แนะนำด้วยค่ะ ระหว่าง สมถะ กับ วิปัสสนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Ukie, 28 มกราคม 2015.

  1. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ถ้าเกิดเรา เกิดอารมณ์ไม่พอใจขึ้น และเรามองเห็นแล้ว เราจะทำอะไรต่อในขณะนั้น
    หรือเราจะคิดต่อยังงัย ในขณะนั้นๆ เพราะบางครั้งพอมองเห็นอารมณ์เกิดขึ้น ไม่ตั้ง
    ใจจะเพ่ง อารมณ์ก้อค่อยๆลดหายไป บางครั้งไม่พอใจมากๆ ในขณะนั้น อารมณ์เข้ม
    ข้นยังมีอยุ่ ก้อสามารถพิจารณาได้ เตือนสติตัวเองได้

    คือ เราจะปฏิบัติยังงัยต่อค่ะ จะคิดยังงัยต่อให้เปนวิปัสสนาน่ะค่ะ
    แล้วถ้ามองเห็นอารมณ์ อ่อนๆ เช่น อารมณ์คิดถึง หรือเบื่อหน่าย
    จะยังงัยดี เพราะ แค่ดูมันก้อจะหายไป

    หรือทำผิดคิดผิดยังงัย แนะนำใหม่ให้ด้วยค่ะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สังเกตุนะ


    จิตมีความใส่ใจ ยกสภาวะโกรธ ขึ้นรู้ว่ามีในจิต

    ตรงนี้ได้ วิปัสสนาพร้อมทั้งสมถะ หนึ่งขณะ
    เปนสังวรปทาน เปนปธานสังขาร

    หลังจากนั้นตามพิจารณาต่อเนื่องด้วยขันติ
    เปนบรมธรรม อุปการะแก่จิต จนโกรธดับ

    นี่เปนอิทธบาทสี่ สัมมัปทาน

    แต่ลืมกำหนดรุ้ลงเปน ขันธ์5

    ธรรมที่เจริญได้ เลยถุกครอบงำด้วย
    โลก ตกจากกรรมฐาน

    ปัญญาธรรม เลยโดนโลกครอบ กิเลสเอาไปกิน
    อวิชชาตามบัง

    ภาวนาดีแท้ๆ ถูกโลกมันหลอกว่า ภาวนาไม่เปน
     
  3. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณนะคะ แล้วกำหนดรุ้ลงเป็นขันธ์ 5 ทำยังไงค่ะ
    รบกวนอิกรอบ เพราะอยากพ้นจากอารมณ์ทุกข์จริงๆค่ะ
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ดังนั้น เจ้าของกระทู้ ต้องสดับเรื่อง ขันธ์5เพิ่ม เอามาสมาทานร่วมกับภาวนา

    จน ปริยัติที่สามาทานไว้ มันไปต้อง อรรถสาระ ที่ได้จากการปฏิบัติ พอมันสบกัน
    ไม่เหลื่อมกัน จะได้ สุตตมัยปัญญา(ภาวนาถูกต้องด้วยปัญญาอันยิ่ง) ก็จะ
    เข้าใจ โพชฌงค์7 เห็นกริยาจิตที่ทำ ธัมมวิจัยยด้วยจิต ไม่ใช่ด้วยการตรึก นึกคิด
    เป็นเพียงการ ระลึกรู้บ่อยๆ


    การกำหนดรู้ลงเป็น ขันธ์5 จะเป็นเรื่อง ของนักรบที่ยิงธนุเร็ว

    การกำหนดรู้ การยก โกรธ โลภ หลง ขึ้นพิจารณาเป็น " ประทานสังขาร "
    เป็นเรื่องความฉลาดในฐานะ

    โกรธ โลภ หลง เวลาจิตละเอียด ภาวนาในระดับ รู้ มูลจิต มันจะไม่ขึ้วิถีให้ทราบ
    ว่าเป็น อาการโกรธ อาการโลภ อาการหลง มันจะ ยิ๊บๆ แย๊บๆ เป็น โอภาส ขณะ
    ภาวนายกขึ้นรู้ ขึ้นดู

    การยิงธนูได้ไกล จะเป็นเรื่อง การเอาสภาวะธรรมในอดีต มาถามไถ่ มาเสวนา และ
    แน่นอนว่า จะมีการตรึกไปในอนาคตด้วย ยกเห็นธรรมภายใน ภายนอกด้วย หาก
    ทำได้แบบนี้ จะเป็นผู้ยิงได้ไกล .......เช่น จะกำหนดรู้โลภ จะเห็น ตอนจิตตรึก
    ว่า เที่ยงนี้จะกินอะไร เย็นนี้จะกินอะไร นี่ก็ยกอนาคต มาพิจารณาได้ พอยกแล้ว
    มันจะ ทำให้ทราบ " กิจอื่นเพื่อการเป็นอย่างนี้ไม่ได้มี " ตื้นเข้ามาสู่ ปัจจุบันธรรม
    จนกระทั่งทราบชัดว่า ไม่ต้องเคลื่อนจิต ไม่ต้องยกท่าทางการภาวนาอีกต่อไป

    " พอยิงไกล ยิงไว ฉลาดในฐานะ " ก็เหลือเพียง คว่ำอวิชชา ทำลายข้าสึกกองใหญ่ลง
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253

    ดูจากรูปแทนตัว กับ การยกโกรธขึ้นพิจารณา

    ให้ ยกเวทนาขันธ์ มาลองศึกษาดู ถ้า กำหนดเห็น
    การดับ การเกิดของ เวทนา ได้ ขณะที่อ่านปริยัติ ก็ให้ใช้อันนี้

    ถ้่ากำลังสมาธิไม่พอ จิตไม่โน้มไปในความชอบใจในความสงบ อันอาศัย
    อุบายชื่อ เวทนา ที่พระพุทธองค์ทรงชี้ไว้ให้ ก็ให้ใช้ รูป แทน

    เช่น

    ตอนโกรธ แล้วกำหนดรู้ ความพอใจที่โกรธ ความไม่พอใจที่โกรธ โกรธเกิดขึ้น
    แล้วแต่กลับวางจิตเฉยๆ นี่คือ ตามเห็น เวทนาได้

    ตอนโกรธ แล้วกำหนดรู้ อาการแขนขา หน้า ผม น่าพอใจกริยาอาการนี้
    ความไม่พอใจในอากัปกริยานี้ หรืออากัปกริยาเหล่านี้เกิดแล้วกลับวางจิตเฉยๆ
    นี่คือ ตามเห็น รูป(ไม่แท้) ได้

    ถ้าเห็น ความเย็น ความร้อน ตึง ไหว จะเริ่มเห็น รูป แต่ความที่อินทรีย์ภาวนามาดี
    เคยยกวิปัสสนามาแล้ว จะสัมผัส นรกภูมิด้วยนามธรรม ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไป
    เบิ่งด้วยตาในตานอก ให้โง่
     
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สำหรับ กรณีที่ ยังกังวลว่า สมถะ อยู่ตรงไหน วิปัสสนาอยู่ตรงไหน

    จากที่บอกไปแล้ว เวลา ยก หรือ สมาทานสิกขา แปลกแต่จริง เวลา
    ยก หรือ กำหนดรู้ ทำความเพียร สมถะ และ วิปัสสนา มันเกิดแล้ว

    การกำหนดรู้เห็น โกรธ ด้วยใจเป็นกลาง นี่ อุเบกขาเกิดตั้งนานแล้ว เป็น บาท ยกเห็นโกรธ

    และ ขณะเดียวกันนั้น โกรธ ก็มีตามความเป็นจริง ไม่ได้ ด้น เด้า เดา เอา นี่ก็ถือว่า วิปัสสนา
    ตามเห็นตามความเป็นจริง ขณะที่ ยกขึ้นกำหนดรู้

    ดังนั้น สมถะ และ วิปัสสนา เป็น อัญญมัญ กัน คือ เกิดพร้อมกัน ไม่มีการแยก แยกไม่ได้


    แต่ที่ แยก อันนั้น เป็นเรื่อง จิตที่ยังไม่ได้ล้างอวิชชา มันจะมี อำนาจความพอใจในธรรม
    หรือ ฉันทะในธรรมตามแต่ละจิต แต่ละคน ที่มีไม่เหมือนกัน

    ไปสำคัญผิดว่า ขณะกำหนดรู้ เพราะ กูแน่ กูหนึ่ง อันนี้ จะชอบ ปรารภว่า ทำสมถะก่อน

    ไปสำคัญผิดว่า ขณะกำหนดรู้ เพราะ ธรรมมีอยู่ก่อน อันนี้ จะชอบ ปรารภว่า ทำวิปัสสนาก่อน

    ไปสำคัญผิดว่า ขณะกำหนดรู้ เพราะ มีการกำหนดรู้ อันนี้ จะชอบ ปรารภว่า ทำสมถะ และ วิปัสสนา ต้องควบกัน

    ไปสำคัญผิดว่า เพราะกำหนดรู้ อรรถจึงมี ธรรมจึงมี อันนี้ จะชอบ ปรารภว่า ไม่ใช่สมถะ และไม่ใช่วิปัสสนา เป็นแต่ความฝุ้งไปของจิต

    ทั้งสี่ เป็น ความลักลั่นตามอำนาจ ธรรมฉันทะ อาสวะ ไม่สิ้น ...พอพ้นทั้งสี่อาการ ก็สัมผัสวิมุตติ
    พยากรณ์วิมุตติ ได้สี่แบบ อีกที

    ดังนั้น

    ไม่ต้องไปสนใจว่า สมถะ หรือ วิปัสสนา เพราะนั่นเป็นเพียง การถกเถียงของสัตว์ ที่ไม่เอา ภาวนาเป็นใหญ่


    เว้นไว้จะ หลอกเด็ก ให้เกิดความร่าเริง ในการสมาทานสิกขา ก็จะ เออ อวยไป ว่า เออถูก สมถะก่อนจ้า
    เอ้อถูก วิปัสสนาไปเลยจ้า ....เอ้อใช่ ควบกันเลยเนาะ .....ฮัดชัดช้า ต้องฝุ้งอย่างนั้นแหละถึงออกมาจากจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2015
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    "แนะนำด้วยค่ะ ระหว่าง สมถะ กับ วิปัสสนา"

    "สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ - ผู้มีจิตนั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ ตามความเป็นจริง"

    จิตตั้งมั่น เป็นสมถะ (= สมาธิ) รู้ตามความเป็นจริง หรือรู้ตามที่มันเป็น เป็นวิปัสสนา (= ปัญญา)

    องค์ธรรมทั้งสอง คือสมถะกับวิปัสสนา หรือสมาธิกับปัญญา ต่างก็อาศัยกันและกัน
     
  8. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณมากนะคะ
     
  9. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    แค่รู้แค่ดูไปเรื่อยๆ หรือเปล่าค่ะ
     
  10. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ ^^
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    หากเราอุปาทานต่ออารมณ์นั้น ก็เท่ากับยึดอารมณ์ไม่พอใจ มันก็ทุกข์ ถ้าแค่รู้ แต่ไม่ยึดมัน มันก็ดับไปตามสภาพของมัน

    จขกท.เองยึดหรือไม่ยึดล่ะ
     
  12. อินทรียสงวร

    อินทรียสงวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +610
    การที่จะละอุปาทาน ต้องรู้ให้ชัดว่า อะไรเป็นปัจจัยให้เกิด อุปาทาน การที่จะรู้ชัดของวงจร เหล่านี้ต้องอาศัยการรู้ชัดของ "พระสัทธรรม" ที่แท้จริง "ปฎิจจสมุปบาท" เป็น พระสัทธรรมที่จะทำให้เปิดโลกทัศน์ว่า อะไรเป็นเหตุ-ปัจจัย ให้เกิดปัจจัยอื่น และส่งให้เกิดผลอื่นๆ อันหลากหลายอีก เมื่อรู้ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัจจัยนั้นๆ เราก็จะสามารถดับปัจจัยนั้นๆได้ ครับ

    แล้วให้ไปหาคำตอบ จาก "กระแสแห่งปฏิจจสุปบาท" และจะได้คำตอบ ช่องทางที่จะทำให้จบกิจของพระพุทธศาสนาได้

    //มีผู้บอกเส้นทางแล้ว มีผู้ร่วมเดินทางอยู่ ขึ้นอยู่ที่เราจะทำหรือไม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ดูดีๆจะมีแต่สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นและจะมีสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะดับไป. มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นและก็เปลี่ยนแปลงไป. มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นบังคับบัญชาไม่ได้ไม่ใช่ตัวตน บุคคลเราเขา โลกทั้งโลกก็มึเท่านี้ สมควรมั้ยที่เราจะยึดว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา ทุกสิ่งเป็นเพียง ขันต์ ธาตุ อายตนะ เนี่ยวิปัสนา
     
  14. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ถ้าไม่มีสมถะ ก็จะไม่มีวิปัสสนา เพราะสมถะและวิปัสนาคือของคู่กัน ไปด้วยกัน ไปคู่กัน

    เคยตั้งใจท่อง คาถา ชินบัญชรมั้ยครับ ถ้าไม่สงบไม่ตั้งใจไม่เพียร(สมถะ) ก็จะจำไม่ได้ท่องไม่ได้(วิปัสนา)
     
  15. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    การใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือทำให้เกิดความสงบนั้น.เป็นสมถะ
     
  16. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ทุกสติปํฏฐานถ้าทำเป็น จะสงบ(เป็นสมถะและวิปัสนาไปด้วย)

    วิปัสนาคือ รู้ก่อนเกิด รู้การเกิด รู้ตั้งอยู่ รู้ดับไป รู้ยังไม่เกิด รู้การเกิด.......นี่คือวิปัสนา

    ผลของวิปัสนาคือญาณ คือปัญญา
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมไม่เรียกมาร ผมเรียกอวิชชาที่มีในตน คือ ไม่มีความสงบเพียงพอที่จะดูจนมันดับไป
    แต่แค่รู้ทัน การเกิดขึ้น การตั้งอยู่ ไม่ยึดมาปรุง ...แต่ไม่ทันให้มันดับไป ก็อวดตนก่อนซะแร้ว ว่า ตนเองเจ๋ง
     
  18. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    มารตัวนี้ ใช้สงบ ยังไม่ได้ ละเอียดเกิน

    ต้องใช้ ความเจี๋ยมเจี้ยม ไปก่อน
     
  19. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ผมไม่เรียกมาร ผมเรียกอวิชชาที่มีในตน คือ ไม่มีความสงบเพียงพอที่จะดูจนมันดับไป
    แต่แค่รู้ทัน การเกิดขึ้น การตั้งอยู่ ไม่ยึดมาปรุง ...แต่ไม่ทันให้มันดับไป ก็อวดตนก่อนซะแร้ว ว่า ตนเองเจ๋ง
     
  20. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ก็ต้องใช้ความสงบ ที่ยิ่งกว่า ไงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...