

    ผมมีพระใหม่ๆ ผมไม่ไส่แล้ว เพราะ ไม่อยากให้ผีกลัว
     
  2. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    คร้าฟฟฟฟฟ ใครอยากเป็นครูก็ต้องย่อมรู้ตัวว่าต้องเหนื่อยมากกว่าปกติเยอะ...เป็นเรื่องปกตินี่ครับ อิอิ...เอางี้...งั้นเรียกสั้นๆ ว่า "จารย์ sianns" เหมือนเดิมละกัน... เชิญๆ ท่านไปสนทนากับ จขกท. ต่อเถอะครับ ผมขอตัวก่อน บายๆ (kiss)(kiss)(kiss)
     
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ณ เพลานี้ เราจักไปกินหมูกะทะ ก่อนหนา เชิญทุกท่านอ่านๆ ที่เขียนไปแล้วรอ
    หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว จักเร่งกลับมาเขียนกระทูต่อ ชะเอิงเอย

    โบราณว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
     
  4. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ใกล้วันแห่งความรัก พรุ่งนี้แล้วสินะ
    ที่จริงตั้งใจจะโพสพรุ่งนี้ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์
    แต่พรุ่งนี้งดไม่ดูละคร สามารถดูย้อนหลังได้
    เพราะดูทุกวันเดี๋ยวติด ไม่เป็นอันทำอย่างอื่น
    ถ้าหนักมาก ไม่เป็นอันกินอันนอน

    ก็ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ เนื่องในวันแห่งความรัก
    เพราะในกระทู้นี้มีเรื่องราวของความรัก
    ที่สำคัญ กลัวตกเทรนด์ วันวาเลนไทน์

    *******************************************************

    ความรักและความใคร่ มีผู้เปรียบเทียบไว้ว่า

    ความรัก เปรียบเหมือนการมองดูน้ำในแก้ว ด้วยความทะนุถนอม
    ค่อยๆ ประคองแก้วน้ำขึ้นมาเชยชมอย่างปราณีตบรรจง
    หากประสงค์จะดื่ม ก็จิบดื่มด้วยความภิรมย์ละเมียดละไม
    และดูเหมือนน้ำในแก้วจะไม่พร่องไป ไม่ว่าเราจะดื่มสักกี่ครั้ง

    ส่วนความใคร่ เปรียบเหมือนการมองดูน้ำในแก้วด้วยกระหายที่อยากจะดื่ม
    พอได้ดื่มหมด สมความอยากแล้ว ก็วางแก้วลงแล้วผละหนีไป ไม่ใยดี

    *******************************************************

    หญิงชายแต่ละคนนั้น ต่างผ่านทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์มานานแสนนาน ต่างผ่านการครองคู่มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ละคนจึงมีเนื้อคู่มากมาย บางคนเป็นคู่กันแล้วก็มีความสุข จึงอยากพบเจอและได้อยู่เป็นคู่กันอีกในชาติภพต่อไป แต่บางคนก็เบื่อหน่ายไม่ถูกใจคู่ของตน ไม่ปรารถนาจะกลับมาพบเจอกันอีก

    เหตุที่จะทำให้คู่หญิงชายมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันในชาติภพต่อไปนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงเหตุปัจจัยไว้ในสมชีวิสูตรที่ ๑ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ดังนี้

    "ดูกร คฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพไซร้ ทั้งสองพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ"

    "ดูกร คฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม เจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก"

    "ดูกร คฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสองเป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก"

    ดังนั้น เมื่อหญิงชายปรารถนาจะได้พบกัน เป็นคู่ครองกันอีกในชาติภพต่อๆ ไป หญิงชายทั้งสองนั้นต้องปฏิบัติตามพุทธพจน์ และมีการตั้งจิตปรารถนา ดังนี้

    ๑. รักษาศีลให้เสมอกัน
    บุคคลที่มีศีลเสมอกันย่อมอยู่ร่วมกันได้ในปัจจุบัน เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็สามารถไปเสวยกรรมดีร่วมกัน แต่หากฝ่ายหนึ่งทรงศีล แต่อีกฝ่ายทุศีล ฝ่ายหนึ่งย่อมไปสู่สุคติภูมิ ส่วนอีกฝ่ายต้องไปสู่อบายภูมิ โอกาสที่จะได้กลับมาพบกันนั้นยากยิ่งนัก

    ๒. ให้ทานและยินดีในการบริจาคเสมอกัน
    หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ทานและบริจาค แต่อีกฝ่ายไม่ชอบใจก็จะเกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน นำไปสู่ความบาดหมางและเอาใจออกห่างกันในที่สุด

    ๓. ทำปัญญาให้เสมอกัน
    การทำปัญญาให้เสมอกัน มีการปฏิบัติสมาธิภาวนาจะทำให้ทั้งสองมีความเข้าใจในโลกธรรมเสมอกัน มีความเข้าใจในสุขและทุกข์จากการอยู่ร่วมกันและยอมรับกันได้

    ๔. ตั้งจิตอธิษฐาน
    อธิษฐานนั้นมีผลทั้งอธิษฐานที่เป็นกุศลและอกุศล การอธิษฐานเป็นเหมือนการตั้งหางเสือเรือทำให้เรือมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่กำหนดไว้ ในการครองคู่ก็เช่นกัน อธิษฐานจะเป็นตัวชักนำให้หญิงชายได้กลับมาพบกัน และได้ครองคู่กันได้ในที่สุด ดังเช่น อธิษฐานของสุมิตตาพราหมณี ซึ่งอธิษฐานเป็นคู่บารมีให้พระโพธิสัตว์ จากนั้นมาอีกหลายชาติ ทั้งสองก็ต้องใช้เวลาปรับศีล ทาน และปัญญา ให้มาเสมอกัน และได้เป็นคู่บารมีกันสมคำอธิษฐานนั้น

    *******************************************************

    ขอโมทนา สาธุ ครับ
     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ซาบซึ้ง
     
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    มาแล้วจ๊ะ เพลียเลยเผลอหลับไป ฝันไปถึงทุ่งนักรบ

    แต่คราวนี้ไม่เห็นผี เห็นชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้

    ท่านยืนเอามือไพล่หลัง แต่งกายด้วยชุดเหมือนพวกราชวงค์

    ใส่เสื้อสีม่วงหม่น ขลิบทอง

    ท่านหันหน้ามา มองเรา

    แล้วพูดว่า ข้าเหนื่อยเหลือเกิน กับสงครามที่ไม่มีวันจบ

    ใยเจ้ายังเล่นอยู่เยี่ยงนี้

    สายตาดูผิวหวังและแค้นใจด้วย



    ....แล้วก็ตื่น

    ในฝันก่อนตื่น ท่านชักดาบออกมาด้วย เย็นคอวาบเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  7. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สงครามในใจคน สัญญาในใจคน...กรรมผูกพันในใจคน ...ไม่ไช่แค่สงตรามอย่างเดียว

    ความรัก ความหลง ความพยาบาทอาฆาต จงเวร คำสัญญา คำสาบาน...ก็ไช่
     
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    กลับมาที่ถ้ำ เมืองบังบด

    ตรียันต์ ยันต์ที่สาม หลังจากยันต์เก้ายอด และยันต์โสฬสมงคล

    ขรัวอินทร์กล่าวว่า ยันต์นี้คือยันต์ เกราะเพชร

    กล่าวถึงพุทธคุณ คือ อิติปิโลแลเป็นเช่นนี้

    จักคุ้มครองลูกทั้งแปดทิศ พ่อจักจารหมึกให้ลูกก่อน

    แล้วจักเป่าคาถาให้ลูกซ้ำ ให้หมึกที่จารลงไป

    เป็นเครื่องอยู่แห่งพุทธคุณ แต่ยันต์ฝังในใจลูก

    จงหลับตา และท่องตามพ่อ

    อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา

    ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง

    ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท

    โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ

    ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ

    คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ

    วา โธ โน อะ มะ มะ วา

    อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ

    สิงห์หลับตา ขรัวอินทร์ก็สักลงที่ไหล่ขวาของสิงห์

    คราวนี้รู้สึกอาการแปลกไป ราวกับ คันคะเยอไปทั้งตัว

    เหมือนโดนไฟจี้ ไปทั่วร่าง

    จากนั้น ขรัวอินทร์ มายืนตรงหน้าสิงห์ ก้มหน้า

    แล้วร่ายคาถาในจิตเป่าลงไปที่หน้าตรงๆ

    รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต แต่ทำไมไม่เห็นมีคนสัก

    ป.ล.รูป 2 โดยใจมั้ยจ๊ะ คุณนพการ

    ยันต์ที่สาม หรือ ตรียันต์นี้ ในตอนทำศึกกับอิระวดี ในจิตของสิงห์ เห็นยันต์นี้
    แผ่อานุภาพบารมี ออกไปรอบทิศ ทั้งภูติผี แลคนต่างครั่นคร้าม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • index.jpg
      index.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.4 KB
      เปิดดู:
      165
    • 55-1.jpg
      55-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.7 KB
      เปิดดู:
      106
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ปกติเวลาสักยันต์ต้องเว้นว่าง ให้ร่างกายปรับธาตุขันธ์
    แต่สิงห์นั้น กลับได้รับการยกเว้น
    เพราะอานุภาพจิตของขรัวอินทร์

    และอานุภาพเดชะบารมี
    และตบะบารมีที่สะสมมาหลายชาติ
    ครูบาอาจารย์ ปู่ฤาษีทั้งหลาย
    จึงรับเป็นศิษย์ทางจิต แบบไม่ต้องครอบ ต้องยก
    เป็นกรณีที่ไม่เคยมีมาไม่รู้กี่พันปี

    ธรรมดาพิธีเหล่านี้ ต้องไหว้เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า
    เป็นพิธีใหญ่ ต้องมีครูสายฤาษี
    คือไหว้แยก มิปะปน แต่สามารถลงพร้อมกันได้

    แต่หากจิตใจไม่เข้มแข็ง ขาดสมาธิ ครูบาอาจารย์ไม่มีคุณธรรม
    รอยสักนั้นจะเป็นโทษ เป็นวิชาที่ไม่ควรนำไปเขียนเล่น
    หากได้รับยันต์จากวัด ควรนำไปบูชาที่หิ้งหน้าพระเสียให้สิ้น
    อีกทั้งยันต์ที่อยู่ในตะกรุด มิเช่นนั้น ครูบาอาจารย์ท่านจักไม่พอใจได้
     
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ในเวลาทีมีการศึกสงคราม ธงชัยนั้น หรือธงศึกเป็นศูนย์รวมจิตใจ
    เพียงผ้ายันต์ก็มีคุณค่าทางจิตใจ ตะกรุดทั้งหลายที่แจกแก่ทหาร
    ยามที่ต้องใช้ความกล้าบ้าบิ่น หรือจะเรียกว่า กล้าตาย หรือ สู้แบบหลังพิงกัน เช่นตีแหกฝ่าวงล้อมข้าศึก
    เพราะอโยธยานั้น กำลังศึกน้อยกว่ามาก ขุนนางก็อ่อนแอ
    ในกาลศึก มีทหารพวกพ้องเท่านั้นที่ร่วมเป็นร่วมตาย
    หากมองย้อนกลับไป ถึงแม้จะผ่านพ้นมาได้ ไทยยังเป็นไทย
    แต่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาเช่นนี้ได้
    ในเวลานั้น ขอสดุดี แก่ทหารทุกท่าน แม้ไม่ใช่ทหารด้วยยศตำแหน่ง
    ไม่ว่าจะไพร่หรือผู้ดี ท่านนั้นมีหัวใจแห่งนักรบ

    กูจักยอมพลี เลือดเนื้อแลชีวิต ขอให้ชาติกูไม่สิ้นสูญ

    นับว่าเป็นอีกวิชา ที่ทรงคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์
    และเป็นอีกวิชาที่ทำให้ไทยเรายังเป็นชาติทุกวันนี้

    หากท่านมองการสักเป็นไสยศาสตร์ ขอให้มองเสียใหม่

    เป็นวิชาที่เรียกว่าสูง สำหรับจารุ
    กว่าจะเรียนมนต์คาถา กว่าจะสัก กว่าจะรู้เข้าใจความหมายอักขระ
    หากไม่มีศรัทธา ใจรัก ไม่เป็นที่พอใจของเทพแลฤาษี คงจะเจริญในวิชายากนัก

    ส่วนการสักที่แปลกประหลาดในสมัยนี้ เช่นสักรูปชายหญิงสมสู่ ไม่ขอออกความเห็น
    แต่ใจไม่ชอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2015
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ขอเล่าย้อนหลังอีกนิด ถึงจุดเริ่มต้นที่มาเขียนเรื่องนี้

    ในเวลานั้น เราก็ฝัน ฝัน ฝัน มาประมาณ สองปี

    วันหนึ่งก็ได้ไปไหว้พระบรมรูปที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง

    ด้วยคิดถึงแลรักยิ่ง

    กลับมาที่บ้าน กำลังเคลิ้มลงไปจะหลับ แต่ยังรู้สึกตัวอยู่

    ท่านมากันในนิมิต สามท่าน มาครบองค์ประชุม

    ท่านแรกนั้น ใส่ชุดสีม่วง ในวัยปลายๆสี่สิบ

    สายตาดุดันเหลือเกิน

    ท่านสอง ราวสามสิบปลาย งามราวเทพบุตร หน้ายาว อย่างเทพ สวมชุดราชวงค์
    ท่านนี้ยิ้มให้ นัยน์ตาหวานดูอบอุ่น ฟันท่านงามมาก
    ไม่ได้งามอย่างพระเอกหนัง ไม่คมเข้ม แต่ผิวท่านซิ
    นึกถึงคำโบราณว่า อย่างกับทองทา ไร้ฝ้าราคี เคลิ้มเลย
    ท่านใส่ชุดเหลือง เดินดิ้นทอง ยิ่งเปล่งรัศมี แห่งเมตตา

    ท่านสามเป็นหญิงผมยาว ยิ้มให้เรายิ้มท่านช่างเยือกเย็น อ่อนละมุน
    คำเดียวในใจเราเลย นางฟ้ามาจุติ รูปร่างท่านงามมาก เหมือนเล่มเทียน
    อันกลมกลึง ดวงตาหวาน คิ้วโก่ง เหมือนภาฟฝันมากกว่าคนจริงๆ

    สองท่านที่เป็นชาย นั่งอยู่บนตั่งทอง ท่านที่เป็นหญิง ยืนอยู่

    แล้วท่านนั้น ผู้มีผิวเหลือง แต่ไม่ยักกะดำ เหมือนที่คนเล่าขาน
    และมีหนวดและผมดำมาก

    ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ รัศมีนัยน์ตา ดุดัน เปล่งพลัง
    อธิบายไม่ถูก ท่านก็พูดเหมือนกัดฟันพูด
    เสียงท่านซิ ทีสุดกว่า มันก้องกังวาน มีพลัง
    ไม่รู้เหมือนเป็นแบบเสียงรอบทิศทาง


    ไอ้สิงห์ มึงเรียกกูพ่อทุกคำ ใยมึงจักพลิกพริ้วกับกู
    กูรักมึงที่สุด ใยมึงหักน้ำใจกู
    กูให้การมึงไป ใยมึงไม่แล

    ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเรียกกูว่า พ่อ
    มึงจักไปไหนก็ไป
    ชังน้ำหน้ามีงนัก
    หากมึงไม่ไปกูจะกุดหัวมึงเสีย

    ขนลุก และ ตื่นมาร้องไห้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2015
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แต่เราก็ยังไม่เขียนเรื่องนี้

    ...จนกระทั่ง

    ท่านมาอีก
    แต่มาท่านเดียว

    คราวนี้ มาแบบชักดาบมาเลย

    มึงดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ต่อให้ตายไปกี่ภพกี่ชาติ
    มึงก็ต้องมารับใช้กู

    กูเป็นเจ้าชีวิตมึง

    หากมึงไม่อยากมีชีวิต
    กูก็จักให้มึงตาย

    แต่มึงคงไม่กลัว คนดื้นด้านอย่างมึง
    งั้นกูจักสาบแช่งมึง
    ให้ครอบครัวมึง ลูกมึง ไม่มีแผ่นดินอยู่
    ให้ชิบหาย วิบัติ สมบัติใดที่มึงกินใช้
    จากแผ่นดิน ที่กูเอาเลือกเอาเนื้อแลกมา
    กูจักริบเสียสิ้น

    มึงจงรับคำกู หาไม่ ในเจ็ดวัน มึงจักเห็น
     
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วจากนั้น ไม่เกินเจ็ดวัน พี่สาวก็มาบอกว่า

    โดนโกงงานประมูลทำเขื่อนไป (เงินเยอะ)
    ทำให้ต้องเกิดวิกฤติกับครอบครัว

    เลยรีบไปจุดธูปบอกท่าน
    ที่พระบรมรูป คือขออภัยโทษ
    ชาตินี้เกิดเป็นหญิงม่าย
    มีความกลัวหลายอย่าง

    และเริ่มเขียนในบอร์ดนี้
    ไม่รู้ทำไม
    เหมือนโดนดลจิตใจ

    ในวันนั้น ที่ค่าย พระอาทิตย์ อยู่ด้านหลัง พระบรมรูป
    เหมือนเห็นว่าท่าน ยิ้มให้

    หลังจากนั้น เหตุการณ์ก็ดีขึ้น เริ่มฟื้นตัว
    ตอนนั้นเกือบล้มละลาย

    คิดถึงคำแช่งนั้น ขนหัวลุกเลย

    ท่านมีวาจาสิทธิ์ และบารมีมากเหลือเกิน
     
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ถ้าอ่านแล้วขนลุกขอโทษด้วย

    มันขนพองสยองเกล้าเลยในฝัน

    ไม่กล้าสบตาท่านเลย มองแต่รองเท้าท่านตลอด

    ตอนไปที่พระบรมรูปวันนั้น

    ได้ยินเสียงเต็มสองหู

    แบบไม่ได้ฝัน

    กูคุ้มครองลูกกูทุกคน หากไม่ได้บารมีกู มึงคงไม่ได้อยู่ถึงทุกวันนี้

    มึงจงอย่าลืมสัจจะของมึง


    บอกได้คำเดียว แทบจะจับไข้ กลางวันแสกๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เพิ่งเขียนไม่ครบเดือน ก็เกิดเรื่องประหลาดกับเรามากมาย

    เรานั้นรู้แก่ใจว่ายากนัก แต่เราก็เต็มใจ และไม่คิดกำแหงกับท่าน

    เกิดอีกกี่ชาติ ก็ไม่รู้จะใช้หนี้หมดมั้ย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

    มันไม่มีเรื่องบังเอิญ มีแต่กฏแห่งกรรม

    ป.ล.ที่ฮากว่านั้น ไม่ชอบวิชาประวัติศาสตร์
    ขี้เกียจท่อง เพราะฉะนั้นเรื่องที่เขียน ก็เขียนตามภาพที่เห็น
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    คืนนี้ ขอพอก่อน อารมณ์หลั่งไหลเกิน
    ท่านใดอยากพูดจา ก็เชิญนะจ๊ะ
     
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    "บทกลอนถวายพระนเรศวรมหาราช"

    อันอังคารสังขาร ของกูนี้
    บัดนี้ผ่านสี่ร้อยกว่าปี หามีไม่
    ถึงกายกูตัวกู จะจากไป

    วิญญาณไซร้ยังอยู่ คู่แผ่นดิน

    ก็แผ่นดินผืนนี้ หรือมิใช่
    ที่กูสู้กู้ไว้ ให้ลูกหลาน
    บัดนี้เหลนโหลนอยู่ สุขมานาน
    ถึงปราศปราณญาณยังอยู่ คู่พวกมึง

    กู...สู้กู้แผ่นดินไว้ ให้อิสระ
    นำคนไทยสู่ชัยชนะ มิรู้สิ้น
    ถึงตัวตาย(ไป)รักษ์ไว้ ซึ่งแผ่นดิน
    ปณิธานนี้มิเลือน ถึงสิ้นปราณ

    แผ่นดินผืนนี้มี ความศักดิ์สิทธิ์
    แม้นมันผู้ใดคิดมุ่งร้าย ต้องตายสิ้น
    เหตุเพราะกูผู้กอบกู้ กู้แผ่นดิน
    ยังดูแลตราบสิ้น ชั่วกาลนาน

    กรุงศรีฯเคยคลุกคลี ด้วยสีเลือด
    แผ่นดินเดือด เลือดโลมไหล
    แต่ไทยต้องคงนาม ความเป็นไทย
    ถึงไม่มีใครวิญญาณกู จะสู้เอง ฯ

    คัดลอกจากแผ่นหินอ่อนหน้าพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์,อำพล ฐาปนพันธ์นิติกุล แต่งถวาย ๒๖ เมษายน ๒๕๔๗
    รูปประกอบ : อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วัดโลกโมฬี อ.เมือง จ.เชียงใหม่

    ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  18. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ติดตามอ่านอยู่เหมือนกัน เพราะตอนแรกก็กะจะเขียนถึงนายทหารคนหนึ่ง แต่ความขี้เกียจมีมาก เพราะคิดว่าเขียนประวัติท่านตรงๆจะไม่เหมือนที่ชาวบ้านเรียน มุมมองของบุคคลอาจแตกต่าง แม้อุดมการณ์เดียวกัน คุณจารุเขียนก็ดีแล้ว ส่วนข้าพเจ้าก็ใช้กระทู้ทหารองค์ดำเขียนแนววิเคราะห์ จากสิ่งที่อ่าน ที่มโน ที่สัมผัส หลายท่านเขาก็รู้กว่าข้าพเจ้าก็มี ไม่ได้คิดอะไรถ้ามีคนถามก็ตอบถ้ารู้ ถ้าไม่รู้ไม่อยากกล่าว เพราะถึงเรามีชีวิตอยู่ในยุคนั้นก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง เหมือนปัจจุบัน นายสั่งก็ทำ แต่ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า บางครั้งคิดว่าดีอาจไม่ดีก็ได้เพราะเขาอาจมองไกลกว่าเรา
     
  19. EAKKARACH

    EAKKARACH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +43
    ถึงไม่มีใคร วิญญาณกู จะสู้เอง =ประโยคนี้สุดๆคับไม่รุ้จะหาตำไหนมาอธิบาย
     
  20. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    14 กุมพา รักนะ จุ๊บุ๊ๆ
    อนุโมทนาสาธุกับท่านในฝัน
    กรรมทั้งหลายที่เคยร่วมเกี่ยวพันกัน
    ขอให้มันเป็นอโหสิ....กรรมนำอิสระภาพ แก่ทุกคน
     

แชร์หน้านี้

Loading...